ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE MYSTERIES OF PANDEARDIAMOND ความลับของประตูที่ปิดตาย

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : สอบเข้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 296
      0
      27 เม.ย. 53

    1

    สอบเข้า

    ดวงอาทิตย์ฉายแสงสีทองจับที่ปลายขอบฟ้าเหนือหุบเขาเพเรสไดน์ ก้อนเมฆปุยเล็ก ๆ แลดูละเอียดดุจขนนกลอยกระจัดกระจายไปตามกระแสลมอ่อน ๆ ต้นหญ้าสีเขียวปลิวพริ้วไหวไปมาในทุ่งกว้าง ดูละม้ายคล้ายคลื่นบนผืนดินโล่ง ๆ เงาคู่หนึ่งทอดลงบนรอยล้อเกวียนเคียงข้างกันในยามเช้าตรู่ที่ยังคงไร้ผู้คน

    เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้า ท่าทางดูไม่น่าคบอย่างแรงโดยเฉพาะใบหน้าขาวใสนั้นปราศจากรอยยิ้มบวกกับนิสัยชอบอยู่คนเดียวด้วยแล้วยิ่งแล้วไปใหญ่

    ข้าง ๆ เป็นเด็กสาวที่หน้าตาเหมือนเด็กหนุ่มคนข้าง ๆ ไปมีผิดเพี้ยน เพียงแต่ดูเข้าถึงได้ง่ายกว่า เธอถือสมุดเล่มหนาหนีบไว้ใต้เสื้อคลุมตัวยาว

    “เส้นทางนี้ลัดที่สุดแล้วล่ะ” ดวงหน้าคมคายหันมามอง “แต่จูเลียแน่ใจแล้วหรอ ว่าอยากจะสอบเข้าโรงเรียนเดียวกับเราน่ะ” เขาเลิกคิ้วถาม

    เด็กสาวเหลือบมองบุรุษข้าง ๆ อย่างอดไม่ได้

    พี่แกคิดยังไงเนี่ย ?

    “ไม่มั้ง...ส่งไปสมัครไปแล้วนี่” เธอประชด หลังจากเฝ้าย้ำคำตอบเป็นครั้งที่ 5

    เขาพยักหน้าเบา ๆ

    “โรงเรียนชื่อดัง แต่ไร้น้ำยา...น่าเบื่อ”

    จูเลียขมวดคิ้วพลางจ้องหน้าพี่ชายรอคำอธิบายคำปรามาศที่นาน ๆ จะโผล่หัวออกมาให้เชยชมซักครั้ง

    แต่หลังจากเธอจ้องแล้วจ้องอีก จ้องจนตาจะเหล่ พี่ชายตัวดีก็ยังปิดปากเงียบ เอาแต่เดินดุ่ม ๆ นำไปอย่างเดียว

    นี่มันความรู้สึกช้าจริง ๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่

    เธอย่นจมูก ก่อนขยับริมฝีปาก

    “ยังไงเหรอ”

    แต่คำตอบเล่นเอาคนฟังหัวเกือบทิ่ม

    “อยู่ใกล้ ๆ เรานะ...เดี๋ยวหลง” ไม่ว่าเปล่าคว้าข้อมือบางมาจับไว้ด้วย

    มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย ?

    เธอหัวเราะเบา ๆ กลบเกลื่อนความอาย ก่อนสะบัดมือออกจากการจับกุมที่ไม่คุ้นเคย

    มันจะหลงไปได้ยังไง

    นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยเหลือบมองทุ่งหญ้ากับป่าทึบลิบ ๆ แล้วก็ทางเกวียนที่กำลังเดินอยู่ พลางถอนหายใจ

    คนที่โง่ที่สุดใยโลกก็ไม่มีทางหลงหรอก ไอ้บ้าเอ๊ย....นอกจากว่า...

    เธอเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่ยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    หรือว่ามันคิดว่าเธอทั้งโง่ งี่เง่า ซื่อ ทึ่ม จนไร้คำบรรยาย จนคิดว่าทางอย่างนี้ยังจะหลง...

