[WINNER] smile again
เขาว่ากันว่า ..คนใจดียิ้มง่ายน่ะ อย่าให้ได้โกรธขึ้นมาเชียว โลกทั้งใบอาจถูกทลายจนไม่มีเหลือเชียวละ ซึงฮุนฮยอง กับ ตัวเล็กจินฮวาน
ผู้เข้าชมรวม
563
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Smile Again
เขาว่ากันว่า ..คนใจดียิ้มง่ายน่ะ
อย่าให้ได้โกรธขึ้นมาเชียว โลกทั้งใบอาจถูกทลายจนไม่มีเหลือเชียวละ
ถ้าอย่างนั้น เวลานี้ก็เหมือนว่าโลกจะใกล้ทลายเต็มทีสินะ
คิมจินฮวานเหยียดริมฝีปากบางออก
ใบหน้าขาวใสเชิดขึ้นสูง คนน่ารักทำปากเบะอย่างน่าสงสารแต่ไม่มีน้องๆเข้ามาปลอบอย่างทุกที กำปั้นเล็กๆยกขึ้นมาชกลมสองสามครั้งก่อนเจ้าตัวเล็กจะกอดอกแล้วหันหน้าหนีจ้องนกที่บินอยู่นอกหน้าต่างแทนใครบางคนที่ไม่อยากจะมองหน้าในตอนนี้
อีซึงฮุนเองก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
พี่รองของทีมเอยืนจ้องน้องที่เหลือทั้งแปดคนด้วยสายตาเอาเรื่องดวงตาเรียวที่มักยิบหยีด้วยผลจากรอยยิ้มตลอดเวลานั้นบัดนี้ไม่เหลือแววขบขันอยู่อีกมีเพียงรังสีอำมหิตบางอย่างที่ทำเอาน้องๆต้องค่อยๆหลบฉากกันไปทีละคนสองคน
"ซึงฮุนฮยอง ..ผมว่า...."
เสียงท้วงอย่างกล้าๆกลัวๆดังขึ้นในที่สุดดงฮยอกดูเหมือนจะทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าปริปากพูดแต่ยังไม่ทันแจ้งความประสงค์ใดๆเมื่อสายตาของซึงฮุนจ้องตรงไปอย่างเอาเรื่องเด็กตัวสูงก็หุบปากฉับอย่างไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกมาอีก
"คิดว่าเท่มากปะ ..มาขู่น้องเนี่ย ไปดงฮยอก เดี๋ยวฮยองต่อท่าใหม่ให้"
ประโยคต้นเหมือนตั้งใจจะแดกดันใครบางคน แล้วจึงสาวเท้าไปจูงมือคิมดงฮยอกน้องชายร่วมทีมออกไปจากห้องซ้อมรวมเพื่อที่จะกลับไปซ้อมเต้นท่าใหม่กันที่ห้องซ้อมของทีมตนเอง
"คิมจินฮวาน!"
คราวนี้ไม่เพียงดงฮยอกน้องชายทั้งแปดและรวมถึงพี่ใหญ่จินวูที่เพิ่งเข้ามาเงียบๆเมื่อครู่เองก็พุ่งสายตาตรงมายังคนต้นเรื่องที่ตวาดเสียงดัง จนพี่ใหญ่ทีมบีผู้เป็นคู่กรณีอีกคนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
"เฮ้ย ซึงฮุน ฮยองว่าเรื่องมันน่าจะค่อยๆคุยกันได้มั้ง ไม่เห็นต้องตวาดน้องมันขนาดนั้นเลย.."
อีซึงฮุนคงพอจะเหลือความเกรงใจให้จินวูฮยองอยู่บ้าง ร่างสูงโปร่งจึงเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรงชั่วอึดใจ ก่อนจะวาดฝีเท้าเร็วๆ เดินตรงไปกระชากแขนจินฮวานลากออกไปจากห้อง แม้คนตัวเล็กกว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เป็นผล ด้วยเรี่ยวแรงที่ต่างกันมากอยู่
♦
คูจุนฮเวเดินวนไปวนมาหลายรอบแล้ว ฮันบินสังเกตเห็นน้องเล็กมีสีหน้าไม่ดี พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าทำไมมักเน่ถึงลุกลี้ลุกลนผิดปกติ ฮยองของพวกเขาหายไปทั้งคนและยังหายไปทั้งวันแบบนี้ โดยเฉพาะยิ่งไปกับซึงฮุนฮยองที่อารมณ์ไม่ค่อยจะปกติ แม้แต่เขาเองก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
“ฮยอง..”
