คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #49 : ep38- สถาปนา
“หมายความว่ายังไงกันคะ กลายเป็นผู้หญิงไปแล้ว เรื่องใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ!?”
“เอาน่าอันย่า ก็แค่คำสาป
รอสักพักเดี๋ยวมันก็หายไปเองนั่นแหละ รีบไปตามตัวคิทตี้มาที” อรุณในร่างผู้หญิงขอร้องอันย่าผ่านหน้าจอระบบติดต่อเพื่อน แม้แต่น้ำเสียงของเขาเวลาจริงจังก็ยังฟังดูหวานใส
ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย “คุณเฟยกลายเป็นกบไปแล้วนี่เรื่องใหญ่กว่าอีก
ผมไม่รู้จะกลับไปที่ดอยทะลุเมฆายังไงแล้วเนี่ย”
“เถอะน้าอันย่า ไหว้ละครับ
ผมผิดไปแล้วที่แอบหนีมาโดยไม่บอก”
ว่าแล้วอรุณก็ยกมือไหว้อันย่าจริงๆเพื่อแสดงความจริงใจ
“..ตาบ้า” หญิงสาวเดาะลิ้นอย่างรำคาญแล้วแกล้งเบือนหน้าหลบไปสักพักหนึ่ง
ถึงอย่างนั้นเจ้าหล่อนก็ยังชายตามาดูเขาอยู่เป็นระยะ
แน่นอนว่าอรุณยังคงพนมมือก้มหัวอยู่แบบนั้นไม่เลิกรา
แม่กระต่ายน้อยคนนี้จะใจแข็งได้อีกนานแค่ไหนกัน
หญิงสาวบ่นด้วยแก้มสีระเรื่อออกมาในที่สุด “จริงๆเล้ย
เราจะยกโทษครั้งนี้เพราะเห็นแก่คุณเฟยหงก็แล้วกัน เจอกันเมื่อไหร่อรุณรอรับการลงทัณฑ์เอาไว้ได้เลย”
“ขอบคุณมากครับ! ขอบคุณมาก! จากนี้อันย่าขออะไรผมจะยอมทำให้ทุกอย่าง
ช่วยไปตามคิทตี้มาคุยกับผมที”
“พูดแล้วอย่าคืนคำล่ะ…ก็ได้ รอเราเดี๋ยวนึง”
ภาพในหน้าจอโปร่งใสถูกตัดไปแค่นั้นพร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของอรุณปานยกภูเขาออกจากอกได้สำเร็จ
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมีภูเขาสองลูกตั้งตระหง่านอยู่ใต้เสื้อที่แน่นจนปริของเขา
น้ำหนักของมันทำให้อรุณเริ่มจะปวดไหล่แล้ว
“ดูพี่อรุณอึดอัดจังเลยนะคะ”
รินในร่างอัศวินหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดทีเล่นทีจริง
เธอก็ได้รับผลจากคำสาปจนต้องเปลี่ยนเพศเช่นกัน
แต่ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในเกมแม้แต่น้อย
กลับกันเธอในภาพลักษณ์อัศวินหนุ่มนิสัยห้าวรูปร่างสูงเพรียวนั้นเรียกได้ว่าเหมาะกับบุคลิกของเจ้าตัวเป็นอย่างดี
อรุณนึกอิจฉาในใจก่อนตอบเร็วๆ “อึดอัดสิ
ความรู้สึกเวลาผู้ชายด้วยกันรุมมองด้วยสายตาหื่นกามนี่ชวนขนลุกสุดๆ
พี่เริ่มนับถือพวกนางแบบพริทตี้แล้วสิ พวกเธออดทนกันได้ยังไงนะ”
“ผิดแล้วค่ะ
ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น หนูหมายถึงตอนพี่อรุณคุยติดต่อเมื่อกี้” รินยิ้มร่าแล้วจงใจพูดให้เสียงเบาลง
ทำอย่างกับจะเล่าความลับสำคัญอย่างนั้นแหละ “บอกหน่อยสิ คนนั้นใครเหรอ”
“คนนั้น? อ๋อ อันย่าอ่ะนะ” อรุณหัวเราะกลบเกลื่อนให้กับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของสามสาว
“บังเอิญรู้จักกันระหว่างเดินทาง ที่ผ่านมาก็ได้เค้าช่วยเหลือเอาไว้ตั้งหลายอย่าง
ไปที่ไหนพี่ก็เจอแต่เรื่องวุ่นวายตลอด ทั้งที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรแท้ๆ
แต่เขาก็ไม่ยอมหนีไปไหน กลับกัน พี่ก็ไม่เคยได้มีโอกาสตอบแทนเธอกลับเลย
แถมยังพาเรื่องปวดหัวมาให้เรื่อยๆอีก ก็เลยรู้สึกเกรงใจ”
“เอ๋ๆ ความสัมพันธ์มันแบบไหนกันแน่”
รินลูบคางใช้ความคิด ก่อนเผยอยิ้มเจ้าเล่ห์ “ขนาดตกทุกขืได้ยาก
ต้องดำน้ำลุยไฟแต่เธอยังตามพี่อรุณอยู่อีก มาทรงนี้มันต้องมีลับลมคมในอะไรบางอย่างแล้วล่ะ”
‘กับยายกระต่ายเหรอ’ อรุณคิดถึงหน้าฝ่ายนั้นแล้วส่ายหน้าทันที ตอนนี้อย่างมากเขามองเธอเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
ไม่มีความลึกซึ้งอะไรอย่างที่รินมโนทั้งสิ้น จึงบอกไปตามตรงด้วยเสียงหวานๆในร่างหญิงของเขา
“เพื่อนกันเท่านั้นแหละครับ อ๊ะ!
โทรมาพอดีเลย”
อรุณตัดบทแล้วยืนยันรับการติดต่อครั้งใหม่
อันย่าโผล่หน้าออกมาอีกหนด้วยสีหน้าเอือมระอา ที่ข้างๆเธอมีสาวผมสีเงินผู้มีหูแมวงอกออกมาเป็นเอกลักษณ์
แม่คุณพอเห็นอรุณแม้อยู่ต่างสถานที่กันก็ถอนสายบัวคำนับชายหนุ่มอย่างสวยงาม “สวัสดีเจ้าค่ะนายท่าน”
“นี่เหรอคะคัลเลอร์เวเดอร์ที่กำลังเป็นข่าว
ตัวจริงผิวซีดกว่าในรูปอีก” เฟอร์น่าออกความเห็นอย่างตื่นเต้น
เธอถึงกับโบกมือทักทายคิทตี้เลยทีเดียว “ฮัลโหล สวัสดีค่า”
“สวัสดีผู้หญิงของนายท่าน
ข้าชื่อคิทตี้ มีศักดิ์เป็นคนรับใช้”
“ว้าว คุยตอบด้วยแหละริน นี่ๆเธอเป็นNPCหรือ”
“เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น
เจ้าจะถามอีกนานไหม ข้าจะคุยกับนายท่าน”
“อึ๋ย!”
