"เพราะรัก" - "เพราะรัก" นิยาย "เพราะรัก" : Dek-D.com - Writer

    "เพราะรัก"

    นิยายรัก เหตุเพราะรัก ทำเพราะรัก ผิดพลาด...ก็เพราะรัก

    ผู้เข้าชมรวม

    254

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    254

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 มี.ค. 51 / 16:19 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เรื่อง  …เพราะรัก
       “ แอน  เป็นแฟนกับเอกนะ”  คำพูดประโยคนี้ผมตั้งใจจะพูดกับแอนมาตั้งนานแล้ว  แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้สักที  จนกระทั่งวันนี้  วันเกิดครบรอบ 19 ปีของแอน  ผมไปงานเลี้ยงที่บ้านของเธอ
      หญิงสาวทำหน้างงพร้อมกับหัวเราะออกมาและพูดว่า “ เอก  ล้อแอนเล่นหรือไง“
       “ เปล่านะ  เอกจริงใจ“  ผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจนิดๆ
        “ เอก เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน  แฟนน่ะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ยั่งยืนหรอก  เอ๊ะ! หรือว่าเอกจะแกล้งแอน  เป็นของขวัญวันเกิด ฮะ“  แอน ตอบเป็นนัย  ใครไม่โง่ก็รู้ว่าเธอปฏิเสธผม
      “ ใครว่าล่ะ  ของขวัญสำหรับแอนน่ะ  นี่ต่างหาก“  ผมหยิบกล่องกำมะหยี่ขึ้นมา  เปิดออก  มันเป็นสร้อยคอจี้เพชรรูปหัวใจ  ผมซื้อมันมาแล้วใส่คำสารภาพรักไว้ข้างใน  ใช่ครับ  จี้อันนี้มันเป็นแบบล็อกเกต  แต่ดูแอนไม่สังเกตเห็นเลย
       “ เอก  มันสวยมากเลย  ขอบคุณนะ  แต่คงจะแพงน่าดู  แอนคงไม่…”
       “ แอน“ ผมขัดขึ้นก่อนเธอจะทันพูดจบ  “ แอนรับไว้เถอะนะ  เอกอยากให้แอนจริงๆ ของแค่นี้ถ้าเอกไม่ได้ให้คนที่เอกรัก  แล้วเอกจะให้ใคร”
       “ ก็ให้ออยไง”  เสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา  ออยนั่นเอง  เธอเป็นพี่สาวของแอน  แต่ 2 คนนี้อายุห่างกันไม่กี่เดือนจึงดูเหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า  แอนรักและชื่นชมในตัวออยมาก  เธอมักจะทำอะไรตามอย่างพี่สาวเสมอ  อะไรก็ตามที่ออยทำแล้วดูดี  แอนจะคอยนำมาเป็นแบบอย่าง  ผมยังจำได้ตอนเด็กๆ 2 คนนี้จะทำอะไรเหมือนๆกัน จนบางทีก็มีคนนึกว่าเป็นฝาแฝด  ถึงจะเหมือนกันมากแต่ขนาดฝาแฝดตัวจริงยังมีที่แตกต่าง  แน่นอน 2 คนนี้ไม่ใช่ฝาแฝด  ความแตกต่างจึงมีอย่างเห็นได้ชัด  คือแอนจะเด่นกว่าออยเสมอ  เพราะเธอสวย  หุ่นดี  ฉลาดทันคน  ร่าเริงสดใสและการแสดงออกที่จริงใจต่อทุกคน  ทำให้มีคนมาหลงรักแอนไม่ขาดสาย  ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  ถ้าเป็นนิยายน้ำเน่าคงมีหลายคนคิดว่าออยคงอิจฉาแอนและเกลียดเธอแต่ออยไม่ใช่คนอย่างนั้น  เธอรักน้องสาวเธอมาก  ผมรู้จัก 2 คนนี้มานาน  เท่าที่จำได้ทั้ง 2 คนเคยทะเลาะกันแค่ครั้งเดียว  เรื่องอะไรนั้นผมก็ยังไม่มั่นใจเพราะดูมันเลือนลางเต็มที  แต่คงไม่มีอะไรสำคัญมากนัก
       ในสมัยเด็กกลุ่มเรามีอยู่ด้วยกัน 6 คน คือ  ผม   แอน  ออย  พล  แก้ว และ นนท์ เรา 6 คนเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่ประถมฯ  มัธยมฯ จนกระทั่งตอนนี้ เราอยู่มหาลัยกันหมดแล้ว  ลองนับดูก็เกือบๆ 10 ปี  แล้วนะเนี่ย
       “ ล้อเล่นน่ะ  แหม  แค่นี้ทำเป็นงงนะยะ“ ออยแหย่เล่น
       “ แอน รับไว้นะ“ ผมตื๊อ
       “ ก็ได้  ขอบคุณนะ“  ผมเอื้อมไปใส่สร้อยที่คอให้เธอ  ผมเองก็คอยสังเกตเธอหลายครั้งแต่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนเธอก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
        “ อ้าว ! ไงแอน  เพิ่ง 19 ไม่ทันไรจะแต่งงานแล้วหรือไง ยังไม่บรรลุเลยนะ“  ผมกับแอนหันไปดูเจ้าของเสียง  นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นไอ้พล  มันเป็นพวกปากเสียที่สุด   พลไม่ใช่คนขวานผ่าซาก เพียงแต่มันชอบพูดจากวนอารมณ์  ชอบพูดให้คนอารมณ์เสียแต่มันก็ตลกดี  ส่วนอีกคนที่เดินมาด้วยกันคือ นนท์  ไอ้นนท์มันเป็นเสือผู้หญิง  แต่ละอาทิตย์จะควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า  แต่กับเพื่อนหญิงในกลุ่ม คือ แอน  ออยและแก้ว  นนท์ไม่เจ้าชู้ด้วย  เพราะมันเป็นคนรักเพื่อน ไม่ว่าเวลาไหนถ้าเพื่อนมีปัญหามันจะปลีกตัวมาเสมอ  ถึงแม้มันกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับใครอยู่ก็ตาม ผมเองก็รู้  แต่มันเคยอ้างว่า 3 คนนี้ดูหน้าตา ท่าทาง คงไม่เก่งเรื่องบนเตียงถ้าจะให้มันนอนด้วยมันขอไปนอนกับเจ้าไก่ย่าง (สุนัขของนนท์) ดีกว่า  ผมรู้ว่ามันพูดเล่นแต่แก้วกลับโกรธยกใหญ่  ไล่เตะนนท์ซะแทบหนีไม่ทัน  แก้วเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง  รักเพื่อน กล้าที่จะทำทุกอย่าง  ครอบครัวเธอมักจะมีปัญหาที่พ่อแม่ทะเลาะกันประจำ  ผมรู้ว่าเธอเองก็เครียดเรื่องนี้แต่แก้วไม่ชอบแสดงออกให้ใครเห็น  เธอมักจะบอกว่า “ กลับบ้านก่อนนะ จะไปดูมวยที่บ้านไม่รู้ยกนี้ใครจะชนะ” เวลาแก้วโกรธ  ไม่ว่าใครก็เอาไม่อยู่  ประมาณว่าโกรธใครเมื่อไหร่  ถ้ามึงไม่ตายกูไม่ขออยู่เป็นคน  แต่แก้วไม่เคยฆ่าใครหรอกอย่างร้ายแรงที่สุดก็ตอนประถม…ไอ้มนุษย์โชคร้ายคนนั้นฟันหัก 2 ซี่ โดนต่อยเข้าที่คางอย่างจัง แล้วก็ตุ๊ยท้องจนจุก เข็ดไปอีกนาน  แต่มันไม่เอาเรื่องหรอก เพราะแก้วขู่จะเตะผ่าหมาก  ไอ้คนนั้นรีบเผ่นหนีเตลิดไปเลย  สาเหตุน่ะหรอครับ  ตลกน่าดู ก็เพราะมันดันจะมาขายขนมจีบยัยแก้วเข้า  หารู้ไม่ว่ายัยแก้วน่ะเป็นเกี๊ยวซ่า  ไม่ใช่ซาลาเปา
       “ อ้าว พล รู้สึกจะจูงหมาเดินนำหน้ามาเลยนะ“ ผมทักพล คุณคงเข้าใจนะ  หมาที่ว่านั่นอยู่ในปากพลมันนั่นแหละ  พลยิ้มแล้วพยักเพยิดหน้ามาทางผมกับแอน
       “ เฮ้ย ! เปล่าฉันกับแอนไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” ทั้งๆที่ผมเองก็อยากให้มีเหมือนกัน
       “ เอกเขาให้ของขวัญแอน  แค่นั้นเอง“ แอนหน้าแดง
       “ ก็  ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย  ร้อนตัวกันเองรึเปล่าเนี่ย“ พลพูดพร้อมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์  ไอ้เรื่องพวกนี้ผมคงสู้เจ้าพลมันไม่ได้จริงๆ
       “ โห ! สร้อยเพชร  หลายพันสิเนี่ย“ นนท์แซวผม
       “ ไอ้บ้า  ไม่ใช่เพชรเถื่อนนะโว้ยถึงราคาแค่ไม่กี่พันน่ะ“ ผมแย้ง
       “ รู้แล้วน่า  บ้านนายมันรวย  คงไม่ซื้อเพชรเก๊หรอก  แอนรู้ไหม  และยิ่งให้แอนด้วยแล้ว  ต่อให้ซื้อเพชรแค่นี้ยังไม่พอ  ใช่ไหม“ พลหันหน้ามาหาแอนแล้วค่อยหันมาหาผม
       “ แอน อย่าไปฟังพลมันเลย มันเป็นพวกพูดโดยไม่ใช้สมองน่ะ” ผมพูดเบาๆให้แอน  ออยและนนท์ได้ยิน   เรา 3 คนขำกลิ้ง  มีแต่ไอ้พลที่ยืนทำหน้างงอยู่กับที่

      วันถัดมาแก้วนัดพวกเรามาเจอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง  พอถึงเวลาพวกเราก็มากันเกือบจะครบแล้วขาดแต่แอนกับแก้ว  เห็นออยบอกว่าแอนกำลังไปทำธุระเดี๋ยวก็มา  ส่วนแก้วเพิ่งโทรมาบอกว่ากำลังมารถมันติด
      “ ไม่รู้ยัยแก้วเรียกพวกเรามาทำไมนะ”  ออยเริ่มบ่นหลังจากรอมานาน 
      “ ไม่รู้สิ  นี่ก็เลยเวลานัดมาตั้งนานแล้วนะ  ฉันต้องรีบไปทำธุระด้วย“  นนท์พูด
      “ ธุระ ?  ร้อยวันพันปีชีวิตนายออกจะว่าง  แล้วแกจะมีธุระอะไรวะ“ ผมถาม
      “ เฮ้อ! เอก  เสียทีคบกันมาตั้งนาน ธุระไอ้นนท์มันจะเป็นอะไรได้ถ้าไม่ใช่นัดสาวไว้“  พลตอบ
      “ พล  นายนี่ สมเป็นเพื่อนซี้ฉันเลยว่ะ  ถูกเผง“นนท์เอื้อมแขนมากอดคอพล
      ระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่  แก้วก็เดินมาที่โต๊ะ แต่แล้วผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามแก้วเข้ามา
       “ ยัยเฉื่อย  หวัดดี“ พลทักแก้ว
       “ ตาเฉิ่ม หวัดดีเช่นกัน“ แก้วทักพลกลับ
       “ ไงพวกเรา  วันนี้ฉันพาแฟนมาให้รู้จัก“ แก้วพูดแล้วชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้น
       “ แฟน!“ ทุกคนพูดแทบจะพร้อมกัน นี่  ยัยแก้วเป็นทอมหรือเปล่าเนี่ย
       “ โถ่! น่าสงสารน้องคนนี้จัง  คงมีอะไรผิดปกติทางสมอง ถึงเลือกแก้ว  ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ  เดี๋ยวจะพาไปหาหมอ“ พลพูดพร้อมทำหน้าสงสารน้องคนนั้น
       “ ไม่ใช่  ตาบ๊องส์  นี่น่ะแฟนคลับย่ะ  เธอชื่อน้อย  อยากมาสัมภาษณ์พวกเราทุกคนน่ะ“ แก้วอธิบาย  เฮ้อ! ค่อยโล่งอกหน่อย  ผมเริ่มสังเกตน้อย  เธอตัวเล็กๆ  ผมสั้น หน้าตาก็น่ารักดี  ดูเธอกำลังสังเกตพวกเราอยู่  สายตาเธอสอดส่ายไปมา  ดูเหมือนกำลังจ้องไปที่ออย
       “ อ๋อ ! ว่าแต่เชิญนั่งก่อนสิ แล้วจะทานอะไรไหมครับ” ผมถาม
       “ ไม่ค่ะ  ขอบคุณ อืม…” เธอหันไปทางออย  “ พี่คือพี่แอนหรือเปล่าคะ หนูเคยได้ยินแต่ชื่อไม่เคยเห็นตัวจริง“ เธอถามออย
       “ เปล่าค่ะ  พี่ชื่อออยส่วนแอนน่ะน้องสาวพี่เอง“ ออยอธิบาย
       “ อ๋อ! ค่ะ  คือน้อยอยู่ชมรมนิตยสารของมหาลัยที่พวกพี่อยู่น่ะค่ะ  ในกลุ่มเด็กปี 1 เนี่ย มีคนชื่นชอบกลุ่มของพวกพี่ที่อยู่ปี 2 มากทีเดียว หนูเองเป็นตัวแทนมาสัมภาษณ์พี่ๆน่ะค่ะ“ น้อยเริ่มอธิบาย
      ความจริงกลุ่มพวกผมก็ไม่ได้ทำตัวเด่นอะไร  เราก็คบกันอยู่แบบกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆ  ผมก็ไม่เข้าใจทำไมไม่ว่าพวกผมจะทำอะไรก็จะเป็นจุดสนใจเสมอ  อาจเป็นเพราะแอนเป็นดาวเด่นของมหาลัยก็ได้  แต่ไม่ว่าจะเป็นผม  พล  นนท์ก็จะมีคนคอยมองจนบางครั้งเหมือนผมเป็นดารางั้นแหล่ะ เคยมีครั้งหนึ่งเรา 3 คนเดินมาด้วยกัน พอดีมีน้องผู้หญิงปี1 คนหนึ่งเดินมาชนผมเข้า พอเรา 3 คนช่วยประคองเขาขึ้นมากำลังจะบอกขอโทษ  พอเธอเงยหน้ามาเห็นพวกผมเข้า ก็รีบวิ่งหนีไปเลย  ผมมารู้เอาวันรุ่งขึ้นว่าน้องคนนี้เลยกลายเป็นจุดสนใจจากผู้หญิงคนอื่นๆ เพราะแค่ผมช่วยประคองเธอขึ้นมาแค่นี้เอง  แก้วกับออยเองก็เป็นที่สนใจเหมือนกันเพราะออยเรียนเก่ง  ใจดี  น่ารัก ส่วนแก้วจะมีรุ่นน้องส่วนใหญ่คิดว่าเป็นทอม   เขาว่าแก้วเท่ห์ดี  แต่ถ้าเป็นเรื่องแอนคงไม่ต้องเล่ามากเพราะไม่มีใครที่ไม่รู้จักแอน แอนได้ฉายาจากรุ่นพี่ว่า Angle เหตุผลคือ แอนเป็นนางฟ้าที่ตกมาจากสวรรค์  ผมว่ามันก็ขำๆดี
      ผมเองก็มีคนมาชอบเยอะแต่ผมไม่นึกรักใครเลยนอกจากAngleของผม  เจ้านนท์มันเสน่ห์แรงเอาการก็อย่างที่ผมเคยบอก  มีผู้หญิงมาให้มันเลือกมากยิ่งกว่าเลือกซื้อกุ้งซะอีก  ส่วนพลมันยังไม่คิดจะสนใจใคร
       “ ที่เรียกฉันมานี่  ด้วยเรื่องแค่นี้น่ะหรอ  ไม่คิดว่ามันเสียเวลาบ้างหรือไง  ตอนไปมหาลัยก็ถามได้  ช่วงวันอาทิตย์ฉันไม่มีเวลามานั่งทำเรื่องแบบนี้หรอกนะ”  ออยชักเบื่อและเริ่มเห็นว่ามันไร้สาระ
       “ ออย  อย่าเพิ่งโมโหสิ  ตอบๆน้องเขาไปเถอะ  นะ“ แก้วอ้อน
       “ ก็ได้  อยากรู้อะไรล่ะ“ ออยทำเสียงเบื่อๆ
       “ ออย  อย่าดุน้องเขาสิขอโทษด้วยนะครับ น้องคนสวย  ช่วงนี้พี่ออยเขาสติไม่ค่อยดี  หวังว่าน้องคงไม่ถือคนบ้า  ไม่ว่าคนเมานะครับ“ ลีลาเสือของนนท์ออกลาย
       “ นนท์  นายหาว่าฉันบ้าหรอ“ ออยโวย
       “ ไม่ใช่ฟังให้จบก่อนสิ  ฉันหมายถึง  เอ่อ….  สวยเป็นบ้าน่ะ“   โธ่เอ๊ย! เรื่องลื่นไหลเนี่ย  ไอ้นนท์มันถนัดนัก 
       “ แล้วไป“ ออยพึมพำ
       “ น้อยอยากรู้อะไรล่ะ“  ผมถามขึ้นเพื่อยุติเรื่องทะเลาะของ 2 คนนี้
       “ ค่ะ  คำถามแรกคือ  พวกพี่รู้จักกันมานานหรือยังคะ“
       “ ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ครับ“ พลตอบอย่างมั่นใจ
       “ เฮ้ย ! ไอ้พลมันเร็วไปว่ะ  คือเราสนิทกันตั้งแต่เด็กๆน่ะครับประมาณตอนอยู่ประถม”
        “ ก็ ราวๆเกือบ 10 ปี แล้วเนอะ“ ทุกคนพยักหน้าตาม
       “ สนิทกันมากไหมคะ“ น้อยถามต่อ
       “ มากขนาดรู้ว่าใครมีไฝกี่เม็ด และมีตรงไหนบ้างน่ะครับ“  ไอ้พลตอบอย่างมั่นใจเช่นเคย
       “ ทะลึ่ง นายรู้ของฉันหรือไง“  แก้วถาม
       “ อ๋อ ของเธออ่ะหรอ  มีไฝ 15 เม็ดตรง…”
       “ พอเลย  นายแต่งเรื่องนี่หว่าเพราะจริงๆของฉันมี16เม็ด”
       “ เอ่อ..คือเราก็สนิทกันมากพอสมควรน่ะครับ“  ผมคงต้องรีบตัดบท เพราะถ้าไอ้พลหลุดปากออกมาว่าตอนเด็กๆพวกเราวิ่งแก้ผ้าเล่นกันบ่อยๆ   พรุ่งนี้คงเป็นข่าวที่น่าอายน่าดู
       “ ค่ะ  แล้วใครมีแฟนแล้วบ้างคะ“  น้อยถามต่อพร้อมหัวเราะไปด้วย
       “ ไม่มี“
       “ เฮ้ย! ฉันมีเป็นโหลเลยนะ“  นนท์โวย
       “ อย่างนายเขาไม่เรียกแฟน  เขาเรียกว่ามั่วไปเรื่อย“  แก้วแย้งทำเอานนท์จ๋อยไปเลย
       “ พี่แก้วมีฉายาอะไรไหมคะ“
       “ กะเทยควาย“ พลตอบแทน  และกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็โดนต่อยไปแล้ว 2 หมัด
       “ ไม่มีค่ะ“  แก้วแก้ตัวทัน
       “ อืม ต่อไปก็… พี่นนท์มีคนเขาถามว่าพี่นนท์เป็นเสือผู้หญิงจริงหรอคะ”
       “ โห น้องไม่ใช่แค่เสือนะ เขาเรียกพ่อเสือจ๊ะ”  แก้วตอบ
       “ น้องอย่าไปฟังพี่แก้วนะคือเธอถูกพี่หักอกมาน่ะ เลยไม่ค่อย…” ยังไม่ทันที่นนท์จะพูดจบก็เจอ 2 หมัดตามพลไปติดๆ
       “ อย่าไปสนใจเลยทั้งกลุ่มพี่อ่ะนะมีเอกคนเดียวล่ะที่เป็นผู้ชายที่ได้เรื่องที่สุด” แก้วพูดแล้วหันหน้ามาทางผม
       “ เอ่อ..ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก“ ผมแก้ตัว
       “ พวกเพื่อนๆหนูชอบพี่เอกมากเลย เขาว่าพี่ทั้งหล่อ  รวย  โสด  สมบูรณ์แบบ พี่..ไม่คิดจีบใครเลยหรอคะ“ มันเป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบอันดับ 1
       “ เอ่อ  …..” ผมไม่รู้จะตอบยังไง ก็ไม่กี่วันนี้ผมเพิ่งถูกแอนหักอกมานี่
       “ เอกเขาไม่ชอบผู้หญิงน่ะ“ แก้วพูด
       “ มะ…ไม่ใช่หมายถึงยังไม่เจอผู้หญิงที่ชอบน่ะ ใช่ไหม“ ออยแก้ตัวแทนผม
       “ อืม  อย่างที่ออยว่านั่นแหละ“  ผมเลยต้องเออออตาม
      ขณะนั้นแอนก็เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน
       “ สวัสดีจ๊ะ  ขอโทษทีรถมันติดมากน่ะ  รอนานไหม“ แอนเดินตรงมาที่โต๊ะแล้วทักพวกเรา
       “ อ้าว!  แอน นั่งก่อนสิ“ แก้วหันไปหาแอน
       “ พี่คะ  พี่คือพี่แอนหรอคะ  หนูเพิ่งหายสงสัยวันนี้เองว่าทำไมพี่ถึงได้ดังนัก  เพราะพี่น่ารักขนาดนี้นี่เอง  เพื่อนๆหนูชอบพี่เต็มเลย“ น้อยหันมาสนใจแอน
       “ เอ่อ…ขอบคุณค่ะ  ว่าแต่น้องคือ…“
       “คือ  เขาอยากมาสัมภาษณ์พวกเราน่ะ“  แก้วอธิบาย
       “ อ๋อ“
       “ หนูชื่อน้อยค่ะ  ขอสัมภาษณ์พี่แอนได้ไหมคะ“
       “ เชิญค่ะ  อยากรู้อะไรล่ะ ถ้าตอบได้ก็จะตอบนะ“ แอนพูดแบบใจดี  ดูน้อยจะชอบแอนมาก
       “ อะไรกัน  ยัยแอนมาปุ๊บก็ถามปั๊บ ส่วนคนที่มานั่งรอตั้งนานก็ต้องโดนแซงคิวสิ“ ออยเริ่มบ่น
       “ พี่ออยคะ  น้อยขอถามพี่แอนก่อนละกันนะคะ  พี่ออยรอแป๊บนึง“
       “ เสียใจค่ะ  พี่ไม่ว่างแล้ว  กลับก่อนนะทุกคนเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ“  ออยลุกขึ้น  แล้วเดินออกไป
       “ เขาเป็นอะไรน่ะ“ แอนกระซิบถามผม  ผมคิดว่าเขาคงน้อยใจ  แต่ผมก็ส่ายหัวเพื่อบอกแอนว่าผมไม่รู้  ดูน้อยไม่ใส่ใจออยเลยสักนิด  ไม่ใช่แค่ออยคนเดียวเพราะหลังจากที่แอนมาน้อยก็ไม่ถามใครอีกเลยนอกจากแอน  จะมีก็ไม่กี่ครั้งที่พวกผมพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย  แต่ไม่ได้พูดอะไรนัก  ถ้าให้ผมคิดผมคงคิดว่าน้อยมาเพื่อสัมภาษณ์แอนคนเดียว  น้อยถามแอนเกือบทุกเรื่อง  จนพวกเราเกือบจะหลับ  เลยสั่งไอศกรีมมากินกัน
      ผมกินไปมองไป  น้อยถามแอนไม่หยุด  แอนเองก็ตอบได้ดีไม่ตื้นไม่ลึกเกินไป  จากที่ผมสังเกตเห็นได้ชัดว่าน้อยชอบแอนมากและแอนเองก็ดูมีเสน่ห์ไม่เบา  ผมยังคงมองเธอ จนผมเห็นแอนหันมามองผมแล้วหัวเราะ
      “ หน้าเอกเหมือน จาตุรงค์  มกจ๊ก หรือไง  ขำอยู่ได้“  ผมงงเธอ
      “ เปล่า  แต่ไอติมเลอะปากน่ะ  กินเหมือนเด็กเชียวนะ“  และแอนก็เอาทิชชู่มาเช็ดปากให้ผม   น้อยมองยิ้มๆ  “ พี่ 2 คน เป็นแฟนกันหรือเปล่าคะ  หนูกับเพื่อนยังลุ้นให้พี่ 2 คนรักกันเลย  ใครๆก็ว่าเหมาะกันมาก“ 
      “ เปล่าค่ะ  คือ เราแค่…เพื่อนกัน“ แอนหน้าแดง  ผมมองเธอ ขนาดอายยังน่ารัก  แล้วผมก็เหลือบไปเห็นที่คอเธอ  เธอใส่สร้อยที่ผมให้อยู่  ผมรู้สึกดีใจมาก  แต่แล้ว ความรู้สึกแปลกๆ  เหมือนมีคนกำลังจ้องผมอยู่  จ้องไม่กระพริบ  จ้องแบบอาฆาต  ผมขนลุก เหงื่อตก  แล้วผมจึงมองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีใครที่จ้องผมแบบนั้นจะมีก็แต่…พล   ผมเห็นพลกำลังจ้องมาทางผมแต่ไม่ได้จ้องที่ผม  สายตามันมองเลยผมไปผมมองพลแล้วหันไปมองตามสายตาของพลแต่ก็ไม่เห็นอะไร  เมื่อผมหันกลับมาผมก็เห็นพลกำลังหลับตากำลังทำท่าเหมือนใช้ความคิดอยู่  แล้วสายตาคู่นั้นก็หายไป
      “ เอกเป็นอะไรหรือเปล่า“ แอนถามผม
      “ เปล่า“  ผมพูดไม่ออก  “ ไม่มีอะไร“
      ว่าแต่   สายตาคู่นั้นมันเป็นของใคร ?
      2
       วันนี้เป็นวันจันทร์  พวกเราจึงต้องไปเรียนที่มหาลัย  ก่อนไปผมมักจะแวะรับแอนกับออยเสมอเพราะมันเป็นทางผ่านไปมหาลัย  ผมเป็นคนขับ  ออยนั่งข้างๆผม ส่วนแอนนั่งข้างหลัง ก็อย่างว่าล่ะแอนมักจะให้เกียรติ์พี่สาวเธอเสมอ
       ผมเรียนแพทย์  พลกับนนท์เรียนวิศวะ   แอนและออยอยู่คณะอักษรศาสตร์ด้วยกัน  ส่วนแก้วอยู่คณะรัฐศาสตร์  ถึงพวกเราจะสนิทกันมากแค่ไหน  แต่ก็ไม่เลือกเรียนตามเพื่อน  พวกเราถือว่าการได้เรียนในสิ่งที่ชอบจะทำให้ประสบความสำเร็จ  ถึงตอนเรียนจะอยู่คนละคณะกัน  แต่ตอนเที่ยงของทุกวัน  เรา 6 คน จะมานั่งประจำโต๊ะทานข้าวด้วยกันเสมอ  ออยกับแก้วจะคอยไปซื้อน้ำให้พวกเรา  ผู้ชายก็กินเบียร์เป็นธรรมดา  ถึงผมจะไม่ถึงกับชอบเบียร์แต่ก็ต้องกินเพราะมันดูเท่ห์ดี  แก้วชอบดื่มน้ำอัดลม  ส่วนออยมักจะดื่มน้ำส้มและเธอก็มักจะซื้อน้ำส้มให้แอนด้วย เพราะออยว่ายังไงแอนก็ชอบเหมือนเธอ  แต่แอนเคยแอบบอกผมว่าเธอชอบน้ำแอปเปิ้ลมากกว่า  เรื่องนี้ถ้าใครไปกินข้าวกับแอนบ่อยๆก็คงรู้แต่ถ้าออยไปด้วยเธอก็ยังสั่งน้ำส้มอยู่ดีเพราะแอนคงไม่อยากทำให้ออยเสียน้ำใจ  เลยดื่มน้ำส้มไม่เคยบ่นสักคำ
       “ ไม่เข้าใจเลย  ทำไมผู้ชายชอบดื่มเบียร์  ไม่เห็นอร่อยเลย  ไม่ดีต่อร่างกายอีกต่างหาก“ แอนบ่น  เธอมักจะบ่นอยู่ประจำเวลาพวกผมดื่มเบียร์   จากที่ผมเคยได้ดื่มเบียร์มาผมก็ว่ามันเฉยๆไม่ถึงกับชอบมากแต่ผมพูดไม่ได้หรอกไม่งั้นไอ้พลคงหาว่าผมเป็นแต๋ว
       “ เธอเป็นผู้หญิงก็อยู่ส่วนผู้หญิงไป  ไว้ถ้าเธอเป็นผู้ชายเมื่อไร  ก็ลองชิมดูเอาเองละกัน“ พลตอบ
       “ นี่  พลพูดอย่างกับแอนจะกลายเป็นผู้ชายได้งั้นแหละ“
       “ ได้สิ  ไปแปลงเพศไง“
       “ อะไรนะ“ แอนหันมาโวย  ทั้งสองคนเถียงกันใหญ่จนผมเห็นนนท์เอานิ้วอุดหู  ผมเลยต้องขัดขึ้น
       “ แล้ว  ทำไมผู้หญิงชอบน้ำผลไม้ล่ะ“ ผมถาม
       “ ใครว่า  ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนสักหน่อย“ แก้วแย้ง
       “ อ๋อ  ไอ้เอกมันคงลืมไปน่ะ  ว่าเธอเป็นผู้หญิง“  พลเสริม  และสงบปากสงบคำลงเมื่อเห็นแก้วชูหมัดขึ้น
       “ เอกก็ลองชิมดูสิ“ แอนยื่นน้ำมาให้ผม  ผมลองชิมดู  “ ก็อร่อยดีนะ  แต่มันหวานไปหน่อย  ไม่เลี่ยนหรอ“
       “ เลี่ยนหรอ  ไม่สักหน่อย“  แอนตอบแล้วรับน้ำคืนไป
       “ เธอ 2 คนไม่เลี่ยนเท่าพวกเราหรอก  นั่งดูเธอ 2 คนจู๋จี๋กันน่ะ“ แก้วพูด
       “ แถมจูบกันทางอ้อมด้วย“  พลพูดต่อโดยไม่คิดอะไร ( หมายถึงไม่คิดก่อนพูด ) มันทำให้ผมเพิ่งนึกได้  เมื่อกี๊ผมใช้หลอดดูดอันเดียวกับเธอ  ใจเต้นใหญ่  นี่ผมจูบกับแอนทางอ้อมหรอเนี่ย
       “ บ้า  คิดอะไรน่ะ  ลามก“  แอนหันมาถลึงตาใส่พล
      ผมอมยิ้ม  แอนหันมาตีผม  คนอื่นๆนั่งขำกันใหญ่  แต่…และ…มันกลับมาอีกแล้ว  มันเกิดขึ้นอีกแล้ว  สายตาที่เคยจ้องผมคราวนั้น
       ผมหันไปมองรอบๆ  แต่ก็ไม่เห็นอะไร  ในขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องผมอยู่  เสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว
       ระหว่างทางกลับบ้านวันนั้น  ผมเฝ้าคิดถึงแต่สายตาคู่นั้น  มันมองผมทำไม  แล้วทำไมต้องจ้องแบบอาฆาตขนาดนั้น  ถึงมันจะเป็นแค่ความรู้สึก  เพราะผมไม่เคยเห็นมันแบบจังๆ  แต่มันก็ทำให้ผมขนลุกได้  ทั้งๆที่ผมเองก็เคยขึ้นเวทีประกวดมาหลายต่อหลายครั้ง  มีสายตาจ้องมองผมนับร้อย  ก็ยังไม่เคยรู้สึกแบบนี้  เอ…มันชักมีอะไรแปลกๆซะแล้ว
       ผมส่งออยกับแอนที่บ้าน และขับรถกลับ  คืนนั้นผมนอนไม่หลับ  เพราะมัวแต่คิดทบทวนถึงสายตาคู่นั้น  ที่จ้องผมถึง 2 ครั้ง 2 คราว  และจากที่ผมคิดได้ก็คือผมจะรู้สึกถึงมันทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้ชิดแอน
      และผมก็คิดว่าผมได้รู้คำตอบในวันรุ่งขึ้น  เมื่อพวกเราไปถึงมหาลัย  พอพักเที่ยง  แอนก็มาหาผม  เธอว่ามีคนแอบเอาจดหมายรักไปใส่ในกระเป๋าแอน ตอนไหนก็ไม่รู้  และอีกหลายๆครั้งมีคนเอาของมาให้แอนแบบฝากคนอื่นมาให้ ทั้งดอกไม้  ขนม  มันทำให้ผมคิดว่าคนที่จ้องมองผมอาจเป็นคนคนนี้ก็ได้  เขาคงหึงล่ะมั้ง  แอนวิตกมากกลัวจะเป็นพวกโรคจิต  เธอจึงมาปรึกษาพวกเรา
       “ อะไรกันแอนคิดมากไปหรือเปล่า  เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องตกอกตกใจอะไรนี่  เธอเองก็ออกจะเด่นดังขนาดนั้น  คงต้องมีคนแอบปลื้มเป็นธรรมดา“  แก้วเสนอความเห็นและคิดว่าแอนคิดมากไปเอง
       “ นั่นสิ  เธอเองก็เคยได้รับจดหมายรักหรือของแบบนี้บ่อยๆไม่ใช่หรอ  ไม่เห็นเธอจะกังวลอะไรเลย  แล้วคราวนี้ทำไมคิดมากได้ล่ะ” นนท์ถาม
       “ ใช่  เธอได้ของพวกนี้ไม่เห็นแปลกตรงไหน  ถ้าเป็นแก้วได้สิ  แปลก  เป็นไปได้ว่าคนคนนั้นคงเป็นพวกโรคจิตหรือไม่ก็พวกชอบของแปลก”  พลแสดงความคิดเห็น  ที่ทำให้มันโดนต่อย  จึงเงียบได้
       “ ที่พวกนี้พูดก็ถูกนะ  แอนคิดไปเองน่ะแหละ“  ผมเสริม
       “ มันก็ใช่  แต่…แอนรู้สึกว่าครั้งนี้มันแปลกกว่าทุกครั้ง“ แอนยังไม่เลิกคิด
       “ แปลกหรอ  แปลกยังไง“ ออยถาม
       “ ก็ลองอ่านดูสิ“  แล้วแอนก็หยิบจดหมายขึ้นมาให้พวกเราดู
      ผมรับจดหมายมาดู  อืม  ใช่   มันแปลกจริงๆ  ถ้าเป็นผม  ผมคงไม่เขียนจดหมายรักแบบนี้หรอก

      แอน ยอด รัก
       ที่รัก  ผมมี  เรื่องสำคัญ  จำเป็น  ที่  จะต้องบอกคุณ  เรื่อง  ของเรา.  คืนนี้  ผมจะโทรหา  คุณเวลา  2ทุ่ม  กับ  ความอยาก  เจอ.ผม  รักและ  ชื่นชมคุณมาตลอด  ถ้าคุณมีความทุกข์  เรื่อง  ไหนก็ตามเรา  จะคุย  กัน.  ผมรักคุณ  เหมือน  เดิม.
      รักมาก
      ถ้าคุณไม่เข้าใจ
      ลองให้คนอื่นช่วยสิ
        254 ฉ  L  ฏ  V  ฅ  Y  ฏ  U  ณ  O  ญ  U  ฃ  H

