จากเรื่องเล็กกลายเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ - จากเรื่องเล็กกลายเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ นิยาย จากเรื่องเล็กกลายเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ : Dek-D.com - Writer

    ผู้เข้าชมรวม

    170

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    170

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ย. 55 / 23:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      .หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีครอบครัวที่อบอุ่นมากมาย มินตราเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านหลังนี้และเป็นหลานคนสุดท้องของคุณย่าพริ้มเพรา พ่อของมินตรามีอาชีพรับราชการ แม่ของมินตรามีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว ตอนนี้มินตรามีอายุ8 ปี เรียนอยู่ชั้นป.2 เธอมีความฝันว่าโตขึ้นจะต้องเป็นครูให้ได้ ทุกเย็นหลังจากเลิกเรียน เธอได้เป็นครูสมัครเล่นโดยสอนเพื่อนข้างบ้าน แต่แล้ววันนึง โชคชะตากลับเล่นตลก มินตราได้มีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัด เธอไม่ชอบโรงพยาบาลเลย ไม่ชอบกลิ่นยา ไม่ชอบหมอ ไม่ชอบเข็มฉีดยาเลย แต่แล้วเธอได้ยินบทสนทนานี้ขึ้น

      คุณตา:คุณหมอ อย่าทำผมนะ ผมกลัวแล้ว

      คุณหมอ: คุณพยาบาล ช่วยเข็นคุณลุงเข้าไปในห้องฉุกเฉินด้วยนะ

      คุณพยาบาล: ค่ะ คุณหมอ

      เธอได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งแก่ชรามากแล้วคุณตาคนนั้นมีอาการกลัวคุณหมออย่างมาก พยาบาลเข็นคุณตาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน หลังจากนั้นเวลาไม่นานประมาณ1ชั่วโมง พยาบาลได้เข็นคุณตาออกมาแล้วบอกกับญาติคนไข้ว่าคนไข้เสียชีวิตแล้ว

      มินตรา :คุณพ่อค่ะ ทำไมคุณตาเสียชีวิตได้เร็วจัง

      คุณพ่อ :พ่อว่าไม่น่าจะเสียชีวิตเร็วขนาดนั้นนะ พ่อก็สงสัยเหมือนกัน ไม่รู้หมอเค้าทำยังไง

      จากเหตุการณ์นั้นมา มินตราก็ได้ตั้งใจแน่วแน่มากที่จะเป็นหมอให้ได้ เธอจะได้มารักษาคนไข้ให้เท่าเทียมกัน ทุกคนจะต้องได้รับการรักษาที่ดีที่สุดเพราะเธอคิดว่าทุกชีวิตมีค่าไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย เธอจึงทำทุกวิธีทุกทางเพื่อที่จะได้เป็นหมอและสุดท้ายเธอก็ได้เป็นหมอสมปรารถนา

      เมื่อมินตราได้เข้ามาอยู่ในคณะ เธอก็มีเพื่อนสนิท 4คนชื่อ แตงกวา น้องหน่า พีซ จ๋า เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เรียนด้วยกัน ตลอกระยะเวลาที่เรียน มินตราได้เปิดหนังสือเล่มหนึ่งอ่านและชอบคำกลอนนี้มาก

      อย่าเป็นหมอเพราะเห็นเป็นอาชีพสูง

      อย่าเป็นหมอเพราะคนจูงให้เข้าหา

      อย่าเป็นหมอเพราะชื่อเสียงและเงินตรา

      อย่าเป็นหมอเพราะบุพการีให้เป็น

      จงเป็นหมอเพราะจิตวิญญาณมี

      จงเป็นหมอที่ดีไปทุกหน

      จงเป็นหมอที่พร้อมช่วยเหลือคน

      จงเป็นหมอที่พลีตนเพื่อประชา

      เมื่อเวลาผ่านไปมินตราได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลชนบทแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลนี้ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณ30 กิโลเมตร ชาวบ้านส่วนใหญ่บริเวณนี้มีอาชีพทำสวน บ่ายวันนึงเป็นวันที่มินตราได้มาอยู่เวร เธอได้พบกับคนไข้คนหนึ่ง

      คนไข้: คุณหมอครับ ช่วยหยิบหนอนให้ผมออกหน่อยครับ ผมเจ็บเหลือเกิน

      มินตราได้เปิดผ้าขาวม้าสีมอๆที่คนไข้ปิดอาไว้ มีแมลงวันมาบินว่อนแล้วก็มีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วห้องตรวจ เธอได้ให้พยาบาลเตรียมเซ็ทสำหรับทำแผลในห้องฉุกเฉิก เธอได้เอาน้ำเกลือมาชะให้เป็นรอยแยกระหว่างก้อนเนื้อดำๆแดงๆกับแผ่นใยผ้าที่เห็นเป็นตะกรังให้หลุดออกทีละเล็กน้อย เสียงร้องของความเจ็บปวด เลือดออกซิทๆที่บริเวณเนื้องอกทำให้เห็นเป็นสีแดงฉาด เธอได้ทิ้งผ้าขาวม้าของคนไข้

      คนไข้ : คุณหมอครับ อย่าทิ้งเลยครับ ผมมีผ้าอยู่ผืนเดียว

      คนไข้เล่าว่าเขาเป็นโรคมะเร็ง เป็นโรคที่รักษาไม่หาย อาศัยอยู่กระท่อมข้างป่าช้า ซึ่งเขาคิดว่าคงเป็นที่สุดท้ายสำหรับชีวิตนี้ มินตราหยิบคีมคีบหนีบเนื้อเยื่อเพื่อจะเผยอเยื่อบางๆที่สงสัยว่ามีอะไรขยับไปมา เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตยาวเท่าเม็ดข้าวสารแต่อ้วนกว่า เธอได้คีบขึ้นมาทีละตัว ทุกครั้งที่มีการดึงให้ปากของหนอนหลุดจากการกัดกินเนื้อเยื่อ จากนั้นเธอได้ชุบยาฆ่าเชื้อโรคบริเวณที่เคยเป็นรังของสิ่งมีชีวิตขาวๆ ความเจ็บปวดได้หายเป็นปลิดทิ้ง คนไข้ได้ก้มลงกราบ ใบหน้าที่มีความสุขกับการได้รับการรักษา มินตราต้องรีบเข้าไปพยุงและให้ผ้าขนหนูผืนใหม่เอี่ยม ความรู้สึกนี้เธอได้นึกถึงที่อาจารย์หมอพูดว่า การที่เราได้รักษาคนไข้นั้น มันเป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากงานที่มีคุณค่าในชีวิต รางวัลนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนประกาศ คำชมนี้ไม่ต้องได้จากแพทย์ประจำบ้านรุ่นพี่ คะแนนนี้ไม่จำเป็นต้องได้จากอาจารย์อีกต่อไป แต่เป็นเสียงปรบมือที่กังวานในส่วนลึกขั้วหัวใจ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×