คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter (2) - เรื่องกินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าไม่ได้กิน อันนี้เรียกหายนะ ต่อให้เป็นอิตาโดริจะชนะไหมก็ยังไม่รู้
Chapter (2) - เรื่องกินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าไม่ได้กิน อันนี้เรียกหายนะ ต่อให้เป็นอิตาโดริจะชนะไหมก็ยังไม่รู้
"สรุปคือตอนนี้คำสาประดับพิเศษกำลังอยู่ที่บ้านของอิตาโดริงั้นเหรอ?"
'คุกิซากิ โนบาระ' สรุปความจากที่ฟุชิงุโระเล่า เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สีหน้าและท่าทางประหลาดใจเหล่านั้นก็สร้างความเข้าใจอะไรออกมาได้เยอะพอสมควรแล้ว "ชีวิตของหมอนั่นแลดูดึงดูดอะไรแปลกๆนะ"
"อ่า…"ทายาทเซนอินส่งเสียงในลำคอออกมา "อิตาโดริจะชนะ"
"ขอเถอะ ฟุชิงุโระ พูดคำอื่นบ้างเถอะย่ะ!"
โนบาระกุมหน้าผาก ดูเอือมระอากับความเพ้อๆของทายาทเซนอิน
"แล้วอิตาโดริจะเอายังไง หมอนัานจะรับมือกับคำสาปพิเศษที่คนหนึ่งก็คือราชาคำสาป ส่วนอีกคนคือเมียของราชสคำสาปเนี่ยนะ"
"อิตาโดริจะชน---"
"เล่นมุกอื่นบ้างเถอะ!"
โนบาระโวยออกไปหลังฟังซิกเนเจอร์ประโยควรรคทองนั่นซ้ำอีกครั้ง
"ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก"
"ทำไมล่ะ?"
"ก็คนที่อยู้ในสถานการณ์นั้น คืออิตาโดริ" คนพูดก้มหน้าลงก่อนจะเงยขึ้นมาพูดต่อช้าๆไม่ได้รีบอะไร "ดีแล้วล่ะที่เป็นอิตาโดริ เธอลองนึกสภาพว่าเป็นอาจารย์โกะโจแทนสิ"
พอได้ยินแบบนั้นโนบาระก็จินตนาการภาพของอาจารย์ผมสีพิสุทธิ์ที่มักปิดตาของตัวเองจนเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่โดนชนเสาสักทีคนนั้น - ภาพในจินตนาการของโนบาระทำให้หล่อนเผลอหลุดคำพูดหนึ่งออกมาให้เมงุมิได้ยิน
"หายนะ"
ถึงจะไม่ได้สนใจในตัวอาจารย์มากนัก แต่ถ้าเทียบกันนะ การรับมือคู่สามีภรรยาคำสาปคู่นั้นที่ต่อล้อต่อเถียงกัน ถ้าเป็น'อาจารย์โกะโจ ซาโตรุ' แค่คิดคุกิซากิก็คิดแต่คำว่าหายนะเข้ามา
เอาเป็นว่าสู้ๆนะ อิตาโดริ
"ข้าหิว"
"ก็ไปหาอะไรกิน"
"ข้าขี้เกียจ"
"นอนมาเป็นพันปี ยังจะขี้เกียจอีกหรือไง?"
อิตาโดริ ยูจิ กำลังคิดว่าตัวเองตกอยู่ในสถาการณ์ที่กบืนไม่เข้าคายไม่ออก ตาของเขามองที่แก้มของตนที่มีปากของสุคุนะปรากฎกำลังเถียงกับคำสาประดับพิเศษอยู่ - เพราะอาจารย์โกะโจไม่อยู่ ตอนนี้สถานการณ์เลยยังไม่ถูกประเมินว่าควรจะกำจัดคำสาปสาวพันปีที่มีซัมติงกับสุคุนะได้อย่างไร
"เอะอะก็ว่าแต่ข้าเอาแต่นอน ทีเจ้านั่งเหม่อมาพันปีเล่า"
"แล้วเจ้ามายุ่งอะไรกับการนั่งเหม่อของข้า"
"คนแก่"
"เจ้าก็แก่"
"ทั้งสองคนพอกันเถอะนะ…."
