คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : CHAPTER 11 : หนอนบ่อนไส้กับแผนการตื้น ๆ
*ยังไม่ได้แก้คำผิด
กว่าสองแม่ลูกตระกูลมิโดริยะจะหยุดร้องไห้ก็ใช้เวลาไปเสียเกือบครึ่งชั่วโมง
ไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกกลางบรรยากาศอันน่าคิดถึงและโหยหาของน้องเล็กประจำบ้าน
หรือเข้าไปปลอบประโลมอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำดั่งเช่นทุกครั้ง
พวกเขาทำได้เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ ฟังเสียงร้องไห้จวนจะขาดใจของมิโดริยะ
อิสึคุในอ้อมแขนของมิโดริยะ อิงโกะเท่านั้น
“พวกนายรู้มาตลอดเลยสินะ” ไอซาวะเอ่ยถามชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงผู้อยู่เบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมด
มิน่า...หลังจากฝังศพลูกชายไว้ในสุสานเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็ไม่สามารถตามหาที่อยู่ของมิโดริยะ
อิงโกะได้อีกเลย
ราวกับมีใครบางคนกำลังช่วยปกปิดร่องรอยของเธอเอาไว้
และตอนนี้ไอซาวะก็รู้แล้วว่าผู้มีอำนาจที่สามารถต่อกรกับวงการฮีโร่ได้นั้นคือใคร
“ผมย่อมห่วงความรู้สึกของคนสำคัญเป็นที่สุด” อายาโตะตอบกลับด้วยประโยคที่คล้ายกับยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการปกปิดข้อมูลที่อยู่ของมิโดริยะ
อิงโกะ
จะบ่ายเบี่ยงไปเพื่ออะไร
ในเมื่ออีกฝ่ายนั้นไม่ใช่คนโง่อย่างพวกอีโก้สูงที่เอาแต่ตราหน้าว่าเขาและสมาชิกคนอื่น
ๆ เป็นภัยอันตรายต่อสังคมฮีโร่ ต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นสายตา
หรือไม่ก็นำร่างมาวิจัยเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้พวกเขาฟื้นขึ้นมาจากความตายเพื่อนำไปสู่ประโยชน์อันเห็นแก่ตัวของพวกเบื้องบน
สิ่งมีชีวิตทั่วทุกผืนโลกล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ ตายกันทั้งสิ้น
ทว่าสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งที่ไม่ยอมให้ชีวิตตัวเองดับสูญอย่างที่ควรปล่อยไปตามวัฏจักรของมัน
พยายามขวนขวายหาวิธีการทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อยืดต่ออายุขัย
แม้การกระทั่งการทดลองอันผิดศีลธรรมก็ปล่อยให้เกิดเพราะความอยากมีชีวิตชั่วนิรันดร์
และสิ่งมีชีวิตสุดแสนจะน่ารังเกียจก็ไม่ใช่อื่นไกล
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่โลภมากและน่ารังเกียจยิ่งกว่าสิ่งใด
ทางด้านไอซาวะที่ได้ยินคำตอบจากปากของหัวหน้าองค์กร B.S. พูดเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเหตุผลมาโต้แย้งเพื่อหาข้อกังขาจากอีกฝ่ายอีกต่อไป
ดวงตาที่มักเฉยชาและเบื่อหน่ายกับทุกสิ่ง บัดนี้มันกลับฉายแววยินดีกับภาพตรงหน้าไม่แพ้เหล่าสมาชิก
B.S. คนอื่น ๆ
ภาพสองแม่ลูกกำลังผลัดกันเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้า
รอยยิ้มแห่งที่แสดงถึงความดีใจและเปี่ยมไปด้วยความรักถูกมอบให้แก่กันและกันพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังกังวานไปทั่วบริเวณแห่งนี้
