thunderbolt | รวมทีม - thunderbolt | รวมทีม นิยาย thunderbolt | รวมทีม : Dek-D.com - Writer

    thunderbolt | รวมทีม

    จุดเริ่มต้นการรวมทีมมหาวายร้ายที่จะมีชื่อก้องโลกในอนาคต

    ผู้เข้าชมรวม

    62

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    62

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ส.ค. 67 / 15:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ณ สถานที่ไม่เปิดเผย

    หน้าจอมอนิเตอร์หกจอและทั้งหกจอมีบุคคลทั้งหกที่อยู่กันคนละสถานที่ทั้งหญิงและชายบางคนอยู่ในบาร์ บางคนพลังลงมือสังหารบุคคลสำคัญอยู่ แถมบนโต๊ะยังมีแฟ้มข้อมูลของทุกคน หญิงสาวแต่งตัวคล้ายคลึงกับสายลับด้านหลังมีดาบคาตานะสั้นสะพายอยู่ เธอกำลังจ้องมองการกระทำของแต่ละบุคคล

    “คนพวกนี้น่ะเหรอคะ..พ่อ”

    ด้านข้างของเธอมีโทรศัพท์มือถือรุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับติดต่อเดียว ทันใดนั้นก็มีเสียงจากปลายสายพูดมาว่า

    “ใช่ เธอต้องรวมทีมและทำตามปณิธานของตน”

    “คนพวกนี้มีจุดประสงค์เดียวกับลูก”

    “ถึงบางคนจะไม่ถูกกันก็เถอะ แต่ลูกจะควบคุมพวกเขาได้”

    ทันทีที่กล่าวเสียงก็ตัดไปก่อนที่โทรศัพท์จะเกิดการช็อตขึ้น เธอลองหยิบเอกสารนั้นออกมาดู และเธอตกใจใช่น้อยสำหรับบุคคลเหล่านี้ที่เคยก่อเรื่องมา บางคนก็เป็นทหารฝีมือดีแต่ฆ่าเพื่อนร่วมทีมตัวเอง บางคนก็มียศใหญ่โต แต่ก็ต้องเสียเพื่อนรักจากภารกิจจึงเข้าสู่ด้านมืด จากที่เธออ่านมาเธอสะดุดตากับคนคนหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในองค์กรเก่าของเธอ แต่ถูกไล่ออกเพราะทำภารกิจพลาดจนถูกจำคุก แต่แหกคุกที่ได้ชื่อว่า ‘นรกบนดิน’ ออกมาได้ เธอตัดสินใจได้ในทันทีว่าจะไปหาใครคนแรก

    สี่วันต่อมา ณ ลอนดอน

    ใจกลางกรุงลอนดอนพื้นที่ชุลมุนทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวต่างเดินชมแสงสียามราตรีที่ทอประกายไปทั่ว ในหมู่นั้นมีหญิงคนหนึ่งสวมผ้าคลุมขนนกสีแดงกลมลืนกับชุดราตรียืนอยู่กลางที่สะพานเวสต์มินสเตอร์เหมือนกำลังรอบางอย่างอยู่ เธอแลดูซ้ายขวาก่อนจะพบชายรูปร่างสูงสวมแว่นใส่ชุดทรงนักธุรกิจ เธอเดินเข้าหาอีกฝ่ายทันทีพร้อมตั้งใจเดินชนและแอบใช้ปักเข็มบางอย่างซึ่งมีพิษรวมถึงยาชาไว้

    “ขอโทษค่ะ”

    เธอกล่าวขึ้นก่อนจะเดินจากไปแบบเงียบ ๆ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะล้มลมเส้นเลือดของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก่อนจะเริ่มคลุ้มคลั่งดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำราวกับอสุรกาย แต่ตัวของเขาก็ระเบิดขึ้น

    ‘ยังไม่สำเร็จสินะ’

