คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 09 : มิตรภาพไม่แปรเปลี่ยน
*ยังไม่ได้แก้คำผิด
มิโดริยะกับฮิเมกิอยู่ภายใต้การดูแลของเหล่าอาจารย์ในยูเอย์มาได้ห้าเดือนแล้ว
แน่นอนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเขาต้องพบเจอกับความประสาทแดกของแม่นางฟ้าคนดีศรีโรงเรียนที่จ้องจะหาเรื่องอยู่ที่วี่ทุกวัน
ยิ่งบางวันเห็นเขาอยู่เพียงลำพังก็สบโอกาสถอดหน้ากากนางฟ้าผู้อ่อนโยนและเป็นที่รักของเหล่านักเรียนยูเอย์แปรเปลี่ยนเป็นนิสัยอันแท้จริงของหล่อน
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดจิกกัดที่โคตรจะหยาบคาย หรือจะเป็นสีหน้าบิดเบี้ยวกับสายตาที่ใช้จ้องมองเขาอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ และที่ดูน่ารำคาญสำหรับมิโดริยะมากที่สุดก็คงจะเป็นแผนการสุดแสนจะสิ้นคิดของอีกฝ่าย
ที่เอะอะก็ล้มลงตรงหน้าของเขาท่ามกลางสายตานักเรียนคนอื่น ๆ บางครั้งก็จะห่อไหล่ทำตัวสั่นเทาพร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความกลัวแถมยังเรียกความสงสารและความเห็นใจจากเหล่าแฟนคลับของหล่อนได้ทุกครั้งอีกด้วย
ซึ่งมันน่ารำคาญเป็นอย่างมาก
จนบางครั้งก็อยากจะปล่อยให้คุณฮิเมกิกับเพื่อนสาวทั้งหกลากอีกฝ่ายไปตบหลงตึกเสียให้มันจบ
ๆ ไปซะ
มิโดริยะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่ดวงตาสีเขียวหม่นจะหันไปมองผู้เป็นอาจารย์ที่ยังคงยืนอยู่หน้าห้องเรียน
เช่นเดียวกับฮิเมกิที่ต้องละความสนใจจากวิวนอกห้องเรียนเพราะเสียงเรียกชื่อของเธอกับน้องเล็กจากอาจารย์แพนด้าที่เธอมักกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้หัวเสียเล่น
ก็แหม...ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์หงส์ดำที่มีนัตสึจังให้เธอแกล้งปั่นหัวนี่หน่า
เพราะงั้นอาจารย์แพนด้าถึงได้เป็นเหยื่อให้เธอหยอกล้อเล่นยามเบื่อยังไงละ
“มิโดริยะ ชิราโฮชิจบคาบนี้ตามฉันไปที่ห้องพักด้วย”
“เข้าใจแล้วครับ” เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มผมเขียวขานรับอย่างเชื่อฟัง
ซึ่งแตกต่างจากเด็กสาวผมเงินกำลังนั่งเท้าคางส่งยิ้มที่ไอซาวะไม่อาจคาดเดาความคิดได้
แม้อีกฝ่ายจะอยู่ภายใต้การดูแลของเขามาตลอดห้าเดือนแล้วก็เถอะ
“ฮิเมะเข้าใจแล้วก็ได้”
พอทำสงครามประสาททางสายตากับผู้เป็นอาจารย์จนพอใจแล้ว เด็กสาวก็เอ่ยตอบผู้เป็นอาจารย์กลับไปด้วยน้ำเสียงสดใส
ก่อนหันไปส่งสายตาจิกกัดให้กับโต๊ะข้าง ๆ
ที่กำลังใช้ดวงตาสีแดงมองน้องเล็กของเธออยู่นั่นแหละ
รู้ว่าเขาไม่แลก็ยังทุรนทุรายพาตัวเองไปอยู่ในสายตาของเขาอยู่ได้
มนุษย์นี้ช่างดื้อรั้นอย่างน่าสมเพชเสียจริง
ในเมื่อจ้องอีกฝ่ายไปก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นชิราโฮชิ ฮิเมกิจึงละความสนใจเด็กหนุ่มด้านข้าง
และเปลี่ยนหมายเป็นใครอีกคนที่ช่วงนี้ฮิเมกิจับจ้องเป็นพิเศษ
เด็กสาวหมุนเก้าอี้ไปด้านหลังทั้งตัวเพื่อประชันหน้ากับเป้าหมายโดยเฉพาะ รอยยิ้มหวานที่แสดงถึงความเป็นมิตรถูกมอบให้กับอีกฝ่าย
ทว่าดวงตาสีม่วงหม่นนั้นมันกลับเต็มไปด้วยความเลือดเย็นและอาฆาต
สร้างความสั่นกลัวให้แก่เด็กสาวผมสีชมพูจนถึงกับก้มหน้าก้มตามองโต๊ะกันเลยทีเดียว
“หึ!”
