ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ArachnidTrail

    ลำดับตอนที่ #1 : Policestation Jihen

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.4K
      18
      3 ก.ย. 66

    'ทำไมเราไม่ขึ้นรถไฟคันนั้นไปด้วยกันล่ะ รถไฟที่จะพาเราไปไกลแสนไกล จนแม้กระทั่งอดีต...ก็ไม่อาจติดตามเราไป'

    ในขณะที่คาตายาม่ากำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง เสียงครืดคราดแสบแก้วหูของบานประตูเหล็กทางด้านขวาก็ฉุดให้เขากลับมาที่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ก่อนเสียงของใครบางคนที่เขาไม่อยากได้ยินเท่าไหร่จะดังมาจากทางเดียวกัน

    "ไงรุ่นพี่ กำลังทำอะไรอยู่เหรอ ให้ผมช่วยไหม?"

    "ไม่"

    แม้คาตายาม่าจะตอบกลับไปโดยไม่เว้นช่องให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสโต้เถียง ชายผมหยักศกที่กำลังยืนยิ้มอยู่หน้าประตูก็ดูจะไม่ใส่ใจคำตอบของเขาเท่าไหร่นัก เขาเดินเข้ามาในห้องชี้ตัวผู้ต้องหาพร้อมกับโกโก้กระป๋องในมือ โดยไม่สนใจคำทักท้วงใดๆ ของคาตายาม่า ราวกับว่าคำถามที่เขาเอ่ยถามคาตายาม่าเมื่อสักครู่เป็นเพียงคำถามตามมารยาทที่ไม่ต้องการคำตอบใด

    คาตายาม่าที่เห็นแบบนั้น จึงได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายแบบเซ็งๆ ก่อนจะพูดออกมาว่า

    "ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้แกเข้ามาเลยนะ จิเฮน"

    "อ้าวเหรอ ผมก็นึกว่ารุ่นพี่หมายถึง ไม่ว่างตอบ เข้ามาได้เลยซะอีก"

    ชายผมหยักศกตอบกลับมากวนๆ ในขณะที่เขาเดินไปหยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งที่บริเวณมุมห้องมานั่งลงข้างๆ คาตายาม่า ราวกับเจ้าตัวต้องการจะกวนประสาทคาตายาม่ายิ่งกว่าเดิม

    "ให้ตาย"

    คาตายาม่าบ่นออกมาเล็กน้อย ในขณะที่อีกฝ่ายจ้องไปที่ผู้ต้องหาจำนวนห้าคนซึ่งกำลังยืนถือป้ายเรียงกันอยู่ด้านหลังกระจกเงียบๆ อยู่สักพัก ก่อนเขาจะหันมาบอกกับคาตายาม่าว่า

    “คนที่สอง 80% อีก 20% น่าจะเป็นคนที่สาม ขอใช้ชื่อคุณยายข้างบ้านเป็นประกัน”

    "ไม่ต้องเดาจิเฮน ฉันกำลังรอให้พยานมาชี้ตัวผู้ต้องหาเฉยๆ แล้วคุณยายข้างบ้านแกเขาเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย"

    "ไม่เกี่ยว แต่เห็นคนอื่นเขาพูดแล้วเท่ดี เลยอยากพูดบ้าง"

    "เยี่ยม"

    หลังจากที่คาตายาม่าตอบกลับไปแบบนั้น อีกฝ่ายก็ยกโกโก้กระป๋องในมือขึ้นมาจิบ ก่อนชายผมหยักศกจะพูดออกมาแบบสบายๆ ว่า

    "งั้นผมนั่งรอพยานเป็นเพื่อนแล้วกัน รุ่นพี่จะได้ไม่เหงา"

    "ฉันไม่เหงา"

    "งั้นผมนั่งเป็นหลักประกันให้ เผื่อผู้ต้องหาทุบกระจกออกมาได้"