ยูจิตัดสินใจแทรกคำสาปอาวุโสทั้งคู่
"เด็กอย่างเจ้าไม่ต้องมายุ่ง"
สุคุนะว่ากลับ
"เห เด็กมันก็มีหัวใจไหม พูดอะไรของเจ้ากัน ราชานิสัยเสีย"
ยูจิเริ่มคิดว่าตัวเองคิดผิดที่คิดจะห้ามสงครามนี้ เขามองใบหน้าของคำสาปสาวพันปีที่ดูกระตุกยิ้มขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เรียกว่ายียวนกวนประสาท ไหนจะคำพูดประโยคด้านบนที่พูดอีกเมื่อกี้
หล่อนกำลังยั่วโมโหสุคุนะอยู่แน่ๆ
คิดสิคิด
นายมีเวลาคิดและลงมือปฏิบัติก่อนสุคุนะจะระเบิดนะ อิตาโดริ ยูจิ!
"ทุกคนมีเวลาอีกแค่หนึ่งนาทีนะคะ ตอนนี้ต้องจัดจานแล้วนะ!!!"
"ครับ เชฟ!"
เพราะเปิดทีวีค้างเอาไว้ พอถึงฉากหนึ่งของรายการอาหารชื่อดัง เขาก็เผลอตอบรับออกไปท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด ปากบนแก้มของยูจินั่นค้างไม่ได้ขยับเถียงอะไรกับคำสาปสาว
ส่วนตัวคำสาปสาวหันไปหาทีวีที่กำลังฉายภาพของรายการทำอาหารชื่อดังรายการหนึ่ง นั่น--- ผู้เข้าแข่งขันกำลังยกจานของตนเดินตรงไปหาคณะกรรมการ เก็นซาคุ ซุยเซ็น หันกลับมา เธอมองอิตาโดรอด้วยสีหน้าจริงจัง
"เจ้าหนู ข้าหิว"
"หา?"
"ข้าหิว เจ้าทำอาหารให้ข้าหน่อยสิ"
"แต่ผมไม่ว่างนะ...อ่า แต่ถ้าหิว งั้นเดี๋ยวอุ่นลูกชิ้นที่ทำค้างไว้มาให้นะครับ"
"จะไปแบ่งนางทำไมกัน?"
"น้ำใจเจ้าไม่มี ก็อย่ามาขัดเส้นทางบุญของคนอื่น พ่อคำสาป"
"อย่าเถียงกันเลยนะ ทั้งสองคน"
ยูจิยอมรับว่าเขาปวดหัวพอสมควรกับการต่อล้อต่อเถียงของสองคำสาปสามีภรรยาคู่นี้ แต่เขาก็หลุดออกจากสถานการณ์นี้ได้ ด้วยการลุกออกไปที่ครัว จะว่าไปปกติ สุคุนะก็ไม่ค่อยออกมามีปฏิสัมพันธ์เท่าไร
แต่พอเป็นเก็นซาคุซัง ถึงออกมาต่อล้อต่อเถียงแบบนี้
"หยุดความคิดของเจ้าไว้เลย ไอ้หนู"
"ครับ พ่อ"
เขาประชดราชาคำสาปที่มีแต่ปากบนแก้มของตัวเอง
หยิบลูกชิ้นที่อยู่ในกล่องออกมาอุ่นก่อนจะใส่จานยกกลับไปหาคำสาปหญิงที่กำลังนั่งดูละครทีวีอยู่เงียบๆ อิตาโดรินั่งลงข้างๆ เว้นระยะห่างกับคำสาปก่อนจะวางจานไว้ให้บนโต๊ะข้างหน้าโซฟา
"ลูกชิ้นหรือ?"
