ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทวิธราดล

    ลำดับตอนที่ #24 : ทีฆชาติ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 269
      19
      8 ม.ค. 67

    ตอนที่ 24 ทีฆชาติ

     

     

         นภดลค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง แต่แล้วก็หยุดกึกอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงนารีผลกระซิบเตือนเสียงเบา

         "ห้ามขยับตัวเด็ดขาด!"

         "มีอะไรกันแน่" สินีร้องถามมาอีกหน ใบหน้าเธอฉายแววฉงนเมื่อเห็นอากัปกิริยาที่แปลกไปของเพื่อนหนุ่มและนารีผล

         "ท่านได้โปรดอยู่เฉยๆ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวใดๆ" นารีผลร้องเตือนเสียงแผ่วเบา

         สินีขนหัวลุกซู่ เธอรับรู้ด้วยความสังหรณ์ใจว่าเบื้องหลังเธอต้องมีอะไรบางอย่างเป็นแน่ จะหันไปก็ไม่กล้า จึงได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหินฉะนั้น ฉับพลันก็เกิดเสียงแกรกกรากสวบสาบดังขึ้นข้างหลัง หญิงสาวสะดุ้งโหยง กลั้นลมหายใจ

         พญางูใหญ่ตัวสีดำสนิทราวถ่านไม้ โผล่หัวมหึมาออกมาจากรูหิน ชูคอขึ้นสูงจนท่วมศีรษะสินี หัวมันส่ายร่อนไปมาพลางแลบลิ้นสองแฉกเหมือนกับจะพยายามรับรู้ถึงสิ่งปกติ เมื่อหัวของมันออกมาโดนแสงแดดนอกรูถ้ำก็เผยให้เห็นเด่นชัดถึงขนาดลำตัวที่หนาอวบพอๆ กับต้นไม้ใหญ่ ดวงตาสีเหลืองน่าขนลุกจับจ้องมาที่สามชีวิตอย่างมุ่งร้าย

        หัวสมองนภดลไม่สามารถคิดอะไรได้ออกเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าอสรพิษยักษ์ ความหวาดกลัวลบล้างสติสัมปชัญญะออกไปจากหัวชายหนุ่มแทบจะหมดสิ้น เขาไม่อาจคาดคะเนได้เลยว่าตัวมันจะยาวแค่ไหน เขาไร้อาวุธ โอกาสที่จะวิ่งหนีก็แทบไม่มี หญิงสาวผู้เกิดจากต้นไม้ที่ยืนเคียงข้างเขาก็ดูจะอับจนหนทางเช่นกัน

         ในโลกมนุษย์เขาเคยได้ยินว่าเมื่อเผชิญหน้ากับงู การยืนนิ่งๆ ไม่ขยับ ไม่แสดงท่าทีว่ารุกรานต่อมัน ในโอกาสที่แม้จะน้อยนั้น มันก็จะไม่โจมตีเรา และเลื้อยหนีไปตามวิถีของมัน ในครั้งนี้นารีผลก็กำชับว่าอย่าขยับเคลื่อนไหวซึ่งก็ฟังแล้วดูมีเหตุผล แต่ปัญหาคือ...

         ที่นี่ไม่ใช่โลกมนุษย์

         และถ้ามันหิวขึ้นมา ทั้งสามคนคงถูกมันเขมือบได้อย่างง่ายดาย กลิ่นเหม็นเน่าที่เหมือนตัวอะไรตายนั้นคงจะมาจากซากสัตว์รอบๆ บริเวณที่ตกเป็นเหยื่อของมันมาก่อนแน่นอน

         ชั่ววินาทีดับจิต งูยักษ์ก็อ้าปากกว้างเห็นเขี้ยวและขากรรไกรสยดสยอง ส่งเสียงขู่ฟู่ฟ่อดังสนั่น สินีไม่สามารถยืนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

