ตอนที่ 16 : Chapter15
GOLDEN CLOSET
Chapter15
“ผมต้องการคำอธิบายมากกว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นะคิมนัมจุน”
โฮซอกเอ่ยขึ้นหลังจากที่นัมจุนที่ดูเหมือนจะตกใจกับสิ่งที่เขาเจอ คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาแสดงสีหน้าตกใจอย่างชัดเจนก่อนจะวิ่งเข้ามารวบตัวเขาไปกอดไว้แน่น และเวลาที่ผ่านไปนานนับนาทีที่โฮซอกต้องอยู่กับความเงียบและอ้อมกอดแน่นๆของอีกฝ่าย
“จะฟังกันใช่ไหม”
“รอฟังอยู่”
“จะไม่หายไปใช่ไหม” นัมจุนเอ่ยออกมาเบาๆ ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วไม่เคยเลือนหายไปจากใจ เพียงไม่กี่ครั้งที่เขาได้รับน้ำเสียงและสีหน้าแบบนี้จากโฮซอก ครั้งแรกที่เขาทำตัวเหลวไหลให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ครั้งที่สองตอนที่เขาเกือบจะเสียโฮซอกไป และนี่เป็นครั้งที่สาม แขนแกร่งกอดรัดแน่นขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ
“จะหายได้ยังไง คุณกอดไว้แน่นซะขนาดนี้”
“ไม่ให้ไปหรอกนะ”
“ไม่ได้จะไปไหน ก็บอกไปแล้วไงว่ามีเรื่องต้องคุยกัน” โฮซอกยกมือขึ้นลูบหลังอีกคนเบาๆ ถึงจะไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนักแต่ก็เข้าใจดีว่านัมจุนรู้สึกยังไง ความกลัวที่ส่งผ่านสัมผัสนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดี “ปล่อยก่อน แล้วไปนั่งคุยกันดีๆ”
“ขอโทษที่ทำให้อึดอัดครับ”
“ไม่ได้อึดอัดอะไร แค่อยากได้คำอธิบาย”
“ขอโทษครับ” คนโดนดุตอบรับเสียงหงอย คลายอ้อมกอดออกก่อนจะจูงมือโฮซอกไปนั่งที่โซฟารับรองแขกในห้องทำงาน ในหัวคิดหาคำอธิบายให้กับสิ่งที่อยู่ในมือของโฮซอก
ทันทีที่ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะเตรียมพร้อม โฮซอกเลื่อนเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะเมื่อครู่ไปให้นัมจุนก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้ออกไป
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยออกมาทำเอาคนโดนถามต้องแอบกลืนน้ำลาย นัมจุนก้มลงมองกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
“เกือบๆสองเดือนที่ผ่านมาครับ”
“ช่วงที่ยุนกิลงไปที่ร้านบ่อยๆสินะ...แล้วทำไปทำไมครับ” นัมจุนสะดุ้งเมื่อน้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้น ถึงเขาจะชอบเวลาที่โฮซอกแสดงความรู้สึกด้านอื่นออกมาบ้าง แต่ไม่ใช่เวลาแบบนี้
“เพราะสงสัยครับ ...เขาคล้ายกับใครบางคนที่ผมเคยรู้จัก” นัมจุนเลื่อนเอกสารแผ่นที่อยู่บนสุดกลับคืนไปให้โฮซอก “พัคจียอน เธอเป็นอดีตภรรยาเก่าของคุณพ่อครับ”
โฮซอกไล่สายตาไปบนเอกสารแผ่นบางที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ ชื่อที่นัมจุนเอ่ยออกมาเมื่อครู่ปรากฏอยู่บนกระดาษในฐานะมารดาของเจ้าของประวัติ
“เด็กคนนั้นเกิดหลังจากที่พวกท่านแยกทางกันได้แค่เจ็ดเดือนกว่าๆ คุณเคยทักว่าผมชอบแอบมองเขาบ่อยๆแต่ไม่เคยสังเกตเลยใช่ไหมว่าเด็กคนนั้นเอาแต่มองผมแทบจะตลอดเวลาที่เขาว่าง” นัมจุนเอ่ยขึ้น เขาจำได้ดีที่โฮซอกเอ่ยทักเขาเรื่องที่ชอบแอบมองเด็กคนนั้นบ่อยๆ “วันที่เขาไปซื้อของเข้าร้าน จำได้ไหมว่าพวกเรากลับมาด้วยกัน วันนั้นเขาถามออกมาว่าผมมีพี่น้องไหม ตอนนั้นผมตอบกลับไปว่าไม่มี แต่ตอนที่ถามกลับไป เขาบอกว่าตัวเองมีพี่ชาย...”
