「STARLESS NIGHT」THOR X LOKI
การรอคอยที่ไร้จุดหมาย ในค่ำคืนที่ไร้ดาว หนึ่งนักรบเทพอัศนีคอยเฝ้าทวงสัญญา หนึ่งเทพแห่งคำลวงที่หายไป คำสัญญาจะถูกเติมเต็มหรือไม่
ผู้เข้าชมรวม
2,578
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ในค่ำคืนเงียบสงัดที่ม่านอนันทการเข้าปกคลุมท้องนภาแห่งแอสการ์ด แผ่นดินทองคำ ดินแดนแห่งทวยเทพ ผืนแผ่นแห่งความรุ่งโรจน์สูงสุดแห่งเก้าภพโลก ดวงดาราน้อยใหญ่นับหมื่นที่เคยสุกสกาวแข่งกันทอแสงระยิบระยับไปทั่วผืนฟ้าบัดนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ช่างเป็นคืนที่ประหลาดยิ่งนัก
“แปลกเสียจริงทั้งที่ฟ้าโปร่งแต่กลับไม่มีดาวซักดวง ข้ารู้สึกไม่ดีราวกับจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล
“ไม่เอาน่าท่านพี่ ท่านคิดมากไปเสียแล้ว นอนกันเถอะข้าง่วง” ร่างบางอ้าปากหาวน้อยๆก่อนจะอิงแอบซบแนบแก้มนิ่มลงบนแผงอกแกร่งอันคุ้นเคยซึ่งเป็นที่โปรดของตน แขนเรียวโอบรอบเอวสอบไว้
โลกิเงยหน้ามองขึ้นสบตาคู่คมของผู้เป็นพระเชษฐาพลางเลิกคิ้วมอง
“อะไรกันธอร์ จ้องกันเช่นนี้อย่างกับจะกินข้า” ดวงเนตรคู่งามสีเพทายคู่นั้นที่มองมาเปี่ยมล้นไปด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ข้า ท่านมีข้าอยู่ตรงนี้กับท่าน” ผู้เป็นอนุชาจึงยกมือเรียวขึ้นไล้ดวงหน้าคมเบาๆ
“แต่ถ้าหากเจ้าไม่อยู่ .. “ มือหนายกขึ้นกุมมือบางบีบกระชับเบาๆราวกลับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป
“อะไรกัน ท่านนี่โง่งมไปแล้วหรือ ข้าจะไม่อยู่ได้อย่างไรกัน นอนเถอะท่านพี่ ตื่นมาท่านจะเห็นข้าเป็นคนแรก ข้าสัญญา” สิ้นเสียงหวานร่างบางยืดตัวขึ้นทาบริมฝีปากเข้ากลับกลีบปากอุ่นเบาๆก่อนจะกลับไปประจำที่
“ข้ารักท่าน พี่ข้า”
“ข้าก็รักเจ้า โลกิ” ว่าที่ราชันย์ก้มลงจูบหน้าผากมนของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักก่อนจะดึงผ้ามาคลุมร่างทั้งสองไว้ สองแขนกำยำเกี่ยวรั้งเอวบางเข้ามาแนบกายอุ่นแล้วค่อยๆหลับตาลง
ในราตรีที่หนาวเหน็บ สายลมยังพัดผ่าน กาลเวลายังหมุนเดิน แล้วใจคนเล่า มีหรือจะไม่เปลี่ยนตาม ..