    ได้ยินดังนั้น คาตายาม่าก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะถึงสิ่งที่กั้นขวางระหว่างตัวเขาออกจากเหล่าผู้ต้องหาจะเป็นเพียงกระจกบานหนึ่ง แต่การที่อีกฝ่ายจะทุบกระจกบานนั้นให้แตก แล้วข้ามฝั่งมาหาเขานั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากกระจกที่อยู่ตรงหน้าคาตายาม่าตอนนี้คือกระจกกันกระสุนขนาดใหญ่ ที่แม้ตัวกระจกจะใสจนสามารถมองทะลุเข้าไปอีกฝั่งหนึ่งได้ แต่ข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ก็ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเจ้ากระจกนี้แข็งแรงขนาดไหน

    แถมความพยายามอันสุดแสนจะไร้ค่านับครั้งไม่ถ้วนของเหล่าผู้ต้องหาในอดีต ก็ช่วยให้คาตายาม่ามั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าจะไม่มีใครทำลายกระจกตรงหน้าเขาลงง่ายๆ แม้อีกฝ่ายจะเป็นนักมวย มือปืน คนคลั่งยาเสพติด ชายผู้มีฉายาว่าปีศาจ หรือแม้กระทั่งจอมขมังเวทย์ตามความเชื่อของชาว Ariman ก็ตาม

    แต่ก่อนที่คาตายาม่าจะได้ตอบอะไรชายผมหยักศกกลับไป อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า

    "หน่ะ ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ารุ่นพี่ไม่เคยดูข่าวที่ผู้ต้องหาใช้ค้อนกับสิ่วเจาะกระจกกันกระสุนออกมาทุบเจ้าหน้าที่เกือบตายล่ะสิ"

    "เคย แต่ฉันไม่ได้โง่พอจะเชื่อข่าวโง่ๆ พวกนั้น และฉันก็เชื่อว่าแกไม่ได้โง่ขนาดนั้น"

    คาตายาม่าตอบอีกฝ่ายกลับไป เพราะแม้ว่าเนื้อความในข่าวจะออกมาในรูปแบบนั้น คนที่ทำงานอยู่หน้างานจริงๆ อย่างคาตายาม่า จิเฮน และเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษคนอื่นๆ ก็รู้เป็นอย่างดีว่าความจริงเรื่องนั้นเป็นอย่างไร เพราะความจริงนั้นเป็นไปได้เพียงสองทาง หนึ่งคือกระจกนั่นไม่ใช่กระจกกันกระสุนตั้งแต่แรก เนื่องจากคนในสำนักงานดังกล่าวนำงบที่ควรจะนำไปซื้อกระจกกันกระสุนไปซื้ออย่างอื่น จากนั้นก็เจียดงบที่เหลือเอาไปซื้อกระจกโง่ๆ แผ่นหนึ่งมาใส่แทน ส่วนทางที่สองก็คือมันคือละครโง่ๆ ฉากหนึ่งที่สร้างขึ้นมาให้ผู้ต้องหาคนดังกล่าวหนีออกไปได้

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยักคิ้วกลับมา ราวกับว่าเขาต้องการจะส่งสัญญาณกลับมาว่าตนก็รู้ดีถึงความจริงข้อนั้น แต่ถึงแบบนั้นตนก็ยังจะนั่งอยู่ตรงนี้ต่อไปอยู่ดี คาตายาม่าจึงทุบหลังอีกฝ่ายดังปัก ก่อนเขาจะเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปขำๆ ว่า

    "จิเฮน นี่แกหนีมาจากห้องฝ่ายงานเอกสารอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย"

    "ไม่ได้หนี ผมแค่ออกมาเข้าห้องน้ำ แต่ดันโดนรุ่นพี่เรียกให้มาช่วยสืบคดีตั้งหาก"

    คำตอบกวนๆ ที่อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มแป้นแล้น ในขณะที่คำพูดของอีกฝ่ายทำเอารอยยิ้มของคาตายาม่าหุบหายไปทันที ก่อนคาตายาม่าจะหันสายตากลับไปที่ผู้ต้องหาที่อยู่หลังกระจก และพูดออกมาเบาๆ ว่า

