ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ' G A N G S T E R | hunhan ft.chanbaek

    ลำดับตอนที่ #3 : G A N G S T E R - 02 | is guarding

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.54K
      5
      10 มี.ค. 59


    G A N G S T E R  0 2





    is guarding -
    มันคือการปกป้อง



    ร่างสูงสมส่วนกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรกำลังเดินขึ้นบันไดภายในตึกเรียนทีละขั้นด้วยสีหน้านิ่งตามแบบฉบับของเจ้าตัว เรือนผมสีเทาควันบุหรี่ปลิวไสวตามแรงลมที่พัดผ่านมาจนทำให้ดูไม่เป็นทรงนัก


    ในเวลาตอนนี้ก็คงเรียกได้ว่าเลิกเรียนแล้ว และนักเรียนส่วนใหญ่ก็กลับบ้านกันไปบ้าง ส่วนอีกเล็กน้อยก็คงอยู่ตามห้องชมรม ส่วนตัวเขาก็เบื่อๆที่จะต้องกลับไปไม่มีอะไรทำที่คอนโดฯ เพราะงั้นเป็นประจำที่เซฮุนมักจะมานอนเล่นตากลมที่ดาดฟ้าของโรงเรียน เนื่องจากมันค่อนข้างสงบและไม่ค่อยมีขึ้นมาเท่าไหร่  


    เรียกอีกอย่างว่าเป็นเขตต้องห้ามของโรงเรียนด้วยก็ได้มั้ง เพราะมันสูงและอันตราย


    เซฮุนทอดตัวยาวไปกับพื้นเมื่อมาถึงจุดหมายได้สำเร็จดวงตาคมเหม่อมองท้องฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆปุกปุยหลากหลายรูปร่าง พร้อมกับสายลมเย็นที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลง


    วันนี้เขาก็ไม่ได้เขาเรียนอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะมาโรงเรียนทุกวันแต่ช่วงนี้ไม่เคยเหยียบเข้าไปในห้องอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากเข้าไป มันน่าเบื่อและมีแต่เรื่องเดิมๆที่เรียนไปหมดแล้ว อีกอย่างคือเขาไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายตัวเล็กคนนั้นเท่าไหร่


    ไม่รู้ว่าควรจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร มันแปลกไปจากคนอื่นๆ ในใจมันต้องการเข้าหาแต่ไม่กล้าพอและกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเป็นอันตราย...


    เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นนักเลง


    ไม่นานนักหลังจากที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เปลือกตาก็ค่อยปรือปิดลงไปช้าๆ ด้วยสภาพอากาศที่เริ่มเย็นบวกกับความง่วงงุนเลยทำให้เขาเผลอหลับไปในที่สุด


    ภาพในความฝันของเขาถึงจะไม่เด่นชัดมากแต่ก็พอดูออกว่าเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นคือใคร รอยยิ้มกว้างคล้ายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกส่งมาให้ พร้อมกับคำพูดอะไรอีกเล็กน้อยที่เพิ่มความโหยหาได้อีกเท่าตัว


    แต่แล้วภาพในหัวก็หายไป ...มันถูกทับซ้อนด้วยดวงตาหวานของใครอีกคน แล้วไม่นานหลังจากนั้นภาพทุกอย่างก็หายไปอย่างกะทันหันด้วยเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้เปลือกตาของเขาค่อยๆลืมขึ้นและตื่นจากความฝันในที่สุด


    สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ยังเป็นท้องฟ้าสีสวยที่เริ่มอมส้มและสีแห่งรัตติกาล เขาได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากด้านล่างจึงยันตัวขึ้นหวังจะชะโงกหน้าไปดูว่าใครเป็นคนมารบกวนเขาในเวลานี้


    เรือนผมสีน้ำตาลเข้มกระทบกับแสงแดดอ่อนๆ ใบหน้าหวานราวกับหญิงสาว และร่างกายเล็กบอบบางน่าถะนุถนอม สิ่งเหล่านี้ทำให้เซฮุนรู้ได้ทันทีว่าร่างบางตรงนั้นเป็นใคร


    คนที่พยายามจะไม่พบเจอมาหลายวัน


    เซฮุนดีดตัวกลับไปนอนเหมือนเดิมเมื่อนักเรียนแลกเปลี่ยนหันมาทางเขา และเสียงทุกอย่างก็เงียบลงไปจนกระทั่งได้ยินเสียงรองเท้ากระทบราวบันไดลิงที่ทำจากเหล็ก ทำให้เขาหลับตาพริ้มลงไปอีกครั้ง