เมื่อโดนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่อว่า
บวกกับรูม่านตาแบบแมวของคิทตี้ที่กำลังขยาย เพื่อจ้องสาวผมน้ำเงินแบบเอาเรื่อง
เฟอร์น่าถูกข่มอย่างง่ายดายให้เป็นฝ่ายสงบปากสงบคำไป พอแมวสาวหันไปพูดกับอรุณสีหน้าท่าทางก็กลับไปสุภาพน่ารักตามเดิม
คิทตี้ถามด้วยใบหน้าก้มต่ำนอบน้อม “ต้องการให้ข้ารับใช้อะไรเจ้าคะ”
“เห็นแล้วใช่ไหมว่าผมโดนคำสาปทำให้เปลี่ยนเพศ
แต่ว่านอกจากนั้นคลาสก็ถูกเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน
ผมเลยอยากจะถามคิทตี้หน่อยว่าพอจะรู้อะไรหรือเปล่า”
“บอกข้ามาเถอะนายท่าน”
เมื่อได้รับการยืนยันอรุณจึงเรียกข้อมูลตัวเองออกมาแสดงกำกับไปด้วย
เขาเน้นเสียงอย่างชัดเจนทีละพยางค์เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่ผิดพลาด “คลาสสอง โพรเฟ็ท(Prophet)”
“เมี้ยว! นี่คือคลาสศาสดาพยากรณ์ เลดี้สเตลล่า ยังไม่ถูกปลดปล่อยออกมา
แต่นายท่านก็มีในครอบครองแล้ว ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ของท่านลอร์ดเมทีโอ”
‘เลดี้สเตลล่า..นอกจากเมทีโอยังมีตัวอื่นอีกเหรอ?
มีเรื่องที่เราไม่รู้อีกเยอะแค่ไหนกัน นี่คงจะเป็นสายคลาสที่ยังไม่ปลดล็อกที่ระบุเป็นเครื่องหมายคำถามเอาไว้สินะ’
อรุณใช้ความคิดจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
เป็นไปได้ว่าถ้าเขาไม่ได้ไปที่โบราณสถานสีดำกับคุณดอนแล้วก็อันย่า แต่เป็นแหล่งอื่น
ไม่แน่ เขาอาจจะปลดปล่อยบอสอีกตัวที่ชื่อเลดี้อะไรสักอย่างนี้ออกมาแทน และคลาสที่ได้ก็คือ
โพรเฟ็ท ไม่ใช่ อินเวเดอร์
“นายท่านเจ้าคะ?”
“โทษทีคิทตี้
ผมใจลอยไปหน่อย” อรุณแก้ตัวแล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องสำคัญแทน “รายละเอียดไว้คุยกันทีหลังนะ ตอนนี้พวกผมกลับไปที่ดอยไม่ได้
เลยอยากขอให้คิทตี้มาช่วยรับกลับหน่อย จะได้ไหมครับ”
“เรื่องจิ๊บจ้อยมากนายท่าน
ข้าจะไปหาเดี๋ยวนี้” แมวสาวตอบสบายๆ “แล้วสถานที่ล่ะ”
“นั่นสิ..คุณเฟยเราจะไปที่ไหนนะครับ”
อรุณฉุกคิดได้จึงชะเง้อมองกบบนไหล่ณดี
หัวหน้ากิลด์หยางหลงกำลังใช้สมาธิเลยตอบอย่างรวบรัดว่าว่า ปราสาทเบิร์นนิ่งโรส
เขาเองก็ไม่รู้จักเหมือนกัน
คิทตี้ฟังแล้วส่ายหน้า “บอกเป็นชื่อข้าไม่รู้หรอกเจ้าค่ะ”
“เมืองใหญ่ทางตะวันออกของโซนสีดำไง
เรารู้จัก” อันย่ารีบบอกแล้วจ้องคัลเลอร์เวเดอร์เขม็ง
เป็นเชิงกดดัน “ไหนๆแล้วก็พาเราไปด้วยสิ
เดินทางมั่วๆกว่าจะเจอกันเดี๋ยวนายท่านเธอก็เป็นอันตรายหรอก”
“ใช่ไหมอรุณ!?”
แม่กระต่ายรีบหันมาขอความร่วมมือกับเขาทันที สายตาของเธอกดดันยิ่งกว่าตอนจ้องคิทตี้ซะอีก
จะมากี่คนก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว อรุณจึงตกลงทันที และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าพาไอริสกับซันมาได้ก็จะขอบใจมาก
คิทตี้รับคำโดยไม่อิดออด
หน้าจอสื่อสารทางไกลดับวูบลงแค่นั้น
“เฮ้อออ ถ้าเป็นเมืองใหญ่คงจะมีเสื้อขายแล้วล่ะมั้ง”
อรุณก้มหน้ามองปัญหาใหญ่สองลูก ซึ่งล้นทะลักออกมาอย่างมหาศาล จนกระดุมเสื้อของเขาต้องสังเวยไปแล้วหนึ่งเม็ด
ชุดสตาร์เกทยูนิฟอร์มตัวที่เขาใส่อยู่นี้ ตั้งแต่เมทีโอให้มาก็กรำศึกร่วมกันมาเป็นเวลานาน
ระดับความทนทานของมันคงใกล้จะหมดแล้ว พูดง่ายๆก็คือกำลังจะพัง
ถ้ายังฝืนใส่ชุดนี้ในร่างผู้หญิงต่อไป น่ากลัวว่าสิ่งที่หลุดจะไม่ใช่แค่กระดุมเม็ดเดียว
คิดเรื่องนี้แล้วอรุณยิ่งกลัดกลุ้มอยากจะไปถึงที่หมายไวๆ
การต้องนั่งเบียดกันอยู่ในที่แคบๆส่งผลเขาใจร้อนกว่าที่คิด
ชายหนุ่มในร่างสาวงามจึงร้องถามเจ้ากบหัวเขียวซึ่งต้องคำสาปเหมือนกับเขา “ปราสาทที่ว่านี่มันอยู่อีกไกลไหมครับคุณเฟย
ผมจำไม่ได้ว่าแต่ก่อนคัลเลอร์มีสถานที่ชื่อนี้อยู่ด้วย ในโซนลูนาติก
นอกจากเมืองไอเซ็นฮาวน์ น่าจะมีแต่สุสานกับซากปรักหักพังนี่นา”
“ปราสาทเบิร์นนิ่งโรส เป็นอาณาเขตที่ผู้เล่นสร้างขึ้นเองครับ”
กบเฟยหงตอบอย่างรวดรัด น้ำเสียงมันเจือความรำคาญ “ครกนี่บินช้าสุดๆ แต่ไม่เกินชั่วโมงผมว่าก็คงถึง”
ได้ยินแล้ว
อรุณกับสาวสามจึงเหลือบมองสากหินด้ามยาวที่หมุนคว้างต่างใบพัดอย่างเชื่องช้าด้วยอาการเหนื่อยใจ
ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งอยู่บนขอบของครกบินซึ่งเป็นของดรอปจากแม่มดบาบายาก้า โดยยื่นขาลงไปในตัวครก
ที่สำคัญตอนนี้ทั้งหมดอยู่ที่ระดับความสูงประมาณยี่สิบเมตรได้