    "ฉันไม่เกี่ยว ฉันไม่เคยเห็นแกที่นี่"

    "ทั้งๆ ที่เมื่อกี้รุ่นพี่ทุบผมจนหลังแอ่นเนี่ยนะ ไม่เห็นก็บ้าแล้ว"

    จิเฮนเอ่ยถามกลับมา พลางเอื้อมมือไปกดๆ หลังบริเวณที่ตัวเองโดนทุบไปเมื่อสักครู่

    "บ้า ใครจะไปทำแบบนั้นกัน เมื่อกี้แกอาจจะโดนพลังงานอะไรสักอย่างทำร้ายเอาก็ได้มั้ง ใครๆ เขาก็รู้กันว่าของที่นี่มันแรง"

    "นี่มันห้องชี้ตัวผู้ต้องหานะรุ่นพี่ ไม่ใช่ลานประหาร" จิเฮนตอบกลับมาด้วยความเซ็ง ก่อนเขาจะพูดขึ้นว่า "แต่ก็ไม่แน่ ถ้าหัวหน้าเอ็กน็อครู้ว่าจู่ๆ ผมโดนรุ่นพี่ลากมาช่วยสืบสวนอยู่นี่ ที่นี่ก็อาจจะกลายเป็นลานประหารได้เหมือนกัน" 

    "เฮ้ๆๆ อย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวนะโว้ย ให้เข้าไปนั่งแข็งเป็นศพอยู่ในห้องฝ่ายเอกสารเป็นเดือนๆ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ"  

    "ก็แล้วรุ่นพี่ไม่สงสารผมบ้างรึไง ผมโดนแกนั่งจ้องหลังทุกวัน นี่เข้าเดือนที่หกแล้วนะ"

    "ฉันก็นึกว่าแกชินแล้วซะอีก"

    พูดจบ คาตายาม่าก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย พลางเอื้อมมือไปตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ 

    "ทนเอาหน่อย เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาก็ปล่อยให้แกออกไปทำคดีเหมือนเดิมเองนั่นแหละ เชื่อฉันสิ"

    "ได้งั้นก็ดีสิ นี่พอโดนแบบนี้นานๆ เข้าผมก็เริ่มสงสัยแล้วเนี่ย ว่าตัวเองสอบเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ หรือเจ้าหน้าที่จัดการเอกสารพิเศษกันแน่"

    จิเฮนตอบกลับมาด้วยความน้อยใจ ก่อนเขาจะลุกขึ้น วางโกโก้กระป๋องลงใกล้ๆ แผงควบคุมบนโต๊ะด้านหน้าคาตายาม่า และเดินไปหลบที่มุมห้องฝั่งประตู ซึ่งเป็นจุดอับสายตาของคนที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง พลางยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก 

    หลังจากนั้นสักพักประตูห้องสืบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง คาตายาม่าจึงหันไปมองที่นั่น ก่อนเขาจะทำความเคารพเจ้าหน้าที่ที่เปิดประเข้ามาเล็กน้อย ในขณะที่ด้านข้างเจ้าหน้าที่คนนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ ท่าทางของเธอบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอกำลังทำตัวไม่ถูก ปนเปกับความรู้สึกไม่เป็นสุข ความสับสน และความหวาดกลัว คาตายาม่าที่เห็นแบบนั้นจึงเชิญให้เธอเข้ามาในห้องชี้ตัวผู้ต้องหา หญิงสาวคนดังกล่าวจึงก้มศีรษะให้คาตายาม่าเล็กน้อย ก่อนเธอจะเดินลอดคานประตูเข้ามา พร้อมๆ กับที่จิเฮนเดินออกมาจากที่ซ่อนของเขา  