    ที่ข้างหูมีเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาเล็กน้อย เป็นเครื่องบอกได้อย่างดีว่าอีกคนพยายามย่องเข้ามาใกล้กับเขา เซฮุนละอยากจะลืมตาขึ้นมาดูจริงๆ ว่าตอนนี้ลู่หานกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่


    แชะ


    แสงเฟลชสว่างขึ้นต่อจากนั้น ร่างสูงจึงตัดสินใจลืมขึ้นทีละนิดพร้อมกับคิ้วที่ขมวดกันเล็กน้อยเพราะเเสงไฟ 


    ภาพตรงหน้าเขาคือลู่หานที่กำลังแสดงสีหน้าเหวอเลิกลั่กก่อนเจ้าตัวจะรีบเก็บข้าวของเตรียมลุกออกไป แต่ความไวกว่าของเซฮุนทำให้ร่างบางหยุดชะงัก เมื่อมือหนากำลังรั้งข้อมือเล็กเอาไว้อยู่ ร่างสูงยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งอีกครา ดึงลู่หานให้นั่งลงที่เดิม ก่อนจะตีหน้าเรียบและสายตานิ่งๆเหมือนทุกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าคนหน้าหวานจะกลัวเขาไม่น้อยเลย


    มันยิ่งดูน่าแกล้ง และ...น่ารัก


    เขาได้แต่แอบขำท่าทีของอีกคนอยู่ในใจ พยายามไม่แสดงออก เพราะต้องการจะแกล้งให้ลู่หานทำหน้าตื่นกลัว อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้


    "เออ... ฉัน ..ขอโทษนะที่รบกวน" ร่างบางพยายามดึงมือออกเพื่อจะลุกเดินหนี เนื่องจากในใจยังคงรู้สึกแย่ติดต่อกันมาจากวันนั้น แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเซฮุนไม่ยอมปล่อย


    ลู่หานได้แต่คิดในใจว่าอยากให้ร่างกายอันตฐานหายไปกับสายลมมันเสียตรงนี้


    "จะไปไหน" เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินเซฮุนพูดออกมา และมันยาวกว่าครั้งแรก แต่น้ำเสียงก็ยังคงนิ่งเรียบไม่ต่างจากหน้าตาในตอนนี้เลย


    "ก็...จะลงไปแล้วไง"


    ร่างบางกำลังรู้สึกกลัว ...ไม่ใช่กลัวว่าเซฮุนจะกระโดดขย้ำคอเป็นเสือล่าเหยื่อแบบในสารคดี แต่กลัวจะไปทำอะไรไม่ถูกใจแล้วถูกทำให้เสียงความรู้สึกอีกเปล่าๆ


    "ใครบอกให้ลงไป"


    "อะ ...เออ" ลู่หานอึกอักทำอะไรไม่ถูก รู้สึกมือไม้เกะกะไปหมด ถึงแม้จะรู้สึกใจชื้นที่อีกฝ่ายพูดกับเขาบ้างก็เถอะ


    แต่มันก็ยังกลัวอยู่ดีนี่


    "มันมืดแล้ว ไม่กลัวรึไง" เขาเริ่มเปลี่ยนวิธีการพูดให้ดูนุ่มนวลมากขึ้น แม้จะไม่มากนักแต่ก็ไม่เคยพูดแบบนี้กับใคร


    "ฉัน... กลับพร้อมเพื่อนหนะ" เสียงตอบเบาหวิวดังมาจากคนตัวเล็กที่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองจะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม คงเหลือสักสองนิ้วอะไรแบบนี้


    แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพูดต่อ เสียงสั่นเครือจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงของลู่หานก็ดังขึ้น


    Rrrrrrrr


    มือบางกดรับอย่างชำนาญ ก่อนจะกรอกเสียงลงถึงปลายสาย


    "ว่าไงคยองซู"


    [นายอยู่ไหนอ่ะ ยังอยู่โรงเรียนรึเปล่า]


    "อยู่ๆ ทำไมหรอ"


    [นายกลับก่อนเลยก็ได้นะ ฉันไม่รู้ว่างานมันจะเสร็จเมื่อไหร่อ่ะ]


    "อ่า แล้วนายจะกลับยังไง"


    [เดี๋ยวเพื่อนไปส่ง แค่นี้ก่อนนะ] พอพูดจบคยองซูก็ตัดสายทิ้งไปทันทีด้วยความรีบร้อน ลู่หานได้แต่ถอนหายใจพลางเหลือบมองคนตัวสูงอย่างชั่งใจ 


    ในเวลานี้มันก็เริ่มมืดอย่างที่อีกคนเคยว่าไว้ และพอมืดความน่ากลัวและความไม่ปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นไปเท่าตัว ยิ่งทางกลับบ้านเขาก็เปลี่ยวพอสมควรด้วยสิ จะเกิดอันตราอะไรขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้ ...แต่ก็ไม่อยากรบกวน


