คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ชู้ 2 (Jongkey) Rewrited
________________________________________________________________________________________________________________
อนยูสบถเบาๆกับจราจรติดขัดยามบ่าย ตาเรียวเหลือบมองน้องเล็กที่วันนี้ย้ายไปนั่งอยู่ด้านหลังกับมินโฮ ทั้งที่ปกติต้องรีบแย่งจองพื้นที่ตุ๊กตาหน้ารถที่เบาะหน้าจ้อแหลกกับคนขับรถจำเป็นอย่างเขาเป็นประจำ
‘วัยรุ่นนี่เข้าใจยากแฮะ ?’ อนยูมองผ่านกระจกหลังแล้วย่นจมูก ไม่ทันคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ห่างจากคำว่าวัยรุ่นมากมายนัก
“เดี๋ยวพี่กับแทมินจะแวะร้านขนมตรงหัวมุม ลงด้วยกันมั้ยมินโฮ?”
“ใครจะแวะกับพี่?”
มินโฮอ้าปากค้างพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เดี๋ยวนี้แทมินน้อยๆของพวกเขาร้ายกาจขึ้นเยอะแฮะ
“อารมณ์เสียอะไรมาหล่ะ?” คนอายุมากพยายามใจเย็น เพราะโตมากพอที่จะใช้เหตุผลตัดสินแทนอารมณ์
“ก็พี่นั่นแหล่ะ” ใบหน้าขาวงอง้ำ ยิ่งอนยูทำหน้าตาเหรอหราไม่รู้เรื่องหน้าตาน่ารักก็ยิ่งบูดเบี้ยวเข้าไปอีก
“เป็นอะไรก็บอกมาสิ ไม่พูดแล้วพี่จะไปรู้ไหม?” อนยูพรูลมหายใจออกจมูก แทมินงอนทีไรรู้สึกช่องว่างระหว่างวัยมันยิ่งแหกกว้างขึ้นทุกที
“พี่น่ะแม่งก็ไม่เคยรู้อะไรซักอย่างหรอก !” ตะโกนใส่เสียดังลั่นแล้วกอดอกฉับ แล้วเอาคนฟังสองคนหูแทบอื้อ แถมคนขับรถอย่างอนยูพอโดนตะโกนเสียงดังใส่ก็ตกใจไม่ใช่เล่น
แต่คนอายุมากยังคงใจเย็น ร่างสูงฮัมเพลงระหว่างเปิดไฟเลี้ยวขอทาง ไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนจอดรถแล้วคนที่บอกจะไม่แวะผลุนผลันลงไปแล้วปิดประตูดังลั่นนั่นแหล่ะ
“นี่พี่ทำอะไรผิดวะ?” ปลดเบลท์แล้วเอี้ยวตัวไปถามน้องชายที่นั่งไขว่ห้างอยู่เบาะหลัง
“บางทีพี่ก็คิดแบบคนโตแล้วมากไปนะพี่ เก็บเหตุผลไปบ้างก็ได้ บางทีแทมินคงอยากให้พี่ใช้ความรู้สึกกับอารมณ์ของพี่ตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างมากกว่าเหตุผล”
“โห แล้วกูทำอะไรหล่ะเนี่ย จะรู้เรอะ” อนยูขยี้ผมจนยุ่งเหยิง บอกเลยตำแหน่งหัวหน้าวงที่ค้ำคออยู่นี่ ทำให้เขาต้องบังคับตัวเองให้เป็นคนที่มีเหตุผล รอบคอบ และทิ้งไปได้เลยกับการใช้อารมณ์ตัดสิน
“วันนี้พี่เจอเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่โรงเรียนผมกับแทมินใช่มั้ย”
“อ๋อ ฮานึลเหรอ ? น้องข้างบ้านน่ะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ตอนเด็กๆเล่นด้วยกันบ่อย ก็เลยคุยนาน”
