ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : \' ชา \' กว่าจะมาถึงสยาม
    จากที่กล่าวมาข้างต้นว่าชามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ จะว่าไปแล้วประเทศนี้ดูจะเป็นต้นกำเนิดของหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้ขึ้นชื่อว่าเพื่อสุขภาพเสียจริงๆ <ถ้าท่านที่เคยดูหนังจีนกำลังภายในคงจะรู้กันดี ขนาดคนที่ตายแล้วยังสามารถฟื้นมาได้> เมื่อมีการเกิดก็ต้องมีการเคลื่อนไหวเคลื่อนย้ายเป็นธรรมดาของโลก ชาก็เช่นเดียวกัน จากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ชาได้ถูกเผยแพร่นำไปปลูกในประเทศต่างๆ จะขอกล่าวอย่างคร่าวๆ เริ่มจากประเทศที่อยู่ใกล้จีนนั่นเองคือ ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาชาก็เดินทางมาเรื่อยๆ จนถึงประเทศมาเลเซีย ลงไปถึงสิงคโปร์ อินเดีย อินโดนีเซีย ศรีลังกา ไม่ใช่ในทวีปเอเชียเท่านั้น ชายังเดินทางไปถึงทวีปยุโรป ซึ่งอังกฤษเป็นประเทศเเรกที่รู้จักนำใบชามาใช้ประโยชน์ ในประเทศฝรั่งเศส ชาก็ถูกยอมรับเป็นเครื่องดื่มในศตวรรษที่ 17 ส่วนรัสเซียก็เป็นประเทศหนึ่งที่นิยมและหลงไหลในรสชาติของชา แต่การเดินทางของชายังไม่สิ้นสุดเท่านั้น จากทวีปยุโรปยังเข้าสู่ทวีปแอฟริกาและเข้าไปยังแดนจิงโจ้ ทวีปออสเตรเลีย
    แล้วชาเข้ามาในประเทศไทยเมื่อไหร่กัน?
    ในสมัยสุโขทัยช่วงที่มีวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนกับจีนพบว่าได้มีการดื่มชากันแล้ว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่านำเข้ามาอย่างไรและ เมื่อใด แต่จากจดหมายองท่านลาลูแบร์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้กล่าวว่า คนไทยได้รู้จักการดื่มชาแล้ว โดยนิยมชงชาเพื่อรับแขก การดื่มชาของคนไทยในสมัยนั้นดื่มชาแบบชาจีนไม่ใส่น้ำตาล การปลูกชาในประเทศไทยจะอยู่ทางภูเขาทางภาคเหนือของประเทศไทย เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอากาศในแถบนั้นเย็นสบายน่าอยู่เสียจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ ลำปาง และตาก จึงเหมาะสมมากที่จะปลูกชาในบริเวณนั้น คนภาคเหนือคงเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ลิ้มลองรสชาติอันหอมกรุ่นของชาก็เป็นได้
    หลังจากที่ได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยอย่างจริงๆ จังในปีพ.ศ. 2480 โดยสองพี่น้องตระกูลพุ่มชูศรี คือ นายประสิทธิ์ และนายประธาน พุ่มชูศรี ชาก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนในประเทศไทย สองพี่น้องนี้นับว่าเป็นบุคคลสำคัญของวงการชาก็ว่าได้
    ในยุคที่อะไรๆ ก็ต้องพึ่งเทคโนโลยีนี้ การบริโภคของคนไทย หรือ แม้แต่คนต่างชาติต่างภาษา ก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการเวลา ยิ่งทุกวันนี้ สุขภาพของคนเราถ้าไม่ได้รับการบำรุงรักษาก็ต้องย่ำแย่ตามไปด้วย การหันมาบำรงสุขภาพโดยการดื่มชา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของมนุษย์โลก
    แล้วชาเข้ามาในประเทศไทยเมื่อไหร่กัน?
    ในสมัยสุโขทัยช่วงที่มีวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนกับจีนพบว่าได้มีการดื่มชากันแล้ว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่านำเข้ามาอย่างไรและ เมื่อใด แต่จากจดหมายองท่านลาลูแบร์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้กล่าวว่า คนไทยได้รู้จักการดื่มชาแล้ว โดยนิยมชงชาเพื่อรับแขก การดื่มชาของคนไทยในสมัยนั้นดื่มชาแบบชาจีนไม่ใส่น้ำตาล การปลูกชาในประเทศไทยจะอยู่ทางภูเขาทางภาคเหนือของประเทศไทย เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอากาศในแถบนั้นเย็นสบายน่าอยู่เสียจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ ลำปาง และตาก จึงเหมาะสมมากที่จะปลูกชาในบริเวณนั้น คนภาคเหนือคงเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ลิ้มลองรสชาติอันหอมกรุ่นของชาก็เป็นได้
    หลังจากที่ได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยอย่างจริงๆ จังในปีพ.ศ. 2480 โดยสองพี่น้องตระกูลพุ่มชูศรี คือ นายประสิทธิ์ และนายประธาน พุ่มชูศรี ชาก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนในประเทศไทย สองพี่น้องนี้นับว่าเป็นบุคคลสำคัญของวงการชาก็ว่าได้
    ในยุคที่อะไรๆ ก็ต้องพึ่งเทคโนโลยีนี้ การบริโภคของคนไทย หรือ แม้แต่คนต่างชาติต่างภาษา ก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการเวลา ยิ่งทุกวันนี้ สุขภาพของคนเราถ้าไม่ได้รับการบำรุงรักษาก็ต้องย่ำแย่ตามไปด้วย การหันมาบำรงสุขภาพโดยการดื่มชา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของมนุษย์โลก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น