แอบรักรุ่นพี่ต้อง(ตาม)ตื้อเท่านั้น - แอบรักรุ่นพี่ต้อง(ตาม)ตื้อเท่านั้น นิยาย แอบรักรุ่นพี่ต้อง(ตาม)ตื้อเท่านั้น : Dek-D.com - Writer

    แอบรักรุ่นพี่ต้อง(ตาม)ตื้อเท่านั้น

    เป็นเรื่องของน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่แอบหลงรักรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่ารุ่นพี่ที่เธอแอบรักอยู่นั้น มีแฟนแล้ว!!! อ้าว แล้วเธอจะทำยังไงต่อไปดีล่ะเนี่ยะ ติดตามชมได้ในแอบรักรุ่นพี่ต้อง(ตาม)ตื้อเท่านั้น ได้เลยค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,560

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.56K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    4
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 พ.ย. 50 / 18:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      3  ปีที่แล้ว

                      ฮึ่ย!  ใครมาจอดรถเกะกะแบบนี้วะ  อย่าให้เจอนะ  แม่จะเฉาะให้หน้าแหกเลย  ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่ไปเอารถที่โรงจอดรถของโรงเรียน

                      ต้นเหตุที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียอย่างนี้ก็เพราะว่ามีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาจอดขวางทางออกรถของฉันเข้าให้  ฮึ้ย  ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห

                      ฉันจัดการขยับรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นอย่างทุลักทุเล  เพราะในโรงรถมีรถจอดซ้อนกันเต็มไปหมดถ้าเกิดว่าฉันขยับรถผิดท่านิดเดียวอาจนำมาซึ่งความซวยครั้งยิ่งใหญ่ก็ได้

                      เอ่อ  ขอโทษครับมีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ  จู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังฉัน

                      เฮ้ย  ผีรึเปล่าวะ  ฉันยิ่งเป็นโรคกลัวผีขึ้นสมองอยู่

                      ฉันค่อยๆหันกลับไปมองที่มาของเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้นี้อย่างช้าๆ  ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้

                      ฮื่อๆ  พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย

                      อ้าว  คนหรอกเหรอ  ฉันพูดออกไปอย่างโล่งอก  แล้วก็หันมาจัดการย้ายรถต่อ

                      นี่  คุณคนอ่านคะ  คุณอย่าคิดว่าฉันขี้กลัวเด็ดขาดนะ(แต่มันก็กลัวจริงๆนั่นแหล่ะ)  ถ้าคุณได้มาอยู่ในสถานการณ์อย่างฉันพวกคุณก็ต้องกลัวเหมือนกันแหล่ะ 

                      คุณก็ลองจินตนาการดูนะว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ในบ้านร้างหลังหนึ่งที่ไม่มีคนอยู่เลย  เวลาตอนนี้ประมาณ  สี่โมงเย็นกว่าๆ  ซึ่งมันก็เย็นมากแล้วสำหรับนักเรียนม.ต้น(ที่น่ารัก)อย่างฉัน  ข้างในนี้มืดมาก  มีฝุ่นเขรอะเต็มไปหมด  ตรงเพดานก็มีใยแมงมุมเกาะเต็มไปหมด  แถมข่าวลือที่เขาเล่าลือกันว่าที่แห่งนี้เดิมทีเป็นที่ฝังศพของทหารญี่ปุ่น  บรื๋อ  บรรยากาศแบบนี้น่ากลัวมั้ยล่ะ

                      หึๆ  ฉันว่าฉันได้ยินเสียงเขากำลังหัวเราะอยู่นะ  แต่ฉันไม่สนใจหรอก

                      นี่ให้ฉันจัดการเอง  หมอนั่นพูดแล้วก็เข้ามาจัดการขยับรถคันนั้นที่มันล็อกคออยู่

                      นี่  แต่ฉันว่านายขยับไม่ได้หรอกนะ  รถมันล็อกคออยู่  ฉันพูดเตือนเขา  แต่เขาก็เดินเข้ามาใกล้รถคันนั้นแล้ว

                      เขาหันไปล้วงอะไรในกระเป๋าเป้  ก่อนจะชูสิ่งที่เขาล้วงมานั้นให้ฉันดู

                      นี่ไง  คราวนี้ฉันจะทำได้ยัง  อ๋อ  อย่างนี้นี่เอง  นายนั่นชูกุญแจรถให้ฉันดู  งั้นเมื่อกี้เขาหัวเราะใส่ฉันงั้นสิ  โอ๊ย  คอยดูนะ  ถ้านายขยับรถออกมาได้เมื่อไหร่นะ  ฉันจะด่านายให้หน้าหงายไปเลย

