รัก Return - รัก Return นิยาย รัก Return : Dek-D.com - Writer

    รัก Return

    ความรักของสองหนุ่มสาวที่ไม่น่าจะเป็นไปได้แต่มันก็ได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านอุปสรรคมานานแสนนาน

    ผู้เข้าชมรวม

    399

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    399

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 พ.ค. 48 / 16:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ตะวันลับขอบฟ้า  เมฆเริ่มบดบังท้องฟ้าทำให้เห็นสีแสดส้มปนแดงระเรื่ออย่างชัดเจน   ลมโชยพัดมาเอื่อยๆไปพร้อมกับต้นไม้ที่ไหวเอนไปช่างดูร่มรื่นยิ่งนัก  ขณะที่หมู่วิหคทยอยที่จะบินกลับรัง  มีน้ำทิพย์หญิงสาวนักเขียนหน้าใหม่ จบปริญญาตรี คณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาวิชาเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก ณ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เธอได้เข้ามาทำงานเป็นเวลาสองปีแล้ว น้ำทิพย์สาวเป็นลูกครึ่งแขกไทย ผิวเนียนเข้ม ตาหวานคม หุ่นสูงร่างอรชร  พ่อกับแม่เธอเสียตั้งแต่เธออยู่ ม.6  เธอนั่งมองดูวัฏจักรชีวิตความเป็นมาทางนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย  และเธอก็ยังเป็นอย่างนี้ออกบ่อยครั้ง ไม่ใช่เพราะเธอเบื่องานที่จะทำแต่เป็นเพราะอดีตที่เคยฝังใจกับน้ำทิพย์มาตลอดระยะเวลา  8 ปี  เธอเคยรู้จักหนุ่มหล่อ สูงขาว คิ้วเข้มปากและจมูกเข้ารูป ที่สำคัญเขาคนนั้นมี “ลักยิ้ม” ดูแล้วช่างมีเสน่ห์กับเธอยิ่งนัก เขาได้เข้ามาเป็นครูฝึกสอนวิชาศิลปะตั้งแต่น้ำทิพย์อยู่ ม. 5  เขาแก่กว่าเธอประมาณ 5- 6 ปี  นักเรียนทั้งหลายต่างก็รู้จักในนาม  “อาจารย์รัฐพล”  เพียงวันแรกที่น้ำทิพย์ได้รู้จักเขามันทำให้เธอหลงใหลในความหล่อเหลา ความเป็นกันเอง มีอารมณ์ขัน  หลายครั้งที่น้ำทิพย์ได้อยู่ใกล้ชิดเขาเธอจะรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก  คงเป็นพรสวรรค์ของน้ำทิพย์ด้วยกระมังที่เก่งทางด้านนี้ ทำให้อาจารย์รัฐพลกับน้ำทิพย์สนิทกันมากเป็นพิเศษ แต่เขาดูเหมือนไม่เคยรู้เลยว่าทิพย์หลงรักเขาแบบคนรักไม่ใช่พี่น้องอย่างที่รัฐพลกระทำกับน้ำทิพย์ในอดีตที่ผ่านมาและที่ใครเข้าใจ....

          
      เฮ้อ!

              
      น้ำทิพย์ถอนหายออกมาอย่างหนักอึ้ง กับภาพวันวานที่ไม่ อาจลืมได้แต่เธอก็พยายามที่จะไม่คิดถึงมัน  น้ำทิพย์หลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ สักพักก็มีมือผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านหลังหล่อนเอื้อมมาบีบบ่าของเธอเบาๆ ....สัมผัสนั้นทำให้น้ำทิพย์สะดุ้งขึ้นตื่นจากภวังค์ก่อนที่จะหันหน้าไปดู


      “อ้าว...มนต์นั่นเองมาไม่ให้สุ่มให้เสียงทิพย์ตกใจหมด”


      น้ำทิพย์ขมวดคิ้วด้วยความฉุนไม่พอใจ เธอต่อว่า ศศิวิมล เพื่อนสาวที่คบกันมาสมัยมัธยมแล้วจบมาทำงานด้วยกันอย่างตำหนิ  ศศิวิมล หรือมนต์ หล่อนมีผิวพรรณขาวใสอมชมพู หน้าตาออกหมวยนิดๆฐานะทางบ้านหล่อนค่อนข้างดีผิดกับน้ำทิพย์ที่ต้องคอยช่วยเหลือตัวเอง  ต้องรับผิดชอบการจ่ายค่าเช้าบ้าน เธอขึ้นรถเมล์กลับบ้านทุกครั้งขณะที่มนต์ขับรถโก้หรู แอร์เย็นฉ่ำสบายกลับบ้านตลอด  หล่อนเป็นคนขยัน จริงใจและเปิดเผย  ดังนั้นรอบตัวของศศิวิมลจึงมีคนรักชื่นชมเธอเสมอ

      “เออ...ชั้นขอโทษ” หล่อนกล่าวสีหน้าบึ้งตึงไม่ค่อยพอใจเพื่อนสาวนัก

      “เมื่อไหร่เธอจะลืม...จะกลับมาเป็นน้ำทิพย์คนที่ฉันรู้จัก คนที่สดใสเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิมล่ะทิพย์” หล่อนจ้องหน้าทิพย์อย่างไม่เข้าใจ

      น้ำทิพย์ยิ้มด้วยสีหน้าเรียบก่อนที่ส่ายหน้าให้เพื่อนสาว

      “ชั้นตอบไม่ได้...”