บ๊อบบี้ส่ายหน้าวืดใส่น้องชายทั้งสองคน ทั้งจุนฮเวที่เอ่ยปากถามเป็นครั้งที่ร้อย และฮันบินที่หันหน้ามามองตามคำถามของจุนฮเว เขาพยายามติดต่อกับจินฮวานหลายต่อหลายรอบแล้ว ทั้งโทร.และส่งข้อความไปแทบจะทุกๆสิบนาที แต่ไม่มีสัญญาณใดตอบกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“แบบนี้จะดีหรอวะ ?”
ฮันบินเอ่ยขึ้นเหมือนบ่นกับตัวเอง เขาไม่ได้เป็นห่วงแค่ว่าทีมจะไม่ได้ซ้อม แต่นอกจากนี้ฮยองตัวเล็กก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน ไม่รู้ว่าซึงฮุนฮยองพาจินฮวานไปเคลียร์กันที่ไหน จะมีลงไม้ลงมือกันหรือเปล่าก็ไม่รู้เลย เพราะเรื่องทะเลาะหนักหนาขนาดนี้ระหว่างฮยองทั้งสองคนไม่เคยเกิดขึ้น
ไม่มีใครรู้อีกต่างหากว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร
“ผมว่าผมออกไปตามหาดีกว่า”
จู่ๆมักเน่ไลน์อย่างจุนฮเวและดงฮยอกก็ลุกขึ้น ทำท่าว่าจะขออนุญาตพวกฮยองไปตามหาฮยองคนโตของทีม ฮันบินมองหน้าเด็กทั้งสองคนแวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าและสั่งให้นั่งลงไปเหมือนเดิม ถ้ามีใครสักคนจะออกไปตามหาจินฮวาน มันก็ควรจะเป็นเขาซึ่งเป็นลีดเดอร์ ไม่ใช่มักเน่อย่างสองคนนั้น
แต่ไม่ทันที่ใครจะได้ออกไปตามหาใครทั้งนั้น บานประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างน้อยๆของคนที่อยู่ในความคิดของสมาชิกทั้งห้าคน จินฮวานสาวเท้ายาวๆเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มที่แห้งเหี่ยวเสียเหลือเกิน
“ขอโทษนะที่ทำให้เสียเวลา มาซ้อมกันเถอะ”
ริมฝีปากบางแดงเอ่ยพร้อมกับที่เจ้าตัวโค้งลงน้อยๆ จินฮวานรู้สึกผิดที่ทำให้ทีมเสียเวลาค่อนวันเพราะเขา ทุกคนรู้ข้อนี้ดี จึงไม่มีใครกล้าเอ่ยถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่หายไป ทั้งจินฮวานเองเมื่อไม่พูดถึงมันก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย น้องๆได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อระหว่างการซ้อมในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น จินฮวานพี่ใหญ่ของวงที่มักจะทำได้ดีเสมอ กลับเต้นผิดหลายครั้ง ซ้ำร้ายกว่านั้นยังพลาดท่อนร้องของตัวเองไปตั้งหลายท่อน บ๊อบบี้สังเกตเห็นสักพักแล้วว่าฮันบินเริ่มจะไม่พอใจ และเขาคิดว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเห็นท่าจะไม่ดีแน่ บางทีนอกจากซึงฮุนฮยองแล้ว จินฮวานอาจต้องมีเรื่องผิดใจกับลีดเดอร์ของทีมไปอีกราย
“พักก่อนได้ป่าว ฉันเหนื่อยอะ ..”
เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นบอกกับลีดเดอร์โดยตรง ฮันบินพยักหน้ารับแกนๆเพราะเห็นว่าซ้อมไปคงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่านี้ ทุกคนแยกย้ายกันไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ดื่มน้ำกันตามปกติ เว้นเสียก็แต่ฮยองคนโตที่ทรุดตัวลงนั่งข้างจอมอนิเตอร์อย่างอ่อนใจ
“จินฮวานฮยอง เคลียร์หรือยังเรื่องนั้น ?”
ถามไปทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรกันแน่ ที่รู้ทั้งหมดก็แค่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณีในเหตุพิพาทเมื่อเช้า คงจะกำลังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกตินัก เพราะฮยองทั้งสองที่ปกติจะตัวติดกัน คุยกันยิ้มแย้ม แต่เหตุการณ์เมื่อเช้ากลับแปลกไปจากปกติ การทะเลาะกันต่อหน้าน้องๆไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปกติทั้งสองคนจะควบคุมอารมณ์ได้ดี แต่นี่คงมีเรื่องที่หนักหนามากจริงๆ
“อา ..ขอโทษนะจีวอน ฉันรู้ว่าฉํนกำลังเป็นตัวถ่วง จะพยายามให้ดีขึ้นนะ”
ใบหน้าน่ารักซบลงกับหัวเข่าตัวเอง จินฮวานฮยองไม่ยอมเปิดปากบอกเขาด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น อันที่จริงแรพเปอร์คนเก่งก็ไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านมากนัก แต่เพราะนี่คือพี่ชายคนสนิท คือคิมจินฮวาน และคือหนึ่งในทีมของเขา ดังนั้นเห็นทีบ๊อบบี้คงอยู่เฉย ปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีก
“มีอะไร ? ทะเลาะกันร้ายแรงหรอ? หรือมีอะไรที่เป็นความลับ ..บอกกันไม่ได้เลยงั้นหรอ?”
เขาเลิกคิ้วหันไปจ้องหน้าพี่ชายที่อายุมากกว่ากันแค่ปีเดียว สีหน้าจริงจังที่นานๆจะมีสักทีอาจทำให้จินฮวานรู้ว่าเขาเป็นห่วง เพราะคนตัวเล็กยอมเงยหน้ามามองแค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยกมือขึ้นกุมขมับ
“ไม่มีอะไรเลย ..จีวอน นายเชื่อไหมว่ามันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”
จีวอนเจ้าของชื่อเคลื่อนตัวเองเข้าไปใกล้ฮยองมากขึ้นอีกนิด โอบวงแขนแข็งแรงรอบลำคอของจินฮวาน ตบมันเบาๆอย่างที่มักจะทำเสมอเมื่อต้องการให้กำลังใจ
“ไม่มีอะไรคืออะไร ..ถ้ามันไม่เป็นปัญหา จินฮวานคนเก่งต้องยิ้มสิ”
ใบหน้าเรียวหันมามองเขาเต็มตา มุมปากเล็กพยายามยกขึ้นอยู่พักหนึ่ง แต่มันก็ไม่ใช่รอยยิ้มแบบที่จินฮวานทำบ่อยๆ เหมือนจะเป็นเพียงแค่การทำปากเป็นทรงประหลาดๆเท่านั้น จินฮวานยิ้มไม่ได้หรอกเขารู้ดี ในเวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ คิมจินฮวานไม่มีทางยิ้มออกมาจากหัวใจได้
“ขอโทษ ..เฮ้อ จริงๆแล้วเรื่องมันไม่มีอะไรเลยแท้ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้นะ”
คราวนี้เป็นบ๊อบบี้เองที่อยากจะถอนหายใจออกมายาวๆ จนแล้วจนรอดพี่ชายตัวเล็กก็ไม่บอกเขาว่ามีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ เขาจึงทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบผมจินฮวานเบาๆ
“คำแนะนำเดียวที่ให้ได้ตอนนี้คือไปเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเถอะ ..ก็รู้อยู่ว่าถ้างานไม่เดิน ฮันบินมันจะเป็นยังไง”
