อยากรู้แต่ไม่อยากถาม
ขจรเกียรติสถาปนิกหนุ่มได้มาพบกับนิธิมาวิศวกรสาวที่แอบรักมาตั้งแต่สมัยมัธยม หลังจากทั้งคู่ได้พบว่ามีปัญหาเรื่องมีคนมารุมตื้อเหมือนกัน จึงตัดสินใจคบกันเป็นแฟนแบบปลอมๆ แล้วจะเป็นยังไงต่อล่ะ!
ผู้เข้าชมรวม
458
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ท่ามกลางอากาศร้อนที่ไม่ปรานีใครและฝูงชนคลาคล่ำมองไปทางไหน ถ้าไม่เห็นหัวดำๆก็เห็นหัวทองๆของนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด ตลาดนัดจตุจักร ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงเนืองแน่นไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์เสมอ ร่างสูงของชายหนุ่มกำลังดูดชาเขียวในมืออย่างกระหาย
“ประเทศของนายเนี่ย very hot ร้อนสุดๆเลย” เพื่อนชาวต่างชาติข้างๆบ่นเป็นหมีกินผึ้ง กล้ามโตๆของอีกฝ่ายทำให้ดูเหมือนหมีเข้าไปใหญ่
“อย่าบ่นน่ะบ๊อบบี้ นายเองไม่ใช่เหรอที่อยากมาจตุจักร แล้วก็ไอ้ของนี่! นี่!และก็นี่! มันก็ของนายเว้ย!” อีกฝ่ายยกถุงในมือให้ดู คนที่เพิ่งบ่นไปได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“แหะๆ ซอรี่นะเนียร์ ขอเดินอีกแป๊บนึงแล้วกัน ยังไม่ได้ซื้อของฝากให้แจนเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาบ่นว่าร้อน” ขจรเกียรติ บริพันธ์ หรือเนียร์ สถาปนิกภายในที่เก่งที่สุดของบริษัทณัฐสิทธิ์ เดคคอร์ เดินนำเพื่อนชาวต่างชาติของเขาไป ใบหน้าของชายหนุ่มแดงจนเกือบดำเนื่องจากความร้อนแรงของแสงแดดยามบ่าย
“เฮ้ย บ๊อบบี้ เข้าไปเดินในโครงการเหอะ ร้อนว่ะ ไม่ไหวแล้ว ถึงทางจะแคบ เดินลำบากแต่ก็ดีกว่าแดดร้อนจนบาดผิวอย่างนี้” เนียร์เสนอ เพื่อนหนุ่มชาวอังกฤษพยักหน้าก่อนจะเดินตามกันเข้าไปหลบแดดในโครงการ15
‘ค่อยยังชั่ว’ เนียร์คิดในใจ ก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆ ส่วนใหญ่สินค้าที่วางขายในโครงการ15 จะเป็นของตกแต่งบ้าน ชายหนุ่มเห็นแล้วอดยิ้มนิดๆไม่ได้เพราะนึกถึงงานที่ทำอยู่
“เนียร์ๆ stop ขอแวะแป๊บนึง” ภาษาไทยสำเนียงอังกฤษของบ๊อบบี้เรียกให้ร่างสูงหยุดเดิน สถาปนิกหนุ่มมองกลับไปเห็นบ๊อบบี้กำลังเลือกของฝากอยู่
“รู้แล้วเหรอว่าจะซื้ออะไรให้แจน” ชายหนุ่มเดินย้อนกลับไปหาเพื่อนของตน สหายจากเมืองผู้ดีกำลังเลือกเทียนหอมสีสันหลากหลายอยู่
ดวงตาสีเข้มภายใต้กรอบแว่นสีดำมองการตกแต่งรอบๆร้านแล้วรู้สึกถูกใจเป็นอย่างยิ่ง ชั้นวางสีดำเข้มตัดกับพรมสีแดงสดได้เป็นอย่างดี บนเพดานเป็นกรงนกสีขาวมีเทียนสีแดงเล่มโตอยู่ภายในและมีสายลูกปัดมุกโยงระย้าไปทั่วเพดาน โดยมีเทียนเล่มเล็กๆสีสันสดใสห้อยอยู่
การเล่นแสงไฟของร้านทำได้ดีราวกับมืออาชีพ จนชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่ามีสถาปนิกออกแบบให้เป็นแน่
“ฟ้า เทียนหอม” ชื่อธรรมดาผิดกับร้านที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ ขจรเกียรติอารมณ์สะดุด ทำไมไม่ตั้งชื่อร้านให้มันดูมีความคิดมากกว่านี้นิดนึงนะ
“ถามได้นะคะ” เสียงใสๆเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีชมพูของหญิงสาวผิวขาวที่ดูคุ้นเหลือเกิน
“...”