                      นี่  หลีกหน่อยซิ  รถฉันออกไม่ได้  ฮึ่ม  คอยดูนะ  นายเตรียมใจไว้เลย  แต่ขอให้ฉันออกไปจากโรงรถสับปะรังเคนี่เสียก่อนเถอะ

                      เมื่อเขาจูงรถของเขาออกไปนอกโรงรถแล้ว  ฉันก็รีบจูงรถฮอนด้าเวฟ  125  เดินตามนายนั่นออกไปทันที(เพราะถ้าไม่ทันเดี๋ยวฉันก็ไม่ได้ด่านายนั่นน่ะซิ)

                      นี่  นายน่ะ  เดี๋ยวก่อนซิ  ฉันจอดรถไว้ข้างทางแล้ววิ่งไปยืนหยุดอยู่ตรงหน้าของนายคนนั้น

                      มีอะไรอีกล่ะ  โอ๊ย  พระเจ้า  ทำไมต้องแกล้งฉันด้วยวิธีนี้เนี่ย  ฉันกำลังจะบอกพวกคุณว่า  พอฉันมายืนอยู่ตรงหน้าของนายนั่นน่ะนะ  หือ  เขาหล่อมากๆเลยล่ะ  เหมือนดาราเกาหลีเลย  คราวนี้มันก็ทำให้ฉันด่าเขาไม่ลงอีกแล้วซิ  เพราะหน้าตาของนายนั่นแท้ๆเลย

                      เอ่อ  ไม่มีอะไร  ฉันเอื้อมมือไปแตะรถของเขา  แหม  ขอลูบรถหน่อยเหอะนะ  (โรคจิตเปล่าฟะเนี่ย)

                      โอ๊ะ  เธอเป็นรุ่นน้องฉันนิ  คราวนี้เธอต้องเรียกฉันว่าพี่ด้วยล่ะ  ห้ามเรียกว่านายอีก  อ้อ  แล้วก็เอามือของเธอออกไปจากรถของฉันด้วย  อ้าว  เห็นหรอกเรอะ  น่าอายจัง  แล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งคร่อมบนรถ  เฮ้ย  เขาจะไปแล้ว  ทำไงดีๆ

      เอ่อพี่  เดี๋ยว  คราวนี้เขาหันหน้ามา  ทำให้ฉันทันเห็นระดับชั้นที่ปักอยู่บนหน้าอกเสื้อของเขา 

                      เขาอยู่ม.3  ส่วนฉันอยู่ม.1  (ไม่แก่แดดใช่มั้ยคะ  ท่านผู้อ่าน)

                      มีอะไรอีกล่ะ  หรือว่าจะกลับบ้านกับพี่  ไปมะ  เป๊าะๆ เขาพูดพร้อมกับตบเบาะรถ

                      แหม  ดูเขายิ้มซิ  น่ารักชะมัดเลย  เหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลย  (เวอร์ๆ)

                      เอ่อ  มะ... 

                      เฮ้ยโจ  เร็วๆซิวะ 

                      ฉันยังพูดไม่ทันจบ  เพื่อนของพี่คนนั้น  (ซึ่งตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาชื่อโจ)  ก็เรียกเขาให้ไปหาก่อน

                      แครกๆ  บรืน

                      อ่ะ  (ค้าง)  พี่โจสตาร์ทรถออกไปแล้ว  ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ  กลับมาก่อน!

                      ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าพี่เขาชื่อโจ  ทะเบียนรถ  ขทท  299  อา  เลขเด็ดงวดนี้  เฮ้ยไม่ใช่  และพี่โจอยู่ก็ม.3  เอ๊ะม.3  ชั้นเดียวกับพี่ของเราเลยนี่หว่า  ยังงี้ต้องไปถามพี่โบวี่หน่อยดีกว่า

                      จากการสอบถามจากพี่โบ  ก็ได้ความว่า  พี่โจชื่อนายรติพงษ์  ศรีสุวรรณ  เป็นหัวหน้าห้องม.3/5  ฉายาที่เพื่อนๆเรียกกันคือชินจัง  ฮะๆ  อยากรู้มะว่าฉายานี้ได้มาได้ยังไง  ก็คิ้วของพี่โจน่ะหนามาก  แล้วก็เข้มมากเลยน่ะซิ  เหมือนชินจังเลย

                      ..............