         "ต่ายอย่าขยับ!" นภดลร้องเตือนเสียงหลง

         มันเลวร้ายกว่านั้น ความจริงแล้วสินีไม่ได้ตั้งใจจะขยับตัว แต่ที่เธอเคลื่อนไหวนั้นเพราะเธอกำลังจะเป็นลม ขาแข้งที่อ่อนแรงของหญิงสาวงอพับลงอย่างคนกำลังตกอยู่ในภาวะช็อก ร่างค่อยๆ เอนล้มลงกับพื้น

         "นายหญิง!" นารีผลตะโกนด้วยความตกใจ

         ฉับพลันนั้น อสรพิษจากใต้พิภพก็พุ่งฉกลงมา เอาปากงับเข้าที่กลางลำตัวของสินีอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตอนนี้แทบจะไม่รับรู้อะไรแล้ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างอ่อนปวกเปียกตกอยู่ในปากมรณะของงูร้าย

         นภดลลืมทุกสิ่งทุกอย่างโดยสิ้นเชิง ลืมไปว่าเขาเป็นมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ลืมไปว่าเขาไม่มีอาวุธ แต่ภาพที่สินีถูกมันงับทำให้ชายหนุ่มไม่อาจยืนทนดูได้อีกต่อไป เขาวิ่งเข้าไปหาอย่างคนจนตรอก

         พญางูสีนิลหันขวับมาที่ชายหนุ่ม ก่อนจะขดตัวของมันเลื้อยกลับไปในรูถ้ำอย่างรวดเร็วตามเดิม เสียงลำตัวของมันที่ชนผนังถ้ำดังครื้นครั่นสนั่นหวั่นไหว ก้อนหินก้อนดินร่วงกราว ปากมันได้พาตัวหญิงสาวที่สลบไสลไปกับมันด้วย

         "ไม่นะ!" นภดลร้อง พยายามวิ่งตามเข้าไปจนถึงรูถ้ำที่งูมหึมาเพิ่งผลุบตัวกลับเข้าไป

         "อย่านะท่าน" นารีผลเตือน แต่ชายหนุ่มหูดับไปเสียแล้ว เขาวิ่งและมุดเข้าไปในรูถ้ำด้วยความรวดเร็ว เขาไม่สนว่าข้างในรูจะมีลักษณะอย่างไรหรือมีอันตรายหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องไปช่วยเพื่อนหญิงก่อน

         เสียงร้องห้ามโหวกเหวกของนารีผลดังอยู่นอกถ้ำข้างหลังเขา แต่เขาไม่ได้สนใจ แสงสว่างจากนอกถ้ำส่องเข้ามาไล่ความมืดภายในจนเห็นชัดเจนพอสมควร ชายหนุ่มรีบพุ่งไปตามทางเดินคล้ายท่อน้ำทันที

         ยิ่งเดิน ภายในถ้ำใต้ผาก็มีขนาดกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถยืนได้ ชายหนุ่มวิ่งไปตามทางด้วยความรวดเร็ว ข้างในเย็นชื้นผิดกับอากาศภายนอก กลิ่นเหม็นสาบสางลอยมาแตะจมูกตลอดเวลา พื้นถ้ำที่เหยียบย่ำตลอดทางนั้นก็เต็มไปด้วยกระดูกของสัตว์ไม่ทราบชนิด

         เสียงวิ่งของเขาดังก้องสะท้อนไปทั้งถ้ำ หลายรอบเขาเกือบล้มเพราะสะดุดหินงอกตามพื้นถ้ำ บางจุดต้องก้มตัวเพราะหินย้อย เขาเดินต่อไปไม่หยุด เหงื่อไหลท่วมกาย

         "ต่ายต้องยังไม่เป็นอะไร ต้องยังไม่เป็นอะไร" นภดลภาวนาในใจไปมาหลายรอบ ทั้งๆ ที่อีกใจหนึ่งกำลังบอกเขาว่าเธออาจจะไม่รอดแล้ว โดนมันคว้าไปเช่นนั้น ยิ่งเธอกำลังหมดสติด้วยแล้ว ป่านนี้คงถูกมันเขมือบลงท้องไปเรียบร้อย ภาพที่งูฉกงับหนูหรือจิ้งจกตัวเล็กๆ มันไม่ต่างจากที่สินีโดนเลยแม้แต่น้อย แต่เขาจะทิ้งเพื่อนไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องไปช่วยเธอแม้โอกาสรอดจะไม่มีก็ตาม

         เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง กำลังจะตามเจอเพื่อนอีกคนอยู่แล้ว แต่เพราะเคราะห์กรรมอันใดหนอทำให้มาพบเจอเรื่องร้ายอันเป็นเหตุให้เกิดความพลัดพรากจากกันอีก จากเป็นยังพอตามหาช่วยเหลือกันได้... แต่ถ้าจากตายล่ะ 

         จู่ๆ ถ้ำที่นภดลเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ ก็ขยายกว้างออกเหมือนถ้ำขนาดย่อมๆ แสงแดดส่องเข้ามาได้บ้างผ่านช่องหินที่แตก ชายหนุ่มเดินมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง ความมืดบางจุดยังคงทึบทึม แสงส่องไปไม่ถึง ไม่แน่ว่างูใหญ่มันอาจขดตัวชูคอรอแว้งกัดเขาจากในเงามืดก็เป็นได้ คิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มก็ก้มลงคว้าก้อนหินขนาดเท่าครกทุ่มเข้าไปในความมืดเบื้องหน้า

         เสียงหินกระแทกกันดังสนั่นไปทั่วทั้งถ้ำ แต่ก็ไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรออกมาจากความมืดนั้น นภดลค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ เมื่อสายตาเริ่มปรับเข้ากับความมืดได้ เขาก็เพ่งมองไปเบื้องหน้า เผื่อว่าจะเห็นสินีนอนอยู่ตรงไหนสักแห่ง 

         เบื้องหน้าไร้ร่างเพื่อนรักของเขา แต่มีผนังกำแพงหินที่ขวางกั้น และผนังหินที่กั้นเขาอยู่นี่เองทำให้ชายหนุ่มอ้าปากค้าง

         บนผนังนั้นมีบรรดารูกลมๆ ที่สามารถทะลุเข้าไปได้ ปรากฏให้เห็นเป็นสิบๆ รู!

         นภดลทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรงล้า เขาไม่มีทางรู้เลยว่างูร้ายนั่นพาเพื่อนสาวไปรูไหน ถ้าจะตรวจทุกรู ต่ายคงตายไปแล้ว แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเช่นเดียวกัน

         เสียงแกรกๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

         นภดลขยับตัวหันมองไปรอบด้าน เมื่อแรกเขาเข้ามาอย่างไม่สนอันตรายนั้นก็เพราะด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเหนือสิ่งอื่นใด แต่ตอนนี้เมื่อเขาเริ่มมีสติ ความกลัวที่มีต่อสถานที่ที่ไม่คุ้นชินก็เริ่มปรากฏออกมา

         เสียงแกรกๆ ดังขึ้นอีก หูไม่ฝาดแน่คราวนี้

         ชายหนุ่มผลุนผลันลุกขึ้นยืน ระวังตัวเต็มที่

         เจออะไรเจอได้ แต่ขออย่าให้เจอผีอย่างเดียว นภดลคิดในใจอย่างประสาทๆ

         เสียงแกรกกรากเหมือนสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนไหวดังขึ้นอีกครั้ง ความคิดในหัวบอกกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่งู เพราะงูไม่เคลื่อนไหวเสียงแบบนี้ ยิ่งผีด้วยแล้วยิ่งไม่ใช่ เพราะผีไม่น่าจะทำให้เกิดเสียงแบบนี้ได้

         เขาพยายามเงี่ยหูฟังว่าเสียงมันดังมาจากทิศทางไหน เพราะด้วยความที่อยู่ในถ้ำโดยมีท่อรูหินมากมายแบบนี้ทำให้เสียงที่เกิดขึ้นสะท้อนกังวานไปทั่วจนจับจุดกำเนิดไม่ถูก

