คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่.1 บุกรุก 100%
บทที่.1
บุกรุก
เพียงก้าวเท้าออกมาถึงประตูเท่านั้น
ยังมิทันได้พ้นจากจวนอยู่ ๆ สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าจะถล่ม ชิงเถาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสนิท
เข้าสู่ยามซวีช่วงปลายแล้ว ป่านนี้คนผู้นั้นคงออกนอกเมืองเฉิงตูไปแล้วกระมัง
“คุณชายขอรับๆ”
เหลือบมองไปทางด้านหลัง ชิงเถาก็เห็นพ่อบ้านชราวิ่งออกมาพร้อมร่มคันหนึ่ง
ในมืออีกข้างยังมีห่อผ้าอีกด้วย "ฝนตกแล้ว หากยังคิดจะออกเดินทาง
อย่างไรคุณชายก็พกร่มกับของกินไปด้วยเถอะนะขอรับ"
มองของที่ถูกส่งมาให้ตนแล้ว
ชิงเถากลับยังไม่รับมาถือไว้ แต่ยื่นมือออกไปกุมมือที่เหี่ยวย่นของอีกฝ่าย
เขากล่าวพลางยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ท่านลุงหวัง ฝากท่านดูแลท่านพ่อและท่านแม่ด้วย
หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ข้าคิด ข้าจะรีบกลับมา”
ด้วยไม่คิดว่าคุณชายน้อยที่ตนเลี้ยงดูมาจะกล่าวเช่นนี้
ทั้งยังมิได้เอ่ยปากตำหนิที่ตนแอบฟังโดยพลการ หวังไห่จึงก้มหน้าลงต่ำ
กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คุณชายโปรดวางใจ บ่าวจะดูแลนายท่านและฮูหยินให้ดี
รอท่านกลับมา”
"ขอบคุณท่านมาก"
ชิงเถารับของทั้งสองอย่างมาถือไว้ จากนั้นกางร่มเดินฝ่าสายฝนออกนอกประตูจวนไป
ม้าสีขาวปอดทั้งตัว
พร้อมทั้งคนเลี้ยงม้ายืนตากฝนรออยู่ที่หน้าจวน นี่ก็คือเจ้าไป่เหอม้าตัวโปรดของเขา
ตลอดสองปีมานี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเจ้าม้าหนุ่มตัวนี้ก็ไปกับเขาทุกที่
ชิงเถาส่งร่มให้กับคนเลี้ยงม้า พลางยื่นมือออกไปลูบแผงคอที่เปียกลู่ของเจ้าไป่เหอ “เดินทางไกลครั้งนี้
ต้องลำบากเจ้าแล้ว”
คนเลี้ยงม้าประจำตระกูลชิงผู้นี้
ก็ถือเป็นคนเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ชิงเถาเพิ่งจะเกิด กระทั่งเจ้าไป๋เหอ
ก็เป็นเขาที่มอบให้คุณชายด้วยตนเอง พอเห็นคุณชายกอดห่อผ้าท่ามกลางสายฝนแล้ว
ในใจก็เกิดอยากจะเอ่ยปากรั้งเขาสักคำ แม้ไม่รู้ว่าคุณชายจะไปที่ใด
แต่เดินทางค่ำมืด ทั้งยังมีฝนตก นี่ย่อมไม่ดีแน่ พูดกันตามหลักแล้ว
เมื่ออยู่ในวังอ๋อง ชิงเถาจะมีตำแหน่งเป็นเพียงองครักษ์ของหวางเมิ่งหยวน
แต่เมื่ออยู่ที่จวนเสนาบดีชิง เขาก็คือคุณชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งจวน
เมื่อเป็นที่รักของผุ้คนมากมายเช่นนี้
ย่อมมิมีผู้ใดเต็มใจที่จะเห็นเขาต้องออกไปตกระกำลำบาก
“คุณชายขอรับคือว่า…”
“ท่านลุงซานหากท่านจะกล่าวคำเดียวกับพ่อบ้านหวัง
วันนี้ข้าฟังมาพอแล้ว” ชิงเถาเอ่ยขัดขึ้นมา คนทั้งจวนคิดอ่านสิ่งใดเขาย่อมดูออก
เพียงแต่ว่าเรื่องนี้อย่างไรก้ไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อแม้แต่โอกาสที่จะกล่าว
ผู้เป็นนายก็ไม่อนุญาตให้เอ่ยถึงซานจึงเงียบปากไป แล้วเปลี่ยนคำกล่าวเสียใหม่
เขาประสานมือโค้งกายลงเล็กน้อย “คุณชายรักษาตัวด้วยขอรับ”
