ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมมีชู้ (Jongkey)

    ลำดับตอนที่ #9 : ชู้ 5 (Jongkey) rewrited

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 56


    ทอลค์ *
    ถึงคุณ Zuneoka
    ขอบคุณมากนะคะ
    อ่านคอมเมนท์เเล้วมีกำลังใจจะปั่นฟิคเลยค่ะ 5555



    ______________________________________________________________________________________________
    PART 5

    “คิดอะไรอยู่เหรอ?”  ชอยมินโฮนั่งลงที่ปลายเตียง เรียวแขนยาวคว้าตวัดเอวบางที่เดินทำเสียงจิ๊กจั๊กหน้าตาบูดบึ้งวนไปวนมาจนหน้าเวียนหัวให้นั่งลงบนตัก จมูกโด่งกดลงหลังท้ายทอยขาว ก่อนจะหัวเราะร่วนเมื่ออีกคนพูดจาขัดอารมณ์หวานขึ้นมา

     

    “แม่งง หายไปไหนกันหมดหว่ะ! กลับมานะพ่อจะต่อยเรียงตัวเลย รอกินข้าวอยู่ ไม่รู้ไง!” ทำเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความหงุดหงิด ตอนมินโฮกลับมาจากโรงเรียนก็เจอคนรักนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟาคนเดียว พอถามว่าพี่อนยูกับพี่จงฮยอนไปไหน เจ้าตัวก็หันมาตอบเสียงสั้นห้วนว่า ไม่รู้!’

     

    “แทมินก็ไม่ได้บอกเหมือนกันว่าไปไหน น่าจะไปกับกลุ่มเพื่อนเขาแหล่ะ อย่าหงุดหงิดหน่า”

     

    “มันใช่เรื่องมั้ยหล่ะที่นายจะต้องมารอกินข้าวเนี่ย ฉันยังกินขนมทั้งวั้น ฮึ่ม” บ่นแล้วก็กลับไปนั่งรอพร้อมฮึ่มฮ่ำในลำคอด้วยความหงุดหงิด

     

    เปล่าหรอก จริงๆแค่สงสัยอยู่เรื่องเดียวแหล่ะ หงุดหงิดอยู่เรื่องเดียวแหล่ะ

     

    คิมจงฮยอนหายหัวไปไหนตั้งแต่เช้าแล้ว ? โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย จะงอนอะไรกันนักกันหนา ถึงแม้ว่าเขาเองเป็นคนผิดก็เถอะ

     

    “ผมก็ไม่ได้หิวข้าวขนาดนั้น กินอย่างอื่นก่อนก็ได้”

     

    “อ้ะ!” คิบอมร้องเบาๆในลำคอเบาๆเมื่อปลายลิ้นอุ่นร้อนแตะลงเบาๆที่หลังคอ จมูกโด่งที่กดเบาๆแถวหลังหูทำให้จั๊กจี๋จนต้องย่นคอหนี

     

    “ตอนนี้ไม่มีคนอยู่” ตวัดเอวบางให้ล้มตัวลงนอนราบบนเตียงก่อนจะตวัดขาขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน ดวงตาอบอุ่นทอดมองริ้วแดงบนแก้มใสแล้วอดที่จะจูบลงไปบนผิวแก้มนิ่มไม่ได้

     

    “แล้วย ยังไง” ถามไปด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อคนข้างบนถอนริมฝีปากออก กำปกเสื้อร่างสูงที่กำลังจรดปลายลิ้นลงบนยอดอกของเขาแทนริมฝีปากที่ถูกเคล้าคลึงอยู่เนิ่นนานแน่น

     

     ฮื้อ

    “ยังไม่มีใครมาเราก็กินกันก่อนไง ” คำพูดสองแง่สองงามที่ไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดออกมาจากปากมินโฮทำเอาแก้มแดงร้อนวูบ ปลายนิ้วอุ่นจะแตะเบาๆที่ปลายคางดันคางได้รูปให้หันกลับมา โน้มหน้าลงไปใกล้ แล้วสอดลิ้นเขาไปในโพรงปาก

