ในคืนนั้น
เมื่อเด็กน้อยนามคริสเกิดไปผจญภัยในสถานที่หนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ มาติดตามนิทานเรื่องนี้ได้คะ
ผู้เข้าชมรวม
898
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่เงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงแมลงและสัตว์กลางคืนที่ปกติในเวลานี้จะต้องมีเสียงของพวกมันร้องดังไปทั่ว ยิ่งแล้วกับบริเวณป่าใหญ่ แต่ไม่ใช่วันนี้ วันที่มีบุคคลแปลกหน้าเดินผ่านป่า เงาดำนั้นไม่ใหญ่โต กลับเล็กขนาดเด็กอายุ10-12ปี นั้นเป็นเงาของเด็กชายที่กำลังวิ่งไปตามทางเดินในป่า ทุกครั้งที่เด็กชายวิ่งผ่านบริเวณที่โล่ง เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ก็สามารถเห็นลักษณะของเขาได้
ใบหน้ากลมอย่างเด็ก นัยน์ตาสีเทาเข้ม ผมสีเทาสั้นระบ่าปลิ้วไปตามลมที่สวนทางวิ่ง ใบหน้าของเด็กน้อยเริ่มแดง แสดงให้เห็นว่าเริ่มเหนื่อยและอยากจะพัก บวกกับเหงื่อที่ไหลไปตามใบหน้า เสื้อขาวที่เริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสียงหอบที่เริ่มจะไม่เป็นจังหวะ เด็กชายวิ่งมาจนถึงทุ่งดอกไม้ที่เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ จากบางอย่างที่อยู่บนดอกไม้ที่กำลังบานรับแสงนวลจากพระจันทร์
คริสยืนมองทุกสิ่งรอบๆตัวของเขา ภายใต้แสงจันทร์ที่ไม่ค่อยสว่างนักเมื่อเทียบกับพระอาทิตย์ในยามเช้า ทำให้เขามองเห็นได้เพียงใกล้ๆเท่านั้น ครั้นผ่านไปชั่วครู่เขาล้มลงไปนอนกับพื้นหญ้า มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่กำลังเปิดให้คนที่อยู่บนพื้นดินได้มองนับดาวไปเรื่อยๆ จนกว่าเปลือกตาของคนเหล่านั้นจะปิดลงเพื่อพัก คริสถอนหายใจยาวก่อนจะเริ่มฮัมเพลง เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะวิ่งหนีบางอย่างมา แต่ในตอนนี้ เขากลับฮัมเพลงอย่างเพลิดเพลิน ไม่มีวีแววกังวลสักนิด
เวลาในตอนนี้คงอยู่ในช่วง5ทุ่ม คริสยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดฮัมเพลง จนมีเสียงตะโกนเล็กๆ ที่พยายามจะทำให้เสียงของตนดังขึ้นว่า “หยุดฮัมเพลงเสียที เดียวก็อดฟังเสียงเพราะๆกันพอดี” คริสลุกขึ้นมา หันซ้ายหันขวา พยายามหาตนต่อของเสียงว่ามาจากไหนจนมีสะเก็ดหินเล็กๆปามาสะกิดเข้าตรงหน้าทำให้เข้าหันไปเห็นคนจิ๋ว หรือ แฟรี่ที่ส่องประกายดังหิ่งห้อยตัวจิ๋วยืนอยู่บนดอกเยอร์บิล่าขาว คริสยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อมองให้ชัดขึ้น แฟรี่ตนนี้มีผมยาวสีเขียวอ่อน นัยน์ตาสีเขียวเข้ม แน่นอนละว่าต้องเป็นผู้หญิง
“ข้าชื่อ ชีดาร์ ยินดีที่ได้รู้จัก เจ้าเป็นใครกันข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน” ชีดาร์ขยับปีกเล็กๆบนหลังบินขึ้นมาจ้องหน้าของคริส สำรวจไปทั่วทั้งบนศรีษะ คอ บินไปมาจนทำให้เด็กชายรู้สึกจักจี้ จนหัวเราะออกมา ทำให้ชีดาร์ทำแก้มป่องบินลงไปนั่งบนดอกไม้ดอกเดิม คริสเห็นแบบนั้นจึงพยายามหยุดหัวเราะแล้วพูดแนะนำตัว “ข้าชื่อคริส เอมิล อาศัยอยู่เมืองใกล้ๆนี้แหละ แล้วก็ ที่ข้าหัวเราะเพราะท่านบินรอบตัวข้าจนอดจักจี้ไม่ไหว ท่านคงไม่ว่าข้าหรอกนะ แล้วก็เมื่อครู่ที่ท่านพูดนะคืออะไรหรอ ที่ว่าเสียงเพราะๆนะ” แฟรี่ตัวจิ๋วยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะทำท่าให้คริสตามตนไปยังป่าอีกฝั่ง ตรงข้ามป่าที่เขามา ชีดาร์บินนำลึกเข้าไปเรื่อยๆ เด็กชายเดินตามอย่างคล่องแคล่ว ตลอดทางผ่านคริสก็สังเกตเห็นว่า มีสัตว์น้อยใหญ่ แฟรี่ทั้งเดิน บิน และนั่งกำลังเดินไปทางที่เขากำลังไป