น้องซบหน้า อิงแอบ แนบอกพี่
ในฤดี ขมขื่น ตื่นจากฝัน
กลัวเหลือเกิน กลัวรัก หักสะบั้น
สายสัมพันธ์ โบยบิน สิ้นมลาย
“ โลกิ !! เจ้าอยู่ที่ใด !! “ ประตูทองคำบานหนักถูกแรงมหาศาลของเทพอัศนีผลักออกอย่างแรงด้วยความรีบร้อน
“ออกมาเดี๋ยวนี้โลกิ อย่าเล่นเป็นเด็ก!” ร่างสูงใหญ่ของผู้ที่เข้ามาใหญ่ตวาดก้องท้องพระโรงหันซ้ายหันขวาเดินงุ่นไปตามมุมต่างๆมองหาบางอย่าง
“ธอร์ เจ้าจงหยุด!” ปลายไม้เท้ากายสิทธิ์กุงเนียร์กระทบลงกับพื้นเสียงสะท้อนก้องหยุดทุกการเคลื่อนไหวในท้องพระโรงกว้าง จอมกษัตริย์แห่งสี่ทิศแปดทาง เทพบิดรของทุกลมหายใจใต้ร่มเงาของต้นไม้แห่งชีวิตเปรยตามองนิ่งลงที่บุตรชายคนโตของตน ว่าที่กษัตริย์เลือดร้อนผู้เปี่ยมไปด้วยพละกำลังมหาศาลผู้สามารถความคุมฟ้าฝนได้ดังใจนึก
“เกิดอะไรขึ้นธอร์” ฟริกก้า ราชินีแห่งทวยเทพ จอมนางแห่งแผ่นดินแอสการ์ดก้าวเท้าไปหาบุตรชายของตนพลางถามด้วยเสียงที่เป็นกังวล
“พระมารดา โลกิหายไป” เสียงที่เคยเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจบัดนี้สั่นเครือ นักรบผู้ไม่เคยเกรงกลัวต่อศัตรูไม่ว่าหน้าไหนบัดนี้แสดงแววตาอ่อนแอให้พระมารดาได้รับรู้
“ทหาร ทุกซอกทุกมุมของแอสการ์ด หาให้พบ” คำสั่งของผู้เป็นบิดาถูกถ่ายทอดให้ทหารทุกนายที่อยู่ในท้องพระโรงให้ได้ยิน
“เขาไปได้ไม่ไกลหรอก จงเชื่อในโลกิ เชื่อในคำสัญญา” แขนบอบบางของผู้เป็นมารดาเข้าโอบปลอบประโลมบุตรชายเบาๆ เทพสายฟ้าทำอะไรไม่ได้ได้แต่ยืนนิ่งเงียบกระชับกอดอุ่นและทำตามสิ่งที่พระมารดากล่าวบอก
คำสัญญา ก่อนเก่า เมื่อแรกรัก
คงถูกกัก ลบเลือน หมดใช่ไหม
เป็นสัญญา ปากเปล่า ที่พูดไป
ที่ความนัย ไม่มีค่า คำสัญญา
ภายใต้แสงสุดท้ายของวันที่อาบไล้แผ่นดินขับดุลดินแดนทองคำแห่งนี้ให้งดงามขึ้นร้อยเท่าพันทวี บนระเบียงแห่งปราสาทราชวงศ์แอร์ซี บุรุษรูปงามยืนนิ่ง ดวงตาอันว่างเปล่ามองทอดไปยังทิวทัศน์ตรงหน้า ผ้าคลุมสีชาดโบกสะบัดปลิว ไสวเช่นเดียวกับจิตใจที่ฟุ้งซ่านอยู่แต่กับเรื่องของอนุชาที่หายตัวไป
“ธอร์ จะเข้าเดือนที่หกแล้วนะที่โลกิหายตัวไป” เสียงส้นรองเท้าหนังเนื้อดีเข้าทำลายความเงียบที่ปกคลมอยู่ทั่วอาณาบริเวณ บุรุษผู้มีเกศาสีทองสั้นประบ่า สหายของเขาผู้มีหนวดเคราอยู่ประปราย เป็นที่นักรบและนักรักดื่มสุราเคล้านารี ฟานดรัลเทพแห่งความสำราญ เข้ามาจับบ่าของเขาและบีบเบาๆเป็นเชิงปลอบประโลม
“เจ้าไปมาทุกที่แล้วนะ โยธันไฮม์ นิมฟ์ไฮม์ สวาทันไฮม์ นิฟเฟิลไฮม์ มิดการ์ด ทุกหนทุกแห่ง ไม่มีแม้แต่ร่องรอย เจ้าควรจะตัดใจดีไหม” นักรบเจ้าสำราญหันมองสหายผู้อมทุกข์
“เจ้าไม่มีวันเข้าใจ ฟานดรัล ความรักที่ข้ามีให้โลกิมันต่างจากสิ่งที่เจ้ามอบให้นางบำเรอพวกนั้น”