    "ฉันว่าจะกลับแล้ว" เป็นอีกครั้งที่ลู่หานพยายามแกะมือหนาออก แต่ก็ไม่ทันการเมื่อร่างสูงเอ่ยขึ้นด้วยประโยคที่พาให้ใจสั่นพร้อมกับฉุดให้ลุกขึ้นเพื่อลงจากดาดฟ้าตึก


    "เดี๋ยวไปส่ง"


    ลู่หานลืมไปเสียสนิทว่าตนมาทำอะไรที่นี้


    ------------


    เวลาผ่านไปสักพักพร้อมกับพวกผมที่เดินพ้นออกมาจากเขตของโรงเรียน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่ตะวันลาลับขอบฟ้าเป็นที่เรียบร้อย 


    ไม่มีใครพูดอะไรเลยตั้งแต่ลงมาจากตึก อย่างมากเซฮุนก็ถามแค่กระเป๋าอยู่ไหนและพาเดินไปเอาที่ห้องเรียน และเขาก็ถามขึ้นอีกครั้งว่าบ้านผมไปทางไหน


    ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาจะไปส่งผมด้วยยานพาหนะของเขาที่เคยเห็นเมื่อครั้งก่อน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเราต้องนั่งรถไฟฟ้า ผมก็อยากจะเอ่ยถามเขาเหมือนกันแต่มันคงเป็นการระราบระล้วงมากเกินไป อีกอย่างผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องถาม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมควรรู้เสียหน่อย


    โครกกกกกก


    จู่ๆเสียงกระเพาะก็ร้องประท้วงขึ้นอย่างหน้าอายจนผมอยากจะแทรกแผ่นดินดี โชคดีที่ตอนนี้คนเริ่มน้อยลงบ้างและคนส่วนใหญ่ก็คงสนใจแต่เรื่องของตัวเอง


    ยกเว้นไว้คนหนึ่งแล้วกัน...


    "หิวหรอ" น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์เอ่ยถามขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจคือรอยยิ้มที่มุมปากของเขา


    อยากจะบอกเซฮุนเหลือเกินว่าควรยิ้มให้มันบ่อยๆ


    เพราะมันดูดีเอามากๆเลย


    ผมพยักหน้าตอบกลับอย่างเขินอาย ไม่ใช่เขินเพราะความหล่อเรี่ยราดของบุคคลตรงหน้าหรอกนะ แต่มันเขินเสียงกระเพาะตัวเองมากกว่าเนี่ย


    ไอ้กระเพาะบ้าาาา


    หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แล้วก็เบือนหน้าไปเฉยๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงประดับไว้อยู่ที่เดิม


    ไม่นานก็ถึงสถานีปลายทางในที่สุด พวกเราเดินลงมาอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่ ปกติผมก็ชอบโคฟเป็นสล๊อตอยู่แล้ว ทำให้บางครั้งก็ทำตัวสโลว์ไลฟ์ไปบ้าง และดูเหมือนเซฮุนก็เช่นกัน เขาไม่ได้ดูเร่งรีบอย่างที่ผมเคยคิดเอาไว้เลย


    ผมตั้งใจจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์ แต่ว่าร่างสูงก็จับข้อมือผมเอาไว้แล้วลากไปอีกทาง ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ที่เซฮุนทำแบบนี้ แต่ทุกๆครั้งหัวใจผมจะเต้นแรงเสมอ


    ผมรู้สาเหตุของอาการใจเต้นแรงแบบนี้ดี....


    สุดท้ายคนตัวสูงก็ลากผมมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในละเเวกนั่น เป็นร้านที่ผมเดินผ่านเป็นประจำแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาอุดหนุน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกในการมาเยือนของผม


    ที่นี้เป็นร้านอาหารเกาหลีที่ไม่ได้ดูหรูหราแต่ก็ไม่ใช่ร้านกิ๊กก๊อกเปิดเพิงตามถนนทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจ คือคนส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการ...มีแต่คู่รัก ผมชะงักฝีเท้าไปนิดหน่อยแต่ก็พยายามไม่คิดอะไรให้มากความ เพราะจากที่สำรวจด้านนอกร้านมานิดหน่อย ก็มีแต่ร้านนี่ร้านเดียวที่เปิดอยู่


    พวกเราเดินเข้ามานั่งด้านในสุดเพราะเป็นที่เดียวที่วาง ผมรับเมนูมาจากพนักงานก่อนจะเปิดดูอย่าเกรงใจระคนประหม่าชายร่างสูงตรงหน้าที่ยังทำตัวนิ่งเรียบเหมือนเดิมแป๊ะๆ


    กลายเป็นว่ามื้ออาหารนี้ก็ครอบคลุมไปด้วยความเงียบเชียบเช่นเคย ไอตัวผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเพราะไม่กล้า กลัวไปขัดใจเขา...