    ในขณะที่เธอกำลังเดินก็คิดในใจไปพลาง ก่อนที่จะมีสาวสวยหนึ่งสวมชุดรัดรูปสีน้ำเงินเดินเข้ามาหาเธอ นางผู้นี้มีเรือนผมธวัล ชุดที่เข้ากับรูปทรงแถม ร่างเล็กราวกับเด็กวัยมัธยม แววตาที่ดุดันราวกับราชสีห์

    “ว่าไง เจสสิก้า วอร์เท็กซ์ หรือจะให้พูดว่า ‘แรดธันเดอร์’ ดีล่ะ”

    สาวงามผู้นี้เหมือนกันจะรู้จักเธอดีกว่าที่คิด เธอดูมีสง่าราศีจะว่าสายลับก็ไม่อวยเกินไป แต่จุดประสงค์จริง ๆ ของเธอคืออะไรกันแน่

    “เธอต้องการอะไรกันแน่”

    ในตอนนี้เจสสิก้าเตรียมที่จะชักมีดออกมาเป็นเผื่อเหตุฉุกเฉิน แต่คำพูดของสาวงามตรงหน้าทำให้เธอต้องอึ้งในทันที

    “มาสร้างทีมกัน”

    ประโยคดังกล่าวทำให้สาวชุดแดงที่ไม่เคยไว้ใจใครต้องคิดหนัก อีกฝ่ายเองก็ดูจะเป็นคนพันเดียวกับตน

    “พวกผู้มีอิทธิพลเริ่มใช้อำนาจในทางมิชอบ ฉันเองก็ต้องการทำลายพวกมันเช่นเดียวกับเธอ ไม่ต้องขึ้นตรงกับฝ่ายใด ไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ เพียงแค่รวมตัวกันเพื่อล้มล้างอำนาจเก่า”

    สาวน้อยตรงหน้ายื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฎิเสธได้ให้กับเธอที่หรือที่จะไม่ตอบตกลง

    “ได้ แต่ถ้าเธอขัดขวางละก็จงบั่นหัวตัวเองซะ”

    คำพูดนั้นทำให้เด็กสาวตรงหน้ายิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจแถมสายตายังดูเป็นมิตรขึ้นเยอะกว่าก่อนหน้านี้

    “ไว้เจอกันที่นี่”

    เธอยื่นกระดาษที่มีข้อความเขียนไว้อยู่ เมื่อเธออ่านจบและเงยหน้าขึ้นมาคนตรงหน้าก็หายไปแล้ว

    สิบสองชั่วโมงถัดมา ณ สถานที่ไม่เปิดเผยในกรุงลอนดอน

    “ว่าไงอีวาน ชอว์”

    เสียงจากเด็กสาวดังขึ้นพร้อมมองไปยังสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังมัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้กับเก้าอี้ อีกฝ่ายเองก็สงสัยว่าที่นี่เป็นสถานที่ลับเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนรู้ได้ แล้วเด็กสาวคนนี้เป็นใคร การแต่งกายที่พร้อมรบ อาวุธคาตานะคู่ที่จะพายอยู่ด้านหลัง แถมยังมีปืนพกที่น่าจะเป็นกลไกพิเศษแฝงอยู่เหน็บไว้ที่เอว ชุดสีสูทสีดำเน็กไทสีแดงเสื้อด้านในสีขาว เธอเหลือบมองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกจับมัดอยู่

    “เธอเป็นใคร รู้จักที่นี่ได้ไง”

    อีวานถามออกไปด้วยความสงสัย นอกจากนี้การใช้อาวุธก็ราวกับหญิงคนนั้น ผู้ที่เคยทำปฎิบัติการ ‘ธันเดอร์โบลท์’ สำเร็จด้วยตัวคนเดียว แถมช่วยชีวิตตัวประกันได้ครบทุกคนแบบไร้รอยขีดข่วน

    “อย่าบอกนะว่า…เธอ..”

