คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ชู้ 4 (Jongkey) Rewrited
PART 4________________________________________________________________
Jonghyun Flashback
เคยได้ยินมั้ยว่า ‘คนที่เป็นคู่กัน หน้าตาจะคล้ายกัน’
เคยนะ แต่คิมจงฮยอนก็ไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว พรหมลิขิต รักแรกพบ โชคชะตา ฟ้าประทาน อะไรเทือกนั้นหน่ะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอโดนแฟนคลับทักว่าเป็นคีย์แล้วถึงได้ยิ้มอารมณ์ดีไปทั้งวี่ทั้งวัน
ไม่ใช่แค่กลุ่ม แชวอล (ชื่อแฟนคลับน้อยๆน่ารักของพวกเขาเอง) หรอกนะที่จำหน้าเขาสองคนสลับกัน แม่แต่ซอนเบนิมในบริษัทเองยังจำเขาสลับกันเลยเถิด อูยย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คิมจงฮยอนยิ้มแก้มแทบแตกยังไงไหวหล่ะ?
“ไม่ตลกเลยพี่”
คนถูกทักเป็น ‘คิมจงฮยอน’ ได้แต่นั่งหน้าง้ำ บ่นพึมพำว่าคาแรคเตอร์และสไตล์ออกจะชัดเจนขนาดนี้ ความสูง หุ่น การพูด บลาบลาบลาบลาบลาอะไรก็ไม่เหมือนกันซักกะหน่อย แล้วมันเรื่องอะไรที่ต้องโดนเรียกสลับกันอยู่เรื่อย
ต้นเหตุล่าสุดที่ทำให้คิมคิบอมยิ้มแหยก็นี่เลย พี่ชีวอนกับแฟนชาวจีน ผู้ซื่อและน่ารัก
“สวัสดีคีย์” ทักพวกเขาสองคนด้วยสำเนียงแปร่งๆหู พร้อมกับยกมือทักทายมาทางคิมจงฮยอนผู้นี้ และหันไปทัก คิมจงฮุน (ไปเอามาจากไหน?) กับคีย์ด้วยหน้าตายิ้มแย้มพร้อมกับชมว่าเสียงดีมาก พาเอาพี่ชีวอนยืนตบหน้าผากพร้อมกับหัวเราะร่วน
“พวกนายเป็นแฝดกันใช่ไหม เจ๋งจัง ได้เดบิวต์วงเดียวกันด้วย” ว่าต่อยาวเหยียดพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจใสซื่อชนิดที่เด็กแฝดอัศจรรย์ตรงหน้าโกรธไม่ลง
“ใช่แล้ว เจ๋งมากเนอะ ไปกันเถอะครับ ผมหิวแล้ว” หันมายักคิ้วแบบที่ว่าหล่อโคตรให้ก่อนจะกระตุกมือที่กุมอยู่น้อยๆให้เดินตามออกไป น่ารักครับพี่ชีวอน ยังจะหลอกพี่ฮันกยองได้ลงคอ !
“เห็นตาใสๆของพี่ฮันกยองแล้วใครจะไปงอนลงหล่ะ พี่นะพี่ !” คำสุดท้ายหันมาตวัดตาเขียวปั๊ดใส่คิมจงฮยอนที่ยืนยิ้มตาหยีอยู่ด้านหลัง ก่อนจะสะบัดผมใส่เสียจนได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆยามปลายผมตวัดมาอยู่บนผิวแก้ม
“หอม”
“อะไรหอม”
“เปล่า อยากดื่มชาพีชหอมๆ” แก้ตัวไปลื่นๆแบบน้ำขุ่นๆพร้อมทำท่าทางคอแห้งกระหายแล้วกระดกขวดน้ำประกอบ
“มินิมาร์ทป้ะ พี่เลี้ยงนะ”
“ยินดี ‘ชั่วชีวิตเลย’” คำว่าชั่วชีวิตคิมจงฮยอนก็ได้แต่พูดอยู่ในใจตัวเองเท่านั้นหล่ะ ตอนนี้แค่ได้เดินจับจูงมือเย็นๆนุ่มนิ่มนี้ไว้ในมือตัวเอง มองริมฝีปากสีแดงสดเจื้อยแจ้วไปมาชวนคุยนู่นนี่นั่น แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
“ตราบใดที่ยังไม่มีใครรู้สึกแบบเดียวกับเราเหมือนที่พี่รู้สึกหน่ะนะ”
…………………………………………….