ซึ่งมันเป็นสิ่งหาดูได้ยากจากเหล่าอมนุษย์ที่หลงลืมความรักระหว่างครอบครัวไปนานแล้ว
โดยเฉพาะตัวปัญหาทั้งสองอย่างเคียวยะกับนัตสึกิ
ที่แม้จะแอบมองดูครอบครัวของตัวเองอยู่ในมุมมืด
ทว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาทั้งสองไม่เคยไปปรากฏต่อหน้าผู้ให้กำเนิดทั้งสองได้รับรู้ว่าลูกชายแสนรักที่พวกเขาสูญเสียไปอย่างไม่ยินยอม
บัดนี้ได้กลับมาเดินไปมาแทนที่จะนอนในสุสานอันเงียบสงบ
แหงละ...ใครมันจะคิดสั้นไปให้คุณนายของบ้านเห็นหน้ากันเล่า
ขืนบ้าจี้ทำลงไปจริง ๆ มีหวังได้หูขาดเพราะแรงบิดอันสุดเหนี่ยวนั่นกันพอดี
เพราะงั้นเคียวยะกับนัตสึกิเลยไม่ขอเสี่ยงให้ตัวเองต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้
ถึงความจริงจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็เถอะ
“ถ้างั้นฉันขอเปลี่ยนคำถามก็แล้วกัน” ไอซาวะละความสนใจจากสองแม่ลูกตรงหน้า และหันมาเผชิญกับอายาโตะที่กำลังใช้ดวงตาต่างสีจ้องมองเขารออยู่ก่อนแล้ว
แน่นอนว่าไอซาวะไม่มีทางปล่อยให้ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายกำลังสนใจเขาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยประโยคที่มีเพียงแค่อายาโตะและพวกชูซาคุเท่านั้นที่รู้ถึงความหมายของมัน
“ที่พวกนายให้ฉันพาพวกเด็ก ๆ
ออกมานอกยูเอย์ในวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ให้ฉันมายืนดูภาพครอบครัวมิโดริยะนี่อย่างเดียวหรอกใช่ไหม?”
“….”
“พวกนายต้องการจะคุยกับฉัน
โดยที่ไม่มีสายตาสอดส่องของเหล่าอาจารย์ในยูเอย์และพวกโปรฮีโร่ที่อยู่รอบนอกนั่นสินะ”
“….”
“ต้องการจะคุยอะไรกับฉัน?”
ไอซาวะกวาดตามองเหล่าชายหนุ่มอมนุษย์เพื่อหาพิรุธที่แอบแฝงอยู่ในเหตุการณ์นัดพบของวันนี้
บรรยากาศกดดันที่แผ่ออกมาจากหนึ่งโปรฮีโร่พ่วงตำแหน่งอาจารย์ยูเอย์กับหนึ่งผู้นำองค์กรแสนอันตรายต่อฮีโร่และวิลเลิน
สร้างความตึงเครียดให้กับสมาชิกที่เหลืออยู่ไม่น้อย
ยกเว้นแต่เด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวอย่างฮิเมกิที่กำลังรบเร้าเคียวยะกับนัตสึกิอยู่ไม่ไกล
ก็นะ...มีแค่น้องเล็กทั้งสองเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องที่พวกเขากำลังทำกันอยู่
และต่อให้มันจะอันตรายมากแค่ไหน ทั้งอายาโตะและคนอื่น ๆ
ต่างให้คำมั่นกันอย่างเคร่งครัดแล้วว่าจะไม่ให้ทั้งสองต้องเข้ามาพัวพันในเรื่องนี้เด็ดขาด!!!
“เหตุผลที่ผมยอมให้คุณมายืนอยู่ตรงนี้
มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น”
ดวงตาต่างสีฉายแววจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงห้วงอารมณ์ใด
เช่นเดียวกับริมฝีปากหยักที่แสนจะสมบูรณ์แบบไร้ข้อติเตียนขยับขึ้นลงเปล่งคำพูดออกมาเป็นประโยคสั้น
ๆ ทว่ามันกลับสร้างความตกตะลึงให้แก่ไอซาวะเป็นอย่างมาก
“มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในยูเอย์”
“อ...อะไรนะ!”