เสียงหัวเราะที่แสดงถึงความดูแคลนอีกฝ่ายดังขึ้นในลำคอ และดูเหมือนอีกฝ่ายก็คงจะรู้ตัวว่าเธอกำลังเยาะเย้ยหล่อนอยู่
ถึงได้พยายามใจกล้าจ้องเธอกลับอย่างไม่ยอมแพ้ แต่สุดท้ายความกลัวกับความขี้ขลาดก็มีมากกว่าเพราะงั้นอีกฝ่ายถึงกลับไปก้มหน้าทำตัวลีบ
ๆ ไร้ซึ่งความมั่นใจอย่างที่เคยทำมาตลอดยามอยู่ต่อหน้านักเรียกคนอื่นในยูเอย์
นี่แหละหนากมลสันดานของพวกมนุษย์ ใจกล้า ปากเก่ง
ทว่าขี้ขลาดตาขาวไม่ต่างจากพวกสัตว์ตัวจ้อยที่ริอาจมาอยู่เหนือศีรษะของราชสีห์
ฮิเมกิเหยียดยิ้มให้แก่เด็กสาวผมชมพู
ก่อนที่ร่างสูงเพรียวจะลุกขึ้นยืนและเดินตามหลังผู้เป็นน้องเล็กออกจากห้องเรียน
ท่ามกลางสีหน้าโกรธเคืองของพวกมิเนตะเพราะไม่พอใจที่เด็กสาวผมเงินรังแกคนที่ตัวเองชอบต่อหน้าต่อตา
ส่วนทางด้านชิโรนะที่ทั้งถูกเหยียดหยาม ทั้งถูกรังแกด้วยคำพูดและการกระทำโดยที่ตัวเองไม่สามารถตอบโต้อะไรอีกฝ่ายกลับไปได้เลยแม้แต่น้อย
ก็ทำได้เพียงแค่กำหมัดจิกเล็บลงบนลงฝ่ามือ ระบายความเจ็บใจที่ตัวเองต้อยพ่ายแพ้ให้แก่สองคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ต่อให้ใช้มารยาชักจูงหรือเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้างให้ช่วยเธอจัดการสองคนนั้นมากขนาดไหน
ทว่าสุดท้ายกลับเป็นเธอเสียเองที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่อมนุษย์สองคนนั่น!
เกลียด...เธอเกลียดมันเหลือเกิน
ขนาดเธอ ‘จงใจ’ ฆ่ามันให้ตายอย่างน่าสมเพชต่อหน้าคนอื่นแล้วแท้ ๆ
แต่มันก็ยังกลับมาสร้างความหงุดหงิดให้แก่เธอไม่พอ
ยังพายัยปีศาจน่าขนลุกมารังแกเธอให้อับอายเสียทุกครั้งที่เดินเข้าไปหาเรื่องเจ้าตัวน่าขยะแขยงนั่น
หากมีตัวช่วยที่สามารถทำให้เธอกำจัดพวกตัวน่ารังเกียจนี่ได้ ชิโรนะ
ฮาสึมิก็พร้อมกระโจนไขว่คว้าโอกาสอันแสนน้อยนิดเพื่อกำจัดพวกมันให้หายไปจากสายตาของเธอทันที
‘ฉันต้องเป็นที่หนึ่ง
และทุกคนต้องสนใจฉันแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!!!’
