ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทวิธราดล

    ลำดับตอนที่ #25 : สหายที่สาบสูญ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 277
      16
      8 ม.ค. 67

           ตอนที่ 25 สหายที่สาบสูญ      

     

     

         งูยักษ์เผือกตัวหนึ่งขดตัวสงบอยู่หน้าเมืองโบราณ อากัปกิริยาของมันผิดประหลาดราวกับไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน ดวงตาสีขาวขุ่นจับจ้องแน่นิ่งไปยังกำแพงเมืองที่ก่อด้วยอิฐศิลาแลง นานๆ ทีจะแลบลิ้นสองแฉกของมันออกมา

         ผู้คนบนกำแพงต่างวิ่งวุ่นไปมาด้วยความตกใจ หลายคนตัวสั่นงันงกเมื่อเห็นงูยักษ์มาปรากฏหน้าประตูเมือง หลายคนทำท่าจะยิงธนูลงมา

         "หยุดนะ! อย่าทำอันตรายงูตัวนั้นเป็นอันขาด" เสียงสตรีเฉียบขาดบ่งบอกประกาศิตดังขึ้น

         คนที่ทำท่าจะปล่อยลูกธนูออกไปรีบเก็บอาวุธทันที พลางก้มหัวให้ผู้พูดด้วยความหวั่นเกรงในอำนาจ

         อรดีเดินขึ้นมาบนกำแพงเมือง แววตาของเธอสาดแสงออกมาราวกับจะมีพลังวิเศษทำให้ผู้คนที่กำลังตื่นตระหนกหยุดสงบลงได้อย่างกะทันหัน

         "ใครกล้าแตะต้องงูตัวนั้น กูจะบั่นคอเสีย" อรดีสั่งเสียงดังลั่น ก่อนจะกล่าวต่อ

         "เปิดประตูเมือง" 

         "พระนาง!" 

         "กูบอกให้เปิดประตูเมือง" อรดีตวัดเสียง

         "พ่ะ... พ่ะย่ะค่ะ"

         ผู้ชายหลายคนกุลีกุจอวิ่งไปเปิดประตูเมืองอย่างว่องไว ประตูใหญ่ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ งูใหญ่ชูคอขึ้นก่อนจะเลื้อยกายของมันเข้ามา

         เสียงกรีดร้องดังขึ้นด้วยความตกใจเมื่องูยักษ์เผือกเลื้อยเข้ามาผ่านธรณีประตู หลายคนต่างรีบวิ่งให้พ้นทิศทางของอสรพิษที่พาดผ่านด้วยเกรงว่ามันจะทำร้าย แต่มันหาได้ฉกทำร้ายผู้ใดไม่ เหมือนมันจะมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างโดยเฉพาะ

         อรดีเดินลงมาจากกำแพง มุ่งตรงลงมาที่งูใหญ่ งูยักษ์เผือกก้มหัวให้เธอเล็กน้อย ก่อนที่ร่างจะหายวับไปและแทนที่ด้วยชายหนุ่มผิวสีขาวซีด ดวงตาแหลมเรียว ผมสีขาวสนิท 

         "เป็นอย่างไรบ้าง" อรดีถาม

         "ทีฆชาติมันไปตัดหน้าหม่อมฉันไปพระเจ้าข้า" ชายหนุ่มผิวขาวผู้มีอีกร่างเป็นงูตอบ

         "อะไรนะ" 

         "หม่อมฉันขออภัย มันไปดักรับพวกมนุษย์นั่นไว้ก่อน ทำให้ข้าไม่สามารถพาตัวพวกมันมาได้" 

         "เจ้าโง่ เหตุใดจึงถูกมันชิงตัดหน้า ถ้าพวกมันรวมตัวกันเราจะยิ่งแย่ วิธีที่จะทำลายพวกมันที่ดีที่สุดคือจับพวกมันแยกกัน เอ็งรู้ใช่หรือไม่" อรดีกรีดเสียงด้วยความโมโห

         "รู้พระเจ้าข้า แต่หม่อมฉันไม่ทันจริงๆ พระเจ้าข้า" 

