ตอนที่ 9 : อ้อยคว่ำครั้งที่ 8
บทที่ 8
แด๊ดดี้มันยาวไป
ไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษด้วย
ขอเรียกผัวเลยแล้วกัน
“ จะให้เรียกแบบนั้นจริงๆเหรอครับ ” ผมถามเสียงซื่อ
( หึ แล้วแต่เราสิ )
มึงคิดว่ากำลังคุยอยู่กับใครครับ
“ งั้น... ”
( ... )
“ ฝันดีนะครับ แด๊ดดี้ ”
จุดยิ้มร้ายบนมุมปากไม่ได้รอฟังอะไรต่อกดวางสายแล้วนั่งปิดปากหัวเราะชอบใจอยู่คนเดียวประมาณสิบนาทีก่อนจะเล่นคอมต่อ...
แต่คิดอะไรดีๆได้ขึ้นมาเหรอเปิดเข้าหน้าเฟซบุ๊คตัวเองเพื่อโพสอะไรบ้างอย่าง...
นับสองคนเดิมเพิ่มเติมคือความหล่อ
เขาให้ผมเรียกว่า แด๊ดดี้
ใช่ #แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ รึเปล่านะ
“ เชี่ยนับบบบบ โพสเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย! แด๊ดดี้คืออารายยย! ”
เสียงโหวกเหวกตั้งแต่หน้าคณะยันในห้องเรียน ผมนั่งเท้าคางมองเพื่อนผู้หญิงในคลาสสามคนยืนกอดอกบ้างเท้าเอวบ้างอีกคนหนักหน่อยคือจะบีบคอผมตายแล้ว
“ ก็ไม่ได้โพสอะไร ” พยายามแกะมือของชีสออก เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่แรงควายสุดๆ
“ โอ๊ยยย อิตอแหล บอกกูมาใครให้มึงเรียกว่าแด๊ดดี้วะ ” ปิงสาวเท่เพราะหุ่นมันสูงชะลูดแถมยังมองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “ เร็วๆ ใช่พี่เก้ารึเปล่า ”
“ ก็ไม่รู้ ” ผมฉีกยิ้มปริศนาให้สามสาวจอมเสือกขาเม้าท์ของชั้นปีไป “ พ่อแม่ส่งให้มาเรียนนะไม่ได้ส่งมาให้เสือกเรื่องชาวบ้าน ”
“ มันจี๊ดเลย ”
“ อือหือ ปากร้าย ”
“ พูดงี้ตบหน้ากูเลยเถอะ ”
สาวสวยยังคงตื๊อผมต่อไปจะคาดคั้นให้ได้ว่าใครคือคนที่ผมสื่อถึงส่วนใหญ่คอมเม้นท์จะออกไปทางพี่เก้านะทั้งที่อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้
เช่น...
“ เฮ้ย นับ ” เพื่อนผู้ชายแถวหน้าตะโกนข้ามหัวมา “ แด๊ดดี้มึงนี่ไอ้จินเหรอ ”
...เดธแอร์สัด
ถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยแล้วนึกถึงคอมเม้นไอ้เพื่อนเหี้ยนั่น
จินหยาง : แด๊ดดี้ที่นอนกับมึงทุกวันจะแปลว่าอะไรล่ะ
อิช่อเอ๊ยยยย ติดเรทมาก
กูอยากถามมึงเหลือเกินว่ามึงไม่ขยะแขยงตอนพิมพ์บ้างเหรอแล้วเมากาวเหรอหรือเมาตำราเรียนถึงมาปั่นประสาทกูเนี่ยจนแท็ก #จินนับ แม่งเริ่มมาล่ะ
เจ๊ๆจะสร้างเรือผีอีกลำไม่ได้! ทุกคนต้องลงลำ #พี่เก้าน้องนับ เว้ยยยยยยยยย!