      “ให้ตายเถอะ...ถ้ามนต์ไปหลงรักใครแบบทิพย์มนต์จะแย่กว่าทิพย์มั้ยเนี่ย ป่านนี้อาจารย์เค้าคงมีลูกมีเต้าไปแล้วล่ะทิพย์อย่าไปคิดถึงมันเลย...” ศศิวิมลพูดพร้อมตบบ่าเพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ

      “มันยากมนต์....ถ้าถึงวันนั้นมนต์คงเข้าใจทิพย์นะ” น้ำทิพย์บอกด้วยสีหน้าหนักใจ

      “เออ....ตามใจแต่ตอนนี้กลับบ้านกันดีกว่าเดี๋ยวชั้นไปส่งมันจะมืดแล้วด้วย” หล่อนบอกเธอด้วยความห่วงใย

                     น้ำทิพย์พยักหน้ารับ หล่อนเดินตามเพื่อนสาวไปที่รถ  ด้วยสภาพจิตใจที่หนักอึ้งและเป็นทุกข์อยู่มาก ศศิวิมลก็แอบมองเธอทุกครั้งแต่ก็ยากที่จะหาคำตอบจากเพื่อนสาว ว่าทำไม?  หน้าของน้ำทิพย์เหมือนกับแบกโลกไว้ทั้งใบ  ทั้งที่เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้วแต่เธอก็ยังไม่ตัดใจลืมมันสักที  น้ำทิพย์เอาแต่นั่งเงียบตลอดทาง  ศศิวิมลเองก็ได้เหลือบมองเพื่อนสาวอย่างเอือมระอา


      “นี่...ชั้นจะช่วยเธอยังไงดีทิพย์...เธอไม่มีวันลืมเรื่องพวกนี้ได้เลยหรือไง”

      น้ำทิพย์เลิกคิ้วอย่างสงสัย

      “แล้วมันทำไม”

      “เปล่า...แต่ชั้นเห็นเธอฉันก็พลอยกลุ้มไปด้วย”

      หล่อนพูดกับน้ำทิพย์ด้วยสีหน้าเซ็งสุดๆ

      “เฮอะๆ ตลกดีเนอะ” น้ำทิพย์หัวเราะออกมาทั้งที่ใจไม่ขำเลยซักนิด

      “ตลกบ้าตลกบออะไร....ตลกชีวิตสิไม่ว่านี่ขนาดขำนะ อย่างกับคนถูกบังคับแน่ะ” หล่อนเถียงฉุนกึก


      น้ำทิพย์ถึงกับเงียบไป ส่วนศศิวิมลนั้นได้แต่ชำเลืองมองเพื่อนสาวอย่างห่วงใย  เธอเหม่อลอยจนไม่รู้เลยว่า ศศิวิมลเองส่งเธอถึงบ้านเมื่อไหร่  น้ำทิพย์ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า เธอเอามือก่ายหน้าผากด้วยความกลัดกลุ้มใจ นึกถึงภาพวันเก่าๆ ที่เธอมีความสัมพันธ์อันบริสุทธ์สดใสให้กับรัฐพล  พวกเขาทั้งสองหยอกล้อเล่นกันตามประสา ศิษย์ – อาจารย์  ถึงแม้เขาและเธอจะมีความรู้ สึกที่ต่างกันและน้ำทิพย์เองก็รู้ว่าเป็นเรื่องอยากที่จะทำให้เขารักตนเองแบบคนรัก น้ำทิพย์เคยป้อนขนมหวาน อาหาร  หรือแม้กระทั่งหยอกล้อขี่หลังเล่นด้วยกัน  การวาดรูปด้วยกัน ถึงแม้น้ำทิพย์จะวาดรูปไม่ค่อยสมดุลนัก รัฐพลถึงกับเข้ามาจับมือวาด  เธอต้องเก็บอาการไว้สุดขีดแต่เหตุการณ์ที่เขาและเธอเคยอยู่ร่วมกันถึงสองปีทำให้น้ำทิพย์รู้สึกผูกพันและอุ่นใจอยู่ลึกๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่น้ำทิพย์ไม่อาจลืมมัน


      “เฮ้ย!!...เอามานะ”