         "ทีฆชาติมันเป็นน้องชายเอ็งมิใช่รึ ทำไมถึงไม่ชักจูงมันมาเป็นพวกกับเราเล่า เหตุใดมันจึงไปช่วยพวกนั้น ถ้าบิดาข้ารู้ ทั้งทีฆชาติ ทั้งเอ็ง จะหามีชีวิตรอดไม่" อรดีพูดอย่างเหี้ยมเกรียม

         "ได้โปรดเถิดพระนาง หม่อมฉันเคยชักจูงมันแล้ว แต่มันปฏิเสธ พระนางก็รู้ดีไม่ใช่รึพระเจ้าข้า" ชายผิวขาวครวญ

         อรดีหันไปทางอื่น ชายผ้าสะบัด "นั่นเป็นปัญหาของเอ็ง มิใช่ปัญหาของข้า" ลูกสาวพญามารขึ้นเสียง ชายผู้มีอีกร่างเป็นงูรีบก้มหัวลงทันที

         "จงไปจัดการมันเสีย พาพวกมันทุกคนมาหาข้าที่เมืองนี้ อย่าได้ทำอันตรายพวกมัน ข้าต้องการพวกมันเป็นๆ แต่ถ้าไอ้ทีฆชาติงูดำมันขัดขวาง ก็ฆ่ามันเสีย" อรดีสั่งเสียงเย็นเยียบ

         ชายหนุ่มรีบก้มหัวทำความเคารพลูกสาวของศัตรูพระพุทธเจ้า ก่อนจะแปลงกายกลับคืนเป็นงูเผือกดังเดิม หัวของมันเบนกลับไปที่ประตูเมืองแล้วเลื้อยปราดออกไป

         "พระนาง มีคนหนึ่งต้องการพบเพคะ" นางบ่าวคนหนึ่งโผล่ออกมารายงานด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ

         "ใครกัน" 

         "หม่อมฉันไม่รู้จักเพคะ"

         อรดีขมวดคิ้ว หันกลับไปมองบนพระตำหนักของตน

     

    *****

     

         บุรุษกายสีส้มนั่งอยู่บนศาลาพักสำหรับผู้ที่มาเข้าเฝ้าอรดี สายตาเขาเหม่อลอยไปทางทิศหนึ่ง ทิศที่ตั้งของผาสูง... ผาที่หญิงสาวผู้หนึ่งพำนักอยู่

          ป่านนี้เธอผู้นั้นจะทำอะไรอยู่หนอ เธอจะเจอสหายของเธอรึยัง เธอจะปลอดภัยหรือไม่ เธอจะ... หายโกรธเขารึยัง

         "อะแฮ่ม" เสียงกระแอมของชายคนหนึ่งดังขึ้น

         วิทยาธรสะดุ้ง หันมามองด้วยความตกใจ ก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างกำยำยืนยิ้มอยู่

         "ท่านเป็นใครกัน" วิทยาธรถามด้วยความสงสัย

         "ข้าชื่อนเรนทร ข้าอยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว พระนางอรดีดูแลข้าอยู่ ท่านมาหาพระนางหรือ" ชายหนุ่มกล่าวถาม

         "ใช่ ว่าแต่เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์ใด หาใช่ชาวฟ้าไม่ เจ้าเป็นใครหรือ"

         "พระนางอรดีบอกว่าข้าตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ข้าจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย รู้แต่ว่าพระนางมีพระคุณต่อข้ามาก"

         คนตรงหน้านี่เป็นมนุษย์ชัดๆ แต่ทำไมคำพูดคำจาถึงไม่เหมือนมนุษย์ในชมพูทวีป วิทยาธรสงสัยในใจอยู่ครามครัน

        "พระนางอรดีบอกว่าท่านตกลงมาจากท้องฟ้าหรือ"

         "ใช่"

         วิทยาธรตกตะลึง หรือว่าเจ้าคนนี้จะเป็น...