    แต่ทุกครั้งที่ได้มองเซฮุนชัดๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม มันมักจะมีความคิดหนึ่งขึ้นมาตลอด


    เซฮุนไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่ใครๆบอก เขาแค่แสดงออกไม่เก่งเท่านั้นเอง


    เวลาผ่านไปสักพักพร้อมความอึดอัดอย่างที่เคยเป็น ตอนนี้เซฮุนทานเสร็จไปก่อนเรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แต่ผมที่ยังละเลียดทานอาหารในจานอยู่ ต้องยอมรับตัวเองเลยครับว่าเป็นมนุษย์กินช้า แต่ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้ เพราะคนแสนเย็นชาเขาทานหมดไปเมื่อสิบนาทีก่อนแล้วด้วยซ้ำในขณะที่ผมเหลือตั้งครึ่งจาน...


    แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าเซฮุนทานเร็วต่างหาก มีอย่างที่ไหนทานหมดตั้งแต่สิบนาทีแรกที่อาหารวางตรงหน้า


    ก็นั้นแหละครับ...แต่ผมก็ท้วงอะไรไม่ได้


    "เออ...เซฮุน" สุดท้ายผมก็เรียกชื่อเขาขึ้นมาหลังจากที่เดินออกนอกร้านเรียบร้อยแล้ว เขาหันมามองผมเล็กน้อยด้วยสายตาเดิมๆจนผมนึกเบื่อ


    "ขอบคุณนะ...สำหรับค่าอาหาร"


    ตามนั้นเลยครับ จริงๆผมจะควักเงินจ่ายเองแล้วด้วยซ้ำ เพราะว่ามันก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ยังไม่ทันจะหยิบกระเป๋าตังขึ้นมา เจ้าคนผมเทาก็วางบัตรเครดิตบนเคาท์เตอร์ไปก่อนแล้ว ทำให้ผมที่กำลังจะค้านก็ต้องเงียบปากไปเพราะการปรายตามองของอีกฝ่ายซึ่งเป็นเหมือนการห้ามกรายๆ


    ส่วนตอนนี้เขาก็ได้แต่พยักหน้าแล้วเดินไปก่อน ทำให้ผมต้องแย้งขึ้นมาอีกครั้ง 


    "เดี๋ยวก่อนสิ!" 


    "...." เขาหันหลังกลับมาพร้อมกับมองที่ผม คิ้วเรียวของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม


    "คือ...นายไม่ต้องมาส่งฉันแบบนี่ก็ได้นะ"


    "...."


    "เนี่ย เดินไปอีกหน่อยก็จะถึงบ้านฉันอยู่แล้ว ส่งแค่-"


    "ก็แค่อยากไปส่ง"


    "เออ.." ผมแทบเอ๋อกินทันทีตอนที่ประโยดนี้สวนกลับมา มันทำให้ใจผมเต้นแรงกว่าปกติหลายเท่า และความคิดในหัวก็ตีกันวุ่น


    แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือความคิดที่เข้าข้างตัวเอง ...ผมก็ไม่ได้อยากจะคิดแบบนั้นเท่าไหร่ แต่ว่าสิ่งที่เซฮุนทำมันสื่อออกมาแบบนี้ ว่าเขากำลังเป็นห่วงผมอยู่


    อ่าลู่หาน.... นายเลิกดีใจได้แล้ว


    "เดินต่อได้แล้ว" อาจจะเป็นเพราะผมที่นิ่งอึ้งไปนานจนผิดสังเกตทำให้เขาเดินกลับมาจับมือผมอีกครั้ง แล้วดึงมือเป็นเชิงให้ผมเดินต่อ


    และครั้งนี่แปลกออกไปจากทุกครั้ง จากการจับแค่ข้อมือกลายเป็นเลื่อนมาจับมือผมแทน


    ผมขอพูดใหม่ได้มั้ย...


