ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC Boku No Hero Academia / BNHA |Dark Uptight| (All Midoriya)

    ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER 10 : คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.09K
      908
      24 เม.ย. 65

    คำเตือน
    แฟนฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มีการอ้างอิงจากอนิเมะเรื่อง My Hero
    เนื้อเรื่องไม่ได้ดำเนินตามอนิเมะ ออกแนวดาร์กแฟนตาซี
    มิโดริยะ อิสึคุเรื่องนี้ไม่ใช่คนดีและไม่ใช่มนุษย์
    มีฉากเรท 18+ บางตอน รบกวนทำความเข้าใจก่อนอ่าน
    และอย่าแบนนะคะ
    ___________________________________________________________


    EP.10
    คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
               


    *ยังไม่ได้แก้คำผิด





    ระยะทางจากยูเอย์มายังที่หมายนั้น นับว่าไกลกว่าจากที่ผ่าน ๆ มาจนมิโดริยะกับฮิเมกิต้องลอบส่องสายตากันอย่างลับ ๆ แม้อยากจะถามผู้ปกครองจำเป็นในวันนี้ใจแทบสั่นแต่ด้วยความเป็นน้องที่ดี พอเห็นคนเป็นพี่กำลังรำลึกความหลังกับเพื่อนสนิทของตัวเอง ก็เลยปิดปากเงียบได้แต่นั่งรอคำตอบยามถึงที่หมายเพียงอย่างเดียว

    ดวงตาสีเขียวหม่นกวาดมองทิวทัศน์รอบข้างก็เป็นอันแปลกใจอีกครั้ง เพราะแทนที่มันจะเป็นตึกสูงใหญ่รายล้อมอยู่สองข้างทางตามความเจริญของเมือง บัดนี้สองทางที่รถคันหรูกำลังวิ่งผ่านนั้นกลับเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ บ้านเรือนถูกสร้างอย่างห่างไกลคล้ายกับต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่าความแออัดในเมืองใหญ่ ๆ

    นี่แหละหนาความแตกต่างของสังคมเมืองกับสังคมชนบท และหากให้เขาเลือกว่าอยากอยู่กับสังคมไหนมากกว่า มิโดริยะย่อมตอบกลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองให้เสียเวลาว่าตัวเขาย่อมเลือกความสงบมากกว่าความวุ่นวายอยู่แล้ว

    ทว่านอกจากความแปลกใจที่ก่อตัวอยู่ข้างใน สัญชาตญาณที่มักถูกลับให้คมกริบเพื่อระวังภัยอันตรายจากผู้หวังร้ายก็เริ่มทำงานด้วยการสอดส่องหาศัตรูที่หลบซ่อนอยู่ในมุมมืด

    เพราะตลอดเวลาที่มิโดริยะกับฮิเมกิอาศัยอยู่ในยูเอย์หาได้อยู่อย่างสงบไม่ ยามค่ำคืนมาเยี่ยมเยือนในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวาน กลับมีดวงตาสีแดงสองคู่จ้องมองเหยื่อที่พยายามหาทางบุกรุกเข้ามาในยูเอย์อย่างเอาเป็นตาย เพื่อจับเป้าหมายกลับไปให้นายของพวกมัน แต่พอทำท่าจะเข้ามาได้สำเร็จก็มักจะถูกผู้ล่าทั้งสองเก็บกวาดจนไม่เหลือซากเข้าเสียก่อน

    คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าวิธีเก็บกวาดของอมนุษย์อย่างเช่นพวกเขานั้น มันไม่ปกติเสียเท่าไหร่ แถมออกจะเละเทะเพราะความสะใจส่วนตัวของพวกเขาอีกเสียด้วย

     ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เรียวสึเกะที่เห็นท่าทางระแวดระวังของน้องเล็กทั้งสองก็เอ่ยบอกให้พวกเด็กน้อยผ่อนคลาย

    เคียวยะกับนัตสึกิเชือดทิ้งไปก่อนหน้านี้แล้วละ

    ทว่าประโยคถัดมาของพี่รองแห่งคฤหาสน์หงส์ดำเรียกสายตาขวาง ๆ กับใบหน้ามืดครึ้มของไอซาวะที่หันมาจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นไปทั่วรถ

