ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins of Love นี่นายคนไหนกันแน่เฟร็ดหรือจอร์จ

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter II ซิลเวีย ลอว์ ผู้หญองคนนี้เคยมีอะไรเกี่ยวกับพวกผม?

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 50


    Chapter II

    ซิลเวีย ลอว์ ผู้หญิงคนนี้เคยมีอะไรเกี่ยวกับพวกผม?

     

                    ดวงตะวันเริ่มเลื่อนลอยขึ้นจากขอบฟ้าส่องแสงเป็นประกายแสบตาหลังจากที่โลกตกอยู่ภายใต้ความมือท่ามกลางหมู่ดาวและดวงจันทร์มาเสียนาน

                    แสงสว่างจากดวงทินกรหลุดลอดลอยเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็กใต้หลังคา  หญิงสาวนอนอยู่บนเตียงเล็กๆที่เพียงแค่เตียงเท่านั้นก็กินเนื้อที่ไป 1 ใน 3 ของห้องแล้ว ส่วนอีก 2 ส่วนนั้นเป็นโต๊ะเขียนหนังสือและตู้เสื้อผ้า

                    ปัง!ๆๆ

                    เสียงนั้นไม่ใช่เสียงปืนแต่อย่างใด  แต่มันคือเสียงคนทุบประตูจากนอกห้องต่างหาก 

                    ซิลเวีย!!  ยัยบื้อรีบๆลงมาทำอาหารเร็วเข้าฉันหิวจะตายอยู่แล้ว!”

                    เสียงเสียงกระโชกโฮกฮากของเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งคนหนึ่งดังมาจากนอกห้อง  มันทำให้ซิลเวียต้องจำใจลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย  การกระทำของเด็กหนุ่มคนนี้ช่างไม่เข้ากับหน้าตาเสียเลย

                    เร็วๆสินังบ้า!”

                    เสียงนั่นดังขึ้นมาอีกครั้ง  ทำให้เธอต้องรีบเก็บที่นอนอย่างรวดเร็วแล้วออกไปเปิดประตูหน้าห้อง

    ไปทำอาหารให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย!”

    ฉันรู้แล้วน่า  ว่าแต่มาดามไม่อยู่รึไง?

    ไม่  แม่ออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่รู้หรือไง!”

    เธอรู้สึกเกลียดมากกับการที่เด็กหนุ่มคนนั้นส่งเสียงกระโชกโฮกฮากไร้สิ้นซึ่งความใยดี

    ใช่! ก็ฉันมันไม่รู้หนิฉันไม่ได้เก่งเหมือนเธอหนิแดน!”

    เลิกพูดซักที! รีบๆไปทำอาหารได้แล้วนังคนรับใช้!”

    ฉันก็ขอแค่ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนได้ไหมเล่า!!”

    ซิลเวียหมดแล้วซึ่งความอดทนเธอกระทืบเท้าปึงปังไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ  แล้วจึงลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมอาหาร  เด็กหนุ่มที่ชื่อแดนนั่งกอดอกรอที่โต๊ะรับประทานอาหารด้วยสีหน้าที่ฉุนเฉียว  สักพักไม่นานอาหารเช้าที่เธอทำก็เสร็จและถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหารอย่างสมบูรณ์  ภายในจานมี ไข่ดาว ไส้หรอก เบคอน และขนมปัง เหมือนกับอาหารเช้าทั่วไป  แต่คนอย่างแดนก็คงไม่ยอมทานโดยดีแน่

    นี่เธอมีปัญญาทำได้แค่นี้รึไง

    ถ้าไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินสิ

    เธอขัดคำพูดของแดนจบก็ลงมือรับประทานอาหารเช้าด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง  และไร้เสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากปากของเธออีก  เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเธอก็เก็บภาชนะไปล้างตามปกติ  แล้วจึงไปอาบน้ำ

    เนื่องจากเธออาบน้ำเสร็จแล้วอย่าลืมไปซักผ้าด้วย  นังเลือดมักเกิ้ลสีโคลนโสโครก!!”

    ปากของแดนนั้นมันยังไม่ยอมหยุดแต่โดยดี 

    เธอจะด่าว่าอะไรอย่างอื่นฉันไม่สนแต่อย่ามาด่าฉันว่าเลือดสีโคลนโสโครก!!!”

    ในที่สุดความอดทนของซิลเวียก็หมดไปเมื่อสิ้นสุดคำว่าเลือดสีโคลนโสโครก  เธอทนไม่ได้เพราะการพูดเช่นนั้นก็เหมือนเป็นการถากถางพ่อแม่ของเธอด้วยเช่นกัน

    นี่กล้าขึ้นเสียงกับฉันเชียวเหรอ  ฉันจะด่าเธออย่างนี้มันจะผิดตรงไหน!”