    อารมณ์เย็น ๆ ของคนเพิ่งฉลาดเริ่มเพิ่มองศา ก่อนรอยยิ้มเหยียดจะปรากฎบนดวงหน้าขาวนวลล

    “ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ยอมให้พี่คลาดสายตาหรอก” เธอพูดพร้อมตบไหล่พี่ชายป้าป ๆ “รับรองว่าพี่ไม่หลงแน่นอน” จูเลียพยายามยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ดูกวนตีนยิ่งนักในสายตาคนฟัง

    เจคอบหยุดกึก ปรายตามองคนพูดอย่างหงุดหงิด

    มันคิดว่าใครเป็นคนพามากันแน่ฟะ

    เด็กหนุ่มอ้าปากจะต่อว่าปากหมา ๆ ของน้องสาว แต่ก็ถูกผู้อ่อนวัยกว่าขัดขึ้น

    “ก็อย่างว่าน่ะนะ สมัยนี้มันเป็นยุคที่...น้องดูแลพี่ก็ได้นี่น่า” จูเลียขยับยิ้มกว้างขึ้น ขณะที่คนถูกดูแลก็ยิ้มเหี้ยมไม่แพ้กัน “เราไม่ปล่อยให้พี่หลงเด็ดขาด”

    “งั้นเชิญคุณคนดูแลพี่ไปสอบเองละกัน” เขาพูดพร้อมกับหันหลังเลี้ยวกลับ “ส่วนพี่ที่ต้องให้น้องดูแลไม่ขออยู่เป็นตัวถ่วง จะกลับบ้านไปรอฟังผลสอบ”

    คำพูดที่จูเลียชะงักค้าง

    “ง่า...” เธอกำลังชะขัด ก่อนชะงักเมื่อศักดิ์ศรียังค้ำคอไม่ยอมแพ้

    นัยน์ตาสีเดียวกันอีกคู่มองมาอย่างผู้เหนือกว่า

    “โชคดีในการสอบนะ” เด็หนุ่มพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนโบกมือบ๊ายบายพร้อมกับเดินย้อนกลับทางเดิม

    พี่เจคอบ !

    เสียงคาดโทษในใจที่บัดนี้ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้

    ก็เล่นขุดหลุมกระโดดไปฝังตัวเองแบบนี้ ทำได้อย่างมากก็แค่ทอดสายตาขอความเห็นใจที่อีกคนไม่แม้แต่จะหันมามอง

    เอางั้นก็ได้...

    เด็กสาวหยิบเอกสารในมือที่ทางโรงเรียนส่งมาให้หลังจากสมัครสอบเสร็จ ก่อนเชิดหน้าแล้วเดินหันไปทางตรงกันข้าม

    อยู่ไหนเนี่ย ?

    นิ้วเรียวไล่ไปทีละบรรทัดที่หน้าสารบัญของคู่มือสอบที่หนากว่าหนึ่งนิ้วของโรงเรียนไปบรรทัดแล้วบรรทัดเล่า...หน้าแล้วหน้าเล่า

    โถ่เว้ย ! แผนที่มันไปมุดหัวอยู่ไหนฟะ

    ความคิดหงุดหงิดแล่นวาบไปมาในหัวอย่างหมดความอดทน

    ในที่สุดนิ้วที่ไล่อยู่ก็หยุดลงหลังจากผ่านไปถึงหน้าที่ 3 พร้อมรอยยิ้มพอใจของเจ้าตัว

    ไม่จำเป็นต้องพึ่งพี่หรอก...

