ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hazy World โลกทะลุเดือด เชือดไม่เลี้ยง

    ลำดับตอนที่ #2 : ทะเลทราย#1

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 66


    ผืนแผ่นดินอันแห้งแล้งสลับซ้อนทับไปกับท้องทะเลทรายมีต้นกระบองเพชรและพุ่มหญ้าสีน้ำตาลขึ้นประปราย บนเส้นทางขรุขระที่คดเคี้ยวไปมามีรถบรรทุกทหารคันหนึ่งล้มตะแครงข้างอยู่ริมทาง สภาพของมัมบุบเบี้ยวผุพังยับเยินแทบเป็นเศษเหล็ก รอบด้านมีซากศพและชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์กระจัดกระจายไปทั่ว กลิ่นคาวเลือดพัดโชยเรียกให้ฝูงแร้งกาเข้ามาจิกกิน

    “แค่กๆ” นายทหารคนหนึ่งไอแหบแห้งเดินกะโผกกะเผลกออกมาจากโขดหิน ขาข้างหนึ่งมีเศษเหล็กยาวห้านิ้วเสียบปักที่โคนขาขวา เขาพยายามพยุงร่างของตัวเองไว้กับโขดหินและมองไปรอบข้าง

    “เกิดอะไรขึ้น? ถูกลอบโจมตีหรืออะไร?” โจฮาลเอ่ยอย่างสับสน เขาจำได้ว่าตัวเขาขึ้นขบวนรถมาพร้อมกับทหารเกณฑ์คนอื่นมุ่งหน้าไปเมืองปารา ส่วนคาเตอร์เพื่อนของเขาถูกแยกไปยังเมืองจอเรส นี่เป็นการเดินทางไกลครั้งแรกของเขาทำให้เขาเผลองีบหลับไป สะดุ้งตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขาถูกเหวี่ยงอย่างแรงและตกกระแทกพื้นจนสลบ

    “โอ๊ย!” แผลที่ต้นขาเรียกสติที่มึนงงของเขา เขาทรุดตัวนั่งลงตรงโขดหิน

    “เอาไงดี! ดึงออกดีไหม? แต่ถ้าดึงออกแล้วเลือดไหลไม่หยุดหมดตัวจะทำไง?” เขากัดฟันทนความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามา มือเขารื้อดูกระเป๋าเล็กที่คาดเอวเขา พบผ้าพันแผล แผ่นปิดแผล แผ่นแอลกอฮอล์ และแผงยาแก้ปวด เป็นชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับใช้ฉุกเฉิน

    โจฮาลหลับตานิ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ ความเจ็บปวดทำให้สมองเขาขุ่นมัว ชุดปฐมพยาบาลมีเพียงชุดเดียวเท่านั้นและเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง เขาต้องรีบตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร

    “เป็นไงเป็นกัน!” เขาใช้มีดพกกรีดขากางเกงให้เปิดกว้างพอเห็นแผลที่โดนเศษเหล็กปักให้มากขึ้น ก่อนใช้เข็มขัดรัดที่โคนขาแน่น แล้วนับหนึ่งสองสามกัดฟันดึงเศษเหล็กออกจากเนื้อ

    “แกร๊ง!” เศษเหล็กเปื้อนเลือดตกลงพื้นทราย โจฮาลรีบใช้ชายเสื้อกดซับเลือดที่ไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว เขากดปากแผลไว้ด้วยใจเต้นตึกตัก มือข้างหนึ่งหยิบแผ่นแอลกอฮอล์มาเตรียมพร้อม

    “บ้าเอ๊ย! เจ็บชะมัด!” เขากัดฟันกรอดสบถออกมา การทำแผลของเขาค่อนข้างทุลักทุเล แม้แผลไม่ได้ลึกมากแต่ก็สร้างความปวดร้าวไปถึงกระดูก ตลอดเวลาที่เขาพันผ้าพันปิดแผลมือเขาสั่นเทาไม่หยุดแม้จะฝืนบังคับให้นิ่งก็ไม่อาจทำได้

    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำการปฐมพยาบาลตัวเอง หากเวลาปกติแผลแบบนี้ เขาคงไปโรงพยาบาลแล้ว

    เขารีบกรอกยาแก้ปวดใส่ปากสองสามเม็ดแล้วกลืนเข้าไปทันที ตอนนี้กระเป๋าเป้สัมภาระเขาหายไปไหนไม่รู้ หลังจากสงบจิตใจและขยับขาที่บาดเจ็บดู แม้จะปวดอยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ เขาจึงค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น เดินกระโผกกระเผลกไปยังซากรถซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปราว50 เมตร