“ไม่อ่ะ โคตรนานเลยพี่ พี่ก็รู้ว่าแทมินบ่นอยากกินชูครีมร้านนี้มาหลายวันแล้ว” มินโฮเพยิดหน้าไปยังร้านฝรั่งเศสสีฟ้าที่เขาแวะมาจอด
“ก็พามาแล้วนี่ไง”
“เห้อ ประเด็นมันอยู่ตรงที่มันหมดเร็วมากต่างหาก แล้วพี่ก็มัวแต่คุยแล้วก็แลกเบอร์กับยัยตัวเล็กนั่นอยู่นั่นแหล่ะ”
“ผิดเหรอวะ เอาไรป่ะ”
“ไม่เอาอ่ะพี่ ไปดูแทมินเหอะ” ร่างสูงยกขาขึ้นวางบนเบาะแล้วเหยียดขายาวเหยียด ถือว่าเขาช่วยอนยูนะ ไม่ได้ง่วงเลยจริงๆ
“อ้าว ไหนขนมหล่ะ?” เอ่ยปากถามคนที่เดินดูดนมจืดหน้าบึ้งมาแต่ไกล
“หมดแล้ว มาไม่ทันเพราะพี่มัวแต่แจกเบอร์อยู่ไงหล่ะ” ไหล่บางกระแทกผ่านเขาไป สาบานว่าถ้าตอนนี้เขาใช้อารมณ์ เรื่องใหญ่แน่นอน
คนใจเย็นก้าวยาวๆเข้าไปในร้าน พนักงานสาวๆรีบออกมาต้อนรับ
“ชูครีมหมดแล้วเหรอครับ?”
“เอ่อ หมดแล้วค่ะ แต่ว่าฉันเป็นแฟนของคุณ เอาของฉันไปก็ได้ค่ะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาใหม่ดีกว่า”
แต่สุดท้ายอีจินกิก็ได้ชูครีมก้อนโตสี่ก้อนใส่กล่องใสแถมเค้กโรลอีกหลายรสติดมืออกมาจากร้าน แลกกับลายเซ็นแล้วก็ถ่ายรูปคู่ไปนิดหน่อยเท่านั้นหล่ะ
“เอ้า ชูครีมของเรา” ถุงขนมถูกหย่อนลงบนตักพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“....”
“ยอมมานั่งข้างหน้ากับพี่แล้วหรือไง”
“มิโน่ จำไว้นะเราเลิกกัน” คนตัวขาวเอี้ยวตัวไปตีแขนมินโฮที่นอนเหยียดยาวกระดิกขาฮัมเพลงอยู่เบาะหลัง
“มันไปคบกับเราตอนไหนหล่ะฮะเนี่ยหื้ม” ละมือจากพวงมาไลมายีผมนุ่มเบาๆแต่ก็โดนปัดมือออก ทำเอาคนใจเย็นเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาบ้าง
“แทมิน โตแล้วนะ อยากกินชูครีมก็พามาแล้ว ก็ได้มาแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีก”
“ผมบอกแล้วว่าพี่แม่งไม่เคยเข้าใจอะไรหรอก เอาขนมคืนไป ผมไม่กิน” เน้นชัดถ้อยชัดคำแล้วก็โยนถุงลงตักคนที่กำลังขับรถ
‘เชิญเอาไปให้แม่ตัวเล็กนั่นกินละกัน’
อีจินกิเลี้ยวรถเข้ามาจอดใต้ตึกที่พักในครึ่งชั่วโมงต่อมา ยังจอดรถไม่ทันสนิทดี แทมินก็ผลุนผลันลงจากรถ ร่างสูงหลับตาให้เย็นลง เพราะเป้ใบโตกระแทกรถเขาเสียงดัง แถมเสียงปิดประตูดังลั่นคงคงทำหูอื้อไปอีกหลายวัน
“ใจเย็นนะพี่ มีอะไรขึ้นไปคุยกันบนห้องดีกว่า”
“คุยแน่หล่ะ นั่นอารมณ์ล้วนๆ ทำตัวไม่มีเหตุผลเลย”
................................................................................................
