เรายังรักกันอยู่หรือเปล่า
คน 2 คน กับความรัก ที่ทั้งสองจะเข้าใจกันได้หรือไม่ ระยะเวลาที่สั้นมาก จะสามารถทำให้พวกเขาลงเอยกันได้ดีหรือไม่
ผู้เข้าชมรวม
1,188
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สวนสาธารณะ แห่งหนึ่ง ซึ่งดังมากในเรื่องของธรรมชาติ ใครๆที่มาที่นี่ ต่างก็มีความสุขกันทั้งนั้น เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอันมาก มีสนามกีฬากว้างขวางเพื่อให้คนที่มาสามารถออกกำลังกายได้ มีม้านั่งริมสระน้ำให้คนได้นั่งพักผ่อน มีต้นไม้ขึ้นเป็นร่มเงาให้อย่างดี มีดอกไม้ต่างๆนานาขึ้นตามทาง เป็นสวนหย่อมขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ซึ่งส่งกลิ่นหอมแก่ผู้มาเยือนได้มาก
ในมุมๆหนึ่ง อันเป็นมุมสงบ ปลอดจากเสียงผู้คน เสียงอึกทึกครึกโครมต่างๆ ยังคงมีแต่เสียงธรรมชาติ ม้านั่งตัวหนึ่งมีร่างของชายหนุ่มกับหญิงสาวนั่งกันอย่างเงียบ ต่างคนต่างไม่พูดไม่จา ไม่หันมามองหน้ากัน ทั้งสองต่างก้มหน้ามองพื้นดิน ท่าทางของทั้งสองเศร้าสร้อยเป็นอันมาก
สักพักหนึ่ง บรรยากาศของความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงที่แผ่วเบาที่ออกมาจากปากของหญิงสาว
"สรุปจะเอายังไง"คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มหันหน้ามามองหญิงสาว แต่กระนั้นหญิงสาวก็ยังคงก้มหน้าอยู่ตามเดิม ชายหนุ่มเริ่มสังเกตว่า หญิงสาวนั้นได้ร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ โดยที่ถ้าไม่สังเกตดีๆอาจไม่เห็นเลยก็ได้
"หมายความว่ายังไง ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ"ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยความสงสัยในคำพูดของหญิงสาว
"เราถามว่านายจะเอายังไง เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน"
"พรีม ไม่เชื่อใจเราแล้วหรอ หรือว่าเจอคนอื่นที่ดีกว่าเรา
"ไม่ใช่หรอก เราถามเพราะพฤติกรรมของนายต่างหาก"
"พฤติกรรม?"ชายหนุ่มมีท่าทีงงๆกับคำพูดของหญิงสาว
"รัตน์ทำเหมือนกับไม่ได้รักเรา ไม่ทุ่มเทอะไรสักอย่างในการคบกันของเราเลยนะ โทรหาเราก็แทบจะไม่โทร ต้องให้เราโทรไปตลอด แล้วชอบมาระแวงว่า เราไม่เชื่อใจนาย"
