[OS] อาย {WIN : BJIN}
ฮันบินคนป๊อด กับ พี่จินฮวานคนมุ้งมิ้ง
ผู้เข้าชมรวม
1,644
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อาย♡
Hanbin x Jinhwan
song : อาย สิงโต นำโชค
แค่ร้องว่า อาอียาอียา อาอียาอียา ~
ท้องทะเล ท้องฟ้ามีเพียงแค่เราท่ามกลางหาดทรายขาว และตอนนี้คิมฮันบินที่เคยคิดว่าตัวเองเซลฟ์สุดๆก็กำลังยืนเก้ๆกังๆอยู่ต่อหน้าเจ้าของบ้านติดริมทะเลบนเกาะเชจู โดยไร้วี่แววไอ้พี่บ้าอีกคนที่มาด้วยกัน และครอบครัวที่น่ารักเจ้าของบ้านหลังนี้ หลังจากที่ทานมื้อเย็นเป็นเนื้อย่างฝีมือเจ้าของบ้านและคุยโม้อะไรต่อมิอะไรกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็ดูจะร่วมใจกันหายตัวเข้าไปในบ้านภายในเวลาไม่กี่นาที
เหลือแค่ทะเล สายลม คิมฮันบิน และจินฮวานฮยอง
"ไปยืนทำไมตรงนั้น ไม่เข้าบ้านหรือไง"
"เอ่อ ฮยองเข้าไปก่อนดิ"
"ได้ยังไงเล่า เจ้าบ้านี่"
พูดพลางพาร่างกายบอบบางที่ดูเหมือนจะหยุดโตไปแล้วเข้ามาใกล้ คิมฮันบินเลยตอบแทนด้วยการถอยเท้าไปข้างหลังหนึ่งสเต็ปแบบไม่รู้ตัว แน่นอนว่าการกระทำนั้นสามารถทำให้เรียวคิ้วที่อยู่เหนือดวงตาเล็กนั่นขมวดมุ่นเข้าหากันได้ไม่ยาก จินฮวานหรี่ตามองท่าทางแปลกประหลาดของคนอายุน้อยกว่าที่ยศเป็นถึงลีดเดอร์ทีมบีอย่างไม่พอใจนัก
"เป็นอะไรของนายล่ะเนี่ย"
"เปล๊า ฮยองเข้าบ้านไปเหอะ เดี๋ยวจะไปขี่รถจักรยานชมวิว"
"ตอน 5 ทุ่มเนี่ยนะ"
ว่าพลางยกนาฬิกาที่ข้อมือบางขึ้นดูเป็นการยืนยัน คิมฮันบินได้แต่ยิ้มแห้งๆใส่คนตัวเล็ก ยกมือขึ้นเกาหัวแกรกเพราะหาเหตุผลมารองรับไอ้ความอยากชื่นชมธรรมชาติที่ดูไม่เป็นธรรมชาตินี่ไม่ได้ จินฮวานเหล่ตามองอย่างไม่เชื่อใจ
"งั้นฉันไปด้วย"
"ฮยองจะไปทำไมเนี่ย"
"แล้วนายรู้ทางหรือไง นี่มันบ้านฉันนะ คิมฮันบิน"
เน้นย้ำคำสุดท้ายด้วยเสียงที่กดลงต่ำจากโทนเดิมไปนิด เจ้าตัวคงคิดว่ามันดูเข้มและ เอ่อ อาจจะน่ากลัวขึ้นทั้งที่จริงๆไม่ใช่ คิมจินฮวานทำเป็นโหดไปก็เท่านั้น ใครๆก็รู้ว่าคนตัวเล็กนี่โกรธคนอื่นนานๆได้ที่ไหน ถึงขนาดไอ้พวกมัคเน่จอมแสบนั่นรวมหัวกันแกล้ง พี่ใหญ่ของวงยังทำได้แค่ขู่เลย
ถ้าอย่างนั้น คิมฮันบินก็จะทำเป็นยอมแพ้ไปก็แล้วกัน
"เออๆๆ ฮยองก็ไปเอาจักรยานมาดิ"
"เดี๋ยวไปตามจิวอนด้วย"
เหออออ!!