เสียงปิดประตูดังลั่นทำเอาคิบอมกับจงฮยอนที่นั่งเบียดกันดูหนังอยู่ดีดออกจากกันทันที
“โว้ยยยย”
“อะไรแทมิน เป็นอะไร” คิบอมถลาเข้าไปจับแขนแทมินที่ร้องโวยวายแล้วทุ่มเป้นักเรียนลงพื้น ร่างบางงงเป็นสองเท่าเมื่อพี่ชายที่ไม่เคยอารมณ์เสียให้เห็นกระชากประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับคว้าเข้าที่ต้นแขนแทมินแล้วลากหายเข้าไปในห้องนอน
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” คิบอมถลาเข้าไปหามินโฮที่กำลังก้มเก็บกระเป๋าเป้น้องชายที่พื้น
“แทมินงอแงมาก ส่วนพี่อนยูก็ใจเย็นไป”
“ใจเย็นก็ดีแล้วไง”
“ใจเย็นเกินไปหน่ะสิ ฉันจะประสาทตายอยู่แล้ว สงครามประสาทชัดๆเลย” มินโฮโน้มตัวลงจูบปลายจมูกของคนที่กำลังช่วยเขาถอดเสื้อตัวนอก ก่อนจะใช้หัวแม่โป้งนวดหัวคิ้วที่ขมวดกันยุ่งให้คลายออก
“เหรอ แล้วเรียนเป็นไงบ้างอะ?”
“น่าเบื่อ ยอมลาออกมาเตะบอลกับพ่อทั้งวันยังดีกว่าเลย” แอบหลอกจูบแก้มคนที่ยังยืนกังวลกัดเล็บไปอีกหนึ่งที
“เยอะไปละมินโฮ ไปอาบน้ำไปเดี๋ยวทำไรให้กิน” ดันอกคนสูงกว่าออกเบาๆ ร่างบางเดินเอื่อยๆเข้าไปในครัว ที่ซึ่งคิมจงฮยอนกำลังยืนซดเบียร์เย็นๆอยู่
“พี่ ..อย่างอนกันนะ” พอเห็นพี่ชายทำท่าจะเดินออกไปถึงรีบคว้าแขนเอาไว้ จงฮยอนไม่ได้สบตา คนโตกว่ามองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่ยอมสบตาเสียที
“มินโฮอาบน้ำอยู่ ...พี่”
“พี่จะมีสิทธิ์งอนอะไรล่ะ ใช่ไหม?” คนตัวสูงปลดมือที่จับแขนเขาออกอย่างนุ่มนวล จะทำไงได้ ไม่เห็นแปลกตรงไหนที่คิบอมจะทิ้งเขาไว้แล้วไปอยู่กับมินโฮ ไม่ไปสิแปลก
......................................................................................
“นั่งลง” อีจินกิดันไหล่น้องเล็กให้นั่งลงบนเตียง แต่แทมินก็ไม่ยอม ร่างผอมบางปัดมือที่กดไหล่อยู่ออก พร้อมกับผุดลุกขึ้นยืน
“แทมิน บอกให้นั่งลง คุยกันดีๆ อย่างอแง”
“บางทีพี่ก็ใจเย็นเกินไปนะ”
“พี่ไม่ใช่เด็กๆแล้วนี่ ที่จะตัดสินใจทุกอย่างด้วยอารมณ์อย่างเดียว”
“อ๋อ ใช่สิ ผมมันเด็กนี่นะ ผมมันอายุห่างกับพี่สี่ปีไง เด็กมากในสายตาพี่ใช่มั้ยหล่ะ”
“ใช่ นายเด็กเพราะฉะนั้นพี่จะไม่โกรธ วันนี้เป็นอะไร พูดมา” เขาทิ้งตัวลงนั่งแทน ปล่อยแทมินยืนค้ำหัวอยู่แบบนั้น
“ผมไม่พอใจที่วันนี้พี่มัวแต่คุยกับแม่ตัวเล็กนั่น”
“เค้าชื่อฮานึล”
“ชื่ออะไรก็ช่าง แล้วทำไมต้องแลกเบอร์กันด้วย”
“นั่นส่วนตัวไปหรือเปล่า เขาเป็นน้องข้างบ้าน ตอนเด็กๆก็เล่นกันบ่อย บางที่พี่ยังช่วยสอนฮานึลร้องเพลงอยู่เลย”
“ส่วนตัวไง แต่ถ้าผมบอกว่าผมชอบพี่ ผมมีสิทธิเสียใจรึเปล่า มีสิทธิโมโห มีสิทธิงี่เง่าได้รึเปล่า?”