         "เจ้าชื่อบดินทร์ ใช่หรือไม่" หนุ่มชาวฟ้ารีบถามพลางลุกขึ้นยืน

         ชายหนุ่มเบื้องหน้าวิทยาธรขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

         "ท่านเรียกข้าขานนามข้าว่ากระไรนะ" 

         "เจ้าไม่ได้ชื่อบดินทร์ดอกรึ"

         "หาใช่ไม่ ข้าเพิ่งบอกท่านไปไม่ใช่หรือว่าข้าชื่อนเรนทร" ชายหนุ่มพูดด้วยความแปลกใจ

         วิทยาธรจ้องบุคคลตรงหน้านิ่ง เขารู้ดีว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นมนุษย์ นอกจากนั้นยังเป็นสหายของฐานิดาที่เธอเคยเล่าให้ฟัง แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นหน้าของบดินทร์ แต่มนุษย์ที่จะเข้ามาป่าหิมพานต์ในระยะเวลาไม่นานมานี้ก็มีแค่สี่คนนี้เท่านั้น ทว่าเหตุใดชายผู้นี้ถึงบอกว่าตนเองไม่ได้ชื่อบดินทร์

         "เจ้ารู้จักนภดล สินี ฐานิดา หรือไม่" วิทยาธรหยั่งเชิงถาม

         นเรนทรขมวดคิ้ว

         "ไม่ ข้าไม่รู้จักสักคนที่ท่านเอ่ยนามออกมาเลย" 

         วิทยาธรชะงักไป นี่มันอะไรกัน เขาจำไม่ได้งั้นหรือ 

         "เจ้าเข้ามาในป่าหิมพานต์นี้พร้อมกับพวกเขา เหตุใดถึงลืมสิ้น" วิทยาธรซักถาม

         "ท่านพูดเรื่องอะไรกัน เข้ามาพร้อมกันหรือ  ท่านหมายถึงที่ข้าตกลงมาจากท้องฟ้าใช่หรือไม่ ข้าตกลงมาคนเดียว พระนางอรดีบอกข้าเช่นนั้น" นเรนทรตอบ

         วิทยาธรตกตะลึง นี่มันผิดปกติ มีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง บุรุษชาวฟ้าค่อยๆ รับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางประการ

         "เจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าเข้ามาพร้อมสหายเจ้าอีกสามคน ตัวเจ้าเองก็มาจากที่นั่นเช่นกัน" วิทยาธรอธิบาย

         นเรนทรยกมือขึ้นเหมือนจะให้วิทยาธรหยุดพูด ก่อนจะกล่าวว่า

         "พอที ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงเรื่องอันใด แต่ท่านกำลังเข้าใจผิดถนัด ข้าอยู่ที่นี่ เข้ามาที่นี่แต่เพียงผู้เดียว ท่านนั่นแหละเป็นผู้ใด เหคุใดถึงมาเอ่ยวาจาไร้สาระใส่ข้าเช่นนี้ เราสองหาได้เคยเจอกันมาก่อนไม่"

         "เจ้าลืมสิ้นแล้วจริงหรือ" วิทยาธรมองตานเรนทรตรงๆ

         "ท่านนี่แปลกพิลึกนัก ต้องการอะไรจากข้ากันแน่" นเรนทรพูดด้วยน้ำเสียงขุ่น

         วิทยาธรเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม แล้วพูดเบาๆ ด้วยเสียงกระซิบว่า

         "อรดีสาปเจ้าหรือ..."

         "วิทยาธร!" 