     

    “ฮื้อ อื้อ มินโฮเอาจริงเหรอ?!” สะดุ้งถามเสียงลั่นเมื่อมือร้อนสอดเข้ามาใต้สะโพก ลูบไล้บีบเคล้นเนื้อแน่นน่าฟัดอยู่นานสองนานจนคิมคิบอมครางแผ่วในลำคอ

     

    “เอาจริง”

     

    ปลายลิ้นซุกไซ้จุดไวสัมผัสแถวใบหูจนอีกคนสะท้านเฮือก ปลายนิ้วกำปกคอเสื้ออีกคนแน่นขึ้นจนเล็บซีด

     

    “เป็นของผมนะ” ถามแบบไม่คิดจะเอาคำตอบ เพราะอีกคนยังไม่ได้ทันพูดอะไร ชอยมินโฮก็ยกต้นขาขาวขึ้นพาดบ่า ริมฝีปากหยักแตะกดจูบซ้ำๆไปบนผิวแก้มใส ก่อนที่บีบีชอคกิ้งพิงค์จะแหกปาดังลั่นขัดอารมณ์หวามไหว

     

    แต่ก็ขัดได้แค่อารมณ์คิมคิบอมคนเดียวเท่านั้นแหล่ะ ในเมื่ออีกคนยังคงนัวเนียกับซอกคอหอม ไม่สนใจเสียงอะไรทั้งนั้น

     

    “มินโฮ เดี๋ยวก่อน” พูดกับคนที่กำลังปลดกระดุมกางเกงของตัวเองแล้วยุดข้อมือแข็งแรงนั่นไว้ได้ทันก่อนที่มันจะถูกถอดออกไป

     

    “รับก่อนนะ เผื่อสำคัญ”

     

    สำคัญแน่หล่ะ คิมจงฮยอนโทรมานี่หน่า.

     

    ร่างสูงที่เสื้อหลุดไปจากท่อนบนแล้วเรียบร้อยเพยิดหน้าส่งๆ ไม่พูดอะไร แต่คิบอมก็ยังได้ยินเสียงจึ้กจั๊กขัดใจในลำคออยู่ดี

     

    “ขอโทษนะ ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญค่อยว่ากัน”

     

     [ คิบอม เตรียมน้ำกับผ้าขนหนูแล้วก็ยาลดไข้ให้พี่หน่อย  แทมินตัวร้อนจี๋เลย ตอนนี้ใกล้ถึงคอนโดแล้ว แค่นี้นะ ]

     

    ในขณะที่กำลังงงกับเสียงทุ้มที่โทรมาสั่งยาวเหยียดแล้วก็วางสายไปดื้อๆ ทั้งงงด้วยว่าสองคนนั้นไปอยู่ด้วยกันได้ไง มินโฮที่เอาหูแนบโทรศัพท์อยู่ด้วยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คว้าเสื้อมาสวมแล้วก็ลุกเดินหายออกไปทางห้องครัวแล้ว

     

    ไม่คุยกันตั้งหลายวันแต่โทรมาสั่งให้เตรียมน้ำผ้าขนหนูแล้วก็ยาลดไข้เนี่ยนะ?”

     

    นั่งเม้มปากหงุดหงิดอยู่บนเตียงนานสองนานจนได้ยินเสียงเปิดประตูกระแทกผนังดังปังนั่นแหล่ะ ขายาวถึงได้ก้าวลงจากเตียงรีบวิ่งไปดูแทมินที่ถูกจงฮยอนแบกขึ้นหลังเข้ามา พอเห็นสภาพน้องก็ลืมความหงุดหงิดไปหมดเพราะน้องชายหน้าซีดเผือด เหงื่อผุดทั่วเต็มไปหน้า และอาการหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดที่ทำให้คิบอมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกนั่นอีก

     

    “แทมิน!” วิ่งไปช่วยประคองร่างบางนั่นลงจากหลังจงฮยอนนอนที่โซฟาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอามือทาบที่หน้าผากและต้นคอ

     