    ไม่ทันที่จะพูดอะไรสาวน้อยคนนั้นก็เดินมาหาเธอพร้อมยื่นกระดาษบางอย่างให้ นั่นคือข้อมูลทั้งหมดที่เธอต้องการรู้ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองก็ไม่พบอะไรตรงหน้าเลย

    หนึ่งวันถัดมา วอชิงตันดีซี ตึกแห่งหนึ่ง

    “ไม่เจอกันนานเลยนะ ลุค อีวาน”

    เสียงใสดังขึ้นจากด้านหลังสาวร่างใหญ่ราวกับนักมวยปล้ำ มีรอยสักที่แขนลวดลายของมันคล้ายมังกรของประเทศจีน คนใหญ่หันมาสนใจคนร่างเล็ก เธอปล่อยมือจากผู้ชายที่เธอซ้อมจนน่วม แถมด้านหน้าเธอยังมีคนที่โดนแบบเดียวกันกองกันอยู่สิบกว่าคน

    “เรารู้จักกันเหรอ”

    เธอไม่รู้ว่าไปทำความรู้จักกับเด็กคนนั้นตั้งแต่ตอนไหน แต่อีกฝ่ายรู้จักเธอแสดงว่าก็ต้องรู้จักเธอเป็นแน่ เธอคนนั้นชักปืนออกมาพร้อมกับยิงเล็งไปที่สาวร่างใหญ่ทันทีที่ลั่นไกอีวานก็หลบได้ทันราวกับว่ามองเห็นกระสุน

    “ฝีมือไม่ตกจริง ๆ”

    สาวน้อยเก็บปืนพร้อมหยิบเอกสารสำคัญออกมาแล้วยื่นให้อีกฝ่าย ทันที่ที่อีวานรับมาเธอก็อ่านมันพร้อมทำความเข้าใจในทันที และรู้ว่าอีกฝ่ายคือใครเพราะเคยก็เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

    “ไว้เจอกันในอีกสี่วัน”

    เสียงเล็กกล่าวขึ้นพร้อมเดินจากไปและโบกมือลาในทันที เธอรู้ว่านี่คือสิ่งที่เธอไขว่คว้ามาโดยตลอดนั่นคือการแก้แค้น

    .

    .

    .

    สิบสามชั่วโมงต่อมา ณ สถานที่ไม่เปิดเผย

    พื้นที่รกร้างแห่งนี้ไม่มีคนเข้ามานานกว่าหกปี เป็นเมืองแห่งหนึ่งที่ไร้ผู้คนอาศัย แต่มักมีข่าวลือว่าได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องมาจากในเมืองราวกับทุกข์ทรมาน และมีข่าวเกี่ยวกับลูก หรือภรรยาของผู้ทรงอิทธิพลรอบ ๆ เมืองนี้หายไปแบบลึกลับอีกด้วย

    “ว่าไง ฟรานเชส เตอร์รอย”

    เสียงใสดังขึ้นเมื่อพบชายหนุ่มคนหนึ่งร่างสูง สวมชุดทหารของเยอรมนี อาวุธครบมือ เขาเล็งปืนมายังต้นเสียงในตอนนี้นิ้วของเขาพร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกเมื่อหากอีกฝ่ายแสดงท่าทีเป็นภัยอันตราย

    “เธอคือ…”

    เขาอึ้งในทันทีที่พบสาวงามคนนี้อีกครั้ง แต่ด้วยการแยกทางกันของทั้งสองไม่ดีนักแถมความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน เขาไม่คิดว่าเธอจะมาหาเขาถึงที่

    “ใช่ฉันเอง”

    “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

    เธอเหลือบมองไปที่พื้นที่รอบ ๆ ที่เงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงลมพัดผ่านไปในยามราตรี เธอรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะโอบกอดหรือจูบกับเธอ แต่เธอนั้นไม่มีความรู้สึกนั้นอีกต่อไป เธอค่อย ๆ เดินเข้าหาอีกฝ่าย ปืนไรเฟิลถูกลดลงมาให้ปลอดภัย เขาจ้องมองไปยังหญิงสาว เมื่อเข้ามาในระยะเขาใช้มือลูบไปที่หน้าของอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย น้ำตาของเขาแทบไหลพลาดเมื่อรู้ว่าหญิงที่ตนรักยังมีชีวิตอยู่