หากคิดขยับเพื่อยืดเส้นยืดสายเพียงนิดเดียวอาจดันใครบางคนหล่นลงไปตาย
ถ้าให้อรุณย้อนความว่าทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้
เหตุผลก็รู้กันอยู่แล้วว่า เฟยหงเพิ่งถูกคำสาปให้กลายเป็นกบไปหมาดๆ ไม่สามารถใช้ทักษะประตูมิติได้
การฆ่าเวลาหรือกลับไปลำบากในบึงมรณะอีกก็ใช่เรื่อง
อรุณจึงเป็นคนเสนอให้นั่งครกบินหาเมืองที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อใช้ทุนทรัพย์มากมายอันประกอบด้วยเงินค่าหัวแม่มดบาบายาก้า
บวกกับการขายไอเทมดรอปนิดหน่อย
มาเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ระดับกลางของผู้เล่นระดับสี่สิบขึ้นไป เตรียมสาวๆให้พร้อมสู้ศึกซีเกทเต็มที่
‘ปัญหาคือนอกจากช้าแล้ว ยังกินพลังเวทเยอะสุดๆ
งานขับเลยต้องตกเป็นของคุณเฟยที่ระดับบเก้าสิบคนเดียว ไปถึงเมืองแล้วจะเลี้ยงน้ำให้สักขวดนะครับ’
ชายหนุ่มนึกขอบคุณหัวหน้ากิลด์หยางหลงผู้นี้แล้วทำสิ่งที่พอจะทำได้คือมองตรงไปเพื่อหาที่หมาย
ในโซนสีดำ
แม้จะเป็นช่วงกลางวันแสกๆแต่ท้องฟ้าก็จะมีเมฆสีครึ้มปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ต้นไม้และพืชผลจึงเหี่ยวแห้งซีดเซียวตามๆกันไป
เมฆบางส่วนนั้นก็ลอยต่ำใกล้พื้นเห็นเป็นหมอก
อรุณเดาว่าที่นี่คงไม่มีใครบ้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่แน่ๆ
จากนั้นเขาก็พบว่าตัวเองคิดผิด
เมื่อยอดปราสาทเบิร์นนิ่งโรสโผล่พ้นเส้นขอบฟ้า
Ë
เบิร์นนิ่งโรสที่อรุณเห็นเป็นป้อมปราการซึ่งถูกล้อมไว้ด้วยกำแพงสองชั้น
ถ้าไม่นับตัวปราสาทที่เต็มไปด้วยหอคอยยอดแหลมและคูน้ำที่ดูเคร่งขรึม
สิ่งปลูกสร้างที่ถูกต่อเติมขึ้นใหม่รอบๆกำแพงชั้นนอกของมันเทียบได้กับเมืองใหญ่ที่มีความศิวิไลซ์
แค่ลานกว้างที่ครกหินลงจอดก็ยังมีสถาปัตยกรรมตั้งไว้ตรงกลาง
เมืองที่ผู้เล่นสร้างขึ้นกันเองแบบนี้
ถ้าไม่ร่ำรวยคงหางบประมาณสร้างของสวยงามให้อรุณดูตอนนี้ไม่ได้
“คนนี้ฉันรู้จักค่ะ
เธอชื่อบลัดมูน หัวหน้ากิลด์จันทราสีเลือด”
เฟอร์น่าผู้คลั่งไคล้คนดังรีบบอกพวกเขา ขณะชะเง้อมองรูปปั้นสีนิลสูงใหญ่ของหญิงสาวผมแกละในชุดเดรสฟูฟ่อง
หล่อนนั่งไขว่ห้างอยู่บนพระจันทร์หน้าปีศาจ
สายตาอันว่างเปล่าถูกจัดให้ทำมุมเหมือนมองดูคนที่เดินทางผ่านไปมาในเมือง
“สงสัยว่าเมืองนี้คงก่อตั้งโดยพวกกิลด์บลัดมูนแน่ๆ”
“ถึงกับสร้างรูปปั้นตัวเองไว้ในเมืองเลยเหรอ
หลงตัวเองใช่เล่นเนอะ” อรุณออกความเห็นบ้าง
แล้วกวาดสายตามองผู้เล่นมากมายที่เดินผ่านไปมา
ไม่มีใครสนใจพวกเขานักซึ่งเป็นเรื่องดี
กบเฟยหงพองลมที่แก้มเหมือนดูไม่ค่อยชอบใจ
ซึ่งอรุณสังเกตเห็นเป็นคนแรก “มีปัญหาหรือเปล่าคุณเฟย”
หัวหน้ากิลด์หยางหลงส่ายหน้า
“ผมว่าพวกเราไปเดินดูของเร็วๆไหม เมืองนี้มันกว้างนะครับ
ร้านก็มีตั้งหลายร้าน แผงขายของผู้เล่นก็ตั้งเยอะ สาวๆคงอยากช็อปปิ้งแล้ว อยู่ตรงนี้ไม่เห็นดีตรงไหนเลยเนอะน้องดีว่า”
“อะ เอ่อ นั้นสิคะ”
ณดียิ้มแห้งๆตามน้ำ “แต่ก่อนได้ยินเฟอร์น่าเล่าว่า
หยางหลงไม่ถูกกับบลัดมูนที่เป็นกิลด์เพื่อบ้านเท่าไหร่ด้วย เพราะถือหางให้มิสโก..”
“ “ “ณดี!” ” ”
“ขะ ขอโทษค่ะ!!”
นักบวชสาวที่อ่านบรรยากาศผิด ชะงักทันทีเมื่อถูกเตือนว่าพูดเรื่องอ่อนไหวโดยไม่สมควร
คนที่เหลือหันไปดูสีหน้าของกบเฟยหงด้วยห่วงว่าจะมีน้ำโห แต่หัวหน้ากิลด์หยางหลงผู้ถูกพาดพิงยังคงสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
ซึ่งทำให้ณดีกลัวเข้าไปใหญ่
“เมื่อกี้ ฉัน พูด อะไรผิดไปเหรอ”
หญิงสาวค่อยๆถามด้วยเสียงเบาลงทุกขณะ
“ณดี
แกยังดูไม่ออกอีกเหรอ เพื่อนพี่อรุณก็คือเฟยหง หัวหน้ากิลด์หยางหลง ที่แกนินทาไปสดๆร้อนๆนี่แหละ
รู้ตัวซะบ้างสิ!” รินบอกเพื่อนด้วยความหวังดีแบบสุดๆ
ส่งผลให้คนรู้ตัวช้าหน้าถอดสี อ้าปากหวอมองกบบนไหล่
“พี่คือเฟยหง
หัวหน้ากิลด์หยางหลงเหรอ?”
“เขาเดาออกกันมาตั้งนานแล้วย่ะ!”
กบเฟยหงถอนหายใจ
ก่อนจะยิ้มบางๆให้เธอ “ไม่เป็นไรครับน้องดีว่า
พี่ให้อภัยอยู่แล้ว พูดความจริงจะไปกลัวทำไม พี่แอบดีใจจริงๆนะที่ปลอมตัวหลอกน้องดีว่าได้
ดีใจจริงๆนะ” เพียงแต่นักบวชสาวมองหน้าเขาไม่ติดซะแล้ว
“อ๊ะ เอาแล้วไง กระดุมเสื้อผมจะหลุดอีกเม็ด!”
อรุณแกล้งทำเป็นเอามือปิดหน้าอกมหึมาของตัวเองแล้วร้องโวยวาย
แต่สายตาจ้องกบอย่างสื่อความหมาย “คุณเฟย ไปร้านขายเสื้อกับผมทีสิ
สถานการณ์ย่ำแย่สุดขีดครับ!”