      น้ำทิพย์กระโดดจะแย่งรูปถ่ายที่ตนเคยถ่ายกับรัฐพลจากศศิวิมลในสมัยเรียนแต่ดูเหมือนกับศศิวิมลเร็วกว่า หล่อนรีบเล่นลีลาไปมาทำให้น้ำทิพย์แย่งคืนไม่ได้ ศศิวิมลหัวเราะอย่างแจ่มใส  ขณะที่น้ำทิพย์มีสีหน้าไม่พอใจนิดๆ  แล้วศศิวิมลก็วิ่งหนีไปเหมือนกับจะเอารูปไปให้เพื่อนดู น้ำทิพย์รีบวิ่งตามเพื่อน อย่างไม่ยอม ศศิวิมลวิ่งไปเรื่อยๆแทบจะรอบโรงเรียนแต่แล้วก็ต้องรีบหยุดชะงักเมื่อให้รัฐพลนั่งกับหญิงสาวแปลกหน้า ทั้งสองดูกระหนุงกระหนิง นั่งอยู่บริเวณอัศจรรย์


      “นี่!!...ได้แล้ว... เล่นบ้าอะไร เหนื่อยจะตาย”  

      น้ำทิพย์วิ่งตามมารีบดึงรูปไปเธอพูดหอบๆ  โดยไม่ทันสังเกตสีหน้าเพื่อนสาว

      “มีอะไรหรือมนต์ตาค้างเชียว”

      เธอถามพร้อมกับเหลียวตาไปมองตามเพื่อน  แต่สิ่งที่เธอเห็นหลังจากศศิวิมลนั้น อาการเธอหนักยิ่งกว่า  น้ำทิพย์ถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นเขากับหญิงแปลกหน้าคนนั้นหอมแก้มกันอย่างไม่อายฟ้าดิน เธอช็อคไปชั่วขณะด้วยความมึนงง  ตาของเธอเริ่มแดง  ศศิวิมลเองสะดุ้งรีบตื่นจากภวังค์ก่อนที่จะหันหน้ามาหาเพื่อนสาว

      “ทิพย์...”

      หล่อนจับไหล่บีบเบาๆ แต่น้ำทิพย์เองถึงกับผวาโผเข้ากอดเพื่อน ร้องไห้โฮเสียงดังออกมาอย่างไม่อายใคร  ศศิวิมลเองถึงกับสะดุ้งกับความเสียใจของเพื่อนก่อนที่จะลูบหลังด้วยความปลอบโยน แววตาของศศิวิมลเองก็ยังมีอะไรที่สงสัยและอึ้งกับสิ่งที่เห็น


      โอ๋...โอ๋ ไม่ร้องนะทิพย์เขาอาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้”


      ศศิวิมลพูดให้กำลังใจ  ด้วยความที่ยากจะหาคำปลอบใดให้กับเพื่อนสาวให้สบายใจได้   ทั้งที่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  

      ทิพย์มองหน้าเพื่อนด้วยความเสียใจ ก่อนที่จะโวยออกมา

      พี่น้องหรือมนต์ พี่น้องเขารักกันมากจนถึงกอดจูบเลยหรือไง หน้าตาผิวพรรณก็ไม่เหมือนเลยสักนิด!!


      น้ำทิพย์หลับตาลงน้ำตาไหลอาบแก้ม กับเรื่องวันวานที่เธอเข้าใจและเป็นความจริงเพราะหลังจากนั้น  เขาทั้งสองก็มีข่าวว่าจะแต่งงานกันเหมือนที่น้ำทิพย์คิดไว้  ทำเอาน้ำทิพย์ถึงกับต้องเดินหนีเขาทุกครั้งที่พบหน้า  ขณะที่รัฐพลเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม?  เหตุการณ์จากวันนั้นเป็นบทเรียนที่มีค่ามากที่สุดสำหรับน้ำทิพย์ที่เผลอเอาใจไปรักใครหมดหัวใจ  เธอตัดพ้อต่อว่ารัฐพลไปมาก  ว่าเขาไม่เคยเข้าใจตน   ก่อนที่จะหลับลงด้วยความเหนื่อยอ่อน....



                          เช้าวันรุ่งขึ้น  หมู่วิหคส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว พร้อมกับเสียงไก่ขัน  ตะวันเริ่มโผล่เบียดแทรกกับเมฆที่บดบังกับความมืด บ่งบอกถึงเวลาเช้าวันใหม่ ลำแสงนั้นส่องตรงมายังห้องนอนของน้ำทิพย์ เธอขยี้ตาเบาๆ แล้วลืมตาขึ้น ก่อนที่เธอจะหรี่นัยน์ตาลงให้ปรับสภาพให้รับแสง  เธอสะดุ้งตกใจเมื่อเธอเหลือบดูนาฬิกาซึ่งมันสายมาก  


      “เฮ้ย!!เจ็ดโมงครึ่ง....ตายแล้วเมื่อวานเผลอหลับไป”


      น้ำทิพย์รีบลุกขึ้นจากที่นอนด้วยอาการปวดหัวจี๊ด  ตาบวมๆเพราะร้องไห้มามาก  เธอทิ้งที่นอนไว้อย่างนั้น  น้ำทิพย์กระโจนลงจากที่นอนและไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมจะไปทำงาน.....