"ครับ"
เธอหยิบส้อมจิ้มลงที่เจ้าลูกชิ้นก่อนจะเป่ามันเบาๆ และค่อยๆจับมันใส่ปาก
เพียงคำแรกที่เข้าปากไป สีหน้าของเก็นซาคุ ซุยเซ็นก็แสดงทีท่าพอใจ และหันกลับมาหาเขา
"ข้าไม่ได้กินอะไรอร่อยๆแบบนี้มานานมากแล้ว"
"เอาแต่นอนกินบ้านกินเมือง"
"มีแค่ปากแล้วมีค่าเป็นแค่ของแสลงให้เด็กหนุ่มนี่กินเข้าไปอย่างเจ้า อย่าได้เห่าหอนมากเลย สุคุนะ"
แรงนะ
แต่ยูจิก็ชอบใจกับคำด่า เหมือนเก็นซาคุซังได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกไปหมดแล้ว ใช่ สุคุนะ นิ้วของนายรสชาติมันแย่มากๆ เป็นของแสลงไม่น้อยเลย
"พ่อหนุ่มตอนนี้เจ้าอายุเท่าไร?"
คำสาปสาวพันปีเลิกสนใจสุคุนะ หล่อนหันมาเท้าคางมองเขาตรงๆและถามถึงอายุอานาม
"สิบหกครับ"
"โอ้ - ออกเรือนได้แล้วนะ"
"เอ๊ะ?"
"แอบปิ๊งสาวคนไหนอยู่หรือไม่? อยากแต่งงานกับใครหรือเปล่า เจ้าทำอาหารอร่อยมาก ข้าพร้อมเป็นผู้ใหญ่ในงานแต่งของเจ้านะ"
"มันยังไกลตัวนะครับ ผมยังเด็กเกินไป…"
เขายกมือเป็นปางห้ามญาติให้สาวเจ้าตรงหน้าใจเย็นลง
"อ่า มนุษย์ยุคนี้มองว่าการแต่งงานในวัยนี้ยังเด็กไปหรือ?"
"ครับ"
"แย่จัง"
เขาไม่ได้ตอบอะไรคำสาปข้างๆต่อ
"ตอนข้ายังเป็นมนุษย์นะ อายุน้อยกว่านี้ก็ต้องถูกจับให้ดูตัวแล้ว" หล่อนเปรยเล่าเรื่องของตนให้เขาฟัง "และก็ต้องแต่งงานอย่างช่วยไม่ได้"
"อย่างงั้นเองเหรอครับ"
"เจ้าทำอาหารเก่งดีนะ พอๆกับอุราอุเมะเลย"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ"
"นี่ ถ้าข้าเอานิ้วมนุษย์มาให้เจ้าทำ เจ้าจะปรุงให้อร่อยสู้อุราอุเมะได้ไหมนะ"
"ขอเถอะครับ...ผมขยาดนิ้วมากๆเลยนะ"
ยูจิแทบจะยกมือไหว้คำสาปสาวพันปีที่พูด - จากใจเลยนะ การกินนิ้วของสุคุนะ ทำให้เขาค่อนข้างจะขยาดกับนิ้วมนุษย์มากๆเลยล่ะ
"โถ่...น่าสงสารนัก เจ้าไม่น่าจะต้องมากินของแสลงเช่นนี้เลย"
"ปากแจ๋วเหลือเกินเลยนะ เจ้าน่ะ"
"ก็มาลองสักหน่อยไหมเล่า?"
อีกแล้ว
ยูจิกำลังจะปวดหัวกับการทะเลาะของสามีภรรยาคำสาปคู่นี้อีกแล้ว
ขนาดนี้ไม่ยึดร่างเขาไปแล้วออกมาเถียงกันเองเหมือนตอนวันแรกที่กลับมาเจอกันเลย
อ่า เขาเข้าใจความรู้สึกวันที่ฟุชิงุโระต้องเผชิญกับมันคนเดียวแล้วล่ะ
"ข้าล่ะ ไม่เข้าใจเลย ทำไมอุราอุเมะถึงปลาบปลื้มในการทำอาหารให้คนอย่างเจ้าตรงไหน?"
"ก็เจ้าวิจารณ์อุราอุเมะว่าสีผมเหมือนหวานเย็นเองไม่ใช่หรือไง?"