    “ขอโทษนะ แต่เรื่องของเรามันจบไปแล้ว”

    “เอาเป็นว่านี่”

    เธอปัดมือของอีกฝ่ายออกพร้อมกับยืนแฟ้มเอกสารให้อีกฝ่าย เขาตัดสินใจรับมันมาพร้อมกับใช้มืออีกข้างจับไปที่คนตัวสูงด้วยสีหน้าที่เอ็นดู เธอรู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นไรอยู่ แต่มันไม่อาจกลับไปได้อีกต่อไป

    “ฉันหวังกับนายอยู่นะ”

    เธอโอบกอดร่างหนาไว้พร้อมหยดน้ำอันเลอค่าหลั่งรินออกจากตาคู่น้อย เธอคลายกอดพร้อมเดินจากไปแม้ว่าเธอจะรู้สึกเศร้าแต่มันก็คืองานที่เธอต้องทำ

    สามวันต่อมา ตึกแห่งหนึ่ง

    “หือตึกนี้น่ะเหรอ”

    อีวานเดินเข้าไปในตึกที่ไร้ซึ่งคน เธอไม่พบใครเลยตั้งแต่ก้าวแรกจนกระทั่งไปที่ห้องประชุม เธอพบคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น

    “อ้า วันนี้มันวันดีห่าเหวอะไรวะเนี่ย”

    “ใครก็ได้ตอบฉันทีทำไมฉันต้องมาอยู่ร่วมห้องกับยัยจอมโจรขี้ขลาดตัวนี้”

    ลุค เซียน่าลุกขึ้นเธอกำหมัดขึ้นและมีท่าทีที่จะจู่โจมตลอดเวลา

    “สมองเล็กแต่คุยโตนะ ยัยจอมห่าม”

    ในตอนที่เธอกำลังพูดนั้นเองอีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาจู่โจมเธอแล้ว


    *นี่เป็นเพียงเนื้อหาเปิดตัวเท่านั้น*

    *โปรดติดตามเนื้อหาหลักเร็ว ๆ นี้!!*

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ณ สถานที่ไม่เปิดเผย

      หน้าจอมอนิเตอร์หกจอและทั้งหกจอมีบุคคลทั้งหกที่อยู่กันคนละสถานที่ทั้งหญิงและชายบางคนอยู่ในบาร์ บางคนกำลังลงมือสังหารบุคคลสำคัญอยู่ แถมบนโต๊ะยังมีแฟ้มข้อมูลของทุกคน หญิงสาวแต่งตัวคล้ายคลึงกับสายลับด้านหลังมีดาบคาตานะสั้นสะพายอยู่ เธอกำลังจ้องมองการกระทำของแต่ละบุคคล

      “คนพวกนี้น่ะเหรอคะ..พ่อ”

      ด้านข้างของเธอมีโทรศัพท์มือถือรุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับติดต่อเดียว ทันใดนั้นก็มีเสียงจากปลายสายพูดมาว่า

      “ใช่ เธอต้องรวมทีมและทำตามปณิธานของตน”

      “คนพวกนี้มีจุดประสงค์เดียวกับลูก”

      “ถึงบางคนจะไม่ถูกกันก็เถอะ แต่ลูกจะควบคุมพวกเขาได้”

      ทันทีที่กล่าวเสียงก็ตัดไปก่อนที่โทรศัพท์จะเกิดการช็อตขึ้น เธอลองหยิบเอกสารนั้นออกมาดู และเธอตกใจใช่น้อยสำหรับบุคคลเหล่านี้ที่เคยก่อเรื่องมา บางคนก็เป็นทหารฝีมือดีแต่ฆ่าเพื่อนร่วมทีมตัวเอง บางคนก็มียศใหญ่โต แต่ก็ต้องเสียเพื่อนรักจากภารกิจจึงเข้าสู่ด้านมืด จากที่เธออ่านมาเธอสะดุดตากับคนคนหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในองค์กรเก่าของเธอ แต่ถูกไล่ออกเพราะทำภารกิจพลาดจนถูกจำคุก แต่แหกคุกที่ได้ชื่อว่า ‘นรกบนดิน’ ออกมาได้ เธอตัดสินใจได้ในทันทีว่าจะไปหาใครคนแรก