         "ก๊อกแก็ก" เสียงหินก้อนเล็กๆ ตกกระทบพื้นดังขึ้นเบื้องหลัง เขาหันขวับไปยังท่อรูหินเดิมที่เขาเดินเข้ามา

         "อะไรกัน" ชายหนุ่มพยายามเพ่งมอง

         มือสีขาวซีดค่อยๆ โผล่ออกมาจากรูหิน นิ้วเรียวยาวราวกับแมงมุมตัวใหญ่สีขาว มือนั้นจับขอบผนังหินในท่าขยุ้ม ก่อนจะปัดป่ายไปทั่วด้วยลักษณะอาการประหลาด เสียงดังครืดๆ ราวกับมันกำลังขยับเคลื่อนไหวตัวเข้ามาอย่างช้าๆ

         มืออีกข้างของมันโผล่มา อาการเหมือนจะคว้าหาที่ยึดเกาะ สักพักมือชวนขนลุกนั่นก็คว้าแง่หินได้ ก่อนจะจับเป็นหลักยึดและออกแรงฉุดร่างของมันออกมาจากรูหิน ศีรษะที่มองไม่เห็นใบหน้ากับเส้นผมยาวเฟื้อยโผล่ออกมาช้าๆ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าร่างกายประหลาดของมันเคลื่อนไหวในท่าคลาน

         นภดลเดินก้าวถอยหลังออกไปสามก้าวอย่างไม่รู้ตัว นี่เขากำลังเผชิญหน้ากับตัวอะไรกันแน่

         ร่างชวนสยองคลานออกมาจากหลุม มันกลิ้งตกจากหลุมลงบนพื้นถ้ำเสียงดังพลั่ก ก่อนจะขยับตัวดิ้นพรวดพราดปัดป่ายไปมาราวกับลิงติดแห

         "ซา... ซาดาโกะ" ชายหนุ่มเผลอร้องออกไป ผิวสีขาวเผือดกับผมยาวสีดำรวมถึงท่าคลานของร่างนั้นทำให้เขานึกถึงผีในหนังผีญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่มันคลานออกมาจากจอทีวี 

         "ท่านจะยืนดูข้าอีกนานรึไม่" เสียงจากร่างนั้นร้องออกมา ชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ

         "นารีผลหรือ" นภดลร้องถาม

         ร่างประหลาดนั้นยืนขึ้น สะบัดผมยาวออกไป เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย... นารีผล หญิงผู้เกิดจากต้นไม้นั่นเอง

         นภดลรีบวิ่งเข้าไปประคองเธอให้ยืนขึ้นด้วยความตกใจ ละล่ำละลักถาม

         "อะไรกันนี่ คุณตามผมมาหรือ" 

         "ถูกต้อง ข้าตามท่านมา---ทำไมท่านถึงมองข้าแบบนั้นล่ะ"

         "ผมมองไม่ชัด มันมืดมาก ผมนึกว่าไม่ใช่คุณ แล้วทำไมคุณไม่เดินมาดีๆ ล่ะ จะคลานมาทำไม" นภดลถามด้วยความสงสัย

         "ข้ากลัวและเกลียดงูเป็นที่สุด กลัวว่าถ้าเดินบุกรุกมาในรังของมัน จะถูกมันจู่โจมโดยมิทันได้ตั้งตัว ข้าเลยคลานมา" เธอตอบพลางมองไปรอบๆ

         "คลานมาเนี่ยนะ คุณคิดยังไงของคุณ"

         "แล้วจะให้ข้าทำเช่นใด ก็ท่านทิ้งข้าไว้ข้างนอก ข้าเตือนท่านก็มิฟัง ข้าจึงต้องตามมา ทั้งๆ ที่ข้าหวาดหวั่นต่อความมืดเป็นที่สุด ว่าแต่ท่านเจอเพื่อนของท่านรึยัง" นารีผลถาม 