      เธอกุลีกุจออยู่ยกใหญ่ ขณะที่เธอปะแป้งเด็กไว้นิดๆ ทาลิปมันที่สุดแสนธรรมดา  น้ำทิพย์เกล้าผมสูงรวบด้วยหนังยางเส้นสีดำ ก่อนที่ผูกโบว์เพื่อความเรียบร้อยและหยิบกระเป๋าเคียงบ่าเตรียมพร้อมจะออกไปทำงาน    แต่ทันทีที่เธอกำลังจะออกไปโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น  น้ำทิพย์เหลียวตาไปมองด้วยความหงุดหงิดใจ  เธอกระทืบเท้าปึงปังเดินไปรับสาย

      “ฮัลโหล” เธอพูดห้วนเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ

      “ทิพย์...มนต์เองอึไม่ออกหรือไงพูดซะ” เพื่อนสาวโทรมาแซวเล่นด้วยความขัน

      “ไม่ตลกนะมนต์มีอะไรก็พูดมา  นี่หัวหน้าคงว่าฉันแล้วล่ะสิ”

      ศศิวิมลรีบปฏิเสธ “เฮ้ย!...วันนี้หัวหน้าไม่มาพนักงานในบริษัทก็เลยโดดซะงั้นน่ะ”

      “จริง?”

      “จริงสิ...นี่ชั้นกะว่าจะชวนเธอไปเที่ยวห้างโลตัสซะหน่อยวันนี้เขามีของล้างสต๊อกนะ”

      “หรอ”

      “อืมม์...เดี๋ยวชั้นเข้าไปรับนะ แล้วเปลี่ยสไตล์ของตัวเองใหม่ได้แล้วอย่าจมปักอยู่กับอดีตนานนะเพื่อน”

      “อื้อ...”


      หลังจากที่น้ำทิพย์วางโทรศัพท์จากเพื่อนสาวไปไม่นาน  เธอแกะโบว์ผูกผมก่อนที่จะสะบัดผมสลวยกลางหลัง  น้ำทิพย์ถอดชุดทำงานออกก่อนที่จะคว้าเสื้อแขนกุดสีฟ้าสดใสที่เธอซื้อมาไว้เป็นเวลานาน  โดยที่ยังไม่เคยใส่เลยสักครั้ง  น้ำทิพย์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เธอถึงกล้าที่จะใส่มันทั้งๆที่เธอชอบใส่แต่ชุดรัดกุมตลอดเวลา   และเธอก็หยิบกางเกงยีนส์ขาสีส่วนมาใส่  น้ำทิพย์ดูเป็นสาวสดใสในพริบตาแต่ก็ยังมีความเศร้าหมองแฝงอยู่ในใจลึกๆ     ไม่นานศศิวิมลก็มาถึง

      ปี๊นๆ


      น้ำทิพย์ชะโงกหน้าออกมาดูนิดๆก่อนที่จะคว้ากระเป๋าสตางค์ออกไป  เธอก้าวขึ้นรถก่อนที่จะทักทายเพื่อนสาว


      “ไง....แต่งตัวน่ารักดีนี่สีชมพูสดสวยจริงเพื่อน”  


      แต่นั่นมันเป็นปกติของศศิวิมลอยู่แล้ว  หล่อนแต่งตัวเก่งและฐานะทางบ้านดีจึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกที่ศศิวิมลแต่งตัวสวยสดใสตลอดเวลา  และคนที่ควรจะอึ้งก็คือศศิวิมล  หล่อนมองเพื่อนสาวอย่างไม่กระพริบตา  จนน้ำทิพย์เองถึงกับเขิน


      “มนต์...มองอะไรนักหนา”


      ศศิวิมลสะดุ้งรีบทำสีหน้าให้เป็นปกติเช่นเดิม ก่อนที่จะยิ้มทักทายเพื่อนสาว ราวกับนางฟ้า


      “ทิพย์...เธอสวยจัง  เปลี่ยนไปมากเลยนะ แต่งตัวแบบนี้น่ารักกว่าตั้งเยอะ  ทำไมเธอไม่แต่งแบบนี้เวลาไปเที่ยวกับฉันตั้งแต่แรกล่ะ”

      น้ำทิพย์มองศศิวิมลค้อนหมั่นไส้นิดๆแต่แล้วก็หัวเราะออกมา

      “ทำมาชม...แต่ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะว่าทำไม ถึงนึกอยากจะแต่งก็แต่ง”

      ศศิวิมลที่กับเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ  

         ทั้งสองนั่งรถมาด้วยกันจนถึงห้างสรรพสินค้า  น้ำทิพย์และศศิวิมลต่างวิ่งไปวิ่งมาดูของตามร้านและหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางรอยยิ้มที่สดใสราวกับเป็นเด็กๆ  ในขณะที่ทั้งสองเลือกซื้อของตามร้านที่อยู่ใกล้ๆกัน ทิพย์เองก็กำลังเลือกเสื้อ เธอหันมาจะถามเพื่อนสาวว่าเข้าท่าดีมั้ย   แต่น้ำทิพย์ไม่ทันระวังตัวทำให้ชนกับผู้ชายคนหนึ่งเข้า


      “อุ๊ย...ขอโทษค่ะ” ของแต่ละฝ่ายตดลงน้ำทิพย์ตกใจรีบเก็บของที่ตกให้ผู้ชายแปลกหน้านั้น

      “ไม่เป็นไรครับ” ชายคนนั้นนั่งก้มลงเก็บอีกแรง


      น้ำทิพย์ชะงัก  รู้สึกว่าเสียงของชายผู้นั้นคุ้นหูตนเองเหลือเกิน  เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมกับชายคนนั้น แต่น้ำทิพย์ก็ต้องอึ้งพร้อมกับครางออกมาอย่างนึกไม่ถึง  ขณะที่ชายคนนั้นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน


      “อาจารย์...”