    พยานสาวที่หันไปเห็นว่าอยู่ดีๆ จิเฮนก็โผล่ออกมาข้างๆ ตัวเอง จากที่กำลังตกใจอยู่แล้วก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม เธอจึงทำหน้าเหวอออกมา ในขณะที่เจ้าตัวต้นเหตุทำเป็นพยักหน้าให้อีกฝ่ายพลางหยิบปากกาของตัวเองขึ้นมาในอีกฝ่ายดู

    "ขอโทษครับ พอดีเมื่อสักครู่รุ่นน้องผม เขาทำของตกไปบริเวณนั้นน่ะครับ"

    คาตายาม่ารีบพูดไปเรื่อยเพื่อพยายามดึงความสนใจของหญิงสาวกลับมา ก่อนเขาจะสะบัดหน้าเพื่อส่งสัญญาณให้จิเฮนไปนั่งเงียบๆ ที่มุมห้อง อีกฝ่ายจึงยอมทำตามแต่โดยดี หลังจากนั้นคาตายาม่าก็อธิบายขั้นตอนการชี้ตัวผู้ต้องหาให้หญิงสาวทำความเข้าใจจนเสร็จสรรพ การชี้ตัวผู้ต้องหาจึงเริ่มต้นขึ้น 

    พยานสาวตัดผู้ต้องหาคนที่หนึ่ง คนที่สี่ และคนที่ห้าออกไปด้วยความรวดเร็ว ก่อนเธอจะใช้เวลาอยู่นานพอสมควรในการเลือกระหว่างผู้ต้องหาคนที่สองและคนที่สาม

    จนกระทั่งในที่สุด เธอก็หันมาบอกกับคาตายาม่าเบาๆ ว่า 

    "น่าจะเป็นคนที่สองนะค่ะ คือหนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันคะ"

    "ครับ ไม่ต้องห่วงครับ ที่เหลือทางเราจะรีบดำเนินการต่อให้เองครับ"

    "ขอโทษจริงๆ นะค่ะ ที่หนูไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่"

    "ไม่เป็นไรครับ แค่คุณยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ทางเราก็ยินดีมากๆ แล้วครับ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ"

    ที่คาตายาม่ารีบพูดออกมาแบบนั้น ก็เพราะเขาอยากให้พยานสาวรีบกลับก่อนที่เจ้าตัวปัญหาที่นั่งอยู่บริเวณมุมห้องตอนนี้จะหาโอกาสได้ แต่แล้วสิ่งที่คาตายาม่าคาดคิดไว้แล้ว แต่ก็ไม่อยากให้มันเกิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขาได้ยินเสียงขาเก้าอี้ครูดเข้ากับพื้นห้องเบาๆ ก่อนเขาจะหันไปทางต้นเสียง และพบว่าจิเฮนกำลังเดินตรงมาทางพยานสาวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า และคำถามที่ดังลั่นออกมาก่อนว่า

    "รุ่นพี่ครับ ตกลงคนไหนเหรอครับที่เป็นสตอล์คเกอร์ ผมจะได้จดไว้ทำบันทึก"

    "สตอล์คเกอร์เหรอคะ? "

    พยานสาวพูดออกมางงๆ ในขณะที่คาตายาม่าหันไปฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมใบหน้าซังกะตาย เพราะถึงอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้น และพยายามจะทำเป็นระบุมาว่าตัวเองกำลังพูดกับคาตายาม่า แต่คำพูดของจิเฮนก็ทำให้พยานสาวตกใจไม่น้อย เพราะเธอมาชี้ตัวในคดีวิ่งราวไม่ใช่คดีแปลกๆ ที่จิเฮนเป็นคนกุขึ้นมาเมื่อสักครู่ พยานสาวที่กำลังตกใจจนถึงกับหลุดพูดออกมา เลยเปิดโอกาสให้จิเฮนได้ใช้ประโยชน์จากความหน้ามึนของตัวเอง และความตกใจของเธอต่อ