“ จินพ่อมึงสิ ” ตะโกนด่าพ่อด่าแม่ไปทีแล้วทำหน้าเซ็งใส่ หยิบขนมปังที่ซื้อติดมาจากร้านสะดวกซื้อมาแกะกินไม่สนใจเรื่องชาวบ้านที่สามสาวกำลังพูดคุยอย่างเมามันส์
ไวท์ที่กำลังดูดนมเปรี้ยวขวดเล็กอยู่หันมาสนใจผม “ สรุปพี่เก้าใช่ปะ ”
“ โธ่ จะมีใครไปได้นอกจากพี่เก้าของน้องนับ ” มาร์คเอ่ยแทรกตอบแทนแล้วทำตาสอดรู้สอดเห็น “ แล้วนี่มึงยอมให้พี่เขาเป็นผะ... แด๊ดดี้มึงเหรอ ”
“ ไม่มีทาง ” ผมเบะปากแล้วกินขนมต่อไป
ใครจะไปยอมโดนกดฟะ
บางทีแด๊ดดี้อาจจะโดนลูกชายกดแทนก็ได้นะ
เด็กมันแซ่บนะครับ
“ แล้ว... โอ๊ะ อาจารย์เข้าแล้ว ” ไอ้มาร์คกำลังจะพูดต่อแต่เหลือบตาเห็นอาจารย์เข้ามาพอดีเลยเป็นอันต้องหยุดไปเพราะอาจารย์คนนี้แม่งดุฉิบหายใครคุยกันโดนไล่ออกนอกห้องลูกเดียว
วันนี้เป็นภาคบรรยายเนื้อหาค่อนข้างเยอะ ผมจดตามสไลด์จนมือหงิกแล้ว... พอได้เวลาพักสิบนาทีผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กตามความเคยชิน ส่วนเพื่อนอีกสองตัวมันไปเข้าห้องน้ำ พอเปิดเน็ตปุ๊บเครื่องมันสั่นยิ่งกว่าแผ่นดินไหวแปดริกเตอร์อีกใช้เวลาเกือบสามนาทีกว่าจะหยุด
เกิดเหี้ยอะไรขึ้นวะเนี่ย
มีแจ้งเตือนกระหน่ำจากเฟซบุ๊คเยอะมากจนผมเริ่มหวั่นใจว่ามีอะไรร้ายแรงรึเปล่าวะ... กลั้นใจเปิดเข้าไปดูแล้วตาแทบถลนกับจำนวนแอดเฟรนด์กว่าสามพันคนยอดติดตามพุ่งขึ้นพรวดจะแตะสองหมื่นไหนจะแจ้งเตือนปาไปเป็นพันๆแล้ว เฮ้ย... เกิดอะไรขึ้นวะ
ลอกแลกทำอะไรไม่ถูกเลยเลือกกดเข้าแจ้งเตือนบนสุดก่อนเลย เป็นการแท็กจากใครที่ไหนก็ไม่รู้...แล้วมันก็เด้งไปยังหน้าโพสของ...
พี่เก้านะครับ ได้แชร์โพส นับสองคนเดิมเพิ่มเติมคือความหล่อ
อ่า... ถ้าไม่ได้แปลว่าพ่อ
แล้วที่เรียกพี่เเบบนั้น
มันแปลว่าอะไรเหรอครับนับสอง?