“ก็ตามนั้นไอซาวะ ตอนนี้ยูเอย์ที่พวกเราคิดว่าปลอดภัยในการดูแลพวกอิสึคุมันกลับไม่ใช่อีกต่อไป” เรียวสึเกะรับหน้าที่อธิบายต่อจากผู้เป็นหัวหน้า ดวงตาสีแดงมองสีหน้าตกใจคล้ายกับไม่เชื่อในคำพูดของอายาโตะเท่าไหร่นัก
อย่างยูเอย์เนี่ยนะจะไม่ปลอดภัย? บาเรียอันแข็งแกร่งที่แม้แต่โปรฮีโร่ระดับท็อปก็ไม่สามารถพังมันลงได้
และหากที่อาคาชิจิ อายาโตะพูดมานั้นเป็นความจริง
แล้วใครกันละที่หนอนบ่อนไส้ให้กับองค์กรยาคุ???
“วางใจได้ไม่ใช่เหล่าอาจารย์ในยูเอย์หรอก”
“นายจะบอกว่าหนึ่งในนักเรียนเป็นหนอนให้กับองค์กรยาคุ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
เรียวสึเกะพยักหน้ายืนยันคำพูดของไอซาวะว่ามันคือความจริง
“และพวกเราก็รู้แล้วว่านักเรียนที่เป็นหนอนนั้นคือใคร”
“ใคร?”
“หนึ่งในนักเรียนห้อง A”
“...!!!...”
เป็นอีกครั้งที่ไอซาวะ โชตะตกตะลึงกับความจริงที่ออกจากปากของเพื่อนสนิทตรงหน้า
ดวงตาของอาจารย์ประจำห้อง A สั่นไหวคล้ายกับไม่อยากเชื่อว่าหนึ่งในลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจและเฝ้าอบรมสั่งสอนให้เป็นฮีโร่ชั้นแนวหน้าในอนาคตนั้น...
จะมีหนึ่งคนที่เลือกเดินเส้นทางผิด
“เอาน่า ๆ ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นเลยนี่โชตะ”
ชูซาคุที่เห็นว่าบรรยากาศมันเริ่มดิ่งลงเหวมากกว่าเก่า
ก็จัดการพาร่างของตัวเองเข้ามายืนคั่นกลางระหว่างคนทั้งสาม
รอยยิ้มขี้เล่นของอดีตแพทย์ฮีโร่ชั้นนำระดับประเทศฉายประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา
ก่อนจะหันมาเอ่ยปลอบรุ่นน้องที่ตนเคยทำงานร่วมกันอยู่บ่อย ๆ ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
“ยังไงซะตอนนี้พวกเรายังไม่คิดจะไปจับตายเด็กคนนั้นหรอกนะ”
“หมายความว่ายังไงรุ่นพี่ฮิราคิตะ”
“โอ๊ะ! โทษที ๆ
ต้องพูดว่าจับตัวสินะ ก็แหม...ปกติพอรู้ว่าใครคือคนของยาคุ ฉันก็เลยเผลอฆ่าทิ้งตั้งแต่มันสบตากับฉันละนร้า~~”
ชูซาคุยักไหล่แบมือเหมือนคนที่ไม่มีความรู้สึกผิดในการฆ่าคน
แม้อีกฝ่ายจะขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูแต่การฆ่าทันทีนั้นมันไม่ถูกต้องสำหรับโปรฮีโร่อย่างไอซาวะ
โดยเฉพาะแววตาที่อีกฝ่ายแสดงออกมาว่าเจ้าตัวไม่ลังเลที่จะฆ่าลูกศิษย์ของเขา
หากได้รับคำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าที่ยืนอยู่ด้านหลัง เพราะฉะนั้นในฐานะอาจารย์
ยามลูกศิษย์เลิกเดินทางผิดก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือและคอยปกป้อง
ฉุดกระชากอีกฝ่ายให้กลับมายังเส้นทางเดิม
“อย่าคิดจะขัดขวางพวกเราเลยไอซาวะ” เรียสึเกะเอ่ยเตือนเพื่อนสนิทให้หยุดความคิดในหัวนั่นซะ ดวงตาสีแดงหม่นฉายแววเย็นยะเยือกพร้อมกับบรรยากาศดั่งสัตว์ร้ายที่กำลังข่มขู่ให้ผู้ที่อ่อนแอกว่ายอมจำนนต่อตนแต่โดยดี
“แม้แต่นายก็ด้วยงั้นเหรออามาเนะ”
“ถ้ามันคิดจะทำร้ายครอบครัวแสนสำคัญของฉัน
ต่อให้เป็นนายที่เข้ามาปกป้องมัน ฉันก็ไม่ลังเลที่จะฆ่านายไปพร้อมกับมัน”
“อ...อามาเนะ” ไอซาวะเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทเสียงเบา
ความเด็ดขาดในการตัดสินใจนั่นมันน่าหวาดหวั่นจนเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าคนตรงหน้านั้นเป็นเพื่อนของเขาจริง
ๆ
“ถ้าคุณไม่อยากให้พวกผมเข้าไปกำจัดหนอนตัวนั้นทันทีที่คุณก้าวขาเหยียบยูเอย์ละก็
ผมมีข้อเสนอยืดเวลาชีวิตลูกศิษย์ของคุณจนกว่าฮิเมกิกับอิสึคุจะจบปีสอง” อายาโตะที่ยืนเงียบมองการโต้เถียงระหว่างทั้งสามมานาน
ก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับข้อเสนออันแสนหอมหวานล่อลวงให้อาจารย์หนุ่มตรงหน้ายอมรับมัน
“ข้อเสนออะไร?”