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ นี่ใช่เนียร์รึเปล่า” ร่างบางถามอย่างไม่แน่ใจ
“ครับ” เนียร์พยักหน้าตอบ เรียกรอยยิ้มกว้างจากหญิงสาว รอยยิ้มที่ทำให้ชายหนุ่มจำได้ว่า นี่คือหญิงสาวที่เขาแอบรักมาแสนนาน
“ฟ้า เราเอาCDมาคืนแล้วนะ” เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายและผมสั้นเกรียนชู CD ในมือให้อีกฝ่ายดู นิธิมา ศุภรปรีดาหรือฟ้าที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่หันมาพยักหน้า
“อื้อ ใส่ไว้ใต้โต๊ะเลย”
“อะ แน แน แน่~ เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าถึงขนาดยืมของกันเลยหรือครับคุณดำรง”
“ไอ้บ้าแชมป์ ดำรงน่ะชื่อพ่อ อย่าเล่นของสูงได้ปะ” เนียร์ส่ายหัวให้กับความกวนของเพื่อนตัวสูง(เกิน160 มานิดหน่อย) มือคล้ำแดดของเด็กหนุ่มบรรจงวางCDไว้ใต้โต๊ะของอีกฝ่าย ราวกับCDนั้นเป็นแก้วที่เปราะบาง
“ตอบไม่ตรงคำถามนะเนี่ย”
“อะไร ถามอะไร”
“ก็ถามว่า ก้าวหน้าขนาดยืมของกันแล้วเหรอ” แชมป์ถามซ้ำอีกครั้ง คำถามที่ทำให้เนียร์ยิ้มอย่างเขินๆ
“ไอ้บ้า อย่าพูดดังไปสิ เดี๋ยวฟ้าก็ได้ยินหรอก” ร่างสูงโวยวาย
“แกนั่นแหละ อยู่เงียบๆทำเนียนๆ อย่าโวยวายอย่างที่แกกำลังทำอยู่ เค้าก็ไม่รู้หรอก” มัทธิวที่รู้ทุกอย่างและนั่งฟังอยู่ตลอดว่าเข้าให้ “แต่ว่านะ แกชอบเค้า ทำไมไม่บอกเค้าไปล่ะ”
“ใครจะไปกล้าล่ะ” เพราะร่างบางพูดย้ำเสมอว่าเนียร์เป็นเพื่อนสนิทแล้วเค้าจะกล้าพูดได้ยังไง
“ระวังเถอะ แกจะไม่ได้บอกไปตลอดชีวิต” มัทธิวพูดขู่ เนียร์ก็ได้แต่ยิ้มเศร้าๆให้กับตัวเอง
“เฮ้! เนียร์ ยังอยู่มั้ยเนี่ย” บ๊อบบี้เรียกเพื่อนชาวสยามของตนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบอยู่นาน เป็นอย่างที่มัทธิวพูด จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่ได้บอกรักฟ้า
“เป็นไงบ้างฟ้า ไม่เจอกันตั้งนาน อืม...ไม่ได้เจอกันตั้งแต่จบม.6เลยนี่เนอะ” บ๊อบบี้ถูกเมินอย่างตั้งใจ หญิงสาวยิ้มหวานก่อนตอบ
“ก็เรื่อยๆแหละ แล้วเนียร์ล่ะ” หญิงสาวถามกลับ
“ก็ดี ตอนนี้เราเป็นสถาปนิกน่ะ เราว่าร้านฟ้าสวยดีนะจ้างสถาปนิกออกแบบเหรอ”
“เปล่า คือความจริงตอนนี้เราทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัทเอ็นแอนด์เอน่ะ ร้านนี่ก็ให้พี่สถาปนิกที่เคยทำงานด้วยกันช่วยออกแบบให้ ร้านนี้เรามาทำเป็นงานอดิเรกน่ะ”
“บริษัทเอ็นแอนด์เอเหรอ ความจริงบริษัทเราก็ทำงานร่วมกับที่นี่นะ เราอยู่ณัฐสิทธิ์ เดคคอร์น่ะ” ชายหนุ่มว่า
“อ๋า ถ้างั้นเนียร์รู้จักพี่ช้างรึเปล่า”
“รู้จักสิ รู้จัก”
“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมขัดจังหวะจากบ๊อบบี้ดังขึ้น “เนียร์ นายไม่คิดจะแนะนำสาวสวยคนนี้ให้เพื่อนรู้จักหน่อยเหรอ”
สถาปนิกหนุ่มปรายตามองก้างขวางคอชิ้นโตแล้วแอบจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มเลยต้องแนะนำหญิงสาวให้อีกฝ่ายรู้จักอย่างเสียไม่ได้
“นี่ ฟ้า เพื่อนเก่าสมัยมัธยม ส่วนนี่บ๊อบบี้เพื่อนเรามาจากอังกฤษ”
“สวัสดีค่ะ” นิธิมายื่นมือให้อีกฝ่ายจับ “อืม...ไหนๆก็อุตส่าห์ได้มาเจอกัน เราให้เทียนเนียร์ฟรีเลยแล้วกัน ถือว่าเป็นของขวัญ”
“ไม่ได้หรอกฟ้า” ชายหนุ่มรีบชิงพูดขึ้น ก่อนที่บ๊อบบี้จะกล่าวขอบคุณ “ของซื้อของขายมาให้กันฟรีๆได้ยังไง อีกอย่างนะ บ๊อบบี้มันรวย จะคิดมันแพงห้าเท่า ขนหน้าแข้งมันก็ไม่ร่วงหรอก”