“ แกๆ นั่นใช่น้องนับสองรึเปล่า ”
“ ใครเหรอ ”
“ อินี่บ้านอยู่หลังเขาเหรอ คู่จิ้นใหม่เก้าไง! ”
“ ใช่เหรอ แล้วพี่ต้าไปไหนแล้ว ”
“ พี่ต้าเกี่ยวอะไร เขามีพี่พีอยู่แล้วปะ ”
ผมกลอกตามองบนฟังเรื่องซุบซิบนินทามาตั้งแต่ยังไม่ได้กินข้าวจนตอนนี้กินข้าวเสร็จแล้วก็ยังไม่หลุดพ้นหัวข้อสนทนาสักที ช่วงบ่ายพวกผมไม่มีเรียนกะว่าจะเข้าไปห้องเชียร์ให้รุ่นพี่เห็นหน้าสักหน่อยแล้วพอเย็นหน่อยๆค่อยขอตัวออกมาวันนี้มีแข่งบาสนี่ครับก็ต้องไปดูเป็นธรรมดาหลังคู่แรกแข่งเสร็จทีมผมต้องซ้อมต่อ
“ ดังใหญ่แล้วเพื่อนกู ” มาร์คว่าเสียงสนุกพลางจิ้มโทรศัพท์อ่านคอมเม้นในโพสของพี่เก้าไม่หยุด “ อะไรยังไงคะพี่เก้า โอ้ววว เปิดตัวเหรอพี่เก้า ”
“ พอได้แล้ว รำคาญ ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ส่ายหน้าปลงๆ โดนล้อมากๆมันไม่ได้เขินแต่รำคาญ
“ เออๆ ” พอเห็นว่าผมไม่เล่นด้วยไอ้มาร์คเลยเบ้ปากหมั่นไส้ล่าถอยไป “ อ้าว อชิมาไงวะ ”
หือ... ผมหันไปมองคนมาใหม่ที่เดินเอื่อยเข้ามาทิ้งตัวนั่งข้างๆผมเพราะไอ้ไวท์กับเหี้ยมาร์คนั่งติดกัน ส่งน้ำแก้วให้มันกินเพราะสงสารเห็นเหงื่อโชกมาเลย
อชิรับไปดื่มอย่างรวดเร็วก่อนจะคืนให้ผม “ ขอบใจ ”
ผมมองแก้วที่เหลือแต่น้ำแข็งเปล่าแล้วโบกหัวมันไปที “ แดกไม่เกรงใจเจ้าของเลยห่า ”
“ นิดๆหน่อยๆ เพื่อนกัน ” อชิว่าแล้วยื่นบัตรเข้างานเกมให้กับไอ้ไวท์ที่ตาลุกวาวเลย “ เอ้า ของมึง ”
“ น่ารักมาก ” ไวท์รับไปแล้วส่งจูบตอบแทนไปให้เห็นว่าเพื่อนไอ้อชิมีคนหนึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับเกมที่ไอ้ไวท์เล่น มันเลยขอให้ช่วยขอบัตรเข้างานมาให้
“ วันนี้มึงแข่งบาสรึเปล่า ” อชิถามผมเสียงนิ่ง
“ เปล่า ” ส่ายหน้าแล้วหยิบแก้วน้ำไอ้ไวท์มากิน “ กูแข่งพรุ่งนี้ ”
“ เออ ว่างๆจะแวะไปดูแล้วกัน ” ดีมาก มีคนหล่อมาเชียร์แล้วมันมีกำลังใจ “ มึงลงกีฬาอะไรบ้าง ”
“ มีอะไรมากูก็ลงหมด ”
“ มึงลงบอลเปล่า ”
“ ก็ลงนะ ” ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น “ มีอะไรรึเปล่าวะ ”
“ ปีสามบอกว่าถ้าไม่ชนะบอลก็เลิกคิดเรื่องรับรุ่นได้เลย ” พูดเรื่องนี้แล้วมันเหนื่อยใจอยู่เหมือนกันจะว่ายังไงดีล่ะผมไม่ได้เข้าประชุมเชียร์หรือรับน้องเลยไม่ค่อยจะรู้ความเป็นไปสักเท่าไหร่
พวกเรานั่งคุยกันอีกนิดๆหน่อยนอกจากกีฬาก็ยังมีเรื่องล่าลายเซ็นของปีสองที่ตอนนี้ยังไม่มีพี่คนไหนยอมเซ็นต์ให้เลยระหว่างที่นั่งกันอยู่ผมเห็นกลุ่มพี่ลมซึ่งเป็นพี่ว๊ากในตอนแรกของการรับน้องเดินหน้านิ่งเข้าโรงอาหารกันมา
“ มึง... กูไปขอลายแซ็นต์พี่ลมดีมั้ย ”
“ มึงอยากตายเหรอ ” ไวท์ทำตาโตทันที “ มึงจะไปก็ไปคนเดียวเลย กูไม่ไป ”
เห็นเพื่อนขี้ป๊อดแล้วขี้เกียจจะเซ้าซี้เลยหิ้วคอเสื้อไอ้อชิให้มาเป็นเพื่อน มันก็ดีนะตามมาเฉยเลย... เสียงพูดคุยในกลุ่มพวกพี่เขาเงียบลงทันทีเมื่อเห็นปีหนึ่งเข้า