      สี่วันต่อมา ณ ลอนดอน

      ใจกลางกรุงลอนดอนพื้นที่ชุลมุนทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวต่างเดินชมแสงสียามราตรีที่ทอประกายไปทั่ว ในหมู่นั้นมีหญิงคนหนึ่งสวมผ้าคลุมขนนกสีแดงกลมกลืนกับชุดราตรียืนอยู่กลางที่สะพานเวสต์มินสเตอร์เหมือนกำลังรอบางอย่างอยู่ เธอแลดูซ้ายขวาก่อนจะพบชายรูปร่างสูงสวมแว่นใส่ชุดทรงนักธุรกิจ เธอเดินเข้าหาอีกฝ่ายทันทีพร้อมตั้งใจเดินชนและแอบใช้ปักเข็มบางอย่างซึ่งมีพิษรวมถึงยาชาไว้

      “ขอโทษค่ะ”

      เธอกล่าวขึ้นก่อนจะเดินจากไปแบบเงียบ ๆ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะล้มลมเส้นเลือดของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก่อนจะเริ่มคลุ้มคลั่งดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำราวกับอสุรกาย แต่ตัวของเขาก็ระเบิดขึ้น

      ‘ยังไม่สำเร็จสินะ’

      ในขณะที่เธอกำลังเดินก็คิดในใจไปพลาง ก่อนที่จะมีสาวสวยหนึ่งสวมชุดรัดรูปสีน้ำเงินเดินเข้ามาหาเธอ นางผู้นี้มีเรือนผมธวัล ชุดที่เข้ากับรูปทรงแถม ร่างเล็กราวกับเด็กวัยมัธยม แววตาที่ดุดันราวกับราชสีห์

      “ว่าไง เจสสิก้า วอร์เท็กซ์ หรือจะให้พูดว่า ‘แรดธันเดอร์’ ดีล่ะ”

      สาวงามผู้นี้เหมือนกันจะรู้จักเธอดีกว่าที่คิด เธอดูมีสง่าราศีจะว่าสายลับก็ไม่อวยเกินไป แต่จุดประสงค์จริง ๆ ของเธอคืออะไรกันแน่

      “เธอต้องการอะไรกันแน่”

      ในตอนนี้เจสสิก้าเตรียมที่จะชักมีดออกมาเป็นเผื่อเหตุฉุกเฉิน แต่คำพูดของสาวงามตรงหน้าทำให้เธอต้องอึ้งในทันที

      “มาสร้างทีมกัน”

      ประโยคดังกล่าวทำให้สาวชุดแดงที่ไม่เคยไว้ใจใครต้องคิดหนัก อีกฝ่ายเองก็ดูจะเป็นคนพันเดียวกับตน

      “พวกผู้มีอิทธิพลเริ่มใช้อำนาจในทางมิชอบ ฉันเองก็ต้องการทำลายพวกมันเช่นเดียวกับเธอ ไม่ต้องขึ้นตรงกับฝ่ายใด ไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ เพียงแค่รวมตัวกันเพื่อล้มล้างอำนาจเก่า”

      สาวน้อยตรงหน้ายื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฎิเสธได้ให้กับเธอที่หรือที่จะไม่ตอบตกลง

      “ได้ แต่ถ้าเธอขัดขวางละก็จงบั่นหัวตัวเองซะ”

      คำพูดนั้นทำให้เด็กสาวตรงหน้ายิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจแถมสายตายังดูเป็นมิตรขึ้นเยอะกว่าก่อนหน้านี้

      “ไว้เจอกันที่นี่”