“เฮ้ พวกเจ้าอย่าเพิ่งตีกันสิ ธอร์ พวกเราเป็นห่วงเจ้านะ”วอลสแตคกล่าวปรามก่อนจะเข้าแยกทั้งสองคนออกจากกัน
“ใช่ ดูเจ้าสิธอร์ ดวงตาเหม่อลอย ร่างกายสูบผอม เฝ้าเพ้อรำพัน เช่นนี้ไม่สมกับเป็นเจ้าเลย ” ฟานดรัลกล่าวเสริมในขณะที่โฮกันกับซิฟพยักหน้าเห็นด้วย
ร่างสูงเฝ้ามองความว่างเปล่าตรงหน้าทำเพียงแค่รับฟังความหวังดีจากเหล่าสหายแต่ก็มิได้ออกความเห็นใด ไม่แม้แต่จะหันไปมอง ใครจะไปเข้าใจกัน ความรักที่เขามีให้อนุชานั้นมันมากนักเหลือคณา ความผูกพันตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัยเติบโตขึ้นมาเป็นสายสัมพันธ์อันแน่นเฟ้นมิอาจแยกจาก แยกเขาออกจากโลกิก็เหมือนแยกมัจฉาจากธารา ไม่ช้าไม่นานมัจฉาตัวนั้นคงเฉาตาย
“ได้โปรด .. ข้าอยากอยู่คนเดียวต่ออีกสักพัก “ ผู้มาใหม่ทั้งสี่ต่างมองหน้ากับแล้วค่อยๆเดินออกจากระเบียงกว้างนั้นทีละคน เทพีแห่งสงครามคนงามอ้อมไปด้านหนังร่างสูงเอื้อมมือไปแตะที่บ่ากว้างเบาๆ
“ธอร์ ข้ารู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะลืม แต่เพียงอยากให้เจ้ารู้ไว้ว่าเจ้ายังมีข้าเสมอ” มือเรียวที่วางค้างไว้บนบ่า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังนิ่งเงียบเหม่อลอยไปด้านหน้าก็ลดมือลงแล้วเดินผ่านไปยังประตูทางออก นางรู้ดี ดวงตาที่อ้างว้างเหล่านั้นเต็มไปด้วยความทรงจำของเขากับโลกิ ดวงเนตรอันงามงดที่ไม่เคยมีนางอยู่ข้างใน
-
“เจ้าจำได้ไหมตอนที่ข้าซัดเจ้ายักษ์ไฟตนนั้นเสียกระเด็น” ทหารหนุ่มทำท่าแกว่งดาบสุดแรงราวกับมียักษ์ไฟอยู่ตรงหน้าพร้อมเลียนเสียงดาบก่อนจะยกแก้วขึ้นชนกับทหารกล้านายอื่นพลางโอบเอวนางบำเรอเข้ามาแนบกายโอ้อวดตนในสนามศึก
ศึกที่มุสเปลไฮม์ ดินแดนพระเพลิง แอสการ์ดได้รับชัยชนะมาดังคาดสร้างความฮึกเหิมให้เหล่าทหารเป็นอย่างมาก งานเลี้ยงฉลองนี้เพื่อพวกเขาเหล่าทหารกล้าในขณะที่โฮกันกับวอลสแตคกำลังชิงชัยกับแย่งขาหมูป่าขาสุดท้าย ฟานดรัลกำลังโปรยเสน่ห์พูดคุยหยอกล้อกับนางบำเรอที่มุมห้อง และเป็นดังคาดที่ร่างสูงของธอร์จะไม่อยู่ในงานสังสรรค์นี้ เทพีคนงามจึงเดินออกมาจากงานเลี้ยงเงียบๆตรงไปยังห้องของเทพอัศนี
นางสูดหายใจลึกสงบสติควบคุมจังหวะหัวใจอันเต้นรัวทุกครั้งที่ได้อยู่หน้าห้องนี้ ห้องที่หากนางเดินผ่านตอนกลางคืนจะมีเสียงครางหวานสอดออกมาอยู่เสมอ เสียงขอบเตียงกระแทกผนังราวกับจะถล่มลงมาเสียให้ได้ นางหลับตาลงนิ่งก่อนจะยกมือเคาะประตูแล้วผลักเข้าไปอย่างถือวิสาสะ