ชายหนุ่มนิ่งเงียบทันที เขาพลางนึกถึงเรื่องราวระหว่างที่เขาคบกับหญิงสาว ทุกๆวัน หญิงสาวจะเป็นฝ่ายที่โทรมาหาเขาเอง โดยที่เธอจะโทรมาทุกๆเช้า ก่อนที่เขาจะออกไปเรียน เสียงของหญิงสาว มันทำให้เขามีความสุขมากทุกครั้งเมื่อได้ยิน และคุยอีกครั้งเมื่อเธอคนนั้นเล่น MSN สิ่งนี้เป็นสื่อออนไลน์ที่ทำให้เขากับเธอได้คุยกันอีกทางนอกเหนือจากทางโทรศัพท์ เขากับเธอไม่ได้พบเจอกันเลย เพราะอยู่กันคนละจังหวัด เด็กหนุ่มกรุงเทพ อายุ18ที่ไปตกหลุมรักเด็กสาวต่างจังหวัด อายุ 13 เข้าทางสื่อออนไลน์ หรือที่จะคุ้นเคยกันในนาม MSN ทุกครั้งเขากับเธอจะติดต่อกันผ่านทาง MSN หรือไม่ก็โทรศัพท์เท่านั้น มีอยู่ครั้งที่หญิงสาวส่งจดหมายไปหาเขาพร้อมกับแนบรูปไปให้ และขอให้เขาได้ส่งรูปกลับคืน แต่เขาก็ได้บอกกับหญิงสาวไปว่า เขายังคงไม่มีเวลา เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเขาสอบไม่ติดหรอกนะ เพียงแต่เขาแค่ต้องการวัดคะแนนเขาว่าเขาทำได้เท่าไหร่ และสามารถติดที่ใดได้บ้าง มีหลายครั้งที่เขาและเธอมีปัญหากัน โดยที่ปัญหามักจะเริ่มจากคำพูดของเขาเอง "พรีมเชื่อใจรัตน์อยู่หรือเปล่า" คำๆนี้มักจะทำให้เขาและเธอมีปัญหากัน มีอยู่ครั้งที่คำๆนี้เกือบทำให้ทั้งสองต้องเลิกกัน ครั้งนั้นทั้งคู่มีปัญหากันมาก โดยที่เธอนั้นเป็นฝ่ายที่แทบจะทะเลาะออกมาเลยก็ว่าได้
เรื่องที่แทบจะทำให้ทั้งสองเลิกกันนั้น ก็เพราะเพื่อนของหญิงสาวที่เป็นคนปลุกระดมและหาเหตุผลต่างๆที่จะทำให้ทั้งสองเลิกกันให้ได้ เพื่อนคนนี้ไม่ชอบเขาเป็นอันมาก อีกทั้งคนที่เปรียบเสมือนพี่ชายของหญิงสาว ก็ยังช่วยเธอเอาไว้โดยที่เมื่อไหร่ที่มีเรื่องเกิดขึ้นนั้น ถ้าเพื่อนสาวของเธอหาเหตุผลที่ดี และเธอก็เชื่อในเหตุผลนั้น พี่ชายคนนี้ก็จะช่วยพูดให้ว่าจะเลิกหรือจะคบ บางทีก็กลายเป็นที่ปรึกษาให้ทั้งเขาและเธอไปในตัว โดยที่เขาไม่รู้ว่า เธอรู้เรื่องของเขามากมายแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ครั้งนั้นเขาคิดว่า เธอไม่เชื่อใจเขาแล้วเพราะเธอเอาแต่ถามเขาว่า ไม่ทำอะไรเลย วันพิเศษก็ไม่มีโทรไปหาเธอบ้าง มีแต่เธอที่ต้องเป็นฝ่ายโทร และเธอก็ยังโมโหที่เขาชอบถามเรื่อง การเชื่อใจในกันและกัน
ปัจจุบัน จากเด็กสาวอายุ13 ได้กลายมาเป็นหญิงสาวอายุ22ปี เธอเรียนจบแล้วและพร้อมที่จะมาพบเขาดังที่เคยได้สัญญากันไว้ เขาก็เช่นกันจากเด็กหนุ่มวัย18 กลายมาเป็นชายหนุ่มวัย 27 และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้มาพบกัน แต่มันชั่งเป็นการพบกันครั้งแรกที่จะพิสูจน์ว่าเธอกับเขายังรักกันดีอยู่หรือไม่
"ใช่สิ เราผิดเองที่ไม่ทำอะไรสักอย่าง"ชายหนุ่มระพึงในใจ ก่อนที่จะตอบหญิงสาวออกไป แต่หญิงสาวก็แย่งเขาพูดขึ้นมาก่อน
"อย่างนี้หรอที่เขาเรียกว่า รัก นี่หรอที่ว่าเราเป็นแฟนกัน การกระทำของนายมันไม่บ่งบอกออกมาเลยนะว่ารักเรามากอย่างที่นายพูดน่ะ"หญิงสาวสะอื้นไห้มากกว่าเดิม
"พรีม ฟังเราก่อนสิ..."