โฮซอกก้มลงมองเอกสารตรงหน้าอีกรอบ ไม่มีชื่อของคนเป็นพ่อและระบุชัดเจนว่า ‘พัคจีมิน’ เป็นลูกคนเดียว ไม่ได้มีพี่น้องหรือญาติที่ไหน
“คุณจะบอกว่าจีมินเป็นน้องชายของคุณงั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิครับ เขาอาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้”
โฮซอกเงียบไปหลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราว ในหัวกำลังคิดปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ยังมีหลายส่วนที่ยังไม่เข้าใจ
“จีมินไม่ใช่คนยากจนหรือพอมีพอกิน เขาไม่ได้มีฐานะปานกลางที่จะลงมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟนะโฮซอก เด็กคนนั้นมีเงินมากพอๆกับผมหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ทำไมต้องเป็นที่นี่ถ้าเขาไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น เด็กคนนั้นเป็นผู้บริหารที่งานล้นมือด้วยซ้ำ แถมที่พักเขาก็ไม่ได้อยู่แถวนี้ คุณคิดว่าเขาทำมันไปทำไม”
โฮซอกคิดตามสิ่งที่นัมจุนกำลังพูด จริงๆเขาก็สงสัยตั้งแต่จีมินเอาใบปริญญาแบบนั้นมาสมัครงานที่ร้านกาแฟแล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะรู้สึกถูกชะตาก็เลยรับไว้แบบไม่ได้คิดอะไรมาก อีกอย่างช่วงเวลาที่ผ่านมาเด็กคนนั้นก็ทำตัวเป็นพนักงานที่ดีมาตลอด ขนาดช่วงที่ลาออกไปแล้วก็ยังกลับมาช่วยงานด้วยเป็นบางครั้งบางคราว
“ที่ยุนกิไม่อยู่ก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
“ใช่ครับ ฝากให้มันตามเรื่องให้น่ะ”
“เฮ้อ...ทีหลังมีเรื่องอะไรก็บอกกันบ้างนะครับ” โฮซอกถอนหายใจก่อนจะเอ่ยออกไป เขาตกใจแทบแย่ตอนที่เห็นเอกสารพวกนี้ ในใจคิดไปต่างๆนาๆ แต่ถึงนัมจุนจะอธิบายทุกอย่างให้ได้ฟังแล้วเขาก็ยังไม่ชอบวิธีที่นัมจุนทำอยู่ดี แม้มันจะเป็นเพียงไม่กี่ทางที่จะทำให้ได้รู้ก็ตาม
“ขอโทษนะ แต่มันยังไม่แน่ใจก็เลยยังไม่อยากบอกน่ะครับ”
“แล้วปิดกันแบบนี้สบายใจเหรอครับ”
“ไม่ครับ แต่ไม่อยากให้คุณคิดมาก” คนโดนดุว่าเสียงอ่อย เพราะกลัวจะโดนโกรธที่มีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอกกัน ทั้งๆที่เคยสัญญาไว้แล้ว
“ถ้ากลัวเรื่องแบบนั้นคุณจะมีผมไว้ทำไมเหรอนัมจุน”
“.....”