    "อ้าว ไม่ใช่เหรอครับ ขอโทษจริงๆ ครับ ผมนึกว่าคุณผู้หญิงเป็นไอดอลน่ะครับ เลยนึกว่าเรากำลังสืบสวนคดีสตอล์คเกอร์ซะอีก"

    "ม...ไม่ใช่ค่ะ"

    "อ้าวเหรอครับ แสดงว่าคุณผู้หญิงเป็นนางแบบสินะครับ" จิเฮนพยายามแถไปเรื่อยๆ ก่อนเขาจะถามอีกฝ่ายกลับไปอีกครั้งว่า "ว่าแต่คนไหนเหรอครับ ที่เป็นคนที่คุณสงสัย"

    "คนที่หนูสงสัยเหรอค่ะ"

    'แกนั่นแหละ ที่น่าสงสัยที่สุด'

    คาตายาม่าคิดในใจ ในขณะที่พยานสาวหันหน้ามาทางคาตายาม่า และเอ่ยถามเขากลับมาเบาๆ อีกครั้งว่า

    "คือคุณเจ้าหน้าที่ค่ะ วันนี้หนูมาชี้ตัวผู้ต้องหาในคดีวิ่งราวนะค่ะ"

    "ครับ พวกเราทราบดีครับ ขอโทษด้วยครับ พอดีรุ่นน้องผมพึ่งเข้างานใหม่ เขาเลยจำคดีสับสนน่ะครับ"

    "อ้อค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ ว่าแต่พูดตรงนี้ได้เหรอคะ"

    หญิงสาวพยักหน้าให้กับคำอธิบายของคาตายาม่า แม้เมื่อสักครู่เธอจะทำหน้าเอือมระอาออกมาเล็กน้อยก็ตาม แต่ดูท่าแล้วหญิงสาวคงเจอเรื่องต่างๆ ที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลเลยแบบนี้ใน Ariman มาไม่มากก็น้อย เธอเลยไม่ได้ติดใจจะเอ่ยถามอะไรเขาเพิ่มเติม ส่วนจิเฮนที่เมื่อสักครู่คาตายาม่าพึ่งเอาหน้าตัวเองปกป้องไปอยู่หมาดๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า

    "พูดได้ตามสบายเลยครับ กระจกวันเวย์นี่มันกันทั้งภาพ ทั้งเสียงน่ะครับ คนข้างในเขาไม่ได้ยินเราหรอกครับ ถ้าเราไม่กดปุ่มสีแดงอันนี้"

    จิเฮนพูดพลางเดินไปเคาะที่กระจกวันเวย์เบาๆ ก่อนเขาจะกดลงไปที่อินเตอร์คอม และพ่นมุกตลกแป้กๆ ของตัวเองออกมาสองสามมุก ผู้ต้องหาที่อยู่อีกฝั่งจึงหัวเราะแห้งๆ ออกมา ในขณะที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่อีกฝั่งทำหน้าเอือมระอากลับมา ก่อนเธอจะรีบเดินคุมผู้ต้องหาออกไป 

    "สงสัยมุกของผมจะตลกเกินไปหน่อย เจ้าหน้าที่ที่อยู่อีกฝั่งเลยถึงกับต้องรีบคุมตัวผู้ต้องหาออกไปเลยทีเดียว"

    ได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนเธอจะตอบกลับมาว่า

    "คือถ้าจะให้พูดตรงๆ หนูรู้สึกแปลกๆ กับผู้ต้องหาคนที่สามค่ะ แต่พอจ้องไปสักพัก หนูกลับรู้สึกว่าคนที่สองหน้าคุ้นกว่า หนูเลยตัดสินใจเลือกคนที่สอง"

    "อ่าาาาาาาา" จิเฮนลากเสียงยาว "อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นก็ปกติครับ พยานส่วนใหญ่เวลาต้องมาชี้ตัวผู้ต้องหาก็มักจะเกิดอาการไม่แน่ใจเล็กน้อยแบบนี้แหละครับ"