“เฮ้ย พูดอย่างนี้ได้ยังไง ไอ้เพื่อนเลิฟ” ชายหนุ่มผมทองประท้วง
“ถ้าอย่างนั้นฟ้าลดให้เนียร์เป็นพิเศษแทนแล้วกัน รับไว้นะถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ” หญิงสาวส่งถุงเทียนหอมที่เลือกไว้ให้อีกฝ่าย เนียร์ยิ้มรับ แต่พอดูนาฬิกาแล้วรอยยิ้มก็เจื่อนไป
“อยากคุยนานๆจังเลย แต่ว่าบ๊อบบี้ต้องกลับเที่ยวบินเย็นนี้น่ะฟ้า” เพื่อนของเค้ายังไม่ได้เก็บของเลยด้วย ต้องรีบกลับไปจัดการตัวเอง ชายหนุ่มเซ็งจัง อยากจะบอกให้เพื่อนตาน้ำข้าวของตนว่า กลับไปเองได้มั้ยโตแล้ว ด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้เจอกันวันหลังนะ”
“อืม...” ชายหนุ่มครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้นเราขอเบอร์ฟ้าไว้ได้มั้ย”
“อ้อ ได้สิ” หญิงสาวส่งนามบัตรของตัวเองให้อีกฝ่าย เนียร์ยิ้มรับ
“แล้วเดี๋ยวยังไงเราโทรไปนะ”
เมื่อเดินจากหญิงสาวมาแล้ว เนียร์ก็หน้าตาซึมๆไป ยิ่งเห็นหน้าบ๊อบบี้แล้วยิ่งเซ็งใหญ่
“โห เนียร์ นายทำหน้าเหมือนจะตายซะอย่างนั้น”
“เงียบไปเลยบ๊อบบี้ นี่ถ้าไม่ต้องไปส่งแกกลับอังกฤษนะ ชั้นก็ไม่มาทำหน้าเหมือนจะตายอย่างนี้หรอก ก็ดูดิ ขนาดบริษัททำงานด้วยกันอยู่ยังไม่เคยเจอเลย แล้วจะมีโอกาสเจอกันอีกมั้ยก็ยังไม่รู้เลย” ชายหนุ่มเมืองผู้ดีมองหน้าเพื่อนตัวเองอย่างหมั่นไส้
“นายก็ให้ฝ่ายประสานงานช่วยหางานที่ต้องทำร่วมกับคุณฟ้าให้ดิ ไม่เห็นจะยากเลย”
“เออ จริงด้วย!”
“โอย เหนื่อยจะเป็นลม” สถาปนิกหนุ่มแทบจะสลบทันทีก้าวขาลงจากรถ ลำพังเดินตากแดดก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ยังต้องขับรถกลับบ้านอีก
“เนียร์คะ ไปไหนทำไมไม่บอกนันเลย” เสียงแหบๆที่คุ้นเคย ดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินมาเสียอีก นันธิดา แฟนเก่าที่ไม่ยอมเป็นอดีตของเนียร์ มองอีกฝ่ายอย่างโกรธๆ “ไปเที่ยวไหนทำไมไม่บอกนันเลยคะ”
ขจรเกียรติทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างไม่ปิดบัง การหลวมตัวไปคบกับผู้หญิงคนนี้เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงของชีวิตจริงๆ เพราะขนาดบอกเลิกไปแล้ว นันธิดาก็ยังคงตามรังควานเค้าไม่รู้จักจบสิ้น
“ผมไปไหนแล้วทำไมต้องบอกนันด้วย เราจบกันไปแล้วนะนัน”
“เนียร์ขา นันขอโทษนะที่เอาแต่ใจไปหน่อย นันสัญญาว่านันจะไม่ทำอย่างนั้นแล้วนะ”
“...” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่ใบหน้าถูกฉาบไปด้วยเครื่องสำอางหลากสีอย่างพิจารณา “ถ้าอย่างนั้นวันนี้นันช่วยกลับไปก่อนได้มั้ย ผมไปจตุจักรมาเหนื่อยมากๆอยากพักสุดๆ เข้าใจนะครับ บ๊ายบายครับ” ชายหนุ่มรีบเดินเข้าบ้านแล้วขึ้นไปชั้นสองทันที นันธิดามองตามไปอย่างอารมณ์เสีย แต่ก็ยอมกลับไปในที่สุด
เนียร์มองหญิงสาวที่กลับไปแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจอย่างที่สุด นันธิดากับเขาคบกันช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย ความเอาแต่ใจและการแสดงตนเป็นเจ้าของของหญิงสาวมันหักลบความสวยน่ารักของอีกฝ่ายไปหมด ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจบอกเลิก แต่หญิงสาวไม่ยอมเลิกง่ายๆ ยังคงราวีเขามาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าจะนับไป เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีความพยายามมากทีเดียว แต่ก็ต้องแสดงความเสียใจเพราะว่า ความพยายามของเธอคงไม่สัมฤทธิ์ผล