         "ผมมีปัญหานิดหน่อยเกี่ยวกับผนังหินฟากโน้น" นภดลพูดพลางชี้มือฝ่าความมืดออกไป นารีผลมองตาม

         "ผนังถ้ำด้านกระโน้นทำไมหรือ" 

         "เดินตามมาสิ ผมจะพาคุณไปดูใกล้ๆ" นภดลแตะแขนนารีผลเบาๆ ก่อนจะเดินนำหน้าเธอไป

         "เมื่อครู่ ท่านเรียกข้าว่าซาดาโกะ ซาดาโกะคืออันใดหรือ" นารีผลซักถามระหว่างเดิน

         ชายหนุ่มหัวเราะคิก

         "ขำอันใด" 

         "ตอนที่คุณคลานออกมาจากรูหิน ทำให้ผมนึกถึงซาดาโกะ เธอเป็นผีน่ะ" นภดลอธิบาย

         "ผีหรือ ผีในโลกของพวกท่านหรือ" เธอถามต่อ

         "อืม จริงๆ ก็ไม่ใช่หรอก เป็นผีในจินตนาการของคนน่ะ หรืออาจจะมีจริงก็ไม่รู้สิ" ชายหนุ่มพูดเบา ๆ

         ทั้งสองเดินจนมาถึงผนังหินฟากตรงกันข้ามที่ปรากฏรูหินมากมายกว่าสิบรูเรียงรายเต็มไปหมด

         "ผมไม่รู้ว่างูยักษ์นั่นไปรูไหน" นภดลกล่าวอย่างกังวล

         นารีผลเดินไปประชิดผนังหิน ก้มลงดูแต่ละรูอย่างถี่ถ้วน บางรูยืนดูนานหน่อย บางรูก็ใช้มือจับสัมผัสหาอะไรบางอย่าง บางรูก็เดินหายเข้าไปสักระยะก่อนจะเดินกลับออกมา เธอตรวจทุกรูจนครบถ้วน

         "คุณทำอะไรหรือ" มนุษย์หนุ่มถาม

         "อสรพิษนั่น พาสหายท่านไปรูนั้น" นารีผลพูดพลางชี้ไปที่รูบนชิดขวาสุด

         "คุณรู้ได้อย่างไร" 

         "โปรดตามข้ามา" 

         นภดลรีบเดินเข้าไป จับยึดหินถ้ำเพื่อปีนป่ายขึ้นไปจนถึงรูบนชิดขวาที่นารีผลยืนรออยู่ ชายหนุ่มเหวี่ยงแขนขึ้นมาบนปากรูก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมายืนข้างเธอ 

         "เห็นนี่รึไม่" นารีผลชี้นิ้วให้ดูหินงอกบนพื้นถ้ำที่อยู่ใกล้กับปากรู นภดลก้มลงดูอย่างถี่ถ้วน หันไปหยิบไฟฉายในกระเป๋าตนเองเปิดขึ้นส่อง

         ที่โคนของหินงอกนั้น ปรากฏเส้นผมกระจุกหนึ่งม้วนพันกันติดอยู่ ชายหนุ่มรีบเอามือดึงเส้นผมนั้นขึ้นมา มันยาวมาก คล้ายเส้นผมของสตรี

         "เส้นผมของนายหญิงอย่างแน่นอน" นารีผลกล่าว

         "แล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นของเพื่อนผม" อีกฝ่ายตั้งคำถาม

         "ในสภาพถ้ำเช่นนี้ ที่อยู่อาศัยของงูโบราณเช่นนี้ ท่านคิดว่าจะมีคนเข้ามาหรือ ถ้ามีก็คงนานหลายปีดีดักนักแล้ว ไม่น่าเหลือร่องรอยมาให้เห็นชัดถึงบัดนี้ดอก ที่ข้าเห็น ส่วนมากเหยื่อของมันจะเป็นสัตว์มิใช่มนุษย์หรือคนธรรพ์รวมไปถึงชาวฟ้าใดๆ ที่ท่านเห็นอยู่นี่ก็คือผมของอิสตรีมิใช่หรือ หาใช่ขนสัตว์ไม่" นารีผลกล่าวอย่างมีเหตุมีผล 

         นภดลคิดตาม ในใจชายหนุ่มก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้นแต่แรก แต่เขาแค่อยากจะขอความมั่นใจว่าเป็นเส้นผมของเพื่อนจริงๆ ไม่ใช่ของคนอื่น เพราะเวลาชีวิตของเพื่อนหญิงลดน้อยลงทุกที ไม่แน่ว่าป่านนี้เธออาจจะ...