คิมจิวอน ไอ้พี่หน้าแป๊ะนั่นคงจะตอบรับคำชวนหรอก จินฮวานฮยองน่ะไม่รู้เสียแล้วว่าที่คิมฮันบินต้องทำท่าประหลาดๆแล้วก็รู้สึกแปลกๆใส่นี่มันก็เพราะไอ้ฮยองเวรนั่นทั้งนั้น เจ้าของใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เพิ่งหายเข้าไปในบ้านไม่รู้หรอกว่าบาบิฮยองเป่าหูอะไรเขาไว้บ้าง บรรยากาศเป็นใจขนาดนี้บ้างล่ะ ว่าเขาป๊อดบ้างล่ะ ตบท้ายด้วยการไล่ให้ไปทำอะไรสักอย่างให้การมาบ้านฮยองตัวเล็กก่อนกลับไปซ้อมหนักนี่ไม่ไร้ความหมาย
เออ ก็ให้มันรู้ไปสิว่าคิมฮันบินจะทำไม่ได้!!
ว่าทั้งหัวใจ มีแต่เธอนั้น
อยากให้เชื่อกัน :D
จักรยานคันน้อยค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากคาเฟ่ที่ปิดไปตั้งแต่สองทุ่ม ตามถนนเล็กที่คนขี่ไม่ค่อยคุ้นนัก ยังดีที่ว่ามีคนตัวเบาซ้อนท้ายอยู่ข้างหลังคอยบอกทางค่อยๆ เสียงเล็กที่เป็นเอกลักษณ์ของเมนโวคอลทีมบียังคงน่าฟังไม่เปลี่ยนในความคิดของฮันบิน คิมจินฮวานนั่งซ้อนท้ายแบบพิสดารด้วยการหันแผ่นหลังบางให้คนขี่อย่างเขา แถมยังกางมือเหมือนเด็กที่ถูกพาออกมาเที่ยวอย่างไม่กลัวว่าจะกลิ้งตกลงไปจูบพื้น
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้าอีกทีก็ถึงแล้ว”
เอ่ยย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นทางแยกข้างหน้า จุดหมายของเขาสองคนคือทะเลที่เมื่อกลางวันไปแอบไปเล่นจนเปียกมะล่อกมะแล่กกลับบ้านกันมาแล้ว พร้อมด้วยอุปกรณ์เพิ่มความสนุกอย่างไฟเย็นและสารพัดของเด็กเล่นที่มีประกายไฟที่คนตัวเล็กไปขุดมาจากในบ้าน
“จิวอนต้องเสียใจแน่ๆที่ไม่ได้มา อ่ะ จอดนี่เลยฮันบิน”
ต้นแขนของคนขับรับรู้ถึงแรงสะกิดจากข้อศอกมนของคนซ้อน รถสองล้อที่ปั่นมาด้วยความเร็วคงที่จึงค่อยชะลอตัวลงและหยุดในที่สุด ไม่รอให้ฮันบินจอดรถให้เสร็จดี พี่ใหญ่ของทีมที่เป็นเจ้าของบ้านก็กระโดดแผล็วลงจากรถ วิ่งย่ำถอดรองเท้าแตะไว้ที่พื้นปูนก่อนจะลงไปเหยียบพื้นทรายอย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อกลางวันไม่มีผิด
ร่างเล็กในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นพลิ้วๆอันเป็นสไตล์ วิ่งหาที่ทางไปมาบนหาดอย่างไม่กลัวว่าตัวจะเหนียวลมทะเล เสียงคลื่นกระทบฝั่งพร้อมกับกลิ่นลมทะเลและแสงจันทร์บางๆ ยิ่งทำให้ท้องทะเลยามใกล้จะเที่ยงคืนดูน่าหลงใหลเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แม้คิมฮันบินที่เป็นเด็กในเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวายนั่นมาตลอดจะยังไม่แน่ใจว่า
ระหว่างทะเลที่เขาสาธยายมาทั้งหมดนั่น กับเจ้าของร่างเล็กจ้อยที่อยู่ด้วยกันมาสามปี
อย่างไหนที่ น่าหลงใหล กว่ากัน
