ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    麒麟與月亮 กิเลนเคียงจันทร์

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่.1 บุกรุก 100%

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 64


    บทที่.1

    บุกรุก

    เพียงก้าวเท้าออกมาถึงประตูเท่านั้น ยังมิทันได้พ้นจากจวนอยู่ ๆ สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าจะถล่ม ชิงเถาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสนิท เข้าสู่ยามซวีช่วงปลายแล้ว ป่านนี้คนผู้นั้นคงออกนอกเมืองเฉิงตูไปแล้วกระมัง

    คุณชายขอรับๆ” เหลือบมองไปทางด้านหลัง ชิงเถาก็เห็นพ่อบ้านชราวิ่งออกมาพร้อมร่มคันหนึ่ง ในมืออีกข้างยังมีห่อผ้าอีกด้วย "ฝนตกแล้ว หากยังคิดจะออกเดินทาง อย่างไรคุณชายก็พกร่มกับของกินไปด้วยเถอะนะขอรับ"

    มองของที่ถูกส่งมาให้ตนแล้ว ชิงเถากลับยังไม่รับมาถือไว้ แต่ยื่นมือออกไปกุมมือที่เหี่ยวย่นของอีกฝ่าย เขากล่าวพลางยิ้มคล้ายไม่ยิ้มท่านลุงหวัง ฝากท่านดูแลท่านพ่อและท่านแม่ด้วย หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ข้าคิด ข้าจะรีบกลับมา”

    ด้วยไม่คิดว่าคุณชายน้อยที่ตนเลี้ยงดูมาจะกล่าวเช่นนี้ ทั้งยังมิได้เอ่ยปากตำหนิที่ตนแอบฟังโดยพลการ หวังไห่จึงก้มหน้าลงต่ำ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าคุณชายโปรดวางใจ บ่าวจะดูแลนายท่านและฮูหยินให้ดี รอท่านกลับมา”

    "ขอบคุณท่านมาก" ชิงเถารับของทั้งสองอย่างมาถือไว้ จากนั้นกางร่มเดินฝ่าสายฝนออกนอกประตูจวนไป

    ม้าสีขาวปอดทั้งตัว พร้อมทั้งคนเลี้ยงม้ายืนตากฝนรออยู่ที่หน้าจวน นี่ก็คือเจ้าไป่เหอม้าตัวโปรดของเขา ตลอดสองปีมานี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเจ้าม้าหนุ่มตัวนี้ก็ไปกับเขาทุกที่ ชิงเถาส่งร่มให้กับคนเลี้ยงม้า พลางยื่นมือออกไปลูบแผงคอที่เปียกลู่ของเจ้าไป่เหอเดินทางไกลครั้งนี้ ต้องลำบากเจ้าแล้ว”

    คนเลี้ยงม้าประจำตระกูลชิงผู้นี้ ก็ถือเป็นคนเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ชิงเถาเพิ่งจะเกิด กระทั่งเจ้าไป๋เหอ ก็เป็นเขาที่มอบให้คุณชายด้วยตนเอง พอเห็นคุณชายกอดห่อผ้าท่ามกลางสายฝนแล้ว ในใจก็เกิดอยากจะเอ่ยปากรั้งเขาสักคำ แม้ไม่รู้ว่าคุณชายจะไปที่ใด แต่เดินทางค่ำมืด ทั้งยังมีฝนตก นี่ย่อมไม่ดีแน่ พูดกันตามหลักแล้ว เมื่ออยู่ในวังอ๋อง ชิงเถาจะมีตำแหน่งเป็นเพียงองครักษ์ของหวางเมิ่งหยวน แต่เมื่ออยู่ที่จวนเสนาบดีชิง เขาก็คือคุณชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งจวน เมื่อเป็นที่รักของผุ้คนมากมายเช่นนี้ ย่อมมิมีผู้ใดเต็มใจที่จะเห็นเขาต้องออกไปตกระกำลำบาก

    คุณชายขอรับคือว่า…”

    ท่านลุงซานหากท่านจะกล่าวคำเดียวกับพ่อบ้านหวัง วันนี้ข้าฟังมาพอแล้ว” ชิงเถาเอ่ยขัดขึ้นมา คนทั้งจวนคิดอ่านสิ่งใดเขาย่อมดูออก เพียงแต่ว่าเรื่องนี้อย่างไรก้ไม่เปลี่ยนแปลง

    เมื่อแม้แต่โอกาสที่จะกล่าว ผู้เป็นนายก็ไม่อนุญาตให้เอ่ยถึงซานจึงเงียบปากไป แล้วเปลี่ยนคำกล่าวเสียใหม่ เขาประสานมือโค้งกายลงเล็กน้อยคุณชายรักษาตัวด้วยขอรับ”