“ผมก็มีธุระจะคุยกับอรุณพอดี”
หัวหน้ากิลด์หยางหลงรีบดูดครกเข้าช่องเก็บของอย่างรู้งานแล้วกระโดดไปอยู่บนไหล่ของอรุณแทน
มันโบกมือพังฝืดให้สามสาวแล้วยิ้มอย่างกบๆ
“น้องดีว่าอย่าไปซีเรียสนะครับ
ไปช็อปกับเพื่อนให้เต็มที่ เดี๋ยวพี่กับอรุณขอแยกไปซื้อชุดด้วยกันก่อน
ค่อยนัดมาเจอกันทีหลัง พี่ไม่โกรธจริงนะ”
ณดีก้มหน้าก้มตารับด้วยอาการเกรงใจแล้วเดินนำเพื่อนให้อรุณเห็นเป็นครั้งแรก
แน่นอนว่ารินกับเฟอร์รีบคุยปรับความเข้าใจกันเป็นพัลวัน ชายหนุ่ม(ในร่างสตรี)เห็นดังนั้นเป็นอันลำบากใจแทนเธอ เขาบอกเฟยหงเป็นเชิงแก้ต่างว่า
“น้องเค้าเป็นอย่างนี้แหละครับ บางทีก็เอ๋อไปบ้าง”
“เพราะอย่างนี้แหละถึงได้น่ารัก”
คำตอบของเจ้ากบทำให้อรุณโล่งใจ เฟยหงไม่ติดใจอะไรกับคำพูดเล็กน้อย
สมวุฒิภาวะระดับหัวหน้ากิลด์โดยแท้ ผู้นำสมาคมมังกรทองปุบปับก็ตัดเข้าเรื่องสำคัญทันที
“อาการเหน็บชาใช่ไหม”
“ใช่ครับ ไปหาที่ทาครีมเถอะ”
ตกลงตามนั้นทั้งสองจึงวิ่งหนีสายตาของพวกผู้ชายที่มองแตงโมสองลูกของอรุณอย่างใฝ่ต่ำเข้าไปยังตรอกเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีใครผ่านมาเห็นเข้า
อาการของอรุณทรุดหนักลงอย่างแบพลันเหมือนรู้เวลา
กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านร่างจนเขารู้สึกชาด้านไปทั้งตัวแล้วทรุดลงไปนั่งกับพื้นปูกระเบื้องอย่างไร้การควบคุม
“ไอ้ซิกตี้
อยากให้แกมาโดนแบบฉันบ้างจริงๆ” อรุณเปล่งเสียงลอดไรฟันขณะพยายามยื่นมือไปรับครีมบัวหิมะสวรรค์จากเฟยสุดความสามารถ
นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ที่เจ้านั่นอ้างว่าเป็นเจ้าของวาวแล้ว
ก็มีเรื่องนี้ที่เขาจะต้องไปสะสางให้จนได้
“พิการแล้วอย่าปากเก่งสิครับ”
เฟยหงหัวเราะแล้วใช้มือเล็กๆของกบเป็นฝ่ายลูบยาให้ใส่แขนอรุณ “มือขยับได้แล้วช่วยทาเองด้วยครับ ร่างผู้หญิงมันเซ็กซี่เกิน
ต่อให้เป็นกบก็อดใจไม่ไหวหรอกนะ”
อรุณพยักหน้ารับเจ้ากบที่หันหลังให้แล้วกลืนน้ำลาย
ต่อให้นี่เป็นร่างกายตน
ชายหนุ่มก็ต้องข่มอารมณ์อย่างมากเพื่อจะไม่เกิดอารมณ์ทางเพศกับ..กับเรือนร่างตัวเอง
เขาจึงเลือกที่จะปิดตาแล้วถอดชุดออกทั้งหมดเพื่อทาครีม
ในช่วงเวลาที่มีแต่ความเงียบงันและความมืดนั้น
อรุณถือโอกาสชวนเฟยหงคุยไปด้วยเพื่อประคองสติตัวเอง “ถ้าต้องอยู่ในร่างนี้ไปจนจบซีเกท
ไม่ใช่ว่างานใหญ่จะล่มไม่เป็นท่านะ ”
“นั่นสินะครับ...”
เสียงกบลอยกลับมาอย่างครุ่นคิด ฝ่ายหัวหน้ากิลด์อยู่ๆก็เงียบไปพักใหญ่
จนอรุณเริ่มระแวงค่อยเอ่ยต่อพอดี เป็นคำถามอย่างกะทันหันเกินไป
เฟยหงคงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วจึงกล่าวเช่นนี้
“อรุณ สนใจสมาคมมังกรทองไหมครับ”
‘คำถามแบบนี้มัน’อรุณลอบคิดอย่างตกใจ
เขาหยุดทาครีมแล้วเลือกที่จะนิ่งเงียบรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
ไม่ต้องคอยนานเฟยหงก็เอ่ยปากอีกหนด้วยประโยคที่ตรงไปตรงมายิ่งกว่าเดิม
“ผมอยากชวนอรุณเข้ากิลด์หยางหลง”
หัวหน้าของกิลด์ใหญ่ระดับนี้ถึงกับออกปากเชิญชวนด้วยตัวเอง
ไม่ว่าเป็นใครล้วนยากที่จะปฏิเสธได้ สิ่งที่จะตามมาคือลาภยศชื่อเสียงเงินทอง
ทุกสิ่งที่จะทำให้ชีวิตสุขสบาย อรุณเข้าใจเรื่องนี้ดีแต่เขาก็ปฏิเสธ
“ขอบคุณที่ชวนครับคุณเฟย
แต่ว่าผมคงไม่..”
“ทำไมล่ะ!?”
เสียงของเฟยหงในความมืดรุกใส่อย่างจริงจังในฐานะของหัวหน้ากิลด์การค้าอันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์ไทย
ไม่ใช่นายเฟยจอมหนีเที่ยว “ที่ผมชวนไม่ใช่เพราะอยากได้ผลประโยชน์อย่างพลังควบคุมคัลเลอร์เวเดอร์หรอกนะอรุณ
ผมขอในฐานะที่เราก็เป็นเพื่อนกัน ถึงจะรู้จักแค่ไม่กี่วัน
แต่ผมเป็นห่วงว่าจากนี้คุณจะเป็นอันตราย”
“อันตรายเหรอครับ
ชีวิตในเกมผมมันจะอันตรายกว่านี้ได้อีกด้วยเหรอ” อรุณแสยะยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง
สิ่งที่ได้รับคือเสียงถอนหายใจยาวๆของกบตัวหนึ่ง
“คุณอรุณยังไม่เห็นกับตาคงไม่เข้าใจหรอก
ซิกตี้อย่างมากก็แค่หมาบ้าที่หวงเจ้านายแล้วก็อวดเบ่งไปทั่ว แต่บอดีการ์ดของมิสโกอิ้งมันคนละเรื่อง
นี่มันสุนัขล่าเนื้อ ไม่เห่าเตือนด้วยซ้ำ
แค่เข้าไปใกล้นิดเดียวหัวก็หลุดจากบ่าแล้ว”
“องครักษ์เกราะทองเหรอครับ
ถ้าวาวสั่งห้ามก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอก พวกนี้เชื่อฟังคำสั่งหัวหน้าไม่ใช่เหรอ”
อรุณพูดอย่างอวดดีทั้งที่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่
ในโลกจริงเมื่อเขามีเวลาว่างก็ได้ทำการหาข้อมูลของคนกลุ่มนี้ไว้แล้ว
วาวหรือที่รู้จักภายในเกมด้วยฐานะหัวหน้ากิลด์อีออส
ย่อมมีคนคอยติดตามรักษาความปลอดภัยให้ตลอดเวลา
ยอดฝีมือสี่คนนั้นถูกเรียกว่าองครักษ์เกราะทอง ตามรูปแบบการแต่งตัว
แม้แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ตาม ส่วนดีกรีความสามารถก็ไม่ธรรมดา
เพราะเป็นผู้เล่นหัวกะทิซึ่งวาวคิดมาเองกับมือ พวกมันฝากผลงานการรบไว้มากมาย หลักฐานคือกิลด์อีออสครองดินแดนไปแล้วครึ่งหนึ่งของคัลเลอร์แคลช
“เอาเข้าจริงผมแค่ต้องการไปเจอหน้าแล้วคุยกับวาวนิดเดียวเท่านั้นเอง
แค่อยากจะถามเรื่องต่างๆให้มันชัดเจน” ไม่รู้ทำไมอรุณต้องเบือนหน้าหลบคนที่มองไม่เห็น
“ไม่นิดหน่อยครับ
อย่าลืมว่า ตอนติดต่อมิสโกอิ้งผมก็อยู่ด้วย คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นะเท่าที่ฟังอยู่”
เฟยหงพูดแทงใจดำอรุณเต็มๆ
“ผมจะลองจินตนาการก็แล้วกันว่าคุณโชคดีสุดๆรอดมาจากพวกองค์รักษ์เกราะทองได้
แต่ว่า เอรอน ผู้พิชิต คนที่ประกาศกร้าวออกสื่อว่าจะขอท้าสู้กับมิสโกอิ้ง
จะไม่มีวันฝ่ากองทัพของอีออสไปถึงตัวเธอได้หรอกครับ..ถ้าไม่มีผม”
อรุณอาศัยตอนที่กบหัวเขียวสาธยายอย่างยืดยาวทาครีมและสวมผ้าผ่อนกลับเข้าที่จนเรียบร้อย
เขาลืมตาในที่สุดและพบว่าเจ้ากบยังหันหลังให้เขาเหมือนเดิม อย่างเป็นสุภาพบุรุษ? ‘พอกันทีหลับตาคุยกัน’
เขาตัดสินใจถามตามเกมที่เฟยหงวางไว้ด้วยการถามกลับไป
“ถ้ามีคุณเฟยแล้วจะทำให้ผมสู้กับกองทัพของอีออสได้งั้นเหรอ”
“ถ้ามีผม เอาตรงๆก็คือคุณเป็นคนจากหยางหลงแล้ว
เวลาตามกันเข้าไปที่ป้อมปราการของซีเกทในฐานะผู้ติดตาม ต่อให้ยกมากี่กองทัพ อีออสก็ไม่กล้าขวางทางแม้แต่คนเดียวแน่
ยกเว้นแต่ซิกตี้ไว้ตัวนึง
เอาเป็นว่าคุณจะเข้าไปคุยกับมิสโกอิ้งได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์เชียวนะอรุณ”
“ข้อเสนอหอมหวานมากครับ”
“ถ้าอย่างนั้น..?”