    นี่นายหมายความ---”

    บู่วววว ทำไมพวกเคียวจังได้สนุกอยู่ฝ่ายเดียวเล่า ฮิเมะก็อยากเชือดแมลงพวกนั้นบ้างเหมือนกันนะ

    ยังไม่ทันที่ไอซาวะคาดคั้นเพื่อนสนิทจนจบประโยค น้ำเสียงที่แสดงถึงความเสียดายสุดฤทธิ์ของเด็กสาวเพียงคนเดียวในรถก็เอ่ยขัดผู้เป็นอาจารย์เสียก่อน

    ไว้คราวหน้านะ

    เรียวสึเกะดีดหน้าผากของเด็กสาวที่ยื่นหน้าอยู่ระหว่างสองผู้ใหญ่อย่างแผ่วเบา และมันเป็นจังหวะเดียวที่รถคันหรูจอดนิ่งสนิทอยู่บริเวณทางขึ้นเขาลูกหนึ่ง รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ล้อมรอบเอาไว้ราวกับเป็นรั้วคอยขวางกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามายังที่แห่งนี้

    ด้านหน้าบันไดทางขึ้นมีร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผมสีดำยืนพิงต้นไม้อยู่ ดวงตาสีไพลินกับโครงหน้าหล่อเหลาอันแสนเย็นชาที่บัดนี้เป็นเปื้อนเลือดไปเสียครึ่ง ไหนจะเสื้อผ้าบางส่วนก็เปื้อนไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ซึ่งท่าทางและการวางตัวของอีกฝ่ายมันคล้ายคลึงกับหนึ่งในลูกศิษย์ของไอซาวะมากเสียจนเผลอเรียกชื่อออกไปอย่างลืมตัว

    โทโดโรกิ?

    ฮิเซกิ เคียวยะต่างหากเจ้าของร่างที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นลูกชายฮีโร่อันดับหนึ่งถึงกับคิ้วกระตุก เอ่ยแย้งอีกฝ่ายกลับไปด้วยความขุ่นเคืองแม้ใบหน้าจะเรียบเฉยไม่ขยับเขยื้อนสักมิลเดียวก็ตาม

    กี่ครั้งแล้วที่เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าเด็กนั่น ไม่ว่าจะตอนมีชีวิตตั้งแต่เด็กจนเข้ามหาลัยก็มักถูกคนอื่นมองว่าเป็นฝาแฝดของโทโดโรกิ โชโตะอยู่เสมอ แม้กระทั่งตอนตายและกลายเป็นอมนุษย์ไปแล้วก็ยังถูกเข้าใจผิดเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน

    ซึ่งมันน่าหงุดหงิดเป็นอย่างมากจนฮิเซกิอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยปากคนทักเสียทุกครั้งที่ถูกเข้าใจผิด และอาจารย์ยูเอย์ที่ยืนทำหน้าปลาตายอยู่ตรงหน้าก็เข้าข่ายบุคคลประเภทอยากต่อยหน้าของฮิเซกิ เคียวยะพอดี

    ถ้าไม่ติดที่มีเหล่าสมาชิกหงส์ดำยืนรออยู่ด้านบนละก็ บอกเลยว่าไอซาวะ โชตะได้ถูกตัวปัญหาหมายเลขสองฝากคำทักทายบนใบหน้าสักหมัดสองหมัดไปนานแล้ว

    พวกคุณอายาโตะรออยู่ด้านบน แล้วก็คิดถึงนะอิสึคุ ประโยคแรกกล่าวบอกทุกคน แต่พอมาประโยคหลังใบหน้าหล่อเหลาก็ดันหันไปมองน้องเล็กของบ้านด้วยแววตาหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความคิดถึงอันแรงกล้า

    เรียกสายตาหมั่นไส้จากเรียวสึเกะและฮิเมกิจนถึงขั้นพร้อมใจกันกลอกตามองบนกันเลยทีเดียว