    ชิงเถาสวมหมวกผ้าที่ซานส่งให้ ร่มที่ได้มาจากพ่อบ้านใหญ่ก็เก็บไว้ในย่ามเป็นอย่างดี จากนั้นตวัดกายขึ้นบนหลังเจ้าไป๋เหอ แล้วดึงบังเหียนของมันบังคับให้ออกวิ่ง จุดมุ่งหมายคือหน้าประตูเมือง เขาย่อมผ่านออกมาจากประตูเมืองได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ยามนี้กลับรู้สึกว่าตนเองช้าไปหลายก้าว เมื่อเร่งควบม้าผ่ามมาค่อนคืน ชิงเถาก็พบกับคนของเขาที่ส่งให้รุดหน้ามาก่อน

    คนผู้นั้นเปียกปอนไปทั้งตัว ดูก็รู้ว่ามาดักรอเขาโดยเฉพาะ พอเห็นว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็คุกเข่าลงประสานมือกล่าวรายงานอย่างนอบน้อมคุณชายขอรับ ประมุขพรรคเสี้ยวจันทราผู้นั้น ยามนี้พักหลบฝนอยู่ที่หมู่บ้านหนิงอันขอรับ”

    ชิงเถาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะโบกมือให้เขา จากนั้นเงาร่างที่คุกเข่าอยู่นพื้น ก็พลันอันตรธานหายไป เขากำบังเหียนม้าแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่หลังมือ การขี่ม้าตากฝนเกือบตลอดทั้งคืน มิใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าเขาจะเป็นบุรุษที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แต่ช่วงระยะเวลาสองสามปีมานี้ ก็มิได้ขี่ม้าตรากตรำราวกับจะไปออกรบเช่นนี้ จึงกลายเป็นว่ามิค่อยชินกับความเมื่อยล้านี้เท่าไรนัก

    ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เขาก็มาถึงหมู่บ้านหนิงอัน ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เน้นทำเกษตรกรรมปลูกข้าวและผักบางชนิด ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูไม่มากนัก การเดินทางด้วยม้าถือว่ารวดเร็วที่สุด ที่นี่ยังเป็นที่พักค้างแรมของชาวยุทธ์ และพ่อค้าเร่ที่เดินทางมายังเมืองเฉิงตูอีกด้วย ชิงเถาจูงเจ้าไป๋เหอไปส่งให้คนของเขาที่มารออยู่ก่อน จากนั้นเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

    คนผู้หนึ่งเมื่อเหลือบเห็นเขา ที่เปียกโชกเดินเข้ามา ก็รีบก้าวเข้ามาหาพร้อมผ้าสะอาดผืนหนึ่งคุณชายด้านนอกฝนตกหนัก ท่านเร่งเดินทางมาเช่นนี้ จะมิป่วยไข้ไปหรือขอรับ”

    เขารับผ้ามาเช็ดหน้าลวกๆ พลางหัวเราะเบาๆหลิงในสายตาเจ้า เห็นว่าข้าอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

    เหตุใดผู้คนในจวนจึงเป็นเหมือนกันไปหมด แนวคิดทำนองว่าคุณชายตากฝนอาจจะเจ็บป่วย คุณชายอาจจะลำบาก คุณชายอาจจะทนไม่ไหวเช่นนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาไปเอามาจากไหน แม้ว่าจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม แต่ชิงเถากลับเชื่อเสมอว่า เขาที่อดทนลำบากติดตามอาจารย์ตาเฒ่าผู้นั้นไปได้ถึงสองปี อย่างไรก็คงไม่ตายด้วยเรื่องแค่นี้

    หลิงเมื่อเห็นผู้เป็นนายกล่าวเช่นนั้น ก็ไม่คิดโต้แย้งอีก กลับเปลี่ยนเรื่องไปอย่างรู้หน้าที่คุณชายข้าจองห้องพักไว้ให้ท่านแล้วขอรับ อย่างไรท่านไปล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อย ดื้มน้ำแกงร้อนๆ สักถ้วยค่อยเข้าอนเถอะ”

    ทอดสายตามองคนสนิทของตนคราหนึ่ง ชิงเถาจึงพยักหน้ารับ เด็กคนนี้ก็คือหลิง เด็กที่เขารับมาเลี้ยงไว้ภายในจวน ฝึกปรือเขาด้วยตนเอง หากกล่าวว่าเขาคือคนสนิทที่รู้ใจที่สุดของท่านอ๋อง หลิงก็เปรียบเสมือนมือเท้าที่ขาดไม่ได้ของเขา อายุของเด็กคนนี้น้อยกว่าเขาถึงสองปี แต่กลับแต่งงานมีฮูหยินน้อยไปแล้ว