    "เหรอคะ"

    "ครับ" จิเฮนตอบรับ "ไม่นับคดีชู้สาวนะครับ ถ้าคดีแนวนั้น ให้ยืนชี้ตัวที่หน้าห้อง ยังชี้ตัวกันได้เลยครับ"

    ทันทีที่จิเฮนพูดจบทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีเจ้าหน้าที่พาพยานสาวออกจากห้องสืบสวนไป คาตายาม่าที่ยืนนิ่งๆ เป็นตอไม้มานานจึงเอื้อมมือไปสวมคอรุ่นน้องตัวเองทันที พลางพูดขึ้นว่า

    "พอเป็นพยานผู้หญิงนี่สมูทเหลือเกินนะพ่อหนุ่ม"

    "อาจารย์ผมดีน่ะทำไงได้"

    "แหม พูดอะไรเนี่ย ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก"

    คาตายาม่าตอบกลับพลางดัดเสียงให้ฟังดูเขินอาย ก่อนมะเหงกหนึ่งตุบจะพุ่งปะทะหนังศีรษะของจิเฮนด้วยความรุนแรง ราวกับอุกกาบาตที่พุ่งชนผิวโลก และเป่าเหล่าไดโนเสาร์ให้หายไปจากโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน

    "ไม่ต้องมาทำเป็นชม"

    "โอ้ยยยย อะไรของรุ่นพี่เนี่ย คนเขาอุตส่าห์มาช่วยก็ไม่ชอบอีก"

    จิเฮนร้องโอดโอยออกมา พลางกุมไปที่ศีรษะบริเวณที่ถูกอุกกาบาตพุ่งใส่ ในขณะที่คาตายาถามอีกฝ่ายกลับไปว่า 

    "ตกลงคนที่สามถูกไหม?"

    "อื้อ คนที่สามแหละรุ่นพี่ เมื่อกี้ตอนผมเล่นมุกแซวคนที่สอง พี่แกเล่นหัวเราะออกมาซะขนาดนั้น คงคิดว่าตัวเองรอดแล้วล่ะมั้ง"

    "เหรอ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้แกบอกว่า คนที่สอง 80% คนที่สามแค่ 20% หรือไง"

    "ก็ใช่ แต่ผมไม่ได้บอกสักหน่อย ว่าผมเลือก 80% หรือ 20% จริงไหม?"

    ได้ยินดังนั้นคาตายาม่าก็ถอนหายใจออกมา พลางหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมากดเล่น ในขณะที่จิเฮนเอื้อมมือไปหยิบโกโก้กระป๋องของตัวเองคืนมา และพูดขึ้นมาว่า

    "แต่ระดับรุ่นพี่ต้องรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเป็นคนที่สาม ทำไมถึงไม่จัดการไปเลยล่ะ จะรอให้ถึงขั้นชี้ตัวทำไม"

    "ฉันเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนที่ทำตามขั้นตอนเสมอจิเฮน ใครจะอยากโดนส่งไปห้องเอกสารเหมือนแกล่ะ จริงไหม? "

    "โห่ ถ้าคนอย่างรุ่นพี่คือคนที่ชอบทำตามขั้นตอน โลกนี้ก็ไม่ต้องมีกฎหมายแล้ว" จิเฮนตอบกลับมาเซ็งๆ

    "เอาเถอะ ฉันก็มีเหตุผลของฉันแล้วกัน" 

    "อ่าาาา" จิเฮนร้องออกมา "รุ่นพี่หมายถึงพยานคนเมื่อกี้ใช่ปะ? โอเคๆ ผมเป็นรุ่นน้องที่ดีอยู่แล้ว รุ่นพี่ไปเลย เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าห้องให้เอง"

    "ปัญญาอ่อน" คาตายาม่าตอบอีกฝ่ายกลับไปทันที

    "ไม่ใช่เหรอ? "

    "ไม่ใช่โว้ย" คาตายาม่าตะโกนกลับไป ก่อนเขาจะเสริมขึ้นว่า "ไปๆ กลับไปห้องฝ่ายงานเอกสารสุดที่รักได้แล้วไป หัวหน้าเอ็กน็อคคิดถึงแกตายแล้ว เชื่อสิ"

    "ไม่เอาน่ารุ่นพี่อย่าไล่กันแบบนี่สิ รุ่นพี่ไม่มี...."