มือคล้ำแดดของชายหนุ่มล้วงลงในกระเป๋า ไปสะดุดกับกระดาษแผ่นเล็กๆ นามบัตรของนิธิมานั่นเอง
ทั้งที่อยากนอนใจจะขาด แต่ว่าชายหนุ่มก็อยากฟังเสียงหวานๆของอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า เลยตัดสินใจกดเบอร์ออกไป
“สวัสดีครับ ขอสายนิธิมาครับ”
“พูดอยู่ค่ะ” เสียงจากปลายสายตอบกลับมา
“เราเนียร์นะ”
“อ้อ...นี่เบอร์เนียร์ใช่มั้ยเราจะได้เมมไว้”
“ใช่ นี่ๆ ฟ้ายังชอบวงนั้นอยู่รึเปล่า L’arc~en~cielน่ะ” หลังจากนั้นชายหนุ่มก็หาเรื่องคุยกับหญิงสาวได้จนถึงเที่ยงคืน เรียกได้ว่าลืมเหนื่อยเลยทีเดียว
“ขอโทษที่มาสายนะครับ” เนียร์รีบวิ่งเข้าร้าน คัพเค้ก ร้านที่เป็นสถานที่นัดพบของเขากับวิศวกรที่จะต้องทำงานร่วมด้วยในโปรเจคนี้ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
“ไม่เป็นไร เราก็เพิ่งมาไม่นาน” นิธิมายิ้มหวานให้อีกฝ่าย ซึ่งยิ้มกว้างตอบ
หลังจากเอาขนมไปเซ่นไหว้พี่ที่แผนกประสานงานบ่อยๆ บวกกับข่มขู่เล็กน้อยแต่พองาม ชายหนุ่มก็ได้มาทำงานกับหญิงสาวที่เขาชอบที่สุดคนนี้แล้ว
“ฟ้าสั่งอะไรรึยัง ร้านนี้ขนมเค้กอร่อยนะ”
“ยังเลย เอาอะไรดีนะ เค้กส้มดีกว่า ส่วนเนียร์...อืม...เราจำได้ว่าเนียร์ชอบชีสเค้กใช่มั้ย” เนียร์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกดีใจที่หญิงสาวยังจำได้ว่าเขาชอบกินอะไร
“อ้าวนั่นคุณฟ้านี่นา” เสียงหนึ่งทักขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ตาชั้นเดียว สวมทับด้วยแว่นตากรอบทอง เดินยิ้มกว้างมาทางโต๊ะของทั้งคู่ เนียร์สังเกตเห็นหญิงสาวทำหน้าเบื่อก่อนหันไปทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดีครับคุณฟ้า ว่าแต่ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครเหรอครับ” คุณหมอที่เดินมา คือณัฐกรณ์ หมอโรคกระดูกของโรงพยาบาลชื่อดัง ชายหนุ่มผิวขาวเชื้อจีนคนนี้ตามจีบวิศวกรสาวมาพักใหญ่แล้ว
เนียร์มองผู้มาใหม่ด้วยความไม่สบอารมณ์ จะมายุ่งอะไรกับเขาด้วยล่ะ แถมท่าทางแสดงความเป็นเจ้าของซะขนาดนั้น
“นี่ขจรเกียรติ เพื่อนร่วมงานน่ะค่ะ ส่วนทางนี้คือคุณหมอณัฐกรณ์ค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณขจรเกียรติ เป็นวิศวกรเหมือนกันเหรอครับ” หมอหนุ่มอาศัยความเนียนนั่งลงข้างๆหญิงสาวทันที
“เปล่าครับ ผมเป็นสถาปนิก”
“งั้นเหรอครับ ดีจังนะครับ เก่งจังเลย ผมเป็นหมอโรคกระดูกน่ะครับ” ใครถาม เนียร์คิดในใจ ฟ้าได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆมาทางชายหนุ่ม
“อ้าว ฟ้านี่นา” เนียร์หันควับไปทางต้นเสียงทันที เขารู้จักชายหนุ่มคนนี้ สกานต์ หนุ่มวิศวกรบริษัทเดียวกับร่างบางที่นั่งตรงข้ามเขาเนี่ยแหละ ชายหนุ่มผิวสีเข้ม ผิดกับหมอหนุ่มที่นั่งยิ้มกว้างอยู่ตรงนี้ ตัดกันเป็นทางม้าลายจนเนียร์เห็นแล้วต้องกลั้นหัวเราะเลยทีเดียว “อ้าว เนียร์ สวัสดี ฟ้าคราวนี้ทำงานกับเนียร์เหรอ”
“อือ” หญิงสาวพยักหน้า
“อ้าว...คุณหมอ ไม่มีงานทำเหรอครับ มานั่งทำอะไรตรงนี้” ตาคมของวิศวกรหนุ่มมองไปทางแขกไม่ได้รับเชิญหมายเลขหนึ่ง(แน่นอนว่าตัวเขาเองคือแขกไม่ได้รับเชิญหมายเลขสอง) จากคำทักทายนั้น ทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่า สองคนนี้ไม่ถูกกันอย่างแน่นอน