“ สวัสดีครับ ” พวกผมยกมือไหว้ตามธรรมเนียมแล้วยื่นสมุดให้พวกพี่เขา “ ขอลายเซ้นต์หน่อยครับ ”
ทั้งกลุ่มขมวดคิ้วทันทีก่อนจะเริ่มต้นพูดคุยกัน “ ปีสองคนแรกเลยนะที่เข้ามาขอ ”
“ ใจกล้าดี ” พี่ลมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตานิ่งๆ “ เอามาสิ ”
เครื่องหมายคำถามแปะบนหน้าผากทันทีเมื่อคนตรงหน้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเถื่อนแบมือแล้วดึงสมุดผมกับอชิไปเซ็นต์ง่ายๆไม่ได้มีการแกล้งเลย จากนั้นก็ส่งให้รุ่นพี่ในโต๊ะต่อ
“ ทำไมให้ง่าย ” อชิอดไม่ได้ที่ถามด้วยหน้ามึนๆของมัน
“ หรือคุณจะอยากวิ่งรอบคณะก่อน ” พี่ลมถามเสียงเบื่อๆ เมื่อเซ็นต์ให้เสร็จก็คือ “ ผมแค่สงสาร... ดูเหมือนปีสองจะไม่เอาพวกคุณเลยนะ ” เหยียดยิ้มพอใจเพราะเขาคงเห็นหน้ากระดาษที่ว่างเปล่ามากมาย
“ ขาพี่เป็นยังไงบ้างครับ ” ผมถามออกไปเพราะรู้มาว่าพี่ลมรับโทษจากปีสามคนเดียวด้วยการวิ่งรอบสนามบอลกว่าร้อยรอบ ซึ่งในบรรดาปีหนึ่งที่ไม่เข้าเชียร์วันนั้นมีผมรวมอยู่ด้วยแต่ว่าผมไปทำกิจกรรมของกองประกวดดาวเดือน
“ ไม่ต้องไปถามหรอกน้องเดือน ” พี่เปรี้ยวสาวแท้คนเดียวของกลุ่มว่าจีบปากจีบคอ “ มีรุ่นน้องน่ารักตามดูแลไม่ห่างขนาดนั้นแผลคงหายไวมาก ”
“ หุบปากอิเปรี้ยว ” สีหน้าพี่ลมดูจะหงุดหงิดขึ้นมา
“ อุ๊ยตายยยย พูดถึงก็มาเลยว่ะ ” เพื่อนในกลุ่มอีกคนเอ่ยแซวก่อนผมจะเห็นว่ามีคนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า อ้าวไอ้นี่... “ ว่าไงน้องไต้ฝุ่นวันนี้มาทำอะไรเอ่ย ”
“ วันนี้มากินข้าวกับพี่ลมครับ ” รอยยิ้มสุภาพกับใบหน้าหล่อฉิบของเพื่อนในกองประกวดดาวเดือนกระแทกตาผมเต็มๆก่อนที่คนมาใหม่จะหันมามองผมแล้วทักทาย “ อ้าว นับสอง...เจอพอดีเลยเย็นนี้ซ้อมบาสด้วยนะ ”
“ อ้อ เออๆ ”ผมพยักหน้าลงแบบเอ๋อๆแล้วมองดูไต้ฝุ่นที่กำลังสนุกกับอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของพี่ลมจนสุดท้ายคนอายุมากกว่าทนไม่ไหวจริงเดินหนีไปโดยมีไต้ฝุ่นเดินตามต้อยๆ
“ อย่าไปสนใจเลยน้องเดือน ” พี่เปรี้ยวยังคงเรียกผมแบบนั้น “ พรุ่งนี้เราแข่งบาสเดือนใช่มั้ย แนตตี้บอกพี่แล้ว ”
“ ครับ ” ผงกหัวรับ
“ พรุ่งนี้พวกปีสองน่าจะไปดู ” พี่คนที่หน้าหวานๆพูดขึ้น “ โชว์สปิริตเดือนวิศวะหน่อยแล้วกัน ”
พยักหน้ารับแล้วชวนไอ้อชิกลับโต๊ะปล่อยให้พวกพี่เขาได้กินข้าวกัน พวกพี่เขาก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนะ ดูเหมือนว่าพอจะไม่ได้เป็นพี่ว๊ากแล้วเลยทำตัวชิวๆล่ะมั้งพอไอ้มาร์คไอ้ไวท์เห็นลายเซ็นต์แล้วก็โอดครวญ...สมน้ำหน้าไม่ไปเอง
จากนั้นอีกสักพักพวกเราก็แยกกับไอ้จินเพราะมันมีเรียนต่ออีกวิชาส่วนผมถูกกองประกวดเรียกตัวด่วนเห็นว่าเป็นเรื่องออกค่ายกิจกรรมที่ทะเลต้องใช้บัตรนักศึกษาเป็นอันว่าการเข้าประชุมเชียร์ของผมก็ต้องปิดพับไป...