    “ทำไมตัวร้อนแบบนี้หล่ะ” หันมองมินโฮที่บิดผ้าขนหนูส่งให้แต่ก็โดนตัดหน้าด้วยมือของจงฮยอนซะก่อน

     

    “เดี๋ยวพี่ทำเอง หายาลดไข้ให้ทีนะ” ว่าแล้วก็รั้งตัวให้อีกคนลุกขึ้นพิงบ่า มืออุ่นถลกเสื้อนอกของแทมินออกทางปลายแขน รู้สึกได้ถึงไอร้อนจัดที่แผ่ออกมาจากตัวขาว จงฮยอนปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีขาวพอดีตัว เริ่มลงมือเช็ดลงบนซอกคอ

     

    “ทำไมตัวร้อนขนาดนี้นะ ?”  จงฮยอนบิดน้ำออกจากผ้าขนหนู เช็ดตัวให้คนป่วยก่อนจะชะงักมือกับรอยช้ำม่วงที่หน้าอกกับต้นคอ ไม่ใช่จะไม่รู้ หรือไม่ใช่จะไม่เคยเห็น เหลือบมองตากับมินโฮที่คิ้วขมวดขึ้นมาพร้อมกัน

     

    “ลีแทมิน” ความหวงน้องไม่เข้าใครออกใคร พอเช็ดตัวเปลี่ยนเป็นชุดสบายให้เสร็จ จนร่างขาวพอจะตัวเย็นและมีสติขึ้นบ้างจงฮยอนก็เริ่มซักคนที่นอนตะแคงหนุนตักเขาอยู่บนโซฟาทันที

     

    “รอยที่คอนี่มันอะไรกัน?”

     

    “พอดีผมล้มแล้วคอไปกระแทกขอบโต๊ะ”

     

    “แกคิดว่าพี่อินโนเซนต์แล้วก็โง่ขนาดจะเชื่อว่าเราเอาคอตัวเองไปกระแทกโต๊ะมาเหรอ กล้าพูดเนอะ”

     

    “ง่า”

     

    “บอกมาซะดีๆ” มองแทมินที่เอานิ้วมาทำจิ้มกันแล้วก็ทำปากจู๋อยู่นานสองนานจนเกือบจะใจอ่อน แต่เพราะเขาไม่ใช่มินโฮ พี่อนยู หรือคิบอมที่ตามใจไอตัวเล็กนี่ทันทีที่แทมินแบ๊วใส่ ก็เลยตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องเค้นให้ได้หล่ะ

     

    “ก็จงอินอ่ะ”

     

    “ไอเด็กฝึกหัดตัวดำนั่นอีกแล้วอ่ะนะ? พวกนายนี่ยังไง”

     

    “จงอินนิสัยดีนะพี่ !

     

    “แหม” จงฮยอนเบะปากใส่น้องเล็ก นี่ถ้าสบายดีนี่พ่อจะหยิกซะให้เนื้อเขียวเลยจริงๆ คอตัวเองม่วงมาขนาดนี้ยังจะมาว่ามันเป็นคนดีอีกเรอะ !

     

    “ก็คือเมื่อวาน จงอินไม่สบาย แล้วคือแบบ...” เงยหน้าขึ้นมองตา ส่งยิ้มแหยๆให้พี่ชายแล้วก็กลั้นใจพูดออกไป

     

    “ก็จูบกันอ่า”

     

    “แทมิน” กดเสียงต่ำพร้อมกับส่งสายตาเขียวปั๊ดไปให้เด็กตัวขาวที่นอนหลับตาปี๋ทันที นี่อย่าบอกนะว่าติดไข้มันมาเพราะจูบกันหน่ะ เห็นจากรอยที่คอก็รู้แล้วว่าไอดำนี่ไม่เล่นแค่เอาปากแตะแน่หล่ะ

     

    “พรุ่งนี้มันตาย แกด้วยหายเมื่อไหร่ตายแน่” ชี้หน้าคาดโทษไว้พร้อมกับที่หางตาเห็นคิบอมที่กำลังเดินถือขวดยาเข้ามา คิมจงฮยอนก็ขยิบตาให้ร่างบนตักแล้วก็สวมบททันที