“ผมออกเวรน่ะครับ ว่าแต่คุณสกานต์ก็ดูไม่มีงานทำนะครับ ดูท่าทางหายใจทิ้งอย่างบอกไม่ถูก” ทางหมอหนุ่มก็ฝีปากร้ายไม่แพ้กัน
“ผมมารอลูกค้าน่ะครับ แต่วันนี้ท่าทางจะดวงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะอะไรผมไม่บอกแล้วกันนะครับ”
เนียร์รู้สึกเหมือนกำลังดูมวยอยู่ ศึกกระทิงดำ ระหว่างณัฐกรณ์ตี๋ใหญ่ศิษย์โรงเจ กับสกานต์แสบสนิทศิษย์หน้าดำ ยังไงก็ไม่รู้ พอเหลือบไปมองทางนิธิมา หญิงสาวที่แอบลุกหนีไปที่ประตูส่งสัญญาณมือให้ชายหนุ่มเดินตามไป สถาปนิกหนุ่มเลยพยายามทำตัวลีบที่สุดเพื่อหนีออกมาจากสงครามน้ำลายอันแสนเผ็ดร้อน
“ต้องขอโทษเนียร์ด้วยนะ” หญิงสาวกล่าวขอโทษทันทีที่หลบออกมาจากร้านได้ ชายหนุ่มได้แต่ส่งยิ้มให้อย่างเห็นใจ “คือ...สองคนนั้นเค้ามาตามจีบเราน่ะ ความจริงก็รำคาญจะแย่แล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”
“อืม...เราเข้าใจ” ชายหนุ่มเข้าใจดีเลยล่ะ “ตอนนี้เราก็โดนแฟนเก่าตามตื้อเหมือนกัน แต่ยังดีที่แค่คนเดียว ไม่ใช่สองคนแบบฟ้า”
“เหรอ...แย่หน่อยนะ” หญิงสาวส่งยิ้มเห็นใจให้อีกฝ่าย “เฮ้อ...เบื่อจังเลย จะมีวิธีอะไรที่ทำให้สองคนนั้นเค้าเลิกตื้อเราได้เนี่ย”
“...”
“...” เงียบ เนียร์มองหน้าฟ้า ฟ้าก็มองหน้าเนียร์ ดวงตาสีอ่อนของหญิงสาวฉายแววแวบหนึ่ง ก่อนจะ “คิดออกแล้ว”
“คิดอะไรออกเหรอ” ถามพลางดูดน้ำเย็นๆจากขวดที่ซื้อมาดับกระหาย
“...เราสองคนมาเป็นแฟนกันมั้ยเนียร์”
พรวด!!! น้ำเย็นๆพุ่งออกมาจากปากของชายหนุ่ม โดยไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว
“ฟ้าว่าไงนะ!”
“คือเราสองคน แกล้งเป็นแฟนกัน คนที่มาตามเราเค้าจะได้เลิกตามซะทีไงล่ะ” เนียร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็แอบเสียดายอยู่ลึกๆ “ตกลงมั้ยเนียร์” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง สีหน้าของหญิงสาวลำบากใจพอสมควร สำหรับตัวเขาเอง นี่เป็นโอกาสดีที่ควรจะคว้า ถึงแม้จะเป็นแฟนกันหลอกๆก็เถอะ
“ตกลง”
“รอนานรึเปล่า โทษทีนะ” ร่างบางของหญิงสาวในเสื้อยืดสีม่วงอ่อนและกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมง แก้มสีชมพูระเรื่อดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ฟ้ายิ้มกว้างเดินเข้ามาหาชายหนุ่มตัวสูง ผิวสีแทนในเสื้อแขนกุดสีแดงเข้ม
“ไม่นานหรอก ไปกันเลยดีกว่ามั้ย” เนียร์เปิดประตูรถให้หญิงสาว วันนี้เขาและนิธิมาจะไปขายของที่จตุจักรด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าหมอหนุ่มกับเพื่อนวิศวกรของหญิงสาวมาเห็นจะได้รู้กันไป และที่สำคัญสถาปนิกหนุ่มโทรบอกอดีตแฟนสาวของตัวเองเรียบร้อยแล้วว่า วันนี้เขาจะไปจตุจักรโครงการ15
“เชิญครับคุณหนู” เนียร์เปิดประตูให้หญิงสาว ร่างบางยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะนั่งลงข้างๆคนขับ รถญี่ปุ่นสีดำเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณมากครับ” ขจรเกียรติกล่าวขอบคุณลูกค้าที่มาซื้อของด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้ขายดีจังเนอะ” นิธิมาว่า วันนี้มีลูกค้าเข้าร้านตั้งแต่ร้านเพิ่งเปิดและมีมาเรื่อยๆ
“สงสัยเป็นเพราะคนขายหล่อ”
“แหวะ จะอ้วก” แกล้งตีแขนอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะยิ้มหัวเราะให้กันอย่างเป็นธรรมชาติชนิดที่ใครก็ต้องนึกว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน
“อย่ามาเดินตามผมได้มั้ยครับคุณหมอ”
“ผมเดินตามทางไม่ได้ตามคุณซะหน่อย!” เสียงโวยวายดังมาก่อนตัวเสียอีก เป็นไปตามคาดหมอหนุ่มและเพื่อนวิศวกรยิ้มแฉ่งเบียดกายเข้ามาในร้านขายเทียนหอมของหญิงสาวกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“สวัสดีครับคุณฟ้า/สวัสดีฟ้า” พูดออกมาพร้อมกันจนต้องหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่สู้จะเป็นมิตร
“อ้าว สวัสดีครับคุณหมอ สวัสดีครับคุณสกานต์” คนที่ตอบคำทักทายแทนที่จะเป็นเสียงหวานของหญิงสาวแต่กลับเป็นเสียงของสถาปนิกหนุ่ม นามว่าขจรเกียรติซะได้
“อ้าว คุณขจรเกียรติมาได้ไงครับ” หมอหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ หรือว่าเขาจะมีคู่แข่งอีกคนแล้วเนี่ย
“มาช่วยฟ้าเค้าขายของน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบในขณะที่หญิงสาวก็ยืนยิ้มเขินข้างๆ
“ต้องรบกวนเนียร์แย่เลย”
“รบกวนอะไรกันฟ้า เราเป็นแฟนกัน เรื่องแค่นี้เองไม่รบกวนเลย ดีซะอีกเราจะได้เจอฟ้าทุกวันไง” โอบเอวร่างบางประกอบ แขกผู้มาเยือนทั้งสองอ้าปากค้างไปแล้ว
“...เนียร์...นายกับฟ้า...เป็นแฟนกัน...เหรอ” สกานต์ถามอึ้งๆ นิธิมาทำหน้าเขินอาย ส่วนเนียร์ก็ยิ้มกว้างรับ
“ใช่แล้ว เราสองคนเป็นแฟนกัน”
ถ้าฟ้าถล่มได้ คงถล่มลงมาใส่หัวคู่ทางม้าลายที่ยืนเอ๋ออยู่ตรงนี้แล้ว!
“ขอโทษนะคะ ที่ฟ้าไม่เคยบอกคุณหมอกับกานต์เลย ความจริงฟ้ากับเนียร์เป็นแฟนกันมานานแล้วค่ะ”
“เห็นสีหน้าของทั้งคู่มั้ย ไม่อยากจะหัวเราะ แต่เราว่าตลกมากๆเลย” เนียร์อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของคนที่มาตามจีบวิศวกรสาวสวยคนนี้ ตอนที่รู้ความจริงว่า เขาและฟ้าเป็นแฟนกัน
“เนียร์ตีบทแตกมากอ่ะ แล้วนี่มีการใช้ให้เฝ้าร้านแล้วเราสองคนออกมาเดินเล่นเนี่ยนะ” นิธิมาต่อว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย พอสองคนนั้นอึ้งๆ สถาปนิกหนุ่มคนนี้ก็บอกว่า รบกวนฝากร้านหน่อยนะครับ ผมขอไปเดินเที่ยวกับแฟนหน่อย
“อ้าว แล้วฟ้าจะนั่งดูสองคนนั้นอ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าปากเหรอ เราสองคนหนีออกมาน่ะดีแล้ว” เนียร์ว่า “เอาล่ะ ไปเดินเที่ยวกันเถอะนะ”
“เอ๋ เอาจริงเหรอ”
“เอาจริงสิ ไปเดินเที่ยวกันดีกว่า” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มก็จับมือร่างบางเดินนำไป แวะดูของตามร้านต่างๆ เดินดูต้นไม้ ซื้อของกินอร่อยๆ เดินกินไปคุยกันไป ไปเล่นกับสุนัขที่โครงการ11
“สนุกจังเลย ไม่ได้เดินเล่นอย่างนี้นานแล้ว วันๆเอาแต่นั่งเฝ้าร้าน”
“ฟ้า ใบไม้ติดหัวน่ะ” เนียร์บอกอีกฝ่าย มือเรียวของร่างบางพยายามปัดแต่ว่าก็ไม่ถูกที่
“...เอาล่ะออกแล้ว” สถาปนิกหนุ่มเอามือปัดออกให้ พอเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวที่แดงนิดๆจึงเอ่ยทัก “เป็นอะไรรึเปล่า หน้าแดงๆ”
“แดดร้อนหน้าเลยแดงน่ะ ไม่ได้มีอะไรหรอก”
“กรี๊ด!!! เนียร์คะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร!” เสียงแหบๆแต่ดีกรีความโวยวายไม่ได้น่ารำคาญน้อยเลย นันธิดาในชุดรัดรูปสีแดงสดยืนเท้าเอว ส่งสายตาไม่พอใจมาทางคนทั้งคู่ หนอย...บอกว่าอยู่โครงการ15 เดินหาตั้งนานไม่ยักเจอ มาเจอเอาตรงขายสัตว์เลี้ยง!