ความคิดอันแสนบิดเบี้ยววนเวียนอยู่ในหัวของเด็กสาวผมชมพูอยู่ตลอดเวลา
และเธอก็คงไม่รู้สึกตัวว่ายามนี้ยังนั่งอยู่ในห้องเรียนพร้อมกับคนอื่น ๆ
ที่ส่วนใหญ่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไปไหน แน่นอนว่าทุกคนย่อมเห็นสีหน้ากับแววตาของเด็กสาวได้อย่างชัดเจน
ย่อมเกิดข้อกังขาในใจของเหล่าเด็กหนุ่มที่ยังคงอยู่เคียงข้างอีกฝ่ายอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ทว่าหนนี้ย่อมมีส่วนหนึ่งเริ่มคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเด็กสาวที่พวกตนชื่นชอบ
บางทีพวกเขาต้องเฝ้าจับตามองชิโรนะบ้างเสียแล้ว
ท่ามกลางความสับสนของเหล่านักเรียนชายห้องเอบางส่วน ดวงตาสีแดงที่มักส่องประกายอยู่สม่ำเสมอและเต็มไปด้วยความจริงใจต่อคนรอบข้าง
บัดนี้ผู้เป็นเจ้าของกำลังเหล่มองเด็กสาวด้านหลังด้วยสีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับท่าทีแปลกไปของเด็กสาวผมชมพูเหมือนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ตรงกันข้าม...เจ้าตัวนั้นเพียงแค่หันไปจ้องประตูห้องเรียนที่ถูกปิดสนิทด้วยฝีมือของเด็กสาวผมเงิน
เหม่อมองมันด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่อาจจำแนกออกมาเป็นหมวดหมู่ออกมาได้ ทว่ามีเพียงความรู้สึกเดียวที่คิริชิมะ
เอย์จิโร่สามารถตอบได้ว่าตัวเองในตอนนี้นั้นกำลังรู้สึกเช่นไร
“หึ!”
เสียงหัวเราะในลำคอกับรอยยิ้มเหยียดหยามอันแสนหาได้ยากบนใบหน้าของสุภาพบุรุษแห่งห้องเอ
โดยที่เพื่อนสนิทด้านหลังอย่างพวกคามินาริหรือแม้แต่เด็กสาวผมชมพูอย่างชิโรนะ
ฮาสึมิไม่มีวันได้เห็นมัน
และคงไม่คิดว่าเพื่อนที่แสนดีอย่างเจ้าตัวจะแสดงท่าทางแบบนี้ออกมาได้
ทั้งโง่เขลาและน่าสมเพช
นี่แหละคือคำตอบบนใบหน้าของคิริชิมะ เอย์จิโร่
-Dark Uptight-
“เน่ ๆ อาจารย์แพนด้ากำลังพาพวกเราไปไหนเหรอ~~~”
ฮิเมกิเอ่ยถามคนเป็นอาจารย์ที่เดินนำหน้าพวกเธอ
ดวงตาสีม่วงหม่นกวาดมองเส้นทางที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ทางไปห้องพักอาจารย์อย่างที่อีกฝ่ายกล่าวในห้องเรียนเลยสักนิด
คิดจะทำอะไรกันแน่?
ไอซาวะที่เห็นท่าทางระแวดระวังของเด็กทั้งสองที่เดินอยู่ด้านหลัง
ก็ต้องถอนหายใจออกมากันเลยทีเดียว ใบหน้าเบื่อโลกกับขอบตาที่เหมือนคนไม่ได้นอนหันมามองสองลูกศิษย์เล็กน้อย
ก่อนที่น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยจะเอ่ยประโยคที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้อำนวยการตัวจ้อยให้ทั้งสองได้ทราบว่า...
“ผู้อำนวจการเนซึบอกว่าจะมีหนึ่งในผู้ปกครองมารับพวกเธอไปทำธุระข้างนอก”
“หนึ่งในผู้ปกครอง? คำสั่งของอายาโตะงั้นเหรอ??” ฮิเมกิพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่สายตาก็หันไปสบกับน้องเล็กที่เดินอยู่ข้าง
ๆ อย่างรู้ความหมายกันเพียงสองคน
จะว่ามันแปลกก็ไม่ใช่ เพราะตลอดห้าเดือนที่ต้องอยู่ในโรงเรียนยูเอย์
มีบ้างที่เธอกับอิสึคุจะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก โดยมีเงื่อนไขในแต่ละครั้งคือการพาหนึ่งในอาจารย์ของยูเอย์ออกไปด้วยเสมอ
แน่นอนว่าหนึ่งในผู้ปกครองก็ต้องตามประกบคอยดูแลความปลอดภัยของพวกเธอด้วยเช่นกัน
คราวก่อนรู้สึกจะเป็นเวรของชูซาจังนี่หน่า
แล้วครั้งนี้ถ้าฮิเมะจำไม่ผิดก็คงจะเป็นเวรครั้งแรกของ…
“โอ๊ะ! ดูเหมือนจะมากันแล้ว”
เนซึที่กำลังยืนคุยอยู่กับแขกผู้รับหน้าที่ในการดูแลน้องเล็กทั้งสองจากคฤหาสน์หงส์ดำในวันนี้
หันมาเห็นไอซาวะกำลังพาเด็กในการปกครองมาทางที่พวกเขายืนอยู่
ก็ได้เอ่ยบอกกับเจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดโค้ดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า กลุ่มผมสีเดียวกับชุดที่สวมใส่และใบหน้าคมคายราวกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสารชื่อดังค่อย
ๆ หันมามองผู้มาใหม่ทั้งสามอย่างช้า ๆ
ดวงตาสีแดงหม่นดั่งคนไร้ชีวิตแสดงถึงความแปลกใจ
เพราะไม่คิดว่าการที่กลับมายังอดีตโรงเรียนของตัวเองอีกครั้งในวันนี้
จะกลายเป็นการพบกันระหว่างสองเพื่อนสนิทที่ห่างหายกันมาตลอดเกือบสิบปีเสียได้
“เรียวสึจางงงงง”
หมับ!!!