    ความจริงเขามิได้ต้องการให้ผู้ใดติดตามมาด้วย ยังคิดจะทิ้งหลิงไว้ข้างกายคอยรับใช้ท่านอ๋องแทนเขาเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าเด็กนี่ไม่รู้ว่าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร ขนาดต่อหน้าท่านอ๋องก็ยังยืนกรานจะขอตามมาให้ได้ ที่แย่ยิ่งกว่านั้น คือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างท่านอ๋อง ก็ยังเห็นดีเห็นงานกับเรื่องนี้ เขาจึงต้องปล่อยเลยตามเลย

    อย่างไรก็ช่างเถอะ เมื่อไปถึงหุบเขาแสงจันทร์แล้ว ต่อให้เขาอยากพาผู้อื่นเข้าไป ก็ใช่ว่าเจ้าของที่นั่นจะยอมเสียเมื่อไหร่ ถึงเวลานั้นค่อยใช้หลี่เค่อเฟิงเป็นข้ออ้าง ไล่ให้หลิงกลับไปหาท่านอ๋องก็ยังไม่สาย

    เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ชิงเถาจึงยอมเดินขึ้นไปอาบน้ำบนห้องพักแต่โดยดี กว่าที่เขาจะชำระร่างกายและดื่มน้ำแกงเสร็จ ก็เข้าสู่ยามอิ๋นช่วงต้นแล้ว แต่แทนที่เขาจะพาร่างกายอันเหนื่อยล้าล้มตัวลงนอน กลับหันไปถามหลิงที่ยืนอยู่ห่างออกไปสองช่วงแขนว่าประมุขหลี่เล่า พักอยู่ห้องใด”

    หลิงมองผู้เป็นนายด้วยแววตาที่ชิงเถาไม่เข้าใจคราหนึ่ง จากนั้นตอบกลับมาว่าห้องข้างๆ คุณชายขอรับ”

    เขารู้ตัวหรือไม่ว่าพวกเจ้าตามเขามา”

    ประมุขหลี่ไม่เห็นตอนที่พวกเราตามมาขอรับ” รับชามน้ำแกงจากผผู้เป็นนายมาถือไว้แล้ว หลิงก็กล่าวต่อ “แต่ข้าคิดว่าประมุชหลี่วรยุทธ์สูงส่ง ย่อมไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่ามีผู้อื่นสะกดรอยตามเขามา”

    ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า” ชิงเถาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำตอบนี้ จากนั้นคนกลับลุกขึ้นยืน “เจ้าก็ไปนอนเถอะ อีกไม่นานก็ต้องตื่นแล้ว”

    หลิงกำลังจะขานรับ กลับเห็นผู้เป็นนายเดินไปที่ประตู แทนที่จะเป็นเตียงนอน เขาเอ่ยถามชิงเถาอย่างไม่เจ้าใจว่าคุณชายเตียงนอนอยู่ทางนี้ ท่านจะไปไหนขอรับ”

    นอนห้องข้างๆ”

    นานทีเดียวกว่าที่หลิงจะส่งเสียงออกมาได้คำหนึ่งเอ๊ะ”

    ครั้งนี้เดินทางตามประมุขหลี่มา ความจริงหลิงเองก็พอจะมองออกว่ามิใช่คำสั่งของท่านอ๋อง เขารั้งขอติดตามคุณชายมา เพราะกลัวคุณชายได้รับความลำบาก ส่วนเรื่องที่ว่าคุณชายคิดเดินทางไปหุบเขาแสงจันทร์ทำไมนั้น เขาไม่รู้ แต่นี่ไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ สั่งให้เขาสะกดรอยตามอีกฝ่ายมา เวลานี้คุณชายกลับเดินเข้าห้องนอนผู้อื่นหน้าตาเฉย ตกลงว่าคุณชายของเขามาทำอะไรที่นี่กันแน่

     

    บรรยากาศที่หน้าห้องพักของหลี่เค่อเฟิงยามนี้ เต็มไปด้วยความกดนอย่างหนักหน่วง ผู้ติดตามข้างกายประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา ลอบหลั่งเหงื่อเย็นเต็มแผ่นหลัง เมื่อไม่ถึงหนึ่งเค่อก่อน บรรยากาศยามสายฝนเพิ่งหยุดตก ยังเย็นสบายอยู่แท้ ๆ ยามนี้เพียงแค่องครักษ์ผู้นี้ปรากฎตัวขึ้น เหตุใดพวกเขาจึงรู้สึกราวกับว่าชีวิตน้อย ๆ ที่มีอยู่จะสั้นลงไปอีกหลายปีเช่นนี้เล่า