“ พี่กิ่งครับ ผมขอนอนพักในห้องได้มั้ย ”
ก็มันเหลือเวลาตั้งสองชั่วโมงกว่าจะแข่งบาสจะให้กลับหอก่อนก็ขี้เกียจ
“ ตามสบายๆ ” พี่กิ่งกำลังวุ่นอยู่กับการโทรตามน้องๆ “ ห้องทางซ้ายเห้นว่าไอ้เก้านอนอยู่มั้งเปิดแอร์ด้วยเข้าไปนอนเย็นๆไป ”
หือ? พี่เก้าเหรอ
ผมฉีกยิ้มทันทีแล้วขอบคุณพี่กิ่งจากนั้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องที่ว่านั้นเปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือเพราะเกรงว่าจะปลุกคนที่นอนอยู่ให้ตื่น สิ่งแรกที่พบเจอคือความเย็นยะเยือกของแอร์... มึงเปิดกี่องศาเนี่ย
กวาดตามองดูรอบๆห้องก็พบกับร่างสมส่วนนอนเหยียดยยาวอยู่บนโซฟาสีเข้มท่าทางสบายอารมณ์เหลือเกิน สงสัยจะแอบมางีบที่นี่บ่อย ผมย่องเข้าไปใกล้ด้วยใจเต้นโครมครามยิ่งเข้าใกล้ได้ยินเสียงลมหายใจเสมอสม่ำแล้วรู้สึกจะเป็นลม... หลุบต่ำลงต่ำมองกระดุมเสื้อสองเม็ดบนไม่ได้ถูกติดเปิดอ้าโชว์แผ่นอกแน่นสวยๆ
ซี๊ด... อยากจะยื่นมือไปลูบไล้
ลักหลับพี่มันตอนนี้ผิดมั้ย
อากาศอยากจะนอนงีบปลิวหายไปเลยคลานเข่ากระดึ๊บๆไปนั่งใกล้ๆมองใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบกำลังหลับตาพริ้มด้วยยิ้มเบาบางนั่งมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปคนนอนหลับไม่รู้เรื่องสิบกว่าช็อต
“ ผิวเนียนเหี้ยๆ ” ผมอุทานเบาๆจ้องผิวแก้มเนียนไร้สิวของพี่เก้าด้วยความอิจฉา
กลืนน้ำลายอย่างลำบากพยายามอดทนไม่กระโจนฟัดเนื้อตรงหน้า
โห... นี่มันทดสอบกันชัดๆ
อยากจะงับแก้มแล้วเคี้ยวๆจังเลย
แต่ปากนั้นก็ท่าทางจะนุ่ม
หรือผมควรลองชิมดู พี่มันบอกอยากจะลองฟาดปากกับผมสักทีไม่ใช่เหรอ
ผมหันซ้ายหันขวาเล็กน้อยแล้วกลับมาจ้องพี่เก้าที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องแล้วลุกขึ้นไปล็อกประตูห้องอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังต้องระวังฝีเท้าไม่ให้ดังเกินไป
กลับมาจุดเดิมแล้วจ้องกระดุมเสื้อเม็ดที่สามยกมือสั่นๆไปแกะมันออกช้าๆ ....อิแม่เอ๊ย กูขอลวนลามสักนิดให้เป็นกำไรชีวิตเถอะ
อยากจะเลีย เอ๊ย เห็นซิกแพคพี่เก้า
ใครว่ากูโรคจิตนี่ยอมรับเลยครับ
ใช้เวลานานมากกว่าจะปลดกระดุมออกหมด... กลั้นใจนับหนึ่งสองสามในใจแล้วแหวกเสื้อพี่แกออกเพื่อมองซิกแพคแน่นๆนั้นได้อย่างเต็มตา...