    ในขณะที่คาตายาม่ากำลังนั่งจดรายละเอียดที่เกี่ยวกับคดีลงบนกระดาษตรงหน้า จู่ๆ เสียงของจิเฮนก็เงียบหายไปในฉับพลัน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงครืดคราดของบานประตูเหล็กถูกเปิดออกอีกครั้ง

    หลังจากนั้นสักพักใบหน้าขาวผ่องของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นหลังประตู หญิงสาวในชุดสูทที่คล้ายคลึงกับเครื่องแต่งกายของคาตายาม่ากวาดสายตาเลี้ยวซ้ายแลขวาไปทั่วห้อง ก่อนสายตาของเธอจะมาหยุดอยู่ที่คาตายาม่าซึ่งกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่กลางห้อง และเอียงคอให้เขาเล็กน้อย คาตายาม่าจึงเปรยหางตาตัวเองไปที่ด้านหลังบานประตู

    วินาทีต่อมาบานประตูเหล็กที่ยังเปิดออกไม่สุดก็อ้ากว้างขึ้นทีละน้อย เสียงครวญครางที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของจิเฮนจึงค่อยๆ ดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะยอมออกมาจากที่ซ่อนในที่สุด

    "อ้าว ตายแล้ว จิเฮนเองเหรอ ขอโทษๆ เมื่อกี้เราไปยืนอยู่หลังประตูหรอกเหรอ พี่ไม่เห็นจริงๆ" หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ

    "ไม่ต้องมาขอโทษเลยครับ รุ่นพี่ยูกิโกะ เมื่อกี้ผมเกือบจะกลายเป็นจิเฮนแซนวิสแล้วนะครับ" จิเฮนบ่นอุบ

    "แหม ให้อภัยพี่เถอะ พี่ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย แถมพี่อุตส่าห์เอาของฝากมาให้เราโดยเฉพาะเลยนะ"

    ได้ยินแบบนั้นจิเฮนก็หูตาวาวขึ้นมาในทันที ก่อนเขาจะเอ่ยถามอีกฝ่ายกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หรือในกรณีนี้เรียกว่าจากหลังมือเป็นหน้ามือน่าจะเหมาะกว่า 

    "พูดจริงเหรอครับ รุ่นพี่ยูกิโกะสุดสวย"

    “พูดจริงสิจ๊ะ พี่เคยโกหกเราด้วยเหรอ? "

    "ไม่เคยครับ"

    จิเฮนตอบอีกฝ่ายกลับไป ก่อนเขาจะวางโกโก้กระป๋องลงบนโต๊ะด้านหน้าคาตายาม่าอีกครั้ง ตามด้วยการหันไปแบมือทั้งสองข้างไปทางยูกิโกะ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนท่าไปเป็นท่ายืนข้างเตรียมรับใบปริญญาแทน จนกระทั่งยูกิโกะพูดออกมาว่า

    "คุณพ่อเรียกหาเธอแหนะ จิเฮน”

    ทันทีที่ยูกิโกะพูดจบ รอยยิ้มก็เลือนหายไปจากใบหน้าของจิเฮนทันที พร้อมๆ กันกับเสียงหัวเราะของคาตายาม่าที่ดังขึ้นเรื่อยๆ แถมนอกจากจะหัวเราะเยาะแล้ว คาตายาม่ายังลุกขึ้นมาตบไหล่จิเฮนรัวๆ และพูดออกมาว่า 

    "ยินดียิ่งแล้ว"

    "รุ่นพี่ยูกิโกะครับ อันนี้คือของฝากที่ว่าเหรอครับ"

    "จ๊ะ"

    จิเฮนที่ได้ยินแบบนั้นก็ทรุดลงกับพื้น ก่อนจะค่อยๆ หันมาหาคาตายาม่าพร้อมหน้าตาน่าสงสาร

    "ร...รุ่น...."