    ทั้งเสี่ยวม่าว และเสี่ยวซีต่างลอบส่งสายตาให้แก่กัน คนมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเขาจะทำอย่างไรดีเล่า จะเข้าไปรายงานท่านประมุขที่หลับไปแล้ว นี่ก็รนหาที่ตายเกินไปหน่อยกระมัง จะไล่คนให้กลับไป ผู้ใดกล้าไล่เขาเล่า คนผู้นี้ คุณชายองครักษ์ผู้นี้เมื่อสามวันก่อน เขาคือคนที่อยู่ในห้องของท่านประมุขตลอดทั้งคืนเชียวนะ คนของพรรคเสี้ยวจันทราที่ติดตามหลี่เค่อเฟิงมาวันนั้น ต่างเห็นด้วยตาของตนทั้งสิ้น

    ผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่คุมเครือเช่นนี้กับท่านประมุข หากเขาอยากเข้าพบท่านประมุขในยามวิกาล ผู้ติดตามเล็ก ๆ อย่างพวกตนมีใครกล้าเข้าไปขัดขวางบ้าง

    สุดท้ายก็เป็นเสี่ยวม่าวที่ใจกล้าที่สุด เอ่ยถามชิงเถาอย่างนอบน้อมว่าคุณชาย ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่ดึกดื่น มีธุระอะไรกับท่านประมุขของเราหรือขอรับ”

    ชิงเถาเพียงยืนจ้องมองพวกเขานิ่ง คล้ายพยัคฆ์ที่จ้องมองเหยื่อ

    เมื่อเห็นเขาไม่แยแสต่อคำถามของตน เสี่ยวม่าวก็กระแอมเบา ๆ แก้กระดาก ก่อนจะกล่าวต่อยามนี้ท่านประมุขดับเทียนแล้ว อย่างไรหากคุณชายไม่มีธุระอะไรวันพรุ่ง...”

    หลีกไป” ชิงเถากล่าวเนิบช้า

    เสี่ยวซีกลับมิใจเย็นเหมือนอีกคน คนในยุทธภพ กับราชสำนักเป็นดั่งน้ำกับไฟมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อฟังคำกล่าวนี้ของชิงเถาคล้ายการออกคำสั่ง เสี่ยวซีจึงกล่าวกับเขาอย่างไม่พอใจคุณชายเสี่ยวม่าวพูดกับท่านดี ๆ โปรดรักษามารยาทด้วยขอรับ”

    พวกเจ้ากำลังขวางทางข้า” ชิงเถาตอบกลับ “นี่ยังต้องพูดเรื่องมารยาทอะไรกันอีก”

    เสี่ยวซีเรื่องนี้...”

    ข้ามีธุระกับประมุขหลี่”

    เสี่ยวม่าวแต่ว่า...”

    ชิงเถากลอกตาขึ้นลงอย่างไม่ปิดบัง สองคนนี้มองดูแล้ว อายุน่าจะไล่เลี่ยกับเขา ทั้งยังดื้อด้านนักช่างน่ารำคาญเสียจริง แต่แล้วอยู่ ๆ เขาก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุคืนวันนั้น”

    ห๊ะ?”

    สบตากับทั้งเสี่ยวซีและเสี่ยวม่าวแล้ว ชิงเถาก็ถามว่าพวกเจ้าเห็นกันหมดแล้วมิใช่หรือ”

    คืนที่หลี่เค่อเฟิงจูบเขาอย่างเร่าร้อน...

    เอ่อ...” ไม่คิดว่าอยู่ ๆ ชิงเถาจะถามคำถามเช่นนี้ออกมา ไหนเลยเสี่ยวม่าว และเสี่ยวซีจะหาคำตอบออกมาได้ทัน กว่าที่พวกเขาจะทันได้รู้ตัว ก็ได้ยินเสียงประตูห้องของท่านประมุขที่อยู่ด้านหลังเปิดออกเบา ๆ เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าท่านชิงเถาผู้นั้น อยู่ภายในห้องพร้อมทั้งกำลังจะปิดประตูแล้ว “นี่ นี่ท่าน!

    ชิงเถาหาได้สนใจความโง่งมบนใบหน้าของคนทั้งสองไม่ เขาเพียงกล่าวอย่างเรียบง่ายไปหนึ่งประโยคดึกมากแล้ว พวกเจ้าก็อย่าอยู่ขัดขวางเรื่องดีงามของผู้อื่นอีกเลย รีบไปนอนเสีย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×