อึก...
ซิกแพคแน่นขยับขึ้นลงตามลมหายใจสม่ำเสมอมันเป็นภาพที่สวยงามจนผมจ้องมองเป็นเวลานานมองไล้ขึ้นไปเห็นจุดแต้มหัวนมสีน้ำตาลเข้มแล้วมันใจกระตุกลำคอแข็งแรงนั้นโคตรน่ากัดเลย
แม่... นับจะเอาคนนี้!
ปล้ำเลยได้มั้ย ไม่ไหวแล้ว!!
ครางฮือในใจดังๆแล้วสำรวจมองหน้าท้องพี่แกอีกครั้งคราวนี้ก็สะดุดกึกกับสิ่งแปลกปลอมบนสะดือของพี่เก้า ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด
เชี่ยยยยยย พี่เก้าเจาะสะดือด้วยเว้ยเฮ้ย!
“ เซ็กซี่เป็นบ้า ”
แลบลิ้นเลียปากแห้งๆของตัวเองอย่างกระหายกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึกแล้วทำใจติดกระดุมเสื้อให้พี่เก้าตามเติมเพราะเกรงว่าพี่มันจะตื่นมาซะก่อน
วันนี้ขอแค่นี้แหละ
มองแค่นี้ก็ขึ้นแล้วกู
หลังติดกระดุมกลับไปดังเดิมแล้วยกมือตีหัวตัวเองไปที... ไอ้นับ ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้ ทำไมมึงไม่ถ่ายรูปไว้ก่อนวะ!! มองเพลินจนลืมถ่ายเก็บเลย
หรือ...จะแกะอีกรอบดี
ไม่ๆ ไม่ต้องถอดเสื้อแล้ว
ถอดกางเกงแม่งเลย... อยากเห็นอะไรตุงๆแน่นๆใต้กางเกงยีนส์ฟิตๆนั่นจัง...
“ อืม ”
ผมสะดุ้งโหงละสายตาจากเป้าพี่เก้าแล้วไปมองหน้าคนส่งเสียงทันทีก็เห็นว่าพี่มันเริ่มขยับตัวแล้ว ผมจึงดีดตัวขึ้นไปนั่งโซฟาอีกตัวเพื่อทำเป็นนั่งเล่นเกมไม่ได้ยุ่งวุ่นวายอะไรกับตัวพี่มันเลย
จริ๊งจริงงงง
“ หาว... อ้าว นับสอง ” คนเพิ่งตื่นปรือตาง่วงๆหันมามองผมอย่างงุนงงเล็กน้อยแล้วยกมือปิดปากหาวอีกรอบก่อน “ มายังไงเนี่ย ”
“ เดินมาครับ ” ตอบกลับไปตามปกติตายังคงจ้องอยู่ที่เกมคุ้กกี้รันเหลือบมองคนที่กำลังยืดเส้นขยับคอแล้วต้องใจหล่นวาบ... อู้หูวววว... เส้นเลือดขึ้นซะน่ากัดเลย
รู้สึกคันเขี้ยวขึ้นมา
ขอกัดสักคำได้มั้ย
“ มานานยัง ” พี่เก้าขยับตัวนั่งดีๆก่อน
“ เพิ่งมาครับ ”
กูเพิ่งมาจริงๆนะ ไม่ได้เปิดดูเสื้อพี่เลยยยย
จงเชื่อในตาใสใสซื่อๆบริสุทธิ์ของผมซะ