    มั่นหน้าให้มันน้อย ๆ หน่อยก็ไม่มีใครว่าหรอกนะเคียวยะ

    นาน ๆ ทีผมจะได้เจอกับอิสึคุ ไม่ให้บอกคิดถึงตอนนี้แล้วจะให้ผมไปบอกคิดถึงตอนไหน หรือจะให้ผมไปบอกต่อหน้าคุณอายาโตะ? เป็นพี่จะกล้าบอกหรือเปล่า

    แน่นอนว่าใครจะโง่ไปบอกคิดถึงเด็กน้อยที่ตนเองสนใจต่อหน้าคนเป็นหัวหน้ากลุ่มกันละ ยิ่งอีกฝ่ายออกตัวแรงจนพวกที่มีความมั่นใจสูงยังต้องถอยให้ตั้งก้าวหนึ่ง นับประสาอะไรกับคนเอื่อยเฉื่อยอย่างอามาเนะ เรียวสึเกะที่ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

    อายาโตะแค่ยืนอยู่เฉย ๆ ก็รับรู้ได้ถึงความน่ายำเกรงและแรงกดดันอันมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากร่างสูงสง่า ชวนให้ผู้ที่เห็นเกิดความศรัทธาและสวามิภักกับอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

    อาคาชิจิ อายาโตะเกิดมาเพื่อเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดทุกห่วงโซ่อาหาร เป็นจักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เปรยตามองผู้อยู่ต่ำกว่า และไม่มีผู้ใดสามารถโค่นล้มจักรพรรดิไร้พ่ายคนนี้ลงได้

    ไม่มีแม้แต่ผู้เดียว

    เห็นไหมว่าพี่เองก็ไม่กล้าต่อหน้าคุณอายาโตะ เคียวยะที่เห็นพี่รองประจำบ้านยืนนิ่งคล้ายกับหินก็เอ่ยตอกย้ำเข้าไปอีกหนึ่งประโยค ก่อนที่ดวงตาสีไพลินจะตวัดมองชายหนุ่มผู้มีสถานะเป็นอาจารย์ของยูเอย์เขม็ง

    เขายังไม่ลืมหรอกนะที่อีกฝ่ายทักเขาเป็นเจ้าเด็กโทโดโรกินั่นน่ะ ถ้าไม่ติดที่เด็กน้อยของเขานับถืออีกฝ่ายเหมือนบิดาผู้ให้กำเนิดเช่นเดียวกับอดีตฮีโร่อันดับหนึ่งอย่างออลไมท์

    แต่ว่านะเคียวจังฮิเมกิที่ยืนเงียบมองสถานการณ์ชวนน่าสนุกตรงหน้ามาสักพัก ก็ยกมือขึ้นพร้อมกับเอ่ยคำถามดั่งเด็กน้อยอยู่ในช่วงวัยสงสัย

    ทำไมถึงปล่อยให้เลือดของพวกแมลงอาบอยู่บนใบหน้าได้ละ? หรือว่ามีแมลงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้??

    อ๋อ...เลือดนี่น่ะเหรอมือขาวซีดปาดคราบเลือดบนใบหน้าจนเต็มฝ่ามือ ก่อนจะหันไปตอบเด็กสาวผมเงินว่า… “เลือดของบาคุโกน่ะ

    เลือดของนัตสึจัง?

    อือ เคียวยะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำขึ้นมาเช็ดเลือดบนใบหน้าของตัวเอง ในขณะที่ปากก็เอ่ยอธิบายสาเหตุที่เลือดของตัวปัญหาหมายเลขหนึ่งมาอยู่บนใบหน้าของเจ้าตัว

    พอดีตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นคนรออยู่ที่นี่ คุณชูซาคุก็เลยให้พวกเราตัดสินกันด้วยกำลังแทน

    แล้วเคียวจังก็ชนะนัตสึจังใช่ไหมละ

    หึ!”

    ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นสูงอย่างภูมิใจในชัยชนะของตนเอง ดวงตาสีไพลินช้อนมองน้องเล็กผู้น่ารัก แถมไม่วายยังเพิ่มดราเมจด้วยการออร่อนุ่มฟูกับแววตาระยิบระยับยิ่งกว่าดาวนับล้านที่แย่งกันส่องแสงอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนเสียอีก

    ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าฮิเซกิ เคียวยะเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาที่ทั้งหยิ่งยโสและไม่น่าเข้าใกล้เพราะบรรยากาศเย็นยะเยือกจากอัตลักษณ์น้ำแข็งของเจ้าตัว แต่หากอีกฝ่ายอยู่กับมิโดริยะแค่สองต่อสองก็จะกลายเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว

    สำหรับมิโดริยะแล้วพี่เคียวยะเป็นแมวมึนที่เชื่องกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

    รีบขึ้นไปด้านบนกันเถอะ

    แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยชมอีกฝ่ายอย่างที่มิโดริยะทำเป็นประจำ ก็ดันถูกขัดด้วยพี่รองประจำบ้านอย่างเรียวสึเกะที่หลุดจากการเป็นหินเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่ร่างสมส่วนจะก้าวขึ้นไปด้านบนโดยไม่ลืมที่จะคว้ามือเล็กของมิโดริยะให้เดินตามมาด้วย

    ดะ...เดี๋ยวสิ

    ทำใจหน่อยนะเคียวจัง ฮิเมกิตบไหล่ของชายหนุ่มแปะ ๆ คล้ายให้กำลังใจ ทว่าดวงตาสีม่วงหม่นกลับฉายความสะใจที่ตัวปัญหาหมายเลขสองดันนกในเรื่องทำคะแนนกับน้องเล็กของเธออีกแล้วน่ะสิ

    ช่วยไม่ได้ละนร้า~ ในเมื่อคนที่เธอเชียร์ให้ลงเอยกับอิสึจังคืออายาโตะนี่หน่า

    เพราะงั้นก็พยายามเข้าล่ะทุกคน~~~

    ฮิเมกิอวยพรให้เหล่าหนุ่ม ๆ ผู้ลงสมัครการแข่งขันคว้าหัวใจน้องเล็กสุดน่ารักประจำคฤหาสน์หงส์ดำ ซึ่งแต่ละคนนั้นดีกรีร้ายกาจ ความเจ้าเล่ห์ แพรวพราวล่อลวงน้องเล็กเก่งไม่น้อยหน้ากันเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่เด็กสาวจะหันไปมองแขกผู้ได้รับเกียรติและการอนุญาตจากผู้นำองค์กร B.S. เป็นกรณีพิเศษ ในการได้พบปะกับเหล่าสมาชิกคนที่เหลือ

    ดวงตาสีม่วงหม่นจ้องมองผู้เป็นอาจารย์อีกสักพัก รอยยิ้มแสยะฉายบนใบหน้างดงามกว่าเด็กสาววัยเดียวกัน น้ำเสียงหวานระรื่นหูแสดงถึงความตื่นเต้นคลุกเคล้าไปด้วยความสนุกสนานจะเอ่ยชวนไอซาวะให้เดินตามเธอขึ้นไปด้านบน

    พวกเราก็เดินขึ้นไปข้างบนกันเถอะอาจารย์แพนด้า

    เมื่อไหร่เธอจะเลิกเรียกฉันแบบนั้นเสียทีไอซาวะละไม่เข้าใจว่าทำไมยัยเด็กจิ้งจอกถึงชอบเปรียบเขาเป็นแพนด้าอยู่เรื่อย

    เคยสั่งห้ามไปแล้วก็คล้ายเป็นการยั่วยุให้เด็กคนนี้ดื้อรั้นมากกว่าเดิม สุดท้ายผู้ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็คงหนีไม่พ้นตัวเขาที่ไม่อาจใจแข็งบีบบังคับเด็กสาวไปมากกว่านี้

    แค่อีกฝ่ายยอมทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ภายใต้โอวาทของเขาในโรงเรียน ก็นับเป็นความสงบสุขสำหรับไอซาวะที่ไม่ต้องหัวหมุนไปมากกว่านี้

    เรื่องอะไรที่ฮิเมะจะปล่อยความสนุกนี้ไปกันละฮิเมกิเอ่ยปฏิเสธคำขออีกฝ่ายทันที รอยยิ้มร้ายกาจถูกมอบให้กับผู้เป็นอาจารย์อีกครั้ง ก่อนที่เด็กสาวผมเงินจะกระโดดตามขั้นบันไดขึ้นไปด้านบนพร้อมกับฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี

    ให้ฮิเมะเลิกเรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์แพนด้านงั้นเหรอ??