      “ไงไม่ได้เจอกันนาน...โตไวจัง” รัฐพลยิ้มแย้มพร้อมกับลูบหัวอย่างเอ็นดู

      น้ำทิพย์ชะงักรีบถอยตัวห่างรัฐพลออกไป  ทำให้ฝ่ายชายถึงกับหน้าเสียไป

      “เอ่อ...ครูขอโทษลืมไปว่าเราเป็นสาวแล้ว...ไม่เหมือนเด็กกะโปโลเมื่อก่อนที่ครูเคยรู้จัก”

      น้ำทิพย์เงยหน้ามองเขาอย่าง จริงจัง

      “ทิพย์คงเหมือนเดิมถ้าครูยังไม่มีครอบครัว...เอ้อ...พูดไปตอนนี้มันคงไม่มีประโยชน์อะไรขอตัวนะคะ”

      น้ำทิพย์พูดพร้อมกับทำท่าจะเดินไป  รัฐพลรีบเข้ามาขวาง

      “เดี๋ยวสิ...ครูว่าเราเข้าใจอะไรผิดแล้วแน่ๆ...ใช่ครูเคยแต่งงานแต่ครูไม่ได้มีลูกนี่  แล้วครูก็โสดเหมือนเดิมแล้วด้วย”

      น้ำทิพย์ถึงกับอึ้งไปในใจของเธอแอบดีใจอยู่ลึกๆแต่ก็วางมาดฟอร์ม

      “หมายความว่าไงคะ”

      “ก็...ครูกับแฟนครูหย่ากันตั้งนานแล้ว...แต่ถ้าจะถามว่าเพราะอะไรครูขอไม่ตอบนะครูไม่อยากรื้อฟื้นถึงมัน”

      “หมดธุระแล้วใช่มั้ยคะ”

      เธอแกล้งที่จะเดินหนีเขาเพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าเธอที่แดงระเรื่อออกมา

      “เดี๋ยวสิ!....ทิพย์ลืมแล้วหรอว่าพรุ่งนี้เป็นวันอะไร”

      น้ำทิพย์หันหน้ามาเผชิญกับเขาทำท่าคิดก่อนที่ทำตาโตด้วยความตกใจ

      “พรุ่งนี้...พรุ่งนี้วันเกิดอาจารย์นี่คะ”

      รัฐพลยิ้มเกาหัวเขินๆที่น้ำทิพย์ยังจำได้อยู่

      “อืมม์ครูกะว่าจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ...โชคดีจังที่มาเจอเราก่อนครูย้ายมาเช่าบ้านที่เดิมแล้วนะ...มาได้มั้ย”

      เขาจ้องหน้าเธอยิ้มๆ หญิงสาวถึงกับหลบหน้าเขาเป็นพัลวัน  แก้มแดงอย่างกับลูกตำลึงสุก เธอรีบหันหลังให้เขาควบคุมอารมณ์ไว้อย่างมาก

      “ม่ะ...ไม่ทราบค่ะ” เธอพูดออกไปในใจก็รู้สึกพองโต ดีใจปะปนกัน

      เขารีบเดินเข้ามามองหน้าหญิงสาว  “ไปเถอะนะทิพย์ครูอยากให้ไปจริงๆ”

      “ไม่ทราบค่ะ...เอ่อขอตัวนะคะ”

      ทิพย์พูดพร้อมกับรีบวิ่งออกไปด้วยความเขินสุดๆ ส่วนรัฐพลเองก็ได้แต่ยืนยิ้มอารมณ์ดีตามหลังของน้ำทิพย์  



                    หลังจากน้ำทิพย์แยกตัวออกไปจากรัฐพล เธอก็เอาเรื่องนี้ไปคุยกับศศิวิมลในขณะที่นั่งทานข้าวอยู่   ศศิวิมลถึงกับอึ้งไป

      “ว่าไงนะเธอเจออาจารย์หรอ”

      น้ำทิพย์พยักหน้าแทนคำตอบ

      “นี่อย่าเพิ่งไปเชื่อเขานะ...ไม่แน่อาจจะเสียใจซ้ำสองคราวนี้อาจจะยากที่จะดามอกนะ”

      “แต่เค้าบอกว่าเค้าหย่ากับแฟนมานานแล้วนะ”

      “อืมม์แล้วจะไปจริงๆหรือไง”

      “ไม่รู้อ่ะ...ชั้นก็อยากไปอ่ะนะมนต์ไปเป็นเพื่อนชั้นเหอะ”

      ศศิวิมลรีรบโบกไม้โบกมือปฎิเสธเพื่อนยกใหญ่

      “โห่นะ...ถ้าเธอไม่ไปชั้นจะไปฟ้องหัวหน้าว่าวันนี้เธอพาชั้นโดด” น้ำทิพย์จองสีหน้าจริงจัง

      ศศิวิมลเองกำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลักออกมา

      แค่กๆๆ

      “มัดมือชกกันนี่...”