“นัน เบาๆเสียงหน่อยได้มั้ย ถ้าไม่อายก็นึกว่าเห็นแก่ผมเถอะนะ”
“นันเบาเสียงก็ได้ค่ะ แต่ว่าเนียร์ต้องบอกนันมาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!” หญิงสาวปราดเข้ามาคว้าแขนชายหนุ่มไปควงอย่างถือสิทธิ์ ขจรเกียรติพยายามแกะมือตุ๊กแกของหญิงสาวออกอย่างสุดความสามารถ
“เนียร์คะ คนนี้น่ะเหรอคะ ผู้หญิงขี้ตื้อนี่เนียร์เล่าให้ฟัง” ฟ้าที่ยืนดูอยู่นานพูดขึ้น หญิงสาวก็ตีบทแตกได้ไม่แพ้ชายหนุ่มเลยทีเดียว
“อะไรกัน หล่อนนั่นแหละเป็นใครมายุ่งกับเนียร์ของชั้นน่ะ” นันธิดาไม่ยอมแพ้ พยายามอ้างสิทธิ์ที่ไม่มีอย่างเต็มที่
“ขอโทษนะคะ แต่ว่าเนียร์เป็นแฟนชั้น และคุณกำลังยุ่งกับแฟนชั้นอยู่” ฟ้าเดินเข้าไปควงแขนอีกข้างของเนียร์ พอนันเห็นก็โวยวายลั่น
“กรี๊ด! เนียร์คะ อธิบายมานะคะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!” ชายหนุ่มส่ายหัวระอากับความดื้อด้านของอีกฝ่าย
“ผมบอกนันแล้วใช่มั้ยว่าเราจบกันไปนานแล้ว แล้วมันก็เป็นสิทธิ์ของผมที่จะมีคนรักใหม่ ฟ้าเป็นคนน่ารักและไม่เอาแต่ใจ ผมอยู่กับเค้าแล้วมีความสุข ผมขอร้องนะนัน ออกไปจากชีวิตของผมซะทีเถอะ”
“นันไม่เชื่อหรอกค่ะ ว่ายัยนี่เป็นแฟนเนียร์! อยู่ๆก็เพิ่งโผล่มาใครจะเชื่อ! นันไม่โง่นะคะ” ชายหนุ่มเหงื่อตก อย่างที่อดีตแฟนเก่าของเขาว่า อยู่ๆนิธิมาก็ปรากฏตัวแล้วมาบอกว่าเป็นแฟน มันยากที่จะเชื่อจริงๆ
ระหว่างที่เนียร์กำลังวิตกอยู่นั้น ริมฝีปากนุ่มๆของนิธิมาก็สัมผัสแก้มชายหนุ่มซะแล้ว!!!
ฟ้าหอมแก้มเนียร์ เสร็จแล้วก็หันมาส่งยิ้มให้นันธิดา ที่ยืนอึ้ง!
“เท่านี้เชื่อรึยังคะคุณนันธิดา” พูดจบหญิงสาวก็คว้าข้อมืออีกฝ่ายเดินหนีออกมา โดยไม่รอฟังเสียงกรี๊ดดังลั่นของอีกฝ่าย
เนียร์ที่กำลังอึ้งๆอยู่ ได้สติอีกครั้งเมื่อหญิงสาวหยุดเดิน ร่างบางหันหน้ามาหาแล้วพูดตะกุกตะกัก
“เมื่อกี้เราขอโทษนะเนียร์ เราทำเกินไปนิดนึง”
“อะ ไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มว่า เขาดีใจด้วยซ้ำถึงแม้จะเป็นการแสดงก็เถอะ “เราสิต้องขอบคุณฟ้าที่ช่วย”
“ไม่เป็นไรหรอกเราก็ต้องขอบคุณเนียร์เหมือนกัน”
“...”
“...” ทั้งคู่เงียบไป ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาว เพราะว่าแผนการของทั้งคู่สำเร็จแล้ว แสดงว่า...ก็ต้องเลิกเป็นแฟนกันแล้ว...