    ไม่มีทางเสียหรอก เพราะนี่เป็นความสนุกเพียงหนึ่งอย่างที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้ฮิเมะพุ่งเข้าไปกระซวกคอแม่นางฟ้าให้มันจบ ๆ ไปซะ เพราะฉะนั้นตราบใดที่ภารกิจยังไม่เสร็จ เธอก็จะไม่หยุดเรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์แพนด้าเด็ดขาด!!

    ให้ตายสิ

    ยินดีด้วยที่คุณได้เป็นหนึ่งในคนโปรดของฮิเมกิเคียวยะที่เดินรั้งท้ายสุดเอ่ยกับคนอายุมากกว่า ดวงตาสีไพลินเหลือบมองเล็กน้อยก็พบเจอกับสีหน้าแปลกใจของอีกฝ่าย ที่คงคาดไม่ถึงละว่าจะเป็นหนึ่งในคนโปรดของเจ้าหญิงประจำบ้าน

    มีไม่กี่คนหรอกที่ชิราโฮชิ ฮิเมกิจะยอมเชื่อฟังและไม่สร้างความเดือดร้อนให้ปวดหัววุ่นวายทีหลัง ซึ่งไอซาวะ โชตะเป็นหนึ่งในคนที่ฮิเมกิละเว้นให้เพราะความสนใจอีกส่วนหนึ่ง

    เธอน่ะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับโทโดโรกิสินะ

    คำถามนี้อีกแล้ว

    ดวงตาสีไพลินกลอกไปมาอย่างเบื่อหน่ายเพราะได้ยินคำถามนี้ซ้ำ ๆ ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาและออกไปเดินเล่นในเมืองเพื่อรำลึกถึงความทรงจำอันแสนเลือนลางของตัวเอง แต่นั่นแหละคือความฉิบหายที่เกาะติดเขายิ่งกว่าปลิงดูดเลือดที่โคตรขยะแขยงยิ่งกว่าสิ่งใด

    ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าเด็กโทโดโรกิ โชโตะอยู่เสมอ และหนักสุดก็คงเป็ข่าวซุบซิบที่บอกว่าเขานั้นเป็นลูกลับ ๆ ของโทโดโรกิ เอ็นจิที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน!!

    ถามจริงเถอะ...บ้านนั้นมีใครผมดำแบบเขาไหม? มีใครดวงตาสีไพลินเหมือนเขาหรือเปล่า??

    บอกเลยว่าไม่มีแม้แต่คนเดียว!!!

    เพราะงั้นเลิกเอาเขาไปเป็นส่วนนั้นของตระกูลโทโดโรกิเสียทีเถอะ!

    เป็นแค่ญาติกันเท่านั้น และอีกอย่างผมนั้นแตกต่างจากเจ้าเด็กนั่น

    “….”

    ผมไม่ได้โง่จนถูกอัตลักษณ์กาก ๆ ของชิโรนะ ฮาสึมิชักจูงไปไหนมาไหนเป็นปี ๆ แบบนั้น

    รองเท้าหนังสีดำเหยียบบันไดขั้นบนสุดเป็นจังหวะเดียวกับประโยคถัดมาจบ เป็นจังหวะเดียวที่ไอซาวะกำลังตกตะลึงยามเห็นกลุ่มคนสวมชุดดำ ที่กำลังหันใบหน้าอันแสนคุ้นตาสำหรับโปรฮีโร่ใต้ดินคนนี้ ซึ่งบางคนก็เคยเห็นตอนมารับลูกศิษย์ทั้งสองออกไปข้างนอก และบางคนก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนโดยเฉพาะชายหนุ่มผมสีดั่งฟางข้าวกับดวงตาสีแดงทับทิมที่กำลังจุดระเบิดสีดำอยู่ในมือ

    มาช้าชะมัดไอ้เวรน้ำแข็ง

    แค่ยืนอยู่เงียบ ๆ ก็ไม่มีใครว่าหรอกนะบาคุโก

    หา!!! บอกกี่ครั้งแล้ววะว่าอย่าเรียกฉันด้วยนามสกุลนั่น!!!”