    ทันทีที่สิ้นประโยคสุดท้ายแดนก็ผลักซิลเวียไปติดที่ฝาผนังอย่างแรงจนได้ยินถึงเสียงกระดูกของซิลเวียกระแทกกับฝาผนังอย่างจัง

    นี่เธออย่าถือวิสาสะอย่างนี้นะแดน  เธอไม่ใช่พ่อแม่ฉันซักหน่อย

    แล้วใครอยากจะเป็นเลือดสีโคลนโสโครกอย่างพ่อแม่เธอบ้างล่ะ!”

    นี่เธอคิดว่าฉันไม่ได้พกไม้กายสิทธิ์ไว้รึไง  เธอก็น่าจะรู้แล้วว่าฉันน่ะคือผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว  สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้อย่างอิสระ  แล้วเธอล่ะนักเรียนที่เพียงแต่จะขึ้นปี 6  ถือว่ายังไม่เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ  ไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้เวทย์มนตร์นอกโรงเรียนฮอกวอตส์

    เธอพูดพร้อมกับใช้ไม้กายสิทธิ์มาจ่อไว้ที่คางของแดน  เขาก้มหน้าเล็กน้อยแล้วก็ได้ยินเสียงสะอื้นเล็กๆตามมา

    ฉันขอโทษ  ฉันขอโทษที่ทำอะไรที่ไม่ดีต่อเธอลงไป  ฉันต้องขอโทษเธอจริงๆ  แต่ที่ฉันทำไปก็เพราะฉันต้องการที่จะกลบเกลื่อนว่ารักเธอมาตลอดเลยนะซิลเวีย  ให้อภัยฉันเถอะนะ

    นี่คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ

    ฉันคิดแล้วว่าเธอก็คงไม่เชื่อแน่ๆที่ฉันมาบอกเอาตอนนี้  แต่ฉันจะแสดงให้รู้ว่าฉันรักเธอจริงๆ

    แดนใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะของซิลเวีย  ส่วนมืออีกข้างหนึ่งลดระดับของมาที่เอวสวยได้รูปของเธอ  จากนั้นก็ประกบริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากของเธอเสีย  ลิ้นจากอีกฝ่ายหนึ่งพยายามชอนไชเข้าไปภายในเหมือนกันหวังที่จะค้นหาอะไรบางอย่าง  แต่อีกฝ่ายนั้นก็ขัดขืนอย่างสุดแรงเท่าที่จะทำได้  เธอพยายามที่จะผลักเขาออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้  และในที่สุดความพยายามนั้นก็สำเร็จ  เขาหลุดออกไปตามแรงผลักของเธอ

    นี่เธอทำอะไรน่ะ  ฉันรู้ว่าเธอคงคิดว่าฉันยังเด็กเกินไปใช่ไหม  เราคงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยกว่าคนสองคนกับความรักที่เข้าใจกันได้

    นี่เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเอายาพิษมาคายใส่ในปากฉัน  วิธีการกระจอกอย่างนี้อย่าเอามาเล่นกับฉันหน่อยเลย!”

    ซิลเวียล้วงลูกกลมๆเล็กๆสีดำที่คาดว่าคงจะเป็นยาพิษออกมาจากปากของตัวเอง  แล้วเธอก็ดื่มน้ำที่ใส่อะไรบางอย่างซึ่งคาดว่าคงจะเป็นยาแก้พิษเข้าไปอึ่กใหญ่

    หนอยแน่! อ่านเกมทันงั้นเหรอนังนี่

    แอ๊กซีโอ!”

    ซิลเวียร่ายคาถา  กระเป๋าคู่ใจของเธอก็ลอยลงมาจากชั้นบน  เธอเดินไปทางเตาผิงแล้วกำผงฟลูเอาไว้

    นี่เธอกำลังจะไปไหน!”

    ไปที่ๆไม่มีเธออยู่น่ะสิ  อยู่ที่ไหนก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่กับเธอ

    ตรอกไดแอกอน!”

    เธอพูดชื่อสถานที่ที่จะไปพร้อมๆกับปล่อยผงฟลูลงไปด้วย  ทันใดนั้นไฟสีเขียวก็หายไปพร้อมๆกับเธอ  ในความเป็นจริงแล้วเธอก็สามารถที่จะหายตัวได้  แต่ว่าเธอชอบที่จะผจญภัยโดยการหายตัวด้วยผงฟลูมากกว่า

     

      ภายในร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์ที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน  อีกส่วนหนึ่งของร้านซึ่งก็คือห้องปฏิบัติงานนั้นเฟร็ดกำลังประดิษฐ์สินค้าอยู่

    ฟรึ่บ!!

    เขาพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ออกมาจากเตาผิงในลักษณะใบหน้าที่มอมแมม  ในตอนแรกเขารู้สึกตกใจเล็กๆถึงถลนตาไปที่ผู้หญิงคนนนั้น  พอเธอเงยหน้าขึ้นมาเธอก็จำเป็นต้องกล่าวคำทักทายตามมารยาท

    สวัสดีค่ะ คุณวีสลีย์

    เอ่อ...สวัสดี  ลอว์ใช่ไหม?

    ใช่ค่ะ  ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณตกใจ

    สำหรับผมไม่เป็นไรหรอก  แต่หน้าคุณมอมแมมไปหมดแล้ว  เดี๋ยวผมหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้นะรอแป๊บนึง

    เฟร็ดรีบวิ่งไปหาผ้าชุบน้ำมาให้กับซิลเวีย  เธอรู้สึกดีใจเล็กๆที่มีคนทำอะไรเพื่อเธอ  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตามที

    ผมมาแล้ว

    เฟร็ดมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำที่ผืนไม่ใหญ่มากสักเท่าไหร่  เขาเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วลดตัวลงกับพื้นให้เสมอกันกับซิลเวียเพื่อที่จะเช็ดรอยเปื้อนจากขี้เถ้าบนใบหน้าให้เธอ

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  เดี๋ยวฉันเช็ดเองก็ได้  ไม่ต้องลำบากหรอก

    ไม่เป็นไรหรอกน่า  เดี๋ยวผมเช็ดให้เอง

    เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน  มือที่จับผ้าชุบน้ำค่อยๆบรรจงเช็ดลงบนใบหน้าของเธออย่างอ่อนละมุน  ทำให้สีหน้าของเธอนั้นเริ่มถูกแทรกซึมด้วยสีชมพูเพราะความเขินอาย

    เสร็จแล้วล่ะ

    เอ่อ...ขอบคุณนะคะคุณวีสลีย์

    ไม่เป็นไรหรอก

    เฟร็ดลุกขึ้นจากพื้นและไม่ลืมที่จะยื่นมือไปให้ซิลเวียจับ  เธอจับมือของเขาแล้วดันตัวเองขึ้นมายืนหยัดอยู่บนพื้น

    ว่าแต่ว่า ยาแก้รอยฟกช้ำนั่นได้ผลหรือเปล่า?

    อ๋อ! มันได้ผลดีเลยทีเดียวล่ะ  เพียงแค่ 20 นาทีรอยฟกช้ำนั้นก็หายไปเลยล่ะ  ฤทธิ์ของมันเยี่ยมยอดจริงๆต้องยกความดีความชอบให้กับเธอเลย - - ใช่ไหมจอร์จ?

    เฟร็ดหันไปสนทนากับจอร์จที่เข้ามาสมทบในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    ใช่แล้วเฟร็ด  มันสุดยอดไปเลยล่ะลอว์

    จอร์จพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้กับซิลเวียที่แสดงถึงคำว่า เยี่ยม  แล้วหลังจากนั้นฝาแฝดก็หันไปเสวนาหาข้อตกลงกันเล็กๆน้อยๆ

    เอ่อ...ลอว์  พวกเราสองคนมีข้อสงสัยอยู่ข้อนึง  และพวกเราก็ตกลงกันแล้วว่าจะถามเธอ

    จอร์จเป็นผู้เอ่ยก่อน

    คือ...พวกเรารู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันน่ะ  แล้วตกลงพวกเรารู้จักกันจริงๆหรือเปล่า

    เฟร็ดถามต่อด้วยคำถามที่ต้องการเค้นหาคำตอบ

    ฉันนึกว่าพวกเธอจะลืมฉันไปแล้วเสียอีก  แต่ฉันก็ยังดีใจนะที่พวกเธอยังมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเราเคยรู้จักกันอยู่ในความคิด

    แล้วนี่ตกลงว่าพวกเรารู้จักกันจริงเหรอ

    ใช่  พวกเรารู้จักกัน  พวกเรารู้จักกันตอนที่อยู่โรงเรียนฮอกวอตส์ในชั้นปีเดียวกัน  เท่านั้นยังไม่พอพวกเรายังอยู่บ้านกริฟฟินดอร์เหมือนกันอีกด้วย

    หรือว่า...  เธอคือซิลเวีย ลอว์คนนั้น  คนที่เก่งที่สุดในชั้นปี!”