“ที่ข้างๆคุณน่ะ เป็นของผมไม่ใช่เหรอ”
“ทั้งหมด...ทั้งหมดที่เป็นผม มันเป็นของคุณ”
“รู้ตัวก็ดีแล้วครับ” โฮซอกยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำตอบ มองดูท่านประธานที่นั่งตัวลีบอยู่ตรงหน้า ใจจริงเขาไม่ได้อยากกล่าวโทษกับนัมจุนมากนักเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนคิดมาก แต่ถ้าไม่พูดออกไปก็อาจจะมีครั้งต่อไปตามมาเรื่อยๆ เขาไม่อยากที่จะต้องมาตกใจกับเรื่องแบบนี้อีก
“แล้วจะทำยังไงต่อครับ”
“ยังไม่รู้ครับ แต่คงไม่ถาม คิดว่าถ้าเขาอยากบอกก็คงพูดออกมาเอง” นัมจุนส่ายหัวเบาๆก่อนที่จะเอ่ยตอบกลับไป เขาคิดว่าถ้าอยากบอกเด็กคนนั้นก็คงเดินเข้ามาบอกเอง เขาไม่อยากกดดันเพราะความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายก็เรียบร้อยดี ไม่ได้ขาดอะไร
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะครับ” เอ่ยขอโทษออกไปอีกรอบ เขาเข้าใจถ้าหากโฮซอกจะโกรธ แต่หากมันไม่เกิดขึ้นเลยก็คงจะดีเสียกว่า
“ไม่ได้โกรธนะ เพราะงั้นไปทำงานได้แล้วครับ งานคุณกองอยู่เต็มโต๊ะ”
“โฮซอก” นัมจุนมองคนที่นั่งอ่านประวัติของจีมินอยู่ก่อนจะตัดสินเอ่ยขึ้น เขามีเรื่องที่ต้องถาม...หรือจริงๆน่าจะเรียกว่าเรื่องที่อยากถามมากกว่า
“หืม?” คนโดนเรียกครางรับเสียงเบา
“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“อะไรล่ะครับ”
"ทั้งหมดที่ว่ามานั่น...แค่ไม่พอใจหรือว่าหึงครับ" อดถามออกไปไม่ได้เพราะความอยากรู้ ถึงจะกลัวโดนโกรธแต่ถ้าคำตอบที่ได้มาเป็นอย่างที่อยากให้เป็นก็คงจะดีไม่น้อย
“ใช่เวลาเหรอครับ” คนโดนถามชะงักไปก่อนจะว่าเสียงดุ เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอแสดงท่าทีออกไปมากเกินกว่าที่เคยเป็นมาตลอด
“ตอบหน่อยไม่ได้เหรอครับ”
“แล้วถ้าคำตอบไม่เป็นอย่างที่หวังจะเสียใจไหมครับ” โฮซอกนั่งเท้าคางถามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ให้ตอบคำถามก็ได้อยู่หรอก แต่จะให้ทำยังไงล่ะ...ถ้าตอบว่าแค่ไม่พอใจก็คงโกหก แต่ถ้าบอกว่าหึงก็ไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่จะตามมา คงได้ใจจนยิ้มหน้าบานไปทั้งวันแน่ๆ
“มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดไม่ใช่เหรอครับ”
“งั้นเหรอครับ แล้วตอนนี้หวังอะไรล่ะ อยากได้คำตอบที่แตกต่างเหรอ”
“อยากได้คำตอบที่มาจากความรู้สึกจริงๆมากกว่านะ” นัมจุนว่าก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้อีกคนต้องหลุบตาต่ำเพราะไม่อยากทนกับสายตาที่มองมา
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ” สุดท้ายก็ตอบไปตามที่รู้สึก ถึงจะเป็นคำตอบแบบที่พยายามเลี่ยงๆก็ตามที
“อะไรบ้างล่ะครับ” ทว่าคนอยากรู้กลับไล่ต้อนไม่ยอมลดละ ถึงจะได้คำตอบที่ทำให้ใจเต้นรัวมาแล้วแต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเป็นคำพูดแบบตรงไปตรงมา ...เขาอยากจะได้ยินมันสักครั้ง
“โฮซอก...” คนโดนเรียกไม่ยอมตอบแต่กลับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า แทรกตัวเข้าไปยืนอยู่ตรงระหว่างขาของคนที่นั่งรอคำตอบอยู่
“รู้แล้วก็ยังจะถามอีกนะ”
“พูดออกมาไม่ได้เหรอครับ”
“การกระทำแค่นี้ไม่พอเหรอครับ”
“ถ้าบอกว่าไม่พอจะโกรธไหมล่ะ” นัมจุนยกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งเอวคนตรงหน้าให้เข้ามาชิด โฮซอกชอบทำให้เขาไปไม่เป็นเวลาที่โดนไล่ต้อนมากๆเข้า โฮซอกน่ะถือไพ่เหนือกว่าเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ
แต่ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าผลมันจะต่างจากเดิมมากแค่ไหนถ้าหากลองหงายไพ่ของตัวเองสู้ดูสักครั้ง
“อยากได้มากแค่ไหนกันล่ะคุณคิม”
“ทั้งหมด ...ทั้งหมดที่เป็นคุณ”
“เหมือนที่ทั้งหมดของคุณเป็นของผมน่ะเหรอ”
“ใช่”
“โลภจังเลยนะครับ” โฮซอกยกมือขึ้นลูบแก้มของนัมจุนเบาๆ ไม่บ่อยนักที่นัมจุนจะแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา จริงๆก็ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนที่เผลอทำผิดพลาดไปนั่นแหละ
“ทำยังไงได้ล่ะครับ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ ผมอยากได้มันทั้งหมดนั่นแหละ”
“มันเป็นของคุณมาตั้งแต่ต้น และไม่เคยเปลี่ยน...” โฮซอกก้มหน้าลงไปสบตากับคนที่นั่งอยู่ เขาไม่ได้โกหก...มันเป็นของนัมจุนมาตลอดและไม่เคยเปลี่ยน ถึงจะเคยโดนทำร้ายมามากมายขนาดไหนก็ตาม
“อย่าทำให้ผมอยากจูบคุณในห้องทำงานนะโฮซอก”
“แล้วมันยังไงล่ะครับคุณคิม”
“ถ้าผมทนไม่ไหวขึ้นมาจริงๆก็อย่ามาโวยวายทีหลังนะครับ” นัมจุนดึงตัวคนขี้แกล้งที่ชอบตีรวนเวลาไม่อยากตอบคำถามลงมานั่งบนตัก ตอนนี้เขาแทบจะไม่ได้สนใจว่าที่นี่เป็นห้องทำงานหรืออยู่ในบริษัทที่มีคนเดินผ่านไปมาตลอดเวลา
ไม่มีใครกล้าเข้าห้องเขาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อนอยู่แล้ว ถ้าจะมีก็คงเป็นคนตรงหน้ากับมินยุนกิที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่
“ผมบอกให้คุณทนเหรอ จำได้ว่าไม่เคยพูดนะ”
“เปลี่ยนเรื่องเก่งนะครับ”
“เปล่า แค่กำลังหาความกล้าให้ตัวเอง”
“เป็นวิธีหาความกล้าที่แปลกดีนะ” นัมจุนว่าพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้า มองดูคนที่เหมือนจะสับสนในตัวเองไปเรื่อยๆก็สนุกดี โฮซอกในตอนที่หลุดจากตัวตนที่สร้างไว้นั้นน่ารักเสมอ
“ต้องการคนช่วยไหมครับ”
“จะช่วยเพิ่มความกล้าหรือจะช่วยให้อายยิ่งกว่าเดิมกันล่ะ”
“อาจจะทั้งสองอย่าง ...แต่เชื่อใจผมเถอะนะ มันจะออกมาดีมากแน่ๆ สัญญาว่ามันจะดีกว่าที่เคยเป็นมา” นัมจุนเลื่อนมือขึ้นไปแตะบนริมฝีปากของโฮซอกเบาๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือลากไล้ไปทั่วอย่างเบามือราวกับกำลังขออนุญาตจากเจ้าของ
“รบกวนด้วย”
นัมจุนยิ้มออกมาหลังจากได้รับอนุญาตจากอีกคน ประทับริมฝีบากของตัวเองลงบนริมฝีปากบางที่เมื่อก่อนเคยสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่ากลับไม่เคยเบื่อ โฮซอกหอมหวานยิ่งกว่าอะไรก็ตามที่เขาเคยพบเจอมา นัมจุนขบเม้มเบาๆบนริมฝีปากของคนแสนรักที่นั่งอยู่บนตัก ค่อยๆละเมียดละไมไปทีละน้อยราวกับว่ากลัวอีกคนจะเจ็บ ลิ้นร้อนค่อยๆแทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากก่อนจะตวัดไปทั่ว แต่ดูเหมือนกับว่าไม่ว่าจะมากเท่าไหร่ก็ไม่พอ จูบอ่อนหวานเริ่มทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ จากที่เคยอ่อนโยนค่อยเป็นค่อยไปตอนนี้กลับไม่ใช่ น้ำสีใสที่เอ่อล้นตรงมุมปากบ่งบอกได้เป็นอย่างดีกว่ามันเป็นจูบที่กำลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และคงเป็นเช่นนั้นไปอีกหลายนาที
“แฮ่ก...พอ พอแล้ว” โฮซอกยกมือขึ้นดันอกนัมจุนเบาๆเมื่ออีกคนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ซบหน้าลงกับไหล่กว้างของอีกคนเพื่อหลีกหนีจากความเขินอาย