         "รีบเถิดท่าน ข้าเป็นห่วงนายหญิงยิ่งนักแล้ว" นารีผลกระตุ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน สะบัดไล่ความคิดอัปมงคลออกไปจากหัว ก่อนจะส่องไฟฉายไปเบื้องหน้าเนื่องจากความมืดที่มากขึ้นกว่าตอนแรกเข้ามา

         ทั้งสองกึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยความร้อนรน ชายหนุ่มรับรู้ดีว่านารีผลกลัวมากเมื่อมาอยู่ในที่มืดอันอึดอัดคับแคบแถมยังเป็นที่อยู่อาศัยของงูดึกดำบรรพ์ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวอย่างยิ่งสำหรับเธออีกด้วย ชายหนุ่มนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่านารีผลคลานคลำทางตามเข้ามาในถ้ำได้อย่างไร เธอคงหวาดกลัวมาก แต่ด้วยความซื่อสัตย์ที่เธอเคยปฏิญาณไว้ทำให้เธอข่มความกลัวตามเขาเข้ามาช่วยเพื่อนหญิง ช่างน่านับถือน้ำใจนัก

         แสงสีขาวนวลตาส่องมาจากปากทางเบื้องหน้า นภดลหยุดชะงักจ้องมองอยู่ชั่วครู่ 

         "นั่นแสงอะไรกัน ดูไม่เหมือนแสงอาทิตย์เลย" นภดลกล่าวเบาๆ ทั้งเขาและนารีผลเดินไปจนถึงบริเวณแสง ก็พบว่ามันส่องออกมาจากถ้ำกว้างเบื้องหน้า ถ้ำนี้กว้างใหญ่กว่าถ้ำเมื่อครู่ที่พวกเขาผ่านกันเข้ามามากนัก เพดานถ้ำสูงลิบลิ่ว ผนังรอบด้านก็กว้างขวาง ทั้งสองคนก้าวลงมาจากรู ยืนบนพื้นถ้ำ มองหาต้นกำเนิดแสงสีขาวนวล แต่ก็ไม่พบ 

         นภดลรู้สึกว่า ณ ที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

         "ฟ้า!" 

         นภดลสะดุ้ง หันไปมองที่ใจกลางถ้ำ

         สินีนั่งอยู่ตรงนั้น เธอไม่ได้อยู่ในอาการหมดสติอีกต่อไป

         "ต่าย" นภดลตะโกน เขารีบวิ่งห้อเข้ามาใจกลางถ้ำด้วยความรวดเร็ว นารีผลตามหลังเขามาติดๆ ท่าทางอกสั่นขวัญแขวน

         "ต่ายเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรรึเปล่า" เขาไต่ถามอย่างรวดเร็ว จับแขนจับไหล่หญิงสาวพลางก้มดูตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อหาสิ่งผิดปกติ

         อีกฝ่ายตัวสั่นงันงก ใบหน้าเธอซีดเซียว ดวงตาบ่งบอกถึงความหวาดกลัวที่สุดในชีวิต เธอเหมือนจะพยายามระงับความกลัวอยู่สักครู่ ก่อนจะพูดออกมาเสียงแหบพร่า

         "เราไม่เป็นอะไร" 

         "ไม่เป็นอะไรเลยเหรอ แต่เราเห็นมันงับเธอเข้ามานะ เธอแน่ใจนะว่าไม่มีบาดแผลหรือโดนพิษของมัน" ชายหนุ่มพูดรัวเร็ว