    นัตสึกิตวาดเสียงลั่น สองมือเร่งเชื้อเพลิงให้ระเบิดในมือเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม และก่อนที่ทั้งสองจะเปิดศึกหยุมหัว(?)กันอีกครั้ง ก็ดันถูกน้ำเสียงเย็นยะเยือกอัดแน่นไปด้วยความกดดันอันมหาศาลของชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มผมเขียว

    ถ้าอยากตีกันมากนักก็ลงไปตีข้างล่าง อย่าได้เอานิสัยหมาบ้าของพวกเธอมาทำลายภาพลักษณ์ของ B.S. เพราะไม่อย่างงั้น...ดวงตาต่างสีจ้องมองตัวปัญหาทั้งสองที่กำลังหันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะความกลัวยามเห็นรังสีฆ่าฟันออกมาจากร่างสูงสง่าของผู้เป็นหัวหน้า กอรปกับประโยคถัดมาที่เอ่ยต่อจากก่อนหน้านี้ มันยิ่งเป็นสัญญาณเตือนให้ทั้งสองรู้ว่าอาคาชิจิ อายาโตะนั้น...

    ฉันจะเป็นคนส่งพวกเธอกลับไปนอนใต้สุสานเอง

    กำลังหงุดหงิดจนอยากจะเผาพวกเขาให้เป็นจุลสุด ๆ เลยละ

    คุณอายาโตะครับ

    หืม? อิสึคุกำลังกลัวเหรอ ไม่ต้องห่วงนะต่อให้เธอทำผิดร้ายแรงขนาดไหน เธอก็ยังคงเป็นเด็กน้อยผู้น่ารักของคฤหาสน์หงส์ดำตลอดไป

    “=__=”

    หากอยากถามว่าสีหน้าของเหล่าสมาชิก B.S. ที่เหลือนั้นเป็นเช่นใด ก็ดูจากการที่ทุกคนพร้อมใจกันมองผู้เป็นหัวหน้า ที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนให้แก่น้องเล็กของกลุ่มด้วยแววตาว่างเปล่า หากเลือกเบ้ปากใส่อีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องโดนเผาจนไหม้เกรียมไปเสียก่อน ผู้ที่ริเริ่มเป็นคนแรกก็คงหนีไม่พ้นตัวปัญหาทั้งสองที่ตอนนี้กำลังกลอกตามองบนพร้อมกับคิดในใจไปในทางเดียวกันว่า

    คุณอายาโตะเป็นคนสองมาตรฐานตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?

    โคตรสองมาตรฐานเลยนี่หว่า

     

    แปะ แปะ แปะ

    แฮ่ม! คือก็ไม่อยากจะขัดบรรยากาศน่าหมั่นไส้กันเท่าไหร่หรอกนะ แต่เราจะปล่อยให้เซอร์ไพรส์ที่อุตส่าห์ทำมาเพื่อน้องเล็กเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้หนา

    ชูซาคุตบมือเรียกความสนใจจากทุกคนให้มามองที่เจ้าตัวเป็นจุดเดียว ดวงตาสีเงินหยีลงเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มทะเล้นจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ขับให้ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตแพทย์ฮีโร่มือฉมังกลายเป็นหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดีภายในพริบตา

    นั่นสิ นี่มันก็เสียเวลาไปมากแล้ว อายาโตะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชูซาคุ ดวงตาต่างสีกวาดมองสมาชิก B.S. คนอื่น ๆ คล้ายกับส่งสัญญาณให้รู้ว่าหลังจากนี้พวกเขาควรทำอะไรต่อ ยามที่น้องเล็กได้พบเจอกับสิ่งที่รออยู่ด้านหลังพวกเขา

    สิ่งที่เปรียบดั่งความปรารถนาอีกครึ่งหนึ่งที่ทำให้มิโดริยะ อิสึคุกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