“มันเจ็บนะฮิเมกิ”
น้ำเสียงทุ้มสุดแสนจะราบเรียบเอ่ยบอกกับเด็กสาวในอ้อมกอด
ดวงตาสีแดงหม่นหันไปสำรวจน้องเล็กประจำบ้านเพื่อหาบาดแผลหรือรอยขีดข่วนบนร่างกายขาว
ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน
พอพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็หันมาสำรวจเจ้าหญิงเพียงคนเดียวของบ้านต่อ
ไม่มีร่องรอยผิดแปลกแต่อย่างใด
เพราะฉะนั้นสามารถกลับไปรายงานอายาโตะได้อย่างหายห่วง
“อะ...อามาเนะ”
“สบายดีสินะไอซาวะ” อามาเนะ
เรียวสึเกะเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทพ่วงตำแหน่งคู่หูของตัวเองกลับไป
แต่ดูเหมือนสติของอีกฝ่ายยังกลับมาไม่ครบตั้งแต่เห็นเขามายืนอยู่ต่อหน้า
ก็นะ...ตอนที่เขาตายใหม่ ๆ
เจ้าหมอนี่เป็นคนแรกที่เอาแต่วิ่งวุ่นพยายามตามจับตัวฆาตกรเป็นบ้าเป็นหลังเลยนี่
แม้สุดท้ายจะเป็นเขาที่ลงมือฆ่าเศษเดนพวกนั้นร่วมกับชูซาคุและอายาโตะก็เถอะ
“นี่ ๆ เรียวสึจังจะพาพวกเราไปเที่ยวที่ไหนงั้นเหรอ??” ฮิเมกะผละออกจากอ้อมแขนของพี่รองประจำบ้าน
พร้อมกับเอ่ยถามออกไปด้วยความตื่นเต้นระคนสงสัย
ซึ่งด้านหลังก็มีมิโดริยะกำลังใช้ดวงตาสีเขียวหม่นจ้องมองด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน
“เป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับอิสึคุน่ะ”
“เกี่ยวกับผม??”
“อ่า...พอไปถึงนายก็จะรู้เอง” เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเสียเท่าไหร่
พอจะสื่อสารกับเด็กน้อยทั้งสองหรือคนอื่น ๆ ก็มักจะรวบรัดคำพูดให้สั้นและกระชับใจความชวนให้คนฟังประมวลผลไม่ทันเสียทุกที
มิโดริยะที่แม้จะยังสงสัยในคำพูดของพี่รองประจำบ้าน
แต่ก็ต้องปัดความสงสัยนั่นทิ้งไป
เมื่ออีกฝ่ายหันมาบอกให้เขารีบออกเดินทางก่อนมันจะมืดค่ำยามถึงที่หมาย
แน่นอนว่าตัวแทนอาจารย์ของยูเอย์ที่ต้องออกเดินทางร่วมกับเหล่าอมนุษย์ทั้งสามย่อมไม่พ้นอาจารย์ประจำชั้นห้อง
A อย่างไอซาวะ โซตะ
ตลอดทางที่ทั้งสี่เดินออกจากตึกหลักของยูเอย์มายังรถคันหรูสีดำที่จอดเด่นอยู่หน้าตึก
ล้วนมีแต่ความเงียบไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างกัน
มีบางครั้งที่สองน้องเล็กหันไปสุมหัวปรึกษาเกี่ยวกับสถานที่อันเป็นปริศนาอย่างจริงจังยิ่งกว่าตอนจับมือกันรังแกนางฟ้าของยูเอย์เสียอีก
และพอขึ้นรถมาแล้วก็ยังจมเข้าสู่โลกนี้มีเพียงแค่เราสองคนต่อ
ทิ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ด้านหน้าของรถแผ่บรรยากาศมาคุกันอยู่สองคน
“ช่วงนี้นายเป็นยังไงบ้าง?” และแล้วผู้ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้คนแรกนั้นคือไอซาวะ
ที่กำลังเอ่ยถามความเป็นอยู่ของเพื่อนสนิทที่กลับมาเจอกันอีกครั้งในสภาพอมนุษย์
“สบายดี”
“งั้นเหรอ”
ไอซาวะเหล่มองใบหน้าเรียบนิ่งกับดวงตาสีแดงหม่นที่จดจ่ออยู่แต่ถนนด้านหน้า
ท่าทางไร้ชีวิตราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนข้อมูลให้ทำตามระบบไปวัน ๆ
หากไม่เห็นสองมือกำลังบังคับพวงมาลัย กับน้ำเสียงที่พูดคุยโต้ตอบกับเขาในบางครั้ง
โดยเฉพาะประโยคที่แสดงถึงความแปลกใจกับอาชีพที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
“คิดไม่ถึงว่าคนอย่างนายจะผันตัวมาเป็นอาจารย์สอนเด็กแบบนี้”
นั่นสิ...ตัวเขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะกลายเป็นอาจารย์คอยชี้นำเหล่าลูกเจี๊ยบฝึกหัดให้เติบโตเป็นฮีโร่ที่สง่างามในอนาคต
แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาเข้ามาเป็นอาจารย์ในยูเอย์ก็คงจะเป็น...
