นิทานเรื่องนี้ เกี่ยวอะไรกับประเพณี SOTUS หนอ ??? - นิทานเรื่องนี้ เกี่ยวอะไรกับประเพณี SOTUS หนอ ??? นิยาย นิทานเรื่องนี้ เกี่ยวอะไรกับประเพณี SOTUS หนอ ??? : Dek-D.com - Writer

    นิทานเรื่องนี้ เกี่ยวอะไรกับประเพณี SOTUS หนอ ???

    นิทานเรื่องนี้ เกี่ยวอะไรกับประเพณี SOTUS หนอ ??? เกี่ยวหรือไม่เกี่ยว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน แล้วเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมจริงๆ ... ที่ไม่ใช่สังคมประเภท ปากว่า ตาขยิบ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,551

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    1.55K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ธ.ค. 56 / 15:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    มนุษย์ปุถุชนส่วนใหญ่ มักยึดติดใน คุณงามความดี
    .
    ทว่า มนุษย์บางกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ปัญญาชน"
    .
    กลับถือเอาสิ่งจอมปลอมบางอย่าง ไว้ในฐานะอันล่วงละเมิดมิได้
    .
    จนยอมแม้กระทั่งทำลาย คุณงามความดี และ จิตวิญญาณพื้นฐานของมนุษย์...

        

     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      มีคน 100 คน เดินทางไปด้วยกัน จนมาถึงทางแยกสองแพร่ง

       

      ทางหนึ่งมีขวากหนาม ขี้โคลน และกรวดร้อนๆ เต็มพื้น ในขณะที่อีกทางเป็นทางโล่งสบาย คนทั้งหมดหยุดเดินแล้วต่างถกเถียงกันว่าควรจะไปทางไหนดี

       

      ทันใดนั้น ก็มีนักเดินทางอาวุโสคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นพลางชี้ไปยังทางวิบาก แล้วบอกว่า

      พวกเจ้าทั้งหลายจงเชื่อข้า ข้าเคยผ่านจุดนี้มาก่อน ถ้ามาทางนี้พวกเจ้าจะได้สิ่งดีๆ ร่างกายของพวกเจ้าจะแข็งแรง และพวกเจ้าจะรักกัน จงมาเถิดพวกเจ้าทั้งหลาย

       

      คนประมาณ 60 คนรู้สึกเชื่อนักเดินทาง ในขณะที่พวกที่เหลืออีก 40 คนเห็นว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องลำบากแบบนั้น ด้วยเหตุว่า ทั้งสองทางล้วนไปถึงจุดหมายได้เหมือนกันและเป้าหมายของพวกเขาก็ไม่ใช่การแวะเข้ารกเข้าพง ขอให้ถึงจุดหมายได้ก็พอ

      เรื่องความเข้มแข็งต่างๆ พวกเขาก็คิดว่า เมื่อไปถึงเมืองแล้วค่อยฝึกในโรงยิม ส่วนเรื่องมิตรภาพ พวกเขาเลือกใช้วิธีพูดจานุ่มนวลและช่วยเหลือคนในกลุ่มให้มีความสะดวกสบายมากที่สุด พวกเขาจึงไม่เชื่อว่าทางที่ดูลำบาก (ในสายตาของพวกเขา) นั้น จะดีจริงดังคำสมอ้างของนักเดินทางอาวุโส

       

      ทั้งสองกลุ่มจึงต้องแยกกันไปคนละทาง

       

      เส้นทางของกลุ่ม 60 คน เต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรคนานัปการ มีกรวดร้อนๆ อยู่บนพื้น มีหนามแหลมคมยื่นมาจากป่ารกชัฏด้านข้าง แถมยังมีสัตว์จำพวกตะกวดคอยขู่ฟ่อๆ ให้ต้องหมอบ หรือหนีเข้าไปหลบอยู่ในโคลนเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย

       

      นักเดินทาง อาวุโสเห็นดังนั้น จึงประกาศด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า เห็นไหมล่ะ นี่ถ้าเพื่อนอีก 40 คนของเจ้ามาที่นี่ด้วย ป่านนี้ก็คงมีคนช่วยกันถางป่า ช่วยกันเคลียร์ถนน แล้วก็ต่อสู้กับพวกตะกวดบัดซบนั่นจนชนะได้ง่ายๆ แล้ว ในเมื่อแตกสามัคคีกันแบบนี้ ก็สมควรแล้วที่จะโดนลงโทษ สมน้ำหน้า เจ้าพวกเห็นแก่ตัว ฮ่าๆ

       

      ณ สุดปลายทาง ทั้งสองกลุ่มก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง พวกเดินทางวิบากได้แผลติดตัวมาหลายแห่ง ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เนื้อตัวสกปรกมอมแมม บางคนถูกหามเปลมา กระนั้นพวกเขาก็ได้ประสบการณ์ความถึกบางอย่าง

      เมื่อคนทั้ง 60 เห็นอีก 40 คนกลับออกมาโดยไม่มีริ้วรอย เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน แต่ละคนไม่มีความเคร่งเครียด สบายใจ พวกที่เดินทางวิบากก็ชี้หน้าด่าว่า

       

      พวกเมิงปล่อยให้พวกกรูลำบาก พวกเมิงมันเห็นแก่ตัว ไม่มีสปิริท รู้ไหมว่าพวกกรูเดือดร้อนแค่ไหน?

      แค่นั้นยังไม่พอ ยังพยายามยุยงคนอื่นๆ ที่อยู่แถวๆ นั้นให้รังเกียจพวกที่เลือกเดินทางสสบาย ว่าอย่าไปคบคนพวกนี้ เพราะมันเห็นแก่ตัว

       

      พวกเดินทางสบายทำหน้างงๆ ก่อนจะตอบกลับเนิบๆว่า

      ก็เมิงเสือกเดินไปเอง แล้วจะมาเรียกร้อง haa อะไร?”

       

       

       

      นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 

      โดย ส่วนตัว เราไม่อาจตัดสินได้ง่ายๆ ว่าทางไหนจะดีกว่ากัน เพราะแต่ละทางย่อมเหมาะสำหรับบุคคลแต่ละคน รู้แต่ว่า คนที่ยัดเยียดให้อีกฝ่ายทำตามที่ตัวเองต้องการ แล้วพอเห็นว่าควบคุมเขาไม่ได้ ก็ด่าว่า รวมถึงใช้กฎหมู่กีดกันให้คนอื่นพลอยรังเกียจคนที่คิดต่างไปด้วย คนพวกนี้แหละ จังไร ที่สุด

       

        

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×