      น้ำทิพย์ยักคิ้วอย่างผู้มีชัย  ทำให้ศศิวิมลเองถึงกับยอมจำนนไปโดยดี



      รุ่งเช้า น้ำทิพย์ลุกขึ้นจากเตียงอย่างสดชื่นก่อนที่จะ มุ่งไปทำภารกิจส่วนตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอแต่งตัวน่ารักสมวัย และหยิบฟิวเจอร์บอร์ดมาตัดเป็นรูปหัวใจ น้ำทิพย์ตั้งใจจะทำกรอบรูปเป็นของขวัญนั่นเอง เธอตัดรูปได้สวยงามก่อนที่จะตกแต่งเล็กๆน้อยๆ  แล้วนำรูปของตนเองหย่อนลงไปในกรอบรูป   น้ำทิพย์เอาของใส่ในกล่องใบเล็กๆใบหนึ่ง  ห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญก่อนที่จะเอาริบบิ้นแปะลง   น้ำทิพย์มองของขวัญที่ตนทำขึ้นอย่างพอใจ  สักพักรถเพื่อนสาวมาจอดที่หน้าบ้าน


      “ทิพย์เสร็จหรือยังเดี๋ยวไม่ทันน้า!” หล่อนตะโกน

      “เสร็จแล้วๆ” น้ำทิพย์ตอบพร้อมกับหอบของขวัญออกมาจากบ้าน

      “โห...เดี๋ยวนี้แต่งตัวเก่งขึ้นเยอะเลยนะทิพย์” เพื่อนสาวกระเซ้าทำเอาทิพย์ถึงกับหน้าแดง

      “เก่งอะไร...ไปเดี๋ยวไม่ทัน”

      “แหม...รู้น่า”


      ศศิวิมลพูดอย่างอารมณ์ขันก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถออกตัวไปบ้านเช่าของรัฐพลระหว่างทางน้ำทิพย์กับศศิวิมลก็คุยกัน


      “นี่แล้วเธอซื้อของอะไรให้อาจารย์หล่ะมนต์...”

      “ไม่บอก...จะบอกทำไม...แล้วเธอล่ะ”

      “ทำเอง”

      “แหม...หัวศิลป์ยังไงก็อย่างงั้นเลยนะ”


      น้ำทิพย์ถึงกับค้อนเพื่อนสาวไปนิด  ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่


      ทางด้านรัฐพล เขากำลังจัดเตรียมโต๊ะกันอยู่กับน้องชายสองคนอย่างขะมักเขม้น  รัฐพลเริ่มร้นเขาปาดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่อยู่ตามใบหน้าของเขา  ก่อนที่จะนั่งพักลงบนพื้นหญ้า

      “เธอจะมาแน่หรอพี่” น้องชายถาม

      “เฮ้ย!!...ต้องมาสิยังไงพี่ก็มั่นใจว่าทิพย์ต้องมา”

      น้องชายถึงกับพยักหน้าเออออตามพี่ชายยิ้มๆ

      “คิดอะไรอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

      “คิดอะไร...ใครคิดบ้าหรือเปล่า” รัฐพลรีบปฏิเสธ

      “แหม...แล้วเธอจะมาคนเดียวหรือพี่...มันจะดีหร้อ”

      รัฐพลทำท่าคิด “ไม่มั้ง...สมัยเรียนน่ะน้ำทิพย์สนิทกับศศิวิมลเป็นเพื่อนซี้กัน...คิดว่าคงมาด้วยกันแหล่ะ”

      “อืมม์...หรอท่าทางพี่จะรู้รายละเอียดเธอเยอะจังนะพี่”

      “ทำไม...ก็เป็นครูก็ต้องรู้ประวัตินักเรียนบ้างสิ” รัฐพลเริ่มฉุนทำเอาผู้เป็นน้องหัวเราะก๊ากออกมา

      ทันใดนั้นรัฐพลก็ได้ยินเสียงรถขึ้น  

      ปี๊นๆ

      “สงสัยจะมาแล้ว...ไปเปิดประตูตอนรับเขาสิไปพี่จะเตรียมย่างบาร์บิคิว”

      “อ้าว...เอางี้เลย” น้องชายมองรัฐพลเชิงไม่พอใจนิดๆ ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู

      “เชิญเลยครับ...”


