Before the rain wilt ก่อนที่สายฝนจะโรยรา

เงื่อนใขภายในโลก "รูนเทอร์เรีย"

       บนโลกนี้จะมีสะสารที่มีชื่อว่า “อาเฮเรีย” ที่แปลว่าลมหายใจ ซึ่งจะเป็นสะสารที่ไหลเวียนอยู่ทั่วไปในอากาศ และไหลเวียนอยู่ในสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ ผลของสะสารนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีพลังพิเศษในรูปแบบต่างๆ ยิ่งถ้าสิ่งมีชีวิตใดมีสะสารอาเฮเรียไหลเวียนอยู่มาก ก็จะยิ่งส่งผลต่อระดับของพลังที่สามารถควบคุมได้ แต่ในทางกลับกันก็จะทำให้สิ่งมีชีวิต นั้นๆมีลักษณะทางกายภาพที่แปลกประหลาดและแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีสะสารนี้มาก ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นพืชที่มีสะสารไหลเวียนอยู่มากก็จะทำให้มีขนาดใหญ่และใบเรืองแสงในเวลากลางคืน หรือหากเป็นสัตว์ที่ที่มีเขาก็จะมีเขาที่ขนาดใหญ่ และตาเรื่องแสงในที่มืด รวมไปถึงอวัยวะต่างๆก็จะเป็นของสัตว์อื่น เช่นว่า มีเขาแพะและปีกข้างคาว และมันจะถูกถ่ายทอดลงไปตาม DNA ของสายเลือดนั้นๆด้วยซึ่งอวัยวะเหล่านี้จะวิวัฒนาการขึ้นมาตามแต่ละลักษณะของพลังที่มี ดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่มีสะสารนี้ไหลเวียนอยู่ในตัวจึงมีพลังและลักษณะอวัยวะที่แทบจะไม่ซ้ำแบบกันทีเดียว

แผนที่โดยคร่าวของโลกรูนเทอร์เรีย

ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่า ถึงแม้ว่าหน้าตาของแผนที่จะเป็นแบบนี้ แต่ก็ขอย้ำไว้เลยนะครับว่า นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่ยุคแฟนตาซีนะ เป็นยุคปัจจุบันที่มีตึกรามบ้านช่อง รถยต์ เครื่องบิน สมาร์ทโฟน ห้างสรรพสินค้า หรือเทคโนโลยีต่างๆเหมือนกับโลกเรายุคนี้เลยนะครับ

     ทั้งนี้ สภาพอากาศของโลกนี้มีทั้งหมด 5 ฤดู นั่นคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูฝน ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูหนาว รวมไปถึงสภาพอากาศพิเศษที่เกิดขึ้นจากผลของสะสารอาเฮเรียอีกด้วย

สภาพอากาศแบบ “เกรต้ามิราจ(กระจกไข่มุข)” : จะมีอากาศชื้นและอมน้ำมาก มีฟองน้ำขนาดต่างๆลอยอยู่ทั่วบริเวณมีทั้งเล็กเท่าลูกแก้วไปจนถึงรถยนต์ ซึ่งจะมีผลให้เกิดมิติกระจกไปทั่วบริเวณทำให้ไม่เห็นสภาพที่แท้จริงของพื้นที่ และจะมีผลของเวทย์ลวงตาเล็กๆ สภาพอากาศแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อยในช่วงฤดูฝน หรือช่วงหลังฝนตกหมาดๆ

สภาพอากาศแบบ “เซเรนการ์เดีย(ดาวหาง)” : จะมีฝุ่นหรือหินจากอวกาศตกลงมา ซึ่งมันจะผ่านชั้นโอโซนของรูนเทอร์เรีย ลงมาสู่พื้นโลก ซึ่งอุกาบาศเหล่านั้นจะเผาไหม้และหลอมสะสารอาเฮเรียลงไปในอุกาบาศยิ่งมันก้อนใหญ่แค่ไหนก็ยิ่งสะสมสะสารอาเฮเรียมากเท่านั้น ซึ่งอุกาบาศเหล่านี้จะถูกนำไปทำเครื่องมือที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาของเวทย์มนต์ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อตกลงมามักจะเกิดการระเบิดของเวทย์มนต์ดังนั้นจึงมีโอกาศยากมากที่จะมีอุกาบาศอาเฮเรียสภาพดีสักก้อนขึ้น สภาพอากาศนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งในรอบสองปีช่วงต้นฤดูร้อน