    ฝาแฝดพูดอย่างยกย่องและเชิดชูในตัวเธอ 

    มันไม่ขนาดนั้นหรอกน่า  ฉันยังจำพวกเธอได้ดีมาโดยตลอด  ฝาแฝดผู้ขำขันและเฮฮา  บีตเตอร์ของทีมควิดดิชแห่งกริฟฟินดอร์

    แล้วเธอไม่คิดที่จะเล่นควิดดิชบ้างรึไง

    ไม่ใช่ว่าฉันไม่คิดจะเล่น  แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เล่นเลยต่างหาก  พวกเธอคงไม่รู้ล่ะสิว่าเพราะอะไร  ก็ตอนนั้นฉันได้ยินมาว่าทีมควิดดิชนั้นยังขาดซีกเกอร์  มีอยู่วันนึงฉันฝึกขี่ไม้กวาดจนซ้อมได้อย่างคล่องแคล่วจนมั่นใจเลยว่าฉันต้องเป็นซีกเกอร์ของกริฟฟินดอร์ได้แน่ๆ เพราะก็ได้รับคำชมจากคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้าง

    ใช่ พวกเราก็คิดว่าเธอขี่ไม้กวาดได้เยี่ยมยอดจริงๆ

    ขอบใจสำหรับคำชมเฟร็ด  ในวันนั้นเองฉันกำลังจะไปสมัครเป็นซีกเกอร์  แต่ว่าก็กลับต้องผิดหวังเพราะขณะที่เดินไปนั้นฉันก็เห็นศาสตราจารย์มักกอลนากัลและพอตเตอร์ที่กำลังคุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะให้แฮรี่เป็นซีกเกอร์กับวู้ดอยู่  ทันทีที่ฉันได้ยินคำตกลงที่ออกมาจากปากของวู้ดฉันก็เข่าแทบทรุดลงกับพื้นเลยทีเดียว  แต่หลังจากนั้นต่อมาเมื่อได้เห็นการแข่งขันควิชดิชครั้งแรกของพอตเตอร์ฉันก็รู้สึกทึ่งและดีใจอย่างไม่ถูกที่กริฟฟินดอร์มีซีกเกอร์ฝีมือดีอย่างนี้

    ว้าว! ถ้าหากว่าตอนนี้แฮรี่ได้ยินคำชมจากปากของเธอแบบนี้เขาก็คงจะดีใจมากๆเลยล่ะ

    ในบางทีการที่ได้เล่าอะไรจากหลายๆแง่มุมจากหลากหลายคนก็สามารถที่จะทำให้ผู้เล่านั้นสบายใจขึ้นมาได้บ้าง  และซิลเวียก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นอย่างนั้น  ตลอดเวลาที่เธอเรียนตั้งแต่ปี 1 ที่เป็นแรกจนถึงปี 7 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ฮอกวอตส์นั้น  เธอมีความสุขเป็นอย่างมากที่ไม่ได้อยู่ที่บ้าน  เพราะถ้าเธออยู่ที่บ้านเธอก็มีแต่ได้รับคำด่าว่ากล่าวใส่อยู่ตลอดๆ

    เธอยังจำตอนนั้นได้อยู่หรือเปล่า ที่มีการประลองเวทย์ไตรภาคีแล้วก็มีงานเลี้ยงเต้นรำด้วย  จริงๆแล้วพวกเราก็ตั้งใจจะชวนเธอไป  แต่ว่าพอมาคิดดูดีๆอีกทีเรียนเก่งๆ  ร้องเพลงก็เยี่ยม  ความกล้าหาญและอดทนก็สูง  แถมยังพ่วงด้วยหน้าตาสวยๆอย่างเธอ  ก็คงมีคนมาชวนเธอไปแล้ว  แล้วก็อีกอย่างนึง ฉันได้ยินคนอื่นซุบซิบกันว่าอยากชวนเธอไป แต่คงมีคนชวนเธอไปแล้ว

    จอร์จร่ายคำพูดออกขาจากปากของตน

                    พูดอย่างนี้ฉันก็เขินเป็นนะเนี่ย  แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีคนชวนฉันไปเลยด้วยซ้ำ  น่าแปลกใจใช่ไหมล่ะ  อาจเป็นเพราะว่าแต่ละคนต่างคิดว่าฉันมีคนชวนไปแล้วเลยไม่มาชวนฉัน  แต่ถ้าจะให้ฉันซึ่งเป็นฝ่ายหญิงไปชวนฝ่ายชายมันก็ดูกระไรอยู่จริงไหม

                    โธ่เอ๊ย! พวกเราน่าจะมีความกล้ามากกว่านี้นะ  ไม่มีคนชวนแล้วไอ้เด็กหนุ่มคนที่เธอเดินไปด้วยคือใครล่ะ

                    เฟร็ดถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น  และเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องติดตามฟังต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×