“มันเป็นข้อเสนอที่ง่ายมากเลยละ
แค่คุณจับตามองหนอนตัวนั้นอย่าให้คาดสายตา เพราะเป้าหมายของพวกยาคุคือการพาตัวอมนุษย์อย่างพวกเราไปวิจัยเพื่อสนองความต้องการของพวกมัน”
“….”
“ฮิเมกิกับอิสึคุคือเป้าหมายของหนอนตัวนั้น”
“….”
อายาโตะละความสนใจจากไอซาวะที่เงียบลงตั้งแต่เขากล่าวประโยคสุดท้ายจบ
ดวงตาต่างสีเหลือบมองสองน้องเล็กที่บัดนี้กำลังยืนพูดคุยกับคุณนายมิโดริยะอย่างสนุกสนาน
รอยยิ้มสดใสสมวัยนั่นมันช่างเป็นสิ่งที่เขาและคนอื่น ๆ
อยากจะรักษามันไว้ให้คงอยู่ตลอดไป
แต่พวกเขารู้ดีว่าต่อให้พยายามทะนุถนอมทั้งสองมากแค่ไหน
สุดท้ายก็เลือนหายไปเพราะความโลภอันไม่มีที่สิ้นสุดของพวกต่ำช้าอย่างองค์กรยาคุ
ถึงเขาจะคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าหนอนที่แฝงตัวอยู่ในยูเอย์นั้นคือหนึ่งในนักเรียนแผนกฮีโร่ปี
2 ห้อง A และมันก็เป็นไปตามที่อายาโตะวิเคราะห์ทุกอย่างว่าหนอนบ่อนไส้ตัวนั้นคือใคร
ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่สามารถเข้าไปตามจับตัวหรือฆ่าทิ้งได้ในทันทีก็เถอะ
แต่ปล่อยให้พวกมันได้ใจและยกยอว่าตัวเองฉลาดเหนือกว่าพวกเขาไปอีกสักพักก็แล้วกัน
ดวงตาต่างสีทอประกายอย่างเจ้าเล่ห์
ก่อนที่ใบหน้าเพอร์เฟคของหัวหน้าองค์กร B.S. จะหันมาฉีกยิ้มการค้าพร้อมกับน้ำเสียงอันน่าเกรงขามเอ่ยกับอาจารย์ยูเอย์ตรงหน้าที่ดูเหมือนจะยอมร่วมมือกับเขาอย่างว่าง่ายกว่าเก่า
“เอาละ...มาฟังข้อเสนอของผมรวมถึงชื่อของหนอนบ่อนไส้ตัวนั้นกันดีกว่านะครับไอซาวะ
โชตะ”
-Dark Uptight-
แกร็ก!!!