ชิงเถาสวมหมวกผ้าที่ซานส่งให้
ร่มที่ได้มาจากพ่อบ้านใหญ่ก็เก็บไว้ในย่ามเป็นอย่างดี
จากนั้นตวัดกายขึ้นบนหลังเจ้าไป๋เหอ แล้วดึงบังเหียนของมันบังคับให้ออกวิ่ง
จุดมุ่งหมายคือหน้าประตูเมือง เขาย่อมผ่านออกมาจากประตูเมืองได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ยามนี้กลับรู้สึกว่าตนเองช้าไปหลายก้าว เมื่อเร่งควบม้าผ่ามมาค่อนคืน
ชิงเถาก็พบกับคนของเขาที่ส่งให้รุดหน้ามาก่อน
คนผู้นั้นเปียกปอนไปทั้งตัว
ดูก็รู้ว่ามาดักรอเขาโดยเฉพาะ พอเห็นว่าเป็นเขา
อีกฝ่ายก็คุกเข่าลงประสานมือกล่าวรายงานอย่างนอบน้อม “คุณชายขอรับ
ประมุขพรรคเสี้ยวจันทราผู้นั้น ยามนี้พักหลบฝนอยู่ที่หมู่บ้านหนิงอันขอรับ”
ชิงเถาพยักหน้ารับรู้
ก่อนจะโบกมือให้เขา จากนั้นเงาร่างที่คุกเข่าอยู่นพื้น ก็พลันอันตรธานหายไป
เขากำบังเหียนม้าแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่หลังมือ การขี่ม้าตากฝนเกือบตลอดทั้งคืน
มิใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าเขาจะเป็นบุรุษที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แต่ช่วงระยะเวลาสองสามปีมานี้
ก็มิได้ขี่ม้าตรากตรำราวกับจะไปออกรบเช่นนี้
จึงกลายเป็นว่ามิค่อยชินกับความเมื่อยล้านี้เท่าไรนัก
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
เขาก็มาถึงหมู่บ้านหนิงอัน ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ
ที่เน้นทำเกษตรกรรมปลูกข้าวและผักบางชนิด ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูไม่มากนัก
การเดินทางด้วยม้าถือว่ารวดเร็วที่สุด ที่นี่ยังเป็นที่พักค้างแรมของชาวยุทธ์
และพ่อค้าเร่ที่เดินทางมายังเมืองเฉิงตูอีกด้วย ชิงเถาจูงเจ้าไป๋เหอไปส่งให้คนของเขาที่มารออยู่ก่อน
จากนั้นเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
คนผู้หนึ่งเมื่อเหลือบเห็นเขา
ที่เปียกโชกเดินเข้ามา ก็รีบก้าวเข้ามาหาพร้อมผ้าสะอาดผืนหนึ่ง “คุณชายด้านนอกฝนตกหนัก
ท่านเร่งเดินทางมาเช่นนี้ จะมิป่วยไข้ไปหรือขอรับ”
เขารับผ้ามาเช็ดหน้าลวกๆ
พลางหัวเราะเบาๆ “หลิงในสายตาเจ้า เห็นว่าข้าอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
เหตุใดผู้คนในจวนจึงเป็นเหมือนกันไปหมด
แนวคิดทำนองว่าคุณชายตากฝนอาจจะเจ็บป่วย คุณชายอาจจะลำบาก
คุณชายอาจจะทนไม่ไหวเช่นนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาไปเอามาจากไหน
แม้ว่าจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม แต่ชิงเถากลับเชื่อเสมอว่า
เขาที่อดทนลำบากติดตามอาจารย์ตาเฒ่าผู้นั้นไปได้ถึงสองปี
อย่างไรก็คงไม่ตายด้วยเรื่องแค่นี้
หลิงเมื่อเห็นผู้เป็นนายกล่าวเช่นนั้น
ก็ไม่คิดโต้แย้งอีก กลับเปลี่ยนเรื่องไปอย่างรู้หน้าที่ “คุณชายข้าจองห้องพักไว้ให้ท่านแล้วขอรับ
อย่างไรท่านไปล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อย ดื้มน้ำแกงร้อนๆ สักถ้วยค่อยเข้าอนเถอะ”
ทอดสายตามองคนสนิทของตนคราหนึ่ง