       “ แปลกว่ะ  ว่าแต่ไอ้ตัวอักษรข้างล่างมันหมายถึงอะไร  อ่านไม่เป็นคำ“  นนท์ถาม
       “ ไม่รู้เหมือนกัน  ภาษาเขียนก็แปลกๆ  ดูไม่เป็นประโยค  แถมยังเขียนเว้นวรรคขาดๆอีก“  แอนสับสน
       “ จะว่าคนคนนี้ไม่ค่อยรู้ภาษา  ก็คงไม่ได้  เพราะทุกคำก็สะกดถูกต้องและยิ่งเรียนถึง
      มหาลัยด้วยแล้ว  ไม่น่าเขียนเว้นวรรคแบบนี้น่าจะจงใจเขียนมากกว่า“  พลเสนอ
       “  หรือว่ามันจะไม่ใช่คนในมหาลัย  เป็นไปได้ไหม  ที่จะเป็นคนนอก“ ออยถาม
       “  ไม่น่าเป็นไปได้  คนที่สามารถส่งของให้แอนได้จะต้องรู้จักมหาลัยเราดีเพราะแอนเองก็ไม่ได้มีเพื่อนข้างนอกมากมาย“  พลตอบ
       “  แล้วไอ้เลข 254 นี่มันจะหมายความว่าไงไม่เห็นเกี่ยวกันเลย“  แก้วถาม
       “ เธอถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครฮะ“  พลหันมาคุยกับแก้ว
       “ ฉันไม่ได้ถามเธอสักหน่อย  ไม่รู้ก็อย่าจุ้นได้มั้ย“ แก้วแยกเขี้ยวใส่   สงสัย 2 คนนี้จะออกศึกกันอีกแล้ว 
       “ ขอออยดูหน่อยสิ“  แอนหยิบจดหมายส่งให้ออย
      ออยใช้เวลาอ่านนานพอสมควร  เธอคงอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายเที่ยว  แต่เธอเองก็ยังไม่เข้าใจ 
       “ ออยว่าบางทีมันอาจไม่มีอะไรก็ได้นะ  เขาคงเขียนมาเล่นๆ”  ออยเสนอ
       “ เฮ้อ !  อาจจะใช่ก็ได้ในเมื่อเราคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก  ก็อย่าคิดให้ปวดหัวเลย“  แก้วชักเซ็ง
       “ เอาน่า  มันจะมีหรือไม่มีก็อย่าเพิ่งคิดมากเลย แต่วันนี้แอนระวังตัวด้วยล่ะ ในจดหมายบอกคืนนี้นี่“  นนท์เตือนด้วยความเป็นห่วง
         “ แอน  ผมขอเก็บจดหมายนี่ไว้นะ“  ผมหันมาถามแอน
       “ เอกจะเอาไปทำไม“  ออยถาม
       “ ก็เผื่อว่างๆเอกคิดได้ไง“
       “ ก็ได้“ แอนให้ผม “ บางทีแอนอาจคิดมากเองก็ได้“
       ขากลับ ผมขับรถไปส่งแอนที่บ้าน  ส่วนออยบอกว่ามีธุระขอตัวกลับไปก่อน  มันจึงเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้อยู่กับแอน 2 คน  แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด  เพราะบรรยากาศในรถเงียบเชียบ  ตลอดทางแอนไม่ได้เอ่ยปากคุยกับผมเลย  ผมเหลือบมองเธอหลายครั้ง  สีหน้าเธอดูวิตก
       “ แอน  คิดมากเรื่องจดหมายหรือไง“  ผมทำลายความเงียบลงได้
       “ อืม“  ในที่สุดแอนก็คุยกับผมถึงมันจะแค่คำเดียวก็เถอะ “ แอนกลัวว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นน่ะ“  เธอพูดต่อ
       “ ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหม“  ผมถามเธอ
       “ ไม่เป็นไรหรอกพี่ออยก็อยู่  เขาคงไม่กล้าทำอะไร“
       “ ก็ได้  งั้นแอนอย่าคิดมากนะ  และถ้ามีอะไรล่ะก็  แอนรีบโทรหาเอกเลยนะ“  แอนพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้ผม  แต่สีหน้าเธอก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเลย
       ผมส่งเธอหน้าบ้าน  และย้ำเธออีกครั้ง
       “ แอนสัญญานะ  ไม่ว่าดึกแค่ไหน  ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องโทรหาเอก“
       “ อืม“ แอนตอบผมสั้นๆ
       “ แน่ใจหรอว่าไม่ให้ผมอยู่เป็นเพื่อน“
       “ ค่ะ“
       “ ให้ผมเข้าไปส่งข้างในไหม“
       “ ไม่ต้องหรอก  ส่งแค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว“
       “ ก็ได้  แต่ถ้ามีอะไรอย่าลืมโทรหาผมนะ”
       “ เอก  เอกย้ำแอนมาเกือบ 20 ครั้งแล้วนะ  แอนจำได้ขึ้นใจแล้ว  ทำเป็นแม่แอนไปได้“
       “ ก็ผมเป็นห่วงนี่“
       “ ค่า  ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง“  เธอส่งยิ้มให้ผม  “ แอนไปนะ  บ๊ายบาย”
      แล้วผมก็ขับรถออกไปสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้
       ที่บ้านแอนอาศัยอยู่กับพี่สาว 2 คนพ่อแม่เธอเสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน  แต่เดิมพวกเธออยู่บ้านที่จังหวัดตรัง  เพราะพวกเธอเป็นคนตรัง แต่พอออยกับแอนอยู่ประถม 5 ก็ถูกส่งมาเรียนที่กรุงเทพ โดยอาศัยอยู่บ้านน้าสาว  เพราะเป็นช่วงที่พ่อแม่เธอไม่ค่อยอยู่บ้าน  ไม่มีเวลาดูแล  แต่ตอนนี้น้าคนนั้นไปอยู่เมืองนอกกับสามีเขาเลยยกบ้านหลังนี้ให้  ซึ่งบ้านหลังนี้อยู่ห่างจากบ้านของผมไม่มาก  เลยได้เจอกับพวกผมที่เล่นด้วยกันอยู่ก่อนแล้ว  พอพ่อแม่เธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ  บ้านที่ตรังก็เลยไม่มีใครอยู่  ทีแรกออยกับแอนคิดจะขายบ้าน  แต่พอไปเก็บข้าวของ  ออยเกิดเปลี่ยนใจอยากเก็บบ้านหลังนั้นไว้  เลยไม่ได้ขาย  ทุกปีพวกเราจะไปที่บ้านหลังนั้น  ไปเซ่นไหว้พ่อแม่พวกเธอ  และถือโอกาสไปเที่ยวด้วย  ทุกวันนี้แอนว่าเธอมีแต่พี่สาวคนเดียวเธอจึงทั้งรักนักรักหนา
       ผมกลับถึงบ้านก็ 6 โมงพอดี  ผมขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมานั่งดูทีวีนี่เป็นกิจวัตรของผมอย่างหนึ่ง  รายการโปรดของผมจะมาตอนสามทุ่มครึ่ง  ผมมักจะหาอะไรมากินเวลาดูไปด้วย  พอดีมันเป็นรายการตลกผมเลยสำลักบ่อยๆเพราะชอบกินไปดูไป  ผมนั่งดูไปก็ขำกลิ้งใครเห็นคงหาว่าบ้า  พ่อแม่ผมไม่ได้อยู่กับผมหรอกท่านเป็นหมอทั้งคู่  ไปเปิดโรงพยาบาลที่อเมริกา  ว่างๆผมก็ไปเยี่ยมท่าน  แต่รายการนี้มันขำจริงๆนะครับ  แทบไปกลิ้งกับพื้นทีเดียว  ผมดูไปได้สักพักก็พอดีได้ยินเสียงโทรศัพท์  เลยลุกไปรับจะว่าไปมันควรจะเรียกว่าคลานไปรับมากกว่า  เพราะผมขำจนท้องแข็ง  ฮะฮะ  ยืนไม่ไหว
       “ 2 ทุ่มแล้วหรอเนี่ย  ไวจังแฮะ“
       “ กริ๊ง  กริ๊ง“
       “ รู้แล้ว  รู้แล้ว  ไปรับแล้ว“  ผมรับโทรศัพท์ขึ้นมา
       “ สวัสดีครับ“
       “ เอก…“
       “ อ้าว  แอน  มีอะไรหรอ“
       “ เอก…ช่วยแอนด้วย“
       “ แอน ! แอน ! เกิดอะไรขึ้นน่ะ  แอน !“
       “ ตู๊ด  ตู๊ด“  สายหลุดไปแล้ว
       “ แอน !“  ผมรีบวิ่งไปที่รถ  ขับบึ่งไปที่บ้านของแอน  พระเจ้า ! ขออย่าให้แอนเป็นอะไรเลย  ผมน่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ  ไม่น่าเลยจริงๆ  ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแอนผมจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเด็ดขาดที่ปล่อยเธอไว้คนเดียวอย่างนั้น  เพิ่งรู้นะเนี่ยอาการใจหายมันเป็นยังไง
       ระหว่างทางเกิดฝนตกหนัก  แต่ความเร็วในการขับรถของผมไม่ได้ลดลงเลย  และเมื่อผมขับมาถึงหน้าบ้านของแอน  ผมก็รีบวิ่งเข้าไปดู  สภาพบ้านถูกรื้อ  ข้าวของเละเทะเหมือนมีใครมารื้อของในบ้าน  ทั้งบ้านมืดสนิท  มีแต่เสียงฝนตกที่ดังอื้ออึงไปหมด  ผมตะโกนเรียกแอนหลายครั้ง  ไม่มีเสียงตอบ  แล้วในขณะนั้นฟ้าก็ผ่าลงมาดังสนั่น  ในช่วงเวลาที่แสงจากฟ้าผ่าแลบขึ้นมามันก็ทำให้ผมเห็นแอน  เธอกำลังนั่งตัวสั่นอยู่มุมห้อง  เนื้อตัวเปียกปอนไปหมด  ผมวิ่งเข้าไปกอดเธอ  เนื้อตัวเย็นเฉียบ  แล้วเธอก็กอดผมและเริ่มร้องไห้
       ผมพาเธอไปนั่งบนโซฟา  แล้วจึงเดินไปเปิดไฟ  พอผมเปิดไฟถึงได้รู้ว่า บ้านไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก  แค่ข้าวของกระจัดกระจายเหมือนมีใครมาชกต่อยกันในบ้านมากกว่า  พื้นบ้านเปียกไปหมดอาจเป็นเพราะฝนที่สาดเข้ามา  ผมจัดการเก็บข้าวของให้ดูเรียบร้อย  แล้วจึงนำนมอุ่นๆมาให้เธอ  ผมนั่งลงข้างๆแอน
       “ แอน  เป็นไงบ้าง  ดีขึ้นไหม“  ผมเริ่มคุยกับเธอพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติที่สุด  แอนตัวสั่น  หน้าซีด  ผมจึงไปหาผ้าห่มมาห่มให้เธอ
       แอนพยักหน้า  “ ตอนแอนได้ยินเสียงเอก  แอนก็อยากจะขานรับแต่มันพูดไม่ออก“ เธอพูดเสียงสั่น  “ นึกว่าจะแย่ซะแล้ว  กลัวแทบตาย“  แอนฝืนหัวเราะ  ผมรู้  เธอไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าผม  แอนไม่ชอบให้ใครเห็นเธอร้องไห้  เธอไม่อยากให้ใครหาว่าเธออ่อนแอ
       ผมดึงเธอเข้ามากอดไว้ “ แอน  ผมไม่มองคุณหรอก  อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ“  ผมหลับตาลงพยายามไม่มองเธอ  แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเธอร้องไห้อย่างที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน
       แล้วแอนก็หยุดร้อง  เธอพยายามทำเป็นว่าเธอไม่เป็นไร  แต่ผมก็สังเกตได้ว่าเธอยังตกใจอยู่
       “ แอน  มันเกิดอะไรขึ้น“ 
       “ แอนก็ไม่แน่ใจ  จำได้แต่ว่าแอนอยู่ข้างบน  และก็ได้ยินเสียงคนอยู่ข้างล่าง  ทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไรนึกว่าเป็นพี่ออย  แต่…”  แอนหยุด  เหมือนกำลังเรียกความทรงจำกลับมา
       “ แต่อะไร“
       “ แต่อยู่ๆมันก็เกิดเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน  แอนเลยลงมาดู“ เธอหยุดเล่าอีกครั้ง  แล้วยกนมขึ้นมาดื่ม
       “ แอนไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง  พอแอนลงมาข้างล่าง  แอนก็เห็นบ้านเละเทะแบบตอนแรก  ประตูก็เปิดทิ้งไว้  ฝนตกหนัก“  แอนหยุดอีกครั้งแล้วเล่าต่อ
       “ แอนตะโกนเรียกพี่ออยเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบ  แอนวิ่งออกไปหน้าบ้านก็ไม่มีใคร“
       “ หมายความว่าตอนนี้ออยหายตัวไปงั้นสิ“ ผมชักสงสัย
       “ ใช่  แต่แอนไม่รู้ว่าพี่ออยยังไม่กลับบ้านหรือว่าจะถูกใครลักพาตัวไป  นี่มันก็ดึกมากแล้ว  พี่ออยไม่เคยกลับดึกโดยไม่โทรมาบอกเลย“ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วงพี่สาว
       “ แอนลองโทรเข้ามือถือออยหรือยัง“
       “ โทรแล้ว  แต่ปิดเครื่อง“ แอนตอบแบบหัวเสีย  ผมคิดว่าถึงถามต่อไปแอนคงไม่อยากตอบเท่าไร  น่าจะให้เธอพักผ่อนมากกว่า
       “ นี่มันก็ดึกมากแล้ว  แอนไปนอนก่อนเถอะ“ ผมบอกเธอ  และเธอก็พยักหน้า
       “ เอก“
       “ หือ?“
       “ แอนขออะไรอย่างสิ“
       “ อะไรล่ะ“
       “ คืนนี้เอกอยู่เป็นเพื่อนแอนได้ไหม“
       “ …“  ผมไม่ได้ตอบอะไร
       “ เอ่อ  คือ  แอนไม่ได้หมายถึงให้เอกเป็นยามนะ  แอนจะนั่งอยู่ด้วย  ดูทีวีกัน จนโต้รุ่งเลย นะ“  แอนบอกผม  แต่สายตาเธอดูอ่อนล้าเต็มที
       “ คงไม่ได้หรอก“  ผมตอบเธอ  แอนทำหน้าเศร้า  “ ผมหมายถึง คุณน่ะควรไปนอนได้แล้ว  ส่วนผม  จะนั่งอารักขาคุณ  โอเคไหมครับ  นายหญิง“  แอนยิ้มออก  พอแอนหลับไป ผมก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอจนเช้า  เธอนอนกุมมือผม  ความจริงถึงแอนจะไม่ขอให้ผมอยู่  ยังไงผมก็ต้องหาทางเฝ้าดูแลเธอให้ได้  จะไม่ปล่อยให้เป็นแบบเดิมเด็ดขาด  ไม่ได้เฝ้าในห้อง  ก็หน้าห้อง  ไม่หน้าห้องก็นอกบ้าน  ยังไงก็ไม่ยอมให้ใครมาทำแบบนี้อีก
      3
       ผมไม่ได้นอนเลยทั้งคืน  คอยแต่นั่งอยู่เป็นเพื่อนแอน  พอ 6 โมงเช้า  ผมจึงลงไปหาอะไรทาน  แล้วจึงเตรียมอาหารเช้าให้แอนด้วย  ไม่มีวี่แววของออยเลย  ไม่รู้เธอไปไหน  ผมปิ้งขนมปังทาเนย  ชงกาแฟ  แล้วยกไปให้แอนและตาของผมก็ไปสะดุดกับอะไรอย่างหนึ่ง  มันคือแหวนรูปหัวกะโหลก    ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นของแอนเพราะเธอไม่ชอบของแบบนี้  หรือจะเป็นของออย  ก็อาจใช่ ในเมื่อบ้านนี้ก็อยู่กัน 2 คนไม่ใช่ของแอนก็ต้องเป็นของออย  ผมจึงเก็บไว้กะว่าจะเอาไปคืนเธอ
       ผมเดินขึ้นมาบนห้องแอน  แล้วเคาะประตู
       “ เชิญค่ะ  แอนแต่งตัวเสร็จแล้ว“  เสียงแอนดูสดใสขึ้นมาบ้าง  ผมจึงเดินเข้าไปพร้อมถาดอาหาร
       “ อรุณสวัสดิ์ครับ  นายหญิง  กระผมเอาอาหารมาเสริฟ์แล้วขอรับ“ ผมหันมาหัวเราะให้แอน  เธอนั่งลงแล้วก็ขำ
       “ แอน  ขำอะไร“ ผมถาม
       “ ก็   ก็  แอนเพิ่งเคยเห็นเอกใส่ผ้ากันเปื้อนแบบผู้หญิง  เหมือนแม่แอนเลย  ฮะ  ฮะ“
       “ ยัยบ้า  ขำอยู่ได้  กินไปเลยเร็วๆเข้า“  ผมเองก็อายเหมือนกัน  เลยจะถอดผ้ากันเปื้อนออก
       “ อ้าว  อย่างเพิ่งถอดสิ  น่ารักออก  ฮิๆ“ แอนขำใหญ่ถึงผมจะอายแต่ก็ดีใจที่ทำให้เธอหัวเราะได้
       หลังจากจัดแจงเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้วผมก็ต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้าน  ผมจึงพาแอนไปด้วย
       “ แอนนั่งรอตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวผมมา  แป๊บเดียว“
       “ อืม“
       ผมขึ้นไปจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยอย่างเร็วที่สุด  แล้วรีบลงมา
       “ แอน  เสร็จแล้วไปกันเถอะ”
       “ บ้านเอกน่าอยู่ดีนะ  หลังใหญ่ขนาดนี้อยู่คนเดียวไม่เหงาหรอ“
       “ ไม่หรอก  เพราะเอกไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไร  ไม่อยู่มหาลัย ก็ชวนเพื่อนไปหาอะไรทำข้างนอก“ ผมตอบ  แต่แอนหันหน้ามาหาผมอย่างสงสัย
       “ หาอะไรทำข้างนอก  อย่าบอกนะว่าไป…”
       “ จะบ้าหรอ  เอกเป็นคนแบบนั้นซะที่ไหนเล่า  ที่ว่าน่ะส่วนมากจะไปหาอะไรกิน หรือไม่ก็ดูหนัง ขับรถเล่นอะไรทำนองนั้น“
       “ แล้วเอกไปกับใครหรอ“
       “ ส่วนใหญ่ถ้าไม่ไปกับไอ้พลก็ไอ้นนท์  หรือไม่ก็ไปคนเดียว“
       “ อ๋อ  ค่อยโล่งอกหน่อย  คราวหลังชวนแอนกับพี่ออยไปบ้างก็ได้นะ  แต่ไม่รู้พี่ออยจะว่างหรือเปล่า“
       “ ได้สิแต่…เมื่อกี๊ที่แอนว่าโล่งอกนี่หมายความว่าไงหรอ“  ถ้าให้ผมคิดเองผมคงคิดว่าเธอดีใจที่ผมไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น
       “ อ๋อ  เปล่านี่ไม่มีอะไร  แอนยังจำไม่ได้เลยว่าแอนพูดอะไรไปบ้าง   อืม  เราไปมหาลัยกันเถอะ“  แอนเดินนำหน้าผมออกไปข้างนอก
       “ เฮ้อ ! เราคงคิดมากไปเอง“  ผมพูดกับตัวเอง  แล้วจึงเดินตามแอนออกไป
       “ อ้อ ! เอก“ แอนหันมาเรียกผม
       “ ว่าไง“
       “ ขอบคุณมากนะ“
       ผมยิ้มนิดๆ “ ไม่เป็นไรหรอก“ ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ “ ผมเต็มใจเสมอ“ 
      พอไปถึงมหาลัยแอนก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้ทุกคนฟัง  จนป่านนี้ผมเองก็ยังไม่เห็นวี่แววของออย
       “ ตายจริง ! ดีนะเนี่ยที่เอกว่างเลยไปทัน  เมื่อคืน ฉันดันติดธุระ  ไม่งั้นคงจะตามไปอยู่เป็นเพื่อน“  แก้วว่า
       “ เรื่องนั้น  ช่างมันก่อน  ที่แอนกังวลคือพี่ออยน่ะสิ  ไม่รู้หายไปไหน” แอนเริ่มคิดมากอีกแล้ว
       “ ออยก็อยู่นี่ไง“ เสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา  ออยนั่นเองเธอกำลังเดินมาหาพวกเรา
       “ พี่ออย ! หายไปไหนมา  แอนเป็นห่วงนะ  ทำไมเมื่อวานไม่กลับบ้าน  แล้วถ้าจะกลับดึกทำไมไม่โทรมาบอกก่อน  มือถือน่ะมีไว้โทรแล้วปิดเครื่องทำไม  รู้ไหม  ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น    ไม่คิดหรือไงว่าจะมีใครเป็นห่วงแค่ไหน  นึกว่าพี่สาวหายไปทั้งคน  แอนจะอยู่เฉยๆได้หรือไง ฮะ !“ แอนระเบิดคำถามเป็นชุด  เหมือนอเมริกาทิ้งปรมาณู ใส่อิรักยังไงยังงั้นเลย
       “ เอ่อ  แอน  ออยขอโทษนะ  ไม่นึกว่าจะทำให้แอนเป็นห่วงขนาดนี้“ ออยตอบ
       “ งั้น ก็ตอบคำถามแอนมาสิ“  ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน
       “ โธ่ ! ไอ้จะให้ตอบน่ะก็ตอบได้  แต่เธอดันถามเป็นจรวดยังงั้น  ใครจะฟังทันเล่า“ เออ  มันก็จริง 
       “ เมื่อวานทำไมพี่ออยไม่กลับบ้าน“
       “ ก็กลับแล้ว”
       “ ตอนไหนทำไมไม่เจอ“
       “ ก็…ตอนแอนหลับอยู่ไง  ตอนแอนหลับอยู่ที่ห้องอ่ะนะ  พี่ยังเข้าไปหาเลยแต่เห็นหลับอยู่เลยไม่อยากกวน“
       “ กลับมากี่โมง“
        “ ตี 1“
       “ แล้วจะกลับดึกขนาดนั้นทำไมไม่โทรมาบอกก่อน“
       “ ก็พี่ลืมน่ะ“
       “ แล้วปิดมือถือทำไม“
       “ อ๋อ ! ก็…  คือพี่ลืมเปิดน่ะ“ 
      ผมชักสงสารออยแล้วสิ  เหมือนโดนตำรวจสอบปากคำเลย
       “แล้วพี่ออยไปไหนมา“ 
      น่าน ! ยังไม่เลิกอีกแฮะ
       “ ไปหาเพื่อน“
       “ หาทำไม“
       “ ก็เพื่อนคนนี้น่ะไม่ได้เจอตั้งนาน  บังเอิญได้เจอกัน เลยเที่ยวกันต่อดึกไปหน่อย”
       “ เพื่อน ? คนไหน  ชื่ออะไร“
      เจ้าประคู๊ณ ! ถามแม้กระทั่งชื่อบอกแล้วเธอจะไปรู้จักไหมเนี่ย
       “ พลอย เพื่อนสมัยเรียนนานแล้ว“
       “ ทำไมแอนไม่เห็นรู้จักเลย เป็นผู้หญิงหรือเปล่า“
      นั่นไง  กะแล้วเชียว  ว่าไม่รู้จัก
       “ เป็นตุ๊ดมั้ง  ชื่อพลอยเนี่ย“ รู้สึกออยจะเริ่มรำคาญ
       “ หา ! ไปกับเพื่อนตุ๊ดตู๋หรอ“
      แป๋ว ! ช่างไม่รู้อะไรซะเลย
       “ โอเค  โอเค  แอนไม่ถามแล้วก็ได้ แล้วไปที่ไหนกันมาล่ะ“
      ไหนบอกไม่ถามไง  ผมจะหลับแล้วนะ
       “ นี่ ! เลิกถามมากสักทีได้ไหม  สอบสวนยังกับพี่ไปฆ่าใครมางั้นแหละ  จู้จี้อยู่ได้ รู้งี้ไม่กลับมาก็ดี“  ออยคงหมดความอดทน
       “ ก็ได้  แอนขอโทษ  แต่ขอถามอีกคำถามเดียว“  แอนยังไม่เลิก
       “ อะไร“
       “ เมื่อวานกลับมาเห็นบ้านหรือเปล่า  เละเทะหมดเลย“
      คำถามนี้ผมก็ตอบได้ จะเห็นได้ไงในเมื่อผมเก็บหมดแล้ว
       “ เอ่อ.. อ๋อ ! เห็นสิ  พี่เห็นก็แปลกใจ  แต่พี่ก็เก็บเข้าที่เรียบร้อยแล้วล่ะ“
      อ้าว ! ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้  เมื่อวานผมเก็บเองกับมือนี่นา
       “ อ๋อ ! งั้นแอนไม่ถามแล้วล่ะ  แต่วันหลังไปไหนโทรมาบอกด้วยนะ“
       “ อืม  งั้นออยขอตัวก่อนนะ  พอดีนัดอาจารย์ไว้  จะถามเรื่องเรียนน่ะ ไปนะ“ แล้วออยก็เดินไป
       แต่ผมยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเธอต้องโกหกด้วย  เมื่อคืนผมนั่งเป็นเพื่อนแอนที่ห้อง  เรื่องนี้แอนอาจไม่รู้แต่ผมรู้  และถ้าออยเข้ามาผมจะต้องรู้แน่ๆ  แต่เมื่อคืนไม่มีใครมาเลย  และถ้าเธอมาจริง ทำไมตอนเช้าเราถึงไม่เจอเธอ แอนเองก็คงลืมถามเรื่องนี้  เธอโกหกทำไมในเมื่อเมื่อคืนเธอไม่ได้กลับบ้าน  ยังมีเรื่องเก็บข้าวของที่เละเทะอีก  ผมเองก็ทำกับมือ จริงอยู่ผมอาจไม่ได้เก็บเข้าที่เดิมเพราะผมไม่รู้ว่าของพวกนั้นเดิมมันอยู่ที่ไหน  แต่ผมก็เก็บเรียบร้อยดีและ ตื่นเช้ามามันก็ยังอยู่ในสภาพที่ผมเก็บเมื่อคืน  ไม่มีการเคลื่อนย้าย  ออยจะเปลี่ยนแปลงมันได้ยังไง  แสดงว่าเธอต้องปิดบังอะไรบางอย่าง  ผมคงจะไม่บอกแอนหรอกเพราะไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ  แต่…ผมจะต้องรู้ให้ได้
      4
       ตอนเย็นก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันกลับบ้าน  พวกผมก็นั่งปรึกษากันว่าจะต้องหาตัวคนที่คอยมารังควานแอนให้ได้  แต่ก็ยังไม่มีใครคิดออกว่าจะทำโดยวิธีไหน
       “ บางที  คนที่เข้าไปรื้อบ้านแอนอาจเป็นคนเดียวกับที่ส่งจดหมายมาก็ได้นะ “  แก้วออกความเห็น
       “ อืม…  มันก็อาจจะใช่แล้วก็อาจจะไม่ใช่“  นนท์เสริม
       “ หมายความว่าไง  นายช่วยอธิบายเป็นภาษามนุษย์โลกหน่อยสิ“ พลคงจะสงสัย  แต่ปากมันก็ยังน่าต่อยอยู่ดี
       “ นี่  นายหาว่าฉันพูดภาษามนุษย์ต่างดาวหรือไง“
       “ เปล่า  ฉันหมายถึง  อืม… นายพูดภาษาคนไม่ค่อยชัดน่ะ“  พลตอบแบบอมยิ้ม
       “ พอ  พอ  เมื่อไหร่นาย 2 คนจะเลิกกัดกันสักที“  แก้วโวยวาย
       “ นี่ !  เธอหาว่าพวกเราเป็น…“ ยังไม่ทันพูดจบผมก็เลยเสริมให้
       “ หมา หรือไม่ก็สัตว์อะไรสักอย่างที่ออกลูกเป็นตัว“
       “ ไอ้เอก“
       “ เลิกทะเลาะกันก่อนได้ไหม  แอนจะกลุ้มตายอยู่แล้วนะ“  เออ  จริงด้วยผมเองก็ลืมไป  มัวแต่เล่นลิ้นกับไอ้พวกนี้อยู่
       “ นนท์  ที่นายพูดน่ะหมายความว่าไงหรอ” ออยถามขึ้น
       “ ไม่เห็นยาก ก็คนที่รื้อบ้านพวกเธออาจจะเป็นคนที่ส่งจดหมายมาหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ไง“
       “ สรุปก็คือ  นายไม่ได้มีความเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์เลยน่ะสิ  เพราะเรื่องนั้นใครๆก็รู้  หมามันยังรู้เลย“  แก้วโวยวายแล้วหันไปทางสุนัขตัวหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ  มันเห่า โฮ่งๆ  เหมือนจะเห็นด้วยกับแก้ว
       “ โถ่ ! ฉันก็พูดเท่ห์ๆไปงั้นแหละ“ นนท์พูด
       ‘ เท่ห์ตายล่ะ ‘  พวกเราคิด แทบจะพร้อมกัน
       “ เอก  ทำไมไม่ลองเอาจดหมายมาดูอีกครั้งล่ะ“  ออยหันมาถามผม  นั่นสิ  ผมเกือบลืมเรื่องจดหมายนั่นไปแล้วนะเนี่ย  ผมเปิดกระเป๋าควานหาจดหมายฉบับนั้นแล้วก็หยิบมันขึ้นมา  ลองอ่านดูอีกครั้ง  มันต้องมีอะไรแฝงอยู่สิ  ผมให้ความสนใจไปกับดัวอักษรแปลกๆข้างล่างที่อ่านไม่เป็นคำ
         “  254  ฉ L ฏ V ฅ Y ฏ U ณ O ญ U ฃ H “
       “ ตัวเลขข้างหน้าอาจเป็น  อืม  เบอร์ห้อง  เบอร์โทรศัพท์  หรือ  อะไรดีล่ะ“  แก้วใช้ความคิด  เธอชอบนักล่ะไอ้พวกเรื่องลึกลับซับซ้อนทำนองนี้
       “ ไม่น่าใช่  เบอร์ห้องหรอ  จะห้องอะไรล่ะ  ห้องพักในโรงแรมหรือหอพัก ใครจะไปหาเจอ  มีตั้งหลายที่“ ออยบ่น
       “ หรือถ้าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์  บ้านใครเขาใช้แค่ 3 ตัวล่ะ  หรือถ้ามันเป็น 3 ในจำนวน 7 ตัว  โดยไม่นับ 02  แล้วจะให้มาทำซากอะไร  ใครจะไปเดาอีก 4 ตัวที่เหลือได้เล่า“ พลเสริม
       “ เป็นเบอร์ฉุกเฉินหรือเปล่า  คล้ายๆกับ 191 ไง“ แก้วถาม
       “ มีด้วยหรอ  รู้จักแต่ 191 เรียกตำรวจ  199  เรียกศูนย์ดับเพลิง  แล้ว 254 ล่ะ  เรียกปอเต๊กตึ๊ง ร่วมกตัญญูหรือไง“  พลตอบ
       “ มันก็จริงนะ 254 หรอ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเลยจริงๆ“ แอนเริ่มหมดหวัง
       “ ฉันรู้แล้ว“  อยู่ๆนนท์ก็โพล่งออกมา  ผมสะดุ้งโหยง  เห็นทุกคนเองก็ตกใจเหมือนกัน 
       “ รู้แล้วหรอ  แล้วรู้ว่าไงล่ะ“  ออยถาม  น้ำเสียงตื่นเต้นน่าดู
       “ ว่าไง  ฮะ  ไอ้นนท์ รู้อะไรบอกหน่อยสิ“  พลถาม
       “ อืม..ไม่เอาไม่บอกดีกว่าเดี๋ยวพวกนายจะมาแย่งฉัน“  นนท์ไม่ยอมบอก
       “ แย่ง ?  ทำไมต้องแย่งด้วยล่ะ ?“  แอนถาม
       “ ก็  ตัวเลข 3 ตัว 254  คือ…“
       “ อะไร“
       “ คือ…”
       “ อย่าเล่นตัวน่า“
       “ พวกนายต้องสัญญาก่อนถ้ารู้แล้วพวกนายจะเลี้ยงข้าวฉันหนึ่งมื้อ“
       “ เออ“ ทุกคนตอบพร้อมกันเสียงดังด้วยความอยากรู้
       “ โอเค  ฉันจะบอก  ตัวเลข 3 ตัวนั่น  เป็นเลขที่หมอนั่น…ใบ้หวยให้แอนไง  เป็นเลข 3 ตัวท้าย  เขาคงอยากใบ้หวยให้คนที่เขาแอบชอบอยู่“  นนท์อธิบาย  “ ทีนี้ พวกนายก็เลี้ยงข้าวฉันได้“
       “ ไม่มีทาง  จ้างให้สิ  นายนี่คิดได้แต่เรื่องปัญญาอ่อนนะ“ แก้วอารมณ์เสีย
       “ คราวหลังถ้าสมองนายยังไม่ทำงาน  ก็อยู่เงียบๆทีเหอะ“  พลก็อารมณ์เสีย
       “ นายนี่  ท่าจะเก่งเรื่องผู้หญิงอย่างเดียวนะ“  แอนเองก็เช่นกัน  อารมณ์เสีย
       “ ตลกดีนะ“ ออยหัวเราะ
       “ เราช่างตัวเลขมันไปก่อนเถอะ  บางทีอาจเป็นอะไรที่เอาไว้ลวงก็ได้นะ“  พลเริ่มเข้าเรื่อง
       “ สังเกตสิ  ตัวอักษรพวกนี้เป็นภาษาไทยสลับกับภาษาอังกฤษ“  นนท์เสนอ  มันก็จริง
       “ อ้าว  ไง  นนท์ ความคิดเริ่มเข้าท่า  สมองทำงานแล้วหรอ“  แก้วถาม  เดี๋ยวได้มีเรื่องทะเลาะกันอีกสิเนี่ย
       “ บางที  ถ้าเราลองแทนที่ภาษาอังกฤษด้วยภาษาไทยล่ะ  เช่น  ตัว L เป็นตัวที่ 12 ก็แทนด้วย ฌ“ นนท์พูดต่อ
       “ จริงด้วย  เป็นไปได้  นายฉลาดจัง“  ออยชม
       “ ชัวร์อยู่แล้ว  ถึงฉันสมองเพิ่งทำงาน  แต่ก็ทำงานได้ดีกว่าสมองคนบางคนที่ทำงานไม่ได้เรื่อง “  นนท์หันมาทางแก้ว  ท่าทางสงครามกำลังจะเริ่ม  ผมต้องรีบตัดบทก่อน
       “ มันเป็นความคิดที่ดีนะ  แต่ยังไม่ดีพอ“
       “ หมายความว่าไง“
       “ คือฉันคิดว่าน่าจะแทนที่ภาษาไทยด้วยภาษาอังกฤษมากกว่า  มันจะมีความหมายกว่านะ  เพราะดูภาษาไทยสิ  มีทั้งตัว ฉ  ฏ  ฅ  มันจะอ่านว่าอะไรได้“  ผมเสนอ
       “ อืม   ถ้าลองเปลี่ยนภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษน่ะหรอ“ แอนพูดพลางหันไปหยิบปากกากับกระดาษขึ้นมาลองเขียนดู
       “ ฉ  ตัวที่ 9 ตรงกับตัว  I“
       “ ฏ  ตัวที่ 15 ตรงกับตัว O“
       “ ฅ  ตัวที่  เท่าไหร่นะ“
       “ ก  ข  ฃ  ค  ฅ  ตัวที่ 5  ตรงกับ  E“
       “ งั้น ณ  ก็ต้องเป็นตัว  S“
       “ ญ ล่ะ“
       “ ก็ต้องเป็นตัว M“
       “ ตัวสุดท้าย  ฃ  ตรงกับ  ตัว C“
       “ ลองแทนแล้วได้ว่าไง“
       “ ก็จะได้ว่า…”  แอนเขียนขยุกขยิก แล้วยื่นมาให้พวกผมดู

      “ 254  I L O V E Y O U S O M U C H “
       
      “ I  LOVE  YOU  SO  MUCH  งั้นหรอ“ แอนอ่านแบบงงๆ
       “ มีความหมายจริงๆด้วย  แต่แค่จะบอกว่ารักมากเนี่ยนะ  มันบ้าหรือเปล่า  ขนาดต้องเขียนซะลึกลับซับซ้อน“  แก้วทำท่าแบบไม่อยากจะเชื่อ 
       “ อืม  หรือว่ามันจะมีอะไรซ่อนอยู่อีกหรือเปล่า“  พลเองก็คงไม่อยากเชื่อเหมือนกัน
       “ ออยว่าคงไม่มีหรอกนะ  เขาคงแค่อยากบอกรักแบบแปลกๆล่ะมั้ง“  ออยไม่คิดอะไรมาก
       “ แล้วตัวเลขข้างหน้าล่ะ  ลองเอาไปแทนดูสิ“ ผมเสนอ  แอนเขียนไปคิดไปแล้วก็ได้ออกมา

      “ BED  I LOVE YOU SO MUCH “

       “ ได้คำว่า bed ที่แปลว่า เตียง  เฮ้ย ! มันคิดอะไรลามกหรือเปล่าวะ“ นนท์สงสัย
       “ แหมเรื่องพวกนี้นี่นายรู้ดีจังนะ“ นี่ ยัยแก้ว  จะเริ่มสงครามอีกแล้วหรือไง
       “ แอนว่าคำว่า bed คงไม่มีความหมายอะไรหรอก  เอาไว้ลวงมากกว่า“
       “ ออยเห็นด้วยนะ“
       “ แต่ฉันยังไม่อยากเชื่อเลย“  แก้วพูดต่อ  “ ไม่แน่นะบางที  ถ้าลองแทนคำ…”
       “ พอได้แล้ว  อย่าคิดมากเลยน่า  นี่ก็ 6 โมงกว่าแล้วนะ  จะนอนมหาลัยกันหรือไง  พวกเราควรยุติเรื่องนี้ได้แล้ว  สรุปง่ายๆว่าหมอนี่ชอบแอนก็เลยเขียนจดหมายรักบ้าๆขึ้นมาให้พวกเราปวดหัวเล่น  ป่านนี้มันคงนั่งขำแตกไปแล้วที่เห็นพวกเราจมอยู่กับจดหมายที่ไม่มีอะไรพิเศษของมัน  ทางที่ดีเราควรแยกย้ายกันกลับบ้าน  แล้วเลิกคิดถึงมันอีกจะดีกว่า“  ออยคงหมดความอดทนเลยระเบิดออกมาเป็นชุด
       “ นั่นสิ  นี่ก็เย็นมากแล้ว  เรากลับกันก็ดีนะ“ ผมพูดเพราะเห็นด้วยกับออยแต่ก็ยังไม่มั่นใจนัก
       “ เอก  เดี๋ยวฉันขอลอกจดหมายนี่หน่อยนะ  จะเอาไปคิดเล่นๆดู“ แล้วพลก็เอาไปลอก  และส่งคืนให้ผม
       เย็นนี้ผมขับรถกลับบ้านคนเดียวเพราะแอนกับออยบอกว่าจะขอไปซื้อของกันต่อ  ผมเองเป็นคนไม่ชอบไปซื้อของเพราะผู้ชายต้องคอยถือของประจำถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ไป เหมือนผู้ชายทั่วๆไปน่ะแหละ  วันนี้ไม่มีรายการโปรดของผม  ผมเลยต้องหาอะไรทำแก้เซ็ง  ก่อนกลับบ้านผมเลยชวนไอ้พลกับไอ้นนท์ไปเจอกันที่ผับเจ้าประจำ  เรา 3 คนชอบไปดวลเบียร์กันที่นั่น  คนชนะมักจะเป็นนนท์  ส่วนผมถูกทั้ง 2 คนตั้งฉายาว่า “ ไก่อ่อน“ ผมก็ชอบดื่มเบียร์  เหล้า  มันดูเท่ห์ดีอย่างว่าแหละ  แต่ผมคอไม่ค่อยแข็งเท่าไร  ถ้าอยู่คนเดียวก็ไม่เคยแตะเลย  แต่ถ้าดื่มกันหลายๆคนผมก็กลัวอยู่อย่างหนึ่ง  มันเป็นข้อเสียของผมเวลาเมาที่แก้ไม่ได้  ก็คือเวลาเมาทีไร  ผมจะเปลี่ยนเป็นคนละคนฟังคนพูดไม่รู้เรื่อง และที่แย่ที่สุดคือจะคายความลับที่มีออกมาหมด  เพราะฉะนั้นเวลาจะเมาทีไรผมจะต้องดื่มกับไอ้ 2 คนนี้เท่านั้น  มันไว้ใจได้  ทั้ง 2 คนเลยรู้ไต๋ผมเกือบทุกเรื่อง  ชอบหลอกถามโน่นถามนี่    มีครั้งหนึ่งมันเคยหลอกให้ผมใบ้หวยให้  ผมก็ใบ้นะ แต่สมน้ำหน้า  มันซื้อมาเท่าไรเป็นเสียหมดตูด เพราะผมใบ้มั่วๆก็ผมไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธ์อะไรนี่นา  และวันนี้ผมก็เมาอีกแล้ว  ส่วน 2 คนนั้นยังนั่งดื่มกันต่อ พลดูเริ่มเมาแล้วแต่นนท์ยังตาใสอยู่เลย
       “ นี่  นายเอก“  พลเรียกผมด้วยอาการที่มึนเมา
       “ หา“ ผมตอบกลับด้วยอาการเดียวกัน
       “ นายไม่ห่วงแอนเลยหรอ  ไม่กลัวไอ้หมอนั่นน่ะ จะกลับมาอีกหรือไง ฮ้า“
       “ ถามบ้าๆ ห่วงสิวะ  แต่วันนี้ออยอยู่ด้วย  คงไม่มีไร  และมันคงไม่กล้ามาแล้วล่ะ“
       “ ทำไมนายมั่นใจนักวะ  ฮะ“  พลทำหน้างงๆ
       “ ก็  ฉันให้รปภ.  ตำรวจ  และก็บอดี้การ์ดของครอบครัวฉันไปเฝ้าไว้น่ะสิ“
       “ โห ! เจ๋งว่ะ  นายนี่สุดยอดเลย  ทำอย่างนี้นะ  ขนาดแมวมันยังคงไม่กล้าเข้าใกล้“
       “ อิจฉาแอนจัง“  นนท์พูดบ้าง
       “ ทำไม  นายอยากได้มั่งหรือไง  ฉันหาให้ได้นะ“ ผมถามนนท์
       “ ไม่เอาหรอก  น่ารำคาญตาย  แต่แอนคงงงหน้าดูถ้ากลับบ้านแล้วเจอคนเป็นฝูงนั่งเฝ้าบ้านอยู่น่ะ  แล้วแอนจะยอมหรอ“
       “ ไม่ยอมหรอกฉันรู้ดี  เลยให้พวกเขาแอบปลอมตัวเป็นชาวบ้านแถวนั้นน่ะ“
       “ แล้วถ้าแอนจับได้หรือไอ้หมอนั่นมันแอบเข้าไปได้ล่ะ“
       “ คงยากน่า  ฉันย้ำพวกนั้นแล้ว  ใครทำพลาด  เตรียมตัวหางานใหม่“
       “ นี่ “ พลหันมาเรียกผม “ ฉันอยากเป็นแฟนนายจัง“
       “ ไอ้บ้า  โรคจิตหรือไง  นายน่ะ“
       “ ล้อเล่น ๆ“ พลพูดพร้อมหัวเราะแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  แต่ไม่มีใครรับสักที
       “ เฮ้ย ! น่ารำคาญโทรศัพท์ใครก็รีบๆรับสิวะ  ให้มันดังอยู่ได้  หูหนวกหรือไง“  นนท์โวยวาย  พลหยิบโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา
       “ นนท์  นนท์“
       “ อาราย“
       “ โทรศัพท์นายดังว่ะ“
       “ อ้าว  แล้วทำไมแกไม่เรียกฉันวะ  ปล่อยให้ฉันด่าตัวเองได้“  นนท์หันมารับโทรศัพท์
       “ ฮัลโหล“ นนท์รับสาย  ทำเสียงดุ
       “ อ๋อ  นกหรอจ๊ะ  ว่าไงจ๊ะ  อ๋อ  จ๊ะ  ได้จ๊ะ  จ้า  เอ่อ  เผอิญ มือถือพี่แบตจะหมดแล้วน่ะ  นกบอกเบอร์พี่ใหม่นะแล้วเดี๋ยวจะโทรกลับไป“ นนท์หยิบปากกาขึ้นมาจดเบอร์ลงมือ 
       “ โอเคจ๊ะ  แล้วเจอกันนะ  บ๊ายบาย“  นนท์วางสาย
       “ จ๊ะ  จ๋า  จ๋าจ๊ะ  อยากจะอ้วก“  พลแหย่นนท์
       “ แหม  คุยกับสาวจะให้ทำเสียงห้าวได้ไง“
       “ นนท์  มือถือนายแบตหมดแล้วหรอ“  ผมถาม  ยังงงๆก็เมื่อกี๊ผมยังเห็นมันใช้อยู่ตั้งหลายครั้ง
       “ อ๋อเปล่าหรอก“
       “ อ้าว แล้ว นายบอกน้องนกของนายว่าหมดแล้ว“
       “ โถ่  ที่ฉันต้องทำอย่างนั้นเพราะฉันไม่รู้ว่าเป็นน้องนกคนไหนน่ะสิ  นกที่สูงๆ ขาวๆ  หรือนกที่ อวบๆหน่อย  หรือนกที่ผมยาวๆขาสวยๆ  ใครจะไปจำได้“
       “ สักวันเถอะ  จะโดนเอดส์เล่นงาน“ พลพูดเบาๆ
       “ นายว่าอะไรนะ“  นนท์ถามคงได้ยินไม่ชัด
       “ เปล่า  แล้วนายจะทำไงต่อ“
       “ เดี๋ยวนัดเจอเขา  ก็รู้แล้วว่านกไหน“
       “ ทำไมนายไม่เก็บรายชื่อพร้อมรูปถ่ายใส่สมุดบันทึกไว้เลยล่ะ“  ผมเสนอ
       “  ใครว่าอย่างไอ้นนท์มันน่ะ  เปิดพิพิธภัณฑ์ได้แล้วมั้ง“ พลพูด
       “ นนท์แล้วทำไมเมื้อกี๊ไม่นัดเขาเลยล่ะ“ ผมสงสัย
       “ ก็ฉันเกรงใจพวกนายน่ะสิ“
       “ เกรงใจ ?  เกรงใจทำไม“
       “ ก็ หนึ่งหนุ่มยังไม่คิดจีบใครและไม่มองใครคนไหน“ นนท์หันมาทางพล
       “ ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มมั่นคงต่อรัก  รักเดียวใจเดียว“ แล้วมันก็หันมามองผม
       “ ชิวิตช่างน่าสงสาร  มีฉันอยู่คนเดียวที่มีความสุขกับความรัก“  นนท์อธิบายแล้วก็ยกเหล้าขึ้นดื่มต่อ
       “ ทำเป็นพูดดีไป  ถ้านายเกิดรักใครจริงจังขึ้นมาเมื่อไร  จะรู้สึก“  ผมพูดแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มมั่ง
       “ ฮ่า“  นนท์วางแก้วลง  “ ไม่มีทาง  ฉันไปละ  โชคดีนะเอกระวังไอ้พลมันด้วยล่ะ“ นนท์พูดทิ้งท้ายแล้วก็เดินออกไป
       “ เฮ้ย ! ทำไมต้องระวังฉันด้วยวะ“ พลสงสัย
       “ มันคงกลัวแกเป็นเกย์มั้ง“  ผมตอบ
       “ บ้า  หนูไม่ได้เป็นเกย์นะฮ้า“ พลพูดพร้อมแกล้งทำท่าเป็นแต๋ว  น่าอ้วกซะไม่มี
       หลังจากนั้นผมกับพลก็นั่งดื่มกันต่อคุยโน่นคุยนี่  จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน รู้แต่วันนั้นผมนั่งดื่มเข้าไปเยอะ
       “ พล  ไอ้โพน“
       “ อาราย“
       “ แกนั่งปายก่อน  เดี๋ยวฉานมา  จาไปห้องน้ำ  ม่ายหวายแล้วว่ะ“ ผมว่าผมเมาแล้วนะ
       ผมเดินไปห้องน้ำ  งัวเงียน่าดู  และระหว่างที่ผมกำลังยืนทำภารกิจของผมอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งมายืนทำภารกิจอยู่ข้างๆด้วย  แล้วเขาก็ทักผม
       “ ไงคุณ  เมาแล้วหรอ“
       “ ยาง  ยางไม่มาว“
       “ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า“  ชายคนนั้นพูด  ผมเลยหันไปมองหน้าเขา 
       “ หล่อดีนะ  แต่ม่ายเคยหรอก“
       “ แต่ผมรู้จักคุณนะ  คุณเอก“
       “ นายรู้ชื่อฉานได้งาย  ฮั่นแน่ ! แอบปลื้มฉานอยู่ล่ะสิ“ ผมก็ไม่รู้ตอนนั้นพูดไปได้ไง
       “ คือ  ผมอยู่มหาลัยเดียวกับคุณน่ะ  กลุ่มคุณเนี่ยใครๆก็รู้จัก“
       “ ก็ฉานหล่อ“  ผมตอบโดยไม่คิดน่ะฮะ
       “ เอ่อ  คงงั้นมั้งครับ  ผมชื่อปรมินทร์  เรียกผมว่ามินทร์เฉยๆก็ได้“
       “ คนบ้าอารายวะ  ชื่อ มีนเฉ่ยเฉย  นายเปนคนจีนหรอฮะ  นายมีนเฉ่ยเฉย“
       “ ผมว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า  คุณมาที่นี่บ่อยหรอครับ“
       “ ไอ้บ้า ฉานมาเที่ยวนะ  ม่ายได้เปนบ๋อย  นายหาว่าฉันเป็นบ๋อยหรอ เดี๋ยวเจอเตะหรอก“  
       “ คุณคงมาบ่อยนะ  ผมก็มาที่นี่ประจำ  คราวหน้าผมขอเลี้ยงเหล้าคุณละกัน“
       “ ก็บอกแล้วงาย  ฉานไม่ด้ายเปนบ๋อย  แล้วอีกอย่างฉานมีบ้านอยู่นายไม่ต้องพาฉานเข้าเล้า  ฉานม่ายช่ายเป็ดนะ“
       “ ผมหมายความว่า  ผมมาที่นี่ประจำ  เดือนหนึ่งก็หลายครั้ง  ผมจะเลี้ยงเหล้า  เอ่อ…  เลี้ยงเบียร์คุณน่ะ“
       “ หา  นายมีประจามเดือนด้วยหรอ  แปลกดีนะ  แต่ฉานบอกแล้วไง ม่ายต้องพาฉานเข้าเล้าแล้วก็ม่ายต้องเลี้ยงเมียห้ายด้วย  ขอบจาย“
       “ โอเค ๆ ผมว่าเราเลิกคุยกันดีกว่าเดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งที่โต๊ะ“  มินทร์พยุงผม
       “ โอเช ๆ  หมายความว่างาย  เป็นภาษาจีนหรอ“ ผมถามแต่มินทร์ไม่ตอบ 
       “ เอ้อ ! คุณเอกผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อย“
       “ โอเช ๆ ว่ามาเลย“
       “ คือผมอยากรู้ว่า….“
       “ อ๋อ  เดี๋ยวโผมบอกห้าย…..”
       “ ขอบคุณนะ คุณเอก คุณช่วยผมได้มาก“
       “ ม่ายเปงไร  แล้วเจอกาน  มีนเฉ่ยเฉย“
      5
       กว่าผมจะรู้ตัวอีกที  ผมก็มานอนอยู่ที่บ้านของไอ้พลมัน  นี่ก็เช้าแล้ว  เก้าโมง ?  ไม่ใช่นี่มันสายแล้วต่างหาก  แต่โชคดีที่วันนี้ผมไม่มีเรียนตอนเช้า  จะเรียนคาบแรกก็ตอน 11 โมง  ไอ้พลนอนหลับอยู่ข้างๆ  โอ๊ย ! หัวหมุนติ้วไปหมด  ผมอยากจะกลับไปนอนต่อที่บ้าน  แต่คงต้องปลุกพลก่อน
       “ ไอ้พล  ตื่น“
       “ อาราย  คนจะนอน  พ่ออย่ากวนได้มั้ย  วันนี้ผมไม่สบายไม่ไปโรงเรียน“
       “ พ่อบ้านเอ็งน่ะสิ  ตื่นเร็ว นี่มันสายมากแล้วนะ  ไก่ขันจนเสียงแหบหมดแล้ว“
       “ จับมันกินเลยสิ“
       “ ไอ้บ้า  ตื่นเร็วเข้า  เก้าโมงแล้วนะ“
       “ เก้าโมง !“ พลสะดุ้งตื่น ตาใสปิ๊ง  “ ทำไมนายไม่ปลุกฉันวะ นี่มันสายมากเลยรู้มั้ย“
      เฮ้อ !ผมจะทำยังไงกับมันดีเนี่ย
       “ เออ ๆ ฉันผิดเอง  เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านแล้ว  ไว้ไปเจอกันที่มหาลัย“
       “ เออ“
       “ เอ๊ะ ! เดี๋ยว  ฉันมาอยู่บ้านนายได้ไง“
       “ ทำไม  นายกลัวฉันข่มขืนหรอ“  พลเล่นลิ้น
       “ ไอ้บ้า  รีบๆตอบมา“
       “ ก็เมื่อคืนนายเมาหนัก  พอดีมีคนพานายมาส่ง  หลังจากที่นายไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละ  ฉันเลยเรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่นี่ก่อน“ พลสาธยาย
       “ อ๋อ  เออ  ขอบใจมาก แล้วใครพาฉันมาส่งวะ“
       “ ไม่รู้จัก  แต่เห็นนายเรียกเขาว่า  อะไรนะออกจีนๆหน่อย  อืม   อ๋อ  มีนเจ่ยเจ๋ย อะไรทำนองนี้ล่ะ“
       “ มีนเจ่ยเจ๋ย  ใครวะ  อ๋อ  ไอ้บ้าเขาชื่อมินทร์  นายไปเปลี่ยนชื่อเขาซะน่าเกลียดหมด“
       “ อ้าว  ก็ฉันได้ยินนายเรียกอย่างนี้นี่หว่า“
       “ นายนี่แย่จริงๆ เวลาเมาหูจะฝาดล่ะมั้ง  งั้นฉันไปละ“
       ระหว่างที่ผมนั่งแท็กซี่ กำลังจะกลับบ้านแล้วค่อยไปเอารถที่ผับ  ผมก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน  ใช่  เมื่อคืนผมเจอมินทร์ที่ห้องน้ำ  เราคุยกัน ว่าอะไรก็จำไม่ได้  รู้สึกเขาจะถามผมเรื่องหนึ่ง เรื่อง… อะไรน้า  นึกไม่ออก  ผมตอบอะไรไปก็จำไม่ได้ด้วย  แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง  คนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนจะถามอะไรนอกจากเรื่องทั่วๆไป  
       หลังจากกลับบ้านมาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  ผมก็นั่งแท็กซี่กลับไปเอารถที่ผับ  รถยังอยู่ที่เดิม  ในสภาพเดิมด้วย  ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่กล้าทิ้งรถไว้อย่างผม  แต่ผมสามารถ เพราะไอ้น้องที่เป็นยามเฝ้าอยู่ที่ผับนี้น่ะ  มันสนิทกับผมและมันก็ชินแล้วด้วย  เพราะผมมักจะเมาทิ้งรถไว้ที่นี่ประจำ
       “ อ้าว  หวัดดีฮะพี่เอก  กะแล้วเชียวว่าต้องมาเอารถเช้านี้“ บอยทักผม  ไอ้บอยก็คือเด็กที่เฝ้ารถผมไง
       “ เออ  หวัดดีขอบใจนะที่เฝ้ารถให้“
       “ แหม  เรื่องแค่นี้ไม่ต้องขอบจงขอบใจอะไรหรอก  ที่ผมทำน่ะไม่ได้หวังอะไรเล๊ย“ แต่ผมก็ควักเงินให้มันไปร้อยนึง
       “ พี่นี่ดีกับผมจริงๆ แต่พี่รู้ไหมฮะ ผมเป็นคนชอบสีม่วง  คราวหลังขอสีม่วงได้ไหมฮะ“
       “ มากไปมั้ง“  ผมตอบแล้วก็เปิดประตูรถ  บอยก็เรียกผมอีก
       “ พี่เอก“ บอยเรียก  ผมชักรำคาญเลยหยิบอีกห้าร้อยให้มันไป  บอยรีบรับแล้วเก็บเข้ากระเป๋า
       “ คือ  ผมจะบอกว่ามีคนเขาฝากจดหมายไว้ให้พี่น่ะ“
       “ ไหน  ดูสิ“  ผมรับจดหมายมาดู