สภาพอากาศแบบ “รูนเทอร์เรียออโรร่า(แสงหนือแห่งรูนเทอร์เรีย)” : จะมีหมอกสีนีออนสว่างไปทั่วบริเวณ ซึ่งหมอกเหล่านี้ก็คือสะสารอาเฮเรียนั่นเอง โดยทั่วไปสะสารอาเฮเรียไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เนื่องจากสภาพอากาศนี้เป็นการสะสมอย่างมาหาศาลของสะสารอาเฮเรียดิบที่ไม่ได้ปนเป็นแร่ธาตุในสิ่งมาชีวิต จึงเห็นเป็นรูปร่าง จะมีผลทำให้พลังเวทย์มีอนุภาพสูงมากจนแทบควบคุมไม่ได้ มีแต่เพียงสิ่งมีชีวิตที่มีปริมาณอาเฮเรียในร่างกายสูงเท่านั้นจึงจะพอควบคุมเวทย์มนต์ภายใต้สภาพอากาศนี้ได้ สภาพอากาศนี้จะมีโอกาศเกิดขึ้นแบบสุ่มในทุกๆเวลาและทุกสถานที่ โดยจะมีโอกาสเกิดมากที่สุดคือที่ที่มีการใช้พลังเวทย์ปริมาณมหาศาลเป็นเวลานานนั่นเอง

สภาพอากาศแบบ “ซีออฟร่าโบร่า(พายุปีศาจ)” : จะเป็นสภาวะที่มิติบิดเบือนและเกิดรูหนอนขึ้นอยู่ทั่วบริเวณ และถ้ามีอะไรเข้าไปในรูหนอนก็จะไปโผล่ที่รูใหนสักรูที่อยู่ในเขตมิติบิดเบือน จึงทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาหรือเผลอเดินเข้าไปโผล่ที่ใหน สภาพอากาศนี้จะเกิดขึ้นตอนที่มีพายุทุกรูปแบบโหมกระหน่ำอยู่ ไม่จำกัดฤดู

ความแตกต่างระหว่าง ชาวอาเฮเรี่ยน และมนุษย์

อาเฮเรี่ยน: ลักษณะร่างกายจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสายเลือด ซึ่งจะมีอวัยวะจำเพาะที่เป็นของสัตว์ เช่น ตา หู จมูก กราม แขน ขา หรือบางสายเลือดจะมีปีกหรือเขาสัตว์ เลือดของชาวอาเฮเรี่ยนเองก็จะมีสีที่แตกต่างกันไปตามชนิดของพลังเวทย์หรือลักษณะของสะสารอาเฮเรียที่ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของแต่ละคน และถ้าสายเลือดใดมีสะสารอาเฮเรียปริมาณมากก็จะยิ่งควบคุมเวทย์มนต์ได้แข็งแกร่งเท่านั้น ชาวอาเฮเรี่ยนจะมีกระดูกที่อ่อนกว่ามนุษย์เนื่องจากลักษณะจำเพาะของชาวอาเฮเรี่ยนแต่ละคน เช่นว่า ถ้ามีขาแบบกวางก็จะกระโดดได้ดีกว่ามนุษย์แต่จะวิ่งช้ากว่า หรือถ้ามีมือเป็นอุ้งมือแมวก็จะถืออาวุธไม่ได้คล่องเท่ามนุษย์ หรือถ้ามีนัยน์ตาแบบสัตว์เลื้อยคลานก็จะมองเห็นในความมืดมากกว่ามนุษย์มาก เป็นต้น

มนุษย์:     เป็นสิ่งมีชีวิตไม่กี่ชนิดของโลกที่ไม่มีสะสารอาเฮเรียไหลเวียนอยู่ในตัว ทำให้ไม่มีลักษณะพิเศษและเวทย์มนต์ใดๆเลย แต่ในทางกลับกันเวทย์มนต์ใดๆก็ตามจะไม่มีผลกับมนุษย์ เว้นเสียแต่เวทย์มนต์ที่มีรูปลักษณะเป็นรูปธรรมหรือยังคงส่งผลทางฟิสิก เช่น การสร้างหอกน้ำแข็งหรือสร้างไฟมาเผาไหม้เป็นต้น และเหล่าสภาพอากาศที่มีผลเป็นเวทย์ก็จะไม่มีผลกระทบใดๆต่อมนุษย์ด้วยเช่นกัน และลักษณะทางร่างกายของมนุษย์นั้นจะปรับตัวกับสภาพอากาศได้ดีกว่าชาวอาเฮเรี่ยน เช่นว่าเมื่อร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้นก็จะขับเหงื่อ แต่ชาวอาเฮเรี่ยนที่มีขนปกคลุมก็จะไม่สามารถทำได้ หรือหากอากาศแห้งแล้งชาวอาเฮเรี่ยนที่มีลักษณะเป็นสัตว์น้ำก็จะทนอยู่ไม่ได้นั่นเอง                 