    โจฮาลหันไปมองระยะห่างจากจุดเดิมที่ตัวเองฟื้นกับซากรถ เขาไม่คิดว่าตัวเขาจะกระเด็นออกมาไกลขนาดนี้

    เมื่อไปถึงเขาก็รีบค้นหาของที่ใช้การได้โดยเฉพาะยา และกระเป๋าสัมภาระของเขาทันที ตัวเขาพยายามไม่สนใจซากศพของเพื่อนร่วมเดินทางก่อนหน้านี้และเศษชิ้นแขนขาที่กระจัดกระจาย ไม่รู้ว่ารถบรรทุกที่นำพวกเขาไปยังเมืองปาราเจออะไรเข้าแต่สภาพที่เห็นเหมือนกับโดนแรงระเบิดอัดปลิว

    โจฮาลพบสิ่งที่สามารถใช้การได้ไม่กี่อย่าง เนื่องจากส่วนใหญ่ถูกทำลายแทบไม่มีชิ้นดี แต่เขาโชคดีที่ได้ชุดปฐมพยาบาลจากกระเป๋าคาดเอวจากซากศพเพื่อนทหารมาหลายชุดพร้อมกับอาหารพกพา ตอนนี้เขายังไม่พบกระเป๋าใดๆแม้แต่กระเป๋าเป้สัมภาระของตนเองจึงฉีกผ้าเต็นท์หลังคารถบรรทุกมาห่อของถือหิ้วเอาไว้ก่อน

    เมื่อตรวจดูรอบๆแล้วไม่พบอะไรอีกเขาจึงรีบออกจากที่นี่ก่อนที่เขาจะทนกลิ่นคาวเลือดต่อไม่ไหว

    “แกร่กๆ!” เสียงตรงหัวรถดังขึ้นคล้ายมีอะไรติดอยู่เรียกความสนใจเขาให้หันมามองขณะที่เดินผ่าน

    ใจของโจฮาลเต้นระทึก หัวรถบี้แบนขนาดนั้นเจ้าหน้าที่ทหารคงไม่น่ารอด เขาทำใจกล้าค่อยๆอ้อมไปดู

    ประตูรถที่เบี้ยวไม่ได้รูปสั่นไหวไปมาๆ

    “มีคนติดอยู่ด้านในหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามตัวเองก่อนเดินเข้าไปใกล้ แม้ใจเขายากจะเชื่อ

    สองมืองัดบานประตูง้างออก เช่นเดียวกับบางอย่างที่กำลังกระทุ้งมันให้เปิดออกเช่นกัน

    “แคร้ง!” ในที่สุดบานประตูรถก็หักติดมือออกมา โจฮาลเหวี่ยงมันไปด้านข้างก่อนจะมองไปยังสิ่งที่อยู่ด้านใน

    “คุณเป็นอะ.....พระเจ้า! ตัวอะไรว่ะเนี้ย!?” ทีแรกโจฮาลเห็นเป็นเจ้าหน้าที่ที่ขับรถ กำลังจะก้มตัวช่วยดึงออกมา แต่เขาต้องตกใจสุดขีดเมื่อที่เห็นเหมือนไม่ใช่คน มันคล้ายกับซอมบี้ที่เห็นในหนังหรือเกมไม่มีผิด

    “บ้าไปแล้ว!” โจฮาลถอยหลังออกมาทันที

    ร่างครึ่งท่อนของเจ้าหน้าที่ทหารส่งเสียงอืออาในลำคอคืบคลานออกมาจากหัวรถบรรทุก ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวบนใบหน้าเว้าแหว่งไปครึ่งหนึ่งจับจ้องมาทางเขาอย่างหิวกระหาย

    “เหวอ!” เท้าของเขาเผลอเหยียบซากศพหนึ่งจนล้มลง ยามนี้โจฮาลตื่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นซอมบี้ตัวเป็นๆ เขาต้องทำยังไงกับมัน สมองของโจฮาลเริ่มหมุนทำงานอย่างหนัก สายตามองไปทั่วหาตัวช่วยก่อนที่ร่างครึ่งท่อนอันหน้าสะพรึงจะเข้าถึงตัวเขา

    มือข้างหนึ่งสัมผัสความอุ่นจนร้อนของโลหะจึงรีบหันไปดู

    “ปืน!?”

    มันเป็นปืนพกอยู่ในอกเสื้อของศพเจ้าหน้าที่ทหาร เขาจำได้เป็นนายทหารที่เช็คชื่อเขาก่อนขึ้นรถ

    “ผมขอเอาไปใช้นะครับ ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว”

    โจฮาลรีบหยิบปืนขึ้นมา มันหนักกว่าที่เขาคิด แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจกับมันแล้ว ที่สำคัญคือฆ่าเจ้าตัวบ้านี่ก่อน!