      คุณเอก
      ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลเรื่องรถ  แล้วเราคงจะได้เจอกันอีกเร็วๆนี้
      ปรมินทร์

      ที่แท้เมื่อคืนผมก็คุยเรื่องรถกับมินทร์นี่เอง  โธ่เอ๊ย ! ผมก็นึกตั้งนานว่าเมื่อคืนเราคุยอะไรกัน  คือผมเป็นคนชอบแต่งรถแล้วก็ชอบเรื่องรถด้วย  มินทร์เองก็คงสนใจเหมือนกัน  เฮ้อ !ค่อยโล่งอกหน่อย  นึกว่าบอกความลับอะไรไปซะแล้วนะเนี่ย   ผมนักคิดสักพักแล้วจึงขับรถออกไป
       “ วันหลัง เอารถมาลืมไว้ที่นี่หลายๆคันก็ได้นะครับ“ บอยตะโกนไล่หลังผมมา
       วันนี้ผมไม่ต้องไปรับแอนกับออย  เพราะเธอมีเรียนภาคเช้า  ป่านนี้คงกำลังเรียนอยู่  ระหว่างทางที่ผมขับรถไปมหาลัย ผมก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าเรื่องรถที่ผมคุยกับมินทร์เมื่อคืนนั้น  ผมคุยว่าไงบ้าง  เห็นทีผมต้องพยายามดื่มแต่น้อยอย่าให้เมา  เพราะถ้าวันไหนถูกมอมเหล้าล่ะก็  ซวยแน่ๆ
       เมื่อมาถึงมหาลัยผมก็เดินตรงมาที่คณะ  พอดีเจอนนท์เข้าเลยแวะไปทักทายหน่อย
       “ นนท์“ ผมตะโกนเรียกนนท์  มันหันมาเห็นผมเข้าก็เดินหนีไป  ผมจึงรีบวิ่งตามไป
       “ นี่  แกจำฉันไม่ได้หรอ  เดินหนีทำไม  ยังกับคนไม่รู้จักกันแน่ะ“  ผมคุยกับนนท์ แต่มันไม่ยอมพูดกับผมสักคำ  ไม่ยิ้ม  ไม่ทัก  แล้วมันก็หันหน้ากลับไป
       “ เป็นอะไรวะ  หน้าเป็นตูดเป็ดเลยนะ“  นนท์ไม่หัวเราะ  ไม่สนใจ  ไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ
       “ เฮ้ย ! มีอะไรก็บอกฉันได้นะโว้ย  ทำไม  เมื่อคืนน้องนกบริการไม่ถูกใจหรอ“  นนท์เดินไปไม่สนใจผมสักนิด  ผมไปทำอะไรให้มันโกรธหรือเปล่า
       “ ไง  เอก“  เสียงพลลอยมา  ผมหันกลับไปทักตอบ
       “ ไง  เออนี่  ไอ้นนท์มันเป็นอะไรไม่รู้ว่ะ  เมื้อกี๊ ฉันคุยด้วยมันก็ไม่คุย  ถามอะไรก็ไม่ตอบ“
       “ หรอ  งั้นเดี๋ยวแกรออยู่นี่ก่อนนะ  ฉันจะไปคุยกับมันเอง“  ว่าแล้วพลก็เดินตามนนท์ไป  สักครู่หนึ่งมันก็เดินกลับมา
       “ เป็นไง  นนท์มันเป็นอะไรหรอ“  ผมถามพล  แต่พลก็ไม่ตอบผม  แล้วมันก็เดินหน้าตายจากไป  นนท์บอกอะไรพลหรือเปล่านะ  แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  ไอ้พวกนี้มันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเสมอ
       ตอนเที่ยง  ผมมีนัดกับอาจารย์คนหนึ่ง  จะไปคุยเรื่องชิ้นงานที่กำลังทำอยู่  ผมเลยจะอยู่ทานข้าวกับอาจารย์เลย  แต่ต้องไปบอกพวกเพื่อนๆก่อน
       “ เฮ้ย ! นนท์“ ผมตะโกนเรียกนนท์  มันหันมามองผมแล้วก็หันกลับไป
       “ พล ! พล !“ และก็เช่นเดียวกัน  ที่ผมเรียกพล  แต่มันไม่สนใจ
       “ ไอ้บ้าเอ๊ย !“ ผมชักคิดว่า มันต้องมีเรื่องอะไรแย่ๆเกี่ยวกับตัวผมเกิดขึ้นซะแล้วสิ  แต่เดี๋ยวอาจารย์จะรอ  ยังไงผมคงต้องวิ่งไปบอกแอนจะดีกว่า  และเมื่อผมไปถึงที่โต๊ะประจำ  ก็เจอแอน ออย และ แก้วนั่งคุยกันอยู่
       “ นี่  พวกเธอรู้มั้ยว่า พลกับนนท์  มันเป็นอะไร  ทำไม…” ผมยังถามไม่จบก็สังเกตเห็นว่าไม่มีใครสนใจที่ผมพูดเลย
       “ อย่าบอกนะ  ว่าพวกเธอก็เป็นไปด้วย  ให้ตายสิ“ ไม่มีใครพูดหรือตอบคำถามผมเลย
       “ บอกฉันมาสิ  พวกเธอเป็นอะไร“  ไม่มีใครตอบ  ผมเริ่มโมโหแล้วสิ
       “ ได้  ไม่พูดก็อย่าพูด  ฉันจะสรุปเองก็ได้  1. นนท์เป็นใบ้  2. พลปัญญาอ่อน 3. แก้ว เธอถูกล้างสมอง ความจำเสื่อม  4. ออย  เธอหูหนวกเลยไม่ได้ยินที่ฉันพูด  5. แอน เธอ….บ๊องส์  ไง ฉันพูดถูกใช่ไหม“  คงจะถูก  เพราะไม่มีใครสนใจเลย
       “ บ้าเอ๊ย !“  ผมสบถออกมาก่อนจะเดินจากไป  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ยังไงผมต้องสืบให้รู้จนได้  ตอนนี้อาจารย์รออยู่คงต้องรีบไปก่อน  ไม่งั้นนะ  เราได้รู้กันแน่
       หลังจากทั้งวันที่ไม่มีใครยอมพูดกับผม  ทำให้วันนั้นหงุดหงิด  เรียนไม่รู้เรื่อง  ใจลอยเรื่อยเลย  ไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้พวกนั้นโกรธหรือเปล่า  ก็เปล่านี่นา  เมื่อวานยังดีๆอยู่  ก็หลังจากที่พวกเราเลิกปรึกษากันเรื่องจดหมาย  ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน  แอนกับออยไปซื้อของกันต่อ แก้วคงตรงกลับบ้าน  ส่วนพวกผม 3 คน  ก็ไปดื่มเหล้ากันต่อ  ตอนนนท์กลับไปก่อน ก็ยังดีๆอยู่  และพลเอง  เมื่อเช้ายังคุยกับผมอยู่เลยไม่เห็นว่าผมจะไปทำอะไรได้  หรือว่าแอนรู้แล้วว่าผมให้คนไปเฝ้าเธอ  เธอเลยโกรธ  ก็ไม่น่าใช่  เพราะนี่ไอ้พล  นนท์ และแก้วก็เป็นไปด้วย  โว๊ย !  ปวดหัว
       ตอนเย็นผมจะมารับแอนกับออยกลับบ้าน  ผมเดินมาที่โต๊ะ แต่ไม่เจอใคร  เลยมาที่คณะ  ปรากฏว่าทั้งคู่กลับไปแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นแก้ว  พล หรือ นนท์ก็กลับไปก่อน  ทั้งๆที่ปกติเราจะเจอกันที่โต๊ะ  นั่งคุยกันนิดหน่อยแล้วค่อยกลับ  แต่วันนี้ทุกคนกลับไปหมด  คงเพราะผมน่ะสิ  ตอนนี้ผมรู้สึกแย่มาก  เหมือนถูกทิ้งยังไงยังงั้นแหละ
       ขณะที่ผมกำลังขับรถกลับบ้านด้วยอาการขั้นโคม่า  ทั้งเรื่องเพื่อน  ยังมีเรื่องชิ้นงานชิ้นเบ้อเริ่ม ที่ต้องทำให้เสร็จพรุ่งนี้ก่อน 10 โมง  อยากตายโว๊ย แล้วอยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  อย่าบอกนะว่า ยมบาลโทรมาตามคำขอ  ใครโทรมาวะ  คนยิ่งปวดหัวอยู่ 
       “ ฮัลโหล“ ผมรับโทรศัพท์
       “ เอก  เย็นนี้มาหาแอนที่บ้านด้วยนะ  เรามีเรื่องต้องคุยกัน“
       “ เรื่องอะไรไว้คุยกันพรุ่ง…“
       “ ไม่ได้“ แอนพูดขึ้นมา ผมยังพูดไม่ทันจบเลย  “ ต้องมาตอนนี้  เดี๋ยวนี้ด้วย  เข้าใจนะ“
      แล้วเธอก็วางสายไป  อะไรวะเนี่ย  ผมยังพูดไม่ถึง 10 คำเลย  วางสายแล้ว  เปลืองค่าโทรศัพท์ชะมัด
      ผมขับรถย้อนกลับไปหาแอนที่บ้าน  ‘ ไม่ได้  ต้องมาตอนนี้  เดี๋ยวนี้ด้วย  เข้าใจนะ ‘  ลืมตอบกลับไปว่า  “ จ้า ! แม่“
       เมื่อผมไปถึงที่บ้านก็เห็นแอนยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว  โห  ต้อนรับกันขนาดนี้เชียว  เสียวๆยังไงไม่รู้
       “ เอ่อ ! แอน  รอเอกหรอ“  ผมยังนั่งอยู่ในรถ  เลยเลื่อนกระจกรถลงมาคุยกับเธอ
       “ เปล่า  แอนกำลังรอหมาลงจากรถอยู่“  เอี๊อก !  ผมคิดว่าควรรีบลงจากรถดีกว่า
       “ แล้วแอนมายืนทำอะไรหน้าบ้านล่ะ  คงไม่ใช่รอหมาลงจากรถนะ“ ผมถามใหม่
       “ ไม่ใช่หรอก“  เฮ้อ โล่งอก  “ แต่กำลังรอหมาเดินเข้าบ้านต่างหาก“  ว่าแล้วเธอก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป  โห ! แอน  เล่นเจ็บชะมัด  แล้วผมก็เดินตามเธอไป
       “ ก๊อก  ก๊อก“ แอนเคาะประตู “ พี่ออยเปิดประตูให้หน่อยสิ“  ท่าจะบ้าแฮะ ตัวเองอยู่บ้านแท้ๆ  แล้วล็อคทำไม
       “ อ้อ  ลืมไป  ประตูไม่ได้ล็อค“  แอนพูด  ผมว่าวันไหนว่างๆคงต้องพาเพื่อนไปตรวจสมองซะแล้ว  แอนเปิดประตูเข้าไป  ผมเดินตามเธอเข้าไป  แล้วก็…
       “ ปุ้ง ! ปุ้ง ! ปุ้ง !  Happy  Birthday !“  ผมสะดุ้ง  เกิดสงครามหรือเปล่าวะเนี่ย  ผมเห็น เพื่อนๆทุกคน  แอน  ออย  แก้ว  พล  นนท์  รวมทั้ง พ่อแม่ของผมด้วย  ทุกคนจัดบ้านเป็นงานปาร์ตี้ 
      ให้ตาย !  วันนี้วันเกิดผมหรอเนี่ย ใช่แล้ว วันนี้วันที่ 18 มิ.ย. วันเกิดผมเอง ทุกคนจำได้หมดเลย  แล้วทำไมกูลืมอยู่คนเดียววะ
       “ เอก  Happy  Birthday นะ“  แอนพูด
       “ นี่  นายไม่สงสัยเลยหรือไงว่าทำไมวันเกิดนายทั้งที  แต่ไม่มีใครสนใจเลยตั้งแต่เช้าน่ะ“ แก้วถาม  จะให้ผมตอบได้ไงว่าผมลืม  คงต้องโม้ๆไปก่อน
       “ อ๋อ ! คือ  ฉันมั่นใจว่าเพื่อนจะไม่ลืมวันเกิดเพื่อนน่ะสิ  เลยยังอยู่เฉย ๆ“
       “ แล้วนายไม่สงสัยเลยหรอ  ว่าทำไมพวกเราไม่คุยกับนายทั้งวัน“ นนท์ถาม
       “ เอ่อ … ก็เพราะฉันรู้น่ะสิว่าพวกนายจะแอบเซอร์ไพรส์อะไรฉันสักอย่างในวันนี้“  พูดได้ ไม่อายปากเลยนะเรา
       “ งั้น  เธอก็รู้ว่าพวกเราแกล้งเธอ  เลยไม่รู้สึกอะไรเลย  งั้นสิ“  ออยถาม  ที่แท้พวกเธอรวมหัวกันแกล้งฉันหรอ  เดี๋ยวเหอะ  ต้องแก้เผ็ดคืน
       “ ก็…อืม  รู้  เลย..ไม่รู้สึก  อืม.. ใช่  นั่นแหละ“  ผมตอบแบบอึกอัก
       “ ว้า !  ไม่ตื่นเต้นเลย“  แก้วพูด  “ แต่ช่างเถอะ  มาสนุกกันดีกว่า  นายรู้ไหม  ตอนนายหาว่าฉันถูกล้างสมอง  แล้วความจำเสื่อมอ่ะนะ  ไม่รู้นายคิดได้ไง  ปัญญาอ่อน“
       “ ใช่ ๆ  ตอนอยู่หน้าบ้านนะ  เอกหน้าซีดเลย“  แอนพูดไปขำไป  ตลก  ตลกมาก  สนุกกันจริงๆนะ  พวกเธอเนี่ย 
      ผมเดินไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งขำอยู่เช่นกัน  เออ ดี  วันเกิดทั้งที  กลายเป็นตัวตลกไปซะได้  ขายหน้าจริงๆ
       “ พ่อ  แม่  สวัสดีครับ  มาได้ไงเนี่ยทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย“
       “ ก็ วันเกิดแกทั้งที  พ่อกับแม่เลยอยากจะมาอวยพรหน่อย  อีตอนแรกไม่เห็นติดต่อไป  นึกว่าจะแอบฉลองกับเพื่อนๆตามลำพัง  ที่ไหนได้…”  พ่อพูดแบบมีเลศนัยนิดๆ
       “ ที่ไหนได้…..อะไรครับ“
       “ ที่ไหนได้“ พ่อกระซิบ “ แกดันลืมวันเกิดตัวเองซะนี่“
       “ พ่อรู้ได้ไง“ ผมว่าผมยังไม่ได้บอกเลยนะ
       “ ถ้าไม่รู้แล้วฉันจะเป็นพ่อแกได้ยังไงเล่า“
       “ อย่างว่าแหละ  พ่อก็คือพ่อ  ผมคิดอะไรในใจเป็นรู้หมด“
       “ เป็นไงบ้างลูก  สบายดีไหม  ช่วงนี้เรียนหนักซะจนลืมวันเกิดตัวเองเลยหรือไง“ แม่ถาม
       “ ก็ …ครับ ยิ่งเรียนสูงขึ้น ก็ยิ่งเรียนยากขึ้น  แถมยังมีเรื่องวุ่นๆชวนปวดหัวเยอะแยะ“
       “ แม่ช่วยได้ไหมล่ะ“
       “ ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยครับ  แต่ถ้ามีอะไร  ผมจะติดต่อไป  อ้อ ! ลืมถามไป  พ่อ  แม่  สบายดีนะครับ“
       “ ก็เรื่อยๆน่ะ  ช่วงนี้งานโรงพยาบาลที่โน่น เริ่มลงตัวแล้ว  พ่อกับแม่ทำงานกันเหนื่อยพอดู  ทำไมลูกไม่ลองไปดูงานที่โน่นบ้างล่ะ  พาเพื่อนๆไปเที่ยวบ้างก็ได้นะ“
       ผมหันไปเห็นพ่อเดินไปคุยกับพลและนนท์  ไม่รู้นินทาผมหรือเปล่า  หัวเราะกันใหญ่
       “ แอนเขาสวยขึ้นนะ ทำไมเราไม่จีบเขาล่ะ“ แม่พูด  ทำเอาผมสะดุ้ง
        “ โธ่ ! แม่ครับ  อย่าพูดยังงี้ให้ใครได้ยินนะ“
       “ กะแล้วเชียว  ถูกหักอกมาแล้วสิท่า“ ไอ้หย๋า ! ไม่เข้าใจเลย  ทำไมพ่อแม่อ่านใจผมออกหมด
       “ พ่อกับแม่นี่เป็นหมอดูหรือเปล่าครับ“
       “ บ้าหรอ  แม่เอกเนี่ยนะเป็นหมอดู“ เสียงแอนลอยมาก่อนที่ตัวจะเดินมาถึง  “ จริงไหมคะคุณป้า“
       “ ป้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนักหรอกนะจ๊ะ  แต่ถ้าเป็นหมอดูจริงๆล่ะก็  ป้าก็ดูแม่นนะ โดยเฉพาะ…” แล้วแม่ก็หันมาทางผม
       “ แล้วทำไมเอกคิดว่า คุณป้าเป็นหมอดูล่ะ“
       “ อ๋อ  คืออย่างงี้จ๊ะ  เมื้อกี๊ ป้าถามเขาว่า…”
      “ อะแฮ่ม ! เอ่อ ! คือ แม่คุยกับแอนไปก่อนละกันผมไปหาอะไรกินดีกว่า  แล้วก็  แม่อย่าเล่าอะไรเกินจริงนะครับ“  แล้วผมก็เดินไป  ปล่อย 2 สาวต่างวัยคุยกัน  เกือบไปแล้วไหมล่ะ  แม่ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อย  นี่ก็ทุ่มกว่าๆแล้ว  แต่ทุกคนก็ยังกิน  ยังเล่นกันไม่เลิก  ไม่รู้ว่ารออะไร
      “ ออย  เธอรู้ไหม  ว่ากำลังรออะไรกันอยู่  ทำไมไม่เห็นมีตัดเค้ก  หรืออะไรทำนองนี้เลยล่ะ“
      “ อ๋อ  คือ  ทุกคนกำลังรอให้ถึงเวลาที่เอกเกิดออกมาพอดีไง“
      “ คงใกล้ถึงแล้วสินะ“
      “ อย่าบอกนะว่าจำเวลาเกิดไม่ได้“
      “ จำได้สิ“  เวลาอะไรวะ
      “ หวังว่าเอกคงยังไม่ง่วงก่อนจะถึงเที่ยงคืนนะ“
      เที่ยงคืน ! โอ้แม่เจ้า  ทำไมเราต้องเกิดเที่ยงคืนด้วยเนี่ย  แล้วงานที่มหาลัยจะเสร็จหรอ  คงต้องถ่างตาทำทั้งคืนล่ะมั้ง
      “ นี่ ! จัดกันก่อนไม่ได้หรือไง“
      “ ทำไมล่ะ  จัดตอนเวลาเกิดเนี่ย  มันรู้สึกดีออก“  ออยพูด  น้ำเสียงตื่นเต้นเชียว
      “ แล้วทำไม  ตอนวันเกิดแอนไม่จัดให้มันตรงมั่งล่ะ“
      “ ก็  แอนเขาไม่ได้ขอนี่“
       “ แล้วฉันขอหรือไง“
       “ เปล่า…แต่แม่นายขอ“   แม่ ! อีกแล้วหรอเนี่ย
       “ แล้ววันเกิดคนอื่นๆล่ะ  ไม่เห็นจัดตรงสักที  พล เกิด 1 ม.ค. เวลา 3 ทุ่ม  นนท์ เกิด 13 เม.ย. เวลา 5 ทุ่ม  เธอกับแก้วเกิด 24 พ.ค. เวลา 3ทุ่มครึ่ง กับ ตี 2  แอน เกิด 13 มิ.ย. ตอน ตี 4  พอจัดทีไรก็ 1 ทุ่มตลอด“ นี่ผมจำวันเวลาเกิดของเพื่อนได้หมดเลยหรอเนี่ย  แต่กลับดันลืมของตัวเองไปซะได้
       “ โห  นี่เอกความจำดีขนาดนั้นเชียว  แต่ฉันจะบอกให้  พลเกิด 1 ม.ค. จริงแต่เกิด บ่าย 3  นนท์เกิด 13 เม.ย. จริง  แต่เกิด 5 โมงเย็น  ฉันกับแก้วเกิด 24 พ.ค. จริง แต่เป็นเวลา 9 โมงครึ่ง กับ  2 ทุ่ม   แอนเกิด 13 มิ.ย.จริง  แต่เป็นเวลา 10 โมงเช้า  มีนายคนเดียว  โผล่ ไปเกิดซะเที่ยงคืน  ยังกะค้างคาว“ 
       ผมเอ๋อไปพักใหญ่  แต่ต้องหาข้ออ้างให้ได้ไม่งั้นผมไม่มีเวลาทำงานแน่  จะบอกตามตรงก็เกรงใจ  ทุกคนอุตส่าห์ตั้งใจกันขนาดนี้
       “ เอ่อ ! แล้วถ้าฉันเกิดง่วงแล้วหลับไปล่ะ“
       “ ก็ แล้วแต่นาย  ไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกเราเป่าเค้กให้ก็ได้  พอเสร็จทุกอย่างแล้ว  ฉันค่อยไปปลุกนาย“ 
       “ เอ่อ…ขอบใจ“  วันเกิดใครวะเนี่ย
       “ เฮ้ยเอก ถามอะไรหน่อยดิ“ นนท์เดินมาหาผม
       “ อะไร“
       “ แกมียาฆ่าแมวป่ะ  เอาแบบที่หมอตรวจแล้วไม่รู้น่ะ“
       “ แกจะฆ่าแมวทำไม ถ้าจะฆ่าใช้แค่ยาเบื่อก็ได้แล้ว“
       “ ไม่ได้  คือมันเป็นแมวจรจัดชอบเข้ามาในบ้านฉันทะเลาะกับไก่ย่างประจำ  ฉันล่ะนอนไม่หลับเลย  อยากจะฆ่าแต่ว่าไม่ให้คนอื่นรู้  เดี๋ยวเขาหาว่าฉันอำมหิต“
       “ เออๆ  ที่มหาลัยมีอยู่  ไม่มีใครตรวจได้  ใช้ได้กับสัตว์ทุกชนิด ช้างยังตายเลย“
       “ เออ  ขอบใจมาก  แล้วจะไปเอาที่คณะนะ“
      เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว  ผมจึงต้องจำเป็นอยู่รอจนเที่ยงคืน  พ่อกับแม่ขอกลับไปก่อนเดี๋ยวจะมาใหม่  ระหว่างนั้น  พวกเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ
       “ เฮ้ย เอก  จำได้ไหม  ตอนเด็กๆมีครั้งหนึ่งที่ฉันกับนายต่อยกันจะตาย  แต่ไอ้เพื่อนๆไม่ห้ามแถมยังเชียร์ใหญ่“
       “ เออ  ต่อยไปต่อยมา  น็อคทั้งคู่  แล้วเราต่อยกันทำไมวะ“
       “ จำไม่ได้แล้วหรอ  เรา 2 คนแย่งไม้จิ้มฟันกันไง  ฮ่าๆ“ 
       “ หา ! จริงหรอ“ 
       “ เออ“  ทุกคนขำกันใหญ่
       “ แล้วนึกถึงตอนเด็กๆนะ  นนท์  จำได้ไหมตอนนายจีบยัยกล้วยแขกน่ะ“ แก้วพูด
       “ อ๋อ  ตอนอยู่ ม.1 น่ะหรอ  มันเป็นช่วงที่ฉันหลงผิดน่ะสิ“
       “ กล้วยแขกไหนหรอ“  แอนถาม
       “ ใช่สิ  เธอยังไม่รู้เรื่อง เพราะตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม  ฉันไปเรียนพิเศษกับนนท์  ส่วนพวกเธอไปซัมเมอร์เมืองนอกกัน  คือที่เรียนพิเศษน่ะ  นนท์มันไปชอบยัยกล้วยแขกเข้า“
       “ ทำไมต้องเป็นกล้วยแขกด้วยล่ะ“
       “ เธอลองนึกภาพกล้วยแขกสิ  ดำๆ  แบนๆ  น่ะ  ฮิๆ“
       “ แก้ว  ถ้าอย่างนั้นเธอก็เป็นยัยกล้วยดิบน่ะสิ  เขียวๆ  เปรี้ยวๆ“ นนท์พูด
       “ นายเคยกินกล้วยดิบหรือไง“ แก้วค้อน
       “ ไม่เคย  แต่ก็อยากลองดู“
       “ นายหมายความว่าไง”
       “ เอาน่าๆ เลิกทะเลาะกันสักที  เฮ้ย  เอก  วันนี้วันเกิดแก  ฉันเล่าเรื่องตลกให้ฟังละกัน  ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยนะ“  พลพูดอย่างกระตือรือร้น
       “ เอาสิ“
       “ กาลครั้งหนึ่ง  มีเด็กชายคนหนึ่งไปซื้อของที่ตลาด  ซื้อผักกาด  ผักบุ้ง  ส้มตำ  แล้วก็เดินกลับบ้าน  จบ“
       “ จบแล้ว ! แล้วมันตลกยังไง“ แอนถาม
       “ ก็ฉันบอกจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง  ก็นี่ไง  เด็กชายคนนี้ชื่อ  ตลก“
       “ ฮ่า  ฮ่า“  ขำตาย
       “ นี่กี่โมงแล้วน่ะ“
       “ 5 ทุ่มครึ่ง“
       “ เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันเนอะ  พรุ่งนี้วันศุกร์  ยังต้องตื่นไปเรียนอีก จะไหวไหมนะ“ แอนคงจะเริ่มง่วงแล้ว
       “ นี่เราลองมาทายอะไรเอ่ยกันไหม   เหมือนที่เราเล่นกันตอนเด็กๆไง“ นนท์เสนอ
       “ ก็ได้  นายเริ่มก่อนสิ“
       “ ถ้าเดวิด  เบ็คแฮม  โดนใบแดงจะเป็นยังไง“
       “ กล้วย ๆ  ก็ต้องออกจากสนามสิ  ไม่เห็นสนุกเลย“ แก้วตอบ
       “ ผิด  ต้องไปเกณฑ์ทหารต่างหากล่ะ“
       “ ทุเรศ  คำถามกวนประสาท”
       “ เธอก็ลองคิดเองสิ“
       “ ได้  เดวิด  เบ็คแฮมใส่เสื้อเบอร์อะไร“  แก้วถาม
       “ เบอร์ 10“  ออยตอบ
       “ นั่นมันโอเว่น  เบ็คแฮมน่ะต้องเบอร์ 7“  นนท์ตอบ
       “ ผิด  เบอร์ L ย่ะ“ แก้วตอบ
       “ ก็พอกันแหละ  คำถามกวนพระบาท“
       “ ไม่เอา  เลิกเล่นดีกว่า“
      หลังจากนั้นเราก็ยังนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ  จนประมาณ  5 ทุ่ม 50 นาที  พ่อกับแม่ก็มา  และเมื่อนาฬิกาถึงเที่ยงคืน
       “ Happy  Birthday  to  you …” ทุกคนร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ผม  ออยถือเค้กเดินเข้ามา  ตอนนี้ผมก็อายุ 20 แล้วสินะ  รู้สึกแก่ขึ้นเยอะเหมือนกัน  เมื่อร้องเพลงจบ ผมก็เป่าเทียน  ตัดเค้ก แล้วก็กินกันอย่างสนุกสนาน
       “ เอก  แอนกับพี่ออยมีของขวัญมาให้“ ออยกับแอนเดินถือของมาด้วยกัน
       “ อะไรหรอ“
       “ ลองเปิดดูสิ“  ผมแกะห่อของขวัญออก
       “ โห  นาฬิกาข้อมือนี่  สวยมากเลย  รู้ได้ไงเอกกำลังอยากได้อยู่พอดี  ขอบคุณนะ“
       “ แก้วก็มีของให้นะ“  แก้วเดินเอามือไขว้หลังมา
       “ หรอ  ไหน“  แก้วเอาของออกมาจากข้างหลัง
       “ นวม ?  เธอจะให้ฉันไปต่อยกับใครล่ะ“
       “ เอาไว้ป้องกันตัว“
       “ ขอบคุณนะ  แล้วฉันจะใส่ไว้ตลอดเลย  (ถ้าจำเป็น)“
       “ นี่  ของฉัน“  นนท์เดินเข้ามาพร้อมกับสุนัขตัวหนึ่ง
       “ เจ้าไก่ย่าง  นี่หมาของนายไม่ใช่หรอ“
       “ ไม่ใช่  นี่น่ะ  ลูกเจ้าไก่ย่างมัน  ชื่อข้าวเหนียว  มันอายุ 3-4 เดือนแล้วล่ะ  เห็นนายบ่นอยากได้หมาเป็นเพื่อนเล่นนี่“
       “ ขอบใจมากเลย  ความจริงฉันก็มีนายเป็นเพื่อนเล่นอยู่แล้ว“
       “ นายหาว่าฉันเป็นหมาหรือไง“
       “ เปล่าซะหน่อย  เจ้าส้มตำ“
       “ อยากตายวันเกิดใช่ไหม”
       “ เอก ฉันก็มีของจะให้“ พลเดินเข้ามาบ้าง 
       “ อะไรหรอ“
       “ ฉันจะเล่าเรื่องตลกให้นายฟังอีกเรื่องหนึ่ง“
       “ ขอบใจเพื่อน  แต่ไม่เป็นไร“
       “ นายไม่อยากฟังหรอ“
       “ เปล่า แต่ฉันเส้นลึก เลยขำไม่ค่อยออกน่ะ“
       “ งั้น ฉันให้หอมแก้มหนึ่งที“
       “ เอ่อ .. ไม่เป็นไร  แฮ่ะ  ขอ..ขอบใจนะ“
       “ พ่อกับแม่เองก็มีของขวัญให้เหมือนกัน  นี่ไง“
       “ ตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น 6 ใบ 5 วัน 4 คืน ไปพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า  แต่ว่าพรุ่งนี้ผมต้องเรียนแล้วก็ยังมีงาน ..”
       “ แม่จัดการให้หมดแล้วล่ะ  เมื่อกี๊แม่โทรไปตกลงกับอาจารย์ที่มหาลัยแล้ว  เขาว่างานไม่รีบกลับมาแล้วค่อยทำก็ได้“  อะไรวะ  ตอนสั่งยังบอกรีบอยู่เลย  “ ส่วนเรื่องเรียนไม่ต้องเป็นห่วงเขาบอกว่า มหาลัยจะจัดงาน  ไม่ได้เรียน“
      “ งาน ?  งานอะไรคะ   ทำไมหนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย“ ออยถาม
       “ แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  เขาว่าจะจัดงานของมหาลัย  พวกหนูไปเที่ยวกันให้สนุกละกัน“
       “ ขอบคุณครับ พ่อ  แม่“
       ไม่ต้องคิดมากผมก็เดาได้เลย  เพราะอาจารย์ทุกคน   แม้กระทั่งอาจารย์ใหญ่  ยังรู้จักแม่ผม  แค่แม่พูดคำเดียว  ทุกคนเป็นยอมกันหมด  แต่ก็ดี  ไหนๆงานก็คงทำไม่ทันพรุ่งนี้อยู่แล้ว  ไปพักผ่อนดีกว่า
       “ นี่ก็ดึกมากแล้ว  พ่อกับแม่ง่วงแล้วล่ะ  ลูกอยู่คุยกับเพื่อนไปก่อนนะ  ถ้ากลับไม่ไหวจะค้างที่นี่ก็ได้  แต่ต้องขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อนนะ  แม่ไปละ“ แล้วพ่อกับแม่ก็เดินออกไป
       “ ขอให้สนุกนะลูก บ๊ายบาย“  แม่ทิ้งท้ายไว้
       “ ไม่รู้ บ่นง่วงได้ไง  ตัวเองเป็นคนบอกให้จัดเที่ยงคืนแท้ๆ“
       “ ว้าว ! ญี่ปุ่น  ญี่ปุ่น  Japan  Airline  ยินดีต้อนรับค่ะ  ตื่นเต้นจังเลย  อยากไปมานานแล้ว“  แก้วดูตื่นเต้นอยากแรง
       “ แม่นายเจ๋งจริงๆ“  พลชม
       “ เอาแต่ใจสิไม่ว่า“  ผมรู้ดี  แม่อยากได้อะไรเป็นต้องได้ทุกอย่าง
       “ ฉันว่า  เดี๋ยวฉันกลับไปจัดกระเป๋าดีกว่า  ต้องหล่อๆหน่อย  ไปหาสาวๆ โอซาก้ากัน เย้ !“
      นนท์ตื่นเต้นเช่นกัน
       “ แล้วแอนกับออยหายไปไหนแล้วล่ะ“  ผมหันไปถามแก้ว
       “  อ๋อ ! 2 คนนั่นไปจัดกระเป๋าแล้ว  ฝากบอกพวกนายว่า  จะกลับตอนไหนก็ได้  แต่อย่าลืมล็อคประตูบ้านให้ด้วย“
       “ ให้ตาย  ไวจริงๆ“
       “ งั้น พวกเราแยกย้ายกันกลับบ้านนะ  แล้วพรุ่งนี้ 8 โมง ค่อยนัดเจอกัน”
       “ 8 โมง ฉันยังไม่อยากตื่นเลย  ให้แม่นายเลื่อนเป็น บ่ายโมงได้ไหม“ นนท์ถาม
       “ แม่ฉันไม่ใช่พระเจ้านะโว๊ย !“
       “ เออ ก็ได้ งั้นฉันกลับล่ะ เดี๋ยวจะไปส่งแก้วก่อน  ไว้เจอกัน“  แล้วนนท์กับแก้วก็ออกไป
       “ เฮ้ย  พล  เอารถมาหรือเปล่า ไปส่งให้ก็ได้“ ผมถามพล
       “ อ๋อ  เอามา  นายตามฉันมานี่หน่อยสิ  มีของขวัญจะให้“  ผมเดินตามพลไปที่รถ  หวังว่าคงไม่ใช่ให้หอมแก้มหรอกนะ
       “ คือ  ที่ฉันต้องแอบมาให้ตอนนี้เพราะมันเป็นความลับ  ฉันให้นายรู้ไว้  แต่ห้ามบอกใครเด็ดขาด  เข้าใจนะ“  พลพูด  หน้าตาดูซีเรียสมาก
       “ อืม  อะไรหรอทำไมมันลึกลับซับซ้อนนัก“  ผมเห็นพลหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
       “ นายจำได้ไหม“
       “ นี่ มันจดหมายแปลกๆที่แอนได้รับคราวนั้นนี่นา  ทำไมหรอ“
       “ ฉันไขมันออกแล้วน่ะสิ“
      6
       เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเหมาะแก่การท่องเที่ยวจริงๆ  พวกเราตกลงนัดเจอกันที่บ้านผม เวลา 8 โมงเช้า
       “ เอก  ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวตกเครื่องบินหรอก“
       “ หือ  อ้าว  แอน   ออยกับแก้วก็มาแล้วหรอ  นี่ ฉันตื่นสายหรอเนี่ย“  ผมเอื้อมไปหยิบนาฬิกามาดู
       “ ตี 5 !  พวกเธอจะบ้าหรือไง  นัดกันไว้ 8 โมงไม่ใช่หรอ  นี่ ตี 5 นะ“ และผมก็ยังง่วงอยู่
       “ ฉันก็บอกพวกเขาแล้ว  ฮ้าว  แต่พวกเขาไม่ยอม  จะรีบมารีบไปน่ะสิ“ พลนั่นเอง  ยืนอยู่ที่ประตูท่าทางยังง่วงอยู่เช่นกัน
       “ แล้วนนท์ล่ะ“  แก้วหันไปถามพล
       “ นอนอยู่ที่โซฟาข้างล่างน่ะ  ก็เธอเล่นไปปลุกฉัน 2 คนตั้งแต่ ตี 4 ไม่รถชนตายกลางทางก็บุญแล้ว“  ผมรู้สึกโชคดีมากเลยที่ไม่ได้เป็น 2 คนนั้น
       “ เอก  พวกเราคิดว่าเธอควรจะลุกจากเตียง  ไปอาบน้ำแต่งตัว  แล้วเราควรจะออกเดินทางเร็วๆนะ“
       “ จะออกจากบ้านเร็วแค่ไหนก็ต้องไปรอที่สนามบินอยู่ดีน่ะแหละ  กว่าจะ 9 โมง“  ผมพูด  แล้วเริ่มมุดเข้าผ้าห่ม
       “ เอก เราก็บอกให้เครื่องเขาออกเร็วหน่อยก็สิ้นเรื่อง“  แอนพูด  แล้วกระชากผ้าห่มผมไป
       “ เธอใหญ่นักหรือไง  ไปสั่งให้เครื่องออกเร็วหรือช้าน่ะ“ แอนส่งผ้าห่มผมให้ออยพับต่อ
      “ ฉันไม่ใหญ่  แต่แม่นายใหญ่“ 
      “ ก็บอกแล้วไง  แม่ฉันไปสั่งเขาไม่ได้หรอก  ไหนจะผู้โดยสารคนอื่นๆอีก“  ผมพูด  พร้อมนอนขดตัว  เพราะแอร์มันหนาว  แถมยังถูกพวกเธอขโมยผ้าห่มไปอีก
      “ ใครว่าล่ะ  ก็แม่นายน่ะเขาเหมาเครื่องบินไว้ทั้งลำ  จะออกตอนไหนก็ได้แล้วแต่พวกเรา“ พอแก้วพูดจบ  ทำให้ผมสะดุ้งตื่นทันที
      “ เธอว่าอะไรนะ“
      “ อะ  เอาไปดูเองละกัน“  แก้วยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ผม  ลายมือแม่จริงด้วย