เห็นกองผ้าขยุ้มๆก็กะว่าจะเก็บที่นอนให้ แต่พอจับที่ผ้าห่มผืนหนาเพื่อจะพับเก็บคิมจงฮยอนก็โผล่หน้างัวเงียออกมาจากกองผ้าห่มนั่นซะก่อน
“อ้าว ขอโทษ ผมไม่รู้ว่าพี่ยังนอนอยู่” ก็ไม่แปลกใจหรอกกับไอนิสัยนอนขดตัวเป็นกุ้งใต้กองผ้าห่มเวลาที่อุณหภูมิในห้องแอร์มันต่ำจนต้องมุดเข้าไปซ่อนตัวใต้กองผ้าห่มของจนฮยอนหรอก ก็แค่
“นอนด้วยกันดิ หนาว” คว้าข้อมือของคนที่ลุกขึ้นจนอีกคนเซหน้าตาตื่นมาประทะอก สาบานจริงๆว่าตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์แทมินบอกชอบพี่อนยูนั่นเจ้านี่ก็ทำตัวแปลกๆใส่เขาขึ้นมาเฉยๆ
“ไม่เอา ผมจะไปอาบน้ำแล้วนะ สิบเอ็ดโมงเข้าบริษัท”
เหลือบตามองนาฬิกาตรงหัวเตียงที่บอกเวลาสิบโมงนิดๆแล้วคิมจงฮยอนก็ยังไม่ยอมแพ้จะนอนต่อ
“แป๊บเดียวขอสิบนาที นะ”
คิมคิบอมถึงยอมสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม นอนนิ่งๆให้อีกคนจูบปากจูบแก้มแล้วก็ม้วนปลายผมเล่น แถมยังทิ้งคำถามกวนใจไว้หนึ่งก่อนจะหลับตาเข้าสู่นิทราไปเฉยๆ
“วันนั้นได้ยินอะไร พี่ตื่นมาต้องให้คำตอบนะ”
คิมคิบอมแต่แต่นอนตัวแข็งหายใจผิดถูกจังหวะอยู่ตลอดสิบนาที ก่อนที่คิมจงฮยอนจะลืมตาผึงขึ้นมาแล้วทวงคำตอบ
“แทมินชอบพี่เหรอ?” ถามออกไปแผ่วเบาจนอีกคนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ก็เพราะตั้งใจฟังอยู่ แถมหูเขากับปากคิบอมก็ใกล้กันนิดเดียว
“แล้วได้ยินว่ายังไงหล่ะ?”
พอได้ยินอย่างนั้นคิบอมก็สะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกขึ้นนั่งหันหลังให้เขา
ถ้าอย่างนั้นที่เคยเข้าใจว่าอนยูกับแทมินกำลังแอบชอบกันอยู่นี่ก็ผิดหมดเลยใช่ไหม ?
คนที่นอนอยู่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งซ้อนหลัง ปัดเส้นผมที่ต้นคอขาวก่อนจะฝังจมูกลงสูดความหอม ปลายลิ้นชื้นที่ดูดดุนผิวหลังคอทำเอาคิบอมใจเต้นตึกตัก วงแขนที่โอบรัดและอุ้งมือที่สอดเข้ามารอบเอวทำให้เลือดในกายสูบฉีดรุนแรง
“พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ !”
“ทำไมหล่ะ เพราะว่าแทมินมาบอกชอบพี่เหรอ ? หรือเพราะว่าเราชอบพี่แต่สงสารน้องหล่ะ”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง?” ยืนขึ้นเต็มความสูง เรียวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความโมโห มันก็ต้องแหงอยู่แล้วที่เขาทำตัวแปลกๆเพราะว่าแทมินบอกชอบจงฮยอน ถ้าเกิดมักเน่โผล่มาเจอตอนเขาจูบกัน จะเป็นยังไงหล่ะ ?