“....”
“ถ้าพี่แค่มองว่าผมน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนน้องคนนึง ก็เลิกหอม เลิกลูบแก้มเลิกกอด เลิกหลอกจูบผมซะที มันเจ็บ”
“แทมิน”
“อ้อ ฮานึลน่ะ อายุน้อยกว่าผมอีกนะ พี่ก็น่าจะรู้” มือขาวปาดน้ำตาที่หางตาทิ้ง ปลดล็อคประตูห้องนอนแล้วทิ้งคนแก่ใจเย็นไว้เบื้องหลัง
“เหอะ ไม่คิดจะรั้งกันไว้ด้วยซ้ำ”
“ว่าไงมักเน่ อยากร้องไห้กับพี่มั้ย?” โดนจี้จุดเข้าทำนบน้ำตาที่กลั้นไว้ก็แตกออก เด็กน้อยโผเข้าอ้อมแขนคิมจงฮยอน สะอื้นตัวโยนจนต้องรีบลูบหัวลูบหลังปลอบแทบไม่ทัน
“ผมอยากออกไปข้างนอก”
“เดี๋ยวดึกหน่อยพี่พาออกไปนะ ตอนนี้ไปนั่งในห้องซ้อมก่อนละกัน ร้องไห้พอ ไปเดินร้องไห้ข้างนอกไม่เอานา” จูงมือเล็กๆเข้าไปในห้องที่มีคีย์บอร์ด คอมพิวเตอร์ กับ ชั้นหนังสือเล็กๆที่เก็บการ์ตูน
ยังไม่ทันงับประตูปิดดีเจ้าตัวเล็กของพี่ๆก็ปล่อยโฮลั่นแบบไม่กลัวใครได้ยิน การ์ตูนเล่มโปรดของอนยูที่วางเด่นอยู่บนชั้นดูจะเป็นเป้าสายตา มือขาวคว้าหมับทันที แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร จงฮยอนก็คว้าเข้าที่มือขาวไว้เสียก่อน
“ไม่เอานะ พี่จินกิไม่ชอบใจแน่”
“เอางี้ดีมั้ย ? พี่ให้ยืมไหล่วันนึงแล้วกัน วันเดียวเลยนะ ” จงฮยอนฉีกยิ้มละมุนแล้วยกข้อเสนอให้ใบหน้าเปื้อนน้ำตาตรงหน้า อีแทมินพยักหน้า เลยถูกพี่ชายคว้ามากอดแน่น แถมยังโยกตัวแล้วร้องโอ๋เอ๋เหมือนปลอบเด็กเล็กจนแทมินหลุดหัวเราะออกมาจนได้
“มันผิดมากเหรอที่เกิดมาอายุน้อยกว่าแล้วก็ชอบใช้อารมณ์กับความรู้สึกตัดสินใจอะไรหลายอย่าง พี่เขาเองก็ไม่ได้อายุห่างจากพวกเรามากมายขนาดนั้น เป็นอะไรนักหนา” พอหยุดร้องไห้ได้ก็พ่นออกมายาวเหยียด มือขาวกำชายเสื้อจงฮยอนแน่น
“แต่เค้าห่างกับเรามากที่สุดไง”
“แค่สี่ปีเอง นี่ถ้าผมอ่อนกว่านี้อีกซักปีสองปี ผมต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ”
“ถ้าอ่อนกว่านี้เราจะชอบพี่เค้าน้อยลงรึไง?”
แทมินส่ายศีรษะเล็กๆจนผมเส้นละเอียดส่ายไปตามแรง
“ผมชอบพี่”
“ถ้าเป็นแบบนี้ผมมีสิทธิโมโห งี่เง่าไม่พอใจหรือเปล่า”
“....”