“ ไม่มีเรียนเหรอ ” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนคนตัวสูงจะเงียบไปนิดนึงเหมือนกำลังตั้งสติเก็บรวบรวมความคิดให้เข้าที่ “ นึกว่าโดดซะอีก ”
“ ผมออกจะเป็นเด็กดีนะครับแด๊ดดี้ ” ยิ้มร้ายให้พี่เก้าที่ดูเหมือนจะตื่นเต็มตาแล้วพอคนฟังได้ยินแบบนั้นก็ผงกหัวรับ
“ แด๊ดดี้นี่แปลว่าอะไรเหรอ ” ยัง...ยังจะมาทำเป็นไม่รู้
“ แปลว่าพ่อ ” ตอบไปแล้วเสริม “ แต่ถ้าพี่อยากเป็นมากกว่าพ่อก็โอเคนะครับ ” วันนี้กูเตรียมอ้อยมาเต็มที่เลย
“ เป็นมากกว่าพ่อนี่... ”
“ ... ”
“ ผัวรึเปล่า ”
อิเหี้ยยยยยยย ตรงกว่านี้มีอีกมั้ย
เห็นผมอึ้งไปพี่เก้าก็ตบเข่าหัวเราะแล้วยิ้มเหมือนเคย “ ล้อเล่นน่า ” แต่แววตาพี่แม่งโคตรวาวเลยสวนทางกับคำพูดเหลือเกิน “ แต่เหมือนเราจะมีแด๊ดดี้อยู่คนไม่ใช่เหรอ ”
“ หา ”
กูดูเป็นคนเจ้าชู้แหรอ
“ จินไง ” พี่เก้าทำหน้าเหมือนไม่ได้พูดอะไรผิดแล้วกดโทรศัพท์ชูรูปที่แคปหน้าจอไว้ให้ผมดูเป็นคอมเม้นเกรียนๆของไอ้จินนั้นแหละ
มองบนตาแทบปลิ้นออกมา “ ให้เรียกมันว่าแด๊ดดี้เหรอขอผมไปเรียกกิ้งกือที่บ้านดีกว่า ”
“ นึกว่าชอบกันซะอีก ” พี่ใช้ตาตุ่มมองเหรอ!! “ เห็นจินดูหวงเรานะ ”
อยากให้กูนกสิไม่ว่า “ หวงตามประสาเพื่อน แม่ผมฝากมันไว้ ” ฝากได้ถูกคนเหลือเกิน มีมันก็เหมือนมีพ่อตามคุม จริงๆมันก็ไม่ได้เข้มงวดกับผมคนเดียวนะกับไอ้ไวท์ไอ้มาร์คก็เป็น
“ แล้วแบบนี้พี่ต้องไปหาแม่เรารึเปล่า ”
“ ไปหาทำไมครับ ”
จะไปขอผมเหรอ โอเคนะ
สินสอดไม่ต้อง
เดี๋ยวแม่ผมแถมข้าวสารอีกสิบกระสอบ ที่นาอีกร้อยไร่ให้เลย
“ จะให้เปลี่ยนคนฝากดูแล ”
“ ... ”
“ มาเป็นพี่เก้าแทนไงครับ ” ยิ้มหวานตาเชื่อมขนาดนี้ไม่ต้องขอใครทั้งนั้น กูอนุญาตตัวเองได้!
โตแล้วจะแรดแค่ไหนก็ได้!
จุ๊ๆนะ อย่าบอกแม่
เดี๋ยวจะโดนก้านมะยมตีตาย
“ ไม่รู้สิ ไม่ใช่แม่ ” กูเขินอยู่
“ ถามแน่ถ้าเราพาพี่ไปนะครับ ” จะมาเป็นแฟนลูกชายเขาก็ต้องเข้าทางครอบครัว ทำดีมั่กๆ แบบนี้แล้ว...