         "มะ... ไม่ เราไม่เป็นอะไรหรอก เราไม่รู้สึกตัวเลย เหมือนเราจะหมดสติไป รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่นี่แล้ว" เธอพูด 

         "งั้นเรารีบไปกันเถอะ" นภดลชวน รีบจับแขนหญิงสาว

         "ไม่ ไปไม่ได้" สินีพูดเสียงสั่นเครือ

         "หมายความว่าอย่างไร นายหญิง" นารีผลร้อง

         เธอชี้นิ้วอันสั่นเทาไปเบื้องหน้า นภดลกับนารีผลมองตาม

         พญางูใหญ่ตัวสีดำสนิท กำลังขดตัวรัดหินงอกก้อนใหญ่อยู่เบื้องหน้า ร่างของมันใหญ่และยาวมากจึงสามารถกอดกระหวัดรัดรึงตรึงแน่นแท่นหินจนมิดได้ หัวของมันชูขึ้น ดวงตาสีเหลืองยังคงจ้องลงมาที่ทั้งสามคนอย่างมุ่งร้ายหมายขวัญ ประมาณสองสามวินาทีจะแลบลิ้นออกมาทีหนึ่ง

         นภดลขนหัวลุกซู่ นารีผลถอยหลังกรูดด้วยความตกใจกลัว มัจจุราชยักษ์ไม่มีตีนรอพวกเขาอยู่เบื้องหน้าแล้ว

         ฉับพลัน งูใหญ่ก็ค่อยๆ คลายวงรัดออกจากแท่นหินที่มันพักพิง เลื้อยลงมาตามพื้นถ้ำ มุ่งตรงมาที่ทั้งสาม ส่งเสียงขู่ฟู่ฟ่อออกมาตลอดเวลา สินีกรีดร้องออกมาด้วยความสยดสยองปนขยะแขยงเหลือประมาณ ส่วนนารีผลคงจะกลัวมากจนกรีดร้องไม่ออกแล้ว

         งูร่างมหึมาค่อยๆ ชูคอขึ้น ดวงตาจับจ้องมองทั้งสามคน นภดลคิดในใจว่าจะวิ่งหนีมันทันไหม มันจะพุ่งตัวฉกลงมาเลยหรือไม่ สมองเขากำลังคิดหาหนทาง

         แต่ทว่าจู่ๆ งูยักษ์ก็ทำท่าทางอันแปลกประหลาดออกมา

         หัวที่ชูขึ้นสูงค่อยๆ ก้มลงให้กับทั้งสาม แสดงอาการให้ความเคารพและศิโรราบ

         ทั้งสองหนุ่มสาวมองหน้ากันด้วยความงุนงง

         ชั่วครู่ งูยักษ์ก็หายวับไป เหลือแต่ชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ใส่ชุดที่เหมือนทำมาจากเกล็ดงูสีดำสนิท นั่งคุกเข่าประนมมืออยู่ที่อก ดวงตาของเขามีสีเหลืองวาวสว่าง

         "ได้โปรดให้อภัยแก่ข้าน้อยที่ล่วงเกินทุกท่าน ข้าพเจ้าขอปรากฏกายเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อท่าน ข้ารอมานานเหลือเกิน ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่ข้าจะได้เจอพวกท่าน เป็นบุญของข้ายิ่งนักแล้ว"

         การหายตัวไปของงูกลายเป็นชายหนุ่มตรงหน้า สร้างความตกใจกลัวต่อทั้งสามคนเป็นอย่างยิ่งจนไม่สามารถจับใจความสิ่งที่ชายผู้มีอีกภาคเป็นงูพูดออกมาเมื่อครู่ได้เลย นภดลยืนนิ่งอย่างคนที่ตกใจสุดขีด สิ่งที่พอจะทำได้ตอนนี้คือถามออกไปว่า

         "คุ... คุณเป็นใคร"

         "ข้ามีนามว่าทีฆชาติ[1] เป็นงูผู้อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้" 



    [1] งู


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×