      เอกลูกรัก
       แม่ได้จองเครื่องบินไว้ให้ลำหนึ่งอยู่ที่สนามบินนะ  แม่มีคนรู้จักที่เป็นนักบินเขาจะบินให้เองเลย  จะไปตอนไหนก็บอกเขาได้  ถ้ายังไงไปที่สนามบินแล้วถามคุณประสิทธิ์ ดูก็ได้นะลูก  เขาเป็นเพื่อนแม่สมัยเรียน จะคอยต้อนรับอยู่  ที่แม่ทำอย่างนี้เพราะแม่อยากให้การเดินทางของลูกเป็นไปอย่างสะดวกสบายนะ  ขอให้สนุกนะจ๊ะ

      เอาล่ะสิ  แม่ทำเว่อร์อีกแล้ว  ถ้าทำอย่างนี้แล้วเอาตั๋วเครื่องบินมาทำไม  ไม่เห็นจำเป็นเลย

      ปล. ตั๋วเครื่องบินเอาไว้บังหน้าน่ะ  คนอื่นจะได้ไม่หาว่าแม่เว่อร์ไงจ๊ะ
      เที่ยวให้สนุกนะลูก
      แม่
       ช่วยได้มากเลยนะเนี่ย
       “ แม่นายใจดีจัง  ถ้าฉันเป็นนายฉันคงจะซึ้งใจมากเลย“  ออยดูปลื้มมาก
       “ ฉันก็ซึ้งจนจะร้องไห้เป็นภาษาเขมรอยู่แล้ว“
       “ เอก  อย่าล้อเล่นได้ไหม“ แอนพูด  ในขณะที่กำลังไล่ผมลงจากเตียง  ผมจึงต้องเดินไปอาบน้ำ
       “ ก็ได้  ฉันซึ้งจนน้ำตาไหลเป็นสายเลือด  เส้นเลือดพุ่งกระฉูดตามมาจนเลือดหมดตัว  ตายเพราะความซึ้ง  พอใจยัง“ 
       “ ขอให้เป็นจริง  สาธุ !“ แก้วแช่งผม
       “ นี่  พวกเธอออกไปได้แล้ว  จะดูฉันแก้ผ้าหรือไง  คนจะอาบน้ำ“
      แล้วทุกคนก็ลงไปรออยู่ข้างล่าง  ผมจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วนี่เพิ่งจะ 6 โมงเอง คงมีเวลาทำอะไรกินถ่วงเวลาไปก่อน  สงสารนักบินคนนั้นจริงๆ 
       “ เสร็จแล้วหรอ  พวกเราทำอาหารเช้าให้นายเรียบร้อยแล้ว“  เสียงออยลอยมา อะไรกันเนี่ย  ความจริงผมกะจะลงมาทำอาหารถ่วงเวลาสักหน่อย  ตอนแรกคิดไว้ว่า  จะลงมาปิ้งขนมปังแล้วแกล้งทำเป็นลืม  ปิ้งไหม้ปิ้งไหม้ไปเรื่อยๆ  หรือไม่ก็ ทอดไข่ดาวดำๆสักใบ จะได้ทอดใหม่ 
      เฮ้อ !  พวกเธอทำลายความฝันผมหมด
       “ ขอบใจนะ“ แล้วเมื่อผมลงมาที่โต๊ะ  ก็เห็นว่าความฝันของผมไม่ได้ถูกทำลายเลยเพราะบนโต๊ะมีขนมปังไหม้ๆ 2 แผ่น  ไข่ดาวดำๆ 1 ใบ  แต่ที่มีมากกว่าความฝันของผมคือ  ไส้กรอกเหี่ยวๆ 1 อัน
       “ เอ่อ ! พวกเธอ…” ผมหยุดกลืนน้ำลาย  “ ทำกันเองหรอ“
       “ อืม  แอนทำขนมปัง  ออยทำไข่ดาว  ส่วนฉันทำไส้กรอก“  แก้วพูดด้วยความภาคภูมิใจ
       “ นายนี่โชคดีนะ  ตื่นมาก็มีสาวๆทำอาหารให้“ พลแซว 
       “ แต่ฉันอยากโชคร้ายมากกว่าว่ะ“  แล้วผมก็ต้องยอมโชคดีกินมันจนหมด
       “ อร่อยไหม“  ออยถาม
      ไม่รู้จะบรรยายรสชาติอันขมขื่นนี่ยังไง
       “ อร่อยมากเลย  ขอบใจนะ“  ผมคิดอย่างถี่ถ้วนก็คงต้องบอกอย่างที่เห็นแหละ
       “ งั้นวันหลังพวกเราจะมาทำให้กินบ่อยๆนะ“
       “ มะ…ไม่เป็นไร  ไปทำให้ไอ้ 2 ตัวที่นังขำอยู่นั่นกินเถอะ“  ผมเห็นไอ้ 2 ตัวนั่นนั่งขำผมกันใหญ่
       “ ไม่เป็นไร ทำให้เอกกินคนเดียวน่ะแหละดีแล้ว  คือฉัน 2 คนไม่ชอบกิน เอ่อ  ไอ้นั่นน่ะ“  แล้วพลก็ชี้มาที่อาหารของผม 
       “ ไอ้นั่น ? มันคือขนมปัง  ไข่ดาวและไส้กรอกนะ  เรียกดีๆหน่อย“ แก้วโวย
       “ อ๋อ  หรอ  ทำไมฉันดูไม่ออกวะ  นึกว่าถ่าน“
       “ ไอ้  ปาก  เสีย“ แก้วดูโมโหใหญ่ “ นี่เป็นการทำอาหารครั้งแรกของฉันเลยนะ“
      โชคดีจังเลย  ผมกลายเป็นหนูทดลองที่ยังไม่ตาย  ฮือ ๆ
       “ เอาล่ะ  ถึงเวลาที่ต้องเดินทางแล้ว“ แก้วพูด
       “ เดี๋ยวสิคือฉันยังไม่ได้ล็อคประตูหลังบ้างเลย“  ผมต้องหาอะไรอ้างไว้หน่อย  นี่เพิ่ง 6 โมงกว่าๆเอง  ไม่อยากไปรบกวนชาวบ้านเขา
       “ ฉันปิดให้แล้วล่ะ“  เสียงแอน
       “ ฉันยังไม่ได้ล็อคหน้าต่างข้างบนเลย“
       “ ฉันทำเรียบร้อยแล้ว“ เสียงออย
       “ ฉันยังไม่ได้ปิดน้ำเลย  คือเปิดน้ำทิ้งไว้ในห้องน้ำ“
       “ ฉันปิดแล้ว“
       “ ฉัน  เอ่อ  ยังไม่ได้ถอดปลั๊กไฟเลยเดี๋ยวไฟฟ้าลัดวงจร“
       “ อ๋อ  ฉันถอดออกหมดทั้งบ้านแล้ว“
       “ เอ่อ  อ้อ ! ฉันยังไม่ได้หยิบกระเป๋าเดินทางลง…”  ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นพลเดินถือกระเป๋าของผมลงมา  “ ฉันเป็นเบ๊นายเมื่อไรไม่รู้สิ  แต่ถูกบังคับมาน่ะ“  พลพูด
       “ แล้วประตูด้านข้างล่ะ“
       “ ปิดแล้ว“
       “ ทุกบานเลยหรอ“
       “ ใช่“
       “ ประตูหน้าบ้านล่ะ“
       “ ปิดแล้ว“
       “ โอเคๆ  ยอมแพ้  งั้นพวกเราไปกัน“ ผมพูด  แต่ก็นึกขึ้นได้
       “ เดี๋ยว  ถ้าพวกเธอล็อคประตูหมดทุกบาน  แล้วเราจะออกกันทางไหนล่ะ“
       “ เออ  นั่นสิ  ลืมไป  เดี๋ยว  แอนไปเปิดประตูหน้าก่อนนะ“
      เอาเข้าไป  เที่ยวคราวนี้สนุกแต่เช้าเลยแฮะ
      เมื่อพวกเราไปถึงสนามบิน  ก็ตรงไปหาพนักงานที่นั่งทำงานอยู่
      “ ขอโทษนะครับ  ผมมาพบคุณประสิทธิ์น่ะครับ“ ผมพูด
      “ ประสิทธิ์ไหนล่ะครับ  มีทั้งประสิทธิ์ขัดส้วม  ประสิทธิ์นักบิน  ประสิทธ์ที่ขายเคเอฟซี  ประสิทธิ์จุดแลกเงิน  อ้อ ! ยังมีประสิทธิ์ขายของ…“ ชายคนนั้นพล่ามไม่หยุด  แถมพูดจายังกับเพิ่งทะเลาะกับเมียมางั้นแหละ
      “ ประสิทธ์ที่เป็น เพื่อนกับแม่ผมน่ะครับ“  ผมตอบ  ชายคนนั้นดูอารมณ์เสียอย่างหนัก
      “ แล้วกูจะรู้ไหมว่าแม่มึงเป็นใคร“ ชายคนนั้นตอบเบาๆ
      “อะไรนะครับ“
      “ อ๋อ  เปล่า  แม่คุณชื่ออะไรล่ะ“
      “ ทิพย์รัตน์  เลิศสิริโสภากุล“
      “ อ้าว  คุณคือ  คุณเอกรัตน์ใช่ไหมครับ” 
      “ ครับ“
      “ แล้วไม่บอกแต่แรก ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ ท่านประธาน  เอ่อ..คือคุณประสิทธิ์น่ะครับ  ท่านให้ผมต้อนรับพวกคุณอย่างดี  เชิญครับ  ท่านเปิดห้องรับรองไว้รอคุณแล้ว“  แล้วเขาก็เดินนำพวกเราไป   คอยต้อนรับดูแลอย่างดีไม่เหมือนคนก่อนเลยแฮะ
      “ เอก  นายรู้จักเขาหรอ“  พลถาม
      “ เปล่า  ไม่เห็นคุ้นเลย“
      “ แล้วทำไมเขาบอกว่าเจอกันอีกครั้ง“
      “ ฉันก็ไม่รู้ว่ะ“
      “ ท่านบอกว่าอีกสักครู่จะลงมาพบพวกคุณ  เชิญพักผ่อนกันตามสบายนะครับ  อยากได้อะไรสั่งได้เลย  ผมจะคอยดูแลพวกคุณตลอดการเดินทางเลยครับ“
       “ ไม่ต้องหรอก  เราต้องการแค่กัปตันและแอร์ไม่กี่คนก็พอ  คุณไปจะเกะกะเปล่าๆ“  ออยพูดแบบไม่ค่อยชอบหมอนี่เท่าไหร่
       “ คือเธอหมายความว่าจะรบกวนคุณเปล่าๆนะครับ“  พลรีบแก้ตัวให้
       “ ไม่ให้ผมไปช่วยอำนวยความสะดวกหน่อยหรอครับ“
       “ ก็บอกแล้วไง  นายขับเครื่องบินเป็นเมื่อไร  ค่อยไป  ถ้านายเป็นนักบินน่ะนะ“  ออยพูด
       “ เอาเหอะครับแล้วผมจะพยายามเป็นนักบินให้คุณละกัน  เดี๋ยวผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ“ เขายักคิ้วให้ออยก่อนจะเดินจากไป  สักครู่คุณประสิทธิ์ก็เดินมา
      “ สวัสดีครับ  คุณทิพย์น่ะ  บอกให้ผมรับรองพวกคุณอย่างดี  พวกคุณต้องการอะไรไหมครับ  หรือจะออกเดินทางเลยก็ได้ครับ“ 
      “ ผมว่าเดี๋ยวผมอาจจะนั่งเล่นสักพักหนึ่งแล้วค่อยไปน่ะครับ“
      “ เอก  ไปเลยเหอะ  เสียเวลา“  แก้วพูด
      “ นั่นสิ  ฉันก็ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งเล่นหรอกนะ“  พลว่าบ้าง
      “ ก็ได้  เอ่อ  คุณประสิทธิ์ครับ  ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหมครับ“
      “ อ๋อ  ครับ  เรียบร้อยนานแล้วครับ“
      “ โอเคงั้นพวกผมไปเลยละกันครับ“  แล้วคุณประสิทธิ์ก็เดินนำพวกเราไป  เครื่องบินที่พวกเราจะนั่งไปเป็นลำที่มีที่นั่งประมาณ 50 คน 
      “ ขอให้สนุกนะครับ“  คุณประสิทธิ์พูดก่อนเดินจากไป
       “ เอ่อ  คุณประสิทธิ์ครับ  ผมอยากถามอะไรหน่อย“
       “ เชิญครับ“
       “ ทำไมที่นี่มีคนชื่อประสิทธิ์เยอะจังครับ“
       “ ใครว่าล่ะครับ  ทั้งสนามบินที่นี่มีผมชื่อประสิทธิ์คนเดียวเองครับ“  แล้วเขาก็เดินจากไปจริงๆ
       “ โดนไอ้หมอนั่นตุ๋นซะงงเลยว่ะ“ พลที่ยืนอยู่ข้างๆผมพูดออกมา
       “ สวัสดีครับ  ผู้โดยสารที่มีเกียรติ์ทุกท่าน  ผมกัปตันเกียงไกร  ตรรลพ  ยินดีต้อนรับทุกท่านที่โดยสารสายการบินของเรา  อีกสักครู่หลังจากที่เครื่องขึ้นแล้วผมจะออกมาต้อนรับพวกท่านด้วยตนเอง  ถ้าทุกท่านต้องการสิ่งใด  สามารถเรียกใช้บริการจากแอร์โฮสเตสได้ตลอดเวลา  ขอบคุณครับ“
       “ เกียงไกร  ตรรลพหรอ  น่าจะเรียกว่า กรรไกร  ตัดเล็บแทนเนอะ“ แก้วพูดขึ้น 
      “ ขอให้ทุกท่านนั่งประจำที่  พร้อมคาดเข็มขัดให้เรียบร้อยด้วยค่ะ“  เสียงแอร์โฮสเตสเดินตรวจตราความเรียบร้อย
       “ พวกเธอว่าไหม  เครื่องบินทั้งลำมีเราอยู่กันแค่ 6 คน  มันวังเวงเนอะ“  แก้วเริ่มคลายความตื่นเต้นลง  กลายเป็นเสียวๆแทน
       “ ใครบอกยังมีกัปตันแล้วก็แอร์อีกตั้ง 2 คนนะ“  นนท์พูด  หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดกันอีกเลยจนกระทั่งเครื่องขึ้นเรียบร้อย  แล้วเครื่องบินเริ่มทรงตัว
       “ เอก  ถ้าเราไปถึงเราจะพักกันที่ไหนล่ะแล้วก็จะไปเที่ยวที่ไหน ยังไงล่ะ“  แอนถาม
       “ ไม่รู้สิ  แต่ฉันคิดว่าจะไปเที่ยวกันเองแบบอยากไปไหนก็ไป  นั่งรถไฟไง“  ผมตอบ  อันที่จริงผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย
       “ ฉันว่าคงมีใครรออยู่แน่“  พลพูด
       “ นายหมายความว่าไง”  แก้วถาม
       “ พวกเธอคิดว่า  แม่เอกเขาจะปล่อยให้พวกเราเที่ยวแบบชาวบ้านๆเขาหรือไง“
       “ นั่นสิ  ช่างเหอะ  ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง“   เมื่อเครื่องบินบินเรียบขึ้น  สัญญาณรัดเข็มขัดดับลง  พวกเราก็เริ่มเดินเพ่นพ่านไปมา  นั่งตรงโน้นตรงนี้  พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  พอเริ่มเซ็ง  ก็มาตั้งวงเล่นไพ่กัน
       “ พวกนายคิดว่าจะมีตำรวจบินขึ้นมาจับเราบนนี้ไหม“  แก้วพูด
       “ ไม่มีหรอก  เธอจะบ้าหรอ  ใครจะไปรู้ว่าเราเล่นไพ่กันบนนี้เล่า“  พลพูด
       “ สวัสดีครับทุกคน  ผมกัปตันเกียงไกร  ตรรลพ  ยินดีที่ได้รู้จักครับ“  เสียงกัปตันลอยมาข้างหลังผมแต่ผมไม่ได้หันไปดู  กำลังเล่นอย่างเมามันส์  แต่ผมเห็นพลเงยหน้าขึ้นไปทักทายกัปตัน
       “ ยินดีได้รู้จักครับกัป ….  ไอ้กวนโอ๊ย“  ผมรู้สึกว่ามันเป็นคำทักทายที่แปลกมาก  เลยหันไปดู
       “ อ้าว   ไอ้หมอนั่นนี่นา  คนที่เราเจอเมื่อเช้า  ไอ้ตัวแสบ“  นนท์พูด
       “ นายมาขับเครื่องบินได้ไง  ก็นายเป็นพนักงานอยู่ที่เคาท์เตอร์นี่“  แอนถาม
       “ คือสนามบินเรานักบินไม่พอน่ะครับ  เลยให้ผมมาขับแทนก่อน“
       “ แล..แล้ว  นายเคยขับเครื่องบินมาก่อนหรือเปล่า“ พลถาม
       “ เคยครับ“
       “ เฮ้อ   ค่อยโล่งอกหน่อย“
       “ แต่ขับที่สวนสนุกนะครับ  มันส์มากเลย  เสียดายแต่ว่าขนาดเป็นของเล่นผมยังขับชนชาวบ้านเขาเลย  พวกคุณนี่โชคดีมากเลยนะครับเป็นผู้โดยสารที่ได้รับเกียรติ์ในการขับเครื่องบินจริงๆครั้งแรกของผม“
       “ ช่วยด้วย  ฉันจะลง  จอดเดี๋ยวนี้เลยนะนายบ๊องส์  จอดสิ  ฉันจะกลับบ้านแล้ว“  แก้วโวยวายใหญ่
       “ ผมทำไม่ได้หรอกครับเพราะผมเคยแต่เอาเครื่องขึ้น  ผมเอาเครื่องลงไม่เป็น“
       “ ไอ้ห่า  ขับไม่เป็นแล้วขับทำไม แล้วนี่พวกเราจะลงได้ยังไง“
       “ ผมมีวิธีครับ  ก็โดดร่มลงไปไงครับแต่ต้องกะที่ลงให้ดีๆหน่อย“
       “ นายนี่ประสาทหรือเปล่า  อยากตายหรือไง“  แอนพูด
       “ นี่ คุณกัปตันจอมทะเล้น  คุณเลิกอำพวกเราเถอะ  ฉันรู้หรอกนะว่าที่จริงคุณคือกัปตันที่มีความสามารถ  ทำงานกับสายการบินมาหลายปี  ประสบการณ์ชั้นยอด  ไม่เคยเจออุบัติเหตุ  ไม่ว่าดินฟ้าอากาศแย่แค่ไหนคุณก็ขับมาแล้วทั้งนั้น  ได้เป็นนักบินยอดเยี่ยมตั้งแต่ทำงานได้ไม่กี่เดือน  อุปนิสัยเป็นคนชอบกวนประสาทชาวบ้าน  ชอบยั่วโมโห  โกหกหน้าตาย“  ออยพูดเหมือนรู้จักเขาดียังงั้นแหละ
       “ ขอโทษนะครับ  คุณไปรู้มาจากไหน“
       “ ก็ตอนที่พวกเรากำลังคุยกับคุณอยู่  ฉันเกิดรำคาญคุณขึ้นมาเลยจะไปหาผู้จัดการให้ไล่คุณออก  แต่เผอิญดันไปเห็นประกาศเกียรติคุณบ้าๆบอๆของคุณ  และยังมีประวัติการทำงานดีเด่น  ยิ่งทำให้ฉันหมั่นไส้คุณเข้าไปใหญ่“
       “ แย่จังผมจะแกล้งอำพวกคุณเล่นสักหน่อย  หมดกัน  เอ่อ  เรื่องประวัติการทำงานมีเขียนไว้ก็จริง  แต่เรื่องนิสัยผม  คุณรู้ได้ไง“
       “ ใครไม่รู้ก็โง่ตายแล้ว  ก็สิ่งที่คุณทำเมื่อครู่น่ะ  ถ้าเขาไม่เรียกว่า  ชอบกวนประสาทชาวบ้าน  ชอบยั่วโมโห  โกหกหน้าตาย แล้วเขาจะเรียกว่าอะไร“
       “ ผมว่ามันเป็นอารมณ์ขันที่น่ารักดีออก“
       “ แหวะ  คุณว่าตัวคุณน่ารักหรอ  ทุเรศที่สุด“
       “ ก็แล้วแต่คุณจะคิด  แต่ผมมีอะไรจะบอกคุณอย่าง“
       “ อะไร“
       “ อันที่จริง  เรื่องนี้ให้ใครก็ได้เล่าให้ฟังดีกว่า“
       “ ฉันเล่าเองก็ได้“  แอนเสนอ “ คืออย่างนี้นะ  ตอนที่พี่ไปเดินเล่นน่ะ  พวกเราคุยกับเขา  แล้วเราก็รู้กันหมดแล้วว่าเขาเป็นนักบิน  แต่เราจะแกล้งพี่เล่นๆน่ะ  แฮ่“
       “ งั้นเมื่อกี๊  พวกเธอก็แกล้งแสดงละครหรอ“
       “  อะ..อืม“
       “ สนุกกันนักใช่ไหม“
       “ โธ่  พี่ออยเราเล่นกันนิดหน่อยน่ะ อย่างอนนะ  น้า“
       “ อย่าโกรธเลยน่า  ขอโทษด้วย  เรามาเที่ยวกันเฮฮาหน่อยสิ“
       “ ก็ได้  ฉันยกโทษให้ก็ได้  แต่ยกเว้นไอ้หมอนี่“  ออยพยักเพยิดหน้าไปทางกัปตัน
       “ ว้า  ไม่ยุติธรรมนี่ครับ  คุณโกรธผมคนเดียวได้ไง“
       “ เรื่องของฉัน“
       “ ยกโทษให้ผมเหอะน้า“
       “ ไม่“
       “ ผมสัญญาจะไม่ทำอีกแล้ว จริงๆนะ“
       “ ไม่“
       “ ทำไมใจร้ายจัง“
       “ ยุ่ง“
       “ คุณไม่ยกโทษให้ผมจริงหรอ“
       “ ใช่  แล้วฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าคุณด้วย“
       “ ก็ได้  เพื่อความสบายใจของคุณ  ผมจะไป  จะโดดร่มลงไปเดี๋ยวนี้เลย“
       “ ดี“
       “ แต่พวกคุณก็ขับเครื่องบินกันเองละกันนะ  รู้สึกว่าข้างหน้าจะมีพายุด้วย  แต่คุณเก่งนี่  คงทำได้อยู่แล้ว  แล้วเดี๋ยวผมจะลงไปรอฟังข่าวพวกคุณทางทีวีข้างล่างนะ“
       “ ฉันไม่หลงกลคุณหรอก“
      แล้วกัปตันก็เดินไป  เขาลากอุปกรณ์ในการโดดร่มมา
       “ คุณคงไม่ไปจริงๆหรอกนะ“  แก้วถาม
       “ ช่วยไม่ได้ครับ  คุณออยเธอไม่อยากเห็นหน้าผม“
       “ ออย  เธอก็เลิกงอนสักทีเหอะน่า“
       “ แก้ว  เธออย่าไปหลงเชื่อไอ้หมอนี่นะ  เขาพูดไปงั้นแหละ  ไม่กล้าทำหรอก“
       “ ข่าวด่วนประจำวัน“  กัปตันพูดพร้อมกับจัดเตรียมอุปกรณ์โดดร่ม “ เกิดเหตุน่าสลด  เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งพุ่งชนยอดภูเขาฟูจิ  เนื่องจากกลุ่มนักศึกษา 6 คน  โดยสารเครื่องบินโดยไม่มีกัปตันเพราะ 1นักศึกษาสาวอารมณ์ร้อน  ไล่กัปตันของเธอลงจากเครื่องบิน  สาเหตุเกิดจากอะไรไม่ทราบแน่ชัด  ต้องไปถามจากตัวนักบินเอง“
       “ พี่ออย  ยอมๆไปเหอะน่า  เธออยากออกทีวีหรือไง“  แอนพูด  กัปตันหันไปมองออยเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
       “ เอ่อ   คือผมเป็นนักบินที่ถูกเธอไล่ลงมาเองครับ  สาเหตุเพราะเธอถูกผมสลัดรักทิ้งหลุมอากาศ  เธอจึงคิดจะฆ่าตัวตาย  แต่เนื่องจากเธอรักผมมาก  เธอไม่อยากให้ผมตายไปด้วย  เลยไล่ผมลงมา  ผมก็พยายามห้ามแล้วนะครับ  แต่ผมไม่สามารถทนต่อเสียงออดอ้อนของเธอไหวในขณะที่ผมกำลังเผลอ  เธอก็ถีบผมลงมา….”
       “ นายแต่งเรื่องนี่“ ออยโวย
       “ คือผมคิดจะให้สัมภาษณ์แบบนี้น่ะครับ”
       “ นาย…”  ออยดูโมโหมาก  แต่เขายังพูดต่อ
       “ ถึงผมจะเจ็บแค่ไหน  แต่ผมก็รับรู้ถึงความรักที่เธอมีต่อผมจากฝ่าเท้าของ….”
       “ พอได้แล้ว  ยกโทษให้ก็ได้“
       “ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง  ขอบคุณนะครับ“  กัปตันยกของไปเก็บ  ผมรู้หมอนี่ไม่โดดลงไปหรอก  เพราะเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบอย่างมาก  แต่ไม่ยักรู้ว่าเจ้าเล่ห์ขนาดนี้
       “ อ้อ“ กัปตันหันมาพูดต่อ “  แต่ตอนจบของข่าวคือ  ผู้โดยสารทั้งหมดรอดตายอย่างปาฏิหาริย์  ชาวบ้านแถวนั้นให้การว่าเห็นวีรบุรุษคนหนึ่ง  ขับเครื่องบินไปช่วยทุกคนทันเวลา  แล้วนั่นก็คือ  ผมเอง“  ว่าแล้วเขาก็เดินเอาของไปเก็บ
       “ หมอนี่น่าจะจับเจี๋ยนซะ  จะได้สูญพันธ์ไปเลย”  ออยพูดด้วยความโมโห  แต่ผมยังเสียวแทน  ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ
       หลังจากที่มีเรื่องสนุกๆให้ดูไปแล้ว  พวกเราก็มานั่งคุยกันโดยมีกัปตันร่วมวงด้วย
       “ เอ่อ  คุณกัปตันครับ“  ผมไม่รู้จะเรียกเขาว่าอะไรดี
       “ เรียกผมว่า ไกรก็ได้ครับ“
       “ ทำไมไม่เรียกเกียง  ปกติเขาใช้ชื่อตัวหน้าเป็นชื่อเล่นกันไม่ใช่หรอ“ ออยพูด
       “ ก็แล้วแต่ครับ  คุณออยจะเรียกผมเกียงก็ได้  แต่ถ้าเขาใช้ชื่อหน้าเป็นชื่อเล่นแทน  เท่าที่ผมทราบมาคุณชื่อหทัยชนก  ผมก็ต้องเรียกคุณว่าคุณหะ ใช่ไหมครับ“  ไกรยิ้มเล็กน้อย
       “ ไอ้บ้า  ประสาท“
       “ ตลกดีนะ  งั้นแอนชื่อ  ฤทัยชนก  หึ  กลายเป็น คุณรึ“ แอนพูด
       “ ยังงี้  เอกก็  ว้า  เอกชื่อเอกรัตน์  ก็เป็นเอกเหมือนเดิม  นนท์ชื่อ  นภดล  ก็คุณนพ  พลชื่อ
      วรเดช  กลายเป็นคุณวอ“  แก้วสนุกใหญ่
       “ ส่วนฉันชื่อ สุขาวดี ก็เป็นคุณสุ“
       “ใครว่า  อย่าเธอน่ะเรียกคุณสุขา ดีกว่ามั้ง“  นนท์พูด
       “ อุบาทว์  นายหุบปากไปเลยไป คุณสัปดน“
       “ คุณไกรครับ  คุณบินมากี่ปีแล้วครับเนี่ย“ ผมเปลี่ยนเรื่องคุย
       “ คงจะทำมานานจนอยู่เป็นปู่สนามบินเลยน่ะสิ“  ออยตอบแทน
       “ ครับ  แหมคุณออยนี่รู้ใจผมดีจริงๆ ผมก็อยากเป็นปู่หรอกนะ  ติดที่ว่าต้องหาย่าให้ได้ก่อน“ ไกรมองไปที่ออย ออยหน้าบึ้งเดินออกไป  “ ผมทำมานานแล้วครับ  ตั้งแต่รุ่นพ่อ  ตอนเด็กๆ  ผมชอบมาช่วยพ่อบ่อยๆ  คือช่วงที่แม่เสียไป  ผมเลยต้องตะลอนๆไปไหนมาไหนกับพ่อตลอด  และก็รักอาชีพนี้ไปเลย“ 
       “ แล้วคุณมารู้จักกับแม่ผมตอนไหนล่ะครับ“
       “ อ๋อ  คือ  เวลาพ่อแม่คุณบินไปไหนมาไหน  ผมจะเป็นนักบินให้เขาประจำ  เพราะเขาไม่ไว้ใจคนอื่น  ตอนคุณเด็กๆ คุณยังเคยมาเล่นกับผมบนเครื่องเลย  สมัยนั้นพ่อผมเป็นคนบิน  แต่นี่คุณโตขึ้นมาก  เจอครั้งแรกผมยังจำไม่ได้เลย“
        “ จริงหรือครับ  ผมก็จำไม่ค่อยได้  คุณเล่าให้ผมฟังหน่อยสิ“
        “ หลังจากที่แม่ผมเสีย  ผมก็มาอยู่กับพ่อบนเครื่องบินตลอดเวลา  ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนักบิน  นอกจากมีธุระสำคัญ  ช่วงนั้นผมไม่ได้เรียนหนังสือ  แค่ ป.3 เองนะครับ  แต่ที่ผมเป็นนักบินได้เพราะผมบินกับพ่อบ่อยเลยมีประสบการณ์แต่เด็ก  ตอนนั้นผมเหงามาก  เวลามีผู้โดยสารเด็กๆมา  ผมก็คิดว่าจะเล่นกับพวกเขาได้  แต่ติดตรงที่พ่อแม่ของเขาไม่ให้เขาเดินไปเดินมาเขาบอกลูกพวกเขาว่า  ถ้าเด็กๆวิ่งเล่นบนเครื่องบิน  จะทำให้เครื่องบินตก“
       “ ใครเชื่อก็โง่แล้ว“  พลพูด
       “ ตอนเด็กน่ะ  คุณไม่รู้อะไรหรอกครับ  ย่อมเชื่อพ่อแม่อยู่แล้ว  แต่ก็มีนะครับ  วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเล่นไพ่อยู่คนเดียว…
       “ นี่  นายทำอะไรอยู่คนเดียว“
       “ ฉันก็เล่นไพ่น่ะสิ“
       “ ฉันเล่นด้วยสิ”
       “ ได้  แต่นายไม่กลัวโดนแม่ว่าหรอ“
       “ ไม่“
       “ เอก  ลูกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้  รู้ไหมเดินเพ่นพ่านแบบนี้เดี๋ยวเครื่องบินตกนะ“
       “ จะตกก็ช่างมันสิฮะ  ดีเหมือนกันผมนั่งเครื่องบินมาตั้งนานยังไม่เคยเจอเครื่องบินตกเลย“ 
       “ ลูกจะบ้าหรอ  กลับไปนั่งที่เร็ว“
      “ แต่ผมเบื่อ  ผมจะเล่นกับเพื่อน“
       “ นายกลับไปหาแม่นายเถอะ“
       “ ไม่เอา“
       “ เอางี้  หนูจ๋าพ่อแม่หนูอยู่ไหนล่ะ  หนูขออนุญาตท่านแล้วไปเล่นกับเอกได้ไหมจ๊ะ“
       “ พ่อผมเป็นนักบินครับส่วนแม่เป็นนางฟ้า“
       “ หรอจ๊ะ แล้วพ่อหนูจะอนุญาตไหม“
       “ แน่นอนครับ  เอกนายนั่งตรงไหนล่ะ“
       “ ตรงโน้นไง“
       “ First  Class หรอ  พ่อฉันไม่ให้ฉันเข้าไปยุ่งแถวนั้นหรอก“
       “ ไม่เป็นไรจ๊ะ  เดี๋ยวน้าขอพ่อหนูให้นะ“
       “ ก็ได้ครับ“
       “ นายชื่ออะไรหรอ“
       “ บอล“
       “ บอลนายมานั่งนี่สิข้างๆฉันว่างอยู่ตัวหนึ่ง”
       “ ว่างได้ไงปกติ  เที่ยวบินนี้ First Class ไม่ว่างนี่นา“
       “ อ๋อ  ตัวนี้ของฉันเอง  เวลาไปไหนแม่จะจองไว้ 2 ตัวเผื่อเวลานอนไง  จะได้ไม่เมื่อย“
       “ บ้านนายคงรวยน่าดูสิ“
       “ ใครว่า  บ้านฉันจนจะตาย  พ่อแม่ต้องคอยดูแลคนอื่น  ทำงานกลับก็ดึก“
       “ ท่านทำอาชีพอะไรหรอ“
       “ เป็นหมอ“
       “ ดีออก  เวลานายไม่สบายพ่อแม่นายจะดูแลนายได้  คอยรักษานายไง“ 
       “ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ  แต่ฉันไม่เคยป่วยเลย  เป็นนายสบายกว่าเยอะพ่อเป็นนักบินอยากไปเที่ยวไหนก็ได้ มีเครื่องบินส่วนตัวอีก  แม่นายเป็นนางฟ้าเสกอะไรให้นายก็ได้  นายคงบินได้เหมือนแม่ล่ะสิ“
       “ ไม่หรอกพ่อบอกว่า  แม่คอยดูฉันอยู่บนสวรรค์“
       “ นายเคยไปเยี่ยมแม่นายบ้างไหม“
       “ ไม่เคย  แต่แม่มาเยี่ยมฉันในฝันบ่อยๆ“
       “ อิจฉาจัง  แม่ฉันไม่เคยมาเยี่ยมฉันในฝันบ้างเลย“
       “ อย่างนายน่ะดีแล้ว  นายนอนกอดแม่หรือเปล่า“
       “ เปล่า  แต่แม่ชอบนอนกอดฉัน  อึดอัดจะแย่“
       “ อบอุ่นดีออก“
       “ คงงั้นมั้ง“
       “ เรามาเล่นไพ่ตาแก่กินน้ำกันไหม“
       “ เอาสิ  ฉันเริ่มก่อนนะ“
       ….” แล้วหลังจากนั้นเวลาคุณมาทีไร  ผมจะไปเล่นกับคุณเสมอ  แต่พอผมอายุสัก 10 ขวบ  พ่อก็ให้ผมไปฝึกเป็นนักบิน  หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก“  ไกรเล่าต่อจนจบ
      “ อ๋อ  ผมพอจะจำได้แล้ว  ตอนก่อนคุณชื่อบอล  ตอนนี้เปลี่ยนแล้วหรอ“ 
      “ ก็ไม่เชิงครับ  เพียงแต่ว่าชอบมีคนเรียกผมว่าไกรมากกว่า“
      “ ตอนก่อนนายชื่อบอลหรอ“  ออยถาม
      “ ครับ  ทำไมหรอครับ“
       “ เปล่า  แค่ถามเฉยๆ“
       “ คุณไกรคะ  นี่เราต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงกว่าจะถึงคะ“  แอนถาม
       “ ก็อีกประมาณ 10 ชั่วโมง  เพราะไม่แน่ว่าเราจะเจอพายุหรือเปล่า“
       “ แล้วคุณมานั่งคุยอยู่ตรงนี้จะรู้หรอคะ  ฉันว่าคุณไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องนักบิน  จะได้ดู
      เหตุการณ์ไปด้วยไงคะ“
        “ ก็ได้ครับ  เพื่อให้ผู้โดยสารสบายใจ  เอก  ผมขอตัวก่อนนะครับ“
       “ ตามสบายเลยครับ“  ไกรเดินไปที่ห้องนักบิน  พวกเรานั่งคุยกันอยู่สักพัก  แอร์ก็นำอาหารมาเสริฟ์ 
       “ น่ากินจังเลย  ปกติตอนฉันขึ้นเครื่องบินจะไม่ค่อยชอบอาหารบนนี้เท่าไร  แต่นี่สุดยอด“ แก้วว่า
       “ อร่อยด้วยนะ“ พลพูดไปกินไป
       “ คือ  ปกติอาหารบนเครื่องบินเราจะใช้อาหารง่ายๆ  เป็นอาหารแห้ง  จะทำรสชาติแบบกลางๆเพื่อให้ทุกคนทานได้  แต่เที่ยวนี้คุณทิพย์สั่งเป็นพิเศษน่ะค่ะ”  แอร์อธิบายให้ฟัง
       “ อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัวเลยนะครับ  แต่ผมอยากรู้ว่า  แม่จ้างพวกคุณเท่าไร“
       “ ดิฉันบอกเป็นตัวเลขไม่ได้หรอกนะคะ  บอกได้แค่ว่า มากกว่าเงินเดือนปกติ 2 เท่า“
       “ แล้วนี่  ปกติคุณมีเที่ยวบินไปไหนหรือเปล่าคะ  พวกเรากวนคุณหรือเปล่า“
       “ ปกติ  ดิฉันต้องบินไปฝรั่งเศสค่ะ  แต่ไม่เป็นไร  ให้คนอื่นไปแทนแล้ว“
       “ รบกวนคุณแย่เลย“ ออยพูด
       “ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  ฉันถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัว ผู้โดยสารน้อย แอร์ก็ทำงานน้อยลง“
       “ งั้น เชิญคุณไปพักเถอะครับ  เดี๋ยวพวกเราทานเสร็จจะยกไปเก็บเอง“
       “ ไม่ได้หรอกค่ะ  เวลาพักของพวกเรา  คือเวลาที่ผู้โดยสารหลับแล้วเท่านั้น“
       “ เอาอย่างนี้ละกันนะครับ  เดี๋ยวพวกเราจะนอนกัน  แล้วพวกคุณก็ไปพักซะ  พอคุณหลับ  เราค่อยตื่นมากินต่อ“  นนท์เสนอ
       “ หึๆ  ขอบคุณค่ะ  แต่ไม่เป็นไร  ฉันว่าฉันได้คุยกับพวกคุณนี่ก็หายเหนื่อยเหมือนกัน“
       “ งั้นคุณแอร์คนสวย  มานั่งคุยกับผมก็ได้ครับ  ผมยินดีคุยด้วยตลอดเวลา  ถ้ามันทำให้คุณหายเหนื่อย“  ไอ้นนท์เริ่มอีกละ
       “ ฉันว่าคุณมานั่งคุยข้างๆฉันดีกว่านะคะ  อย่าไปยุ่งกับนนท์มันเลย“ แก้วพูด
       “ ขอบคุณค่ะ  ฉันไม่เคยเป็นกันเองกับแขกคนไหนมาก่อนเลย“
       “ งั้นพวกผมก็เป็นแขกกลุ่มแรกที่คุณประทับใจ  เป็นเกียรติ์จริงๆเลยครับ  ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ“ นนท์พูด
       “ ฉันชื่อ  นภาดาว ค่ะ  เรียกดาวก็ได้“
       “ แล้ว  แอร์อีกคนไปไหนล่ะครับ“  ผมถาม
       “ พอดีก่อนเครื่องขึ้นเธอเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ  เลยมาไม่ทัน  ฉันเลยทำคนเดียว“
       “ ให้ฉันช่วยด้วยไหมคะ  ฉันเองก็อยากลองเป็นแอร์ดูเหมือนกัน“  แอนถามดาว
       “ เอาสิคะ  ดิฉันมีชุดสำรองอยู่เหมือนกัน“
       “ ว้าว ! ดีจังเลย  ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะทุกคน  วันนี้จะเป็นแอร์โฮสเตสกำมะลอดู” ว่าแล้วแอนก็เดินตามดาวไป
       “ เสียดายจัง  ถ้ามีชุดสำรองอีกชุดหนึ่งฉันต้องไปเป็นแอร์ด้วยแน่เลย“ แก้วพูด
       “ อย่างเธอเนี่ยนะจะเป็นแอร์ โฮสเตส  เป็นช่างล้างแอร์ไปก่อนละกัน“ พลพูดขณะกินอยู่
       “ พล ถ้านายไม่หุบปาก  ฉันจะเอาส้นตึกนี่ยัดปากนาย“  แก้วพูดพร้อมกับหยิบรองเท้าขึ้นมา  ผมนึกภาพแอนอยู่ในชุดแอร์แล้วคงน่ารักดี  อยากเห็นเร็วๆจัง
       สักพักหนึ่งก็มีเสียงคนพูดออกมาทางลำโพง
       “ สวัสดีค่ะท่านผู้โดยสารทุกท่าน  วันนี้สายการบินไทยแลนด์แอร์ไลน์  ยินดีต้อนรับทุกท่าน  ดิฉันนางสาวฤทัยชนก  เมฆพฤตินันท์  จะขอเป็นแอร์กำมะลอดูแลทุกท่านในวันนี้ค่ะ  ขอบคุณค่ะ“
       ว่าแล้วแอนก็เดินออกมาในมาดแอร์โฮสเตสพร้อมกับดาว  แอนสวยมาก  มากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก
       “ โอ้โห  แอน  เหมือนนางฟ้าจริงๆ  ถ้าเธอได้เป็นแอร์เมื่อไรนะ  ฉันจะนั่งเครื่องบินไปเรียนทุกวันเลย“  นนท์พูด  ตาค้าง  อ้าปากด้วย  แต่น้ำลายไม่ไหล
       “ เป็นไงบ้างทุกคน  พอใช้ได้ไหม“  แอนถาม
       “ สวยมากเลย“  แก้วชม  ส่วนผมนั่งมองอย่างเดียว  พูดไม่ออก
       “ ทำไมคุณแก้วกับคุณออยไม่ไปลองดูบ้างล่ะคะ“ ดาวถาม
       “ จริงหรอคะ  มีชุดอีกหรอคะ“  แก้วถาม
       “ มีค่ะ  มีพอสำหรับพวกคุณทุกคนเลย“
       “ ผมไม่เอาด้วยหรอก  ให้ไปแต่งตัวซะน่ารักขนาดนั้น  ถ้ามีผู้ชายมาจีบล่ะก็  สะยึ๋มกึ๋ยส์“  นนท์พูด
       “ ออย  ไปลองกันเถอะ“  แก้วชวน
       “ ไม่เอาอ่ะ  ฉันเป็นผู้โดยสารดีกว่า“
       “ น่า  นะ  นะ”
       “ ออยก็ลองดูสิ  เอกว่าออยต้องใส่สวยแน่เลย“  ผมพูด
       “ ก็ได้“  แล้วออยกับแก้วก็เดินไปด้วยกัน  สักพักหนึ่งทั้ง 2 ก็เดินออกมา  ออยสวยมาก  พอๆกับแอนเลยส่วนแก้ว…
       “ แก้ว  เธอเหมือนกะเทยควายจริงๆ“ นนท์พูด
       “ นนท์  นายอยากตายแบบศพเละๆไหม“  แก้วพูด  แต่ในความคิดผม  ผมว่าแก้วน่ารักมาก  มากกว่าเดิมอีก
       “ เฮ้ย  แต่ฉันว่าแก้วดูน่ารักนะ“  ผมกระซิบกับนนท์
       “ ก็เออสิวะ  คิดไม่ถึงเหมือนกัน  แต่ฉันไม่อยากพูด“ นนท์กระซิบตอบ
       “ ทุกคนครับตอนนี้….” ไกรเดินออกมาจากห้องกัปตัน  เหมือนกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่พอมองมาที่พวกเรา  ก็หยุดชะงัก
       “ เอ่อ…“  ไกรพูดต่อได้แค่นี้  ผมเห็นสายตาเขา  จ้องมาที่ออย
       “ มองทำไม“  ออยถาม
       “ เปล่า  ผมไม่คิดว่าเวลาคุณแต่งตัวแบบนี้  แล้วจะน่ารักน่ะสิ  ถ้าผมมีแอร์แบบนี้  คงอยากบินโดยไม่จอดเครื่องเลย“
       “ ไอ้บ้า  ฉันไปเปลี่ยนชุดกลับดีกว่า“
       “ ไม่ทันหรอกครับ  คือ….” ไกรพูดแล้วหันไปมองออยอีกครั้ง
       “ นายอยากตาบอดหรือไง  จ้องอยู่ได้“
       “ อ๋อ  เอ่อ  คือ  ผมจะออกมาบอกว่าให้ทุกคนนั่งที่แล้วก็เตรียมตัวรัดเข็มขัดอะไรให้เรียบร้อย  เรากำลังจะเจอพายุ“
       “ ขอให้ทุกคนนั่งที่ให้เรียบร้อยนะคะ  รัดเข็มขัดด้วย“  ดาวกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม  ทุกคนกลับไปนั่งที่  รัดเข็มขัดเรียบร้อย
       “ ตื่นเต้นว่ะ“   ผมคิดในใจ  เครื่องบินมีอาการกระตุก  เสียวท้องวูบ  เหมือนเวลาคุณขับรถลงจากเนินแบบเร็วๆ  เครื่องสั่นไปมาเล็กน้อย  บรรยากาศขนลุกดี  มีเสียงฟ้าร้อง  ฟ้าผ่าด้วย  ผมหันไปมองเพื่อนๆ  แต่ละคนนั่งกันลุ้นน่าดู  แก้วหลับตาสนิท  คงกำลังสวดมนต์อยู่
       “ ดาว  เข้ามาช่วยผมในนี้หน่อย“ เสียงไกรดังออกมาทางลำโพง  ดาวลุกไปยังห้องกัปตัน  สักพักก็เดินออกมา
       “ คุณเอกคะ  ขอแรงคุณเข้าไปช่วยข้างในหน่อยค่ะ“
       “ เอ่อ..ครับ“ ผมเดินเข้าไปในห้องกัปตัน  เห็นไกรนั่งอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ  ข้างๆมีนักบินที่สองนอนอยู่
       “ เขาโดนกระแทกเข้าที่หัวน่ะ  ฉันต้องหาผู้ช่วย  นายทำได้ไหม“
       “ ผมไม่รู้เรื่องเครื่องบินเลย“
       “ คุณแค่ทำตามที่ผมบอกแค่นั้น“
       “ ได้ครับ  ผมจะพยายาม“
       “ ตอนนี้เรากำลังเจอพายุหนักต้องทรงตัวให้ดี  คุณช่วยจับคันโยกนี่ให้ผมหน่อย  ดูหน้าจอให้คงเดิม“
       “ ครับ“  ผมเอื้อมไปจับคันโยกให้คงที่  ไกรเอื้อมไปกดปุ่มอะไรก็ไม่รู้  ผมหันไปมองเขา
       “ มองหน้าจอไว้  เครื่องบินต่ำลงแล้วนะ“
       “ ขอโทษครับ“ ผมยกคันโยกขึ้น  ทำให้เครื่องกระตุกเล็กน้อย ( อันที่จริงก็ไม่น้อย  เพราะมันทำให้ไกรลงไปกองกับพื้น )
       “ คุณ  โยกช้าๆหน่อย“
       “ เอ่อ..ครับ“  ผมตื่นเต้นไปหน่อย
       “ เอกคุณไปตามออยเข้ามาให้ผมหน่อย  แล้วคุณก็นั่งรัดเข็มขัดอยู่ข้างนอกให้เรียบร้อยนะ“ ไกรเข้ามาถือคันโยกแทนผม
       “ ครับ“  ผมคงทำได้แย่น่าดู
      แล้วออยก็เดินเข้าไป
       “ มีอะไรให้ฉันช่วยหรอคะ“
       “ คุณช่วยผมทรงตัวเครื่องหน่อย“
       “ ค่ะ“  ออยเดินไปกดปุ่มโน้นปุ่มนี้ 
       “ โอเคครับ  เดี๋ยวคุณถือคันโยกให้ผมหน่อย  ผมจะเช็คเครื่อง“
       “ ค่ะ  ตอนนี้ความสูงคงที่  แต่ข้างหน้ามีเมฆมาก  เราควรลงระดับลงหน่อยนะคะ“
       “ คุณทำตามที่เห็นว่าดีเถอะ“
       “ ที่ฉันเห็นว่าดีหรอ  โดดร่มลงไปดีกว่ามั้ง“
       “ เอาสิ  คุณจะทำอะไร  ผมจะไปด้วย“
       “ คุณนี่ยุ่งกับฉันจัง“
       “ แต่คุณก็ยังน่ารักเหมือนเดิม“
       “ เลิกพูดมากสักที“  ออยหันมาดุไกร
       “ โอเค  เฮ้ย คุณดูหน้าจอสิ  เดี๋ยวได้ไปสวรรค์ทางลัดหรอก“  ออยหันกลับมามองหน้าจอ  จึงได้เห็นว่าเธอยกคันโยกขึ้น  ทำให้เครื่องบินยิ่งสูงขึ้นไป
       “ ก็คุณน่ะ  ชวนฉันคุย“  ออยบังคับเครื่องลงมาให้คงที่  ผ่านไปสักพัก  เครื่องเริ่มคงตัวได้  พายุหมดไปแล้ว  ท้องฟ้าสดใส  ออยกับไกรเดินออกมา 
       “ สบายใจได้ครับ  เรียบร้อยแล้ว“
       “ โล่งอกไปนะคะ  เมื่อกี๊น่ากลัวจัง“ แอนพูด
       “ คุณไกรนี่เก่งจังนะคะ“
       “ ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับ  ถ้าไม่ได้คุณออย  ผมก็แย่“
       “ ไม่ต้องมายอหรอก“  ออยพูด
       “ ออยก็เก่งนะ  ไม่เหมือนไอ้เอก  เข้าไปแป๊บเดียว  ถูกถีบออกมาเลย“  พลพูด
       “ ไอ้ห่า    ปากหรอวะเนี่ย“  ผมพูด
       “ แอนไม่ยักรู้มาก่อนนะว่าพี่ออยรู้เรื่องเครื่องบินกับเขาด้วย“
       “ เอ่อ…พี่ก็ ..ก็ ไม่ได้ทำอะไรนี่  คุณไกรเขาสั่งอะไร  ออยก็ทำตามนั้น  ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย  จริงไหมคะ“  ออยหันไปหาไกร
       “ เอ่อ…อ๋อ..ครับออยเขาทำตามที่ผมสั่งได้  ดี  ดีมากเลยครับ แฮะ“  ไกรหันไปยักคิ้วให้ออย
       “ เดี๋ยวเตะให้หรอก“ ออยพูดเบาๆ
       “ อะไรนะครับ  คุณออยว่าอะไรนะครับ“
       “ เปล่านี่คะ  เปล่า  ไม่ได้พูดอะไร“  ออยหันไปมองหน้าไกรที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่
       “ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจอแบบนี้อีกไหมนะคะ“  แอนถาม
       “ ไม่แล้วล่ะครับ  ข้างหน้าปลอดโปร่งตลอดทางเลย“ ไกรตอบ
       “ แล้วแก้วล่ะ“  ผมหันไปมองแก้วที่ยังนั่งหลับตา รัดเข็มขัดอยู่กับที่  พลเดินไปหาแก้ว
       “ แก้ว  แก้ว  ปลอดภัยแล้ว“  แก้วไม่ตอบแต่ยังนั่งหลับตาอยู่
       “ สงสัยเขาจะตื่นเต้น ตกใจอย่างหนัก  ช็อคตายไปแล้วมั้ง“ พลว่า
       “ ใครว่าล่ะ“ แอนเดินไปดูแก้ว “ แอนเห็นแก้วหลับไปตั้งแต่ตอนที่เครื่องยังกระตุก  ฟ้าผ่าฟ้าร้องอยู่เลย“
       “ ให้ตาย  ยัยนี่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับชาวบ้านเขาเลย“  นนท์พูด
       “ ฮ้าว…..อืม  อ้าว  ว่าไงทุกคน  เครื่องบินตกแล้วยัง”  แก้วตื่นแล้ว
       “ ปากเสียจริงนะเธอ  ตื่นมาก็จะตายเลยหรือไง“ ออยพูด
       “ นี่ฉันหลับไปหรอเนี่ย“
       “ ก็เออน่ะสิ“
       “ ว้า  ไม่ตื่นเต้นเลย  แล้วทำไมพวกเธอไม่ปลุกฉัน“
       “ ฉันนึกว่าเธอช็อคตายไปแล้วน่ะสิ“
       “ ปากเสีย  คนอย่างฉันไม่ตายง่ายๆหรอก“
       “ นั่นสิ  เธอหนังเหนียวจะตาย“ พลพูด
       “ พูดมาก  เฮ่อ ฉันหิวแล้วล่ะไปหาอะไรกินดีกว่า“
       “ นั่นสิ  ฉันก็เหมือนกัน  เมื่อกี๊กินได้นิดเดียวเอง“
       “ แล้ว  คุณดาวไปไหน“
       “ อ๋อ  กำลังพยาบาลนักบินที่สองอยู่น่ะ  พวกคุณคงต้องไปหาอะไรกินกันเองก่อน  เดี๋ยวผมไปหาให้ก็ได้“
       “ อุ๊ย  ไม่เป็นไรค่ะเรื่องนี้พวกเราจัดการกันเองได้  ว่าแต่คุณต้องการจะทานเลยไหมคะ“  แอนถามไกร
       “  ถ้าไม่เป็นการรบกวนก็ยินดีครับ  ผมหิวเหมือนกัน“
        “ และถ้าฉันบอกว่ารบกวนล่ะ“  ออยพูด
       “ ผมก็จะยอมอดตาย  ถ้าคุณไม่เต็มใจ“
       “ บ๊องส์“ แล้วออยก็เดินไป
       “ งั้น  รอสักครู่นะคะเดี๋ยวเราสามคนไปหาอะไรมาให้ทาน“  แอนพูดก่อนเดินตามออยไป  โดยมีแก้วเดินไปด้วย
       “ เดี๋ยว !“ ผม  นนท์และพลเรียกพร้อมกัน
       “ อะไร“  ทั้ง 2 หันมามอง
       “ คือ  เธอ 3 คนจะทำอาหารหรอ“ ผมถามพร้อมกับกลืนน้ำลาย
       “ เปล่า เราแค่ไปหาอะไรมากิน  อยู่บนนี้ทำไข่ดาว ขนมปังไส้กรอกไม่ได้หรอก“  แก้วพูด
       “ อ๋อ  อืม  น่าเสียดายเนอะ“ พลพูดด้วยอาการเสียดายแบบปนดีใจ
       “ ใครว่าล่ะครับบนเครื่องลำนี้สามารถประกอบอา….”  ไกรยังพูดไม่ทันจบก็ถูกปิดปากไว้
       “ไม่มีอะไรหรอกเธอไปเถอะ  บ๊ายบาย“  นนท์พูดออกมาในขณะที่เอามือปิดปากไกรไว้
       “ นี่คุณ“  นนท์หันไปพูดกับไกร  “ ถ้าไม่อยากตกนรกก็อย่าไปให้ 3 คนนั้นทำอาหารให้กินนะ  เอกมันเคยโดนมาแล้ว“
       “ ครับ  เมื่อเช้านี้เอง  ยังสยองไม่หาย“  ผมพูดแบบเต็มใจสุดๆ  สักพักหนึ่งทั้ง 3 คนก็ยกอาหารมาวางไว้  เป็นอาหารกล่องบนเครื่องบิน  รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว
       “ พวกคุณนั่งทานกันไปก่อนนะ  เดี๋ยวฉันขอเอาอาหารไปให้ดาวกับนักบินอีกคนหนึ่งก่อน“ แอนพูด
       “ เดี๋ยวแอน  ไม่เป็นไร  ออยยกไปเองเผื่อจะไปช่วยพยาบาลแทนคุณดาวได้บ้าง“
       “ แล้วคุณไม่ทานก่อนหรอครับ“  ไกรถาม
       “ ไม่เป็นไร  ยังไม่หิวเลย“
       “ ผมว่าผมไปเป็นเพื่อนคุณดีกว่าเผื่อคุณต้องการอะไรผมจะได้ช่วยหยิบได้  คุณคงไม่รู้จักที่เก็บของประจำเครื่องบินหรอก“
       “ ฉันรู้  คุณไม่ต้องยุ่งหรอก“
       “ รู้ได้ไง“  แก้วถาม
       “ เอ่อ…ก็  ก็ ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือน่ะอ่านผ่านๆ“
       “ แต่การปฐมพยาบาลบนเครื่องบินเนี่ยไม่เหมือนปฐมพยาบาลทั่วไป  คุณคง….”
       “ ฉัน..เอ่อ..ไม่รู้คุณไปก็ได้”   แล้วทั้ง 2 คนก็เดินเข้าห้องนักบินไปด้วยกัน
       “ คุณดาวคะ  ไปพักเถอะค่ะ  ทางนี้ออยจัดการเอง“
       “ งั้นฝากด้วยนะคะ“  ว่าแล้วดาวก็ถืออาหารออกไปทานข้างนอก  ออยลุกไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลจากบนชั้นอย่างคล่องแคล่ว  แล้วเธอก็ลงมานั่งข้างๆนักบินคนนั้นทำแผลแล้วก็ดูแลอย่างดี
       “ ไหนคุณบอกว่าทำไม่เป็นไง“  ไกรถาม  ทำเอาออยชะงักเล็กน้อย
       “ เรื่องแค่นี้ใครๆก็ทำได้ค่ะ  มันยากนักหรือไง“
       “ ก็ถ้าสำหรับคนที่ศึกษาเรื่องนี้มาอย่างดีก็ไม่ยาก  แต่คนที่ไม่ได้ศึกษามาหรือแค่อ่านผ่านๆไม่มีทางทำได้อย่างปราณีตขนาดนี้แน่“
       “ นี่คุณชมหรือด่า“
       “ ผมไม่กล้าด่าคุณหรอกครับ  แค่สงสัยนิดหน่อย“
       “ มันคงบังเอิญมั้งคะ“
       “ งั้นคุณก็เก่งมาก“
       “ ขอบคุณ”
       “ ออยคุณเคยอยากเป็นแอร์หรือเปล่า“  ออยหยุดชะงักไปนิดนึงเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง
       “ ทำไมคุณคิดอย่างนั้น“
       “ ลางสังหรณ์“
       “ ไม่  ฉันไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อย“
       “ คุณแน่ใจหรอ“
       “ คุณจะถามหาอะไร  ฉันจำเป็นจะต้องบอกคุณทุกเรื่องที่คุณอยากรู้หรือไง“
       “ เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ  คุณคงลืมมันไปแล้ว“  ว่าแล้วไกรก็เดิน ออกไป  ด้วยอาการเศร้า
       “ เป็นบ้าอะไร“  ออยพูดก่อนหันไปพยาบาลคนไข้ต่อ
      7
       คืนนั้นหลังจากที่ทุกคนทานอาหาร  นั่งคุยกันเล็กน้อย  ต่างคนก็แยกย้ายกันไปนอน  ผมเป็นคนนอนยาก  ถ้านอนผิดที่เมื่อไร  บางทีก็นอนไม่หลับ  คืนนี้ผมก็นอนสะลึมสะลือ  แต่ยังไม่หลับตามเคย
       “ คุณดาวไม่ไปพักบ้างล่ะครับเห็นเดินไปเดินมาทำโน่นทำนี่  ไม่เหนื่อยหรอครับ“  เสียงนนท์ดังขึ้น
       “ เดี๋ยวก็ไปพักแล้วค่ะ  คุณนนท์ไม่ไปนอนหรอคะ“
       “ สุภาพบุรุษต้องรอให้สุภาพสตรีนอนก่อนครับ“  อ้าว  ไอ้นนท์แกหาว่าฉันไม่เป็นสุภาพบุรุษหรือไงวะ 
       “ งั้นฉันขอตัวก่อน  แล้วรีบๆนอนนะคะ“
       “ ขอบคุณครับที่เป็นห่วง“  ว่าแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปนอน  ยังไม่ทันไรไอ้นนท์ก็หลับไปก่อนผมซะอีกผมนอนไม่หลับเลยคิดจะลุกไปหาอะไรดื่มผมลุกไปอย่างเบาที่สุด
       เมื่อผมไปถึงตรงที่เก็บของก็เห็นออยยืนอยู่
       “ทำอะไรน่ะ“  ผมพูดทำเอาออยสะดุ้งโหยง
       “ มาซะเงียบเชียว  นึกว่าโจร“
       “ โจรมันคงไม่ตามมาปล้นเธอบนนี้หรอก“
       “ แล้วนายมาทำอะไร“
       “ นอนไม่หลับน่ะ  กะว่าจะมาหาอะไรดื่มหน่อย  แล้วเธอล่ะ“
       “ เหมือนกัน  นี่ไปดื่มเบียร์กันไหม“
       “ เธอดื่มเป็นหรอ“
       “ ไม่เป็น  แต่อยากลองดู“
       “ อย่าเลย  เดี๋ยวเมาค้าง  พรุ่งนี้เที่ยวไม่หนุกนะ“
       “ นั่นสิ  เอานมละกัน“  ออยหยิบนมมารินใส่แก้ว  เรา 2 คนไปนั่งคุยกันไกลจากที่นอนของเพื่อนๆมากที่สุด
       “ ทำไมออยนอนไม่หลับล่ะ“
       “ อ๋อ  ไม่มีอะไรหรอกออยนอนคิดอะไรไปเรื่อยเลยนอนหลับไม่ลง เอกล่ะ“
       “ นอนผิดที่น่ะ  เป็นอย่างนี้ประจำ“
       “ ตอนเด็กๆเอกมีอะไรที่ประทับใจบ้างไหม“  ออยถามขึ้น
       “ มีสิ  เยอะแยะเลยจำไม่ได้หรอก  ออยล่ะ“
       “ ก็มีบ้าง  บางเรื่องก็ลืมไปแล้ว  บางเรื่องก็อยากจะลืม  แต่ลืมไม่ลง“
       “ อะไรบ้างล่ะ“
       “ อ๋อ  ก็ไม่มีอะไรมากหรอก  พวกเรื่องเศร้าๆอย่างตอนรถคว่ำ  มีดบาด  ขี่จักรยาน….”  ออยพูดแล้วก็หยุดไป
       “ ขี่จักรยาน ? มันเศร้าตรงไหน“
       “ ….” ออยไม่ได้ตอบอะไร
       “ ออย  ออย  เป็นอะไรหรือเปล่า“
       “ ฮะ  อะไรนะ  อ๋อเปล่า เปล่า  เอ่อ  ออยไปนอนดีกว่านะ“  ว่าแล้วออยก็เดินไปนอน  ผมหยิบนมขึ้นมาดื่มแล้วก็เหลือบไปเห็นที่แก้วออยว่านมไม่ได้ลดลงไปเลย  แล้วหลังจากที่ผมดื่มนมหมดแก้วผมก็จะลุกไปนอนพอดีเจอไกรเข้า
       “ อ้าวไกร  ยังไม่นอนหรอ“
       “ อืม  ผมนอนไม่หลับหรอก  ผมเป็นกัปตันนะ  จะหลับสนิทไม่ได้  เลยลุกมาชงกาแฟ แล้วคุณล่ะ“
       “ ผมนอนไม่หลับเหมือนกัน“
       “ เมื่อกี๊  ผมเห็นคุณนั่งคุยกับคุณออย….”
       “ อ๋อ  ครับแต่เธอไปนอนแล้วล่ะ  เอ๊ะ  นั่นใครน่ะ“  ผมเห็นเงาคนลางๆ
       “ ออยเอง  คือนึกขึ้นได้ว่าลืมนมไว้  ยังไม่ได้กินเลย“
       “ อ๋อ  อ่ะนี่“  ผมยื่นแก้วนมไปให้เธอ
       “ ขอบใจ  ราตรีสวัสดิ์นะ“  ออยเดินไป  ราตรีสวัสดิ์หรอ  นี่เพิ่งบ่ายโมงกว่าๆเอง  แต่นั่นแหละอยู่บนเครื่องบินไม่มีอะไรทำก็นอนอย่างเดียว
       “ คุณ 2 คนเป็นแฟนกันหรอครับ“  ไกรถามผม
       “ โอ๊ย  เปล่าครับคุณไปเอามาจากไหน“
       “ ก็เห็นคุณ 2 คนสนิทกัน“
       “ อันที่จริงคนที่ผมชอบน่ะคือ แอนน้องสาวออยน่ะครับ“
       “ อ๋อ  งั้นหรอครับ  พวกคุณนี่ดูสนิทกันจัง  คบกันมานานแล้วหรอครับ“
       “ ใช่ครับ  ผมพลนนท์และแก้ว  เราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  พ่อแม่เราเป็นเพื่อนกัน  บ้านก็อยู่ใกล้กัน  ส่วนออยกับแอนเขาย้ายบ้านมาทีหลังตอนประมาณป.5 – ป.6 น่ะครับ“
       “ เธอย้ายมาจากไหนหรอครับ“
       “ ตรัง  ช่วงนั้นพ่อแม่เธอ 2 คนมีงานไม่ค่อยได้อยู่บ้าน  เธอเลยต้องย้ายมาอยู่กับน้าที่บ้านอยู่ใกล้ผม  เราเลยได้เล่นกันตั้งแต่นั้น“
       “ ไม่น่าล่ะ  แล้วออยเขามีคนรักหรือยังครับ“
       “ ฮั่นแน่   คุณชอบเธอหรอ“
       “ ตอบให้ตรงคำถามหน่อยสิ“
       “ หึๆ  ยังหรอก  ไม่เห็นเขาจะสนใจใครเลย  ที่มหาลัยมีคนมาจีบเขาเยอะแยะ  แต่กินแห้วกันหมด“
       “ ทำไมล่ะครับ  เธอไม่ชอบใครเลยหรอ“
       “ ไม่รู้สิครับ  เห็นเธอเคยบอกว่าจะรอเจ้าชายของเธออะไรเนี่ยละครับ  ไม่ค่อยจะเพ้อฝันเท่าไร“
       “ เจ้าชาย  คงมีความหมายกับเธอมากน่ะสิ  คนๆนี้“
       “ ก็คงอย่างนั้นมั้งครับ  แต่ถ้าคุณไม่พยายามหน่อยล่ะก็  คงได้กินแห้วเหมือนกัน“
       “ อะไรกันครับ  มันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ  ทำไมผมต้องพยายามด้วย“
       “ เอาเหอะครับ  ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร“
       “ คุณนี่คงง่วงมากแล้วล่ะ  ผมไปดีกว่า“  แล้วไกรก็เดินไป
       “ ใครง่วงกันแน่นะ“ ผมพูดกับตัวเองก่อนเดินไปนอน
       ผมตื่นมาอีกทีก็ประมาณบ่าย 3 ของเมืองไทย  แต่ตอนนี้ไม่รู้เราบินอยู่ที่ไหนกัน  ผมตื่นมาก็เห็นพล นนท์ แก้ว ออย แอน กำลังนั่งคุยกันอยู่  รู้สึกเหมือนถูกนินทายังไงชอบกล
       “ อ้าวเอก  ตื่นแล้วหรอ  หลับปุ๋ยเลยนะ“  แก้วพูดขณะหันมามองผม
       “ พวกเรากำลังนินทานายอยู่เชียว“ พลพูด  กะแล้วเชียว
       “ นินทาว่าไร“  ผมพูดพร้อมกับลุกไปสมทบ
       “ ก็ว่านายเป็นหมูขึ้นอืดน่ะสิ“
       “ ไอ้บ้า  กว่าฉันจะหลับได้  พวกนายก็จะตื่นกันแล้วน่ะสิ  แล้วนี่เราใกล้จะถึงหรือยัง“
       “ เห็นไกรบอกว่าอีกประมาณ 3 ชั่วโมง  เล่นไพ่กันต่อดีกว่ามือกำลังขึ้น“ พลพูด
       “ ไม่เอา  นายเล่นกินอยู่คนเดียวหนิ“ แก้วพูด
       หลังจากนั้นพวกเราก็หาอะไรทำกัน  แก้ว  พล  นนท์ นั่งเล่นไพ่  แอนกับออยไปนั่งคุยกับคุณดาว  ส่วนผมนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว 
       “  ขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อนนะครับ  ตอนนี้เรากำลังจะลงจอด  ขอให้ทุกคนนั่งประจำที่  พร้อมรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย  ขอบคุณครับ“  เสียงไกรดังขึ้นมา  ทุกคนเลยกลับมานั่งประจำที่  คุณดาวเดินตรวจตราไปมา  แล้วจึงกลับไปนั่งที่
       “ ขณะนี้เราได้ลงจอดที่สนามบินโตเกียวเรียบร้อยแล้ว  ขอบคุณทุกท่านที่ใช้บริการ“
       “ ยะฮู้ ! ในที่สุดก็ถึงแล้ว  อายิโนะทาการะ“ แก้วพูดด้วยความตื่นเต้น
       “ แปลว่าอะไรหรอ“  ออยถาม
       “ ไม่รู้สิ  เคยได้ยินบ่อยๆ“
       “ ยี่ห้อผงชูรสไง“  พลตอบแทน
      แล้วพวกเราก็ลงจากเครื่องมีคุณดาวและไกรรอส่งอยู่
       “ ขอให้สนุกนะครับ“  ไกรพูด
       “ ขอบคุณมากนะครับ“ ผมพูด
       “ ขอบคุณนะคะ“ แก้วพูดก่อนเดินตามลงมา
       “ ขอบคุณมากค่ะ  คุณไกร  คุณดาว“  แอนพูด
       “ ขอบคุณนะครับ“ นนท์พูด
       “ ขอบคุณที่ไม่โดดลงกลางทางนะครับ“  พลพูด  ออยเดินตามพลมา  เธอยิ้มให้ไกรและพูดว่า
       “ หวังว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกนะคะ“
       “ ขอโทษนะครับ  ผมคงทำให้คุณผิดหวัง“
       “ หมายความว่าไง“
       “ ก็ถ้าไม่มีผมแล้วคุณจะกลับยังไง“
       “ นี่ฉันต้องกลับกับคุณอีกหรอ“
       “ แน่นอนครับ“
       “ ซวยจริงๆ“
       “ ว่าไงนะครับ“
       “ อ๋อ  เปล่าอย่างน้อยฉันก็ยังไม่ได้เจอคุณตลอด 5 วันที่เที่ยวที่นี่“  ไกรไม่ได้ตอบอะไร
       “ งั้นอีก 5 วันเจอกันนะครับ บาย“  นนท์พูด
       “ ขอให้สนุกนะคะ“  ดาวพูด
       “ ไป  พวกเราไปเอากระเป๋ากัน  จะได้ไปดูว่าจะเอายังไงต่อไป“ พลพูด
       “ แต่ก่อนอื่นนะต้องหาโรงแรมพัก  แล้วก็ไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน“
       “ เอาอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเลยนะ“  ออยพูด  คงหิวกันแล้วล่ะสิ
      หลังจากจัดการเรื่องสนามบินเรียบร้อย  เราก็ลงไปหารถเช่า  แล้วก็หาโรงแรม
       “ ถามจริงเหอะ  ใครพูดภาษาญี่ปุ่นเป็นบ้าง“  แก้วถามขึ้น
       “ เท่าที่รู้มา  ไม่มี“  ผมตอบ
       “ เราก็ใช้ภาษาอังกฤษได้นี่  เมื่อกี๊ก็ใช้มาแล้ว“  ออยแนะ
       “ ไม่เหมือนกัน  ในสนามบินพนักงานต้องพูดได้หลายภาษาอยู่แล้ว  แต่ข้างนอกน่ะสิ  เขาใช้ภาษาญี่ปุ่นภาษาเดียว“
       “ เราก็หาไกด์ที่พูดไทยได้สิ“
       “ ไม่ใช่หาง่ายๆนะ“
       “ แต่ก็ไม่ใช่หาไม่ได้“
       “ เลิกเถียงกันสักที  พวกนายลืมไปแล้วหรอ  คนที่จัดการให้เรามาที่นี่คือใคร  คนที่จองเครื่องบินไว้ให้คือใคร  และคนนั้นก็รู้ว่าพวกเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่เป็น  พวกนายคิดว่าเขาจะไม่จัดการให้หรือไง“  พลพูด
       “ ใช่แล้ว  นั่นสิ  ไม่น่ากังวลเลย“  ทุกคนมีสีหน้าดีใจขึ้นมา  แต่ไม่ใช่ผม
       “ นี่  แม่ฉันไม่ใช่พระเจ้านะ“
       “ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงน่ะแหละ  ดูสิ“  นนท์พูดก่อนชี้ให้ผมหันไปดูข้างหลัง ผมเห็นสายตาทุกคนจับจ้องไป  ผมจึงหันไปดู  มีป้ายตัวเบ้อเริ่มเขียนว่า
       “ ยินดีต้อนรับคุณเอกรัตน์ และเพื่อนๆ“  
       “ อะไรกันวะเนี่ย“  พวกผมเดินเข้าไปหาคนที่ถือป้ายนั้นอยู่
       “ เอ่อ  สวัสดีครับ  คุณเป็นไกด์ที่แม่ผมหามาให้หรอครับ“
       “ เปล่าครับ  ไกด์ตัวจริงกำลังมา  ผมแค่มารอรับคุณก่อนที่ไกด์จะมาถึงน่ะครับ“
       “ อ๋อ“
       “ อ้าวมาพอดี  งั้นผมไปก่อนนะครับ“  แล้วเด็กคนนั้นก็เดินไป  พวกผมยืนรออยู่ตรงนั้นก็เห็นชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา  ใส่เสื้อเชิ้ต  สวมหมวกเลยมองหน้าไม่ค่อยชัด
       “ สวัสดีครับคุณคงเป็นไกด์ที่แม่ผมหามาให้ใช่ไหมครับ“
       “ ครับ“  ชายคนนั้นพูดแล้วจึงถอดหมวกออก  ผมเห็นหน้าเขาชัด  เต็มตาเลย
       “ ไกร !  คุณมาได้ไง“
       “ ผมเป็นไกด์คุณไง“
       “ ตกลงนายเป็นอะไรกันแน่  เดี๋ยวเป็นพนักงาน  เดี๋ยวเป็นนักบิน  เดี๋ยวเป็นไกด์เดี๋ยวต่อไปไม่กลายเป็นนักตลก  คนขัดส้วม  หรือพนักงานเสริฟ์ไปด้วยล่ะ“  ออยพูด
       “ ผมก็คิดอยู่เหมือนกันครับ“
       “ โรคจิต“ ออยพูด
       “ แล้วไปไงมาไงถึงมาเป็นไกด์ล่ะครับเนี่ย“  พลถาม
       “ คือคุณทิพย์เขาให้ผมเป็นนักบินแล้วก็หยุดบิน 5 วันมาเป็นไกด์ให้พวกคุณ  เพราะผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้  แล้วก็เคยมาที่นี่บ่อยๆ  พอจะรู้จักที่นี่ดี“
       “ มาที่นี่บ่อยๆ  รู้จักดี  ทำไม  นายแอบมามีลูกมีเมียที่นี่น่ะสิ“
       “ ไม่มีหรอกครับ  ผมชอบสาวไทยมากกว่า“  ไกรพูดพร้อมยิ้มให้ออย  ออยเลยพูดไม่ออก
       “ แล้วคุณไกรมาทำอะไรที่นี่หรอคะ“  แอนถาม
       “ ส่วนมากเวลาผมบินบ่อยๆก็ได้โบนัสมาเที่ยวน่ะครับ“
       “ โชคดีจังนะคะ  ฉันว่าฉันไปเป็นนักบินบ้างก็ดี“  แก้วพูด
       “ อย่าเลย  ฉันเป็นห่วงผู้โดยสาร“  พลพูด
       “ เดี๋ยวเจอรองเท้าเกี๊ยะยัดปากหรอก“
       “ ผมว่าทุกคนคงเหนื่อยกันแล้ว  เชิญไปขึ้นรถเถอะครับผมจะพาไปโรงแรม“
       “ พูดจาน่าเกลียด  พาไปโรงแรม“  ออยพูด
       “ นี่คุณอย่าคิดมากสิ  คนอื่นยังไม่คิดอะไรเลย“
       “ ฉันไม่ได้พูดกับคุณสักหน่อย  คุณน่ะแหละ  คิดมาก“
       “ โอเค ๆ  เชิญทางนี้ครับ  รถอยู่ทางนี้  เดี๋ยวผมจะให้คนขับพาไปพักกันก่อน  แล้วถ้าหิวเมื่อไร  ก็นัดกันแล้วโทรมาหาผมได้  อยากกินอาหารประเภทไหน  บอกได้นะครับผมพาไปได้หมด“
       “ ฉันอยากกินอาหารที่เป็นญี่ปุ่นแท้ๆน่ะค่ะ“  แก้วพูด
       “ ใช่ๆ  พวกเราก็อยากกิน“
       “ ได้ครับ ผมพาไปได้สบายเลย“
       “ จริงหรอคะ  ฉันอยากกินอาหารพม่าน่ะ  มีไหม“  ออยพูดขึ้น
       “ อ้าว  ตอนอยู่ที่สนามบินเธอยังบอกอยากกินอาหารญี่ปุ่นอยู่เลย“
       “ ก็ฉันเปลี่ยนใจแล้ว  พาไปได้ไหมคะ“
       “ ที่นี่ไม่มีหรอกครับแต่ผมพาไปได้  เอางี้เดี๋ยวผมให้พี่เขาขับรถพาพวกคุณไปหาอาหารญี่ปุ่นกิน  ส่วนผมจะพาคุณออยนั่งเครื่องบินไปพม่า“
       “ คุณหยุดพล่ามสักทีได้ไหม  ฉันไม่อยากกินแล้ว“
       “ ว้า  เสียดายจังคุณนี่เป็นคนโลเลจังนะครับ“
       “ ยุ่ง“
       “ หึๆ  อ้อ  แนะนำกันก่อน  พี่ที่ขับรถเป็นคนญี่ปุ่น  เป็นเพื่อนผมเอง  ใจดีมาก  ชื่อมาโกโตะ“
      มาโกโตะหันมาพยักหน้าเป็นเชิงสวัสดี  พวกเราก็พยักหน้าตอบ
       โรงแรมที่พวกเราจะพักเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งในโตเกียว  เรียกว่าอยู่กลางใจเมือง  แต่บรรยากาศข้างในเป็นธรรมชาติที่สวยงามมาก 
       “ เราจะพักกันที่นี่กี่คืนคะ  มันน่าอยู่มากเลย“  แอนพูดขึ้น
       “ คืนเดียวครับ“
       “ น่าเสียดายจังเลยนะคะ  น่าจะพักนานๆหน่อย“
       “ เรามีโปรแกรมเที่ยวกันเยอะแยะ  โรงแรมที่จะพักก็ระดับเดียวกันหมด  บางที่สวยกว่านี้อีกนะครับ“
       “ ขี้โม้“
       “ ผมไม่ได้โม้นะครับคุณออย  โรงแรมพวกนี้มีไว้รับรองแขกต่างชาติที่สำคัญๆ  คนญี่ปุ่นเองไม่ค่อยมีใครมาพักเพราะราคาแพงมาก  ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ตกคืนละ 5 หมื่น  คุณทิพย์จองไว้ให้ 2 ห้องนะครับ  นี่ครับกุญแจ“
       “ แล้วคุณไกรพักที่ไหนล่ะครับ“  พลถามขึ้น
       “ พักที่นี่แหละครับ  ห้อง 210 โทรไปได้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น“
       “ ความจริงแม่เอกไม่น่าจองโรงแรมแพงขนาดนี้เลยนะ  เสียดายเงินเป็นแสน“
       “ อ๋อ  ไม่เสียมากหรอกครับคือ  โรงแรมพวกนี้อยู่ในเครือบริษัทของบ้านผมเอง  พ่อผมเป็นคนบริหารอยู่  พ่อสั่งไว้ว่าถ้าครอบครัวคุณทิพย์มาพักให้ลดพิเศษ“
       “ ไม่น่าล่ะ  เห็นชมไม่ขาดปากที่แท้ก็กิจการตัวเอง  คิดซะแพง  งกชะมัด“  ออยพูด
       “ โธ่  คุณ  ก็พ่อผมทุ่มทุนขนาดใหญ่  แล้วท่านก็บริหารเอง  เอาอย่างนี้ละกันถ้าผมบริหารเองเมื่อไร  จะเปิดให้คนเข้าฟรีแบบสวนสัตว์เลยเอา“
       “ อย่างคุณเนี่ยนะ  จ้างให้สิ“
       “ ถ้าผมทำไม่ได้  ก็ให้ภรรยาผมทำ  แต่ก่อนอื่นต้องหาภรรยาที่มีอุดมคติเหมือนคุณให้ได้ก่อน“
       “ หยุดพูดไปเลย  แก้ว  แอนเราขึ้นห้องกันเถอะ“