เพียงเท่านั้นฮยองของเขาก็กลิ้งตัวลงกับพื้นห้อง หมุนตัวไปมาแล้วดิ้นปัดๆอย่างบ้าคลั่ง คงต้องปล่อยให้จินฮวานต่อสู้กับตัวเองแบบนี้ไปสักพัก เขาเข้าใจดีว่าเวลาทะเลาะกันคนเรามันก็มีอีโก้ แต่ในเมื่อครั้งนี้ซึงฮุนฮยองมันไม่มาง้อ ถ้าจะปล่อยไปเรื่อยๆเดี๋ยวฮันบินมันโกรธขึ้นมาอีก เรื่องมันก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่น่ะสิ
ขอให้จินฮวานยอมลดอีโก้ไปง้อฮยองเขาได้ไวไวเถอะ
♦
แต่จนแล้วจนรอดก็เหมือนว่าคำขอของจีวอนจะไร้ผล
ทีมบียังคงซ้อมต่อไปได้อย่างกระท่อนกระแท่นแม้ทุกคนจะพยายามแล้ว ทุกคนตั้งใจเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งแต่เหมือนมันจะไม่โอเคสักที ฮันบินตวาดใส่จินฮวานหลายทีจนฮยองเกือบจะร้องไห้ สุดท้ายก็ต้องหยุดซ้อมกันไปตั้งแต่ยังไม่สองทุ่มดี ถือว่าเป็นวันที่ล้มเหลวโดยสมบูรณ์แบบก็ว่าได้
สำหรับทีมเอที่ซ้อมอยู่ห้องข้างๆกัน ก็ดูเหมือนกับว่าสถานการณ์ไม่ได้ต่างกันนัก อีซึงฮุนที่กลับมาเมื่อช่วงบ่ายทำหน้าไม่สบอารมณ์ตลอดเวลา ไม่มีใครเข้าหน้าติดแม้แต่จินวูฮยอง ในส่วนนี้ซึงยูนซึ่งเป็นลีดเดอร์เองก็กังวลใจอยู่แล้ว แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเหตุผลเดียวกับฮันบิน
งานไม่เดินเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าทุกคนจะทุ่มเทแรงกายแรงใจมากสักเท่าไร ซ้อมร้องจนแทฮยอนเสียงแหบไปแล้ว ซ้อมเต้นจนมิโนฮยองเต้นได้เป๊ะกว่าใครทุกคนก็แล้ว มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยเมื่อซึงฮุนฮยองยังขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา แล้วทำท่าทางไร้เรี่ยวแรงเหมือนไม่มีใจจะซ้อมอยู่อย่างนั้น
เอาจริงๆซึงยูนก็เข้าใจ
..เขาเองก็เคยมีประสบการณ์ทะเลาะกับแฟนมาบ้าง ถึงจะไม่รู้ว่าร้ายแรงพอๆกับฮยองหรือเปล่าก็เถอะ แต่ว่ามันก็ไม่น่าจะปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อไปจนข้ามวันไม่ใช่หรือไง แล้วนี่มันจะต้องรออีกนานแค่ไหนฮยองถึงจะยอมลดอีโก้ไปคุยกับจินฮวานด้วยเหตุผลสักที พวกเขาเองก็จะได้ไม่ต้องมาทนอึดอัดไปด้วย
และเหมือนจะไม่ต้องรอนานไปกว่านั้นอีก
“ฮันบิน!!!!!”
ถึงแม้ว่าห้องซ้อมจะเก็บเสียง แต่ก็เพราะว่าซงยุนฮยองออกมาแหกปากตะโกนเรียกชื่อลีดเดอร์ของทีมอยู่หน้าห้อง พวกเขาทีมเอก็เลยได้ยินชัดเต็มรูหู แทฮยอนรีบวิ่งนำฮยองทีมเอออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่ซึงฮุนฮยองเดินรั้งท้ายด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ฮันบินฮยอง ใจเย็นๆก่อนดิวะ!”
เสียงตะโกนโต้ตอบกันไปมาเริ่มดังขึ้นเป็นลำดับ ตามที่ซึงยูนเห็นมันชักจะไม่ปกติขึ้นทุกที ทีมบีที่ปกติรักกันเสียเต็มประดากำลังทะเลาะกันถึงขั้นใช้กำลัง ภาพที่เขาเห็นคือจีวอนกำลังล็อคแขนสองข้างของฮันบินไว้ ในขณะที่เจ้าตัวซึ่งสูงและหนากว่าออกแรงดิ้นจนดงฮยอกต้องเข้ามาช่วยรั้งไว้อีกแรง ถัดไปไม่ถึงสามก้าวจุนฮเวยืนกางแขนบังจินฮวานเอาไว้จนมิด ด้านหลังน้องเล็กของทีมมียุนฮยองที่กอดจินฮวานเอาไว้ทั้งตัวเพื่อป้องกันอันตราย
“ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปดิว้าจีวอนฮยอง แม่ง!!”