“ธอร์ ข้ามาตามเจ้าเข้าไปในงานเลี้ยง” หญิงสาวค่อยๆก้าวเข้าไปด้านในก่อนจะค่อยๆปิดประตูลง ภาพตรงหน้าคือร่างกำยำของบุรุษถึงแม้จะสูบลงไปบ้างแต่ก็ยังไงไว้ซึ่งกล้ามมัดชวนมองผูกผ้าไว้ที่เอวสอบนั่งเช็ดผมอยู่ที่ขอบเตียง แสงจันทราสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดไว้รับลมขับดุลให้ภาพตรงหน้ายิ่งน่าชวนมองทำให้นางเผลอจ้องไม่วางตาราวกับต้องมนต์ ร่างกายที่ควรเป็นที่อิงแอบยอมเหนื่อยล้า ร่างที่นางจะยอมศิโรราบเมื่อบทเพลงรักบรรเลง ร่างที่เป็นของศัตรูหัวใจของนาง กบฏแห่งแอสการ์ด โลกิ ลาฟฟี่ซัน
ดวงหน้าคมหันไปทางผู้บุกรุก แต่เขาก็มิได้ว่าอะไรเห็นว่านางเป็นสหายที่คบกันมานาน จึงไม่มีสิ่งใดเสียหายหากนางจะเข้ามาในห้องของเขากลางดึกเช่นนี้
“ว่าอย่างไรซิฟ” ดวงเนตรสีเพทายมองขึ้นไปบนผืนฟ้าดำสนิท เช่นคืนนั้น คืนก่อนที่หัวใจของเจ้าจะหายไป ธอร์ถอนหายใจเบาๆก่อนที่มือใหญ่วางผ้าเช็ดผมลงในขณะที่ซิฟค่อยๆเดินก้าวเข้ามานั่งบนขอบเตียงข้าเขา
“เจ้ายังลืมเขาไม่ได้หรือ” มือเรียววางบนหน้าตักของร่างสูง
“ความรักเป็นสิ่งที่เจ้าจะไม่มีวันเข้าใจหากไม่ได้สัมผัสมันกับตัวเจ้าเอง เพื่อคนสำคัญ จะหนึ่งปี ร้อยปี พันปี ไม่ว่าเจ้าจะเกิดใหม่อีกซักกี่ชาติภพ เจ้าจะตามหา เจ้าจะไม่ยอมแพ้ เจ้าจะรอ หากเขาสำคัญพอ”
“เจ้าคิดว่าหากเขารักเจ้าจริงเขาจะหายไปไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้หรือ”ธอร์นิ่งเงียบมองการกระทำของร่างบางตรงหน้าที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นมาคร่อมตักตัวเอง
“เจ้าคิดว่าการปล่อยให้เจ้าทรมานเพ้อรำพันเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขารู้อยู่ก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นหรอกหรือ เขาน่ะร้ายกาจนัก เจ้าก็รู้ดี ความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งปวงเหล่านี้ เขาล้วนตั้งใจให้มันเกิดขึ้น” มือบางไล้ไปตามแขนแกร่งขึ้นมายังไหล่ลาดเข้าเบียดอกอิ่มใต้ชุดราตรีสีทองยาวเข้ากับแผงอกแกร่ง
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้ายังรักเขา หรือเจ้าแค่ค้างคาใจว่าทำไมเขาจึงปล่อยให้เจ้าเป็นเช่นนี้ คนที่รักเจ้าจะไม่มีวันทำเรื่องเช่นนี้ธอร์” แขนเรียวยกวาดขึ้นโอบลำคอแกร่งก่อนจะโน้มเข้าไปใกล้จนริมฝีปากแทบจะชิดติดกัน
“คนที่รักเจ้าจริงๆน่ะอยู่ตรงหน้าเจ้าต่างหาก” สิ้นเสียงหวานยวนเย้ากลีบปากสีสดเข้าประกบกับริมฝีปากตรงหน้า ปากเผยอออกส่งลิ้นเรียวเข้ากวาดควานดูดดุนหยอกล้อในโปรงปากอุ่น เมื่อตัณหาเข้าครอบงำ สติสัมปชัญญะเริ่มขาดสะบั้น มือหนาเข้าลูบเอวคอดสวยของสตรีเลื่อนลงมาขยำเฟ้นสะโพกอิ่ม ลิ้นร้อนเย้าหยอกดูดดุนกับลิ้นเล็ก มือเรียวค่อยๆละจากต้นคอเลื่อนลงต่ำ คลำลูบแกนหนาใต้ผ้าที่กำลังก่อตัวแข็งขืน เทพสายฟ้าละจากริมฝีปากตรงหน้าลงมาพรมจูบตามลำคอระหงส์ ร่างบางเอียงคอขาวให้พลางโอบศีรษะเข้ามาส่งเสียงครางหวานเมื่อฟันคมขบกัดลงมาเบาๆ
“อ .. อา ธอร์ ข้ารักเจ้า ..”