       “ ให้ผมไปส่งไหมครับ“
       “ ไม่ต้อง  ขอบใจ“  แล้วทั้ง 3 คนก็เดินไป
       “ คุณกับออยนี่ทะเลาะกันอยู่ได้  เหมือนแฟนกันเลยนะ“  พลพูด
       “ หึๆ  ผมไปก่อนนะครับ“  แล้วไกรก็เดินไปอีกคน
       “ ไป  พวกเราก็ไปมั่ง  ฉันขอไปหลับสักงีบดีกว่า“  ผมพูดก่อนเดินนำหน้าไป
      เมื่อไปถึงห้อง  เรา 3 คนก็นอนหลับกันไปเลยโดยไม่คิดจะจัดของหรือดูวิวอะไรสักนิด
       “ กริ๊ง  กริ๊ง“
       “ โอย  คนจะนอน“
       “กริ๊ง  กริ๊ง“
       “ อะไรวะ  อุตส่าห์ย้ายมานอนตั้งไกลยังโทรมาถูกอีก“  นนท์พูดก่อนลุกไปรับโทรศัพท์  ส่วนผมนอนต่อ
       “ ฮัลโหล  นกหรอจ๊ะ  อ๋อ  อ๋อ จะคุยกับเอกหรอได้“
       “ เอก“
       “ อะไร“
       “ นกจะคุยกับแก“
       “ นกอะไรวะ“
       “ นกพิราบมั้ง  เอ้า คุยเองดิ“
       “ ฮัลโหล“
       “ เอก  ไอ้นนท์มันเป็นอะไร  แอนโทรมาก็นก นก อยู่นั่นน่ะ  ทำอะไรกันฮะ“
       “ อ้าวแอนหรอกหรอ  คือ  เราหลับนอนกันอยู่“
       “ หลับนอนกันอยู่ !“
       “ หมายถึงนอนหลับน่ะ  ต่างคนต่างนอนหลับ“ พี่น้องคู่นี้คิดมากกันจริงๆ
       “ ตื่นได้แล้ว  พวกเราหิวแล้วนะ  ให้เวลา 20 นาที เจอกันข้างล่าง“
       “ ก็ได้“  แล้วผมก็วางสายไป
       “ นกโทรมาว่าไงวะ“  นนท์ถามผม
       “ นกบ้านแกเด่ะ  แอนโว้ย  โทรมาบอกว่าให้ลงไปข้างล่างอีก 20 นาที“
       “ เออ  งั้นเดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนนะ  แกปลุกพลมันด้วย“  นนท์พูดก่อนเดินไปอาบน้ำ
       “ เออ  เร็วๆล่ะ“ ผมพูด  แล้วก็เดินไปปลุกไอ้พลมัน 
       “ พล  พล  ตื่นได้แล้ว“
       “ ….“
       “ พล  พล“  หลับเป็นตายเลยนะมึง
       “ ไอ้พล !“
       “ ฮะ  อะไร ใครเป็นอะไร  ฮะ“
       “ ไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้นแหละ  ตื่นไปอาบน้ำไป”
       “ โถ่  ไม่มีอะไรแล้วตะโกนซะดังเชียว  ทำยังกะจะคลอดลูก“
       “ พูดมากน่า  ตื่นได้แล้ว“
      หลังจากที่พวกเราอาบน้ำแต่งตัวกันไม่ถึง 20 นาทีก็เลยต้องลงไปรอพวกสาวๆกันก่อน  นึกว่าจะรอแป๊บเดียวที่ไหนได้  นั่งรออยู่ครึ่งชั่วโมง  คุณเธอเพิ่งย่างกรายลงมา
       “ ไง  แต่งตัวกันเพลินจนลืมที่ตัวเองนัดชาวบ้านเขาไปเลยหรอ“
       “ อะไร  นี่ก็ 2 ทุ่มพอดีไง  ฉันนัดเอกให้มาเจอกันตอน 20 นาฬิกา  ก็ 2 ทุ่มไง  พวกนายน่ะ
      แหละมาเร็วไป“
       “ ไอ้เอก“
       “ เอ่อ  ขอโทษว่ะ  ฉันคงฟังผิด“
       “ แล้วนี่นัดคุณไกรเขาหรือยัง“
       “ เรียบร้อยแล้ว  แต่ยังไม่เห็นลงมาเลยนะ“
       “ พวกชอบผิดเวลา“ ออยว่า
       “ ใครว่าล่ะครับ  ผมลงมารอคุณตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว  เลยเดินไปดูที่รถก็นึกได้ว่าลืมของเลยขึ้นไปเอาของ  นั่งรอคุณอีก 10 นาที  พวกคุณถึงเพิ่งลงมา“
       “ ก็ฉันนัดไว้ 2 ทุ่มนี่คะ“  แอนพูด
       “ อ้าว  ไม่ใช่อีก 20 นาทีลงมาหรอครับ“
       “ ผู้ชายนี่เหมือนกันหมดเลย“
      หลังจากตกลงกันได้เรียบร้อย  ก็พากันไปทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง  เป็นภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง  เขาว่าใครมาโตเกียวแล้วไม่ได้มากินที่นี่  ก็เรียกว่าน่าเสียดายมาก
       “ ถ้างั้น  คนคงเยอะมากนะคะ“  แก้วพูด
       “ ครับ  คนแน่นทุกวัน  แต่ของเรานี่  ผมจองไว้แล้วครับ“
       “ แหม  คุณนี่ใหญ่จริงๆเลยนะ  เป็นกิจการบ้านคุณอีกสิ“
       “ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ“ 
       เมื่อพวกเราไปถึงก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภัตตาคารสุดหรูจริงๆ  มีพนักงานต้อนรับพาไปยังห้องอาหาร
       “  พวกคุณจะสั่งอะไรก็ตามสบายเลยนะครับ  ส่วนผมจะอยู่ห้องข้างๆ“  ไกรพูด
       “ อ้าว คุณไกรไม่ทานด้วยกันล่ะคะ“  แอนถาม
       “ อ๋อ  ไม่เป็นไรครับ  ไม่อยากรบกวนพวกคุณ“
       “ แต่ผมว่าเรามานั่งทานด้วยกันดีกว่าครับ  ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเยอะเลย“ ผมพูด
       “ เอ่อ..“
       “ ถ้าเขาไม่อยากร่วมโต๊ะกับพวกเรา  ก็ปล่อยเขาไปเถอะ“  ออยว่า
       “ ก็ได้ครับ  ผมว่านั่งคุยกับพวกคุณก็น่าสนุกดี“  ไกรพูด พร้อมกับหันมายิ้มให้ออย
       “ ฉันไม่รู้จะสั่งอะไรดี  คุณไกรแนะนำหน่อยสิคะ“  แก้วถามขึ้น
       “ คุณแก้วชอบแบบไหนล่ะครับ หมวดนี้เป็นพวกเทมปุระ  คือพวกอาหารชุบแป้งทอด  หรือจะเป็นซูชิ  จะเป็นอาหารทะเลวางบนข้าวปั้น“  ไกรสาธยาย
      “ ฉันขอซาชิมิละกัน“  แอนสั่ง
      “ คุณแอนสั่งเก่งนะครับ  ซาชิมิที่นี่เลื่องชื่อมาก  เพราะปลาดิบที่นี่สดๆทั้งนั้น“
      “ ผมก็ไม่รู้จะทานอะไร  อ่านไม่รู้เรื่องเลย“  นนท์ว่า
      “ ตรงนี้จะเป็นยากิโทริ  จะเป็นพวกไก้เสียบไม้ปิ้งหรือย่าง  ที่เห็นเป็นซี่โครงหมูชุบแป้งทอดเรียกว่า ทงคัตสึ “
      “ แล้วไอ้ที่ดูเป็นหม้อนี่อะไร“
      “ เขาเรียก ชาบู – ชาบู ครับ  จะเป็นเนื้อวัวจุ่มหม้อซุบ  อร่อยมากเลย“
      “ งั้นผมเอาไอ้เนี่ยละกัน  ลองดู“ นนท์พูด
      “ เฮ้ย  ไอ้นนท์แกกินหมดหรอวะ“
      “ จะห่วงอะไร  มีเพื่อนดีๆอย่างนาย 2 คนคอยช่วยกินอยู่แล้ว“  มันรวมผมไปด้วยแฮะ
      “ ไอ้บ้า  งั้นผมไม่สั่งอะไรดีกว่า  ต้องร่วมรับผิดชอบกับไอ้นนท์มัน“ พลพูดขึ้น
      “ ผมก็เหมือนกัน“ ผมพูด
      “ แล้วคุณแก้วล่ะครับ“
      “ ฉันไม่รู้จะกินอะไรดี  อยากกินปลาแต่ไม่ใช่ปลาดิบนะคะ มันจึ๊กกะดึยส์ ยังไงพิกล“
      “ เอาเป็นพวก ปลาเทริยากิไหมครับ  เอาเนื้อปลามาย่างซีอิ๊ว  ปลาอะไรก็ได้  ที่นี่ปลาหิมะอร่อยมาก“
      “ ก็ได้ค่ะ“
      “ นี่แก้ว  เขาแนะนำอะไรก็สั่งอย่างนั้น  ไม่กลัวโดนวางยาหรือไง“  ออยกระซิบ
      “ จะบ้าหรอ  ถ้าคนอย่างคุณไกรวางยาคนอื่นนะ  ป่านนี้  ผู้ชายในโลกคงเลวหมดแล้ว“
      แก้วกระซิบกลับ แล้วหันมายิ้มให้ไกร
      “ แล้วคุณออยล่ะครับ“
      “ ฉันขอเป็นพวกผักๆหน่อยละกัน“
      “ แหม คุณนี่รักษาสุขภาพดีนะครับ  เอายำสาหร่ายมั้ยครับ“
      “ ยังไงก็ได้“
      ไกรหันไปสั่งอาหารเป็นภาษาญี่ปุ่น  สักพักอาหารก็มา  อาหารที่มาวางบนโต๊ะมันมากเกินกว่าที่สั่งไปอีก  ไกรบอกว่าเป็นอาหารเลื่องชื่อที่ใครมาก็มักจะสั่งทานกัน  ผมได้ทานอาหารญี่ปุ่นที่นี่จึงรู้ว่าที่นี่กับที่ไทยมันต่างกันเรื่องรสชาติ  รสชาติที่ไทยเขาจะปรุงให้เหมาะกับคนไทย  คือมีรสชาติหน่อยแต่ของญี่ปุ่นเขาจะค่อนข้างจืด  มีเครื่องปรุงก็ประเภท  ซีอิ้วเป็นส่วนใหญ่  ผมได้ลองทานเหล้าสาเกเป็นครั้งแรก  แต่ไม่ชอบเอาซะเลย  เหล้าไทยอร่อยกว่าเยอะ  หลังจากทานอาหารไปคุยไป  เราก็สั่งของหวานมาทานกัน  ส่วนมากที่นี่จะมีพวก  ไอศกรีมชาเขียว  พุดดิ้งชาเขียว  ที่เป็นที่ชื่นชอบ  พวกเราก็สั่งมาลองชิมดู  ผมว่าผมชอบไอศกรีมรถเข็นของไทยมากกว่า
      หลังจากอาหารมื้อแรกที่ไปถึงญี่ปุ่นผ่านพ้นไป  เราก็เข้านอนกัน  อีก 4 วันที่เหลือ  ไกรพาพวกเราไปเที่ยว สวนสนุกดีสนีย์แลนด์  อาบน้ำแร่ เมืองคาวากูชิโกะ ล่องทะเลอาชิ ดูภูเขาไฟฟูจี น้ำตกชิไรอิโตะ ไข่ดำที่โอวากูดานิ นั่งรถไฟด่วน ชินกังเซน ไปยังเมืองนาโกย่า โอซาก้า ชมปราสาทโอซาก้าที่มีชื่อ เมือง เกียวโต นารา เมืองหลวงเก่า และที่ท่องเที่ยวใหม่มี โตเกียวดิสนีย์ซี และโรงถ่ายภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซล
      ช่วงที่พวกเรามาเป็นฤดูร้อนโดยจะเริ่มในเดือนมิถุนายนซึ่งก่อนหน้านี้จะฝนตกอยู่ประมาณ 5 อาทิตย์ ทำให้ซากุระร่วงหมด  น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็น และจะกลายเป็นการเริ่มต้นแห่งฤดูปลูกข้าวของชาวนา อากาศจะเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ฤดูนี้จะเป็นฤดูแห่งความสนุกสนาน เพราะเป็นช่วงที่มีเทศกาลประจำปีต่าง ๆ มากมายรวมทั้งการเฉลิมฉลองต่าง ๆ เป็นช่วงแห่งการท่องเที่ยว และตากอากาศตาม สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จนเต็มไปด้วยผู้คนทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะตามสถานที่ตากอากาศ แถบชายทะเล และ ภูเขาเป็นฤดูที่มีอากาศดี ท้องฟ้าสีครามสดใส เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนที่โปรดปรานผลไม้ ในฤดูนี้จะมีผลไม้มากมายให้ลองลิ้มชิมรส   มาเที่ยวคราวนี้พวกเราสนุกกันมาก  ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของญี่ปุ่นรวมถึงได้ศัพท์บางคำ  แล้วในที่สุด  ก็ถึงวันที่พวกเราต้องกลับบ้านเกิดกันแล้ว
      “ เฮ้อ !  น่าเสียดายเนอะ  มาแป๊บเดียวก็ต้องกลับแล้ว“  แก้วบ่นใหญ่
      “ นี่ก็หยุดเรียนมาหลายวันแล้ว  กลับไปเรียนต่อน่ะดีแล้ว“ แอนเสนอ  แต่ดูท่าก็ยังอยากอยู่ต่อ
      “ ไว้มหาลัยปิดเมื่อไรค่อยมาใหม่ก็ได้นี่“  ออยพูดในอาการเดียวกับแอน
      “ พวกเธออย่าเศร้าไปเลย  ไหนๆวันนี้ก็จะกลับแล้ว  ร่าเริงหน่อยสิ“  นนท์พูด
      “ เอาล่ะครับ  ถึงสนามบินแล้ว  เดี๋ยวทุกคนนั่งรอตรงเก้าอี้ด้านโน้นนะครับ  ผมจะไปเช็คตั๋วแป๊บนึง“  ไกรพูดจบก็เดินออกไป  พวกเราลงจากรถมานั่งรอที่เก้าอี้ของสนามบิน  สักพัก  ไกรก็เดินมาหา  บอกว่าเขาเตรียมเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้ว  ให้พวกเราออกเดินทางได้เลย  เดี๋ยวเขาจะรอพวกเราไปก่อนแล้วค่อยให้เครื่องบินลำต่อไปออกบิน  เพื่อไม่ให้เขารอนานเราเลยต้องรีบไป  พวกเราขึ้นเครื่องบินลำเดิม  แล้วเครื่องก็ออกเดินทาง
      “ เป็นไงมั่งครับทุกคน  ทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้  หวังว่าคงไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนะครับ“ ไกรเดินออกมาจากห้องนักบิน
      “ ไม่หรอกค่ะ  สนุกมากเลย“  แก้วพูด
      “ ฉันยังอยากอยู่ต่อเลยนะคะเนี่ย  แต่ถ้าไม่ได้คุณไกรเป็นไกด์ล่ะก็คงแย่เหมือนกัน“ แอนพูด
      “ ฉันเองก็เหมือนกัน  รู้สึกยังเที่ยวไม่ทั่วเลย“  ออยพูดท่าทางเสียดายน่าดู
      “ อันที่จริงในเวลา 5 วัน  พวกเราไปเที่ยวกันได้ขนาดนี้นับว่ามากเลยนะครับ  แต่อาจเป็นเพราะคุณออยอยากมาเที่ยวญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กก็ได้  เลยรู้สึกว่ายังเที่ยวไม่ทั่ว“
      “ ค่ะ  ตอนเด็กๆฉันฝันอยากมาเที่ยวญี่ปุ่นมาก  ตอนนี้ฝันฉันก็เป็นจริงแล้ว  แต่น่าเสียดายที่มันเป็นแค่ครึ่งเดียว“
      “ ก็ไม่แน่นะครับ“
      “ ไม่มีทางหร…เอ๊ะ ! เดี๋ยว  แล้วคุณมารู้เรื่องของฉันได้ไง“
      “ เอ่อ..ผม..ก็  แค่เดาเอาน่ะครับ  ดูจากสีหน้าคุณ  เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ“  ว่าแล้วไกรก็เดินกลับเข้าห้องนักบินไป
      “ หมอนี่แปลกๆนะ“  พลพูด
      “ แอนว่าเขาหน้าคุ้นๆ  เหมือนเคยเจอที่ไหน  ที่ไหนน้า  นึกไม่ออก“
      “ เป็นเพื่อนวัยเด็กของเธอหรือเปล่า“  แก้วถามแอน
      “ ไม่ใช่หรอก  ตอนเด็กแอนไม่เคยสนิทกับเด็กผู้ชายคนไหนเลย“
      “ เธอคงคิดไปเองมั้ง“
      “ คงงั้นแหละ“
      “ ออย  จะไปไหน“  เสียงพลถามออย  เมื่อเขาเห็นเธอลุกขึ้นเดินไปข้างหลัง
      “ ไปห้องน้ำ  จะไปด้วยกันไหม“
      “ เธอให้ไปไหมล่ะ“
      “ ไอ้ทะลึ่ง“  ว่าแล้ว  ออยก็เดินไป
      เรานั่งคุยทบทวนกันถึงเรื่องที่ได้เจอมา  การไปเที่ยวครั้งนี้สนุกมาก  เราคุยกันได้สักพัก  ผมก็สังเกตเห็นว่า  ออยไม่อยู่
       “ แอน  ออยไปไหนน่ะ“
       “ เห็นเขาว่าไปเข้าห้องน้ำนะ“
       “ ป่านนี้ตกส้วมตายไปแล้วมั้ง“
       “ พล  ปากเสียบนนี้ไม่มีใครซ่อมได้หรอกนะ“ แก้วพูด
       “ แอนว่าเดี๋ยวแอนไปดูออยหน่อยดีกว่า“
       “ แอน  ฉันไปดูด้วยสิ“ พลพูด
       “ อยากตาบอดไหม“ แก้วพูด
       “ อยาก“  สิ้นเสียงพล  แก้วก็คว้าเอาตะเกียบวิ่งไล่จิ้มตาพล  แอนขำก่อนเดินไป  ผมว่าออยคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก  สักพักแอนก็เดินกลับมาพร้อมกับออยที่หน้าตางัวเงีย
       “ ไง  เข้าห้องน้ำตั้งนาน  โล่งเลยสิ“  พลทัก
       “ ไอ้บ้า  ฉันไปนอนต่างหากเล่า”
       “ อืม  แอนเดินไปเห็นพี่ออยหลับอยู่  ก็กะจะไม่ปลุก  แต่เขาตื่นพอดี“
       “ กำลังฝันอยู่เลย”
       “ ฝันเห็นฉันหรอ“  พลพูด
       “ เออ  เห็นหมาเต็มเลย”
       “ ออยไปนอนต่อก็ได้นี่“  ผมพูด
       “ ไม่อ่ะ  นอนไม่หลับแล้ว  มานั่งคุยกับพวกเธอดีกว่า“
      ในที่สุดกลุ่มพวกเราก็นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน  พอคุณดาวเอาอาหารมาให้  ก็นั่งกินไปคุยไป  คุณดาวบอกว่าอีกไม่นานก็จะถึงแล้ว  หลังจากนั่งคุยกันต่อสักพัก  แต่ละคนก็เริ่มหลับไป  คราวนี้ผมเองก็หลับปุ๋ยเหมือนกัน  เมื่อทุกคนหลับกันหมด  ออยที่นอนไม่หลับก็นั่งคิดอะไรอยู่ลำพัง  สักพักออยก็เดินเข้าไปในห้องนักบิน
       “ อ้าวคุณออย  ยังไม่นอนหรอครับ“
       “ ฉันไม่ง่วง  แล้วทำไมคุณบินคนเดียวล่ะ“
       “ ก็นักบินคนนั้นเขาบาดเจ็บ  เลยกลับไปรักษาตัวก่อน  ผมบินคนเดียวก็สบายหายห่วงนะครับ“
       “ คุณเป็นใครกันแน่“ ออยถามขึ้น
       “ ผมก็เป็นผม“
       “ บ้านคุณอยู่ที่ไหน“
       “ กรุงเทพ“
       “ ก่อนหน้านั้นล่ะ“
       “ คุณจะรู้ไปทำไม“
       “ คุณตอบมาเหอะน่า“
       “ ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ”
       “ ก็ได้  ทำไมคุณถึงรู้เรื่องของฉันเยอะนัก“
       “ ใครว่าล่ะ  ผมก็พูดไปเรื่อย  เรื่องอะไรของคุณ“
       “ ทำไมคุณรู้ว่าฉันมีความรู้เรื่องเครื่องบิน  คุณบอกเอกให้ไปตามฉันมาตอนเครื่องเจอพายุ  ทั้งๆที่เอกไม่ได้บอกคุณว่าฉันทำได้  เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ“
       “ ผมก็…”
       “ แล้วทำไมคุณรู้ว่าตอนเด็กฉันฝันอยากเป็นแอร์“
       “ ก็ผม..“
       “ แล้วคุณรู้ได้ไงว่าตอนเด็กๆฉันอยากไปญี่ปุ่น“
       “ คุณแอนบอกน่ะ“
       “ แอนไม่รู้เรื่องนี้“ ออยรัวคำถาม  ไกรเองก็ดูอึ้งไป
       “ คุณบอกว่าตอนเด็กๆคุณชื่อบอล“
       “ ใช่“
        “ แม่คุณเสียตอน ป.3“
       “ ใช่“
       “ ตอนก่อนบ้านคุณอยู่ตรัง“
       “ ใช่“ ไกรตอบไป  แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้บอกเธอเลย
       “ ไงล่ะ  ในที่สุดคุณก็ยอมบอกฉัน“
       “ คุณนี่  เจ้าเล่ห์จริงๆ“
       “ เจ้าเล่ห์หรอ  อย่างฉันเรียกว่าเจ้าเล่ห์หรอ  ถ้างั้นคุณล่ะ  อย่างคุณจะเรียกว่าอะไร“
       “ ผมไม่เข้าใจ”
       “ ฉันต่างหากที่ต้องไม่เข้าใจ  คุณ…คุณคือบอลใช่ไหม“ ออยพูดไปเริ่มเสียงสั่น
       “ ผมก็บอกคุณแล้วไง  ผมชื่อบอล“
       “ คุณจะหลอกฉันไปถึงไหน  ตลอดเวลา 11 ปีที่คุณปล่อยให้ฉันรอ  แค่นี้ยังไม่พออีกหรือไง“
       “ …..“
       “ เงียบทำไม  ตอบมาสิ“
       “ คุณแน่ใจหรอ  ว่าคุณรอผมถึง 11 ปี“
       “ …..“  ออยนิ่ง
       “ ไม่ใช่ว่าคุณลืมผมไป  จนกระทั่งเราได้มาเจอกันอีกครั้ง  คุณถึงนึกได้ว่ารอผมอยู่หรอกหรอ“
       “ ……“
       “ แค่ผมได้เห็นชื่อคุณ  ผมก็จำได้  เลยอาสามาเป็นนักบิน  รวมถึงเป็นไกด์  พอผมได้เห็นหน้าคุณ  ผมก็ดีใจมาก“
       “ …….“
       “ ตอนแรก  พอคุณเห็นหน้าผม  คุณก็เดินหนีไป  ผมนึกว่าคุณโกรธผม  แต่คุณก็สารภาพออกมาเองว่าคุณรำคาญผม  พอผมออกมาทักคุณ  ตอนนั้นผมเริ่มไม่มั่นใจว่าคุณยังจำผมได้หรือเปล่า“
       “  ฉัน…”
       “ ต่อมา  เมื่อผมออกมาเห็นคุณใส่ชุดแอร์  ผมก็นึกว่าคุณยังไม่ละทิ้งความฝันนั้น  คุณคงยังไม่ได้ลืมเรื่องในอดีต  เพียงแต่คุณแค่ทำเป็นไม่สนใจผม  แต่ที่ไหนได้  คุณลืมมันไปจริงๆ“
       “ แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันแต่แรก“
       “ หลังจากนั้น  ผมก็ตัดสินใจว่า  ถ้าคุณลืมมันไปแล้ว  ผมก็จะไม่ไปรื้อฟื้นมันอีก  และจะเก็บเรื่องราวทั้งหมดไว้  ไม่เอาออกมา“
       “ คุณคงพยายามลืมมันเหมือนกันน่ะสิ“
       “ ใช่  ผมพยายามลืมมัน  หลังจากที่ผมรู้ว่าคุณจำมันไม่ได้แล้ว  โดยที่ไม่ได้พยายามอะไรเลยด้วย  แต่จนถึงวันนี้ผมก็ยังทำไม่ได้  และผมก็ทำผิดพลาด ที่เผลอไปรื้อฟื้นความทรงจำของคุณเข้า“
       “ คุณนึกว่าฉันลืมมันไปได้ง่ายๆหรอ  เพราะคุณน่ะแหละ  คุณผิดสัญญา  คุณสัญญาว่าวันเกิดของฉันทุกปี  คุณจะกลับมาอวยพรฉัน  เราจะกลับมาเจอกันที่เดิม  ฉันไปรอคุณอยู่ทุกปี ขนาดฉันย้ายมาอยู่กรุงเทพ  ฉันก็ยังไปเสมอ จนกระทั่งฉันคิดว่าคุณคงลืมมันไปหมดแล้ว  ฉันจึงพยายามลืมมัน  แล้วเลิกไปที่นั่น“  ออยเริ่มน้ำตาคลอ
       “ ….“
       “ ดีเหมือนกัน  ในเมื่อทั้งคุณ และฉัน  พยายามที่จะลืมมัน  ก็ขอให้ความทรงจำทั้งหมด  จบลงแค่ตรงนี้  วันนี้  ไม่มีสัญญา  ไม่มีความฝัน  ไม่มีการรอคอย  จากนี้ไป  ฉันจะลืมมันไปให้หมด“
       “ ออย  คือผม  โอ๊ย !“ อยู่ๆเครื่องบินเกิดส่ายไปส่ายมา  ข้างหน้ามีพายุใหญ่  ทุกคนตื่นกันหมด  นั่งรัดเข็มขัดทุกคน  ออยไม่สามารถเดินออกมาได้  ฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น  มีสัญญาณเตือนดังขึ้น  ไกรรีบพยายามบังคับเครื่องบิน  ออยช่วยอย่างเต็มที่  ดาวนั่งรัดเข็มขัด ทุกคนหน้าซีดเพราะมันดูร้ายแรงกว่าคราวแรก  เครื่องบินส่ายไปมาอย่างมาก  มันตกวูบทีหนึ่งก็ทำให้อยากอาเจียน  ไกรพยายามควบคุมอย่างเต็มที่  ตอนนี้เราเข้าใกล้สนามบินมาก  แต่ยังลงจอดไม่ได้ ทางสนามบินก็บอกว่าให้รีบมาลงจอดด่วน  แต่สภาพตอนนี้เครื่องบินไม่สามารถบังคับได้ง่ายๆ  ไกรบอกว่าเราจำเป็นต้องลงจอด  แต่จะเป็นในสภาพไหน  ไม่สามารถบอกได้  ผมรู้สึกว่าเครื่องบินมันตกลงเรื่อยๆ  งานนี้ไม่สวยแน่  เครื่องบินสั่นไปมาและผมก็ได้รับแรงกระแทกอย่างหนักจากทางพื้นทำให้ผมรู้ว่า  เราลงถึงพื้นแล้ว  แต่ที่น่าเศร้า  ล้อไม่ยอมกาง  เครื่องบินไถลไปตามรันเวย์ก่อนหยุดเพราะไปชนเข้ากับกำแพง
        ดาวมีสติที่สุด  เธอลุกขึ้น  บอกให้ทุกคนรีบลงจากเครื่อง  พวกเรากระโดดลงจากเครื่องอย่างรวดเร็ว  เมื่อพวกราลงมาถึงพื้นก็รู้ว่า  ออยและไกรยังไม่ลงมา
       ในห้องนักบิน  เมื่อไกรสามารถลงจอดได้แบบไม่สวยนัก  ไฟลุกขึ้นมาทางด้านหลังตัวเครื่อง  เขาเห็นออยนอนหมดสติอยู่  ไกรลุกขึ้นเดินไปหาออย  เขาพยายามพยุงออยขึ้นมา
       “ โอ๊ย แขน  แขนฉันติดอยู่ใต้เก้าอี้นี่“
       “ ไหน  เดี๋ยวคุณรอแป๊บนึงนะผมจะยกมันขึ้น“
       “ โอ๊ย  เจ็บ“  ไกรยกเก้าอี้ขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี
       “ เอาแขนออกไปเร็ว  เร็วเข้า“  ออยดึงแขนออกไป
       “ อ้าาาาาา !!“ เสียงไกรร้องลั่น
       “ บอล  คุณเป็นอะไรคะ  ว๊าย ! แขนคุณ  มันเข้าไปติดในนั้นแทน  ฉันจะช่วยยกนะคะ“
       “ ไม่  คุณรีบออกไป  ยังไงคุณก็ช่วยผมไม่ได้  คุณแรงไม่พอ  ไป ! “
       “ ไม่  ถ้าคุณไม่ไป  ฉันก็ไม่ไป“
       “ อย่าทำตัวโง่ๆนะ  ออกไป  เร็วเข้า“
       “ ไม่  เราสัญญากันไว้แล้วไง“
       “ จำไม่ได้หรอ  คุณยกเลิกสัญญาเราไปแล้ว  เพราะฉะนั้น  ออกไป  ไปเดี๋ยวนี้“
       “ ไม่เอา ฮือๆ ฉันไม่ปล่อยคุณไว้อย่างนี้“
       “ ผมเกลียดคุณมากเลย  คุณลืมเรื่องของเราไป  ทำให้ผมเกลียดคุณมาก  ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก  คุณเป็นตัวซวยทำให้ผมเสียใจอยู่เรื่อย  ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ  เข้าใจไหม  ผมเกลียดคุณ  ฉะนั้นออกไปซะ ไปสิ  ไป!“  ไกรตะโกนเสียงดัง
       “ ไม่ ฮือ ๆ ไม่ไป  ฮือ คุณหลอกฉันมาตลอดเลย  ฉันไม่เชื่อคุณแล้ว“
       “  ออย “ ไกรจับมือออย  “ ผมขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย  ถือว่าทำเพื่อผม  ออกไป  ถ้าคุณปลอดภัย  ผมจะมีความสุขที่สุด  ได้ไหม  ขอแค่นี้  ให้ผมได้ไหม  ได้ไหมครับ“
       “ ฮือ ๆ ค่ะ ค่ะ ฉันจะออกไป  ไปตามคนมาช่วยคุณ“
       “ ดีมาก  รีบออกไปก่อนไฟจะลามเข้ามา  ขอให้คุณโชคดี  รีบไป”
       “ คุณรอฉันนะ“
       “ อืม“ ไกรยิ้มให้ออย  ออยรีบวิ่งออกไป  เมื่อออยออกมาเธอรีบวิ่งมาหาพวกเราให้ช่วยไกรด้วยน้ำตานองหน้า  เจ้าหน้าที่ที่กำลังดับไฟอยู่  ก็เลิกดับแล้ววิ่งมาทางพวกเรา
       “ ทุกคน  หลบไป  ไปให้ไกลที่สุด  เครื่องบินจะระเบิด“ เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งดังขึ้น
       “ ไม่  ไม่  ไม่ได้นะ  ยังมีคนอยู่ในนั้น  พวกคุณปล่อยเขาไว้อย่างนั้นไม่ได้นะ“ ออยขอร้องเจ้าหน้าที่คนนั้น
       “ ขอโทษนะครับ  ถ้าพวกเราเข้าไปก็มีแต่ตายกับตาย  ภายในเครื่องไฟลุกไหม้อย่างหนัก  ป่านนี้คงไม่มีใครรอดแล้วล่ะครับ“
       “ ไม่จริง  ถ้าพวกคุณทำไม่ได้  ฉันจะทำเอง“ ออยกำลังจะวิ่งไปทางเครื่องบิน  แต่พลดึงตัวเอาไว้ได้
       “ ปล่อยนะ  ปล่อยสิ  ฉันต้องไปช่วยบอล   พวกนายใจร้ายที่สุด ฮือ ๆ บอกให้ปล่อยไง“
      พวกเราพาออยออกมาให้ห่างจากตัวเครื่องให้มากที่สุด  แล้วเครื่องบินก็…
       “ ตูม !!!!!“
       “ บอลลลลลล !“  ออยร้องไห้อย่างหนัก  เมื่อควันจางลง  พวกเราก็เห็นเงาคนลางๆ  กำลังเดินมาทางนี้  ออยเงยหน้าขึ้น
       “ บอล“ เธอวิ่งไปหาไกร  เมื่อไปถึงไกรก็ล้มลง
       “ ฮือ คุณ  คุณชอบหลอกฉันอยู่เรื่อย  คุณรู้ว่าเครื่องจะระเบิด  ยังบอกให้ฉันมาตามคนไปช่วยอีก  ทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่มีใครช่วยได้  ฉันนึกว่าคุณตายไปแล้ว  คุณก็ยังไม่ตาย  เลิกล้อเล่นซะทีได้ไหม“
       ไกรยิ้มเล็กน้อย 
       “ ออย..“
       “ คุณจำได้ไหมสัญญาของเรา  คุณจะปกป้องดูแลคุ้มครองฉันตลอดไป  คุณบอกว่าคุณหนังเหนียว  ไม่ตายง่ายๆ คุณบอกว่าคุณจะอยู่กับฉันจนแก่จนเฒ่า  เราจะแก่ตายด้วยกันไง“
       “ ผม…”
       “ คุณยังบอกอีกว่า  ความฝันของคุณคือเป็นนักบินมืออาชีพ  คุณอยากให้ฉันเป็นแอร์ เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป  ฉันไม่เคยละทิ้งความฝันนั้น  คุณรอฉันเรียนจบก่อนสิ  แค่ไม่นานหรอก  แล้วฉันจะไปกับคุณ  คุณบินไปไหน  ฉันจะไปด้วย  คุณทำสำเร็จแล้วไง  รอฉันสิ“
       “ รัก…”
       “ คุณบอกเรา 2 คนจะบินไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันไง  ไปกัน 2 คน  คุณบอกจะรอฉัน  จนกว่าจะถึงวันนั้นคุณจะต้องไม่เป็นอะไร  ตอนที่ฉันจักรยานล้มเป็นแผล  คุณเข้ามาช่วยฉันและก็บอกว่า บาดแผลนิดเดียวห้ามร้องไห้  แค่เป่านิดเดียวก็หายแล้ว  งั้น  งั้น เดี๋ยวฉันจะเป่าให้คุณ  แล้วคุณก็จะหาย“  ออยก้มไปเป่าแผลของไกร  “ หายแล้วไช่ไหมคะ  ปลอดภัยแล้วนะ“
       “ คุณ…”  แล้วไกรก็หลับไป  ตลอดกาล…
       “ ไม่ !!! ไหนคุณบอกว่าลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ  ลูกผู้ชายไม่ผิดสัญญา  แล้วทำไมคุณผิดคำพูด  ฮือ  ทำไมคุณไม่รักษาสัญญา  ฮือ  ทำไมคุณไม่รอฉัน  ทำไม ฮือ“  ออยร้องไห้  ณ  ตอนนี้  ทุกสิ่งดูหยุดเคลื่อนไหวไปหมด  คำพูดของออยก้องอยู่ในหู  เสียงที่ได้ยินมีแต่เสียงร้องไห้  สิ่งที่เห็นมีแต่… น้ำตา
       หลังจากจัดการเรื่องงานศพของไกรเสร็จ  ออยก็ยังเศร้าอยู่ไม่หาย  เธอหยุดเรียนไป 2 วัน  เพราะว่าเธอไปหาพ่อของไกร  ไปคอยช่วยดูแล  แต่พ่อของไกรยังมีสุขภาพแข็งแรงและมีคนดูแลอยู่แล้ว  ออยเลยขออนุญาติเข้าไปในห้องนอนของไกร  พวกเราที่ไปด้วยก็เลยรออยู่ข้างนอก
       ออยเดินดูรอบๆห้อง  ตรงหัวเตียงมีรูปที่ไกรและออยถ่ายด้วยกันสมัยยังเด็กๆ  ในห้องนี้มีความทรงจำที่ไกรเก็บเอาไว้มากมาย  โดยเฉพาะในสมุดบันทึกที่เก็บอย่างมิดชิดเพราะออยไม่สามารถหามันเจอ  แต่อยู่ๆมันก็ตกลงมาจากไหนไม่รู้  ออยเลยหยิบขึ้นมาดู  เรื่องราวที่ไกรบันทึกไว้  มันตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้ง 2 ได้พบกัน….
       ตอนเด็กผมอยู่ที่จ.ตรัง  ชีวิตผมเป็นลูกคนเดียวที่น่าเบื่อมาก  พ่อแม่ทำงานกันหนัก  ผมไม่มีเพื่อนเล่นมากนัก  ผมรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามาก  จนกระทั่งได้มาเจอกับเด็กหญิงคนหนึ่ง
       “ ฮือ ๆ“
       “ เธอเป็นอะไร  ร้องไห้ทำไม“
       “ ฉันเจ็บขา“
       “ จักรยานล้มหรอ  ไม่เป็นไรหรอก  แผลนิดเดียวเป่าแล้วก็หาย“ เด็กชายก้มลงมาเป่าแผลให้เด็กหญิงคนนั้น
       “ หายเจ็บแล้วนะ“
       “ อืม  หายแล้ว“
       “ มา  ฉันช่วยนะ  เธอชื่ออะไรหรอ“
       “ ออย“
       “ ฉันชื่อบอลนะ  บ้านเธออยู่ไหนล่ะ  เดี๋ยวพาไปส่ง“
       “ ไม่เอา  ฉันไม่กลับบ้าน“
       “ ทำไมล่ะ“
       “ ไม่มีใครรักฉันแล้ว  พ่อแม่เอาแต่สนใจน้อง  ฉันจะไม่กลับบ้านแล้ว“
       “ เธอนี่  เป็นเด็กมากเลย  จริงอยู่ฉันเป็นลูกคนเดียว  แต่ฉันน่ะอยากมีน้องมากเลย  เวลาเหงาก็จะมีเพื่อนเล่น  เธอโชคดีนะ  เวลาฉันเหงาฉันรู้สึกแย่มากไม่มีเพื่อนเลย  ถ้าฉันเป็นเธอ  ฉันจะกลับบ้านไปเล่นกับน้องล่ะ“
       “ เธอพูดยังกับเธอโตนักน่ะ  เธอก็เด็กพอๆกับฉันล่ะ  ขอบใจนะ  เดี๋ยวฉันจะกลับบ้าน  แต่เราไปเล่นตรงโน้นกันก่อนไหม“
       “ เอาสิ  แต่กลับบ้านต้องให้ฉันไปส่งนะ  ฉันต้องแน่ใจว่าเธอปลอดภัย“
       “ อืม ก็ได้ เธอเป็นเด็กดีจังนะ“
      ทุกๆวันผมจะไปเล่นกับออยและจะคอยส่งเธอกลับถึงบ้านเสมอๆ  เธอเข้ามาเปลี่ยนชีวิตผมจากวันที่แสนน่าเบื่อ  เป็นทุกๆวันที่มีค่า เวลาผมมีปัญหาออยจะคอยช่วยเสมอ  และเวลาออยมีเรื่องกับใคร  ผมจะไปช่วยเธอเสมอเช่นกัน  ถึงแม้ตอนนั้นเราจะเป็นเด็กกันมาก  แต่ความรู้สึกที่ผมมีให้เธอมันมากกว่านั้น  ผมไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงกับผม
      “ ออย โตขึ้นเธออยากเป็นอะไรหรอ“
      “ ไม่รู้สิ  ยังไม่ได้คิดเลย  แล้วบอลล่ะ“
      “ ฉันอยากเป็นนักบินอย่างพ่อ  อยากเป็นนักบินมืออาชีพ“
      “ ดีเลย  งั้นฉันจะเป็นแอร์โฮสเตส  แล้วเรา 2 คนจะได้ไปไหนไปด้วยกัน“
      “ เยี่ยมที่สุด  เธออยากไปไหนล่ะ “
      “ อืม…ญี่ปุ่นเป็นไง  อยากไปมากเลย“
      “ เอาสิ  แล้วเรา 2 คนจะไปด้วยกันนะ“
      ผมกับออยมีสัญญาด้วยกัน  เราตกลงกันว่าจะต้องไปเจอกัน  ผมจะเป็นนักบิน  ส่วนเธอจะเป็นแอร์  เรา 2 คนจะไปเที่ยวด้วยกันทุกที่  ผมสัญญากับเธออีกว่า เราจะอยู่ด้วยกัน
      “ บอล ถ้าโตขึ้นแล้วเรา 2 คนไม่ได้เจอกันอีกล่ะ“
      “ ไม่มีทาง  ฉันสัญญา  เรา 2 คนจะต้องอยู่ด้วยกัน  จนกว่าจะตายจากกันเลย“
      “ ไม่เอาหรอก  นายพูดจาไม่เพราะเลย  แม่บอกว่าห้ามพูดเรื่องตาย“
      “ ฉันหนังเหนียวนะ  ไม่ตายง่ายๆหรอก  เราจะอยู่ด้วยกันจนแก่ไปเลย  เราจะไม่มีวันตายจากกันนะ“
      “ อย่างนี้ค่อยดีหน่อย  แล้วเราจะไม่ตายได้หรอ“
      “ ได้สิ  ในทีวียังทำได้เลย  โตขึ้นฉันจะไปหายาที่กินแล้วไม่มีวันตาย  เราจะได้อยู่ด้วยกัน“
      “ ดีเลย  ฉันจะช่วยด้วยนะ“
      “ อืม แล้วฉันจะคอยปกป้องคุ้มครองเธอตลอดไป“
      ช่วงนั้นแม่ของผมไม่ค่อยสบาย  เรา 2 คนเลยไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเดิม แต่พอใครมีเรื่องอะไร  อีกคนหนึ่งจะไม่ลังเลแล้วเข้าไปช่วยเหลือกันเสมอ  จนกระทั่ง…
      “ บอล  มีอะไรหรอ  เป็นอะไร  ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้“
      “ ออย  แม่  ฮือ  แม่ฉันท่านตายไปแล้ว“
      “ โอ๋  อย่าร้องนะ  ผู้ชายห้ามร้องไห้  ฉันจะอยู่คอยเป็นเพื่อนเธอเสมอ“
      “ เราน่าจะหายาเป็นอมตะให้ได้เร็วกว่านี้นะ“
      “ นั่นสิ  แต่นายอย่าคิดมากเลยนะ“
      เมื่อแม่จากไป  ก็ไม่มีใครคอยดูแลผม  ทำให้ผมต้องไปกับพ่อ  ผมจึงต้องจากออยไป  ผมไม่เคยคิดว่าจะมีวันนั้นเลย  แต่ในเมื่อต้องไป  ผมก็ต้องไปบอกลาเธอ ผมยังจำความรู้สึกวันนั้นได้ดี  มันเป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจ
      “ ออย  ฉันต้องไปแล้ว”
      “ ไปไหนหรอ“
      “ ไม่รู้  ฉันต้องคอยตามพ่อไปทุกที่  แต่ฉันจะคิดถึงเธอเสมอ“
      “ แล้ว  เราจะได้เจอกันอีกไหม“
      “ เอางี้นะ ทุกๆวันเกิดของเธอ เราจะกลับมาเจอกันที่นี่  ฉันจะกลับมาอวยพรเธอ  เธอต้องรอฉันที่นี่นะ“
      “ อืม  ฉันจะรอ  แล้วเมื่อเรา 2 คนโตขึ้น  จะทำตามฝันกัน“
      “ ฉันต้องไปแล้วนะ“
      “ อืม  ฉันจะคิดถึงเธอเสมอ  และจะมารอเธอทุกปี“
      “ ฉันก็เหมือนกัน  ไปนะ“
      “ บอล  อย่าลืมสัญญานะ“
      “ ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น  ฉันไม่ผิดสัญญาแน่  ยิ่งเป็นสัญญาของเราด้วยแล้วล่ะก็“ แล้วบอลก็วิ่งจากไป
      ตอนนั้นเองที่ผมรู้ว่า  ผมชอบออยเข้าแล้ว  ถึงผมจะจากเธอมานานแค่ไหน  ผมก็ไม่เคยลืมเธอได้เลย  ไม่มีใครมาแทนที่ออยได้  สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือผมไม่สามารถไปตามคำสัญญาได้ พอวันเกิดของออย  ผมก็ได้แต่ส่งของขวัญไปให้เธอ แต่พวกมันก็ถูกตีกลับมาทุกครั้ง  ผมคงจำบ้านที่อยู่ผิด ผมจึงไม่ได้ติดต่อกับออยอีก ดังนั้น  พอวันเกิดของออย ผมจะคอยส่งใจไป Happy Birthday เธอเสมอ  ถึงความจริง  เธอจะไม่ได้รับรู้ แต่ผมก็จะส่งใจให้เธอตลอด ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่ง  ผมจะได้เจอกับเธอ  ได้ขอโทษเธอ ไม่งั้นผมคงไม่สบายใจแน่ๆ
      “ ฮือๆ  ที่แท้  คนที่ผิดสัญญาก็คือเราเอง  เราเองที่ผิดสัญญา  ตลอดเวลาบอลส่งใจไปที่นั่นตลอด  แต่เรา  ฮือ  เรากลับไม่เชื่อใจเขา  เรากลับเป็นฝ่ายลืม   11 ปีที่บอลคอยเรา  แต่เรากลับลืมเขา  ออย เธอแย่จริงๆ แย่ที่สุด ฮือๆ“ ออยร้องไห้ออกมา  แล้วจึงอ่านต่อ
      ผมไม่ได้เจอออยเลย  แต่ผมไม่เคยลืมเธอ  ผมคิดถึงเธอทุกวัน เธอเองก็คงเช่นกัน  ผมตัดสินใจเป็นนักบินเพื่อรอออย ผมคงได้เจอเธอตอนเธอมาเป็นแอร์ตามคำสัญญา  ผมเป็นนักบินมาหลายปีแล้ว แต่…ยังไม่เจอเธอเลย  ถึงยังไง  ผมก็จะรอต่อไป
      ออยร้องไห้ออกมา  “ คุณชอบหลอกฉัน  คุณบอกจะรอฉันต่อไปไง  ทำไมไม่รอ คุณบอกจะอยู่จนแก่ไง  แล้วนี่คุณแก่แล้วหรอ ถึงได้จากไปอย่างนี้  คุณ…คุณมันบ้าที่สุด“
      “ หนูออย“ เสียงพ่อของไกรเดินเข้ามา  “หนูอย่าเสียใจไปเลย  เจ้าบอลมันดูหนูอยู่นะ  มันคงไม่สบายใจถ้าเห็นหนูร้องไห้หรอก“
      ออยเช็ดน้ำตาก่อนพูด  “ หนูทำให้บอลเขาเสียใจ  หนูทำให้เขาต้องรอ  เพราะหนู  ถ้าหนูเชื่อใจเขาเหมือนที่เขาเชื่อใจหนู  คงไม่เป็นอย่างนี้“
      “ ไม่เอาน่า  มันไม่ใช่ความผิดหนู“
      “ ใช่สิคะ  ถ้าเขาไม่มาช่วยหนูป่านนี้  คนที่รอดก็คือเขา  หนูยอมตายเองยังดีกว่า“
      “ บอลเขาทำเพราะเขารักหนู  เขาเต็มใจที่จะทำ  ถ้าคนที่ไปคือหนู  เขาต้องเสียใจมากแน่ๆ  ขนาดมีผู้หญิงมาติดพันเขามากมาย  เขาก็ไม่เคยสนใจใครเลย  เขาบอกว่า  เขาจะไม่รักใครอีกแล้ว  ถ้าไม่ใช่หนู“ 
      “ เพราะอย่างนั้นน่ะสิคะ“  ออยร้องไห้ใหญ่  “ ฮือ  เพราะอย่างนั้นน่ะสิคะ  หนูถึงรู้สึกผิดมาก  หนูปล่อยให้เขารอ  เขาบอกว่า  เขาอยากรู้ว่าหนูรักเขาไหม  แต่เขาไม่ยอมรอฟังคำตอบ  หนูยังไม่ได้บอกเขาเลย“
      ออยเดินออกมาทั้งน้ำตา
      “ ฉันขออยู่คนเดียว  ไม่ต้องตามหาฉันนะ  ฉันจะไปสัก 2-3 วัน“
      “ ไปไหน“ แอนถาม
      “ ไปทำตามสัญญา  ไปให้คำตอบ  ถึงมันจะสายไปแล้วก็ตาม“  ว่าแล้วออยก็เดินออกไป
      8
       ณ ที่ตรงนี้  ตรงที่เคยมีเด็ก 2 คนมาเล่นด้วยกัน  ได้ให้คำมั่นสัญญาต่อกัน  ทั้งสองต่างเฝ้ารอให้ถึงวันที่จะกลับมาได้เจอกันอีก  แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว  ผ่านมา 11 ปี  ที่กลับมามีแค่หญิงสาวคนหนึ่ง  ที่เดินมาพร้อมความหลังในอดีต  สภาพที่นี่ยังไม่ต่างจากเดิมมาก  สนามเด็กเล่นดูเก่าไปหน่อย  สนามหญ้ายังเขียวชอุ่ม  มีแต่ต้นไม้ใหญ่ ที่ๆเรา 2 คนนั่งเล่นด้วยกันบ่อยๆนั้น  เหี่ยวแห้งไปมาก  เหมือนมันจะรับรู้ได้ว่าเด็ก 2 คนที่เคยอยู่นั่งเล่นกับมันนั้น  จะไม่กลับมาเป็นอย่างเดิมได้อีก  เหมือนสิ่งที่มันรอคอยมานาน  จะไม่กลับมาอีก
       หญิงสาวเดินไปรอบๆ คิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก แล้วจู่ๆลมก็พัดแรง  ทำให้ขนลุก
       “ บอล  คุณอยู่นี่ใช่ไหม  คุณกลับมารอฉันใช่ไหม  ฉันมาแล้วไง  ทำไมคุณไม่ออกมาหาฉันล่ะ  คุณอยู่ที่ไหน“ หญิงสาวพูดทั้งน้ำตา
       “ ไม่เป็นไร  คุณไม่ออกมาก็ไม่เป็นไร  แต่คุณคอยฟังฉันให้ดีนะ  ฟัง  ฉันเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา  เสียใจที่ปล่อยให้คุณรอคอย  วันนี้  ฉันมาที่นี่ตามคำสัญญา  และมาให้คำตอบคุณ  ฉันอยากให้คุณรู้ว่า…ฉันรักคุณ“ เสียงลมดังขึ้นทำให้กลบเสียงของออยไปหมด
       “ ฉันรักคุณ !!!“ ออยตะโกนสุดเสียง  “ ฮือ ฉันรักคุณ  คุณได้ยินไหม“  แล้วจู่ๆลมก็สงบลง  ทุกอย่างเงียบกริบ  บอลคงกำลังตั้งใจฟังเธออยู่แน่ๆ….
       ผ่านมาเกือบ 1 ปีเต็มๆ  ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้น  เรื่องราวต่างๆกลับสู่ปกติ  และก็วนมาถึงวันเกิดครบรอบ 20 ปีของออยและแก้ว  ทั้งสองคนเกิดวันเดียวกัน แต่ถ้าดูจากเวลาออยจะแก่กว่าเล็กน้อย  เราตกลงจะจัดงานที่บ้านผมกัน  ผมเลยต้องตื่นมาจัดงานกันแต่เช้า  แต่กะว่าจะโทรไปหาแอนก่อน
       “ แอน  เรื่องงานน่ะ  เธอจะให้ฉันจัดการเองหรอ  ไม่กลัวเละหรือไง“
       “ เอกก็ให้ พล นนท์หรือแก้วไปช่วยสิ“
       “ แล้วเธอล่ะ“
       “ ฉันก็อยู่คอยพี่ออยกลับมาก่อน  แล้วจะตามไป“
       “ ออยไปไหนหรอ“
       “ ไปหาคุณไกรไง“
       “ อ๋อ  โอเค  เดี๋ยวฉันไปจิกตัวพวกนั้นมาช่วยแทนละกัน“
       “ ฝากด้วยนะ“  แล้วแอนก็วางสายไป
       ผมจึงไปตามตัวทั้ง 3 คนมา  พวกเราจัดงานกันอย่างสนุกสนาน  จนดูมันเละๆผิดปกติ  เลยเริ่มทำกันใหม่  ปีนี้เราไม่ได้ทำเซอร์ไพรส์กัน  เพราะออยกับแก้วรู้ตัวอยู่แล้ว คงมีแต่ผมคนเดียวที่ขี้ลืม  เมื่อถึงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม  ทุกคนก็มาพร้อมกันในงาน 
       “ วันเกิดปีนี้ดูท่าจะมีแต่พวกเราสินะ“  แก้วพูดขึ้น
       “ ใครว่าล่ะ  ปีนี้ออยเชิญทั้ง พ่อ  แม่และบอลมาด้วยนะ  คงวนเวียนอยู่แถวๆนี้แหล่ะ“
       “ อย่าพูดบ้าๆน่า  ฉันไม่กลัวผีหรอกนะ“  แก้วพูดพร้อมมองไปรอบๆ  แล้วอยู่ๆไฟก็ดับ
       “ นะโม  นะโม คุณป้าขา  คุณลุงขา  คุณไกรขา ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่นะค้า  เพียงแต่ฉันไม่อยากเจออะไรแปลกๆน่ะค่ะ  ไม่ได้กลัวนะค้า  นะโม….“ แก้วพูดจบ  ว่าแล้วไฟก็เปิดขึ้น
       “ เฮ้อ  ขอบคุณค่า“ แก้วทำท่าโล่งอก
       “ ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ  คือ แอนเป็นคนปิดไฟเอง เพราะฉะนั้นแอนก็ควรเป็นคนเปิด  ไม่ต้องขอบคงขอบคุณอะไรหรอกนะ“  แอนพูดพร้อมกับหัวเราะ  แก้วหันไปมอง  ทุกคนกำลังขำกันใหญ่
       “ เออ  เออ  หนุกดีนะ  ขอให้มาจริงๆละกัน“  แก้วพูด  แล้วงานเลี้ยงก็เริ่มดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน
       พองานเลิกแก้วต้องรีบกลับ  นนท์เลยอาสาไปส่ง  ผมกับพลนั่งคุยกันต่อ  แอนนั่งฟังอยู่ข้างๆ  แล้วออยก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
       “ แอน เรามีอะไรที่ต้องให้แอนดู“ ผมพูดขึ้น
       “ อะไรหรอ“
       “ ตอนแรก  เรา 2 คนก็กะจะเก็บเป็นความลับแต่พอตกลงกันอีกทีก็คิดว่า  เธอควรได้รับรู้“ พลพูดขึ้น
       “ เอ่อ  เรื่องอะไรหรอ“
       “ เรื่องจดหมาย  เราไขมันออกแล้ว  และข้อความลับที่ได้ออกมาก็คือ นี่“ ผมยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แอน  เธออ่านอย่างตั้งใจ
       “ เป็นไปไม่ได้  ไม่น่าเป็นไปได้  พวกเธอต้องเข้าใจผิดแน่นอน  ฉันว่ามันคงไม่ใช่..”
       “ มันแปลได้อย่างนี้จริงๆ  และที่สำคัญฉันมั่นใจว่า หมอนั่นเป็นคนเขียนมันขึ้นมา“ 
       “ หมอนั่นน่ะหรอ“
       “ ใช่  แต่เธอรู้แล้วต้องเก็บเป็นความลับ  มันอาจเป็นอันตรายกับตัวเธอเอง“
      “ ฉันไม่บอกใครหรอก และฉันก็จะไม่เอามาคิดแน่  เพราะฉันไม่เชื่อ“ แอนยื่นกระดาษแผ่นนั้นกลับคืนมา
       “ แอน  พี่ว่าเรากลับกันเถอะ  นี่ก็ดึกมากแล้วนะ“  เสียงออยเดินมา
       “ ค่ะ  ไปก่อนนะ“  แล้วทั้งสองก็เดินไปที่รถ  ตลอดทางแอนได้แต่นั่งคิดเรื่องนั้น  ไม่เหมือนที่เธอเพิ่งพูดเมื่อครู่เลย
      เมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้าน  ก็มีชายคนหนึ่งมารออยู่แล้ว
      “  ไม่ทราบว่าคุณมาพบใครคะ“  ออยถามชายคนนั้น
      “ ผมเป็นทนายประจำตระกูลของคุณ  ผมมาหาคุณหทัยชนก  เมฆพฤตินันท์ ครับ“
      “ ฉันเองค่ะ  เอ่อ เชิญไปนั่งข้างในบ้านก่อนนะคะ“  แล้วทั้ง 2 คนก็พาทนายคนนั้นเขาไปในบ้าน
      “ คือผมชื่ออาคม เป็นทนายประจำตระกูลคุณน่ะครับ  ปีนี้คุณหทัยชนกอายุครบ 20 ปี ส่วนคุณฤทัยชนก อายุ 19 ปี จะ 20 ในเดือนหน้า ใช่ไหมครับ“
      “ ค่ะ  คุณเรียกดิฉันว่าออยก็ได้ ส่วนน้องสาวฉันชื่อแอน    ฉันจำได้แล้วล่ะค่ะ  ว่าคุณพ่อเคยเรียกคุณไปหาบ่อยๆ ตอนนั้นฉันยังเด็กน่ะค่ะ“
      “ คือ  นอกจากผมจะเป็นทนายแล้ว  ผมยังเป็นเพื่อนสนิทกับคุณพ่อของคุณ  ผมเลยไปมาหาสู่กับครอบครัวพวกคุณบ่อยๆ  แต่พอพวกเขาเสีย  และพวกคุณก็โตๆกันแล้ว ผมเลยไม่ได้มาเยี่ยมอีก“
      “ แอนจำได้แล้วค่ะ  ที่แท้ก็คุณอานั่นเองตอนเด็กๆคุณอามาเล่นกับแอนบ่อยเลย“
      “ พวกคุณ 2 คนโตขึ้นมามาก  ถ้าพ่อแม่คุณได้มาเห็นคงจะดีใจนะครับ“
      “ พวกท่านคอยดูพวกเราอยู่ตลอดเวลาแหละค่ะ“
      “ นั่นสินะครับ“
      “ ว่าแต่ที่คุณอามาวันนี้…“
      “ อ๋อ  ผมมาคุยเรื่องพินัยกรรม  พ่อคุณบอกไว้ว่าให้ทำการเปิดพินัยกรรมเมื่อคุณ 2 คนอายุครบ 20 ทั้งคู่  ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว  ผมจึงมาบอกพวกคุณให้รู้ล่วงหน้า“
      “ หรอคะ  ขอบคุณมากนะคะ  แต่เรื่องแค่นี้ไว้มาบอกวันหลังก็ได้นี่คะ  ไม่เห็นต้องมายืนรอเลย  ลำบากเปล่าๆ“ ออยพูด
      “ ผมต้องทำตามคำสั่งน่ะครับ ท่านให้ผมบอกพวกคุณตอนวันเกิดของคุณออย และให้เปิดในวันเกิดคุณแอน“
      “ พ่อนี่ทำอะไรแปลกๆอีกแล้ว“
      “ อ้อ ! ยังมีอีกเรื่องนึง“
      “ อะไรคะ“ ออยถาม
      “ ไม่ทราบว่าพวกคุณรู้หรือเปล่า  ท่านมีบุตรบุญธรรมคนนึง“
      “ อะไรนะคะ“  ออยกับแอนพูดแทบจะพร้อมกัน  อาคมเล่าเรื่องบุตรบุญธรรมให้ทั้ง 2 คนฟัง
      “ ถ้างั้นผมคงต้องขอตัวกลับก่อน“
      “ เชิญเลยค่ะ เดี๋ยวแอนไปส่งนะคะ“  แล้วแอนก็เดินไปส่งอาคมที่รถ  ก่อนเดินกลับเข้าบ้าน
      วันนี้ทุกคนก็ไปเรียนตามปกติ  ตลอด 1 ปีที่ผ่านมามีชายคนหนี่งเข้ามาจีบแอนอย่างจริงๆจังๆ ถึงแอนจะปฎิเสธไป  แต่เขาก็ยังไม่เลิก  เหตุการณ์วันนั้น ผมยังจำได้ดี….
      ขณะที่เรานั่งประจำกันอยู่ที่โต๊ะ  ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
      “ คุณแอนครับ  คือผมชื่นชอบคุณมาก  ไม่ทราบว่าคุณจะรังเกียจไหมถ้าผมจะจีบคุณ“  พูดจบทุกคนก็หันกลับไปมองตามเจ้าของเสียง
      “ เอ่อ คุณเป็นใครคะ“  แอนถาม  ผมว่าหน้ามันคุ้นๆอยู่  แล้วผมก็นึกได้
      “ มินทร์ ! คุณชื่อ มินทร์ใช่ไหม”
      “ ครับ  คุณเอก  เจอกันอีกแล้วนะครับ“
      “ เฮ้ย  เอก  รู้จักเขาด้วยหรอ“  พลถาม
      “ ก็คนที่เราเจอเมื่อตอนก่อนในผับไง  ฉันเจอเขาในห้องน้ำ  ถึงจะเมามากแต่ก็ยังจำได้“
      “ คือผมแอบปลื้มคุณแอนมากเลย“ มินทร์พูดต่อโดยไม่สนใจผม
      “ ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่คิดชอบคุณหรอกนะ“  เด็ดเดี่ยวมาก เยี่ยมจริงๆ
      “ ไม่เป็นไรครับ  ผมต้องเริ่มจากตามจีบคุณก่อน  เดี๋ยวคุณก็ชอบผมเอง“  ไอ้ลูกหมา เขาไม่ชอบยังไม่เลิกอีก
      จากนั้นมามินทร์ก็คอยตามจีบแอนอย่างไม่ลดละ  ผมเองก็คอยกันอย่างไม่ลดละเช่นกัน  มินทร์ทำเอาแอนต้องคอยหลบเสมอ  ถึงจะอ้างว่ามีแฟนแล้ว  แต่มินทร์ก็ยังไม่เลิก  ผมล่ะกลัวแอนใจอ่อนจริงๆ
      มินทร์รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวแอนเยอะมาก  ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหน  ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
      วันเกิด  น้ำหนัก  ส่วนสูง  เกรดเฉลี่ย  สีที่ชอบ  อาหารที่ชอบ  มินทร์เลยสามารถเอาใจแอนได้ตลอด  ขนาดพวกผมเองยังไม่รู้ลึกขนาดนั้น  แม้แต่เรื่องน้ำแอปเปิลที่มีแต่พวกเรารู้  มินทร์ก็ยังรู้ได้  ไม่รู้เป็นนักสืบหรือ สุนัขกันแน่ถึงจมูกดีนัก
      จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเก็บสมุดโน้ตของมินทร์ได้  จึงเปิดดูแล้วก็สังเกตเห็นอะไรที่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง  นั่นคือ  ลายมือ  ลายมือที่คล้ายกับลายมือในจดหมายแผ่นนั้น  คล้ายกันอย่างกับเป็นคนๆเดียวกัน  เมื่อผมนำไปปรึกษาพล  เราจึงตัดสินใจบอกแอนและวันนี้มินทร์ก็ยังคงไม่ละความพยายาม  นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้ว  ผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ
      “ แอน  อย่าไปใจอ่อนกับไอ้หมอนั่นนะ“ ผมต้องเตือนเธอประจำ
      “ รู้แล้วน่า ย้ำทุกวันเลย  ไม่เบื่อบ้างหรือไง“
      “ ไม่เบื่อ  และก็จะเตือนทุกวัน  วันละหลายๆ เวลา “
      “ เวลาไหนบ้างล่ะ “ แก้วถามผม
      “ เวลาที่อยากเตือนไง “
      “ ไอ้เอกมันหึงน่ะสิ“ พลพูดขึ้น  ไอ้ปากหมา
      “ หยุดพูดไปเลย“
      “ แอนบอกให้ก็ได้  แอนไม่มีวันชอบเขาได้หรอก เพราะแอนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว“
      “ ใคร !“ ผมถามด้วยความอยากรู้อย่างแรง
      “ บอกไม่ได้  แอนไปเรียนนะ ขอตัว“  แล้วแอนก็เดินตัวปลิวไป
       “ ออย“ ผมหันมาหาออย “ เธอต้องรู้อะไรแน่เลย  ใช่ไหม“
       “ ใช่  แล้วจะทำไม“ ว่าแล้ว  ออยก็เดินตามแอนไป
       “ แก้ว  เธอ …”
       “ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นล่ะ  ถาม 2 ตัวนั่นดูละกัน“ และจากไปเช่นกัน
       “ เฮ้ย  ฉันก็ไม่รู้  ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของแอนนี่หว่า“ แล้ว 2 ตัวนั่นก็เดินไป  ปล่อยให้ผมหงุดหงิดอยู่คนเดียว
       ตกเย็นผมก็ขับรถมาส่งออยกับแอนที่บ้าน  แล้วผมก็ขับรถกลับ  ก็พอดีพลโทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย  ผมเลยขับรถไปหามันที่บ้าน
       เมื่อออยกับแอนเข้ามาในบ้าน  มินทร์ก็โทรมาอีกแต่แอนไม่รับ
       “ แอน  เธอชอบมินทร์เขาหรือเปล่า“
       “ ไม่เลย  ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วย อ้อ เดี๋ยวแอนจะโทรไปหาเอกหน่อยพอดีมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยน่ะ“
       “ แล้วเอกล่ะ  ชอบไหม“
       “ เอกเป็นเพื่อนที่ดีมาก“
       “ แค่เพื่อนหรอ“
       “ ก็ ..แอนว่ามันดีที่สุดแล้ว“
       “ งั้นก็ดี  พี่ว่าเอกเขาดีมากเลย  สมบูรณ์แบบที่สุด  เสียดาย“
       “ เสียดายอะไร“
       “ ก็เสียดายที่เขาชอบเธอน่ะสิ  แต่ไม่เป็นไร  เธอไม่ได้ชอบเขานี่นา  พี่ก็คงมีหวังบ้างล่ะ“
       “ พี่ชอบเอกหรอ“
       “ อืม“
       “ แล้วคุณไกรของพี่ล่ะ“
       “ เขาเป็นคนที่พี่รักก็จริง  แต่พี่ก็ต้องหาคนที่สามารถให้ความสุขและสามารถคุ้มครองพี่ได้สิ  และพี่ก็ว่าเอกน่ะ  เหมาะที่สุด“
       “ พี่แน่ใจหรอ  ไม่คิดว่าเป็นเพื่อนจะยั่งยืนกว่าหรือไง“
       “ ถ้าพี่รักใคร  พี่จะไม่ปล่อยให้เขาจากไปง่ายๆหรอก  เพื่อนก็ส่วนเพื่อนสิ“
       “ ก็ตามใจ“
       “ ว่าแต่เธอแน่ใจนะ  ว่าไม่ได้รักเขา  เล่นตัวอย่างนี้ถ้าเอกเขาหันมาสนใจพี่ล่ะก็  จะหาว่าพี่แย่งแฟนไม่ได้นะ“
       “ แอนไม่ได้เล่นตัวนะ  ไม่รักก็คือไม่รักสิ “  แอนหันหลังแล้วทำท่าจะเดินขึ้นห้อง
       “ อ้าว  ไม่โทรหาเอกแล้วหรอ “
       “ ไม่ “  แอนพูดก่อนเดินขึ้นห้องไป
       ผมขับรถมาถึงบ้านพล  แล้วจึงรีบเดินเข้าไปในบ้าน  ก็เห็นพลนั่งรออยู่แล้ว
       “ มีเรื่องอะไรหรอ“
       “ คือ ฉันคิดว่ามีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น  ที่ฉันยังไม่ได้เล่าให้นายฟังอยู่  เลยคิดว่าเราน่าจะช่วยกันคิดดีกว่า“
       “ ฉันก็เหมือนกัน  คืนนี้กะจะค้างด้วยเลย“
       “ อ้าว  แล้วงานที่มหาลัยทำเสร็จแล้วหรอ“
       “ ฉันยังไม่ได้ทำเลย  แต่แม่น่ะสิ  ตอนไปญี่ปุ่นแม่สั่งให้ลูกน้องทำให้แล้ว“
       “ ดีว่ะ“
       “ ดีตายล่ะ  มาเข้าเรื่องกันดีกว่า  ฉันเริ่มก่อนละกัน  ฉันคิดว่ามันเริ่มตั้งแต่วันที่คนชื่อน้อยอะไรนั่นนัดสัมภาษณ์พวกเรา“
       “ ใช่  ทั้งๆที่ปากบอกว่าอยากสัมภาษณ์กลุ่มพวกเรา  แต่พอแอนมา ก็เบนความสนใจไปหาแอนทันที  จากนั้นก็ไม่ถามใครอีก“  พลพูด
       “ เป็นไปได้ไหมว่าจุดประสงค์คือ  เขาอยากสัมภาษณ์แอนคนเดียว“
       “ ฉันก็คิดอย่างนั้น  และมันก็จริงซะด้วย  เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็เจอน้องเขาอีกครั้ง  ก็เผอิญนึกขึ้นได้ว่า  น้องเขาบอกว่าจะเอาข้อมูลไปลงนิตยสารมหาลัย  แต่ฉันก็ไม่เห็นข่าวเลย  พอไปดูที่ชมรมก็พบว่าไม่มีคนชื่อน้อยอยู่ในชมรมนั้น“
       “ นายเหมือนพระเอกหนังเลยว่ะ  แล้วไงต่อ“
       “ ฉันเลยตามน้อยไป  ไปถามเขาแต่เขาไม่ยอมบอก  เลยยื่นเงินให้ปึกหนึ่ง  เหลือเชื่อ ถามอะไรเป็นตอบหมด“
       “ ว่าไงเล่า“
       “ เขาว่ามีชายคนหนึ่งจ้างเธอให้มาสัมภาษณ์แอนโดยเฉพาะ  เธอไม่รู้จักชายคนนี้แต่พอจะจำหน้าได้  และก็พอดีว่าไอ้หมอนั่นเดินผ่านพอดี  น้อยชี้ให้ฉันดู  ตอนแรกก็คิดว่าเขาคงแค่แอบชอบแอนเฉยๆ  และมันก็จริงด้วย ฉันก็ไม่คิดอะไร“
       “ มันคือใคร“
       “ มินทร์“
       “ อะไรนะ“
       “ พอมินทร์มาบอกว่าชอบแอน  ฉันก็รู้แล้ว  แต่พอนายเจอสมุดโน้ตพร้อมลายมือแปลกๆนั่น ฉันเลยตะหงิดๆใจขึ้นมา“
       “ นี่นายช่วยเล่าไปเรื่อยๆได้ไหม  เล่าๆหยุดๆอยู่นั่นแหละ“
       “ เดี๋ยวก็ไม่ตื่นเต้นหรอก“
       “ ไม่เป็นไรว่ะ  ฉันไม่ชอบ“
       “ ในความเห็นฉัน  ฉันว่ามินทร์ต้องมาไม่ดีแน่เลย  ถ้าเขาไม่รักแอนแบบมากๆๆแบบมากกว่านาย…”
       “ ไม่มีทางโว้ย  ฉันรักแอนมากที่สุดไม่มีใครมากกว่า“
       “ ไหนนายบอกว่าไม่ให้หยุดไง  แล้วมาขัดทำไม“
       “ เออๆ  ก็แกพูดจาไม่เข้าหูนี่หว่า“
       “ คือถ้าเขาไม่รักแอนมากๆ  ก็ต้องทำเพราะหวังอะไรบางอย่าง“
       “ หยุดทำไม“
       “ แล้วนายจะไม่ออกความเห็นอะไรเลยหรือไง“
       “ ไม่อ่ะ“  แต่ผมก็หายสงสัย  ว่าทำไมมินทร์ถึงรู้เรื่องของแอนละเอียดนัก
       “ แล้วก็ นายเคยรู้สึกเหมือนถูกคนจ้องไหม“
       “ เฮ้ย  นายก็รู้สึกหรอ“
       “ ฉันไม่รู้สึกหรอกแต่คิดว่านายน่าจะรู้สึก  เพราะตอนนั้น  ฉันเห็นสายตาคู่นั้นจ้องมองมาทางนาย“
       “ มินทร์หรอ“ ผมถาม
       “ ฉันก็คิดว่าอย่างงั้น  แต่ไม่แน่ใจ  เออ  นายรู้เรื่องที่ออยกับแอนมีพี่น้องบุญธรรมหรือเปล่า“
      “ ฮะ  มีด้วยหรอ  ไม่เห็นมีใครบอกเลย“
      “ แอนเล่าให้ฉันฟัง“
      “ ลำเอียงว่ะ“ ผมสบถ
      “ เห็นเขาบอกว่าคุณน้าเขามีลูกยาก  เลยคิดจะเลี้ยงลูกบุญธรรมแทน“
      “ แล้วแอนไปรู้มาจากไหนวะ“
      “ เห็นว่าทนายประจำตระกูลเขามาบอก  แต่มีข้อมูลไม่มากหรอก  แค่รู้ว่า  คุณน้าเขาเคยรับบุตรบุญธรรมคนนึง  แต่พออยู่ๆก็เกิดท้องออยขึ้นมา  แล้วเด็กคนนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน“
      “ เป็นไปได้ไง  ฉันว่าต้องมีคนรู้สิ  อย่างน้อยก็นายทนายนั่นคนนึงล่ะ“
      “ ฉันก็ว่าอย่างนั้น  แต่ไม่รู้จะติดต่อยังไงไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน  ไม่มีเบอร์ติดต่อด้วย  กะจะไปถามอะไรหน่อย  ฉันก็คิดว่าทนายคนนี้ต้องรู้เรื่องดีที่สุด“
      “ ลองไปหาตามสมุดหน้าเหลืองอะไรทำนองนี้ดูสิ“
      “ อืม  ลองแล้วไม่เห็นเจอเลย  รู้สึกจะชื่อ อาคม อะไรเนี่ยล่ะ“
      “ อาคมหรอ คุ้นจังแฮะ“
      “ นายจะไปคุ้นได้ไง  ไม่ใช่ทนายบ้านนายสักหน่อย“
      “ เฮ้ย ทนายบ้านฉันไง  ฉันจำได้  ตอนก่อนพ่อเรียกฉันเข้าไปหา  พ่อบอกว่าพ่อทำพินัยกรรมอยู่กับลุงทนาย  และพ่อยังบอกอีกว่าลุงทนายคนนี้เป็นเพื่อนกับทนายบ้านแอน  ฉันมีเบอร์ด้วย“  ว่าแล้วผมก็โทรหาลุงทนายในที่สุดก็ได้เบอร์ทนายอาคมมา
      ผมนัดเจอเขาพร้อมกับพล  ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเราจึงรีบมาตามนัด  หลังจากซักถามกันไปคุณอาคมไม่ยอมเอ่ยปากอะไรเลย ตอบแบบผ่านๆ  จนกระทั่งพลเริ่มหงุดหงิด
      “ คุณอาคม  ผมรู้ว่าคุณกำความลับอะไรอยู่สักอย่าง  คุณจะช่วยกรุณาบอกพวกผม 2 คนได้ไหม  จะเก็บไว้รออะไร“
      “ มันเป็นความลับที่ท่านให้ผมเป็นคนเก็บรักษาไว้  ผมบอกพวกคุณไม่ได้“
      “ ถ้าคุณไม่บอก  มันจะเป็นความลับตลอดไปได้หรอ  ความลับไม่มีในโลกหรอก“ ผมเองก็เริ่มหงุดหงิดเหมือนกัน
      “ ก็ได้  ผมไม่รู้ว่าทำไมผมจะต้องบอกพวกคุณ  แต่ผมเองก็อึดอัดมานานแล้ว  เรื่องมันตั้งแต่สมัยที่พวกคุณยังเพิ่งขวบกว่าๆเองมั้ง  ท่านกับคุณปรางแต่งงานกันมาได้ปีกว่าๆแต่ก็ยังไม่มีลูก  พอไปหาหมอ  หมอก็ว่ามันยาก เพราะปัญหาด้านสุขภาพ  คุณปรางเลยตัดสินใจรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงไว้เป็นเด็กผู้หญิง  พอไม่นานคุณปรางเกิดท้องคุณออยขึ้นมา  แต่ท่านทั้ง 2 ก็ไม่เคยละเลยเด็กคนนั้น  ยังรักและดูแลเหมือนเดิม  แต่มันก็เกิดเรื่องสลดขึ้นจนได้  เพราะว่าพอแอนเกิดมา  ก็ทำให้เด็กคนนั้นถูกรถชน  ผมไม่ทราบรายละเอียดมากนัก  ทั้งหมดก็ฟังจากที่คุณท่านเล่ามา“
      “ แล้วเกิดอะไรกับเด็กคนนั้นล่ะครับ“
      “ เธอพิการ  เดินไม่ได้  แต่ในที่สุดก็มีคนมาขอเธอไปเลี้ยงโดยอ้างว่าเป็นพ่อแม่แท้ๆ“
      หลังจากนั้นผมกับพลก็กลับมาคุยกันต่อที่บ้าน
      “ ฉันอยากรู้จริงๆว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร“ พลพูดขึ้น
      “ เราจะรู้ได้ยังไงล่ะ  ไม่มีใครรู้เรื่องราวไปมากกว่านี้แล้ว“
      “ บุตรบุญธรรม  ไม่รู้เด็กคนนั้นจะอาฆาตอะไรหรือเปล่านะ“
      “ ลูกบุญธรรม“ ผมพูดขึ้นแล้วก็นึกขึ้นได้  “ พล  ฉันจำได้แล้ว  ฉันจำได้  วันนั้นที่ผับ ไปเจอกับมินทร์เข้า  มินทร์ถามอะไรฉันสักอย่าง  ตอนแรกก็นึกไม่ออก  ตอนหลังเข้าใจว่าคุยเรื่องรถ  ตอนนี้นึกออกแล้ว“
      “ อะไร ! ว่ามาเร็วๆ“
      “ ลูกบุญธรรม  เรื่องนี้แหละ“
      ต้องย้อนไปตอนอยู่ที่ผับ  ที่ผมเมาไม่รู้เรื่อง….
       “ คุณเอก  คุณสนิทกับแอนมากแค่ไหน“
       “ ก็มาก ม๊ากมากเลย“
      “ แล้วคุณรู้ไหมว่าเธอมีพี่น้องกี่คน“
      “ ฉองคน  มีพี่ชื่อออย“
      “ แล้วคุณเคยได้ยินเรื่องลูกบุญธรรมไหม“
      “ ม่ายเคย  ฉานม่ายเคยรู้จักโคนชื่อบุญธรรม  จะรู้จักลูกเขาด้ายงาย“
      “ ไม่ใช่ครับ  หมายถึง บุตรบุญธรรม ลูกที่เก็บมาเลี้ยงน่ะครับ“
      “ อ๋อ !“
      “ คุณรู้จักหรอครับ“
      “ ม่ายรู้จัก“
      “ แล้วอ๋อ ทำไม“
      “ ก็ฉานอยาก อ๋อ อ่ะ มีปานหาหรืองายฮะ“
      แล้วหลังจากนั้นมินทร์ก็พาผมมาส่งที่โต๊ะ
       “ ฉันว่า  คนที่ชื่อมินทร์คนนี้  แปลกๆซะแล้วนะ“  พลเสนอ
       “ เขาต้องมีจุดประสงค์อะไรสักอย่าง  แล้วเขาต้องรู้เรื่องลูกบุญธรรมคนนี้ด้วย“
       “ นายว่า  เขาจะยอมบอกเราไหม“
       “ ไม่มีทาง  เราต้องค่อยๆสืบกันเอง  ให้นนท์กับแก้วช่วยด้วยสิ“