หลอกตัวเองอยู่ชัดๆเลยคิมคิบอม
“อย่ายัดเยียดพี่ให้น้องเพียงเพราะประโยคนั้นประโยคเดียวหล่ะ ไม่งั้นนายจะเสียใจ” คิมจงฮยอนสะบัดผ้าห่มออกจากตัว เดินกระแทกไหล่บางออกไปก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้คิบอมได้แต่ตีอกชกหัวตัวเองอยู่บนเตียงนอนยับอยู่และเย็นชืดนั่น
เป็นเวลากว่าสิบนาทีที่คิบอมพยายามจะจัดการกับหัวใจโดยที่ยังนั่งอยู่บนเตียงนั้น ได้แต่ถอนหายใจจนคิดว่าถ้าหายใจแล้วอายุสั้นจริงอายุเขาต้องติดลบ จวบจนเจ้าของเตียงเดินมา คิบอมถึงได้ขยับเปลี่ยนท่าหลังจากนั่งนิ่งมานาน แต่พอคิมจงฮยอนเดินมาใกล้กลับผงะถอยหลังหนี
“ก็ได้ ไม่อยากให้แตะใช่มั้ย?” คนที่เอื้อมมือหาหมายจะกอดปลอบสักทีชะงักมือค้างอยู่กลางอากาศ แววตาเจือแววโมโหวูบมาให้เห็นเพียงนิด ทำให้คนบนเตียงไม่ได้เอะใจว่าคิมจงฮยอนเอาจริงเข้าแล้ว เพราะแต่ไหนแต่ไรมีอะไรก็พูดบอกกันตรงๆ ไม่มีมาใช้คำพูดหรือทำท่าทางประชดประชันใส่กันให้เห็น
“เดี๋ยวผมไปทำแซนด์วิชละกันนะ รีบๆแต่งตัวหล่ะ” พูดกับอะไรก็ตามนั่นแหล่ะที่จะไม่ต้องจ้องหน้าบึ้งของอีกคน ก่อนจะสาวเท้ายาวๆวิ่งหายไปทางห้องครัว
...........................................................................................
คนตัวขาวที่นั่งอยู่เบาะหลังคู่กับจงฮยอนเหลือบมองพี่ชายที่นั่งไขว่ห้างเสมองออกไปนอกหน้าต่าง หูฟังอินเอียร์เสียบอยู่ในหู และเปิดเพลงเจร็อคดังมากพอที่เจ้าตัวจะสามารถแกล้งทำเป็นหูทวนลมได้ถ้าเขาพูดด้วย
“พี่” ขยับขอบกล่องแซนด์วิชไปแตะที่แขนอีกคนเบาๆ แต่คิมจงฮยอนก็แค่ใช้หางตามองก่อนจะหันหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่าง ลองขยับกล่องแซนด์วิชไปแตะๆแขนเป็นครั้งที่สอง แต่คิมจงฮยอนก็ไม่แม่แต่ใช้หางตาจิกกัดมองเขา สุดท้ายก็เลยเอื้อมว่างกล่องทัปเปอร์แวร์ลายไดโนเสาร์สีเขียวไว้บนตักอีกคนแทน
“แซนด์วิชใส้แฮมไก่กับซีซาร์นะ”
“.....”
“โกรธเหรอ อย่าโกรธผมเลยนะ” เอื้อมมือไปบีบเบาๆบนมืออุ่นของคิมจงฮยอนที่วางประสานกันอยู่บนตัก เจ้าตัวก็ชักมือออก พร้อมกับปัดมือเขาออกจากต้นขา โดยที่สายตายังมองตรงออกไปข้างนอกหน้าต่าง
ขอบอกเลยว่าถ้าคิมจงฮยอนอยากจะยั่วให้คิมคิบอมคนนี้หงุดหงิดหัวเสียหล่ะก็ ได้ผลแล้วหล่ะ ตากลมมองคนที่นั่งผิวปากไปตามเพลงพร้อมกับเคาะนิ้วลงบนฝากล่องไดโนเสาร์สีเขียวนั่นเป็นจังหวะแล้วหงุดหงิดสุดๆ อยากจะตบอีกคนเข้าให้สักฉาดแล้วด่าแรงๆข้อหาทำตัวน่าโมโห แต่ก็นึกได้ว่าความผิดตัวเองทั้งนั้น
“เดี๋ยวฉันลงไปรับแทมินกับมินโฮก่อน ทำตัวดีๆหล่ะเด็กๆ อย่าซน เข้าใจมั้ย” ผจก.ชเวจินสุดหล่อสั่งเสียไว้ก่อนจะปรับแอร์เบอร์สามแล้วก็ลงจากรถไป ก็รู้หน่ะสิว่าสองคนนี้อยู่ได้กันแล้วหาเรื่องเล่นแผลงๆกันตลอด เลยต้องเตือนๆไว้เสียก่อน
จะให้นั่งอยู่ในรถกันสองคนก็คงจะบ้าตายแน่ๆ เพราะกว่าชอยมินโฮกับอีแทมินจะเลิกก็อีกเกือบสิบนาที แถมกว่าจะฝ่าฝูงแฟนคลับที่มารอดูคนรักกับแทมินน้อยในชุดนักเรียนก็คงอีกนานโข เลยคว้ากระเป๋าสตางค์กับมือถือเดินดุ่มไปหาร้านมินิมาร์ทเอาดาบหน้า
ชาพีช ?
