ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SEVENTEEN x YOU : YOU MAKE MY DAY !!

    ลำดับตอนที่ #1 : YOU MAKE MY DAY !! Chapter : 1 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.14K
      65
      20 ก.ย. 66

    Chapter 1 
    CR.SQW

     


     

     


     

     


     

     


     

     

          มันเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง วันที่ไม่ร้อน และไม่หนาวมาก


     


     

         วันที่ทุกคนต้องตื่นมาใช้ชีวิตเฉกเช่นทุกวัน 


     


     

         วันที่มี 24 ชั่วโมง


     


     

         แต่ทำไมหนึ่งวันธรรมดาสำหรับบางคนมันช่างยาวนานนัก


     


     

              ปึก!

       

     

         " นี่ เดินยังไงของเธอเนี่ย? "


     

         " คือฉัน.. ฉันไม่ระวังเอง ขอโทษนะ "


     

          เด็กสาวเงยหน้าขอโทษเพื่อนร่วมชั้นอย่างตะกุกตะกัก ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสามคนตรงหน้าจงใจเดินมาชนตัวเองจนล้มกระแทกพื้นแบบนี้


         ทั้งๆที่ตั้งใจเดินเลี่ยงชิดทางแบบสุดๆแล้วก็ยังมาชนได้ หากใครมาเห็นก็คงรู้ว่าจงใจ แต่จะทำยังไงได้ ตรงนี้ไม่มีใครสักคน


          แถมพักหลังเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว


     

          ร่างเล็กยันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น ปัดเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นแล้วหันไปยิ้มบางๆให้ทั้งสามคนตรงหน้า ก่อนจะขอโทษอีกครั้งแล้วเดินสวนออกมา 


     

           ถึงแม้หลังจากเดินทิ้งห่างมาได้สักสามก้าว จะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักและประโยคนึงว่า


     

         " ยัยโง่ "


     

        แต่เธอก็พยายามจะไม่ใส่ใจแล้วรีบเดินตรงไปที่ห้องชมรมจนมาถึงในที่สุด


     

         " ไง จีอึน วันนี้มาช้าจังนะ "


     

           ชายหนุ่มรุ่นพี่ดีกรีหัวหน้าชมรมร้องทักขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันทีที่ร่างเล็กก้าวเข้าห้องมา ขณะที่คนอื่นๆก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน


     

         " พอดีวันนี้เป็นเวรทำความสะอาด ต้องขอโทษด้วยนะคะ "


     

         " ฮะฮะ ขอโทษอะไรกัน เจ้าฮันโซลมันบอกฉันเรื่องนั้นแล้วล่ะ "


     

       เขายังคงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ระหว่างนั้นก็เดินเข้ามาแล้วยกมือขึ้นมายีผมหญิงสาวตรงหน้าเบาๆอย่างเอ็นดู


     

         " เธอน่ะ จริงจังมากเกินไปแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่เห็นมีอะไรที่ต้องขอโทษสักหน่อย อย่าซีเรียสเกินไปเลย ฉันน่ะนะ เห็นคนน่ารักแบบเธอทำหน้าอมทุกข์แล้วมันแอบปวดใจนะ "


     
     

         " งั้นก็ ขอบคุณนะคะพี่ซึงชอล " 


       

        ว่าแล้วรอยยิ้มน่ารักก็ผุดขึ้นมาจากใบหน้าสวย เป็นที่พอใจของชายหนุ่มตรงหน้ามาก 


     

         ซึ่งเมื่อได้เห็นใบหน้าซีดเซียวในตอนแรกเปลี่ยนเป้นรอยยิ้มอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว เขาจึงยอมปล่อยให้เธอกลับมานั่งที่ประจำแล้วทำหน้าที่ของผู้จัดการชมรมในที่สุด


     

          หน้าที่ที่ว่านี้ก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าไร ก็แค่นั่งเฉยๆดูคนอื่นซ้อมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีใครต้องการอะไร 


         โชคดีที่ระหว่างนั้นจะเป็นเวลาว่าง เธอจึงสามารถนั่งอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนที่เรียนวันนี้ไปด้วยได้ 


     

          แต่ทำไมถึงไม่มีสมาธิกันนะ


     

           ' อ่านไม่รู้เรื่องเลย '


     

         อาจจะเป็นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้


     

         " นี่ จีอึน.. "


     

           หรือว่าเรื่องเมื่อเช้า


     

         " เฮ้!! "


     

         " อ้ะ! "  


     
     

          หญิงสาวสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปหาต้นเสียงที่อยู่ข้างๆ


     

         " เหม่ออะไรอยู่? ฉันเรียกเธอตั้งนาน " 


     

         " โทษที ฉันคิดอะไรเพลินๆอยู่ "