     

    “ไปจูบกับคนอื่นได้ยังไง ไหนนายบอกว่าชอบพี่ ..อนยู” คำสุดท้ายขยับปากพูดกับคนบนตักแบบไม่มีเสียง เล่นเอาแทมินหน้าแดงก่ำที่โดนล้อ

     

    “ผมเปล่านะ ก็จงอินบอกว่าคิดถึงอ่า แล้วหมอนั่นมันก็อ้อนนี่” พูดจบก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแก้วใสแจ๋วใบเล็กบรรจุยาสองสามเม็ดที่กระแทกลงบนโต๊ะตรงหน้าตามมาด้วยเสียงสั้นห้วนที่ได้ยินหลุดจากปากออมม่าไม่บ่อยนัก

     

    “นี่ยา กินซะ”

     

    “ลุกขึ้นมากินยาเร็ว” ตบเบาๆที่แผ่นหลังบางให้ลุกขึ้นมานั่ง แต่เจ้าตัวเล็กก็ยังกอดแข้งขาเล่นละครต่ออีก

     

    “ป้อนหน่อย มันขมนา”

     

    “เดี๋ยวป้อนด้วยปากเลยไง เอามั้ย ลุก!” คนที่เดินหันหลังไปแล้วชะงักนิดหนึ่งกับเสียงคนป่วยและคนดูแลที่เถียงกันหงุงหงิงแล้วสะบัดหน้า เดินดุ่มๆเข้าไปสงบจิตสงบใจในห้องครัว

     

    ลมหนาวลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กในห้องครัวมาวูบหนึ่ง หนาวพอที่จะทำให้ต้องยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองพร้อมกับกดสวิตช์กาต้มน้ำ เทผงโกโก้สีน้ำตาลลงในแก้วกระเบื้องรอไว้ ยืนพิงขอบเคานท์เตอร์คิดอะไรไปเรื่อยจนหางตาเห็นจงฮยอนกำลังกดน้ำร้อนลงใส่ในถ้วยเขา คนจนมันละลายเป็นเนื้อเดียวกันก่อนจะกดลงในแก้วอีกใบที่เห็นซองไวๆว่าอีกคนเทสมุนไพรผสมโสมผงใส่ลงไปในแก้ว

     

    “ยังไม่หายโกรธผมเหรอ”

     

    มองแผ่นหลังของจงฮยอนที่พาแก้วหอมกลิ่นโสมเดินออกไปจากห้องครัวโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเขาแม้แต่นิดเดียวแล้วขอบตาก็แดงก่ำขึ้นมาเสียเฉยๆ

     

    ถ้าเขาโกรธคุณแต่ยังทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เหมือนอย่างปกติ นั่นเรียกว่า ใส่ใจ

     

    แล้วใครมันช่างมาเมนชั่นประโยคอะไรแบบนี้ในเวลานี้หล่ะ ? มองแก้วโกโก้ที่หมดไปนานแล้วในมือตัวเองแล้วสะบัดหัว จะอะไรนักหนา แค่แก้วโกโก้ที่เขาชงให้ใบเดียวนายก็ไม่อยากล้างแล้วรึไง ?

     

    “เห้อ” จัดสินใจวางทิ้งไว้ในอ่างอย่างนั้นแล้วเดินตัวปลิวเข้าห้องนอนไป มองสองร่างที่นอนเบียดกันอยู่บนเตียงแล้วก็เบ้ปาก คลานขึ้นเตียงมินโฮที่ลืมตามารับแขนเขาเข้าสู่อ้อมกอด

     

    “คิดถึง”

     

    “หืม?”

     

    “เปล่าหรอก” เขาก็แค่ย้ำกับตัวเองเท่านั้นแหล่ะว่าคนที่เขาต้องคิดถึงตลอดเวลาควรจะเป็นชเวมินโฮต่างหาก

     

    ไม่ใช่คิมจงฮยอน !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×