         บุรุษกายสีส้มสะดุ้ง หันขวับไปมองก็พบอรดีในพัสตราภรณ์สีดำสนิทกำลังเดินขึ้นบันไดมาบนศาลา

         นเรนทรรีบนั่งก้มหน้าลงกับพื้นทันที เมื่ออรดีก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณ

         "นเรนทร เจ้ากำลังเถียงอะไรกับอาคันตุกะของข้าเช่นนั้นหรือ ผู้นี้คือวิทยาธร ข้ารับใช้ของพ่อข้าเอง" อรดีกล่าวแนะนำ

         "หม่อมฉันไม่ทราบพระเจ้าข้า ได้โปรดทรงอภัย วิทยาธรผุ้นี้พูดให้หม่อมฉันงุนงง ทำเหมือนเคยพบปะกันมาก่อน" นเรนทรชี้แจง

         "อย่างนั้นหรือ" อรดีเลิกคิ้ว หันมามองหน้าวิทยาธร

         "เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับวิทยาธรสักประเดี๋ยว" อรดีสั่ง นเรนทรยกมือไหว้พระนางก่อนจะเคลื่อนกายออกไปอย่างช้าๆ วิทยาธรมองตามเขาจนลับสายตา

         "ข้ามีคำถามเพียงข้อเดียว วิทยาธร" จู่ๆ อรดีก็กล่าวขึ้น

         "เชิญถามมาได้พระเจ้าข้า" 

         "เจ้าจะอยู่ฝ่ายไหนกันแน่" 

         "หมายความว่าอย่างใดหรือพระนาง"

         "เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ ว่าเจ้าคิดเช่นไรกับหนึ่งในสี่ของพวกนั้น หัวใจเจ้ากำลังหันเหไปทางพวกมัน เจ้าอย่าได้ลืมเป็นอันขาดว่าเจ้าสาบานจะเป็นข้ารับใช้ของบิดาข้า แม้ว่าบิดาข้าจะเคยลงโทษเจ้า แต่ครั้งนั้นเพราะเจ้าทำพลาดเอง" 

         "หม่อมฉันสลัดความคิดนั้นออกไปแล้วพระเจ้าข้า ด้วยเหตุนั้นข้าจึงทิ้งนางผู้นั้นมา เพื่อมารับใช้พระนางอย่างเต็มที่พระเจ้าข้า"

          อรดีจับจ้องมองใบหน้าของวิทยาธรแน่นิ่งราวกับจะค้นหาความจริง 

         "เจ้าได้พบคัพธัพวดีบ้างรึไม่" อรดีถามขึ้น วิทยาธรเงยหน้าขึ้นมอง

         "พบพระเจ้าข้า"

         "นางคงพยายามชักจูงให้เจ้าไปอยู่พวกเดียวกับนางใช่หรือไม่" 

         "เป็นเช่นนั้นพระเจ้าข้า" วิทยาธรตัดสินใจที่จะไม่โกหกเป็นดีที่สุด

         "แล้วเจ้าคิดเห็นเช่นไร" อรดีถามเสียงราบเรียบ ใบหน้ามิได้ฉายแววยินดียินร้ายใดๆ 

         "หม่อมฉันไม่ได้คิดเห็นเช่นไรพระเจ้าข้า" 

         "เจ้ายังคงซื่อสัตย์ต่อบิดาของข้าใช่หรือไม่" 

         "พระเจ้าข้า" วิทยาธรกล่าว

         "เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้ก็แค่รอพวกมันอีกสามคนมาถึงที่นี่ ระหว่างนี้พักผ่อนเถิด" อรดีกล่าวก่อนจะลุกขึ้นและหันกายเดินออกไป

         "พระนางทรงทำอะไรกับมนุษย์ที่ชื่อนเรนทรผู้นั้นรึพระเจ้าข้า" วิทยาธรร้องถามออกไป อรดีชะงักก่อนจะหันมามอง

         "ข้าให้เข้าไปอยู่ในตำหนักทิศใต้ ว่าแต่เจ้าจะรู้ไปทำไมหรือ" 

         "เผื่อหม่อมฉันจะช่วยอะไรได้บ้างพระเจ้าข้า" 

         อรดียิ้มเยือกเย็น

         "มิจำเป็นดอก ขอบใจเจ้ามาก" อรดีพูดจบก็เดินออกมาจากศาลา วิทยาธรมองตามไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด 

         เมื่อพ้นบริเวณนั้นออกมาได้สักพัก ลูกสาวพญามารจึงก้มลงพูดกับนางบ่าวที่เดินติดตามอยู่ว่า