    "ยินดียิ่งแล้ว"

    คาตายาม่าตอบตัดบทด้วยคำพูดเดิมอีกครั้ง พร้อมลุกขึ้นมายืนตบมือให้อีกฝ่ายสักพัก ก่อนจะลากตัวชายผมหยักศกไปโยนทิ้งไว้ที่หน้าห้อง

    หลังจากนั้นคาตายาม่าก็ยืนโบกมือให้กับรุ่นน้องตัวเอง ที่กำลังเดินคอตกไปทางห้องผู้กำกับสักพัก ก่อนเขาจะเดินกลับเข้ามาในห้องชี้ตัวพยานที่มียูกิโกะนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ด้านใน และเอ่ยถามอีกฝ่ายไปว่า

    "ยูกิ พอจะรู้ไหมว่าคุณพ่อเรียกจิเฮนไปทำอะไร"

    "ไม่รู้สิ เขาคงมีคดีให้จิเฮนไปจัดการล่ะมั้ง" ยูกิโกะตอบกลับมา โดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือในมือแต่อย่างใด

    "เป็นงั้นได้ก็ดี"

    คาตายาม่าตอบกลับ ก่อนเขาจะพิงเข้ากับบานประตูเหล็ก และหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือ จนกระทั่งอีกฝ่ายถามกลับมาว่า

    "แล้วไง วันนี้นายได้เห็นอะไรที่อยากเห็นไหมล่ะ?" ยูกิโกะเอ่ยถาม

    "แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ?"

    "คิดว่านิสัยเสียของนายกลับมาอีกแล้วสินะ แค่นั้นแหละ"

    ได้ยินแบบนั้น คาตายาม่าก็ยิ้มออกมา ก่อนจะตอบกลับไปว่า

    "คนเราก็ต้องมีนิสัยเสียติดตัวกันอย่างสองอย่างใช่ไหมล่ะ"

    "ก็คงจะเป็นแบบนั้น"

    ยูกิโกะตอบรับ ก่อนทั้งคู่จะเงียบไปสักพัก จนกระทั่งหญิงสาวเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาอีกครั้งว่า 

    "คาตายาม่า เดือนหน้านายก็จะไปทำคดีที่คุริยาม่าแล้วสินะ"

    "แหม ข่าวไวเหมือนเคยเลยนะ ฉันนึกว่าคนที่รู้เรื่องมีแค่ฉันกับคุณพ่อซะอีก" 

    แม้คาตายาม่าจะพูดออกไปแบบนั้น อีกฝ่ายกลับตอบเขากลับมาเพียงว่า

    "ถ้าไม่นับหัวหน้าเอ็กน็อคกับรุ่นน้องสุดที่รักของนาย คนเขาก็รู้กันทั้งสำนักงานนั่นแหละ" 

    "อ้าวเหรอ งั้นฉันก็กลายเป็น Talk of the town ไปซะแล้วสิเนี่ย รู้แบบนี้ไปขัดหน้าเตรียมไว้ซะหน่อยดีกว่า"

    คาตายาม่าตอบกวนๆ กลับไป แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์เล่นกับเขามากเท่าไหร่ เธอเพียงลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินไปทางประตูห้อง และหันกลับมาพูดเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบว่า

    "โชคดีนะคาตายาม่า"

    "เธอก็เหมือนกัน"

    คาตายาม่าตอบกลับไปเบาๆ ในขณะที่เสียงครืดคราดแสบแก้วหูของประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนความเงียบสงบจะกลายเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของคาตายาม่าอีกครั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×