ฮันบินยังดิ้นพราดๆโดยไม่สนใจว่าทีมเอทั้งทีมกำลังออกมายืนออในที่เกิดเหตุ ซึงยูนกำลังจะเข้าไปช่วยน้องทั้งสองคนจับฮันบินไว้อีกแรง แต่ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจช้าเกินไป เพราะซึงฮุนฮยองที่เดินตามออกมาอย่างซังกะตายเมื่อครู่ บัดนี้พุ่งเข้าไปคร่อมทับลีดเดอร์ทีมบีเรียบร้อยแล้ว
“เหี้ยเอ๊ย!ทำอะไรจินฮวานวะ!”
ข้อมือหนากดทับหัวไหล่ของอีกฝ่ายไว้ ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของพี่น้องทั้งหมด วินาทีถัดมาฮันบินเองก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่แพ้คนอื่น เมื่อได้ยินคำสบถหยาบคายหลุดออกจากปากฮยองที่ไม่เคยด่าใคร แววตาแข็งกร้าวของซึงฮุนเรียกสติเขาให้กลับมาโฟกัสที่เหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
“ฮันบิน ฉันถามว่าแกทำเหี้ยอะไรลงไป ทำไมจินฮวานร้องไห้!”
สิ้นเสียงตะคอกเท่านั้น สายตาของทุกคนก็เบนจากคู่กรณีใหม่ไปยังคนตัวเล็กที่ยังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของยุนฮยอง ซึงยูนเองเพิ่งเห็นว่าจินฮวานร้องไห้เพราะตั้งแต่ออกมาจากห้องซ้อมก็สนใจแต่ฮันบิน แต่เหมือนว่าฮยองคนรองของทีมจะไม่เป็นแบบนั้น ช่วงแรกซึงฮุนฮยองดูเฉื่อยชามากจนกระทั่งจู่ๆก็พุ่งไปชาร์ตฮันบินนั่นละ
ซึ่งก็คงเป็นวินาทีเดียวกับที่เห็นน้ำตาของจินฮวานสินะ
“ฮยอง ..”
เสียงเล็กแหบแต่อู้อี้ดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะถลาเข้ามาห้าม เมื่อเห็นว่าหมัดหนักๆของซึงฮุนฮยองกำลังง้างขึ้นเหนือใบหน้าน้องชายคนสนิท จินฮวานกอดฮยองไว้จากด้านหลังแล้วดึงตัวออกมา ทั้งที่ขนาดตัวและกำลังที่มีนั้นดูก็รู้ว่าสู้ใครไม่ได้ทั้งนั้น แต่คนตัวเล็กก็พยายามเต็มที่ที่จะไม่สร้างเรื่องวุ่นวายให้ใครทะเลาะกันเพราะเขาอีก
มือเล็กดึงกึ่งลากให้ซึงฮุนกลับเข้าไปในห้องซ้อมของทีมเอพร้อมกัน เป็นครั้งแรกที่จินฮวานได้มีโอกาสเข้ามาในห้องนี้ สถานที่ที่ฮยองของเขาหมกตัวอยู่เป็นวันๆกับเพื่อนร่วมทีม แต่ติดอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาสำรวจห้องซ้อม จินฮวานต้องรีบเคลียร์ก่อนที่ซึงฮุนฮยองจะบ้าคลั่งไปต่อยหน้าฮันบินอีกครั้ง
“ไม่ร้องแล้วนะ ..”
ยังไม่ทันที่จินฮวานจะเอ่ยอะไรออกไป ฮยองก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าน่ารัก แววตาแข็งกร้าวเมื่อครู่หายไปแล้ว หลงเหลือแต่ความเป็นห่วงเป็นใยที่ส่งความอบอุ่นผ่านมาทางดวงตาคู่นั้น อย่างที่เคยเป็นมาในเวลาปกติ
“อือ ..ไม่เป็นไรแล้ว”
หัวทุยผงกขึ้นลงช้าๆก่อนจะรู้สึกตัวว่าถูกกอด จินฮวานอยากอธิบายให้ฮยองฟังว่าฮันบินไม่ได้รังแกเขา เพียงแต่น้องแค่โมโหเท่านั้นที่การซ้อมไม่คืบหน้าเสียที แต่เหมือนฮยองจะไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่เรื่องนั้นอีก เพราะคำพูดประโยคต่อมาที่กระซิบลงข้างใบหูขาว กลับเป็นอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน
“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ..ฮยองเตือนอะไรก็ฟัง อย่าดื้อ”
เปลือกตาสีอ่อนปิดลงในเวลาไล่เลี่ยกับกับที่ใบหน้าเล็กซุกลงในอ้อมกอดของอีกคน จินฮวานพึมพำขอโทษเสียงเบาและสัญญาว่าจะไม่ทำตัวเป็นเด็กดื้อ จะไม่ทำให้ต้องทะเลาะกันรุนแรงอีก คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาในวงแขนแข็งแรงนั้น นึกดีใจที่บรรยากาศระหว่างเขาทั้งสองดูเหมือนจะดีขึ้น หลังจากที่อึมครึมมาตลอดทั้งวัน
“ฮยองก็ขอโทษที่เมื่อคืนโมโหเกินไป ที่ดุตัวเล็กก็เพราะเป็นห่วงมาก รู้ใช่มั้ยครับ?”
ซึงฮุนฮยองทอดเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นว่าร่างเล็กยอมเอ่ยขอโทษ รู้หรอกว่าจินฮวานน่ะดื้อเงียบแค่ไหน และก็รู้อีกนั่นแหละว่าการเอาชนะตัวเอง จนถึงการยอมเอ่ยคำขอโทษออกมานั้นมันยากเย็นสักแค่ไหน เพราะฉะนั้นเมื่อน้องยอมเขามากขนาดนี้แล้ว อีซึงฮุนก็ไม่จำเป็นต้องดุด่าว่ากล่าวอีก เขาเองก็อยากจะขอโทษคนตัวเล็กเหมือนกันที่ออกจะใจร้ายมากเกินไปสักหน่อย
“อือ ต่อไปไม่ดุแล้วได้มั้ย คุยกันดีๆนะ ..ไม่ชอบฮยองแบบนั้นเลย”
เสียงใสเอ่ยขึ้นภายหลังจากทำจมูกฟุดฟิดอยู่ครู่หนึ่ง จินฮวานเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาออดอ้อน ดวงตาเรียวรีฉ่ำน้ำที่บวมแดงนั้นจ้องตรงมาอย่างงอนง้อ ซึงฮุนเองไม่รู้ว่าน้องตั้งใจทำหน้าตาน่ารักเพื่อให้เขาตอบตกลงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือมากกว่าการตอบตกลง หัวใจของผู้ชายอย่างเขาอ่อนยวบลงเพราะเด็กในอ้อมกอดคนนี้ไปแล้ว
“อือ ถ้าตัวเล็กไม่ดื้อ ฮยองก็สัญญาว่าจะไม่ดุอีก ..”
รอยยิ้มหวานกดลงที่มุมปากทั้งสองด้าน พวงแก้มเนียนใสดันดวงตารีเล็กขึ้นจนเกือบจะปิดลง ซึงฮุนเห็นแบบนั้นก็อดจะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ เพราะคนน่ารักของเขากลับมาเป็นคิมจินฮวานที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม เขาเองไม่ชอบเลยเมื่อตอนที่เห็นน้ำตาของน้อง ถึงมันจะไม่บ่อยนักแต่ซึงฮุนไม่อยากจะเห็นมันอีก
“จินฮวานไม่ดื้อแล้ว สัญญา”
เสียงเล็กเอ่ยบอกพลางยื่นนิ้วก้อยออกคล้องเกี่ยวเข้ากับนิ้วของซึงฮุนเอาไว้ ก่อนที่ริมฝีปากเล็กจะแนบเข้ากับแก้มของฮยองทั้งสองข้าง นี่ก็เป็นแค่วิธีขอโทษที่จินฮวานคิดว่าซึงฮุนฮยองอาจจะชอบ เพราะเพียงแต่โล่งใจและรู้สึกอยากตอบแทนฮยองที่ยอมให้อภัยที่เขาทำตัวไม่ดีก็เท่านั้น
เพราะว่าเคยได้ยินใครสักคนบอกว่า..
เขาว่ากันว่า ..คนใจดียิ้มง่ายน่ะ
อย่าให้ได้โกรธขึ้นมาเชียว โลกทั้งใบอาจถูกทลายจนไม่มีเหลือเชียวละ
ก็เลยอยากรักษาโลกใบนี้เพื่อมวลมนุษยชาติต่างหากล่ะ!
ไม่ได้อยากอ้อนฮยองเลยจริงๆนะ
fiction by qwinnet.
ผลงานอื่นๆ ของ wa-i_onne ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ wa-i_onne
ความคิดเห็น