"ก็มันจริงไหมเล่า สีเหมือนน้ำแข็งใสขนาดนั้น"
ยูจิปล่อยให้ปากตรงแก้มและอีกชีวิตนึงเถียงกันต่อไปด้วยใจที่พยายามจะสงบของตัวเอง
"ดังนั้นนะ เจ้าหนู"
เธอชี้นิ้วมาหาเขา อิตาโดริเผลอตัวตรงยามที่ถูกเรียก
"เจ้าจะเป็นภาชนะของราชาห่วยแตกอะไรนั่น ข้าไม่สนหรอก แต่มาเป็นเชฟของข้าเถอะ แล้วข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องไปกราบใคร"
อิตาโดริ ยูจินิ่งไป
เสียงริงโทนของโทรศัพท์มือถือตนเองดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เบอร์ที่ปรากฎเป็นเบอร์ของฟุชิงุโระ เขารับสาย นำอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองแนบหูเอาไว้
"ว่าไง ฟุชิงุโระ"
"เดี๋ยวฉันกับคุกิซากิจะเข้าไปหานายนะ วันนี้"
"อือ โอเค"
"งั้น แค่นี้น---"
"เดี๋ยว ฟุชิงุโระ!"
เขารีบส่งเสียงห้าม ยังไม่อยากให้เพื่อนวางสายทิ้งตัวเองเอาไว้
"ซื้อยาแก้ปวดหัวมาให้ฉันหน่อยสิ"
ทางนั้นเงียบไป
"อิตาโดริ นายจะชนะ"
ชนะบ้าอะไรเล่า ฟุชิงุโระ
และมาตัดสายดื้อๆแบบนี่เนี่ยนะ ! นายเข้าใจสถานการณ์ที่ฉันเจออยู่รึเปล่า
"ซุยเซ็น"
เสียงของท่านแม่ที่เรียกขานชื่อของหล่อน ทำให้หล่อนเงยหน้าจากตำราวิชาที่กำลังร่ำเรียนศึกษาขึ้นมา ตอนนี้ในหน้าหนาว หล่อนกลับมาที่เรือนหลังจากแต่งเข้าเรือนของสกุลเรียวเมนไป - พอผ่านมาสักระยะ ซุยเซ็นก็ขออนุญาตทางนั้นกลับมาพักที่บ้านของตัวเองเพราะความคิดถึงครอบครัว
"คะ?"
เธอเอ่ยตอบรับอย่างสงสัยกลับ
"แต่งงานแล้วเป็นอย่างไรบ้างหรือ ลูก?"
เธอยกยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้ม
ที่แม้แต่ครอบครัวก็ไม่มีวันเข้าใจ
"ข้าสบายดีเจ้าค่ะ ท่านแม่"
หล่อนบอกว่าหล่อนสบายดี "ข้าแข็งแรงดี ชีวิตของข้าปกติดี ไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายอะไรกับตัวของข้า" บอกออกไปก่อนจะใช้มือปิดหนังสือที่กำลังอ่าน "ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้ารู้สึกดีกับมันนะ"
"อ่า...เป็นชีวิตแต่งงานที่ดูราบเรียบเกินไปนะ ซุยเซ็น"
"เพิ่มเติมคือข้ากับเขาแทบจะตีหัวทุกครั้งเลย"
"ซุยเซ็น"
เจ้าของชื่อถอนหายใจ
"แม่อยากให้ลูกมีความสุขกับครอบครัวที่ดีนะ - แม่ขอแค่นี้ได้ไหม?"