ประตูหน้าหอถูกเปิดออกโดยฝีมือของเด็กหนุ่มเรือนผมสีเขียวที่หายตัวไปตั้งแต่ทั้งสองถูกอาจารย์เรียกให้ไปพบ
สายตาทุกคู่จากเพื่อนร่วมห้องล้วนหันมามองเป็นจุดเดียวกัน ก่อนที่อุรารากะจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นจากโซฟาเดินตรงปรี่ทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
“กลับมาแล้วเหรอเดกุคุง! ฮิเมะจัง!”
“กลับมาแล้วครับคุณอุรารากะ”
มิโดริยะเป็นคนตอบอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างเช่นทุกครั้ง ส่วนฮิเมกิเพียงแค่ยกมือทักทายเด็กสาวกลับไป
หน้าที่พูดคุยกับเด็กสาวตรงหน้าเธอขอยกให้น้องเล็กทำแทนก็แล้วกัน
“คุณมิโดริยะกับคุณชิราโฮชิทานมื้อเย็นมาหรือยังคะ?
พอดีบ้านของดิฉันพึ่งส่งชาตัวใหม่มาให้ลองชิม ถ้าไม่รังเกียจมาดื่มด้วยกันไหมคะ” ยาโอโยโรสุที่เสิร์ฟชาให้กับเพื่อนสาวคนอื่น ๆ เสร็จแล้ว
ก็เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ อุรารากะพร้อมกับเอ่ยเชิญชวนให้ทั้งสองมาร่วมปาร์ตี้น้ำชายามดึกด้วยกัน
ดวงตาสีเขียวหม่นเหลือบมองเพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ
ที่นั่งกระจัดกระจายกันตามห้องโถงรับแขก และส่วนมากคงจะนั่งจับกลุ่มกันตามความสนิทสนมตั้งแต่ตอนอยู่ปีหนึ่งกันเสียมากกว่า
ยกเว้นแค่เด็กสาวเรือนผมสีชมพูที่กำลังนั่งหัวเราะส่งยิ้มหวานเยิ้มให้เหล่าเจ้าชายกับอัศวินของเธออยู่ไม่ไกลจากที่เพื่อนสาวทั้งหกเท่าไหร่นัก
ไม่จำเป็นต้องเข้าไปถามก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนจัดที่นั่งให้กลุ่มสุดน่ารำคาญมานั่งใกล้
ๆ กับเหล่าเพื่อนสาวของเขา
“คุณฮิเมกิอยากดื่มชาไหมครับ?”
มิโดริยะหันมาถามเจ้าหญิงประจำบ้านที่ยืนอยู่ข้างกาย
ก่อนที่รอยยิ้มดีใจจะฉายอยู่บนใบหน้าของผู้เป็นน้องเล็กยามที่เสียงหวานน่าฟังเอ่ยตอบกลับมาว่า…
“ฮิเมะตามใจอิสึจังอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทำตามความต้องการของอิสึจังเถอะ”
“ถ้างั้นขอรบกวนด้วยนะครับคุณยาโอโยโรสุ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
ยาโอโยโรสุที่ได้ยินคำตอบรับจากเพื่อนชายคนสำคัญก็แสดงความดีใจอย่างหยุดไม่อยู่
ก่อนจะขอตัวเข้าไปเตรียมน้ำชากับขนมว่างยามดึกเพิ่มอีกสองที่
และปล่อยให้อุรารากะทำหน้าที่พาทั้งสองเข้าไปร่วมวงกับเพื่อนสาวคนที่เหลือทันที
“มิโดริยะจัง!” อาซุอิทักทายเพื่อนชายของเธออย่างดีใจ
พร้อมกับขยับที่ให้คนมาใหม่ทั้งสองได้นั่งลงอย่างสรรพเสร็จ
“นึกว่าคืนนี้ทั้งสองจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก” ฮางาคุเระเป็นคนต่อมาที่เอ่ยกับเพื่อนอมนุษย์ทั้งสอง
พร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเพื่อคลายความเป็นห่วงของเธอลง
“พอดีผู้ปกครองของพวกเราไม่อยากให้อยู่นอกโรงเรียนนาน ๆ