    ระยะเพียงสามก้าวใกล้ถึงตัวเขา โจฮาลยกปืนขึ้นหมายยิงไปที่หัว

    “แซะ!”

    “อ้าว! ปืนเป็นบ้าอะไรอีก!?” โจฮาลเอ่ยพร้อมยิงอีกรอบแต่ผลก็เหมือนเดิม เขาเริ่มลนลานลืมคิดแม้แต่ถอยหนี ซอมบี้ครึ่งตัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้น

    “ยิงสิวะ! ไอ้ปืนเฮงซวย!” เขาก่นด่าออกมาอย่างหัวเสีย มือไม้เริ่มสั่นระริก สายตามองใบหน้าที่เละอาบโชกไปด้วยเลือดผ่านกระบอกปืน

    “นี่อะไร? สลัก?” เขามองเห็นสิ่งหนึ่งบนตัวปืน ก่อนจะไปขยับมันและลองยิงอีกครั้ง

    “ปัง!” เสียงปืนดังขึ้น แต่ไม่เกิดอะไรกับตัวซอมบี้ที่คลานเข้ามา นัดแรกของโจฮาลยิงลงบนพื้นทรายห่างจากเป้าไปไกลโข

    “ตั้งสติหน่อยโจฮาล เร็วเข้า!” เขาเอ่ยซ้ำๆเตือนตัวเอง ปืนมีแรงถีบค่อนข้างแรง นัดแรกก็ทำให้ไหล่เขาปวดระบมแล้ว

    “แฮ่!” ซอมบี้อ้าปากกว้างเข้าหาเขาแล้ว

    วินาทีนั้นโจฮาลเองก็สะดุ้งกับการพุ่งกระโจนของมัน ไม่ทันคิดตั้งสติอะไรอีก ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณแล้วมือเขาก็กดลั่นไกออกไป...หลายๆ ครั้งจนกระทั่งกระสุนหมด

    “ปังๆปังๆ แซะๆ” 

    หัวของเจ้าหน้าที่ทหารซอมบี้โดนยิงตั้งแต่นัดแรกแล้ว และนัดต่อไปทำให้หัวที่เละอยู่แล้วยิ่งเละจนหลุดหายไปเกือบครึ่ง สภาพสยดสยองของมันร่วงหล่นตรงเบื้องหน้าของโจฮาลเพียงคืบเดียว

    “อว๊ากก!” เสียงร้องตกใจพร้อมลุกขึ้นถอยหนีแม้จะหงายหลังก้นกระแทกไปหลายครั้งก็ไม่รู้สึกเจ็บ ความตื่นกลัวทำให้เขาลืมแม้กระทั่งแผลที่ต้นขา

    “แฮ่กๆ ถ้านี้เป็นฝันร้าย ตื่นเร็วๆเถอะ ไม่เอาแล้ว แม่ช่วยรีบมาปลุกผมที ผมอยากตื่น!”เสียงหอบหายใจหนักและโวยวายอันไร้สติของโจฮาลดังไม่หยุด เขาพยายามฝืนกลั้นหลอกลวงตัวเองอยู่นานให้ทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน แต่ทุกการสัมผัสบนเม็ดทราย กลิ่นเหม็นคาวเลือดที่พัดโชยมาและไอความร้อนที่ตลบอบอวลบ่งบอกว่ามันคือความจริง

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดความร้อนบนผืนทรายเริ่มเพิ่มสูงขึ้นบีบบังคับให้โจฮาลต้องขยับตัว ใจเขาตอนนี้แม้หวาดกลัวและสิ้นหวังเพียงใดแต่เขาคงไม่ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่อย่างแน่นอน โจฮาลค้นหาของจากศพเจ้าหน้าที่เพิ่ม เขาต้องการกระสุนปืนเพื่อใช้ป้องกันตัวเวลาเจอกับซอมบี้อีก หากมันเหมือนในหนังหรือในเกมที่เขาเคยเล่น พวกมันต้องมีมากมายเป็นแน่ บางทีไปที่ไหนก็อาจจะมีแต่พวกมัน

    เขาค้นในหัวรถ เขาพบแผนที่และอุปกรณ์การเดินทางอย่างเช่นเข็มทิศ เชือกและไฟฉาย อีกทั้งกระเป๋าเป้หนึ่งใบ เหมือนจะเป็นของเจ้าหน้าที่ซอมบี้คนนั้น แม้จะใบเล็กกว่ากระเป๋าสัมภาระเดิมของเขาก็ยังดีกว่าใช้ผ้าห่อ