      “ ฉันว่าอย่าดีกว่า  พักนี้แปลกๆ นายสังเกตไหม“
       “ ยังไง  ก็ปกติไม่ใช่หรอ “
       “ ฉันสังเกตมานานแล้วว่า  พักนี้เขา 2 คนไม่ค่อยมายุ่งกับพวกเราเท่าไร  ฉันชวนนนท์มันไปไหน  มันก็ว่าไม่ว่างอย่างเดียว“
       “ จะว่าไปแก้วเองก็เหมือนกัน  ดูซึมๆ  ไม่ไปไหนมาไหนกับแอนและออยเหมือนปกติ  พอเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านทันที“
      “ ใช่  เรื่องแก้วฉันพอรู้มาว่าที่บ้านเกิดปัญหาอีกแล้ว แต่นนท์ไม่รู้สิ“
      “ เป็นไปได้ไหม คนใกล้ตัวเนี่ย น่าสงสัยที่สุด“
       “ จะบัาหรอ  มาสงสัยเพื่อน  ไม่มีทางหรอก  ไอ้นนท์มันใจอ่อนง่ายจะตาย“
       “ คงงั้นมั้ง“  แล้วผมก็เลิกนึกถึงเรื่องนั้นอีก
       เช้าวันนี้ผมไปรับ 2 พี่น้องตามปกติ  แต่ดูวันนี้ออยจะชวนผมคุยมากกว่าทุกครั้ง  ในขณะที่แอนนั่งเงียบ  พอมาถึงมหาลัย เราก็มานั่งคุยกัน  และแอนก็ยังดูเงียบๆเหมือนเดิม
       “ เอก  ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยนะ ไปไหนทุกเย็นเลย  โทรหาก็ปิดเครื่อง“  ออยถามผม
       “ อ๋อ  ไป เอ่อ  ไปหาพลที่บ้านน่ะ  ไปคุยอะไรกับมันตามประสาผู้ชาย  บางทีก็ไปหาอะไรกิน“
       “ อ้าว  แล้วนนท์ไม่ไปด้วยหรอ“
       “ ไม่อ่ะ  ช่วงนี้เบื่อๆ อยากนอนอยู่บ้านมากกว่า“ นนท์ตอบ
       “ แล้วเย็นนี้เอกว่างไหม“  ออยถามผม
       “ ว่าง  ทำไมหรอ“
       “ ไปหาหมอเป็นเพื่อนออยหน่อยสิ  ไปตรวจสุขภาพน่ะ“
       “ แล้วแอนล่ะ“
       “ แอนเขาก็ไปด้วย  เผอิญช่วงนี้แอนเขาปวดหัวบ่อย  จะเป็นลมอยู่เรื่อย  ออยก็ให้ทานยาแล้ว“
       “ จริงหรอ  ก็ได้“
       “ อืม ออยว่า ออยจะไปเรียนแล้วล่ะ เอกไปส่งหน่อยสิ“
       “ ได้  เอกว่าจะเข้าคณะพอดี  แอนไปกันเถอะ“  ผมพูด
       “ ไม่เป็นไร  เอกกับพี่ออยไปก่อนเถอะ  แอนจะไปทำธุระหน่อย  เดี๋ยวตามไป“  แอนพูดโดยไม่มองหน้าผม แล้วก็เดินจากไป
       “ เอก  ไม่ต้องไปส่งแล้วก็ได้  เผอิญนึกได้ว่านัดเพื่อนเอาไว้แล้ว“  ออยพูดแล้วก็เดินจากไป
       ตอนเที่ยงพวกเราก็มานั่งทานข้าวด้วยกัน
       “ เอก  กินนี่สิ  อร่อยนะ“ ออยตักกับให้ผม
       “ ขอบใจนะ”
       “ ออย  เอาใจเอกคนเดียวเลยนะ  แล้วฉันล่ะ“ พลถาม
       “ เรื่องอะไร  มีมือก็ตักเองสิ“ ออยตอบ
       “ สงสัยจริงๆ  เธอ 2 คนเป็นแฟนกันหรือเปล่าเนี่ย“ แก้วถามขึ้น
       “ บ้าสิ“ ผมตอบ
       “ เอ่อ  ทุกคนทานไปก่อนนะ  แอนอิ่มแล้ว  ขอตัว“ แล้วแอนก็เดินไป  เขาเรียกว่าหึงหรือเปล่าเนี่ย
       ตกเย็นผมก็พาเธอ 2 คนไปโรงพยาบาล  พ่อผมรู้จักกับหมอที่นี่หลายคน  เลยตรวจได้ง่ายๆหน่อย  พอตรวจเสร็จ เราก็ไปหาข้าวเย็นกินกัน
       “ แอน  ผลตรวจว่าไงหรอ“
       “ ปกตินะ  ไม่…“
       “ เอก“ ออยขัดขึ้น แอนจึงหยุดพูด  “ ไม่ถามออยมั่งล่ะ“
       “ แล้วออยเป็นไงล่ะ“
       “ ปกติทุกอย่างเลย“  แล้วจะให้ถามทำไมวะ
       “ อ้าว อาหารมาแล้ว  นี่สุดยอดความอร่อยเลย  เอกลองชิมดูสิ“ ออยตักกับให้ผม
       “ เอ่อ  ขอบใจนะ  อ้อ  แอนไม่กินล่ะ  ลองนี่ดูสิ“ ผมตักกับให้แอนบ้าง
       “ ขอบใจ แต่ไม่เป็นไรหรอก  แอนไม่ค่อยหิว“ แอนตอบแบบไร้อารมณ์  แล้วหลังจากผมไปส่งเธอ 2 คนที่บ้าน  ผมก็ขับรถกลับบ้าน
       “ วันนี้มันมีอะไรแม่งๆแฮะ“ ผมพูดกับตัวเอง
      9
       เช้าวันนี้ตอนผมกำลังแต่งตัวอยู่  รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆอยู่ในกระเป๋า  เอาออกมาดูก็เห็นว่า  มันคือแหวนรูปหัวกะโหลก ที่ผมเก็บได้วันนั้น  ผมถึงเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้คืนออยเลย  จึงกะจะเอาไปคืนเช้านี้
       เมื่อผมไปถึงที่โต๊ะ ก็เห็นทุกคนนั่งคุยกันอยู่  เพราะเช้านี้ผมไม่ต้องไปรับออยกับแอน  แต่ที่น่าแปลกคือมินทร์มานั่งคุยอยู่ด้วย  ผมล่ะงง  เลยรีบเดินเข้าไปทัก
       “ หวัดดีทุกคน  แล้วนายน่ะ  มาทำไม“
       “ เผอิญ  คุณพลเพื่อนคุณน่ะ  เขาชวนผมมานั่งคุยด้วย“
       “ หรอ ?“  ผมหันไปทางพล
       “ ก็ เออ ชวนมินทร์เขามาคุยเล่นๆน่ะ“ พลพูดแล้วขยิบตาให้ผม  ผมพอจะเข้าใจว่ามันกำลังสืบหาความจริงอยู่
      “ ผมว่าผมไปดีกว่า  ไปนะครับคุณแอน“ มินทร์ทำท่าจะเดินไป
      “ ก็ดี“ ผมพูด “ เออนี่ ออย  นี่แหวนเธอใช่ไหม  ฉันเก็บได้จาก…“
      “ อ้าว  นั่นแหวนผมนี่นา  แหวนสุดรักซะด้วย  คุณไปเจอที่ไหนน่ะ ผมหาแทบตาย“ มินทร์พูดขึ้น
      “ เอ๊ะ  แหวนวงนี้ของคุณหรอ“
      “ ใช่น่ะสิ  ผมไม่รู้มันหายไปตอนไหน คุณไปเจอได้ไงน่ะ“
      “ เอ่อ  อ๋อ เจอในมหาลัยนี่แหละ  เห็นมันตกอยู่ เลยเก็บมา  นึกว่าของออย“
      “ ออยไม่เคยใส่แหวนแบบนี้สักหน่อย“ ออยพูดขึ้น
      “ สงสัย  เอกคงจำผิดมั้ง“
      “ ยังไงก็ขอบคุณนะครับ  ผมไปล่ะ ไปนะครับคุณแอน“ แล้วมินทร์ก็เดินจากไปจริงๆ
      “ พล  เข้าคณะกันเถอะ“ ผมฉุดกระชากลากถูไอ้พลเดินไป
      “ พล  รู้ไหมแหวนวงนั้น  ฉันเจอมันที่ไหน“
      “ ก็นายบอกไปแล้วไง“
      “ ไม่ใช่  ฉันแกล้งพูด ที่จริง  ฉันเจอมันที่บ้านแอนตอนบ้านถูกคนเข้าไปรื้อน่ะ“
      “ งั้นก็หมายความว่า มินทร์เป็นคนรื้อบ้านแอนน่ะสิ“
      “ ฉันล่ะอยากจับหมอนี่มัดมือมัดเท้า  ต่อยอีกสัก 3 ทีแล้วบังคับให้มันเปิดปากไปเลย“
      “ อย่าใจร้อนสิ แล้วก็ อย่าทำให้มันไหวตัวทันล่ะ“
      “ เออ  เข้าเรียนแล้ว  ไปเรียนกันก่อนเหอะ“
      “ เอก ! เอก !“ เสียงคนตะโกนเรียกผม  แก้วนั่นเอง
      “ เป็นอะไร  วิ่งหน้าตาตื่นเชียว“
      “ แอน  แฮ่ก ๆ แอน“ แก้วพูดไปหอบไป เพราะเพิ่งวิ่งมา
      “ อะไร  แอนเป็นอะไร !“
      “ แอน เป็นลมไปแล้ว“ แก้วพูดจบผมก็วิ่งกลับมา  เห็นแอนนอนสลบอยู่  ออยนั่งประคองอยู่ข้างๆ  มีคนมุงดู  ด้วยความเป็นห่วง
      “ ออย เกิดอะไรขึ้น“
      “ ไม่รู้  อยู่ๆแอนก็บ่นปวดหัว  เจ็บหน้าอก  แล้วก็เดินไม่ไหว สลบไป  ออยไม่รู้จะทำยังไงแล้ว แอน !“
      “ เฮ้ย  แอนเป็นไงมั่งวะ“ พลวิ่งตามมา
      “ พล แกไปเอารถมาสิ  ฉันจะพาแอนไปโรงพยาบาล  เร็วเข้า !“  ผมตื่นเต้นมาก  รู้สึกมือสั่นไปหมด
      “ เออ ๆ“ แล้วพลก็รีบวิ่งไป  ผมอุ้มแอนขึ้นมาแล้วรีบเดินตามพลไป  พอมาถึงโรงพยาบาล  หมอก็เอาแอนเข้าห้องไอซียู  ผมกับพลนั่งรอหน้าห้อง 
      “ เอก  ใจเย็นๆนะ  แอนไม่เป็นอะไรหรอก“
      “ พรุ่งนี้  พรุ่งนี้  วันเกิดแอน  หวังว่าเธอจะกลับไปฉลองวันเกิดกับพวกเรา“
      “ แน่นอน  คราวก่อนมาตรวจหมอก็ไม่ได้ว่าแอนเป็นอะไรนี่  อาจแค่เป็นลมไปเฉยๆก็ได้ “
      “ ฉันก็หวังยังงั้นเหมือนกัน“
      “ เอก ! เอก  แอนเป็นไงบ้าง“  ออยกับแก้ววิ่งมาหน้าตาตื่น  นนท์ก็เดินตามมาด้วย
      “ ไม่รู้ หมอยังไม่ออกมาบอก ต้องรอต่อไป“
      พวกเรานั่งรอกันอย่างใจจดใจจ่อ  ออยแสดงอาการเป็นห่วงอย่างมาก  เธอเดินไปเดินมา  จนผมเวียนหัวไปหมด  แก้วกับออยเริ่มน้ำตาไหล แต่ผมไม่  ผมจำได้ว่าเมื่อตอนที่ผมรถคว่ำก็เป็นแบบนี้  มีแอนที่ไม่ร้องไห้ เธอว่าการร้องไห้โดยยังไม่รู้ว่าเขาเป็นตายยังไง  เหมือนกับการแช่ง  ตราบใดที่เรายังไม่แน่ใจ  ห้ามเสียใจเด็ดขาด  แล้วในที่สุดคุณหมอก็ออกมา  ผมรีบเข้าไปถามอาการทันที
      “ ใครที่เป็นคนใกล้ชิดคนไข้ที่สุดครับ“
      “ ฉันค่ะ  ฉันเอง ฉันเป็นพี่สาวเขา“ ออยพูดขึ้น
      “ รู้สึกว่าพวกขึ้นเพิ่งมาตรวจร่างกายใช่ไหมครับ “
      “ ค่ะ  แต่ผลออกมาก็ปกติดีนี่คะ“
      “ คุณน่ะปกติดี  แต่น้องคุณ…”
      “ อ้าว  ก็ไหนวันนั้นแอนบอกว่าปกติดีไง“  ผมสงสัย
      “ ใครว่าล่ะครับ  คนไข้เป็นคนเลือดน้อย  เม็ดเลือดขาวทำงานผิดปกติ  ไขกระดูกมีปัญหาเป็นโรคที่….“
      “ หมอไม่ต้องพูดอะไรยืดยาวได้ไหมคะ ฉันไม่เข้าใจหรอก ไม่ต้องบอกว่าน้องฉันเป็นอะไร  แค่รักษาให้หายก็พอ“
      “ มันไม่ง่ายนักนะครับ“
      “ คุณเป็นหมอ มีหน้าที่รักษาน้องฉันให้หาย  เรื่องเงินเท่าไรไม่อั้นอยู่แล้ว“
      “ เรื่องเงินไม่เกี่ยวครับ“
      “ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ  ต้องบริจาคเลือดหรือเปล่า  เอาของฉันได้  จะเป็นม้าม  ตับ  ไต อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ“  ออยพูดอย่างร้อนรน  ในฐานะที่ผมเรียนแพทย์  ผมรู้เกี่ยวกับโรคนี้ดี
      “ ออย  อย่าไปโกรธใส่คุณหมอสิ“
      “ เอกไม่ใช่ออยนี่  จะไปรู้ได้ไง“
      “ ออย  ฟังนะ  ไม่ว่าเธอจะทำอะไร  จะบริจาคอะไร  จะมีเงินมากแค่ไหน  โอกาสของแอนมีแค่ น้อยนิดเท่านั้น“
      “ แต่มันก็ยังเป็นโอกาสนะ“
      “ คุณพูดถูก ผมจะรักษาน้องคุณให้สุดความสามารถ“  ว่าแล้วหมอก็เดินไป
      หมอไม่อนุญาติให้ใครเข้าเยี่ยม  พวกเราทุกคนจึงพาออยมาส่งบ้าน  คืนนี้แก้วจะอยู่เป็นเพื่อนออย  พรุ่งนี้เช้าทนายจะมาเปิดพินัยกรรม  เพราะพรุ่งนี้แอนจะอายุครบ 20 นนท์จะมารับแก้วไปเยี่ยมแอน  ส่วนผมกับพลจะอยู่กับออยวันเปิดพินัยกรรม
      10
       แล้วในที่สุดวันนี้ก็มาถึง  ตอนนี้ทุกคนนั่งกันพร้อมแล้วในห้อง มีผม  ออย  และคุณทนาย  พลบอกว่าจะมาช้าหน่อย
       “ งั้น  ผมจะเริ่มเลยนะครับ“
       “ เดี๋ยวครับ ผมขอฟังด้วยคน“ เสียงชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
       “ มินทร์  นายมาทำไม“
       “ ผมมาฟัง ในฐานะพี่ฝน“
       “ ฮะ  คุณฝน  คุณฝนเป็นไงบ้างครับ“
       “ เธอตายแล้ว“
       “ ตกลงพี่ก็ตายแล้วจริงๆ“  ออยพึมพำออกมา
       “ ตายยังไงครับ“
       “ ก็ เพราะน้องสาวสุดที่รักของเธอไง  ออย“
       “ เป็นไปไม่ได้  คุณฝนแค่พิการ  ไม่ได้ตาย“ ทนายพูดขึ้น ผมงงไปหมดแล้ว
       “ คุณจะไปรู้อะไร  ผมว่าคุณรีบเปิดพินัยกรรมดีกว่า“
       “ ครับ  ในพินัยกรรมระบุไว้ว่า เงินทั้งหมดในบัญชี แบ่งเป็น 3 ส่วน ให้คุณออย  คุณแอน และ คุณฝน  บ้านที่ตรังยกให้คนที่แต่งงานคนแรก  กิจการบริษัทยกให้ร่วมกันบริหาร“
       “ ไม่ยุติธรรม  แอนไม่ควรได้เลยสักแดง  มันควรเป็นของพี่สาวผม  ถ้าไม่เพราะเธอ  พี่ผมคงไม่ต้องเป็นแบบนี้“  มินทร์พูดขึ้น
       “ เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องนะมินทร์  พี่ต่างหากที่ไม่ควรได้เลยสักแดง“  เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เธอนั่งอยู่บนรถเข็น  มีพลเข็นเข้ามา
       “ พี่ฝน  พี่ยังไม่ตายหรอคะ  ออยนึกว่าพี่ตายไปแล้ว  ในที่สุดออยก็ได้เจอพี่อีกครั้ง“
       “ คุณฝน  ไม่เจอกันนานนะครับ“ คุณทนายทักเธอ  ผมยืนเอ๋ออยู่คนเดียว
       “ อ้อ เอก  ออยจะแนะนำให้รู้จัก  นี่พี่ฝน  พี่สาวออยเอง“
       “ ที่เป็นลูกบุญธรรมคุณน้าน่ะหรอ“
       “ ไม่ใช่  เขาเป็นพี่สาวออยแท้ๆ  แอนต่างหากที่เป็นลูกบุญธรรม  ถ้าไม่เกิดเรื่องคราวนั้นพี่คงไม่ต้องเป็นแบบนี้“
       “ เรื่องอะไร“ ผมถาม  ในสมองสับสนไปหมด
       “ ตอนที่แอนยังเด็กๆ  พี่ฝนคอยดูแลแอนเสมอ  แต่เธอกลับวิ่งตัดหน้ารถทำให้พี่ฝนต้องเข้าไปช่วยแล้วก็ถูกรถชน  ออยนึกว่าพี่ตายไปแล้ว“
       “ ออยไปเอาที่ไหนมาพูด  พี่อยู่ในเหตุการณ์พี่รู้ดีที่สุด  และอีกอย่างแอนเขาเป็นน้องสาวแท้ๆของเธอ  ส่วนพี่เป็นลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยงต่างหาก  ตอนนั้นคุณลุงคลอดแอน พี่ขออาสาดูแลแกอย่างดีที่สุด  ตอนนั้นพี่กำลังจะไปซื้อของในตลาดแต่ดันลืมกระเป๋าสตางค์ และเพราะพี่เปิดประตูทิ้งไว้  ทำให้แอนเขาวิ่งออกมา เพื่อเอากระเป๋ามาให้พี่  แล้วก็เป็นอย่างที่ว่า  พี่เดินไปหาแอน  พี่เลยถูกรถชน  แต่พี่จะบอกอะไรให้  ถ้าแอนไม่ออกมา  ถ้าพี่ไม่เข้าไปช่วยแอน  ป่านนี้พี่คงตายไปแล้ว  เพราะตรงที่พี่ยืนอยู่รถมันพุ่งมาเต็มๆ  แต่พี่กลับแค่โดนเฉียดตรงขาเท่านั้น“
       “ เรื่องนั้นออยไม่รู้  แต่ออยรู้ว่าจริงๆแล้วพี่คือพี่สาวแท้ๆ“
       “ ทำไมออยคิดอย่างนั้น“
       “ เพาะออยกับแอนเกิดห่างกันแค่เดือนเดียวเท่านั้น  มันไม่มีทางเป็นไปได้  คนที่ไหนจะท้องลูกคนนึงแค่เดือนเดียว  เป็นไปไม่ได้“
       “ พี่ก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆ พี่จำได้ว่าคุณลุงไปพาพี่ออกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็ก“
       “ มันหมายความว่ายังไงกันแน่“ ออยเริ่มสับสน
       “ คุณออยครับ  ไหนๆเรื่องก็เปิดเผยมาจนถึงขนาดนี้แล้ว  ผมคงต้องเล่าให้ฟัง  เมื่อคุณปรางท้อง  ตอนแรกหมอบอกว่าเป็นฝาแฝด  แต่พอถึงกำหนดคลอด  ปรากฏว่า เด็ก 2 คน  คนหนึ่งเติบโตเต็มที่พร้อมที่จะคลอด  ส่วนอีกคน ยังไม่ถึงกำหนด  ร่างกายยังไม่สมบูรณ์  มันเป็นเพราะร่างกายเกิดสิ่งผิดปกติ“
       “ อะไรนะ“
       “ คุณหมอบอกว่า  ถ้าผ่าเอาคนโตออกมา  คนเล็กอาจรอดแล้วสามารถเติบโตไปเรื่อยๆได้ แต่จะเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น  ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้  หรือไม่ก็อาจตาย มีโอกาส 50 – 50“
       “ ….“ ทุกคนนิ่งเงียบ ต่างคอยตั้งใจฟัง
       “ หรืออีกทางคือ  รอให้เด็กอีกคนหนึ่งเติบโตเต็มที่ก่อน  แต่ลูกคนโต  มีโอกาสตาย 70  ท่านทั้ง 2 เรียกผมมาปรึกษาแล้วก็ตัดสินใจว่าจะเอาคุณออยออกมาก่อน  ส่วนคุณแอน ขอให้ฟ้าลิขิต“
       “ ในที่สุด คุณ 2 คนก็ปลอดภัย และยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแอน  จนกระทั่งเดี๋ยวนี้“
       “ แอน  แอนเป็นอะไร“  ฝนถามขึ้น
       “ แอนไม่สบาย  นอนอยู่โรงพยาบาลครับ“  ผมตอบ  ผมหันไปมองออย  เธอหน้าซีดผิดปกติ  นัยน์ตาลอกแลก  ดูเริ่มมีน้ำตา
       “ แต่เพราะ 2 พี่น้องนี่ ทำให้พี่ต้องถูกทิ้ง  พี่ไปช่วยเขาทุกอย่าง  พอพิการก็ถูกทิ้ง  ผมไม่ยอมหรอก“ มินทร์พูดขึ้น
       “ หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณลุงท่านมีพระคุณกับพี่มาก  ท่านไม่ได้ทิ้งพี่  แต่เพราะแม่ของเราเกิดสำนึกขึ้นมา  เลยมาพาเรากลับไปต่างหาก ตอนกลับคุณลุงยังให้เงินพี่ไว้ใช้  มันก็คือค่าข้าว  ค่าน้ำ ค่าเล่าเรียนของเธอน่ะแหละ  มินทร์“
       “ ไม่จริง  ผมไม่เชื่อหรอก“ มินทร์ยืนกราน
       “ ออย  พี่ไม่ต้องการอะไรเลย  แค่ที่คุณลุงให้  พี่ก็ขอบคุณมากแล้ว  พี่คงรับไว้อีกไม่ได้“
      ว่าแล้วพยาบาลประจำตัวก็เข็นฝนกลับไป
       “ พล  แกไปพาฝนเขามาได้ไงวะ“  ผมกระซิบกับพล
       “ ถามมินทร์มาน่ะสิ“
       “ ถามยังไง“  ผมสงสัย  เพราะมินทร์คงไม่ยอมบอกง่ายๆหรอก
       “ ก็ ฉันตามไปใช้วิธีนายไง  มัดมือมัดเท้า ต่อย 3 ที แค่นี้  มันก็ยอมบอกหมด“
       “ คงไม่ใช่แค่นี้หรอกมั้ง“
       “ ก็ บอกว่าจะจับตอน“
       “ รุนแรงนะเนี่ย“  แล้วผมก็หันไปหาออย  เธอร้องไห้  หน้าซีดมาก  อยู่ๆเธอก็โพล่งขึ้นมา
       “ มินทร์  ไอ้สารเลว  แกหลอกฉัน  แกใช้ฉันเป็นเครื่องมือ“  ผมไม่เคยเห็นออยเป็นแบบนี้มาก่อน  “ แก ! แกทำให้ฉันกลายเป็นไอ้สารเลวอย่างแก  แกทำให้ฉันต้องฆ่าน้องสาวแท้ๆ“
       ผมอื้งไป  พลเองก็เช่นกัน  มันหมายความว่ายังไง
       “ ออย  ที่เธอพูด…“
       “ เอก  ออยขอโทษ ฮือ  แอนคงไม่รอดแล้ว  เพราะฉัน…ฮือ  ฉันหลงเชื่อไอ้บ้านี่  เมื่อคืน  เมื่อ…คืน  ฉัน  ฮือ ฉันวางยาแอนไปแล้ว“
       “ กริ๊ง  กริ๊ง“ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  แต่ในหูผมกับไม่ได้รับรู้อะไรเลย  เหมือนร่างกายเป็นอัมพาต
      “ อะไรนะ  ไปเดี๋ยวนี้“  พลรับสาย
      “ เอก   แอนแย่แล้ว“
      ผมขับรถด้วยความเร็วสุดชีวิต แต่รถติดอย่างมาก ระหว่างทางออยนั่งร้องไห้ไปตลอด
      “ ออย  ฉันถามเธอจริงๆ เธอคิดจะทำอะไร“
      “ ฉัน..ฉัน“
      “ ฉันรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับมินทร์  เพราะจดหมายฉบับนั้น  เรารู้ข้อความลับแล้ว“
      “ เธอ รู้ได้ไง“
      “ มันใช้การแทนที่ ในจดหมายเขียนไว้ว่า