ลักษณะพลังเวทย์ที่เกิดขึ้นจากผลของสะสารอาเฮเรีย

จะแบ่งเป็น 3 ประเภท

       1 ออร่า(เสริมพลัง) เป็นลักษณะเวทย์มนต์ที่มีแสงสีม่วงสว่างออกไปโทนฟ้าคราม และมีอยู่ทั่วไป ซึ่งชาวอาเฮเรี่ยนที่มีพลังเวทย์ประเภทนี้จะเป็นเพียงชาวอาเฮเรี่ยนธรรมดาที่มีอยู่ทั่วๆไป และมีจำนวนมากที่สุด โดยการใช้ก็จะเป็นการร่ายและปล่อยออกมา ซึ่งมีการใช้ไม่กี่รูปแบบ เช่นการปล่อยออกมาเป็นลูกบอลพลังเวทย์หรือคลื่นพลังเวทย์คมดาบพลังเวทย์ สร้างบาเรีย ยกของให้ลอยขึ้น หรือเคลือบตัวเองหรืออาวุธเพื่อเสริมพลังทางกายภาพนั่นเอง

       2 เอเลเมนทอลลิส(สรรพธาตุ) เป็นลักษณะเวทย์มนต์ที่มีเพียงสายเลือดระดับสูงซึ่งหาได้ค่อนข้างยาก เวทย์มนต์ประเภทนี้เป็นประเภทเดียวที่ถ้าหากใช้ให้ดีก็สร้างผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีสะสารอาเฮเรียได้ด้วย เช่นว่า ตั้งกำแพงดินหรือสร้างหอกโลหะออกมาเป็นอาวุธ เป็นต้น นอกจากนี้เวทย์มนต์ประเภทนี่ยังเป็นเวทย์ที่มีปริมาณสะสารอาเฮเรียไม่ตายตัวมากที่สุดอีกด้วย มีทั้งหมด 8 รูปแบบนั่นคือ “แอทลาส(ธาตุดิน)” “อควา(ธาตุน้ำ)” “เซเฟอร์(ธาตุลม)” “เอมเบอร์(ธาตุไฟ)” “ธันเดอร์(ธาตุสายฟ้า)” “ฟรอเซน(ธาตุน้ำแข็ง)” “เอลเดอร์(ธาตุพืช)” “เมทัล(โลหะ)”

       3 คอสมิค(จักรวาล) เป็นลักษณะเวทย์มนต์ที่มีเพียงชาวอาเฮเรี่ยนจำนวนไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่มี ซึ่งจะเป็นพวกที่มีสะสารอาเฮเรียสูงมากๆ รูปแบบการใช้โดยส่วนใหญ่ก็ใช้งานในรูปแบบต่างๆได้แบบสองประเภทแรก แต่ประสิทธิภาพจะสูงกว่ากันมากทีเดียว แต่ความแตกต่างคือจะมีความสามารถพิเศษที่ประเภทอื่นไม่สามสารถทำได้ขึ้นอยู่กับลักษณะ โดยเวทย์ประเภทนี้มี 4 ลักษนะ นั้นคือ

“คลาริเบลล์(แสงสว่าง)”  ความสามารถพิเศษของเวทย์แสงคือการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา และสร้างลำแสงทำลายล้างสูงได้ นอกจากนี้ยังสร้างภาพลวงตาและมิติกระจกได้ด้วย ซี่งมิตินี้ก็คือสะสารอาเฮเรียที่อัดกับอยู่กับอากาศจนเป็นแผ่นและลูกคลื่นสลับซับซ้อนซึ่งจะสะท้อนเหมือนกระจก แต่สิ่งที่สะท้อนได้จะไม่ใช่แค่ภาพ แต่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะถูกหักเหทั้งหมดด้วย เช่น ได้ยินเสียงจากคนละทิศทางของต้นเสียงจริงๆหรือเห็นภาพที่ขาดมั่วซั่วไม่ประติดประต่อกันเป็นต้น