     

    รั้วสีน้ำเงินค่อย ๆ ปราฎเด่นขึ้นมาเรื่อย ๆ ท่ามกลางสายหมอกยามเช้าที่จางหายไปมากเมื่อดวงอาทิตย์ลอยเด่นขึ้นสูงเหนือขอบฟ้า แต่ก็ยังนับว่าหมอกที่นี่หนาอยู่ดีสำหรับเวลาสายเช่นนี้ เสียงนกร้องเซ็งแซ่ประสานเสียงไพเราะอยู่บนต้นไม้ใหญ่ น้ำค้างบนใบหญ้าเริ่มระเหยหายไปในอากาศ ขณะที่สิ่งมีชีวิตเริ่มออกมาหากินตามปกติ

    จูเลียปัดเถาวัลย์ที่ขวางหน้าไปพ้นทาง พร้อมเหลือบมองแผนที่ในมือ

    ใกล้แล้วสินะ

    เธอถอนหายใจเหนื่อย ๆ เส้นทางที่เจคอบนำมาตอนแรกไม่มีในคู่มือสอบ เธอเลยต้องเดินย้อนกลับไปทางเดิม

    แต่ที่แย่ที่สุดของการย้อนไม่ใช่อะไรหรอก แต่เป็นชุดนักเรียนโรงเรียนเก่าที่บัดนี้เปียกชื้นไปหมดเพราะน้ำค้างตามต้นไม้ใบหญ้าในป่า ดีว่าป่านี้ไม่ใช่ป่าดิบที่พื้นเละไปด้วยโคลน ถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อให้เป็นโรงเรียนดังแค่ไหนเธอก็ไม่มีทางเดินลุยมาแบบนี้ทุกวันแน่

    เด็กสาวเร่งฝีเท้าเข้ามาเรื่อย ๆ โดยไม่รับรู้ถึงนัยน์ตาสีฟ้าอีกคู่ที่จ้องมองมาขากทางด้านหลังเงียบ ๆ

    รั้วอันโอ่อ่าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่ตึกสูงใหญ่สภาพโทรม ๆ ข้างในยังคงเลือนลางเหมือนภาพลวงตา

    จูเลียยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

    เวลายังเหลือเยอะ แม้ว่าจะเสียไปมากตอนย้อนทางเดิม

    พี่บอกว่าโรงเรียนนี้เข้ายากที่สุดในเจเวนิส

    ถึงพี่จะบ่นเสมอว่ามันไม่น่าเรียน แต่แววตาที่ฉายระริกนั้นเวลาเล่าถึงมันต่างหากที่เป็นเหตุให้เธออยากรู้ในแบบที่พี่สัมผัส

    เธอแค่อยากลอง อยากลองเท่านั้น มาลองซักตั้ง

    เพนเดียไดมอน โรงเรียนธรรมดา ๆ แบบนี้มีอะไรดีให้ชื่อเสียงกระช่อนไปทั่วทั้งสารทิศ

    แต่แล้วอย่างนั้น...ประตูเพนเดียไดมอนเองจะยอมเปิดออกให้นักเรียนธรรมดาแบบเธอเข้าไปได้หรือเปล่านะ

     

    “จูเลียท เกลเตอเรส”

    คุณครูผู้ชายหน้าห้องสอบเรีกชื่อเนือย ๆ จากใบรายชื่อของเหล่านักเรียนจำนวนมากที่พร้อมใจกันมาสมัครสอบ แต่การสอบที่นี่ไม่ได้รวมเป็นฮอลล์ใหญ่ ๆ เนื่องจากมีปัญหาในการตรวจสอบนักเรียนทุจริต ห้องสอบจึงแบ่งออกมาเป็นห้องย่อย ๆ หลายร้อยห้อง

    “ค่ะ” เธอขานรับ ก่อนวางคู่มือสอบลงบนม้าหินอ่อนยาวเหยียดหน้าห้อง แล้วเดินเข้าไปหาโต๊ะที่มีเลขประจำตัวสอบของเธอ

    “ทุกคนมาครบแล้วนะ” ครูชี้ไปที่นาฬิกาบนผนังหน้าห้อง “รออีก...5 นาที”

    จูเลียนั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ เสียงหัวใจเต้นดังฟังชัดเหมือนจะหลุดออกมาจากอก

    ข้อสอบ...ที่ว่ายากแสนยาก

    เธอ...จะทำได้เหมือนพี่ไหมนะ

    เด็กสาวหลับตาลงหวังสงบสติอารมณ์ตัวเอง จากที่ดูในคู่มือสอบมา จะมีสอบทั้งรอบเช้าและรอบบ่ายซึ่งเป็นการสอบสัมภาษณ์