    ว่าโอ เซฮุน เป็นผู้ชายที่อันตรายมากๆ 


    โดยเฉพาะอันตรายต่อหัวใจ



     

    ตอนนี้เราพึ่งลงกันมาจากรถเมล์ครับ เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่การกระทำต่างๆก็ไม่ได้แปลกไปจากเดิมเลย เขายังจับมือผมเอาไว้และหัวใจของผมก็ยังเต้นแรง


    แรงจนเหมือนว่ามันจะหลุดออกมาจากอก


    บริเวณรอบข้างทาทับด้วยความมืดมิด ซึ่งซอยเข้าบ้านผมก็เปลี่ยวพอสมควร แม้ว่าจะมีแสงไฟจากหลอดนีออนก็ตาม และนอกจากจะมืดมันก็เงียบมากๆด้วยเช่นกัน


    กึก


    และสิ่งไม่คาดฝันกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า พวกเราชะงักฝีเท้าทันทีที่มีผู้ชายร่ายใหญ่สามคนเข้ามาเดินขว้าง ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ จนกระทั่งหนึ่งในผู้ชายกลุ่มนั้นยกไม้เบสบอลขึ้นมาพาดไว้ที่ช่วงไหล่ นั้นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี่


    แต่น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกกลัวอย่างที่ควรจะเป็นเลย เพราะอะไรกันนะ...


    เพราะเซฮุนงั้นหรอ...?


    ------------


    ดวงตาคมเรียวที่เคยนิ่งเฉยแปลเปลี่ยนเป็นความดุและซ่อนแววโทสะเอาไว้ในนั้นอย่างเห็นได้ชัด จากบุคคลที่ค่อนข้างเฉยเมยต่อทุกอย่างกำลังเผยรังสีแปลกๆออกมาจนร่างบางนึกกลัว


    ฝ่ายตรงข้ามแสยะยิ้มที่มุมปากพร้อมกลั้วหัวเราะเล็กน้อยในลำคอ คนตรงกลางที่ดูจะเป็นหัวโจกควงไม้เบสบอลในมือโดยไม่กลัวว่ามันจะไปโดนตัวใครพลางเดินเข้ามาหาเซฮุนที่ดูเหมือนกำลังระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่


    "ถ้ากูไม่ได้มาดูด้วยตา ก็คงไม่รู้ว่ามึงมีแฟนแล้ว" เจ้าของใบหน้าหล่อร้ายเดินเข้ามาเรื่อยๆ เปลี่ยนการควงไม้เบสบอลให้ไปลากพื้นแทน สร้างเสียงน่ารำคาญจนลู่หานต้องเบ้หน้า


    แม้ว่าคนตัวเล็กจะรู้สึกอยากจะเอ่ยปฏิเสธออกไป แต่ในเมื่อคนข้างๆเขาไม่พูด เขาเลยเลือกที่จะเงียบ


    "แฟนมึงน่ารักด้วยนี่หว่า" 


    "...." เซฮุนไม่ได้พูดอะไรตอบ แต่เขาดึงร่างเล็กให้มายืนซ้อนด้านหลังแทนเป็นเชิงปกป้องเขาจากผู้ไม่หวังดีตรงหน้า ส่วนลู่หานที่พึ่งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกก็ได้แต่ทำตามไปอย่างว่าง่าย


    "ไว้ค่อยจัดการแฟนมึงหลังจาก-"


    ผลัก!!


    ลู่หานเบิกตากว้างอย่างตกใจหลังจากได้ยินเสียงเหมือนอะไรกระทบกันจนต้องแอบชะโงกหน้ามามองเล็กน้อย เขาเห็นเซฮุนยกเท้าค้างกลางอากาศในขณะที่อีกฝ่ายก็หงายหลังลงไปกับพื้น กว่าจะตั้งสติได้อีกทีก็ตอนที่เซฮุนพูดกับเขาพลางปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ


    "มึงไปหาที่หลบซะ"


    แผ่นหลังของร่างสูงกำลังไกลออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับหัวใจของลู่หานที่เต้นผิดจังหวะด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง 


    เขาไม่ได้ต้องการให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้เลย แต่ตัวเขาจะไปทำอะไรได้นอกจากทำตามที่เซฮุนพูดสั่งเอาไว้ ร่างบางเดินถอยหลังออกมาในจังหวะที่เริ่มเกิดการปะทะขึ้นตรงหน้า ดวงหน้าหวานพยายามหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอะไรบางอย่างไปช่วยเหลืออีกคน


    ส่วนเซฮุนก็ออกแลกหมัดกับศัตรูโดยไม่เกรงกลัวอาวุธในมือนั้นเลย ร่างสูงเบี่ยงตัวหลบก่อนจะตะหวัดขาขึ้นถีบอีกฝ่ายจนกระเด็น ทำให้ลูกสมุนอีกสองคนต้องเขามาช่วยเหลือ คนหนึ่งก็ส่งกำปั้นมาแบบไม่ยั้ง อีกคนก็เช่นกัน ทำให้เขาต้องหลบเป็นพัลวันเพื่อหาโอกาสตอบโต้กลับ เมื่อได้จังหวะตอนที่หนึ่งในสองคนนั้นสวนหมัดมา เซฮุนก็คว้าแขนเอาไว้ก่อนจะจับให้ไพล่หลังแล้วฟาดเข้าที่ท้ายทอยจนร่วงสลบลงไปกับพื้น และจัดการถีบอีกคนที่หวังจะเข้ามาทำร้าย


    การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีใครยอมใคร แม้เซฮุนจะถือได้ว่าฝีมือดีแต่สองรุมหนึ่งในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งที่เขาเองก็โดนสวนหมัดใส่แต่ก็ยังสามารถตอบโต้กลับได้ทุกรอบ


    ยกเว้นก็แต่ครั้งนี้... ร่างสูงทรุดลงกับพื้นเมื่อโดนเตะขัดเข้าที่ข้อพับขาข้างซ้าย ทำให้เจ้าของไม้เบสบอลง้างไม้ขึ้นเหนือหัวเตรียมจะฟาดสุดกำลัง


    ผลัก! ตุบ


    ในจังหวะที่ทุกคนเอาแต่สนใจเซฮุน ร่างบางที่มีท่อนไม้อยู่ในมือก็เข้ามาขัดด้วยการลงเเรงทั้งหมดกับหัวของฝ่ายศัตรูจนเป็นอีกรายที่ล้มลงไป เซฮุนจึงได้ลุกยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วถีบยอดอกของผู้เหลือรอดอีกหนึ่งจนล้ม แม้ว่าจะไม่สลบลงในทันทีแต่ก็ไม่มีแรงจะยืนขึ้นได้


    ลู่หานคว้างไม้ในมือทิ้งไปไกลด้วยร่างกายสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว แต่ก็พยายามดึงสติไว้มากที่สุดเพื่อเข้าไปดูอาการของร่างสูงที่ดูไม่สู้เท่าไหร่นัก


    "เซฮุน!" ร่างบางแทบจะกระโดดเข้าไปช่วยพยุงร่างสูงที่ทำท่าเหมือนจะล้ม แต่แรงที่มีก็มากมายนักทำให้ทั้งคู่เซจนเกือบจะหงายหลัง


    "ขอบคุณ"


    "มะ ไม่เป็นไร แต่ไปทำแผลก่อนเถอะ" ลู่หานพูดเสียงสั่นเครือ พลางจับท่อนแขนหนาพาดไปกับช่วงไหล่เล็กเพื่อเป็นการช่วยพยุงอีกแรก


    แต่นักเรียนแลกเปลี่ยนก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อจู่ๆผู้บาดเจ็บข้างกายพลิกตัวหนีก่อนที่หูจะได้ยินกระทบกระทั่งกันอีกครั้ง 


    เซฮุนที่มีประสาทการรับรู้ไวกว่าคนปกติรีบหมุนตัวกลับมาเมื่อได้ยินเสียงที่ชวนไม่ปลอดภัยก่อนจะเห็นว่าหนึ่งในสามคนนั้นที่ไม่ได้สลบกำลังยกไม้เบสบอลไม้เดิมหวังจะฟาดใส่ ร่างสูงจับแขนอีกฝ่ายไว้ได้ทันพร้อมเตะอัดเข้าที่ช่วงเอวจนกระเด็นร่วงไปกับพื้นปูน และก่อนที่ศัตรูจะลุกขึ้นมาสวนกลับได้ทัน โอเซฮุนก็คว้าข้อมือเล็กแล้วออกฝีเท้าวิ่งหนีทันที


    ทั้งสองหยุดวิ่งลงเมื่อคิดว่าคงออกมาไกลพอสมควร ร่างบางหอบแฮ่กเท้าแขนลงกับเข่า ผิดกับคนตัวสูงกว่าที่ยืนพ่นลมหายใจแรงกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น


    "แฮ่ก ไปที่บ้านฉันก่อน" 

     



    "เกิดอะไรขึ้นอ่ะลู่หาน!!" 


    ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้านและได้พบกับเพื่อนสนิท เสียงตะโกนก็ดังลั่นออกมาด้วยความตกใจ คยองซูเดินเข้ามาช่วยพยุงเซฮุนไปไว้ที่ห้องนั่งเล่น


    "ลู่หาน เกิดอะไรขึ้น เล่ามา" คยองซูคาดคั้นด้วยความเป็นห่วงพลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลในตู้หลังโซฟาเพื่อมาช่วยทำแผลให้กับแขกที่ดูไม่เป็นมิตรสำหรับเขา


    "ก็...ตอนเดินกลับบ้านนะ ไปเจอพวกนักเลงเข้า"


    "แล้วไปมีเรื่องได้ยังไง"


    "คือ..."