“เอ่อ/คือว่า...” พูดออกมาพร้อมกันซะอย่างนั้น
“ฟ้าพูดก่อนเถอะ” ชายหนุ่มเปิดโอกาสให้หญิงสาวก่อน
“วันนี้เราปิดร้านกลับบ้านดีกว่า ไปทำเทียนหอม ที่ร้านใกล้หมดแล้ว” นิธิมาว่า “เนียร์ไปช่วยเราทำได้มั้ย”
“อะ เอาสิ”
ห้องครัวขนาดไม่ใหญ่มากของบ้านหญิงสาว เป็นสถานที่ที่ใช้ทำเทียนเป็นประจำ อุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างหม้อหุงข้าวและพาราฟินถูกนำมาเตรียมไว้
“เอาล่ะเนียร์ รบกวนหั่นพาราฟินแล้วเอาไปละลายในหม้อหุงข้าวนะ” หญิงสาวเลือกใช้หม้อหุงข้าว แทนการตั้งไฟเพราะหม้อหุงข้าวมีระบบตัดอัตโนมัติปลอดภัยกว่า
ชายหนุ่มหั่นก้อนพาราฟินอย่างเก้กังเพราะว่าไม่เคยเข้าครัวทำกับข้าวเลย มีดทำครัวเนี่ยเกิดมาเพิ่งเคยจับเนี่ยแหละ
“เนียร์ชอบเทียนหอมกลิ่นอะไร” หญิงสาวถาม
“กลิ่นอะไรเหรอ...ไม่รู้สิ คงเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ล่ะมั้ง” ฟ้าพยักหน้าเข้าใจ มือเรียวเลือกขวดน้ำมันหอมในชั้นวางขนาดเล็ก น้ำมันหอมกลิ่นวาเวนเดอร์ถูกเอามาวางไว้ข้างๆสีชมพูและม่วงสำหรับผสมเทียน
“เอาล่ะ ใส่สี ใส่กลิ่น เทใส่พิมพ์เท่านี้ก็เรียบร้อย”
“ไม่ยากอย่างที่คิดเลยแฮะ”
“ใช่แล้ว” พิมพ์ตัวอักษรตัว N และ F ถูกหยิบออกมาใช้ ฟ้าแบ่งเทียนออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งผสมสีชมพูถูกหยอดใส่พิมพ์รูปตัวN อีกส่วนผสมสีม่วงถูกหยอดใส่พิมพ์รูปตัวF พอเทียนเริ่มแห้ง หญิงสาวก็เสียบไส้เทียนลงไป รอจนแข็งจึงแกะออกจากพิมพ์
“ว้าว!” เนียร์ปรบมือให้กับผลงานที่เค้าและฟ้าร่วมกันทำ เทียนกลิ่นลาเวนเดอร์รูปตัวNและF
“เราให้เนียร์เป็นที่ระลึก” หญิงสาวยื่นเทียนหอมทั้งสองชิ้นให้ชายหนุ่ม เนียร์รับมาแล้วถามหญิงสาวยิ้มๆ ทั้งที่ใจจริงแล้วยิ้มไม่ออกเลย
“ทำเหมือนเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วงั้นแหละ”
“...” หญิงสาวเงียบ ไม่ตอบอะไร มีแต่รอยยิ้มเศร้าๆเท่านั้น “ความจริงแล้ว...”
“เราเลิกกันเถอะฟ้า” ชายหนุ่มพูดตัดก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไรต่อ “เราเลิกเป็นแฟนกันเถอะฟ้า”
“...เนียร์ความจริงแล้วเรา” หญิงสาวหน้าเสีย
“เราเลิกเป็นแฟนกันหลอกๆ แล้วมาเป็นแฟนกันจริงๆเถอะนะ” คำสารภาพรักอย่างไม่ทันตั้งตัวของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวอึ้ง “เอ่อ...แล้วคำตอบล่ะฟ้า”
หญิงสาวยิ้มเอียงอาย แววตาเปี่ยมไปด้วยความสุข
“อือ ตกลง”
“ช้าจริงๆเลยครับคุณหนู” ร่างสูงในชุดเสื้อยืดลำลอง แอบบ่นหญิงสาวที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จเสียที
“เสร็จแล้วๆ” ร่างบางเปิดประตูรถแล้วนั่งลงข้างๆที่คนขับ “เอาล่ะ ไปได้!” ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ก่อนที่รถยนต์สีดำของเนียร์จะเคลื่อนตัวออกไป ที่หมายคือตลาดนัดจตุจักร
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ว่าสถาปนิกหนุ่มกับวิศวกรสาวคู่นี้หวานชื่นจนน่าอิจฉามากเพียงไร คงเรียกว่าพรหมลิขิตใช่รึเปล่า
“ฟ้า เราเอาCDมาคืนแล้วนะ” เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายและผมสั้นเกรียนชู CD ในมือให้อีกฝ่ายดู นิธิ มา ศุภรปรีดา หรือฟ้าที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่หันมาพยักหน้า
“อื้อ ใส่ไว้ใต้โต๊ะเลย”
“แหม มียืมCDด้วยนะ”
“วีอย่าแซวเราได้มั้ย” เด็กสาวยิ้มเขิน เพราะว่าอะไรน่ะเหรอ
เพราะว่าขจรเกียรติคือผู้ชายที่แอบชอบไงล่ะ
HAPPY ENDING....
ผลงานอื่นๆ ของ Gingsei ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Gingsei
ความคิดเห็น