      เขาเอ่ยยิ้มๆเมื่อเห็นน้ำทิพย์ น้ำทิพย์ยิ้มกลับแล้วเดินเข้าไป แต่น้องชายรัฐพลก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นศศิวิมล เปิดประตูลงจากรถคนขับ เธอช่างน่ารักเหลือเกิน  ผิวขาวใสเนียนอมชมพูตาโต ร่างเพรียว ผมยาวสีดำแกมน้ำตาลปล่อยยาวสลวยบนแผ่นหลังหล่อนเงยหน้าขึ้นมามองเขาก็ ตะลึงในความหล่อเข้มของเขาไม่แพ้กัน

      “ชะ...เชิญ...เชิญเลยครับคุณ...”

      “ศศิวิมลค่ะเรียกมนต์ก็ได้”

      หล่อนตอบพร้อมกับก้มหน้างุดด้วยความเขิน  จังหวะใจหล่อนเต้นไม่เป็นปกติเช่นเคย  หล่อนรู้สึกแปลกใจกับการพบชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้

      “ผม...รัฐภัทรครับเป็นน้องชายของพี่รัฐพลเขา พี่เขาอยู่ข้างในครับ”

      “ค่ะ...”

      หล่อนตอบสั้นๆพร้อมกับยิ้มให้เขาก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน  รัฐภัทรเองก็รู้สึกเขินๆเขาเองก็ประทับใจหญิงสาวอย่างบอกไปถูก
      เขาเดินตามหลังหล่อนจนไปถึงตัวบ้าน  ซึ่งมีน้ำทิพย์กำลังยื่นของขวัญให้รัฐพลที่ตั้งหน้าตั้งตาย่างบาร์บีคิวอยู่  


      “ดีเลยมากันหมดแล้ว...นี่รัฐภัทรครับน้องชายครู”


      รัฐพลกล่าวให้สองสาวรู้จัก น้ำทิพย์เองก็ยื่นมือเข้าไปทำความรู้จัก  ส่วนศศิวิมลเองก็ได้แต่ยิ้มให้กับรัฐภัทร  เขาเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน รัฐพลผู้เป็นพี่แอบมองน้องชายพร้อมกับอมยิ้ม...

      “ตามสบายเลยนะ...ขอตัวน้ำทิพย์หน่อยแล้วกันนะศศิวิมล”

      รัฐพลพูดพร้อมกับจูงมือเธอไปย่างบาร์บีคิวก่อนที่จะหยิบไปทานกันอีกมุมหนึ่งของบ้าน  ส่วนรัฐภัทรเองถึงกับเขินที่ที่ตนเองยืนอยู่กับศศิวิมลตามลำพัง  ทั้งสองเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพูดขึ้นมา


      “เอ่อ...คุณมนต์ไปนั่งตรงม้าหินนั่นคอยก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมย่างบาร์บีคิวไปให้”


      ศศิวิมลพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับเดินไป เพียงไม่นานทั้งสองก็ได้รู้จักกัน  ศศิวิมลเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงกล้าเปิดโอกาสให้กับชายหนุ่มผู้นี้ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานและดูเหมือนหล่อนจะเชื่อใจเขาเอามากซะด้วย  รัฐภัทรเองเขาอยู่บ้านกับพี่ชายมาตลอดตั้งแต่รัฐพลเองได้หย่ากับแฟนเก่า  แล้วเขาก็มาถูกใจกับหญิงสาวคนนี้ ที่เขาดันชอบมากซะด้วย  รัฐภัทรจ้องมองหน้าหญิงสาวอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา


      “คุณมนต์สวยมากเลยนะครับ”

      ศศิวิมลได้ฟังถึงกับอึ้งไป  หล่อนใจเต้นโครมครามแทบหยุดหายใจที่หนุ่มคนนี้  พูดออกมาทำให้หล่อนเงียบไปพักใหญ่

      “ผมไม่รู้ว่าคุณรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า...ผมเห็นคุณตอนลงจากรถผมก็รู้สึกว่าผมถูกชะตากับคุณ...เอ่อผมอยากจะคบกับคุณได้มั้ยครับคุณมนต์”

      ศศิวิมลเงียบไปฟังเขาพูดอย่างตั้งใจ ใช่เลยมันตรงกับใจหล่อน หล่อนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ตอนนี้หล่อนรู้สึกใจเต้นโครมคราม ไม่เป็นปกติเอาซะแล้ว หล่อนมองสายตาของชายผู้นั้นราวกับมีสิ่งดึงดูดที่ให้หล่อนสบตาเขาอย่างเนิ่นนาน ก่อนที่หล่อนจะชะงัก ก้มหน้าต่ำลง


      “มนต์...เอ่อ...มนต์คิดว่ามันเร็วเกินไปนะคะ”

      รัฐภัทรยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรครับ...ผมยังไม่เอาคำตอบตอนนี้...คุณพร้อมที่จะคบผมเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”

      ศศิวิมลเองถึงกับโล่งใจอย่างมากหล่อนมองรัฐภัทรด้วยความขอบคุณ


      ในขณะที่น้ำทิพย์เดินออกมากับรัฐพลพ้นจากสายตาคนแล้ว  เธอถึงกับตกใจรีบสะบัดมือออก

      “นี่มันอะไรกันคะอาจารย์”เธอถามเสียงด้วยความไม่พอใจ  ทำให้รัฐพลถึงกับยิ้มเก้อ

      “เอ้อ...คือนั่งก่อนสิทิพย์ครูขอโทษ...”