    "พวกนั้นเป็นศัตรูของแก๊งกู" เสียงทุ้มเอ่ยแทรกขึ้น จนคยองซูนึกกรอกตาในใจ เพราะงี้ไงเขาถึงบอกว่าเซฮุนอันตราย


    "พวกโรงเรียนซอนจิน?" ลูกเจ้าของบ้านเอ่ยถาม และได้รับการตอบกลับมาเพียงแค่การพยักหน้าเท่านั้น


    "พวกนายนี้ก็เหมือนกันหมด... ลู่หานมาทำแผลดิ เดี๋ยวฉันโทรหาเพื่อนก่อน" คยองซูพูดไว้แค่นั้นก็จะเดินหลบออกไปนอกห้องทำให้ลู่หานที่ถูกสั่งแกมบังคับต้องมาทำแผลให้ร่างสูงอีกครั้ง


    และมันก็เหมือนเดิม ความเงียบกับความอึดอัดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าร่างเล็กจะทำแผลให้อย่างเก้ๆกังๆไปหน่อยก็ตาม


    โชคดีที่คุณนายโดเจ้าของบ้านไปสัมนาที่ต่างจังหวัด ทำให้เขาไม่ต้องโดนดุโดนบ่นจากผู้ใหญ่เท่าไหร่นัก และไม่ทำให้เธอเป็นห่วงอีกด้วย จะเหลือก็แต่คยองซูที่เหมือนเป็นแม่คนที่สามไปแล้วที่ดูจะหัวเสียกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น


    เขาเริ่มเข้าใจเหตุผลที่คยองซูเคยบอกเอาไว้ ว่าเซฮุนคือผู้ชายอันตราย ...เซฮุนไม่ได้อันตรายเพราะนิสัยหรือตัวของเขา แต่เพราะสิ่งรอบข้างเขาต่างหากที่เรียกว่าอันตราย


    อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไง


    แต่ก็แปลกจริงๆนั้นแหละ ...ถึงเขาจะกลัว มันก็ยังรู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นเเผ่นหลังกว้างตรงหน้า แถมยังรู้สึกเป็นห่วงเอามากๆ ถ้าเกิดว่าลู่หานคว้าท่อนไม้เข้าไปช่วยไม่ทัน มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ เขาคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆที่ช่วยอะไรเซฮุนไม่ได้


    มือบางกดสำลีที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์ตามรอยแผลที่หางคิ้วและมุมปาก ในครั้งที่แล้วเซฮุนไม่ได้แสดงสีหน้าว่าเจ็บเลยเเม้น้อย ซึ่งครั้งนี้เองก็เหมือนกัน


    ลู่หานนึกสงสัยว่าร่างสูงไม่มีต่อมรับรู้ความเจ็บอะไรแบบนี้เลยหรอ หรือว่าด้านชา? หรือยังไง?


    "ขอบคุณนายด้วยนะ" 


    "....."


    "ถึงไม่ใช่เพื่อช่วยฉันก็เถอะ..." ร่างบางหลบตามองต่ำเมื่อเซฮุนกำลังจ้องเขาอยู่ แม้ว่าสายตาจะไม่ได้สื่ออารมณ์ไหนเป็นสำคัญ แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าจ้องตาอีกฝ่าย


    "อื้ม" 


    ใจของลู่หานกระตุกวาบ มันรู้สึกแปลกๆเหมือนมีใครบีบรั้นก้อนเนื้อในอกของเขาอยู่ เขาควรจะทำใจได้แล้ว เพราะเริ่มรู้จักนิสัยของอีกคนว่าเป็นยังไง 


    ...หน้านิ่ง


    ...พูดน้อย 


    ...และเฉยชาต่อทุกสิ่ง


    "แล้วมึงไม่เป็นไรใช่มั้ย"


    "เออ...ฉัน??" 


    "...." ร่างสูงพยักหน้าเล็กน้อย


    "ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีแผล สบายดี" ลู่หานตอบอย่างยิ้มๆและหลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรดังขึ้นมาอีก นอกเสียจากเสียงพูดคุยโทรศัพท์ของคยองซูที่ดังออกมาจากด้านนอกห้อง แต่ก็จับใจความอะไรไม่ค่อยได้


    แวบหนึ่งลู่หานรู้สึกแปลกใจกับสรรพนามที่ร่างสูงใช้ แต่ก็นะ...มันก็เหมาะสมกับความเป็นเซฮุนดีนี่ เพราะงั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว


     Rrrrrrrr


    เสียงโทรศัพท์สั่นเครือดังขึ้นขัดบรรยากาศน่าอึดอัด ตอนแรกลู่หานก็นึกว่าเป็นของตนแต่ก็ไม่ใช่ กลายเป็นว่ามันคือของเซฮุนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง


    "ว่า? อื้ม ...เดี๋ยวกูไป" 


    ลู่หานนิ่งฟังที่อีกฝ่ายกรอกเสียงลงกับเครื่องมือสื่อสาร สรุปใจความได้แค่ว่าเขากำลังจะไปแล้วเท่านั้น


    "มีอะไรรึเปล่า?" 