      แอน ยอด รัก
       ที่รัก  ผมมี  เรื่องสำคัญ  จำเป็น  ที่  จะต้องบอกคุณ  เรื่อง  ของเรา.  คืนนี้  ผมจะโทรหา  คุณเวลา  2ทุ่ม  กับ  ความอยาก  เจอ.ผม  รักและ  ชื่นชมคุณมาตลอด  ถ้าคุณมีความทุกข์  เรื่อง  ไหนก็ตามเรา  จะคุย  กัน.  ผมรักคุณ  เหมือน  เดิม.
      รักมาก
      ถ้าคุณไม่เข้าใจ
      ลองให้คนอื่นช่วยสิ
        254 ฉ  L  ฏ  V  ฅ  Y  ฏ  U  ณ  O  ญ  U  ฃ  H
      “ อันดับแรก ตัวเลข 254 คือตำแหน่งตัวอักษรของคำขึ้นต้น 2 คือ อ. 5 คือ อ. 4 คือ ย. รวมเป็น  ออย“
      “ สอง เอาตัวอักษรไปแทนตำแหน่งคำในเนื้อความจดหมาย  ที่เขียนมาเป็นวรรคแปลกๆ  เริ่มจาก ฉ. เป็นตัวที่ 9 จะแทนด้วย คืนนี้“ พลพูดไปอธิบายไป
      “ และตัวต่อไปตัว L ตัวที่ 12 จะแทนกับวรรค ที่ 12 คือ 2 ทุ่ม ถ้าเอาตัวทั้งหมดไปแทนที่จะได้ว่า 
      ออย
       คืนนี้ 2 ทุ่มเจอกันที่เดิมผมจะคุยเรื่องผมกับจะคุยเรื่องสำคัญของเรา