“ไม่พอหรอกครับ” คนโลภเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ เขาไม่มีทางปล่อยให้มันจบแค่นี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาอดทนมาตลอด และตอนนี้มันกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
...เพราะแบบนั้นมันถึงได้ไม่พอ
“ไม่อยากฟังแล้วหรือไง”
“อยากครับ ครั้งนี้ช่วยพูดความรู้สึกจริงๆออกมาด้วยนะครับคุณจอง” นัมจุนหัวเราะเบาๆกับท่าทางของโฮซอก น่ารักไม่เคยเปลี่ยนจริงๆนั่นแหละ
“ตั้งใจฟังให้ดีก็แล้วกัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ก็ไม่พอใจ...” โฮซอกเอ่ยขึ้นก่อนจะเว้นจังหวะแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ทว่าก็ยังไม่ทันใจใครอีกคน
“แค่นั้น?” นัมจุนเอ่ยถามเสียงสูงหลังจากที่ได้ฟังคำตอบ อดที่จะวูบโหวงในใจไม่ได้ แม้ว่าที่ผ่านมาก็มักจะจบลงที่ตรงนี้เสมอ
“เปล่า ...แค่จะบอกว่ามากกว่าความไม่พอใจก็คือหึงไง รอฟังให้จบก่อนสิคุณ” เอ่ยจบประโยคพร้อมกับทำหน้าดุใส่อีกคน ไม่ทันไรก็ต้องกลับไปซบลงบนไหล่อีกรอบเพราะทนกับสายตาที่มองมาไม่ไหว
“โฮซอก”
“อือ”
“ที่บอกว่าไม่พอน่ะ พูดจริงๆนะครับ” นัมจุนว่าพร้อมกับกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบเอวบาง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน
“อือ รู้แล้ว...รีบๆไปทำงานให้เสร็จได้แล้ว” โฮซอกแกะแขนที่โอบกอดตัวเขาไว้แน่นออกก่อนจะไล่อีกคนไปทำงาน เจ้าของร้านกาแฟเดินไปหยิบถุงผ้าที่ด้านในมีแซนวิชและกาแฟที่นัมจุนขอออกมาวางไว้บนโต๊ะ “ได้กินข้าวบ้างหรือยัง”
“กินไปตอนสายๆครับ”
“งั้นก็กินแซนวิชนี่รองท้องไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนกาแฟนี่จะกินแบบร้อนหรือแบบเย็นครับ”
“ขอแบบเย็นครับ” นัมจุนนั่งมองคนที่กำลังเทกาแฟใส่แก้วด้วยความเอ็นดู ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นคงจะเป็นตัวนำโชคของเขาจริงๆสินะ
ถ้าพัคจีมินเป็นน้องชายของเขาจริงๆก็คงจะดี...
“โฮซอก”
“หลายรอบแล้วนะวันนี้ เรียกทำไมครับ” โฮซอกวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ส่งเสียงเรียกชื่อเขาเมื่อครู่
“ขอบคุณ”
“เรื่องแค่นี้เองคุณ” โฮซอกยิ้มน้อยๆกับคำขอบคุณที่อีกฝ่ายมอบให้ แค่กาแฟกับแซนวิชไม่ใช่เรื่องยุ่งยากสำหรับเขาเลยสักนิด
“โฮซอก”
“อะไรอีกล่ะครับ”
“ผมรักคุณ” คนโดนบอกรักกระพริบตาปริบๆเหมือนคนกำลังมึนงง ในขณะที่คนพูดยิ้มน้อยๆให้กับภาพที่เห็น นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยได้พูดมันออกไปแม้จะอยากเอ่ยออกไปมากแค่ไหนก็ตาม
แก้มแดงๆกับท่าทางเขินอายของโฮซอกอยู่ในสายตาของนัมจุนตลอดเวลา
เกือบหกปีที่เขารอเวลานี้มาตลอด รอเพราะกลัวว่าถ้าพยายามดึงดันเข้าหามากเกินไปโฮซอกจะถอยหนี กลัวมาตลอดว่าถ้าพูดมันออกไปอีกคนจะไม่ยอมรับ
...วันนี้เขาได้รู้แล้ว ว่าความพยายามที่ผ่านมามันไม่เคยไร้ค่า
“โฮซอก...ไปพักผ่อนที่เนเธอร์แลนด์กันสักสองอาทิตย์ไหมครับ”
สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องการผูกมัดโฮซอกไว้ด้วยความต้องการของตัวเอง
“อือ ไปสิ...”
หรือแท้ที่จริงแล้วมันอาจจะเป็นความต้องการของพวกเขาทั้งคู่
ความผิดพลาดในอดีตที่สอนให้ทำปัจจุบันให้ดี ความผิดพลาดที่เป็นบทเรียนแสนล้ำค่า ความผิดพลาดที่เคยเป็นสิ่งเตือนใจว่าต้องดูแลรักษาหัวใจของตัวเองให้ดีที่สุด วันนี้เขาได้รู้ว่าที่ผ่านมามันก็ไม่ได้แย่ไปซะทุกเรื่อง
ในเรื่องราวแย่ๆก็ยังมีเรื่องราวดีๆให้จดจำอยู่เสมอ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คู่เขา