"นายก็มีแต่ให้เราฟังๆๆๆนายไม่ฟังเราพูดมั่งเลยรึไง"
"พรีม เราอยากให้เธอเข้าใจว่า คนที่เป็นแฟนกันไม่จำเป็นต้องคุยกันทุกวันก็ได้นี่นา คำว่ารักน่ะ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการพูดคุยกันเสมอไป แต่มันจะแสดงออกจากความห่วงใย ความคิดถึงที่มีให้กันมากกว่านะ"
"แต่นายรู้มั้ยว่า ยิ่งเราไม่คุยกัน มันเหมือนกับเรายิ่งห่างไกลกันออกไปเรื่อยๆ อีกอย่าง นายไม่ทุ่มเทอะไรสักอย่าง มีแต่เราโทรไปหาตลอด มีบ้างมั้ยที่นายจะโทรมาโดยที่เราไม่โทรไปหานายก่อนน่ะ"
"พรีม เราขอถามตรงๆนะ พรีมเชื่อใจเรามั้ย"
"เราไม่อยากได้ยินคำนี้ นายก็มีแต่ถามเราอยู่นั่นแหละว่าเราเชื่อใจนายมั้ย รู้มั้ย ยิ่งนายถามเราอย่างนี้ มันยิ่งทำให้เราไม่เข้าใจตัวเราเองว่า เราเชื่อใจนายหรือเปล่า นายทำให้เราสับสบมากๆนะ"
"พรีมรักเราเรามั้ย"
คำถามนี้ สะกดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดนิ่ง ไม่มีเสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังออกมา และไม่มีคำตอบจากปากของหญิงสาวเลยแม้แต่คำเดียว หญิงสาวใช้มือขึ้นมาปิดหน้าเธอไว้ ทุกๆอย่างหยุดนิ่งดังต้องมนต์สะกด
"เราไม่รู้ว่า ตอนนี้ยังรักนายอยู่หรือเปล่า นายทำให้เราสับสนน่ะ"คำตอบที่ชายหนุ่มต้องการรอคอย ทำให้เขาผิดหวังและสับสนเป็นอย่างมาก เขาต้องการที่จะรู้ว่า เธอยังคงรักเขาอยู่หรือเปล่า
"ถามใจตัวเองดูดีๆสิ ถามใจพรีมดูสิว่าตอนนี้ยังรักเราอยู่มั้ย"
"รัตน์ล่ะ ยังรักเราอยู่มั้ย"
"รักสิ เรารักเธอตลอดเพียงแต่ว่า เธอน่ะยังรักเราอยู่มั้ยเท่านั้นเอง"
"เราไม่รู้ เราไม่รู้อะไรทั้งนั้น ตอนนี้เราคิดอะไรไม่ออกจริงๆ"หญิงสาวร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออกทั้งนั้น เขาคิดว่า หญิงสาวอาจต้องการเวลาถามใจตัวเอง แต่ทว่า สิ่งที่เขาคิดกลับไม่ถูกขึ้นมาล่ะจะว่ายังไง อย่างเช่น...
"พรีม เราเลิกกันเถอะ"คำตอบนี้ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นมา ความคิดที่เขาคิดไว้หายไปหมด หญิงสาวหันกลับมามองเขาทั้งน้ำตา
"เราคงไปกันไม่ได้หรอก มันยิ่งจะทำให้เรามีปัญหากันมากขึ้นนะ"
"เราขอโทษนะ"หญิงสาวลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังให้ชายหนุ่ม พร้อมที่จะเดินจากไปได้ทุกเมื่อ หญิงสาวค่อยๆก้าวเท้าเดินออกไปจากชายหนุ่มทีละก้าว และการก้าวเท้าแต่ละก้าวของหญิงสาวนั้นก็ค่อยๆทำให้น้ำตาของชายหนุ่มค่อยๆเอ่อล้นมาที่ดวงตาเขา ยิ่งเธอเดินออกจากเขาไปมากขึ้นๆ ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดใจมากขึ้นกว่าเดิมทุกครั้ง
"เราจะยอมทิ้งความรักที่เรามีมายาวนานไว้แค่นี้เองหรอ ทำไมเราขี้ขลาดขนาดนี้ ใช่อยู่ที่ว่า เราไม่ได้ทุ่มเทอะไรเลย แต่ว่า เราก็รักเธอ" ชายหนุ่มนึกในใจพลางลุกขึ้นยืน และเดินไปหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงมือของหญิงสาวไว้
"พรีม ขอเราแก้ตัวอีกครั้งได้มั้ย"ชายหนุ่มพูด เขาต้องการที่จะให้หญิงสาวหันหน้ามามาเขา แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมหันหน้ามาหาเขา เธอยังคงหยุดยืนในท่านั้น
"นะครับ ขอให้เราได้แก้ตัวอีกสักครั้ง เรารับรองเลยว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก และจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีก นะ ให้เราแก้ตัวเถอะ"ชายหนุ่มพยายามออดอ้อนหญิงสาว แต่เธอก็ยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