น่ะ นึกว่าจะได้ค้างที่คฤหาสน์อุตส่าห์นึกแผนแกล้งพวกนัตสึจังเอาไว้ตั้งเยอะ”
ประโยคแรกฮิเมกิกล่าวกับเหล่าเพื่อนสาว
ส่วนประโยคหลังเจ้าตัวกับพึมพำอยู่ในลำคอจนพวกจิโร่ฟังไม่ออกว่าเพื่อนสาวผมเงินกำลังพูดอะไร
“อย่างนี้นี่เอง ดีแล้วละที่ทั้งสองปลอดภัย
ตอนแรกนึกว่าอาจารย์ไอซาวะจะพาไปฝึกอะไรที่มันอันตรายจนได้รับบาดเจ็บกลับมาซะอีก”
อาชิโดะถอนหายใจโล่งอกไม่ต่างจากเพื่อนสาวคนที่เหลือ เพราะพวกเธอรู้ถึงความบ้าดีเดือดของอาจารย์ประจำชั้นเป็นอย่างดี
ถ้าไม่ฝึกจนเลือดตาแทบกระเด็น ก็อย่ามาเรียกว่าอาจารย์ไอซาวะจอมโหดของห้อง
A เลย
“ฮะ ๆ นั่นน่ะสิครับ” มิโดริยะนึกไปถึงตอนเข้าค่ายฝึกฝนครั้งแรกที่โดนสั่งให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
มันน่าสยดสยองและบ้าระห่ำขนาดไหน
สภาพแต่ละคนเมื่อตอนนั้นบอกเลยว่าดูไม่ได้สุด ๆ
“เอ๋...อาจารย์แพนด้าโหดขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฮิเมกิที่ไม่เคยเจอฤทธิ์เดชของอาจารย์ประจำชั้นก็เอ่ยถามด้วยความสนใจ
ดวงตาสีม่วงหม่นเรืองรองเพียงเสี้ยววิก่อนจะกลับมาเป็นปกติดั่งเดิมในเวลารวดเร็ว
“ยิ่งกว่านั้นอีกนะฮิเมจัง” อุรารากะพูดไปก็ลูบแขนตัวเองไป
สีหน้าหวาดระแวงราวกับกลัวว่าคนที่กล่าวถึงจะมายืนทำหน้าบึ้งอยู่ด้านหลัง
อาจารย์ไอซาวะน่ะเซนส์แรงอย่าบอกใคร
พูดถึงนิดหน่อยหันมาอีกทีก็เจอสายตาพิฆาตในระยะประชิดเข้าเสียแล้ว
เพราะงั้นพวกเธอไม่ขอเสี่ยงกล่าวถึงตอนอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ๆ หรอกนะ
“เห~~”
ฮิเมะกิลากเสียงยาวอย่างแปลกใจ
เพราะไม่คิดว่ามนุษย์ที่ชอบทำหน้าเบื่อโลกตลอดเวลาจะมีมุมบ้า ๆ
แบบนี้กับคนอื่นเขาด้วย
ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถามข้อมูลจากเพื่อนสาวทั้งหก
ดวงตาสีม่วงหม่นก็เหลือบไปเห็นกลุ่มเงาของใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาหาน้องเล็กของเธออย่างเจาะจง
แววตามาดร้ายกับรอยยิ้มน่ารังเกียจที่พยายามหลบซ่อนจากสายตาของคนอื่น ๆ
โดยเฉพาะเหล่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลัง
เดิมทีฮิเมกิก็อยากจะปล่อยผ่านไปนั่นแหละ
แต่ติดที่ในมือของอีกฝ่ายดันเป็นแก้วน้ำที่มีควันลอยกรุ่นเหนือขึ้นมา
บ่งบอกได้ว่าของเหลวที่อยู่ในแก้วนั้นมันมีอุณหภูมิร้อนสูงขนาดไหน
ต่อให้เป็นอมนุษย์อย่างเธอหากโดนน้ำร้อนนั่นลวกผิวเข้าก็ยุ่งยากในการรักษาผิวให้กลับมาคงสภาพเดินกันพอดี
ให้ตายเถอะ...อายุตั้งเท่าไหร่คิดได้แต่แผนตื้น ๆ หรือยังไง แถมสีหน้าก็ประสงค์ร้ายอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น
จะให้ด่าโง่เง่าก็ดูจะเป็นคำด่าที่สูงส่งเกินกว่าจะนำมาใช้กับอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ
“หืม?”