ชิงเถาจึงพยักหน้ารับ เด็กคนนี้ก็คือหลิง เด็กที่เขารับมาเลี้ยงไว้ภายในจวน
ฝึกปรือเขาด้วยตนเอง หากกล่าวว่าเขาคือคนสนิทที่รู้ใจที่สุดของท่านอ๋อง
หลิงก็เปรียบเสมือนมือเท้าที่ขาดไม่ได้ของเขา อายุของเด็กคนนี้น้อยกว่าเขาถึงสองปี
แต่กลับแต่งงานมีฮูหยินน้อยไปแล้ว
ความจริงเขามิได้ต้องการให้ผู้ใดติดตามมาด้วย
ยังคิดจะทิ้งหลิงไว้ข้างกายคอยรับใช้ท่านอ๋องแทนเขาเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าเด็กนี่ไม่รู้ว่าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร
ขนาดต่อหน้าท่านอ๋องก็ยังยืนกรานจะขอตามมาให้ได้ ที่แย่ยิ่งกว่านั้น
คือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างท่านอ๋อง
ก็ยังเห็นดีเห็นงานกับเรื่องนี้ เขาจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
อย่างไรก็ช่างเถอะ
เมื่อไปถึงหุบเขาแสงจันทร์แล้ว ต่อให้เขาอยากพาผู้อื่นเข้าไป ก็ใช่ว่าเจ้าของที่นั่นจะยอมเสียเมื่อไหร่
ถึงเวลานั้นค่อยใช้หลี่เค่อเฟิงเป็นข้ออ้าง ไล่ให้หลิงกลับไปหาท่านอ๋องก็ยังไม่สาย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้
ชิงเถาจึงยอมเดินขึ้นไปอาบน้ำบนห้องพักแต่โดยดี
กว่าที่เขาจะชำระร่างกายและดื่มน้ำแกงเสร็จ ก็เข้าสู่ยามอิ๋นช่วงต้นแล้ว แต่แทนที่เขาจะพาร่างกายอันเหนื่อยล้าล้มตัวลงนอน
กลับหันไปถามหลิงที่ยืนอยู่ห่างออกไปสองช่วงแขนว่า “ประมุขหลี่เล่า
พักอยู่ห้องใด”
หลิงมองผู้เป็นนายด้วยแววตาที่ชิงเถาไม่เข้าใจคราหนึ่ง
จากนั้นตอบกลับมาว่า “ห้องข้างๆ คุณชายขอรับ”
“เขารู้ตัวหรือไม่ว่าพวกเจ้าตามเขามา”
“ประมุขหลี่ไม่เห็นตอนที่พวกเราตามมาขอรับ”
รับชามน้ำแกงจากผผู้เป็นนายมาถือไว้แล้ว หลิงก็กล่าวต่อ “แต่ข้าคิดว่าประมุชหลี่วรยุทธ์สูงส่ง
ย่อมไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่ามีผู้อื่นสะกดรอยตามเขามา”
“ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า”
ชิงเถาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำตอบนี้ จากนั้นคนกลับลุกขึ้นยืน “เจ้าก็ไปนอนเถอะ
อีกไม่นานก็ต้องตื่นแล้ว”
หลิงกำลังจะขานรับ กลับเห็นผู้เป็นนายเดินไปที่ประตู
แทนที่จะเป็นเตียงนอน เขาเอ่ยถามชิงเถาอย่างไม่เจ้าใจว่า “คุณชายเตียงนอนอยู่ทางนี้
ท่านจะไปไหนขอรับ”
“นอนห้องข้างๆ”
นานทีเดียวกว่าที่หลิงจะส่งเสียงออกมาได้คำหนึ่ง “เอ๊ะ”
ครั้งนี้เดินทางตามประมุขหลี่มา
ความจริงหลิงเองก็พอจะมองออกว่ามิใช่คำสั่งของท่านอ๋อง เขารั้งขอติดตามคุณชายมา
เพราะกลัวคุณชายได้รับความลำบาก
ส่วนเรื่องที่ว่าคุณชายคิดเดินทางไปหุบเขาแสงจันทร์ทำไมนั้น เขาไม่รู้ แต่นี่ไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ
สั่งให้เขาสะกดรอยตามอีกฝ่ายมา เวลานี้คุณชายกลับเดินเข้าห้องนอนผู้อื่นหน้าตาเฉย
ตกลงว่าคุณชายของเขามาทำอะไรที่นี่กันแน่
บรรยากาศที่หน้าห้องพักของหลี่เค่อเฟิงยามนี้
เต็มไปด้วยความกดนอย่างหนักหน่วง ผู้ติดตามข้างกายประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา ลอบหลั่งเหงื่อเย็นเต็มแผ่นหลัง