อ่า
พวกผู้ใหญ่แสนเอาแต่ใจ แสนเอาใจยากนัก
นั่นเป็นความจริงที่เธอรับรู้หลังเติบโตขึ้น - ในตอนที่กำลังเด็กผู้ใหญ่คาดหวังในตัวเรา คาดหวังให้เราเป็นแบบไหน
และเก็นซาคุ ซุยเซ็นก็ยอมรับว่าเธอเองก็เป็นผลผลิตจากความบิดเบี้ยวของสังคม
"ไม่เลย ท่านแม่"
เธอปฏิเสธ
"ข้ามีความสุขดีที่เป็นแบบนี้"
หญิงผู้เป็นแม่หน้าซีดดูไม่สู้ดีหลังได้ยินเธอเอ่ยออกไป ซุยเซ็นลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงของเธอ
"ข้าไม่ได้ชอบพอกับสามีของข้า ท่านก็รู้ - เราสองเพียงแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่จับเราดูตัวและหมั้นหมาย ท่านก็รู้ในเมื่อท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของมัน"
เธอเดินไป เดินไปจนถึงห้องที่มีร่างของชายชราที่นอนป่วย เก็นซาคุ ซุยกะ รีบตามลูกสาวของตนมา ซุยเซ็นเดินเข้าไป นั่งลงข้างฟูกที่มีคนป่วยอัมพาตที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้กำลังจ้องมองเธอเขม็ง เขา...เก็นซาคุ โซริว บิดาของหล่อนที่เป็นส่วนหนึ่งของความบิดเบี้ยวในความรู้สึกในใจของเธอ
"ตอนนั้นพวกท่านสอนข้าว่าข้าต้องยิ่งใหญ่และมีชื่อในประวัติศาสตร์ ข้าถึงจะมีค่า"
หญิงสาวเอ่ยบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจ "ความสุขของข้าคือข้าต้องยิ่งใหญ่ ท่านแม่ ยิ่งใหญ่ให้ท่านและท่านพ่อเห็น
ดวงตาสีเปลือกไม้กลับกลายเป็นสีฟ้าประหลาดเพียงชั่วครู่ สิ่งที่มารดาไม่เห็นแต่บิดาได้เห็นมันตรงๆ มันยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวกับพลังไสยเวทที่ลูกสาวกำลังแสดงออกมาให้เห็น อ่า-- แต่ความกตัญญูคือเครื่องหมายของคนดีสินะ
ดังนั้นเธอจะไม่ทำอะไร
เธอจะแค่พูดสิ่งที่อยู่ในใจเพียงเท่านั้น
"ข้ากับสุคุนะ เราเป็นเพียงคนที่เหมือนกัน เขามีแววตาที่เหมือนกับข้า นั่นคือสิ่งที่ทำให้ข้าเลือกที่จะแต่งงานกับเขา"
เธอเปลี่ยนกลับให้ตาของตัวเองกลับมาเป็นสีเดิม
"ที่สำคัญที่สุด…"
เธอลากเสียง นึกถึงสามีของตนเอง
มื้ออาหารสุดท้ายก่อนที่นางจะขอลากลับมาหาครอบครัว เรียวเมน สุคุนะที่ไม่เอ่ยลาอะไรออกมาตรงๆกับหล่อน
เขาเพียงหันไปหาบริวารของเขาและเอ่ยออกมาให้เตรียมสำรับอาหาร
คำพูดที่เขาพูดกับบริวาร
"เจ้าไปเตรียมสำรับให้นาง ใช่ - ของนางที่ไม่มีผักดองน่ะแหละ"
คำพูดนั้นทำให้หล่อนเผลอยิ้มออกมา
เหมือนในตอนนี้ที่หล่อนนึกถึงคำพูดของอีกฝ่ายจนเอ่ยกับผู้เป็นมารดา
"เพราะข้าเคยพูดลอยๆไปครั้งเดียว ว่าข้าเกลียดผักดองพอๆกับใบหน้าทะเยอทะยานของเขาและเขาก็ยังคงจำได้ ท่านแม่"
○●○●○●○● - taquila ❤
ขอบคุณทุกคนที่สนใจฟิคปั่นๆ
ฟิคนี้นะคะ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะอมยิ้มหัวเราะระหว่างอ่าน
ฟิคนี้ไม่เน้นกับสตอรี่ของอ.เกะเกะเป็นอย่างมาก หากใครที่ไม่โอเคกับแนวนี้สามารถปิดได้เลยนะคะ
ระหว่างที่หายไปแอบแวบไปเปิดฟิครีไวล์เฮย์โจวจากไททันด้วยค่ะ
ใครสนใจไปตำกันได้นะคะ
เนื้อหาคนละมู้ดกับฟิคนี้มาก
สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อน
พบกันใหม่อีกครั้งในคราวหน้าที่ได้พบนะคะ
ความคิดเห็น