“ดาร์เชลล์(ความมืด)” ความสามารถพิเศษของเวทย์ความมืดคือสร้างแรงโน้มถ่วงมหาศาลขึ้นเป็นแบบต่างๆได้ ทั้งแบบวงกว้างไปจนถึงลูกบอลแรงโน้มถ่วง และยังสร้างมิติพิเศษที่ดูดสิ่งต่างๆเข้าไปได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามรถสะกดจิตและล้างสมองได้ด้วย

“ไอเซอร์ลิส(ชีวิต)” ความสามารถพิเศษของเวทย์แห่งชีวิตคือ ผลการรักษาระดับสูงซึ่งสามารถสร้างร่างกายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมหรือมากกว่าเดิมได้ แถมยังสามารถรักษาอาเฮเรียนคนอื่นๆหลายคนพร้อมกันได้ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นพลังที่มีปริมาณสะสารอาเฮเรียมากที่สุดอีกด้วย

“ดาร์คโซล(วิญญาณ)” ความสามารถพิเศษของเวทย์แห่งวิญญาณคือ การสร้างพลังงานพิเศษที่เรียกว่า “โซล” ขึ้นได้ ซึ่งพลังงานนี้จะทำให้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อวิญญาณสิ่งมีชีวิตได้ เช่น เคลือบมือด้วยโซลก็จะสามารถจับตัวคนที่สลายร่างกับสายลมได้ หรือ ใช้อาวุธที่เคลือบโซลโจมตีใส่คนที่กลายร่างเป็นน้ำได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างร่างสะท้อนวิญญาณของตนเองและสิ่งของที่มีอายุมากจนมีสะสารอาเฮเรียปกคลุม เช่น อาวุธที่สีบทอดมายาวนานเป็นต้น แต่เวทย์มนต์แห่งวิญญาณนี้ได้รับการยืนยันว่าสูญสลายจากโลกนี้ไปแล้ว และเป็นพลังที่มีปริมาณของสะสารอาเฮเรียน้อยที่สุดในบรรดาพลังเวทย์มนต์ทั้งหมดด้วยนั่นก็คือ ใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้งและปริมาณน้อยนั่นเอง

     4 “เบอร์วิน(การเก็บเกี่ยวโอกาส) เวทย์ประเภทนี้เป็นเวทย์แบบพิเศษซึ่งจะเป็นการบันทึกรูปแบบพลังเวทย์มนต์หนึ่งอย่างลงในอักขระเพื่อจะทำให้ผู้ที่ไม่มีสะสารอาเฮเรียไหลเวียนอยู่ในตัวสามารถใช้เวทย์มนต์ได้นั้นเอง โดยเงื่อนใขคือ ใช้หินอาเฮเรีย วาดวงแหวนเวทย์เพื่อเปิดอักขระและเอาเวทย์มนต์ที่บันทึกไว้มาใช้ ประมาณว่า อักขระหนึ่งวงจะเปรียบได้กับกล่องหนึ่งกล่อง ซึ่งจะใช้หินอาเฮเรียเป็นเหมือนรีโหมดที่มีแบตเตอร์รี่ และวงแหวนเวทย์เป็นประตูเพื่อเปิดเอาของในกล่องออกมาใช้นั่นเอง และเวทย์แทบทั้งหมดที่ถูกบันทึกนั้นมักจะเป็นเวทย์มี่ควบคุมง่ายๆหนึ่งอย่าง วงแหวนเวทย์แทบทั้งหมดนั้นจะมีเวทย์ประเภทเอเลเมนทอลลิสบันทึกอยู่ ซึ่งเพราะว่าเวทย์ประเภทนี้สามารถสร้างผลกระทบกับมนุษย์ได้นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ใช้เวทย์ประเภทนี้มาบันทึกนั่นเอง และเวทย์มนต์ประเภทนี้ถูกคิดขึ้นโดยมนุษย์ที่มีชาวอาเฮเรี่ยนร่วมมือสร้างขึ้น นอกจากนี้มันยังเป็นของผิดกฎหมายอีกด้วย