    "เพื่อนกูกำลังมีปัญหา กูต้องไปแล้ว"


    "แต่-"


    "ฝันดี"


    ยังไม่ทันจะเอ่ยค้านเจ้าของสีผมแปลกตาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนเสียแล้ว จะให้รั้งไว้ก็ไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรที่เหมาะ คงทำได้แค่ปล่อยเขาไปแม้ว่าในใจจะรู้สึกกังวลมากก็ตาม


    จะไม่ให้กังวลได้ยังไงในเมื่อจู่ๆสีหน้าเซฮุนก็เปลี่ยนไป เหมือนกับตอนที่เกิดเรื่องเมื่อครู่ แถมเสียงก็ยังดูเเข็งกว่าเดิม ถึงปกติจะเป็นแบบนั้นก็ตาม


    "เซฮุนไปแล้วหรอ?" เสียงคยองซูเอ่ยถามตอนที่เจ้าตัวเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทำให้ลู่หานพยักหน้าตอบกลับไป


    คนที่มาจากจีนมองเสี้ยวหน้าเพื่อนตนที่ดูก็รู้ว่าเก็บซ่อนความกังวลเอาไว้ ทั้งสายตาและสีหน้าก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ลู่หานก็เลือกจะไม่ถามเพราะมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา มันอาจจะเกี่ยวกับปลายสายเมื่อกี้ก็ได้


    "ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ" ลู่หานเอ่ยพลางเดินขึ้นมาชั้นบนยังห้องของตัวเอง 


    อย่าว่าแต่คยองซูที่กังวลเลย เขาเองก็รู้สึกใจไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า กลัวว่าจะเป็นอันตราย จะบาดเจ็บอีก แล้วถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้น ใครจะเป็นคนมาทำแผลให้กันล่ะ 


    พยาบาลหรอ? ไม่อยากจะยอมให้ทำแบบนั้นเลย


    ลู่หานกำลังเอาของออกจากกระเป๋านักเรียนเพื่อมาดูว่ามีการบ้านมั้ย และเพื่อจัดตารางเรียนในวันถัดไป แต่ก็ต้องชะงักหยิบกล้องถ่ายรูปที่พกไปด้วยขึ้นมาเปิดรูปดู


    รอยยิ้มหวานระบายขึ้นบนริมฝีปากสีสวย ทันทีที่เปิดกล้องก็ปรากฏรูปของใครอีกคนที่ทำให้หัวใจเต้นผิดแปลกไป นิ้วเรียวลูบที่หน้าจออย่างเผลอไผล


    ใบหน้าหล่อเหลากำลังหลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทรา เรือนผมสีสว่างสะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆ ยิ่งดูน่าหลงใหล ราวกับเทพบุตรที่จุติลงมาจากสวรรค์อย่างไรอย่างงั้น 


    พอคิดมาถึงตรงนี้ร่างบางก็แอบขำกับตัวเอง 


    แปลกแต่จริง...เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย เซฮุนเป็นคนแรก และอาจจะเป็นคนสุดท้ายของเขาด้วยก็ได้ 


    กล้องในมือถูกวางลงบนโต๊ะเขียนหนังสือก่อนที่เจ้าของมันจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งที่ยังรู้สึกกังวลอยู่เช่นเคย


    ขอให้ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นทีเถอะ...



    ...



    "ลู่หาน! แย่แล้ว!!"










    [TBC.]

    ว่าจะอัพหลายวันเเล้วแต่ติดไปต่างจังหวัดกะทันหัน
    และมีดราม่าอะไรนิดหน่อย(ไม่นิดอ่ะ) เลยทำให้ล่าช้า

    ถ้าใครอ่านเวอร์เก่าจะรู้ค่ะว่าตอนนี้เปลี่ยนไปมาก
    ไม่รู้ว่าบรรยายฉากบู๊มันมั้ย แต่พออ่านซ้ำก็โอเคอยู่นะ
    ขอให้สนุกกับนักเลงตัวจริงนามว่าโอ เซฮุนน่ะคะ
    รีใหม่แล้วนางสายโหดกว่าเดิมมาก
    แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อนักเลงนะ รออ่านกันเนอะ
    จุ๊บๆ

    เม้น โหวต เฟบ แท็ก = ล้านกำลังใจ
    ช่วยกันสกรีมแท็ก #ฟิคนักเลงเซฮุน ด้วยนะค่ะ
    รออ่านอยู่เน้ออ 

    รีไรท์ 10/03/16








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×