    อันที่จริงก่อนมาพี่เจคอบก็ย้ำหลายต่อหลายรอบแล้วว่าที่ยากจริงคือรอบบ่าย

    “รอบเช้าใคร ๆ ก็ผ่านอยู่แล้วล่ะ” เสียงพี่ชายตัวดีสะท้อนไปมานในความทรงจำ แต่เรียกความมั่นใจของจูเลียได้เพียงน้อยนิด

    ก็ใครจะรู้

    เธออาจไม่ใช่ ใคร ๆที่พี่บอกก็ได้

     

    “เริ่มทำได้”

    จูเลียหยิบกองข้อสอบใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนสะดุ้งเมื่อสัมผัสถึงความหนาของมัน

    ก็อย่างว่า...มีเวลาตั้ง 4 ชั่วโมง

    นิ้งเรียวแกะข้อสอบอย่างเร่งรีบ แล้วเปิดหน้าแรกออกมาอ่าน

    เหมือนช่วงเวลาระทึกขวัญ

    เหมือนโลกหยุดหมุน เวลาหยุดเดิน หัวใจหยุดเต้น

    มีเพียงลมหายใจที่บ่งบอกถึงชีวิต

    นี่ละมั้ง...ที่ใครต่อใครถึงบอกว่ายาก

    บัดนี้เธอรู้แล้วว่า ใคร ๆ ที่พี่บอก ไม่ได้รวมเธอเข้าไปด้วย

     

    เฮ้อ...

    แย่ แย่แน่ ๆ

    ตก ตกชัวร์ตั้งแต่รอบเช้าา

    ถ้าโรงเรียนเช็ดข้อสอบทัน เธอคงไม่ต้องไปสอบรอบบ่ายต่อด้วยซ้ำ

    เสียงบ่นอย่างหมอาลัยตายอยากดังต่อเนื่องในใจ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ใช่คนหมดหวังกับอะไรง่าย ๆ แบบนี้ซักหน่อย แต่...ข้อสอบนั่น

    พอคิดมาถึงตรงนี้ เจ้าตัวก็ถอนหายใจอีกรอบ

    “ทำไม ? มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มอันแสนคุ้นเคยเอ่ยถามขึ้นขำ ๆ

    จูเลียเผลอหลุดยิ้มออกมากับน้ำเสียงของคนเป็นพี่

    พี่ไม่เคยทำให้เธอต้องเศร้านานเลย

    “นึกว่ากลับบ้านไปแล้ว” เด็กสาวหันหลังมาสบตากับนัยน์ตาสีฟ้าที่ทอดมองมาอย่างอบอุ่น แต่ก็แค่ชั่วแวบตาเดียว มันก็จางหายไป

    “กลับไปแล้วล่ะ” เจคอบเอ่ยพร้อมกับยักไหล่บาง “แต่กลัวน้องงี่งทำเสียชื่อเสียงคนเทพอย่างเราเลยต้องแวะกลับมาดู”

    เด็กสาวหัวเราะรับ พอจะรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงที่พี่ตามมา

    “ข้อสอบยากมาก” คนทำเอ่ยปากยอมรับ

    “อย่าคิดมากน่า” เจคอบปลอบ ขณะที่คนถูกปลอบเลิกคิ้วสงสัย

    แปลก...วันนี้มาแปลกแฮะ

    แล้วประโยคไขความกระจ่างก็ตามมาติด ๆ

    “ยังไง ๆ เราก็รู้ว่าจูเลียไม่มีทางเข้าไปได้อยู่แล้ว”

    ปกติ จูเลียสรุปในใจ

    เด็กหนุ่มหันมาขยิบตาให้ก่อนแทรกตัวผ่านเหล่านักเรียนเพื่อลงตึกไป

    ...จูเลีย...

    เธอเชื่อหน่อยสิ...เชื่ออย่างที่เราเชื่อ

    ...เชื่อว่าเธอทำได้...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×