    มานี่สิอิสึคุ

    มิโดริยะเดินตามชายหนุ่มผมแดงไปอย่างว่าง่าย ดวงตาสีเขียวหม่นที่เอาแต่จดจ่อความวุ่นวายตรงหน้า จนไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้างบนภูเขาที่นอกจากจะมีดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานแย่งกันอวดโฉมความงดงามจนละลานตาแล้ว ยังมีบ้านขนาดกลางหนึ่งหลังตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พวกเขายืนอยู่เท่าไหร่นัก

    เพียงแค่ก้าวขาเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวอยู่ในกายของมิโดริยะ กลิ่นอายแห่งความอ่อนโยนผสมกับความผ่อนคลายชวนให้จิตใจอันแสนว่างเปล่ารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

    ดวงตาสีเขียวหม่นมองปล่องไฟที่มีควันสีขาวลอยฟุ้งออกมาก่อนจะสลายไปเมื่อถึงเวลาของการระเหย กลิ่นอาหารลอยฟุ้งไปทั่วบ่งบอกถึงการมีอยู่ของมนุษย์ในบ้านตรงหน้า และดูเหมือนเหล่าพี่ ๆ ในกลุ่มจะรู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับชายหนุ่มผมแดงที่กำลังเคาะประตูอยู่ข้าง ๆ เขา

    รอสักครู่นะคะ

    กึก!!!

    เพียงแค่ได้ยินเสียงขานรับจากอีกฝั่ง ร่างกายทุกส่วนของมิโดริยะก็พลันหยุดนิ่งราวกับถูกสาป ดวงตาสีเขียวหม่นเบิกกว้างก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสับสนเพราะคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดหรือไม่ก็หลอนไปเองว่าเสียงที่อยู่อีกฟากของประตูนั้น....

    คือเสียงของผู้หญิงที่มิโดริยะ อิสึคุรักสุดหัวใจ

    ไม่ใช่หรอก...มันคือสิ่งที่เขาคิดไปเองคนเดียว

    เลิกคิดซะมิโดริยะ นายไม่มีสิทธิ์ได้ยินเสียงนั่นอีกต่อไป

    ไม่มีสิทธิ์แม้แต่---

    แกร็ก!!!

    ขอโทษที่ให้รอนะจ๊ะอายาโตะคุง พอดีน้ากำลังทำ---”

    ประโยคที่กล่าวกับแขกผู้มาเยี่ยมเยือนประจำด้วยน้ำเสียงสดใสค่อย ๆ เบาลงจนขาดช่วง ยามที่ดวงตาสีเขียวสดใสเห็นใครอีกคนยืนอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มผมแดง

    รูปร่างแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้ ไหนจะดวงตาสีเขียวหม่นคู่นั้นมันช่างคุ้นเคยเสียจนดวงตาสีเขียวสดใสของหญิงสาววัยกลางคนสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มพร้อมกับเสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายที่เมื่อก่อนมีน้ำมีมวลบัดนี้กลับผอมบางจนน่าใจหาย

    แค่เวลาผ่านไปไม่กี่ปี มิโดริยะ อิสึคุไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะบอบช้ำจนหัวใจแสนตายด้านของเขาบีบรัดและกรีดแทง จนมันเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนถูกตึกหล่นลงมาทับไม่รู้ตั้งกี่เท่า

    ฮึก

    “….”

    ฮึก...อะ...อิสึคุ…”

    แหมะ

    มือขาวซีดยกขึ้นแตะใต้ตาก็พบกับสัมผัสเปียกชื้นที่กำลังไหลเป็นสายไม่ต่างจากคนตรงหน้า ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่มันจุกอยู่ในลำคอจนเผลอสำลักไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง

    มิโดริยะพยายามเอ่ยทักทายคนตรงหน้าแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเพราะก้อนสะอื้นมันจุกอยู่ในลำคอเสียจนคนอื่น ๆ ที่เหลือรู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมกับเจ้าตัว และแล้วพยายามของมิโดริยะก็สำเร็จยามน้ำเสียงสั่นเทาเอ่ยเรียกหญิงสาววัยกลางคนตรงหน้าว่า

    มะ...แม่ครับ

    อิสึคุ ฮือออออออ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×