      เธอยื่นกระดาษที่มีข้อความเขียนไว้อยู่ เมื่อเธออ่านจบและเงยหน้าขึ้นมาคนตรงหน้าก็หายไปแล้ว

      สิบสองชั่วโมงถัดมา ณ สถานที่ไม่เปิดเผยในกรุงลอนดอน

      “ว่าไงอีวาน ชอว์”

      เสียงจากเด็กสาวดังขึ้นพร้อมมองไปยังสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังมัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้กับเก้าอี้ อีกฝ่ายเองก็สงสัยว่าที่นี่เป็นสถานที่ลับเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนรู้ได้ แล้วเด็กสาวคนนี้เป็นใคร การแต่งกายที่พร้อมรบ อาวุธคาตานะคู่ที่จะพายอยู่ด้านหลัง แถมยังมีปืนพกที่น่าจะเป็นกลไกพิเศษแฝงอยู่เหน็บไว้ที่เอว ชุดสีสูทสีดำเน็กไทสีแดงเสื้อด้านในสีขาว เธอเหลือบมองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกจับมัดอยู่

      “เธอเป็นใคร รู้จักที่นี่ได้ไง”

      อีวานถามออกไปด้วยความสงสัย นอกจากนี้การใช้อาวุธก็ราวกับหญิงคนนั้น ผู้ที่เคยทำปฎิบัติการ ‘ธันเดอร์โบลท์’ สำเร็จด้วยตัวคนเดียว แถมช่วยชีวิตตัวประกันได้ครบทุกคนแบบไร้รอยขีดข่วน

      “อย่าบอกนะว่า…เธอ..”

      ไม่ทันที่จะพูดอะไรสาวน้อยคนนั้นก็เดินมาหาเธอพร้อมยื่นกระดาษบางอย่างให้ นั่นคือข้อมูลทั้งหมดที่เธอต้องการรู้ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองก็ไม่พบอะไรตรงหน้าเลย

      หนึ่งวันถัดมา วอชิงตันดีซี ตึกแห่งหนึ่ง

      “ไม่เจอกันนานเลยนะ ลุค เซียน่า”

      เสียงใสดังขึ้นจากด้านหลังสาวร่างใหญ่ราวกับนักมวยปล้ำ มีรอยสักที่แขนลวดลายของมันคล้ายมังกรของประเทศจีน คนใหญ่หันมาสนใจคนร่างเล็ก เธอปล่อยมือจากผู้ชายที่เธอซ้อมจนน่วม แถมด้านหน้าเธอยังมีคนที่โดนแบบเดียวกันกองกันอยู่สิบกว่าคน

      “เรารู้จักกันเหรอ”

      เธอไม่รู้ว่าไปทำความรู้จักกับเด็กคนนั้นตั้งแต่ตอนไหน แต่อีกฝ่ายรู้จักเธอแสดงว่าก็ต้องรู้จักเธอเป็นแน่ เธอคนนั้นชักปืนออกมาพร้อมกับยิงเล็งไปที่สาวร่างใหญ่ทันทีที่ลั่นไกอีวานก็หลบได้ทันราวกับว่ามองเห็นกระสุน

      “ฝีมือไม่ตกจริง ๆ”

      สาวน้อยเก็บปืนพร้อมหยิบเอกสารสำคัญออกมาแล้วยื่นให้อีกฝ่าย ทันที่ที่อีวานรับมาเธอก็อ่านมันพร้อมทำความเข้าใจในทันที และรู้ว่าอีกฝ่ายคือใครเพราะเคยก็เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

      “ไว้เจอกันในอีกสี่วัน”

      เสียงเล็กกล่าวขึ้นพร้อมเดินจากไปและโบกมือลาในทันที เธอรู้ว่านี่คือสิ่งที่เธอไขว่คว้ามาโดยตลอดนั่นคือการแก้แค้น

      .

      .

      .