“ ไปวันนี้เลยมั้ยพี่ ”
“ รีบจังนะ ” เอ่ยแซวขำๆแล้วเปลี่ยนเรื่องใหม่ “ จริงสิ พี่จะบอกว่าเย็นนี้พี่ไม่ว่างแล้วนะ ”
“ อดกินเค้กเลย ” ผมยู่ปากเซ็งๆแล้วให้ความสนใจกับเกมต่อ
“ ไม่ต้องทำหน้าเสียใจขนาดนั้น ” คนมองอมยิ้ม “ พี่กำลังจะบอกว่าจะชวนเราไปกินเค้กตอนนี้นี่แหละ ”
โอ้ว ดีเลยกำลังว่างพอดี
“ งั้นไปกัน ” ผมรีบร้อนปิดเกมแล้วลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นเพราะของหวานเป็นสิ่งที่ทำให้ผมกระดี๊กระด๊าได้รองจากเรื่องผู้ชาย เอ๊ย เรื่องพี่เก้าเลยนะ
พี่เก้าลุกตามมาเอาแขนหนักๆมาคล้องคอโอบไหล่ผมซึ่งทำเอาผมเกร็งไปเหมือนกันเพราะกลิ่นน้ำหอมจากตัวพี่เก้านี่มัน...หอมมากจนอยากจะซุกไซ้เหลือเกิน
“ จะไปกินร้านไหนดีครับ ”
“ ร้านสวีทแคนดี้ ” ผมตอบทันทีพลางเดินนำออกจากห้องซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีคนอยู่แล้วสงสัยจะมาส่งบัตรนักศึกษากันครบแล้ว “ พี่เก้า หนัก ” จิ้มแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแต่ไม่ได้มากกว่าของพี่มันแรงๆไปที เหมือนว่าพี่มันจะจงใจทิ้งน้ำหนักมาเต็มๆ
“ แค่นี้เบาจะตาย ”
เบากับผีมึงสิ
โน้มมากระซิบข้าใบหู “ ถ้าทับทั้งตัว...คงหนักกว่านี้เยอะ ”
มาเลยพี่ กูพร้อมมาก!
จะนั่งทับทั้งตัวก็ไม่ว่า
ถ้าให้ดีนอนทับเลย
อ้อ...เสื้อผ้าไม่ต้องนะ
ขอแบบเนื้อแนบเนื้อเลย อ๊าส์
“ ใครจะทับใครก็ไม่รู้นะครับ ”
ยิ้มตอบกลับไปทำให้อีกฝ่ายเบิกตานิดๆแล้วหัวเราะขณะมองสำรวจตัวผมไปด้วย เราทั้งคู่เดินออกจาหอประชุมอ้อมไปด้านหลังลานจอดรถ
“ พี่เก้า ”
“ หือ ”
“ มือครับ ”
“ มือพี่ทำไม ”
“ ถ้าพี่ลูบต่ำกว่านี้จะเป้าผมแล้วนะ ”
“ นิดๆหน่อยๆเอง ”
นิดจริงๆ
อีกนิดพากูเข้าม่านรูดเลยเถอะ
“ ถือว่าเจ๊ากันไง ” พี่เก้าผละออกจากตัวผมแล้วปลดล็อกรถ
“ เจ๊ากัน? ”
“ ทีหลังจะดูซิกแพคพี่บอกกันดีๆสิ ”
“ !! ”
เหี้ยยยยยย
มึงแกล้งหลับเหรอ!!!
“ แค่บอกมา ”
“ ... ”
“ มากกว่าถอดเสื้อพี่ก็ให้ได้นะครับ : ) ”
ข้อ 1 คู่นี้อ้อยมาก
ข้อ 2 คู่นี้หื่นมาก
ฮืออออออออ เก็บศพฉันที
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อายแทนนโอ้ยย555555
222222
กดข้อ2แบบรัวๆ
ไม่ปะด้ามๆกันทั้งวันเลยเหร๊อออ555555
มวยถูกคู่มากกกทันตลอดด
อ่อยเบอร์แรงงงงงงงงง. พึ่งเข้ามาอ่านไม่ดีต่อใจเลยแม่
อากกกกก เป็นนับนิจะไม่ทนแล้ววว