ยืนจ้องขวดชารสโปรดของใครบางคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่นานสองนานก่อนจะถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ไม่รู้จะเริ่มต้นง้อยังไงเพราะไม่เคยงอนกันมาก่อน ยืนคิดอยู่นานจนบีบีชอคกิ้งพิงค์แจ้งเตือนข้อความบนแอพสีเขียวจากมินโฮ ที่ส่งมาบอกว่าอยู่บนรถแล้ว คิบอมเลยลืมเรื่องง้อกับชาพีชไปสนิท รีบวิ่งตัวเปล่ากลับไปที่รถทั้งที่ยังไม่ได้ซื้ออะไรซักอย่าง
“ไง”
เพราะชอยมินโฮลดหน้าต่างลงร้องเรียกเขาจากเบาะหน้า คิบอมเลยต้องเปิดประตูหลังเพื่อจะพบว่า
“พี่คีย์ แซนด์วิชอร่อยดีนะ” เคี้ยวจนเต็มแก้มแถมยังมีเศษขนมปังติดอยู่ที่มุมปาก มือขาวข้างนึงถือกล่องใส่แซนด์วิชไว้แนบตัว ส่วนมืออีกข้างก็กำลังส่งแซนดวิชขนาดพอดีคำเข้าปากคิมจงฮยอนที่อ้ากว้างรออยู่แล้ว
“อื้อ” กระแทกตัวลงนั่งบนเบาะนิ่มอย่างแรง พร้อมกับพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้หันไปมองด้านข้าง ขาเรียวยาวใต้กางเกงสีเทาของน้องเล็กกำลังพาดเกยอยู่บนตักคิมจงฮยอนพร้อมกับเมนโวคัลที่หยิบเศษขนมปังข้างแก้มสีชมพูอ่อนนั่นออกให้
‘อ่อนโยนจนเขาจะเป็นบ้า’
‘ไงเซกซี่’
‘เซกซี่บ้าอะไรมินโฮ?’ แอบอมยิ้มน้อยๆพร้อมกับยกเข่ากระแทกไปที่เบาะด้านหน้า อีโมติคอนที่ร่างสูงส่งมาก็ทำให้เขายิ้มออกได้อยู่หรอก
‘หิวอะ’
เหลือบตาหันไปมองกล่องแซนด์วิชก็พบว่าแทมินกำลังประกบแซนด์วิชสองคู่ อ้าปากกว้างแล้วยัดมันเข้าไปทั้งคำพร้อมกับเคี้ยวแก้มตุ่ยอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่คนที่ตั้งใจทำให้กลับเอาแต่แทะๆเล็มๆชิ้นพอดีคำทีอยู่ในมืออยู่นานสองนานแล้ว
‘อ่า..’
แล้วเขาก็ไม่ได้ทำมาเผื่อแฟนตัวเองเสียด้วยสิ แย่จริง ดันมัวแต่ห่วงกระเพาะของคิมจงฮยอนอยู่ได้
‘ยังไงหล่ะ ไอมักเน่นั่นก็กินล้างผลาญซะจริงแฮะ ทำท่าหิวโซซะไม่กล้าขอแบ่งเลย’
‘โอ๋ เดี๋ยวกลับไปจะทำอะไรอร่อยๆให้ทานนะคนดี’
บทสนทนาจบลงแค่นั้นพร้อมกับชอยมินโฮที่หันมายิ้มให้เขา ยิ้มยิงฟันโชว์ฟันขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบพร้อมกับลักยิ้มสวย
แค่นี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาเยอะเลยหล่ะ : )
ความคิดเห็น