“ผมขอปฏิเสธเหมือนเดิมครับ”
“คุณอรุณ!” กบนั้นไม่มีคอ
เฟยหงเลยต้องบิดทั้งตัวกลับมาด้วยความไม่เข้าใจ
เขาไม่สนเรื่องที่ทาครีมเสร็จไม่เสร็จทั้งนั้น หัวหน้ากิลด์หยางหลงทำสีหน้าคับข้องสงสัยที่สุดเท่าสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำตัวหนึ่งจะทำได้
“ผมจะเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องนึงนะคุณเฟย”
อรุณนึกถึงความหลังแล้วรู้สึกหดหู่ขึ้นมา “ถึงจะเป็นเรื่องไร้สาระ
แต่ช่วยฟังสักหน่อยนะครับ”
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสงอาทิตย์ไม่อาจส่องผ่านลงมา
แล้วดำเนินเรื่อง
“แต่ก่อน สมัยคัลเลอร์แคลชยังเป็นเกมออนไลน์เล่นด้วยคอมพิวเตอร์
มีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งตั้งกิลด์ด้วยเหตุผลงี่เง่า แค่อยากสร้างฐานทัพในเกมไว้อวดคนอื่นตามกระแส
ทุกวันแต่ละคนจะออกไปตะลุยบอสหรือทำภารกิจเพื่อหาเงินสร้างบ้านกิลด์ให้ได้
สายสัมพันธ์ของเพื่อนกลุ่มนี้แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความพยายามอย่างหนัก หลังผ่านไปสามเดือน
กิลด์เล็กๆนี้คว้าตำแหน่งกิลด์อันดับหนึ่งของไทยไว้ได้สำเร็จ หักหน้าตัวเต็งอื่นๆอย่างเหนือความคาดหมาย
ซึ่งของรางวัลก็คือคฤหาสน์หรูส่วนกิลด์ ที่มีแค่หลังเดียวในเกมตามความฝันนั่นเอง”
“เรื่องนี้มัน” เฟยหงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก แต่อรุณก็ยังคงเล่าต่อไปโดยไม่ละสายตาจากก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า
“หลังจากผ่านไปได้หนึ่งปี
หัวหน้ากิลด์ก็ไต่เต้าจนถึงระดับสากล ระดับได้รองแชมป์โลกในการแข่งขันประเภทตัวต่อตัว
ชื่อเสียงของกิลด์เล็กๆแห่งนี้ยิ่งดังระเบิดเข้าไปใหญ่ มีคนสมัครมาเข้าร่วมมากมาย
จนเพื่อนๆทุกคนเริ่มจะคุมไม่อยู่”
อรุณถอนหายใจแล้วก้มลงมาสบตากับเฟย
“สุดท้ายเพราะปัญหาเรื่องผลประโยชน์ของพวกสมาชิกใหม่ไม่ลงรอยกัน
บ้างก็เอาชื่อกิลด์ไปอ้างเพื่อทำกร่าง หัวหน้ากิลด์เลยตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการยุบกิลด์ซะ
เหลือแค่เพื่อนไม่กี่คนเหมือนเดิม ถึงจะสูญเสียทุกอย่างไป อย่างน้อยก็เหมือนได้ครอบครัวที่สองขึ้นมาแทน”
“กิลด์มันก็แค่ชื่อเท่านั้น
แต่สายสัมพันธ์จะไม่มีวันเปลี่ยน” ชายหนุ่มเอ่ยประโยคสุดแสนน้ำเน่า
ที่แม้แต่เขาก็ไม่นึกว่าจะหลุดปากพูด “จะให้ไปอยู่กับกิลด์ใหม่คงทำไม่ได้หรอกครับ
ช่วยเข้าใจเหตุผลของผมด้วยคุณเฟย”
“บลาสเตอร์เมท ทรี (Blaster
mate 3) ผมเพิ่งมาเล่นสมัยเกมเปิดใหม่ยังรู้จักเลย คิดอยู่แล้วว่าทำไมผู้เล่นใหม่อย่างคุณอรุณถึงฝีมือดีนัก
ชนะผมที่เล่นมาตั้งนานด้วยคอมโบชุดเดียว มวยมันคนละชั้นตั้งแต่แรก
แพ้รองแชมป์โลกแบบนี้ค่อยมีศักดิ์ศรีหน่อย”
เฟยหงมองอรุณด้วยสายตาเปลี่ยนไป ประหนึ่งนับถืออยู่ในที
ไม่ต่างจากกำลังเล่าประวัติบุคคลสำคัญของวงการท่านหนึ่งอยู่
โดยมีตัวจริงอยู่ตรงหน้า
“ยอดกิลด์ประจำคัลเลอร์แคลชเซิร์ฟไทยยุคอดีต
ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยเวลาสั้นที่สุด เคลียร์เรดโซนทุกแห่งได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
ชนะในสงครามด้วยจำนวนคนน้อยกว่าต่อเนื่องกันยาวนานที่สุด
หัวหน้ากิลด์ยังเป็นถึงอดีตรองแชมป์ในการแข่งขันระดับโลกอีก”
“เอรอน ผู้พิชิต แล้วกัน
ผมรู้ตัวช้ายิ่งกว่าน้องดีว่าอีก” หัวหน้ากิลด์หยางหลงหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองที่มองข้ามเรื่องนี้ไปตั้งแต่แรก
“ก็บอกแล้ว
ผมก็คือเอรอน ไม่ใช่ใครอื่น” อรุณหัวเราะเคล้าด้วยอารมณ์ที่ไม่ต่างกัน
เขาเสริมให้ในใจว่าอย่าลืมผู้ก่อตั้งอีกสองคนคือ น้องเกด กับ มิสโกอิ้ง คิดว่าเฟยหงคงยอมจบเรื่องนี้แล้ว