         "ปาราวตี จับตาดูเจ้าวิทยาธรเอาไว้ให้จงหนัก ข้ามิไว้ใจมัน แววตามันบ่งบอกว่ามันเอาใจออกห่างจากบิดาข้าเสียแล้ว" 

         "เพคะ พระนาง" นางบ่าวรับคำ

     

    *****

     

     

         สองหนุ่มสาวตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจเมื่อเห็นงูยักษ์ใหญ่สีดำกลายแปลงกายเป็นมนุษย์ต่อหน้า

         ชายหนุ่มรีบดึงตัวเพื่อนหญิงถอยกรูดออกมาด้วยความไม่ไว้วางใจ

         "ท่านกลัวข้าหรือ" ทีฆชาติถาม

         "ท่านเป็นใคร" นารีผลที่รวบรวมสติได้แล้วถามออกไป ด้วยความที่เธอเป็นสิ่งที่กำเนิดในป่าหิมพานต์ การตั้งตัวพร้อมรับสถานการณ์แปลกประหลาดของเธอจึงดีกว่ามนุษย์ทั้งสอง

         "ข้าทีฆชาติ ข้าเป็นงูใหญ่ที่ประจำอยู่ผาแห่งนี้"

         "ท่านจับเรามาทำไมหรือ" นารีผลถามต่อ

         "ข้าต้องขออภัย ที่ข้าชิงตัวคนของท่านมานั้นก็เพื่อหลอกล่อพวกท่านนั่นเอง" หนุ่มผิวดำตอบ

         "ท่านทำเช่นนี้ทำไม"

         "ข้าจำเป็นต้องดักชิงตัวพวกท่านมา เพราะถ้าท่านยังเดินทางต่อไปท่านจะพบอันตรายจากพี่ข้า" ทีฆชาติอธิบาย

         "พี่ท่านหรือ" นารีผลขมวดคิ้ว

         "ถูกต้องแล้ว แม่นางผู้เกิดจากต้นไม้ พญางูเผือกพี่ของข้า เขากลายเป็นฝั่งตรงข้ามกับเราเสียแล้ว" 

         "นารีผล" นภดลร้องเรียก หญิงผู้เกิดจากต้นไม้หันไปมอง

         "คุณคุยอะไรกับเขาหรือ" 

         นารีผลเดินเข้ามา

         "ท่านทั้งสองโปรดสงบจิตสงบใจเถิด ท่านผู้นี้หาได้มีเจตนาร้ายต่อเราไม่ อย่าได้กลัวเลย แต่ทว่ามีสิ่งอื่นที่น่าหวาดหวั่นกว่า" นารีผลอธิบาย

         "อะไรน่าหวาดหวั่นหรือ" สินีหน้าเสีย

         "ตัวข้าก็ยังมิเข้าใจมากนัก แต่ข้าคิดว่าพอจะรู้อะไรบางอย่าง พวกท่านรีบมาคุยกับเขาเถิด"

         มนุษย์สองคนค่อยๆ เดินเข้ามาหาทีฆชาติ

         "ได้โปรด อย่าเพิ่งให้ข้าอธิบายอันใดตอนนี้เลย พวกท่านรีบไปหาสหายท่านอีกคนหนึ่งเถิด พี่ชายข้ากำลังไปหาเแม่หญิงผู้นั้นตอนนี้" ทีฆชาติพูดด้วยความร้อนรน

         "สหายอีกคน?"


         "พี่ชายข้ารับคำสั่งจากนายของเขาให้ไปจัดการกับสตรีที่อยู่บนยอดผาเหนือหัวเรานี้ ซึ่งนางก็คือสหายอีกคนของพวกท่านที่กำลังตามหาอยู่มิใช่หรือ"

         นารีผลเอามือปิดปากด้วยความตกใจ

         "พี่ชายคุณ" นภดลสงสัย

         "พญางูเผือกใหญ่ คือพี่ชายของข้า"

         "แป๋ว!" ทั้งนภดลและสินีร้องออกมาพร้อมกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×