    หลังจากจัดเก็บข้าวของและอุปกรณ์เรียบร้อย โจฮาลก็มุ่งหน้าออกเดินทาง ในแผนที่หากเขาดูไม่ผิด เส้นทางเข้าสู่เมืองปาราผ่านเขตทะเลทรายจะมีปั้มน้ำมันและโรงแรมขนาดเล็ก หากเดินไปไม่หยุดคงถึงก่อนฟ้ามืด ชายหนุ่มคาดเดาตำแหน่งที่ตัวเองน่าจะอยู่แล้ววางแผนการเดินทาง

    ตลอดเส้นทางเดินเลียบถนน เขาไม่พบสิ่งใดนอกจากพุ่มไม้แห้งเหี่ยวและต้นกระบองเพชร ตัวเขาเริ่มกระหายน้ำแล้ว มือเขาคลำหากระติกน้ำข้างตัวก็พบว่ามันเบาหวิว

    “แย่แล้ว! เหลือแค่สองสามอึก ถ้าข้างหน้าไม่เจอบ้านคนคงได้กินฉี่ตัวเองเหมือนในหนัง” เขาส่ายหน้าปฎิเสธคำพูดตัวเอง ยังไงข้างหน้าต้องมีบ้านคนสิ เขาเชื่อมั่นแบบนี้

    เม็ดเหงื่อไหลย้อยจนตัวเขาเปียกชุ่มเดินมาเกือบแปดกิโลเมตรรอบข้างยังมีทิวทัศน์แบบเดิมไม่เปลี่ยน น้ำในกระติกหมดไปตัังนานแล้ว แม้เขาพยายามจิบทีละนิดเพื่อถ่วงเวลาก็ตาม

    “โอ๊ย!” แผลโคนขาเขาเจ็บปวดอีกครั้งจนเผลอร้องออกมา พอก้มมองก็เห็นเลือดสีแดงซึมเป็นวงใหญ่ เห็นทีเขาต้องหยุดพักเปลี่ยนผ้าพันแผล

    โจฮาลมองไปรอบๆหาที่หลบแดดทำแผลและแวะพัก เขาเห็นก้อนหินใหญ่พอใช้หลบได้ห่างออกไปจากตัวถนนประมาณร้อยเมตร แม้จะไกลไปบ้างแต่เขาไม่อาจทนนั่งพักกลางแดดที่ร้อนราวกับเตาไฟ

    เมื่อไปถึงเขาลงมือจัดการกับแผลของเขาทันที ในระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กำลังแล่นผ่านบนถนนมาทางนี้

    “มีคนผ่านมา!”เขาดีใจ รีบลุกขึ้นกำลังตะโกนเรียกแต่ต้องชะงักหดมืออย่างรวดเร็วแล้วหลบซ่อนหลังก้อนหินทันที

    รถกะบะคันหนึ่งบรรทุกคนมาสองสามคน ทุกคนต่างมีอาวุธปืนครบมือ การแต่งกายของพวกเขาไม่ใช่ทหาร มีผ้าคลุมหน้าปิดมิดชิด

    “พวกก่อการร้าย!? ไม่ผิดแน่!” เสียงแผ่วเบาออกมาจากปากของโจฮาล รัฐบาลเรียกกำลังพลทหารเกณฑ์อย่างพวกเขาเข้ามาเพราะมีผู้ก่อการร้ายทำสงครามยิงขีปนาวุธจู่โจมเมืองใหญ่ต่างๆเช่นเมืองปาราที่เขากำลังเดินทางไป และรถบรรทุกเขาต้องตกอยู่ในสภาพนั้นก็อาจจะเป็นฝีมือของพวกมัน

    ชายหนุ่มรีบเปิดแผนที่ดูก็พบว่าเมืองปารานั้นยังอยู่อีกไกลเกือบสองร้อยกิโลเมตร ใจเขาเริ่มสั่นกลัวเมื่อคิดว่าพวกก่อการร้ายสามารถยึดและขยายเขตมาถึงที่นี่ได้แล้ว หมายความว่าตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้าทั้งซอมบี้และผู้ก่อการร้าย!?

    รถกระบะมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกับที่เขากำลังจะไป โจฮาลเริ่มคิดหนักควรเปลี่ยนเส้นทางไปทางอื่นดีไหม สุดท้ายเขาไม่กล้าเสี่ยง หยิบแผนที่ขึ้นมาดูอีกครั้ง

    “นี่คืออะไร? จุดเล็กๆตรงนี้ เหมือนไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่นัก ข้ามถนนไปอีกสามกิโล” โจฮาลมองไปยังอีกฟากของถนน รี่ตาดูกี่ทีก็เห็นผืนทรายที่ประดับด้วยพุ่มไม้สีน้ำตาลและต้นกระบองเพชร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×