“ฮันบินไฟอยู่ไหน เล่นไอ้นี่ไหม”
พูดพลางโบกของเล่นที่ยังไม่ได้จุดไฟในมือไปมา เจ้าของชื่อที่โดนถามหาอุปกรณ์เบ้หน้าเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ ถึงแม้มือจะคว้าไฟแช็กในกระเป๋ากางเกงที่หยิบติดมาโยนให้คนขอไปแล้ว
“ม่ายอ้ะ ฮยองเล่นไรเป็นเด็ก”
“ได้ไง รู้งี้ลากจิวอนมาด้วยยังจะดีกว่าเจ้าคนน่าเบื่อ”
พูดพลางพยายามจุดไฟไปพลาง แต่คิมจินฮวานคงจะลืมไปว่าเจ้าตัวไม่เคยทำอะไรแบบนี้สำเร็จเลยสักครั้ง ฮันบินเลยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา แล้วลงมือจุดเจ้าไฟเย็นที่คนตัวเล็กดูจะชอบแสนชอบนั่นให้เสีย คนที่ทำตัวเหมือนเด็กๆยิ้มกว้างเมื่อเห็นแสงไฟสว่างวูบในมือ ก่อนมันจะปะทุคล้ายดอกไม้ที่มีประกายระยิบระยับ
ดูน่ามองไม่ต่างจากรอยยิ้มถูกใจนั่นเลย
ฮันบินย่อตัวนั่งลงบนผืนทรายละเอียดอันเป็นจุดเด่นของเกาะ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งในเกาหลีอย่างไม่กลัวเปื้อน คิดไว้ในใจว่าคงต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเข้านอนแน่ๆ เลยไม่ทันเห็นว่าเจ้าของที่พักพิงบนเกาะเล็กนี้เดินเข้ามาใกล้พร้อมแสงไฟสว่างไสวในมือ
“เล่นด้วยกันเหอะน่า”
“ก็บอกว่า...”
ยังไม่ทันที่จะได้ปฏิเสธเป็นรอบที่สอง มือนุ่มที่เขาหลีกเลี่ยงที่จะแตะต้องมาทั้งวันก็ยื่นมาจับมือเขาไว้ ไฟเย็นในมือถูกส่งผ่านและบังคับให้กำไว้แบบมัดมือชก ฮันบินเลยต้องถือต่อไปจนกว่าไฟที่ปะทุอยู่นั้นจะวิ่งไปจนหมดแท่งอย่างเลยตามเลย เสี้ยวหน้าอ่อนเยาว์หันมายิ้มเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตนพยายามทำนั้นสำเร็จ เท่านั้นไม่พอ จินฮวานฮยองยังดึงเขาให้ทรุดนั่งลงบนหาดทรายด้วยกันเสียเฉย
“ย๊า เปื้อนไหมเนี่ยฮยอง”
“นิดหน่อยเองน่า ขี้โวยวายจริงๆ”
ถ้าปล่อยคืนนี้ผ่านไป เก็บความรักไว้อย่างนั้น ก็คงไม่รู้ว่าใจตรงกัน
หลังถูกว่าด้วยเสียงง้องแง้ง คิมฮันบินจ้องหน้าฮยองคนโตของทีม ไม่รู้ว่าเพราะเสียงคลื่นที่สาดซัดเข้ากระทบฝั่งจนฟังเหมือนทำนองเพลง หรือเพราะแสงสะท้อนของดาวที่ทอประกายบนผิวน้ำ แต่เขารู้สึกว่านี่มันเป็นเวลาที่เหมาะสมดีแล้ว ที่จะพูดอะไรที่อยู่ในใจออกไป ฮันบินคว้ามือฮยองมาจับด้วยอาการสั่นที่รู้สึกได้
“นี่ฮยอง”
เอ่ยเรียกคนที่ยังชื่นชมแสงไฟจะปลายแท่งของไฟเย็น แล้วเว้นวรรคให้ได้ใช้เวลาว่างอันน้อยนิดนี่เรียกขวัญและกำลังใจออกมาให้ได้ คำพูดของบาบิฮยองวนเวียนไปมาในหัวไม่จบไม่สิ้น รอจนแสงสวยงามนั่นมอดลงจนหมดแท่งนั่นแหละ จินฮวานฮยองถึงได้หันมาสนใจเขาที่นั่งสูดหายใจเข้าออกจนเหมือนจะทำสมาธิได้
"เป็นแฟนกันมั้ย?"