      สิบสามชั่วโมงต่อมา ณ สถานที่ไม่เปิดเผย

      พื้นที่รกร้างแห่งนี้ไม่มีคนเข้ามานานกว่าหกปี เป็นเมืองแห่งหนึ่งที่ไร้ผู้คนอาศัย แต่มักมีข่าวลือว่าได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องมาจากในเมืองราวกับทุกข์ทรมาน และมีข่าวเกี่ยวกับลูก หรือภรรยาของผู้ทรงอิทธิพลรอบ ๆ เมืองนี้หายไปแบบลึกลับอีกด้วย

      “ว่าไง ฟรานเชส เตอร์รอย”

      เสียงใสดังขึ้นเมื่อพบชายหนุ่มคนหนึ่งร่างสูง สวมชุดทหารของเยอรมนี อาวุธครบมือ เขาเล็งปืนมายังต้นเสียงในตอนนี้นิ้วของเขาพร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกเมื่อหากอีกฝ่ายแสดงท่าทีเป็นภัยอันตราย

      “เธอคือ…”

      เขาอึ้งในทันทีที่พบสาวงามคนนี้อีกครั้ง แต่ด้วยการแยกทางกันของทั้งสองไม่ดีนักแถมความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน เขาไม่คิดว่าเธอจะมาหาเขาถึงที่

      “ใช่ฉันเอง”

      “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

      เธอเหลือบมองไปที่พื้นที่รอบ ๆ ที่เงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงลมพัดผ่านไปในยามราตรี เธอรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะโอบกอดหรือจูบกับเธอ แต่เธอนั้นไม่มีความรู้สึกนั้นอีกต่อไป เธอค่อย ๆ เดินเข้าหาอีกฝ่าย ปืนไรเฟิลถูกลดลงมาให้ปลอดภัย เขาจ้องมองไปยังหญิงสาว เมื่อเข้ามาในระยะเขาใช้มือลูบไปที่หน้าของอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย น้ำตาของเขาแทบไหลพลาดเมื่อรู้ว่าหญิงที่ตนรักยังมีชีวิตอยู่

      “ขอโทษนะ แต่เรื่องของเรามันจบไปแล้ว”

      “เอาเป็นว่านี่”

      เธอปัดมือของอีกฝ่ายออกพร้อมกับยืนแฟ้มเอกสารให้อีกฝ่าย เขาตัดสินใจรับมันมาพร้อมกับใช้มืออีกข้างจับไปที่คนตัวสูงด้วยสีหน้าที่เอ็นดู เธอรู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นไรอยู่ แต่มันไม่อาจกลับไปได้อีกต่อไป

      “ฉันหวังกับนายอยู่นะ”

      เธอโอบกอดร่างหนาไว้พร้อมหยดน้ำอันเลอค่าหลั่งรินออกจากตาคู่น้อย เธอคลายกอดพร้อมเดินจากไปแม้ว่าเธอจะรู้สึกเศร้าแต่มันก็คืองานที่เธอต้องทำ

      สามวันต่อมา ตึกแห่งหนึ่ง

      “หือตึกนี้น่ะเหรอ”

      อีวานเดินเข้าไปในตึกที่ไร้ซึ่งคน เธอไม่พบใครเลยตั้งแต่ก้าวแรกจนกระทั่งไปที่ห้องประชุม เธอพบคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น

      “อ้า วันนี้มันวันดีห่าเหวอะไรวะเนี่ย”

      “ใครก็ได้ตอบฉันทีทำไมฉันต้องมาอยู่ร่วมห้องกับยัยจอมโจรขี้ขลาดตัวนี้”

      ลุค เซียน่าลุกขึ้นเธอกำหมัดขึ้นและมีท่าทีที่จะจู่โจมตลอดเวลา

      “สมองเล็กแต่คุยโตนะ ยัยจอมห่าม”

      ในตอนที่เธอกำลังพูดนั้นเองอีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาจู่โจมเธอแล้ว


      *นี่เป็นเพียงเนื้อหาเปิดตัวเท่านั้น*

      *โปรดติดตามเนื้อหาหลักเร็ว ๆ นี้!!*

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×