แต่ผู้นำสมาคมมังกรทองยังคงนึกจะพูดอะไรก็พูดขึ้นมาแบบไม่บอกกล่าวเหมือนเคย
“งั้นก็สร้างมันขึ้นมาใหม่สิ
ถ้ามันสำคัญถึงขนาดนั้น”
“พูดเป็นเล่น”
อรุณงงจนลืมพูดจาสุภาพ
เฟยหงไม่สนใจรีบอัดใส่เขาไม่ยั้งว่า “ถ้ากิลด์นั้นสำคัญอย่างที่ว่าล่ะก็
ผมก็ไม่ชวนเข้าหยางหลงก็ได้ คุณนั้นแหละต้องรื้อฟื้นของๆตัวเองขึ้นมาใหม่ ผมถึงรับรองให้เป็นกิลด์ในสังกัดของหยางหลง จะได้ไม่ต้องฟัดกับอีออส ต้องมั่นใจว่าคุณจะปลอดภัยจนกว่าเราเข้าถึงตัว เดอะ เพล
เอ็มเพอเรอร์ วินวินทั้งคู่”
‘จะไปหาสมาชิกมาจากไหน
เกดก็ทำงานกับระบบไปแล้ว พวกที่เหลือก็กระจัดกระจายไปไหนก็ไม่รู้
ยังเล่นอยู่หรือเปล่าเถอะ’ อรุณระบายความคับข้องภายในความคิดของตัวเอง ขณะนั่งนิ่งไม่ตอบโต้อะไรเฟยหงซึ่งกำลังรอคำตอบของเขาอย่างคาดหวัง
‘ที่สำคัญ…เราต่างหากที่เป็นฝ่ายทิ้งทุกคนมา ตอนที่เกมจะปิดตัว
ทั้งที่เหลืออีกตั้งครึ่งขั่วโมง เรากลับทนอยู่ถึงตอนจบไม่ได้ ใจมด ทำตัวงี่เง่าปิดเครื่องหนีเป็นคนแรก
โดยไม่พูดอะไรอำลาซักคำ’
เฟยหงกระโดดเข้ามาใกล้ๆ
แม้ร่างจะเป็นกบตาแววตาเปล่งประกายของเขายังคงเป็นมังกรเสมอ “รู้ว่าประเด็นนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อน
แต่ว่าตอนนี้เวลามันเหลือน้อยลงทุกที แต่ละวันผมเห็นคัลเลอร์แคลชที่กำลังจมดิ่งเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้ง
ดังนั้นตัดสินใจเถอะ”
“ถ้าไม่เข้าหยางหลง
ก็สร้างบลาเตอ…”
“ไม่ต้องพูดแล้วคุณเฟย
ผมตัดสินใจแล้ว!!”
อรุณดีดตัวลุกขึ้นตะโกนสุดเสียง
ยืนค้ำตัวเจ้ากบน้อยที่มีขนาดเท่าฝ่ามือเขาเท่านั้น
ตัวของเฟยหงช่างเล็กจ้อยจนหน้าอกคู่ยักษ์บังหัวหน้ากิดล์หยางหลงเอาไว้จนมิด
ไม่มีทางที่เจ้าสัตว์ตัวจิ๋วสามารถบงการเขาได้อีกต่อไป
อรุณเรียกหน้าจอเพื่อนออกมาแล้วโทรไปหาอันย่า
“ฮัลโหลอรุณ ใกล้แล้วค่ะ
ตอนนี้เราเห็นปราสาทอยู่ลิบๆ”
สาวหูกระต่ายตอบเขาโดยมีฉากหลังคือท้องฟ้า คิทตี้คงจะหอบเธอกระโดดลงเขามา
“พาไอริสกับซันมาด้วยรึเปล่า”
“ชัวร์สิยะ เห็นเราเป็นผู้หญิงใจดำที่ทิ้งเด็กสองคนไว้บนยอดเขาเหรอไง”
“งั้นเจอกันที่อาคารบริการผู้เล่นของระบบ
อันย่า ผมมีเรื่องจะรบกวนเป็นครั้งสุดท้าย”
หญิงสาวกลอกตาประมาณว่าอีกแล้วเหรอ
แต่ก็พยักหน้ารับ “บอกมาซิ”
“ผมจะตั้งกิลด์แต่คนมันขาด
ช่วยมาเป็นสมาชิกให้หน่อย”
“เอ๋~~”
ระหว่างอันย่ากำลังอ้าปากค้างลากเสียงสูงแปดหลอด
เสียงหัวเราะของเจ้ากบเฟยหงก็ดังผสมโรงออกมายกใหญ่ “อ๊บ อ๊บ มันต้องอย่างนี้สิ!”
Ë
อรุณกับเฟยหงที่หาซื้อชุดตัวใหม่เรียบร้อย แล้วก็นัดพวกณดีไปด้วยในตัว ผ่านไปประมาณสิบนาทีสามสาวก็มายืนงงๆอยู่หน้าอาคารบริการผู้เล่นของระบบที่เป็นตึกทรงยุโรปสีขาวสูงสามชั้น
ไม่ว่าใครก็หามันเจอเพราะโทนสีที่แตกต่างจากบ้านรอบๆแบบสุดขั้ว
“พี่อรุณเรียกเรามาทำอะไรเหรอคะ?”
“น่า เดี๋ยวก็รู้เอง
ผมจะเก็บเอาไว้เป็นเซอไพรส์” อรุณยิ้มอย่างมีเลศนัย “เดี๋ยวรอคนมาครบก่อนแล้วเราค่อยไปข้างในกัน”
“ยังมีใครอีกเหรอแก”
รินหันไปขอความเห็นณดีกับเฟอร์ซึ่งส่ายหน้าไม่รับรู้
สามสาวสงสัยได้ไม่นานเสียงทักทายอย่างร่าเริงก็ลอยมาแต่ไกล
“พี่ชายยยย” เด็กสาวผมสีทองวิ่งทะลุคนที่เดินผ่านไปมา กระโดดสวมกอดอรุณด้วยรอยยิ้มเหมือนดอกทานตะวันเบ่งบาน “พี่ พี่ชาย?” จนณดีต้องมองไอริสสลับกับชายหนุ่มไปมา ด้วยความใคร่รู้และสับสน
“โทษทีนะไอริส
พี่แอบลงเขามาแต่ไม่บอก” อรุณลูบหัวเด็กสาวเป็นการตอบแทน
แค่นั้นก็มากพอให้เธออภัยเขาทุกอย่าง
“ไม่เป็นไรหรอกค่า พี่อรุณตอนอยู่ในร่างผู้หญิงนี่น่ารักที่สุดเลย
จากนี้เรียกว่าพี่สาวดีไหม ตรงนั้นก็บึ้มๆสุดยอด ทั้งนุ่มทั้งเด้งดึ๋งด้วยแหละ”
“มะ
ไม่ต้องสาธยายขนาดนั้นก็ได้” อรุณดันใบหน้าของเธอออกจากก้อนเนื้อขนาดใหญ่ของตัวเอง
“แล้วคนที่เหลือล่ะ กำลังตามมาติดๆ?”