      “...ทิพย์ไม่ใช่เด็กๆแล้วที่จะมาเล่นกับอาจารย์เหมือนเมื่อก่อน” เธอแหวใส่

      “ไม่เอาน่า...มากินบาร์บีคิวที่ครูย่างดีกว่าอร่อยนะ”เขาเชิญ

      น้ำทิพย์ถึงกับค้อนเขานิดๆ ก่อนที่จะยอมนั่งเป็นเพื่อนกับเขา

      “อ้าปากสิเดี๋ยวป้อนให้...” เขาพูดพร้อมกับยื่นบาร์บีคิวมาใกล้ปากเธอแล้วยิ้มน้อยๆ

      “ทิพย์ทานเองได้”

      น้ำทิพย์พูดพร้อมกับจะดึงบาร์บีคิวออกจากมือเขากลับแต่เขาเหมือนกับเร็วกว่า รีบชักมือกลับพร้อมกับยิ้มขันๆ

      “...จะโกรธงอนครูอะไรนักหนา...มางานครูทำตัวอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะ” เขาแกล้งตำหนินิดๆ

      หญิงสาวถึงกับอึ้งน้อยใจปะปนกัน เธอรีบเบนหน้าหนีน้ำตาคลอ พูดออกมาอย่างประชด

      “ใช่สิคะใครจะดีเหมือนแฟนเก่าอาจารย์ล่ะ...ทิพย์มันก็ไม่เอาไหนอยู่แล้วนี่”


      ระหว่างที่เธอตัดพ้ออยู่นั้น  รัฐพลรีบรวบตัวเธอให้มานั่งบนตักเขา รัฐพลยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่น้ำทิพย์ถึงกับตกใจ โกรธอายไปพร้อมๆกัน  เธอเม้มปากงอนอย่างน่ารักด้วยความไม่พอใจ


      “ปล่อยทิพย์นะคะ!”


      เธอขึ้นเสียงใส่เขาด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับผลักตัวออกห่างจากเขา แต่ดูเหมือนรัฐพลไม่โกรธเธอเลยซักนิด เขากลับยิ้มออกมาพร้อมกับกระชับวงแขนให้เธอเขามาใกล้เขามากขึ้น  น้ำทิพย์จ้องหน้าเขาอย่างงงๆ เขามองเธอด้วยสายตามีความหมาย ก่อนที่ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากเธออย่างอ่อนโยน  สัมผัสนี้ทำให้น้ำทิพย์ถึงกับอึ้ง หน้าแดงซ่านใจเต้นไม่เป็นจังหวะ น้ำทิพย์จับปากตัวเองอย่างไม่แน่ใจว่าตนเองฝันไปหรือเปล่า   เธอนิ่งไปอยู่นาน ก่อนที่จะมองรัฐด้วยความไม่เข้าใจ  

      “ฉันรักเธอนะน้ำทิพย์...” เขากระซิบข้างหูของน้ำทิพย์ ทำให้เธอถึงกับตะลึง

      “ม่ะ...เมื่อ...เมื่อไหร่คะ”

      “ตั้งแต่...ตอนที่ชั้นเลิกกับแฟนเก่าแล้วชั้นรู้สึกว่า ทิพย์มีความหมายกับชั้นมาก”

      น้ำทิพย์มองเขาด้วยสายตากลอกไปมาก่อนที่จะโผเข้ากอดเขา พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ  รัฐพลยิ้มอย่างพอใจเขาลูบหลังปลอบโยนหญิงสาว  ก่อนที่จะผลักหญิงสาวออกเบาๆ  เขาจ้องหน้ามองเธอพยายามเรียบเรียงคำพูดอยู่นาน  และเขาก็ตัดสินใจพูดออกมา

      “แต่งงานกับชั้นนะ”

      “ค่ะอาจารย์...”

      น้ำทิพย์ตอบตกลงอย่างไม่คิด เธอมั่นใจแล้วว่าชายผู้นี้เป็นคนดีที่สุดสำหรับเธอ  และเธอก็ไม่กลัวว่าจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง น้ำทิพย์กอดกระชับรัฐพล อย่างที่ใจปรารถนามานาน  เธอบอกรักเขาอย่างอายๆเช่นกัน  แล้วฝ่ายชายถึงกับปรามเขานิดๆ  

      “ต่อไปนี้ต้องเรียกว่าคุณหรือที่รักก็ได้นะอย่างอื่นห้าม!”

      น้ำทิพย์ถึงกับยิ้มอายๆตอบตกลงเขา  บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไอหอมหวานที่กลับมาอีกครั้ง   ในขณะที่รัฐภัทรกับศศิวิมลก็คบหาดูใจกันต่อไป

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×