มิโดริยะที่หันมาเห็นคนข้างกายกำลังถอนหายใจและกลอกตามองบนคล้ายกำลังรำคาญอะไรบางอย่างก็ได้แต่เอียงคอมองอย่างสงสัย
แต่แล้วประสาทการได้ยินอันเฉียบคมก็เริ่มจับความผิดปกติด้านหลังของตนได้
และในขณะที่ใบหน้าหล่นปนหวานของน้องเล็กประจำคฤหาสน์หงส์ดำกำลังหันไปด้านหลัง
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คนประสงค์ร้ายกำลังแสร้งสะดุดขาตัวเองจนแก้วน้ำร้อนในมือใกล้จะหลุดออกจากฝ่ามือคู่เล็กอยู่นั้น
ฉับ!
“กรี๊ดดดดดด!!!!!”
“ฮาสึมิ!!!”
“ให้ตายสิ! เสียงดังเป็นบ้า
ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมอิสึจัง?”
ฮิเมกิยกมือเขี่ยหูของตัวเองไปมาเพราะเสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดของคนด้านหลังมันดันอยู่ใกล้หูเธอชะมัด
ดวงตาสีม่วงหม่นสำรวจร่างกายของน้องเล็กผู้น่ารักก็ไม่พบบาดแผลหรือคราบน้ำร้อนที่ควรจะราดลงบนหัวตามความต้องการของคนด้านหลัง
“ฝีมือของคุณฮิเมกิเหรอครับ?”
มิโดริยะกระซิบถามกลับไป พร้อมกับลอบมองความวุ่นวายด้านหลังที่มีเด็กสาวผมชมพูกำลังนั่งพับเพียบอยู่บนพื้น
ในขณะสายตาก็จ้องฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองที่มันแดงช้ำอย่างน่ากลัวเพราะถูกความร้อนกัดกินผิวขาว
ๆ และอีกไม่นานก็จะกลายเป็นแผลผุพองน่าเกลียดน่ากลัวแหงม ๆ
“รู้ ๆ กันอยู่นี่หน่าอิสึจัง~~”
ฮิเมกิจรดปลายนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม ขยิบตาให้น้องเล็กอย่างน่ารัก
ก่อนจะแกล้งเนียนทำเป็นผู้ชมอุบัติเหตุน้ำร้อนลวกมือแม่นางฟ้าประจำโรงเรียนร่วมกับเพื่อนสาวคนอื่น
ๆ
มิโดริยะส่ายหัวให้กับความแสบซนของเจ้าหญิงประจำบ้าน
ดวงตาสีเขียวหม่นจ้องมองเหล่าเจ้าชายกับอัศวินกำลังดูแลเจ้าหญิงของพวกเขา
ที่กำลังนั่งสะอื้นพร้อมกับสีหน้าเจ็บปวดต่อบาดแผลบนมือทั้งสองข้าง
และในเวลาเสี้ยววิที่ดวงตาสีชมพูเงยขึ้นมาสบตากับเขาเข้าพอดี คำพูดแรกที่มิโดริยะต้องการจะบอกกล่าวกับเธอคงหนีไม่พ้น…
“สมน้ำหน้า”
“..!!!..”
“หึ!”
มิโดริยะเหยียดยิ้มสะใจให้แก่อีกฝ่าย
ต้องการสื่อให้หล่อนรู้ว่าตัวเขานั้นรู้ทันแผนการของหล่อน
เพราะงั้นจงยอมรับผลการกระทำอันแสนโง่เขลาของตัวเองซะ! อีกอย่างแผนการโง่ ๆ
ราวกับนางเอกในละครที่ชอบซุ่มซ่ามเป็นชีวิตจิตใจนั่นน่ะ...
มันโคตรเชยแสนเชยจนอยากจะอาเจียนออกมาชะมัด!!
เพราะงั้นไปฝึกมาใหม่นะครับคุณชิโรนะ
ถ้าไม่อยากโดนเจ้าหญิงประจำคฤหาสน์หงส์ดำตบจนหน้าแหกเข้าสักวันน่ะนะ
ความคิดเห็น