“เพราะสัญญาที่ให้ไว้”
“….”
“สัญญาที่ว่าพวกเราจะสมัครเป็นอาจารย์คอยชี้นำเหล่าว่าที่ฮีโร่ด้วยกัน”
“….”
“ทั้งฉัน ทั้งไมค์ และนาย”
“….”
อามาเมะที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำเพียงแค่นั่งเงียบ
จดจ่อสมาธิกับการขับรถไปยังที่หมาย
ถึงไม่ได้โต้ตอบอีกฝ่ายกลับไปแต่ไอซาวะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แผ่กระจายออกมาว่าเจ้าตัวรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำตัวคำสัญญาของพวกเราสามคนได้
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนหรอกว่าการแยกจากด้วยชีวิตจะมาเร็วถึงเพียงนี้
แม้ตอนนี้อีกฝ่ายจะกลับมาหาพวกเขาด้วยร่างกายเย็นชืด
ไร้เสียงการเต้นของชีพจรและหัวใจ ทว่าก็ไม่อาจทำตามสัญญานั่นได้เช่นกัน
การถูกตามล่าเพราะความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ผู้เต็มไปด้วยความโลภเหล่านั้น
ก็ไม่ต่างไปจากความวุ่นวายอันไม่มีที่สิ้นสุด
ซึ่งต้องมาพะวักพะวงว่าตัวเองและครอบครัวสุดแสนสำคัญจะถูกพวกมันจับได้เมื่อไหร่
หรือไม่ต้องคอยกำจัดพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่หวาดไม่ไหว
เพราะฉะนั้นไอซาวะถึงได้เข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลที่เจ้าตัวไม่เคยมาปรากฏตัวให้เขากับพรีเซนต์ไมค์เห็นเลยสักครั้ง และวันนี้พอได้มาเจออีกฝ่ายตรง ๆ
ก็ดันมีประโยคหนึ่งที่ไอซาวะอยากจะบอกอีกฝ่ายตลอดหลังทราบข้อมูลจากหัวหน้าองค์กร B.S. อย่างอาคาชิจิ อายาโตะ
“นี่อามาเนะ”
“หือ?”
“ฉันดีใจที่ได้เจอนายอีกครั้ง แล้วก็…” นับเป็นครั้งแรกที่ไอซาวะ โชตะมีสีหน้าโล่งใจและสามารถยิ้มออกมาได้กว้างจนเห็นฟันทุกซี่
บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุขมากขนาดไหน
ไม่รวมถึงประโยคถัดมาที่เรียกความสนใจจากสองน้องเล็กแห่งคฤหาสน์หงส์ดำให้หันมาจดจ่อกับผู้ใหญ่ทั้งสองเป็นทางเดียว
“ยินดีต้อนรับกลับอามาเนะ”
เรียวสึเกะที่ได้ยินประโยคของเพื่อนสนิทก็เผลอชะงักไปเล็กน้อย
ดวงตาสีแดงหม่นไหววูบเพียงเสี้ยววิก่อนจะกลับมาราบเรียบดั่งเดิมคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทว่าผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีเสียงทุ้มราบเรียบสม่ำเสมอตั้งแต่ต้นจนจบได้เอ่ยประโยคหนึ่งตอบกลับมาให้ไอซาวะและเด็กน้อยทั้งสองได้ยินว่า...
“อ่า”
“….”
“กลับมาแล้วไอซาวะ”
-T.B.C.-
ความคิดเห็น