"ที่เราต้องการให้เธอถามใจตัวเองว่า เธอยังรักเราอยู่มั้ย และที่เราไม่ติดต่อเธอนั้นก็เพราะเราอยากจะพิสูจน์ว่า เธอรักเราจริงมั้ย เราคิดอยู่ตลอดเลยนะว่า เธอคนนี้จะรอเรามั้ย ในเวลา 9 ปีที่ผ่านมา เธอคนนี้สามารถที่จะรอเราได้หรือเปล่า เธอคนนี้ยังจะรักเราอยู่เหมือนที่เธอเคยบอกเราไว้หรือเปล่า และเราก็ได้รู้แล้วนะว่า เธอน่ะรักเราจริงไม่อย่างนั้นคงไม่รอเรามานานขนาดนี้หรอก"
"แต่ยิ่งเราไม่ติดต่อกัน มันยิ่งทำให้เราคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเรา 2 คน มันเริ่มถ่อยห่างออกไปเรื่อยๆเลยนะ"
"ความรักมันย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดาแหละ อย่าคิดมากนะ หันกลับมามองเราหน่อยสิ แล้วเธอจะรู้ว่าคนๆนี้น่ะ รักเธอจริงๆนะ"
หญิงสาวนั้นเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาดังยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มเริ่มคิดว่า หญิงสาวคงจะเข้าใจเขาแล้ว จึงค่อยๆหมุนตัวหญิงสาวให้หันมาหาเขา เมื่อหญิงสาวหันมาหาเขาแล้ว สิ่งที่แรกที่เธอทำก็คือ ตบหน้าเขาอย่างแรง และพูดออกมาอย่างอัดอั้นตัดใจมานาน
"คนบ้า นายก็มีแต่ชอบลองใจคน พิสูจน์นิสัยคนตลอด นายก็รู้นี่ว่าเราไม่ชอบ เราเกลียดการกระทำอย่างนี้ที่สุด เรารอนายมานานขนาดนี้ เป็นฝ่ายติดต่อนายเอง นายก็น่าจะคิดได้สิว่าเรารู้สึกกับนายยังไงตอนที่นายถามเราว่าเรารู้สึกยังไงกับนาย"
"หมายความว่าเธอ....พรีม"
"ใช่ เรารักเธอ พรีมรักรัตน์มากๆ แต่ที่เราไม่ชอบก็เพราะนายทำเหมือนกับไม่รักเรา เราถึงเป็นอย่างนี้"
ชายหนุ่มนั้นรู้สึกดีใจและซึ้งใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินคำว่า รัก ออกมาจากปากของหญิงสาว เขาอัดอั้นตันใจเกินกว่าที่จะพูดอะไร จึงได้ล้วงมือไปที่กระเป๋าและหยิบกล่องสีแดงใบเล็กขึ้นมา
"งั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีมั้ย ไม่ว่ากี่ครั้งที่เราเกือบต้องเลิกกัน ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเรา 2 คนดีกว่านะ"
ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของหญิงสาว พร้อมกับเปิดกล่องสีแดงใบเล็กนั้นขึ้น แสงของพระอาทิตย์ส่องลงไปที่กล่องๆนั้น แหวนสีเงินวงหนึ่งก็ได้สะท้อนแสงออกมาอย่างเจิดจรัส
"พรีม ผมรักคุณนะ แต่งงานกับผมเถอะ"
ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาที่อ้อนวอนและแววตาที่บ่งบอกถึงความรัก ความห่วงใย และความต้องการเธออยู่ไม่น้อย หญิงสาวก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้ และเธอก็รักชายหนุ่มอย่างสุดหัวใจ คำตอบที่จะหลุดจากปากของหญิงสาว ถึงแม้ว่าจะเป็นคำสั้นๆตอบง่ายๆ แต่ฟังดูแล้วตามสถานการณ์นั้น ย่อมเป็นคำตอบที่ลึกซึ้งและจริงใจ มีความหมายมากทีเดียว
"ตกลงค่ะ"
ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงหยิบแหวนออกมาจากกล่องและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวอย่างถนุถนอม พร้อมกับดึงมือของหญิงสาวขึ้นมาจุมพิตอย่างเบาๆแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืน และดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดไว้ หญิงสาวก็ได้กอดชายหนุ่มคืน ด้วยความรักทั้งหมดที่เธอมีให้แก่เขา ทั้งสองมีความสุขมากที่ได้รับคำตอบจากความสงสัยที่ต่างคนต่างต้องการคำตอบคือ เรายังรักกันอยู่หรือเปล่า และทั้งสองก็ได้พบคำตอบที่ถูกใจเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาได้ ดังเช่นคำว่า "รัก"
ผลงานอื่นๆ ของ เจินนี่จัง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เจินนี่จัง
ความคิดเห็น