จินฮวานที่ยิ้มแย้ม อยู่ดีๆก็ชะงักลง คิ้วเรียวขมวดเป็นปม ปากเล็กเผยอออกอย่างทุกทีที่ติดใจสงสัย เหมือนเจ้าของเสียงใสจะเอ่ยถามในลำคออย่างไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินนัก
"คือหมายถึง ..เอ่อ.. แบบ.. ผมชอบฮยอง.."
คราวนี้ไม่ใช่แค่ติดใจสงสัย ฮยองตัวเล็กถึงกับทิ้งน้ำหนักตัวลงไปกองกับพื้นทรายอย่างไม่กลัวเจ็บ
"คือ.. ไม่ใช่ ..แบบ.. คือผมชอบฮยองมานานมากแล้ว แล้ว.. แล้วก็.. อยากรู้ว่า ..คิดเหมือนกันมั้ย?"
จบคำถามประโยคยาวและตะกุกตะกักที่สุดในชีวิต ความมั่นอกมั่นใจในฐานะลีดเดอร์ก็ล่มสลายลง
ฮันบินกำลังรู้สึกแย่ ในอกสั่นรัวไปหมดเหมือนมีใครเอาลำโพงที่เปิดเพลงบีทหนักๆมาตั้งไว้ข้างๆ หัวสมองขาวโพลนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเคยมีความมั่นใจมากกว่านี้ เคยควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้หลายเท่า ทั้งยังเคยเด็ดขาดจนคนในทีมไม่กล้าเถียงอะไรด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าจะเป็นการบอกรักครั้งแรก และถูกปฏิเสธเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยเหมือนกัน
"ช่างเถอะ ไม่ต้องตอบก็ได้ ถือว่าไม่ได้พูดแล้วกันนะ"
ว่าจบก็หมุนตัวไปเก็บของเล่นต่างๆนานา ที่กองอยู่บนพื้นทราย แล้วควบตัวขึ้นจักรยานอย่างทุลักทุเล ไม่รอให้คนตัวเล็กที่ยังมึนๆงงๆอยู่ได้พูดอะไรสักคำ
"ไปเถอะ กลับดึกกว่านี้จะไม่สบายนะ"
จินฮวานเหมือนยังไม่หายอึ้ง แต่ก็ก้าวเท้าออกเดินช้าๆมาขึ้นซ้อนท้ายจักรยาน มือเล็กกอดเอวเขาหลวมๆ พลางซบใบหน้าน่ารักลงกับแผ่นหลัง คล้ายเป็นสัญญาณให้ออกรถได้ ฮันบินพยายามออกแรงถีบเท่าที่คิดว่าร่างกายจะทำได้แล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะจิตใจกำลังห่อเหี่ยว เจ้าจักรยานคันเดิมที่เคยแล่นฉิวออกจากบ้านของฮยองนั้น ดูจะช้ากว่าเดิมหลายเท่านัก
ยิ่งคนซ้อนท้ายเงียบไป เขายิ่งใจเสีย
อยากจะเอ่ยถามแต่ก็ไม่กล้า ดีที่ฮยองยังไม่เว้นระห่างแบบปุบปับ เพราะมือเล็กยังคงคล้องบางๆที่เอวเขาอยู่ แต่ขากลับหลังจากเจอกระสุนคำถามที่สุดจะอัปยศอดสูเข้าไป จินฮวานฮยองก็ไม่เรียกร้องจะนั่งกลับหลัง หรือไม่แม้แต่ชวนคุย ปล่อยให้ฮันบินคิดเอาเองว่าความเงียบนั่นคือการปฏิเสธ