      ใช่ไหมล่ะ  ออย“  พลพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าออยที่นั่งอยู่ข้างหลัง  ผมมองเธอจากกระจกหลัง  ถึงเธอจะเป็นเพื่อนที่ผมรัก  แต่ตอนนี้เธอเป็นฆาตกรในสายตาผม  น้ำตาเธอไหลอาบแก้ม
      “ ออยยังไม่รู้เลย  ออยไขความลับไม่ออก  เลยไม่รู้อะไร  พอถึงเวลาออยกลับมาบ้าน ก็เจอมันมาดักรอหน้าบ้าน  เรา 2 คนทะเลาะกัน บ้านถึงได้เละแบบนั้น“ ออยพูดอย่างสะอึกสะอื้น
      “ เพื่ออะไร  เธอทำไปเพื่ออะไร“ ผมระเบิดออกมา
      “ ฮือๆ ตอนเด็ก ออยเล่นกับพี่ฝนมาตลอด  พอแอนเกิดพี่ฝนก็หายไป  ออยนึกว่าพี่ฝนตายเพราะแอน  แอนที่เป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยง แต่กลับเด่นกว่าออยทุกอย่าง  จนออยไปเจอมินทร์เข้า  มันบอกว่าพี่ฝนยังไม่ตาย  ออยจะเจอพี่ฝนได้ก็ต่อเมื่อคนที่ทำให้พี่ฝนพิการตายไป“
      “ เธอก็เลยทำลายแอน“
      “ ใช่  ออยเอายาทำลายไขกระดูกอย่างอ่อนๆ ให้แอนกิน  จนต้องเข้าโรงพยาบาล  แต่หมอก็ตรวจไม่เจอ  ออยก็ไม่รู้มันคือยาอะไร มินทร์เป็นคนหามา รวมถึงเมื่อคืน  เป็นเม็ดสุดท้าย  ครบแล้ว“
      “ เธอนี่มันอำมหิตจริงๆ“
      “ ใช่  ฉันมันเลว  ไม่ดีสักอย่าง  ก่อเรื่องให้คนโน้นคนนี้  บอลก็ตายเพราะฉัน  แอนก็เหมือนกัน  คนที่ฉันรักที่สุด  ถูกฉันฆ่าจนหมด“  ออยพูดจบก็ปล่อยโฮทันที  น้ำตาไหลแทบจะเป็นสายเลือด
      “ โธ่เว้ย !  ไอ้รถห่าพวกนี้ไม่ขยับสักที“  ผมโวยวายบีบแตรซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนคนอื่นออกมาด่า
      “ ออย ถึงยังไงก็เถอะ  เธอไม่ผูกพันธ์กับแอนเลยหรือไง  เธอ 2 คนอยู่ร่วมกันมาแต่เด็ก  เธอฆ่าน้องลงเลยหรอ“  พลถามขึ้น
      “ ผูกพันธ์สิ  ฆ่าไม่ลงด้วย  ฉันรู้ว่าฉันทำเรื่องแย่ๆ  แต่ก็ยังทำ  เพราะฉันมันเลวที่สุด  ที่หลงเชื่อมัน“  
      รถเริ่มเคลื่อนตัว  ผมเหยียบสุดกำลัง  ฝ่าไฟแดงมาหลายหน  เกือบชนกับชาวบ้านเขาเหมือนกัน  ตำรวจขับตามผมมาเป็นพรวน  แต่ผมก็หนีหลุด  เพราะแอนรอผมอยู่
      เมื่อมาถึงโรงพยาบาล  ผมจอดรถมันกลางประตูเลย  แล้วก็รีบวิ่งเข้ามา  แก้วบอกว่า  แอนย้ายไปห้อง ไอ.ซี.ยู  ผมจึงได้แต่นั่งรอ
      สักพักหมอก็ออกมา
      “ คุณเอกครับ  คนไข้อยากพบ  เอ่อ  คุณออยด้วยนะครับ“  ผมกับออยเข้าไปด้วยกัน ส่วนคนอื่นนั่งรออยู่ข้างนอก
      แอนนอนซมอยู่ที่เตียง  สภาพเธอ ดูอ่อนพลียมาก  ผมรีบเข้าไปกุมมือเธอ  แอนยิ้มให้ผม  เธอหยิบสร้อยรูปหัวใจที่ผมเคยให้เธอขึ้นมา  แล้วเอามันยัดใส่มือผม
      “ แอน  พี่ขอโทษ  เธอคงไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรลงไป“  ออยร้องไห้  แอนเอื้อมมืออันผอมแห้งของเธอมาเช็ดน้ำตา
      “ แอนรู้“  เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
      “ ไม่  เธอไม่รู้“
      แอนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งให้ออย  ออยกำมันไว้โดยไม่เปิดอ่าน  แอนยิ้มให้ออย  เป็นรอยยิ้มที่งดงามมาก  แต่….ผมคงจะได้เห็นมันเป็นครั้งสุดท้าย
      เมื่อหญิงสาวได้ทำอย่างที่เธอตั้งใจไว้  เธอก็หลับตาลง  คงอยากพักผ่อน  เจ้าหญิงนิทราที่นอนอยู่ตรงหน้าผม  เธอหลับไปแล้ว  แต่ในชีวิตจริงต่างกับเทพนิยายมากนัก  เพราะไม่ว่าจะมีเจ้าชายรูปงามองค์ไหน  มาจุมพิตเธอ  เธอก็จะไม่ตื่นอีกแล้ว  ผมก้มลงไปจุมพิตเธอครั้งสุดท้าย  และเธอก็ไม่ตื่นจริงๆ  เพราะเธอหลับไปแล้ว …… ตลอดกาล
      ออยกอดน้องสาวเธอไว้แน่น  ร้องไห้  แต่มันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย  ผมหยิบจดหมายที่แอนให้ออยมาอ่านดู  พอผมอ่านจบ  ผมก็พูดไม่ออก

      พี่ออยคะ
       แอนเขียนจดหมายนี้ขึ้นมาเพราะรู้ว่าต้องมีวันนี้  คราวที่แล้วที่แอนมาตรวจสุขภาพ  แอนก็รู้ว่าแอนเป็นอะไร  เพราะอะไร  อย่าโกรธแอนนะคะที่แอนสงสัยพี่ออยเลยเอายามาให้หมอดู  แอนไม่รู้เหตุผลของพี่ออยว่าทำไปเพื่ออะไร  แต่แอนเชื่อว่าพี่ออยต้องมีเหตุผลที่ดีแน่ๆ  ทุกครั้งที่แอนกินยาเม็ดนั้น  แอนก็นับถอยหลังได้เลย  ว่าสักวันจะต้องถึงวันนี้  แอนไม่โกรธอะไรพี่ออยเลยนะคะ ห้ามโทษตัวเองนะ เพราะแอนเต็มใจ  แค่ได้เกิดมาเป็นน้องของพี่  ก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว
      เพราะพี่ออยเป็นพี่ที่ดีที่สุด
      แอน

       ออยมายืนอ่านข้างหลังผม  เธอร้องไห้จนแทบจะเป็นลม
       “ แอน !  ฮือ แอน ! พี่ขอโทษ  ขอโทษ ฮือๆ“  ผมเองก็ไม่อยากโทษออยไปมากกว่านี้  แค่นี้เธอก็เสียใจมากแล้ว  ผมเลยออกมาข้างนอก  คนอื่นๆนั่งกันหน้าเศร้า  หมอคงออกมาบอกแล้ว  ผมเดินออกไปหาที่เงียบๆอยู่คนเดียว
       นึกถึงวันที่ได้สร้อยนี้ครั้งแรก  ก็ตอนที่ผมไปซื้อมันมา  ด้วยความดีใจ  แต่ตอนนี้  ผมก็ได้มันมาอีกครั้ง  แต่กลับรู้สึกไม่อยากได้เลย  จี้อันนี้เป็นล็อคเก็ต  ผมใส่คำสารภาพรักไว้ข้างใน  เมื่อผมเปิดออกดู  มันยังอยู่ที่เดิม  แอนคงยังไม่เห็น  ผมคลี่มันออกมา  แต่ก็ต้องตกใจ  เพราะข้อความในจดหมาย
       เอก
        ขอบใจมากสำหรับทุกๆอย่าง  แอนขอโทษที่ทำให้เอกเสียใจ  แอนรู้ว่าเอกรักแอนมากแค่ไหน  แอนรู้มาตลอด  แต่แอนคงให้เอกมากกว่าเพื่อนไม่ได้  เพราะแอนรู้ว่าวันนี้จะมาถึง  แอนทำให้เอกเสียใจอีกแล้วใช่ไหม พี่ออยเขาชอบเอกนะ  แอนฝากด้วย  แล้วแอนจะคอยดู และแอนมีเรื่องนึงที่ถ้าไม่ได้บอกคงตายตาไม่หลับแน่  “ แอนรักเอกนะ “ ความจริงแอนตั้งใจจะบอกเอกแล้ว  แอนไม่กล้าพูดตรงๆเลยกะจะโทรไปบอก  แต่พี่ออยก็มาบอกว่าชอบเอก  แอนเลยตัดใจ ถ้าเป็นไปได้แอนขอไปรักเอกอย่างเปิดเผยในชาติหน้า แล้วชาติหน้า เอกขอแอนเป็นแฟนอีกครั้งได้ไหม
        ปล…………
      แอน ( ขอโทษอีกครั้งนะ )
       มาวันนี้  ตอนนี้  ผมเพิ่งรู้ว่าน้ำตาลูกผู้ชายมันเป็นยังไง  ในที่สุด Angle ของผม ก็กลายไปเป็นนางฟ้าจริงๆ เธอต้องเป็นนางฟ้าที่สวยที่สุดแน่ๆ
       ผมเดินกลับมาหาเพื่อนๆก็เห็นออยนั่งร้องไห้อยู่ 
       “ เอก  เอกจะทำยังไงกับออยก็ได้  ตอนนี้ออยไม่ต่างอะไรกับฆาตกร  เอกจะทำอะไรก็ได้  ออยยอมทุกอย่าง“
       “ ฉันอยากจะฆ่าเธอ“ ทุกคนนั่งอึ้ง  ออยเองก็เช่นกัน
       “ ได้  ออยเองก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว“
       “ แต่ถ้าฉันทำ  ฉันก็ไม่ต่างไปจากเธอ  ฆาตกรคนนึง“  ผมไม่เคยโกรธและเกลียดใครมากขนาดนี้
       “ เอกจับออยเข้าคุกก็ได้  จะ 1 ปี  10 ปี หรือตลอดชีวิต  จะให้ออยฆ่าตัวตายเองก็ได้ หรือจะ……”
       “ เธอไปซะ“ ออยเงียบลง
       “ จะไปไหนก็ไป  จะทำอะไรก็เชิญ จะไปฆ่าใครอีกก็ได้  แต่เธอจะไม่โชคดีเหมือนคราวนี้  เพราะเธอจะหาน้องที่ดีอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว“  ผมเดินจากไป  แอน  ผมทำเพื่อแอนเท่านั้น

        ปล. แอนขอร้อง อย่าให้ใครมาทำอะไรพี่ออยนะ ถือเป็นคำขอครั้งสุดท้าย  แอนขอนะเอก

       แอนรักพี่สาวของเธอจนกระทั่งวันตาย  ถึงเธอจะตายเพราะคนที่เธอรักก็ตาม  ผมเองก็ไม่น่าไปเชื่อออยเลย  เธอบอกว่าจะแกล้งทำเป็นชอบผมเพื่อให้แอนรู้ใจตัวเองสักที  ไม่นึกว่าจะทำให้แอนยิ่งไม่ยอมรับเข้าไปใหญ่
       แอนขอให้ผมไม่ทำอะไรออย  ผมก็จะทำ  แต่ไอ้มินทร์  ผมต้องตามตัวมันมาให้ได้…
      ไอ้สารเลวคนนั้น
       เรื่องสืบหาคนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม  เพราะผมมีลูกน้องเยอะ เป็นลูกน้องของแม่ ผมสั่งทุกคนให้ไปหามา  และก็หาเจอได้ภายในวันนั้น
       ผมตามไปหามันที่หอพัก ยังไงวันนี้ผมจะต้องทำให้มันสำนึกบ้าง  ผมไม่ฆ่ามันหรอก  แต่ผมจะซัดมันให้สลบ  แล้วลากมันเข้าคุก
       ผมเดินเข้ามาในห้องของมัน  แปลกที่ห้องไม่ได้ล็อค  และห้องก็เละเทะ  คงเมาล่ะสิท่า  มันคงดีใจมากที่ทำงานสำเร็จ  ผมต้องสั่งสอนมัน
       พอผมเดินเข้าไปถึงก็เห็นมันนอนคว่ำอยู่กับพื้น 
       “ ไอ้ลูกหมา”   ผมใช้เท้าเขี่ยมัน  แต่มันไม่ยอมตื่น
       “ ไอ้ขี้หมา  แน่จริงตื่นขึ้นมาสู้กับกูสิ“  คราวนี้ผมใช้เท้าถีบมันแรงๆ  ทำให้ตัวมันพลิกกลับมาด้านหน้า  แล้วผมก็ต้องตกใจ  เพราะ มันตายแล้ว  ร่องรอยถูกฆ่าตาย ผมสะดุ้งถอยหลังกรูดมาชนอะไรเข้า
       “ ตกใจมากหรอ“  เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังผม  ผมรู้สึกได้ถึงกระบอกปืนที่จี้หลังผมอยู่
       “ แกเป็นใคร“ ผมถามมันพร้อมยกมือขึ้น แต่ไม่ได้หันไปมอง
       “ นายไม่รู้จักฉันหรือไง“ มันใช้กระบอกปืนดันผมให้หันไปมองมัน  ผมรู้จักมัน
       “ ไอ้นนท์ !“
       “ หึ  คนที่ว่าเก่งนักหนา  ก็มาติดกับคนโง่อย่างฉัน  แอนหญิงสาวที่ฉันรักกลับไปรักแก  ก็พอดีที่ฉันไปเจอไอ้ลูกหมาที่นอนตายอยู่นั่น  เป็นเครื่องมือที่ดีทีเดียว“
       “ แล้วทำไมแกต้องฆ่าแอนด้วย“
       “ อ๊ะๆ ฉันเปล่านะ  นายต่างหากล่ะอย่าลืมนะ  นายให้ยานั้นแก่ฉันเอง  แค่บอกจะเอาไปฆ่าแมว  นายก็ให้มาเลย หรือจะบอกว่าไม่จริง“
       “ ฉันไม่ได้ทำ!  เพราะฉันไม่คิดว่าแกจะเป็นคนอย่างนี้  แล้วแกต้องการอะไร“
       “ ชี   วิต   แก“  ปัง ! เสียงปืนดังขึ้น  กระสุนวิ่งไปทะลุหัวใจ เจ็บมาก คงจะเจ็บเจียนตายเพราะไม่งั้นนนท์คงไม่ล้มลงไปกองกับพื้น  จมกองเลือดและมันก็หยุดหายใจในที่สุด
       “ ออย !“ ผมอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นหญิงสาวกุมปืนเล็งตรงมา
       “ ออยขอโทษนะเอก ออยโง่เอง โง่ที่สุด เอกไม่ต้องสนใจออยหรอกออยมือเปื้อนเลือดไปแล้ว ออยต้องรับผิดชอบ“ ออยลดปืนลง “ ขอร้องล่ะเอก  รีบไปเร็วๆ”
       “ ไม่ได้ออยหนีไปเดี๋ยวนี้ อย่าลืมสิ แอนฝากอะไรไว้เอกจะให้แอนผิดหวังไม่ได้หรอก“ ว่าแล้ว ผมก็รีบลากเธอออกมา
      10 ปีต่อมา…….
       “ นี่! อย่าแย่งกันสิ  เอ้า เอาไปอีกอัน แบ่งเพื่อนดัวยนะ” เสียงหญิงสาวดังขึ้น ผมก้มลงมองเธอที่กำลังหยิบขนมให้เด็กๆ
       “ เด็กพวกนี้น่าสงสารจัง “ หญิงสาวหันมาหาผม
       “ อืม  พวกเขาไม่มีพ่อแม่ ไม่มีพี่น้อง” ผมตอบกลับไป ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย
       “ คิดถึงแอนจัง แอนเค้าชอบมาเลี้ยงเด็กกำพร้าที่นี่บ่อยๆ” หญิงสาวทำหน้าเศร้าแล้วค่อยๆหันหลังเดินจากไป
       ‘ นั่นสินะ ไม่รู้แอนจะเป็นยังไงบ้าง แอนจะเหงามั้ยนะ ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆ ผมเหงานะแอน      รู้มั้ย ผมคิดถึงคุณ    คิดถึง…… เหลือเกิน ‘

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×