“จริงๆเล้ยไอริส
จะบ้าผู้ชายไปไหน…เหวอ! นะ
นั่นพี่อรุณเหรอครับ”
“สวัสดีอีกครั้งค่ะนายท่าน
ชุดใหม่น่ารักดีนะคะ”
“..จะใหญ่เกินหน้าเกินตาเราไปละ”
ไอริส คิทตี้
และที่ขาดไม่ได้คืออันย่ามาถึงอาคารบริการผู้เล่นหลังจากนั้นแค่ชั่วอึดใจ
ปฏิกริยาตอนเห็นสภาพของอรุณบ้างก็ตกใจ บ้างก็ทำหน้าเหมือนนึกสนุก ต่างจากตอนที่รู้ว่าเฟยหงกลายเป็นกบลิบลับ
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาอรุณจึงผายมือแนะนำตัวให้กลุ่มสาวสามเรียงไปทีละคน
“อัศวินผมทองคนนี้ชื่อริน
ตัวจริงเป็นผู้หญิงนะแต่ว่าโดนคำสาปเหมือนกัน ส่วนนักบวชผมสีชมพูชื่อดีว่า ทั้งคู่เป็นคนรู้จักของผมในโลกจริง
ส่วนน้องริน น้องณดี คงรู้จักคิทตี้แล้ว สามคนที่มาใหม่เขาชื่อไอริส ซัน กับอันย่า”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะทุกคน”
ไอริสสวัสดีสามสาวอย่างมีมารยาท ทำให้รินหลังรักเธอเข้าอย่างจังจนต้องรีบเดินตรงเข้าไปดูใกล้ๆ
“ว้าย น่ารักจังเลย
น้องอายุเท่าไหร่เหรอคะ”
“สิบห้าค่ะ
เพิ่งมอสามเอง”
จังหวะนั้นเฟอร์น่าก็รีบแทรกขึ้นอย่างขัดใจว่า
“ลืมฉันไปได้ยังไงกันคะ ฉันก็เป็นตัวละครสำคัญเหมือนกันนะ!
ไม่ใช่ตัวประกอบที่โผล่มาแค่ยืนเฉยๆ”
อรุณเกาหัวยิ้มแห้งๆแบบขอไปที
“โทษทีครับ ทุกคน ส่วนนี่ อย่าลืมเฟอร์น่าตัวแทงค์ประจำกลุ่ม”
อันย่าซึ่งยืนรอมาตั้งแต่เมื่อกี้ยกมือเรียกความสนใจ
“เข้าเรื่องซักทีเถอะอรุณ
ตกลงว่าจะเอาจริงเหรอที่นายจะตั้งกิลด์ใหม่ แล้วให้ฉันมาเป็นสมาชิกก่อตั้ง
บอกรายละเอียดให้มันชัดเจนด้วยค่ะ”
“..ครับ” อรุณพะว้าพะวังชั่วอึดใจก็ยืนยันเสียงแข็ง เขาได้ตัดสินใจทุกอย่างแล้ว
เหลือเพียงแต่คนอื่นๆจะเห็นดีเห็นงามด้วยหรือไม่
ชายหนุ่มหันร่างกายที่เป็นหญิงเพื่อรับหน้ากลุ่มสามสาวอย่างไม่มีปิดบัง
อรุณมองหน้าทุกคนแล้วเรียกไปตามลำดับ “ณดี ริน เฟอร์น่า
ผมจะชวนทุกคนให้รวมเป็นพวกพ้อง กิลด์คือสถานที่ซึ่งผู้เล่นช่วยเหลือกันและกันเหมือนเพื่อน
เหมือนพี่น้อง เหมือนครอบครัว เราก็เดินทางด้วยกันมาพอสมควร
ในมุมมองผมอาจเรียกว่าเป็นเพื่อนกันได้แล้ว ถึงน้องริน น้องณดี อาจไม่คิดแบบนั้น
หรือเฟอร์น่าอาจไม่ชอบหน้าผมอยู่ก็ได้ ผมก็อยากชวนเพื่อนๆทั้งสามคนให้รับรู้ถึงประสบการณ์ดีๆที่เรียกว่ากิลด์ครับ!”
“ช่วยก่อตั้งกิลด์ขึ้นมาด้วยกันกับผมด้วยเถอะ!!”
อรุณก้มหัวให้สามสาวที่กำลังทำหน้าเหวอ เสียงของอรุณดังมากจนคนที่เดินอยู่รอบๆหันมาดูกันหมด
ส่งผลให้แต่ละคนลนลานตามไปด้วย โดยเฉพาะณดี
“..อยู่ๆก็พูดอะไรออกมาคะพี่อรุณ”
รินกดเสียงพูดด้วยท่าทางห่างเหินเล่นเอาเขาใจแป้ว
กะไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ อรุณนึกในใจแต่ก็ยังก้มหน้าต่อไป
‘ถึงจะรู้จักในโลกจริง ร่วมสู้กันในเกมก็มาก
ความสัมพันธ์ของเรากับพวกน้องอาจไม่ได้มากไปกว่าคนรู้จักหรือเปล่านะ
ยิ่งเฟอร์น่าที่เป็นคนไกลเข้าไปอีก มาขอให้พวกเธอมาช่วยตั้งกิลด์ด้วยกันโดยไม่ถามไถ่อะไรเลย
มันก็ต้องโดนปฏิเสธอยู่แล้ว’
“นั่นสิคะ..ทะ
ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย” ณดีพึมพำอย่างโลเล
หันไปมองหน้าเพื่อนสาวอีกสองคนที่กำลังทำหน้าลำบากใจ
สุดท้ายแล้วรินก็เป็นตัวแทนพวกเธอที่ประกาศคำตัดสินสุดท้าย
“ไม่ต้องสาธยายให้มันยุ่งยากหรอก
ขอแค่พี่อรุณออกปาก ยังไงพวกหนูก็ตกลงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!”
“ริน..” อรุณเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจที่ไม่ได้รู้สึกมานานแสนนาน
อัศวินผมทองผู้ถูกเรียกชื่อยิ้มรับแล้วยกมือขึ้นไหว้อรุณกลับทันใด โดยมีณดีปฏิบัติตามอยู่เคียงข้างด้วยกริยาชดช้อย
“ถ้าไม่ได้พี่อรุณมาช่วยพวกหนูก็ไม่รู้จะเอาตัวรอดในคัลเลอร์แคลชไหวรึเปล่า
ดังนั้นจากนี้ฝากเนื้อฝากตัวรับหนูกับณดีไว้เป็นภาระด้วยนะคะ”
ตามาติดๆด้วยเฟอร์น่าทำท่าเกาหัว หัวเราะเฝื่อนๆอย่างขัดบรรยากาศที่สุด
“ถ้ารินกับณดีไปทางนี้
ฉันก็ขอไปด้วยค่ะ เล่นคลาสเป็นนักพเนจร ต้องเดินทางไปไหนคนเดียวคงเหงาแย่เลย..ดังนั้นช่วยรับฉันเป็นภาระด้วยอีกคนนะคะ!”
ชั่วขณะนั้นอรุณรู้สึกดีใจมากจนนึกคำพูดมาขอบคุณพวกเธอไม่ออก
เหมือนกับสารภาพรักแล้วได้รับความรักตอบกลับมา
ทั้งเขาและพวกเธอยิ้มให้กันอย่างขัดเขิน ขวางทางเดินชาวบ้านอยู่แบบนั้นจนกระทั่งไอริสยกมือยกไม้ร้องเรียกความสนใจบ้าง
“ลืมหนูแล้วเหรอพี่อรุณ ให้ไอริสเข้ากิลด์ด้วยคนสิ
นะ น้า”
‘ใครจะไปปฏิเสธลงเล่า’ อรุณเพียงแค่พยักหน้ารับเด็กสาวก็กระโดดดีใจจนตัวลอย
ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนกับเธอมาตั้งแต่เริ่มเล่นเกมอย่างซันตัดสินใจได้ในทันที
อรุณมองแววตาก็รู้แล้ว พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ต้องกำลังแอบชอบไอริสอยู่อย่างแน่นอน
“ผมก็เข้าด้วยครับพี่อรุณ
สัญญาว่าจะไม่ทำตัวเป็นภาระด้วย”
“โอ้ว
ลูกผู้ชายพูดแล้วอย่าคืนคำนะซัน”
อรุณตบไหล่เด็กหนุ่มแล้วเดินไปประจันหน้ากับบุคคลที่เขาเหลือไว้เป็นรายสุดท้ายทั้งที่เอ่ยปากชวนเธอไว้เป็นคนแรก อันย่าใต้เสื้อฮูดหูกระต่ายของเธอ ยืนกอดอกใช้สายตาเขม่นเขา สื่อว่ายังโมโหเรื่องที่ไม่พาเธอลงดอยอยู่เห็นๆ
“อันย่า..”