เมื่อเดินเข้าไปใกล้แสงสว่างที่กำลังส่องประกายอยู่ด้านหน้า เขาก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังออกมาจากบริเวณนั้น เสียงหวานของสตรีที่กำลังร้องเพลงอย่างมีความสุข เมื่อคริสได้ยินเพลงดังเข้ามาใกล้ ก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนมาอยู่ข้างๆชีดาร์ที่กระซิบว่า ‘อย่าใจร้อน’ คริสจึงลดฝีเท้าลง ค่อยๆใจจดใจจ่อเดินตรงไปข้างหน้า จนเขาและชีดาร์หลุดออกจากเงาป่ามายืนอยู่ริมธารน้ำ ที่มีสตรีงามเจ้าของเสียงเพลงยืนอยู่บนน้ำนั้น นางมีใบหน้าเรียวงาม ผมหนาสีฟ้ายาวถึงกลางหลัง มีเศษผมปล่อยลงมาให้ละกับใบหน้า นัยน์ตาสรเงินมองมาทางบุคคลที่มาใหม่อย่างยินดี หากปากของนางว่างคงจะกล่าวทักทายแล้ว แต่ตอนนี้คงไม่ได้นอกจากใช้มือเชื้อเชิญให้เขานั่ง เด็กชายก็รับคำอย่างว่าง่าย เขานั่งฟังเพลงอยู่อย่างนั้นนานเกือบชั่วโมง จนสตรีนางนี้หยุดร้องเพราะถึงเวลาหยุด นางหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้แก่คริส พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้
“หนูน้อยไม่กลับบ้านหรือจ๊ะ” คริสส่ายหน้าตอบ ชีดาร์ก็พูดขึ้น “ท่านธาร์เรีย ข้าเจอเขาที่ทุ่งดอกไม้ เขาสงสัยเรื่องที่ข้าพูด ข้าเลยพาเขามา เด็กคนนี้ชื่อคริส นามสกุล เอมิล เขาเป็นเด็กจากหมู่บ้านใกล้ๆค่ะ” ธาร์เรียพยักหน้ารับ แล้วหันกลับมายิ้มให้กับคริสอีกครั้ง ซึ่งคริสก็กำลังมองหน้านางอย่างไม่อาจจะละสายตาได้ “เพลงของท่านเพราะมาก ถ้าข้าอยากฟังอีกข้าจะมาอีกได้หรือไม่” สตรีพยักหน้าตอบแต่ชีดาร์พูดแทน “เจ้ามาที่นี้ได้ทุกเมื่อ ถ้าใจเจ้าอยาก ที่นี้เปิดต้อนรับทุกคนอยู่แล้ว” รอยยิ้มเล็กๆของแฟรี่น้อยส่งไปที่เด็กชายที่ยิ้มรับ ธาร์เรียหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะลูบผมของเด็กชายแล้วพูด “แต่ตอนนี้ข้าว่า เจ้ากลับบ้านเจ้าจะดีกว่า สัตว์ร้ายหายไปหมดแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป” ชีดาร์พยักหน้ารับรอง คริสออกจะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อธาร์เรียพูดถึงสาเหต์ที่ทำให้เขาวิ่งหนีมาจนถึงที่นี้ แต่ด้วยความเป็นเด็ก เขาจึงพยักหน้าหันหลังกลับพร้อมออกเดิน
“แล้วเราจะได้พบกันอีกจ๊ะ คริส เอดิล” คำพูดสุดท้ายก่อนที่คริสจะวูบและล้มลงไปนอนกองกับพื้น ทุกอย่างมืดสนิท ไม่มีเสียงใดๆทั้งสิ้น เด็กชายรู้สึกเพียงแค่ลมที่พัดผ่านเขาไป เวลาในตอนนี้คงใกล้ขึ้นวันใหม่เต็มที สติของเขายังไม่ฟื้นคืนดีสักเท่าไหร่ เขาจึงเลือกที่จะนอนหลับอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ทิ้งสติที่ยังคงเหลือไป ปล่อยให้มีเพียงความว่างเปล่าเข้าปกคลุมแทน
ครั้นเมื่อคริสได้สติก็รีบดันร่างของตนขึ้นมาอย่างเร็ว และมีบางอย่างที่ทำให้เขาแปลกใจรอบๆตัวเขาแทนที่จะเป็นหญ้าสีเขียว แต่มันกลับเป็นหมอนนุ่มๆและผ้าห่มอุ่นสีครีมที่เขาชอบ ห้องที่นอนก็คุ้นตา นี้คือห้องนอนของเขา คริสเริ่มเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ตั้งแต่ต้น จนจบ เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขามาอยู่นี้ได้อย่างไร จนกระทั้งประตูห้องถูกเปิดออก ปรากฏร่างของสตรีหน้าต่างอ่อนโยน ใจดีอายุ30ปลายเดินเข้ามายืนอยู่ปลายเตียง “เช้าแล้วนะคริส ลูกลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว แม่จะได้เก็บเตียงลูกเสียที แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นกัน ฝันร้ายหรืออย่างไร หรือลูกไม่สบาย” คริสขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะหาวเสียง1ครั้งพร้อมเกาศรีษะอีก1ที หันหน้ามายิ้มกับแม่ของตนก่อนจะลุกขึ้นมาตอบ
“ฮะแม่ ผมฝัน ฝันดีด้วยละ”
ผลงานอื่นๆ ของ Silver Paw ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Silver Paw
ความคิดเห็น