                      แหวะ  เมื่อฉันเล่าจบ  ไอ้เพื่อนเวรบรรลัยพวกนี้ก็พากันอ้วกยังกะคนแพ้ท้องเลย

                      นี่รู้อะไรมั้ยยัยฝ้ายว่าพวกฉันน่ะฟังเธอเล่ามารอบที่พันแปดแล้วนะ  เออ  มีรัยมะ  ก็พวกแกฟังมันมาตั้งพันเจ็ดรอบแล้วนี่  ทำมาเป็นบ่นเดี๋ยวเฮอะ

                      เออน่า  พวกแกก็ทนฟังมันหน่อยนะ  สงสารคนไม่มีแฟนว่ะ  ได้แต่แอบรักเค้าข้างเดียว  ไอ้แอมพูดกระแนะกระแนใส่ฉัน

                      ก็ใช่ซี  พวกแกมีแฟนกันหมดแล้วนี่  ฉันบ่นกระปอดกระแปด  พลางทำสุ่มเสียงน้อยใจใส่ไอ้พวกเพื่อนใจร้ายทั้งหลาย

                      เฮ้ย  แต่พวกเราก็สงสารแกนะ  ที่ไม่มีใครเอาน่ะ  จุ๋มพูดเหมือนจะสงสารฉันมากกก  แต่ฉันว่ามันเหมือนด่าฉันทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้สิ

                      งั้น  พวกเราก็มาช่วยให้ความรักของไอ้ฝ้ายสมหวังกันเถอะ  อ้อมพูดขึ้นมาในที่สุดหลังจากที่นั่งนิ่งฟังพวกเราพูดมานาน  อ้อมฉันขอบใจแกจริงๆว่ะ  ฮือ  ซึ้งเลยนะเนี่ย

                      อืม  งั้นพวกเราจะทำไงกันดีล่ะ  บีเป็นคนออกความคิดเห็นเป็นคนแรก

                      ใช่  วาเลนไทน์ตอน  ม.1  แกส่งจดหมายรักให้  แต่ก็ไม่ได้ผล  แถมยังโดนเขม่นขี้หน้าอีก  จอยพูดเสริมหน้าตาเคร่งเครียดมาก  ส่วนหน้าฉันหดลงไปหนึ่งนิ้วแล้ว

                      เฮ้อ  ฉันถอนหายใจ

                      ตอนงานปัจฉิมนิเทศของพี่โจ  แกก็ดันทำเปิ่นอีก  วิ่งเอาดอกกุหลาบไปให้พี่โจแต่ดันสะดุดเชือกรองเท้าตัวเองล้มก่อนจะถึงพี่โจแค่สองเมตร  ทุกคนพากันฮาลั่นทั่วหอประชุมเลย  น่าอับอายขายขี้หน้ามากกกกก  จุ๋มที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยเล่าอย่างเมามันมาก

                      ก็ตอนนั้นฉันรีบจนลืมผูกเชือกรองเท้านี่  ฉันแก้ตัว  แต่เหตุการณ์วันนั้นมันก็น่าอับอายขายขี้หน้าจริงๆนั่นแหละ

                      วาเลนไทน์ตอน  ม.2  แทนที่แกจะให้ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์กับพี่โจ  แต่แกก็ดันไปซื้อดอกบัวมาให้แทน  คราวนี้บีเป็นคนพูดบ้าง

                      ก็ฉันเห็นว่าความหมายของดอกมันดีนี่น่า  ด้วยรัก......  ฉันเถียงออกไปแต่ก็พูดยังไม่ทันจบยัยพวกนั้นก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

      เคารพและบูชา  แหวะ

                      ฉันว่าพี่เค้าคงจะดีใจแย่เลยล่ะ  ที่ได้ดอกบัวจากแกน่ะ  ฮะๆ  จำไว้เลยนะอ้อม  ฮึ่ม

                      เฮ้อ  บี  แอม  จอย  ฟาง  อ้อมและจุ๋มถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาพร้อมกัน  ทำให้ใจฉันเริ่มห่อเหี่ยวลงไปใหญ่

                      วาเลนไทน์ตอน  ม.3  แกอยากทำให้พี่โจประทับใจในตัวแกที่แกมีความเป็นกุลสตรี  แกก็เลยฝึกทำเค้กช็อกโกเลตเอง  แกตื่นเต้นมากจนทำไว้ตั้งแต่วันที่  1  กุมภา  เก็บใส่กล่องไว้อย่างดี  แล้วค่อยเอามาให้พี่โจในวันที่  14  กุมภา  แต่พอพี่โจเปิดกล่องออกมากลับกลายว่ามีแต่มดอยู่ในนั้นเต็มไปหมด  แถมรายังขึ้นอีกด้วย  ฟางพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ

                      ก็...ก็  ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะเป็นแบบนั้นน่ะ  ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นสักหน่อยนี่นา  แล้วไอ้เค้กช็อกโกเลตนั่นน่ะมันต้องแช่ตู้เย็นด้วยเหรอ  เห็นที่ร้านเบเกอรี่เค้าไม่เห็นต้องแช่  ก็ยังกินได้เลย  ฉันเถียงออกไปอย่างข้างๆคูๆ

                      เฮ้อ  นี่เธอใช้สมองส่วนไหนคิดกันแน่เนี่ย  อ้อมบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายใจใส่ฉันที่ได้แต่นั่งทำหน้าหดเหลือแค่สองนิ้วอยู่ตรงนั้น

                      นี่  แล้วพวกแกว่าฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ  นี่ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วนะที่พี่โจเค้าจะเรียนอยู่ที่นี่อ่ะ  โอ๊ย  ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย  ฉันยกมือขึ้นมากุมขมับทำท่าคิดหนัก 

                      แต่ความจริงแล้วฉันเศร้าใจมากกว่าที่ทำอะไรไม่เคยได้เรื่องเลยสักอย่าง 

                      ฉันจะบอกยังไงดีล่ะ  ก็เวลาที่ฉันคิดถึงพี่โจนะ  ฉันก็รู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกเลยสักอย่าง  แค่เห็นหน้าเค้าแค่ครั้งเดียวก็ยิ้มได้ทั้งวันแล้ว 

                      อืม  พวกฉันรู้ดี  เอาเป็นว่าพวกฉันจะพยายามช่วยเหลือแกอย่างเต็มที่ก็แล้วกันนะ  แอมพูดปลอบใจฉัน  ขอบใจแกมากนะแอม

                      แล้วเราจะทำไงกันดีเนี่ย  พลาดมาหลายครั้งแล้วนะ  แล้วปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วด้วย  เฮ้อ  ยากกว่าสูตรฟิสิกส์ที่พวกเราเรียนอีกนะเนี่ย  อ้อมพูด  แต่ฉันว่าสูตรฟิสิกส์มันยากกว่านี้หลายเท่าเลย(มั้ง)  สมควรแล้วที่แกจะบอกว่ามันยากน่ะ  เพราะแกถนัดทุกเรื่องในด้านวิชาการนี่(ยกเว้นเรื่องความรัก  ฮ่าๆ)

                      อืม  งั้นฉันว่าเราก็ควรจะต้องจัดฉากให้ฝ้ายกับพี่โจมาปิ๊งกันให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ใช่  ทำไมฉันถึงคิดไม่ออกเลยนะ   จัดฉาก  ใช่  ต้องจัดฉากซินะ

                      บีเป็นคนที่เก่งในด้านการแสดงมาก  และยังฝันว่าอยากเป็นผู้กำกับหนังอีก  เพราะฉะนั้นมันจึงชอบจัดฉากเป็นพิเศษ (โดยเฉพาะตอนที่มันทำให้พี่พงษ์ตกหลุมรักมัน  โค-ตะ-ระ จัดฉากเลย)

                      หลังจากที่ได้ข้อสรุปแล้วว่าพวกเราจะ จัดฉาก กันยังไงได้แล้วนั้น  พวกเราก็ลงมือกันวันนั้นเลยโดยไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า  เพราะเวลาสำคัญทุกวินาที

                      หลังเลิกเรียน(ปฏิบัติการจัดฉาก)

                      เฮ้ย  โอเคนะ

                      มาแล้วๆ  พี่โจมาแล้ว

                      ไปหลบก่อนเร็ว

                      พวกเราไปนะ

                      โชคดีนะ  แล้วเพื่อนๆตัวช่วยทั้งหลายก็หายสาบสูญไปจากที่ตรงนั้นทันที  เหลือไว้เพียงแต่ความเงียบสงบแล้วก็หญิงสาวแสนสวยไว้เพียงลำพัง

                      ฟืดดดด  ทำใจดีๆไว้ฝ้าย  ฉันสูดลมหายใจลึกพลางพูดปลอบตัวเองแล้วเริ่มทำตามแผนที่วางไว้

                      โอ๊ย  ทำไงดีเนี่ย  ทำไม่ต้องมาแบนตอนนี้ด้วยนะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×