“นายมีอะไร! ตั้งกิลด์เขาใช้ผู้เล่นห้าคน คนครบแล้วนี่ ไม่จำเป็นต้องชวนเราหรอก แค่นี้ก็มีสาวเล็กสาวน้อยล้อมหน้าล้อมหลังเป็นฮาเร็มส่วนตัว
อย่าทำเป็นได้ใจหน่อยเลยค่ะ ฉันไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอก” หญิงสาวออกตัวแรงทันที
แถมยังแอบจิกกัดทิ้งท้ายไว้ด้วย
“อันย่า” อรุณเรียกย้ำด้วยเสียงนุ่มนวล
ด้วยผลของตัวที่โดนสาปเป็นหญิงทำให้เสริมดีกรีความอ่อนหวานมากขึ้นไปอีกที
ถ้ายัยกระต่ายเป็นผู้ชายรับรองจะหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน
“สร้างกิลด์กับผมนะครับ”
สาวหูกระต่ายแก้มขึ้นสีอย่างไม่ทราบเหตุผล
เธอรีบหันหลังหนีอรุณในท่ากอดอกเหมือนเดิม
แต่ก็ยังให้คำตอบเขาด้วยเสียงตะกุกตะกักว่า “แน่ แน่อยู่แล้ว คนบ้าที่ชอบทำอะไรเกินตัวอย่างอรุณ
ไม่มี..ไม่มีเราช่วยคงไปไหนไม่รอดหรอก”
ฝ่ายคนฟังอมยิ้มแล้วก้มหัวให้แม่กระต่ายน้อยผู้ปากไม่ตรงกับใจ
ถึงเธอจะไม่ยอมดูก็ตาม “ขอบคุณที่เป็นห่วงผมมาตลอดนะ”
“เราทำตามพี่ดอนขอไว้ ก็แค่นั้น”
หญิงสาวขยายความ “อย่าคิดว่าฉันยอมเข้ากิลด์เพราะเป็นห่วง
หรือกลัวว่านายจะเป็นอันตราย อะไรเทือกนั้นเด็ดขาดเลยนะ คนบ้า!”
ขอเล่าเรื่องราวทิ้งท้ายไว้สักนิด
หลังจากนั้นเมื่อเข้าไปด้านในอาคารบริการผู้เล่นทุกอย่างก็ราบรื่นไปหมดสำหรับอรุณ
เฟยหงแม้จะเป็นกบก็เป็นฝ่ายจัดการอำนวยความสะดวกขั้นตอนต่างๆให้อรุณและสมาชิกกิลด์ของเขาอย่างเต็มใจ
ด้านคิทตี้ซึ่งเป็นคัลเลอร์เวเดอร์ก็ทำให้ผู้เลนคนอื่นๆหวาดกลัว
ยอมให้พวกอรุณลัดคิวใช้บริการก่อน
หลังจากทุกคนฟังการอบรมนานครึ่งชั่วโมง เกี่ยวกับสิ่งที่ควรรู้ของระบบกิลด์ จากเจ้าหน้าที่ระบบเสร็จแล้ว
พนักงานคนเดิมซึ่งเป็นสาวใหญ่เจ้าเนื้อจึงส่งกรอบข้อความโปร่งใสมาให้ทุกคนตอบตกลง ขั้นตอนนี้เสร็จภายในวินาทีเดียว
“ทุกคนยืนยันจะก่อตั้งกิลด์ใหม่เรียบร้อยนะคะ”
คุณเจ้าหน้าที่ประกาศย้ำพร้อมๆกับเลื่อนกรอบข้อความมารวมกับตัวเอง
เธอใช้พลังบางอย่างเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งส่งถึงตัวอรุณ
“หัวหน้ากิลด์จะได้รับเกียรติเป็นคนตั้งชื่อค่ะ
ไม่หมือนกับชื่อของผู้เล่น
ชื่อกิลด์จะไม่สามารถใช้งานได้ถ้ามีการตั้งซ้ำกันหรือถูกใช้ไปก่อนแล้ว คุณลูกค้าเขียนลงไปในกระดาษได้เลย”
“ถึงเวลาแล้วสินะ”
กบเฟยหงที่นั่งอยู่บ่นไหล่พยักหัวให้อรุณที่แค่ยื่นมืออกไปก็มีปากกาโผล่ออกมาให้ใช้โดยอัตโนมัติ
สะดวกสบายสมเป็นเกม คนถูกสาปเป็นหญิงจึงไม่รอช้าที่จะเขียนชื่อเป็นอักษรภาษาอังกฤษลงไป
[Blaster mate 3]
มีเสียงเตือนดังขึ้น
แล้วทันใดนั้นคำว่า [บลาสเตอร์เมท ทรี]
ซึ่งอรุณอุตส่าห์คัดลายมือลงไปอย่างบรรจงก็ซึมลงเนื้อกระดาษเหมือนรอยขีดเขียนบนหาดทรายที่ถูกคลื่นซัด
ทุกคนหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะแห้งๆ พลางคิดว่า แย่จัง ชื่อซ้ำจนได้สิน้า
โดนตัดหน้าซะได้….
ใช่ที่ไหนกันล่ะเฮ้ย!!!
“เป็นไปไม่ได้ ชื่อนี้ไม่มีทางซ้ำครับ
ผมลองตรวจเช็คชื่อกิลด์ทั้งหมดในเซิร์ฟเวอร์ไทยแบบผ่านๆมาก่อน ผมก็ไม่เห็นแมวที่ไหนมันตั้งว่า
[บลาสเตอร์เมท ทรี] นี่หว่า
ทำไมถึงตั้งกิลด์ชื่อนี้ไม่ได้ล่ะ หาคำตอบให้ผมเดี๋ยวนี้เลยนะ”
อรุณลุกพรวดขึ้นมาร้องอุททรณ์สาวเจ้าหน้าที่ซึ่งก็แปลกใจไม่ต่างกัน
เธอรีบเรียกหน้าจอคุยติดต่อเพื่อนพนักงานอื่นๆกหลายคน อาคารบริการผู้เล่นต้องปั่นป่วยราวสิบนาทีก็ไม่ได้คำตอบ
ร้อนไปถึงผู้จัดการประจำสาขาต้องลงจากห้องทำงานมาตอบอรุณด้วยตัวเอง
หัวหน้าคนนั้นกระแอมดังๆแก้เขินแล้วอ่านข้อมูลจากกรอบข้อความกรอบหนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้รับมาจากทางบริษัทแม่ ผู้สร้างเกมคัลเลอร์แคลช แบบสดๆร้อนๆ แสดงว่าเคสสุดวิสัยงั้นสิ ไม่เอาน่า!
“อะแฮ่มๆ คุณลูกค้า
ทางเบื้องบนให้เหตุผลมาว่า [Blaster mate 3] นั้นเป็นกิลด์ในตำนานของเซิร์ฟเวอร์ไทย
เพื่อคงความขลังไว้ไม่ให้ใครนำไปใช้เป็นประโยชน์แอบอ้างได้
ระบบจึงขอสงวนห้ามตั้งชื่อนี้โดยเด็ดขาดครับ”
อรุณฟังคำพูดทั้งหมดแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นลมให้ได้
มือที่ถือกระดาษคลายออกจน เอกสารที่ต้องเซ็นรับรองปลิวไปหล่นอยู่แทบเท้า
เกมนี้จะกลั่นแกล้งเขาให้ถึงที่สุดเลยใช่ไหม?
ความคิดเห็น