“ถ้าพี่แค่เห็นว่าผมน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนน้องคนนึงเท่านั้น ก็เลิกกอดเลิกหอมผมซะที มันเจ็บ”
“...”
“ผมพูดกับพี่จินกิไปอย่างนี้ ...โอ้ยยยยย พูดไปได้ยังไงเนี่ย”ประโยคสุดท้ายแทมินทิ้งตัวลงนอนกับพื้น สองมือขาวยกขึ้นปิดใบหน้า ครางงึมงำกับฝ่ามือตัวเอง ไม่ได้พูดไปจ้องตาจงฮยอนไปอย่างประโยคที่พูดกับจินกิ
“อย่างน้อยก็ได้บอกนะ”
“พี่ก็รีบๆพูดซะเถอะ”
“ไปเดินเล่นข้างนอกกันเถอะ” จับจูงมือคู่เล็กๆขึ้นนั้นแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน พอเปิดประตูออกไปก็เจอร่างขาวบางยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตู
“พี่คีย์” แทมินปล่อยมือออกจาเขาก่อนจะโผเข้ากอดออมม่าตัวเอง เต็มอ้อมแขน แต่คนที่ถูกกอดทั้งตัวเหลือใบหน้าเกยไหล่แทมินมองมายังเขาด้วยท่าทางตื่นๆก่อนจะผลักน้องคนเล็กออก
“อะไร”
“ผมออกไปเดินเล่นกับพี่จงฮยอนนะ ดึกๆกลับ”
“อ อื้อไปสิ”
มุมปากบางของคิมจงฮยอนยกขึ้นน้อยๆ ถ้าให้เดาจากสัญชาตญาณแล้วหล่ะก็ คิบอมตัวขาวคงจะมาดูน้องแหล่ะ แต่สงสัยจะได้ยินประโยคเด็ดเข้าก่อน อย่างเช่น ‘ผมชอบพี่’ หรือ ‘งั้นผมมีสิทธิงี่เง่า งอแงมั้ย?’ ไม่ก็ ‘ถ้าพี่คิดว่าผมน่ารักน่าเอ็นดูเฉยๆ ก็เลิกกอดหอมผม’ อะไรประมาณนี้ แหงๆ
มองคิบอมที่เลี่ยงจะสบตากับเขาแล้วก็ได้แต่ยิ้มสนุกอยู่ในใจ ท่าจะไม่ได้ได้ยินประโยคสุดท้ายที่แทมินงึมงำแหงซะ ไอประโยค ‘ ผมพูดกับพี่อนยูไปแบบนั้น’ ถึงได้ก้มหน้ากำมือแน่น หลบสายตาเขาแบบนี้
คิมจองฮยอนเดินตามแรงลากจากมือเล็ก มืออุ่นบีบกระชับที่มือนิ่มเป็นการให้กำลังใจ ก่อนจะละมาปัดผมหน้ามาที่ยาวปิดตาให้พ้นดวงตากลม
“พี่พาไปตัดผมเอาไหม?”
กริยากับนำเสียงอ่อนโยนทุกอย่างอยู่ในสายตาของคิมคิบอมเสมอ แม่จะก้มหน้าลงแล้วเลี่ยงเดินไปทางอื่นก็ตามที
‘ถ้าอย่างงั้น พี่จงฮยอนก็ได้คิดว่าแทมินแค่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนน้องชายเท่านั้นสินะ’
เพราะหางตาเห็นไวๆว่าสองคนนั้นกำลังกอดคอกอดเอวเดินออกจากหอไปไงหล่ะ
‘ถ้าพี่แค่เห็นว่าผมน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนน้องคนนึงเท่านั้น ก็เลิกกอดเลิกหอมผมซะที มันเจ็บ’
คนที่เจ็บหน่ะ เขาต่างหาง
พี่จงฮยอน ไอคนงี่เง่า คนหลายใจเอ๊ย !
ความคิดเห็น