“พูดจริงหรอ”
น้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ที่เจ้าตัวเคยพูดว่าเหมาะที่จะฟังยามค่ำคืนดังขึ้น ในช่วงเวลาที่รอบกายทั้งภายในห้วงคิดของฮันบินเงียบงัน เขาแทบจะหยุดจักรยานแล้วหันไปหาอีกคนแล้ว ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะลงไปวัดถนนด้วยกันทั้งคู่ ที่แย่กว่าอะไรต่อมิอะไรที่กำลังลอยไปมาในหัวคือเขาไม่สามารถเห็นใบหน้าใสนั่นได้เลยเพราะอยู่ข้างหน้า
“ก็บอกให้ฮยองลืมๆไปไงเล่า”
“ง่า..ชอบ เหมือนกับที่ชอบจิวอนหรือเปล่า”
ห๊ะ
“ฮยองว่าไงนะ!!!!”
อดจะพูดเสียงดังใส่ไม่ได้เมื่อที่จริงนิสัยคิมฮันบินก็เป็นพวกชอบโวยวายอยู่แล้ว คราวนี้สารถีจำเป็นได้หยุดรถคันน้อยลงเสียจริงๆ ร่างสูงโปร่งเอี้ยวตัวมาข้างหลังหวังจะเห็นหน้าของคนที่ถามคำถามประหลาดออกมา ไอ้ฮยองหน้าแป๊ะนั่นมันมาเกี่ยวอะไรด้วย แต่คิมจินฮวานก็ไม่แม้แต่จะให้ความร่วมมือ เจ้าของจักรยานรีบซุกหน้าเข้าหาเสื้อเขาอยู่อย่างนั้น
“ก็แค่อยากรู้ว่าชอบแบบไหน”
“โว้ย ไม่ว่าจะแบบไหนผมก็ไม่ชอบบาบิฮยองแน่ๆอ่ะ ผมแค่ชอบฮยองเองเนี่ย เข้าใจยากไปได้”
เจ้าเด็กขี้โมโหทำท่าเหมือนจะพ่นไฟใส่หน้าคนที่บอกชอบไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว คิมฮันบินเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่ควรโวยวายใส่จินฮวานฮยองที่ตอนนี้นิ่งเงียบไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยขอโทษหรืออะไร
ประโยคต่อมาก็ทำให้เขาแทบหยุดหายใจ
.
.
.
.
“แล้วถ้าจะตอบตกลงนี่ต้องทำไง?”
มือบางที่กอดเอวอยู่กระชับมือให้แน่นขึ้น เจ้าของใบหน้าที่เขาอยากเห็นพยายามมุดหน้าลงกับเสื้อเขาแล้วส่ายหัวไปมา ฮันบินไม่รู้ว่าจินฮวานฮยองกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ รู้แต่ความรู้สึกตัวเองที่มันเต็มตื้นไปหมดจนคิดอะไรดีดีในหัวไม่ออก ยิ่งเห็นใบหูเล็กจากปลายตาว่ามันกำลังแดงก่ำบอกความรู้สึกเจ้าของ
ความรู้สึกที่...ตรงกัน
“งะ...งั้น ฮยองก็แค่...”
แค่ร้องว่า อาอียาอียา อาอียาอียา ก็พอ~
แค่เพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจ ♡
THE END.
ผลงานอื่นๆ ของ wa-i_onne ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ wa-i_onne
ความคิดเห็น