‘ อ.. อืออ ฮ๊า ท่านพี่ ข้ารักท่าน .. อาา ’
สิ้นคำหวานลอดออกมาจากริมฝีปากสีสวย การกระทำทั้งหมดก็หยุดชะงักลง แขนแกร่งปล่อยคนบนตักให้เป็นอิสระ
“ทำไมกันธอร์ เจ้าหยุดทำไม .. ” หญิงสาวบนตักไม่เข้าใจ ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามแผน ทุกอย่างที่นางเฝ้าใฝ่ฝันกำลังจะเป็นของนาง แต่ทำไม ..
“ได้โปรดให้อภัยข้าซิฟ ทั้งหัวใจของข้ายังมีเพียงโลกิ และจะมีเพียงเขาตลอดไป” แววตาฉายความรู้สึกผิดชัดเจนมองต่ำลงสำนึกความผิดบาปที่เขาเผลอนอกใจคนรักที่หายไป เกือบไปเสียแล้ว หากเลยเถิดไปมากกว่านี้มิใช่เพียงเขาที่เสียใจ หากโลกิกลับมา เขาจะต้องยิ่งหนักกว่านี้แน่นอน การทำให้คนรักมีน้ำตา ถือเป็นความอัปยศสูงสุดของนักรบผู้เกรียงไกร ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าบุรุษอีกต่อไป
“ข้ารู้ดีว่าข้าเลือกไม่ผิด” ร่างบนตักยกยิ้มพลันมีแสงสีเขียวทองปรากฏขึ้นก่อนจะหายไป เรือนร่างสตรีอาภรณ์ทองแปรเปลี่ยนเป็นร่างบอบบางอันคุ้นเคย ดวงตากลมโตสีมรกตชวนหลงใหล ริมฝีปากสีสวยได้รูปชวนมอง ผมสีกาดำขลับเป็นเงา ผิวขาวราวน้ำนมชวนให้สัมผัส
“คิดถึงข้าไหมพี่ข้า” กลีบปากคลี่ยิ้มงดงามออกมา ในขณะที่ร่างสูงยกอ้าปากค้างไม่เชื่อภาพตรงหน้า ก่อนจะได้สติดึงร่างตรงหน้าเข้ามากอดแน่น
“อั่ก .. ธอร์ ข้าหายใจไม่ออก ..” มือบางทุบร่างสูงเบาๆเป็นการประท้วงก่อนจะสังเกตว่าแผ่นหลังกว้างสั่นสะเทิ้นน้อยๆตามด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ
“ท่านพี่ นี่ท่าน .. ร้องไห้?” มือเล็กประคองดวงหน้าคมขึ้นมามองสบตาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเบาๆ
“ที่รัก ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว ตรงหน้าท่าน สิ้นสุดการรอคอยแล้ว” โลกิยิ้มบางๆก่อนจะเข้าจูบซับน้ำตาบุรุษแข็งนอกอ่อนในตรงหน้า มือหนาวางทาบลงไปบนมือเรียวที่แก้มตัวเอง
“คิดถึงเจ้ายิ่งนัก เจ้าหายไปราวกับใจข้าจะขาดเสียให้ได้ เจ้าหายไปไหนมา” แก้มเอียงเข้าหามือบางอย่างออดอ้อนตาคู่คมช้อนมองร่างคนรัก
“ท่านจำครั้งที่ข้า อ่า .. บุกมิดการ์ดได้ไหม”โลกิดึงมือหนามาไว้บนตักเล่นนิ้วเฉไฉก้มมองต่ำ เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ
“ข้าพังกองทัพของธานอสเสียยับเสีย คืนนั้นเขาส่งคนมาลักพาตัวข้า ข้าไม่รู้ว่าเขารอดสายตาของไฮมดัลล์มาได้อย่างไร ข้าตกลงกับเขาไว้ว่าหากแผนบุกยึดครองมิดการ์ดไม่สำเร็จเขาจะมาคิดบัญชีกับข้า ข้าก็รับปากไปเพราะไม่คิดว่าท่านกับสหายจะมาขวางข้า พ.. เพราะพวกท่านนั่นแหละ! กว่าข้าจะหนีกลับมาหาท่านได้น่ะแทบตาย!”คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดเข้าหากันน้อยๆ ปากเล็กยู่ลงอย่างเอาแต่ใจ แต่ในสายตาร่างสูง ภาพตรงหน้าน่ารักน่าเอ็นดูเสมอ
“คิดบัญชีหรือ เขาทำอะไรเจ้า”
“เขาจับกุมข้า ขังข้าไว้ในคุกใต้ดิน เขาทรมานข้า อ่า .. เขา ..” ดวงเนตรอัญมณีคู่งามเบนสายตาไปทางอื่นกระชับคอเสื้อตัวเองเบาๆ มีหรือที่เทพสายฟ้าจะไม่รู้ รีบดึงมือบางออกปลดคลายปมเชือกแหวกเสื้อให้ลู่ลงประบ่าขาวที่เต็มไปด้วยรอยช้ำม่วงและรอยฟัน บุตรแห่งโอดินที่ตอนนี้โกรธเป็นฟืนไฟขมวดคิ้วกำหมัดแน่นก่นด่าสาปแช่งปิศาจผู้มีนามว่าธานอสอยู่ในใจ มาตีตราลงบนคนของเขา หยามเกียรติกันชัดๆ เป็นสิ่งที่จะให้อภัยไม่ได้อย่างเด็ดขาด งานนี้ไม่ตายไม่เลิกราแน่นนอน
“มันเอาสิ่งโสมมตีตราลงบนคนของข้า เช่นนั้นข้าจะเอาชีวิตมันแทน ข้าจะรวมพลทั้งเก้าภพ ไม่สิ ทั้งจักรวาลเพื่อกำจัดมัน!” ร่างสูงตวาดต่ำในลำคอ หมัดยังคงกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา
“ท่านพี่ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นเช่นนี้ ข้าสบาน ข้า .. ”
“ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดแล้วน้องรัก ก่อนที่จะไปจัดการเขา ขอล้างมลทินที่บังอาจมาซ้ำรอยของข้าก่อน” สิ้นเสียงสุดท้ายร่างสูงรวบข้อมือบางไว้จับกดลงกับผิวเตียงนิ่มก่อนจะก้มลงซุกไซร้สูดกลิ่นหอมจากซอกคอขาวพรมจูบไปทั่วคำคอระหงส์ส่งลิ้นร้อนชิมเลียรสหวานที่ห่างหายไปนานขบดูดทับทุกรอยช้ำที่ศัตรูตัวฉกาจของเขาได้ทำไว้ มือหนาเข้านัวเนียอย่างซุกซนแถวสะโพกมนแล้วค่อยๆเกี่ยวลง
“ อา .. ท่านพี่ ตรงนั้น ฮ .. อ่ะ ไม่ได้น้า ฮ๊าา~ ”
╹╻╹╻╹╻╹╻╹04FIN 09╹╻╹╻╹╻╹╻╹
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ GQUIXOTE♡ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ GQUIXOTE♡
ความคิดเห็น