เมื่อไม่ถึงหนึ่งเค่อก่อน บรรยากาศยามสายฝนเพิ่งหยุดตก ยังเย็นสบายอยู่แท้ ๆ
ยามนี้เพียงแค่องครักษ์ผู้นี้ปรากฎตัวขึ้น เหตุใดพวกเขาจึงรู้สึกราวกับว่าชีวิตน้อย
ๆ ที่มีอยู่จะสั้นลงไปอีกหลายปีเช่นนี้เล่า
ทั้งเสี่ยวม่าว และเสี่ยวซีต่างลอบส่งสายตาให้แก่กัน
คนมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเขาจะทำอย่างไรดีเล่า
จะเข้าไปรายงานท่านประมุขที่หลับไปแล้ว นี่ก็รนหาที่ตายเกินไปหน่อยกระมัง
จะไล่คนให้กลับไป ผู้ใดกล้าไล่เขาเล่า คนผู้นี้
คุณชายองครักษ์ผู้นี้เมื่อสามวันก่อน เขาคือคนที่อยู่ในห้องของท่านประมุขตลอดทั้งคืนเชียวนะ
คนของพรรคเสี้ยวจันทราที่ติดตามหลี่เค่อเฟิงมาวันนั้น ต่างเห็นด้วยตาของตนทั้งสิ้น
ผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่คุมเครือเช่นนี้กับท่านประมุข
หากเขาอยากเข้าพบท่านประมุขในยามวิกาล ผู้ติดตามเล็ก ๆ อย่างพวกตนมีใครกล้าเข้าไปขัดขวางบ้าง
สุดท้ายก็เป็นเสี่ยวม่าวที่ใจกล้าที่สุด
เอ่ยถามชิงเถาอย่างนอบน้อมว่า “คุณชาย ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่ดึกดื่น
มีธุระอะไรกับท่านประมุขของเราหรือขอรับ”
ชิงเถาเพียงยืนจ้องมองพวกเขานิ่ง
คล้ายพยัคฆ์ที่จ้องมองเหยื่อ
เมื่อเห็นเขาไม่แยแสต่อคำถามของตน
เสี่ยวม่าวก็กระแอมเบา ๆ แก้กระดาก ก่อนจะกล่าวต่อ “ยามนี้ท่านประมุขดับเทียนแล้ว
อย่างไรหากคุณชายไม่มีธุระอะไรวันพรุ่ง...”
“หลีกไป”
ชิงเถากล่าวเนิบช้า
เสี่ยวซีกลับมิใจเย็นเหมือนอีกคน
คนในยุทธภพ กับราชสำนักเป็นดั่งน้ำกับไฟมาแต่ไหนแต่ไร
เมื่อฟังคำกล่าวนี้ของชิงเถาคล้ายการออกคำสั่ง เสี่ยวซีจึงกล่าวกับเขาอย่างไม่พอใจ “คุณชายเสี่ยวม่าวพูดกับท่านดี
ๆ โปรดรักษามารยาทด้วยขอรับ”
“พวกเจ้ากำลังขวางทางข้า”
ชิงเถาตอบกลับ “นี่ยังต้องพูดเรื่องมารยาทอะไรกันอีก”
เสี่ยวซี “เรื่องนี้...”
“ข้ามีธุระกับประมุขหลี่”
เสี่ยวม่าว “แต่ว่า...”
ชิงเถากลอกตาขึ้นลงอย่างไม่ปิดบัง
สองคนนี้มองดูแล้ว อายุน่าจะไล่เลี่ยกับเขา
ทั้งยังดื้อด้านนักช่างน่ารำคาญเสียจริง แต่แล้วอยู่ ๆ
เขาก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ “คืนวันนั้น”
“ห๊ะ?”
สบตากับทั้งเสี่ยวซีและเสี่ยวม่าวแล้ว
ชิงเถาก็ถามว่า “พวกเจ้าเห็นกันหมดแล้วมิใช่หรือ”
คืนที่หลี่เค่อเฟิงจูบเขาอย่างเร่าร้อน...
“เอ่อ...”
ไม่คิดว่าอยู่ ๆ ชิงเถาจะถามคำถามเช่นนี้ออกมา ไหนเลยเสี่ยวม่าว
และเสี่ยวซีจะหาคำตอบออกมาได้ทัน กว่าที่พวกเขาจะทันได้รู้ตัว
ก็ได้ยินเสียงประตูห้องของท่านประมุขที่อยู่ด้านหลังเปิดออกเบา ๆ
เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าท่านชิงเถาผู้นั้น
อยู่ภายในห้องพร้อมทั้งกำลังจะปิดประตูแล้ว “นี่ นี่ท่าน!”
ชิงเถาหาได้สนใจความโง่งมบนใบหน้าของคนทั้งสองไม่
เขาเพียงกล่าวอย่างเรียบง่ายไปหนึ่งประโยค “ดึกมากแล้ว
พวกเจ้าก็อย่าอยู่ขัดขวางเรื่องดีงามของผู้อื่นอีกเลย รีบไปนอนเสีย”
ความคิดเห็น