     

         " เป็นอะไรรึเปล่า? หน้าตาเธอดูไม่มีชีวิตชีวาตั้งแต่เช้าแล้ว "


     
     

         พอได้เห็นสีหน้าเป็นห่วงของเพื่อนข้างๆ รอยยิ้มเล็กก็ผุดขึ้นอีกครั้งเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายสบายใจว่าไม่มีอะไรต้องห่วง


     

         " ฉันไม่เป็นอะไรหรอกมินกยู แค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย "


     

         " งั้นหรอ กลับก่อนดีมั้ย? วันนี้พวกเราน่าจะอยู่ซ้อมกันอีกยาวเลย เดี๋ยวจะป่วยหนักเอานะ "

     


         " แต่ว่า.. "

     

     

         " เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก "

     

     

         ว่าแล้วร่างสูงก็จัดการเก็บของบนโต๊ะเข้ากระเป๋านักเรียนเรียบร้อย ขณะที่ร่างน้อยๆเจ้าของกระเป๋ายังนั่งทำหน้างุนงงอยู่เลย

     

     

         " นี่ทุกคน จีอึนไม่สบายขอตัวกลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปส่งเอง "  

     

     

             พอพูดจบเขาก็ลากหญิงสาวออกมาจากห้องชมรมทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนเธอเองตามเขาไม่ทัน พอรู้ตัวอีกทีก็เดินมาจนเกือบจะถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว

     


         " อ้ะ! "

     


         " มีอะไร? "  ร่างสูงหยุดตามคนข้างๆก่อนจะหันมาถามอย่างสงสัย

     


         " ฉันลืมไปเลยว่าฉันต้องไปคืนหนังสือที่ห้องสมุดก่อน "



         " เธอไม่สบายนะ ไว้ค่อยคืนวันอื่นก็ได้ "



             ใบหน้าสวยส่ายไปมาเป็นการปฏิเสธทันที ก่อนจะอ้างขึ้นมาว่านี่เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะคืนได้ 


           แต่ที่จริงเธอก็แค่เกรงใจที่เขาต้องไปส่ง แถมเขายังต้องกลับมาชมรมอีกรอบ เธอเลยหาข้ออ้างให้เขากลับไปก็เท่านั้น



         " เดี๋ยวฉันไปคืนหนังสือก่อน แล้วมีหนังสือที่ต้องยืมกลับมาอีก นายกลับไปห้องชมรมเถอะ "



         " ไม่ ถ้าเกิดเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไง? "



         " ฉันแค่ปวดหัวนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ แถมวิ่งได้ด้วยนะ ดูสิ "



           ร่างสูงยืนถอนหายใจกับท่าทางที่พยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดของคนตรงหน้า ก่อนจะยืนยันเสียงแข็งว่างั้นเขาก็จะไปด้วย แต่เธอก็ปฏิเสธอีก จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับความดื้อดึงของร่างเล็กจนได้ 


          เพราะข้ออ้างที่ว่าคงต้องหาหนังสืออีกสักพัก และติดที่ว่าอีกไม่กี่วันจะมีกิจกรรมสำคัญของชมรมเขาจึงเอ้อระเหยอยู่ได้ไม่นานนัก 


          แต่ก่อนเดินกลับไปเขาก็ไม่ลืมที่จะย้ำว่าถ้าถึงบ้านให้โทรบอก แล้วก็อาบน้ำกินยาด้วย


         ใบหน้าหวานยิ้มรับทันทีเป็นอันตกลงแล้วก็โบกมือให้อีกฝ่ายไปด้วยรอยยิ้ม 



           ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไปในเสี้ยววินาที



           เมื่อออกมานอกโรงเรียน สายลมเย็นๆที่โชยมาประทะใบหน้า ก็พัดพาเอาความวุ่นวายใจกลับมาหาหญิงสาวอีกครั้ง 


         เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าช่วงเย็นอยู่ครู่นึง ก่อนจะเดินตรงไปเพื่อรอรถพลางขบคิดถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นช่วงนี้ไปด้วย


          ขณะที่พยายามปลอบตัวเองว่าเก่งแล้วที่ผ่านมาได้แต่ละวัน ใจนึงก็กลับคิดว่าตัวเองเผลอทำอะไรผิดพลาดไปตอนไหนกันนะ แล้วในหัวก็มีแต่ความว่างเปล่า



          ขาเล็กก้าวไปเรื่อยๆอย่างเนิบนาบแต่ดูไร้ชีวิตชีวา ก่อนจะหยุดลงตรงสัญญาณไฟสีแดง ที่มีทางม้าลายอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว 


          เมื่อลมเย็นพัดมากระทบร่างเล็กอีกครั้ง หญิงสาวก็เผลอมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา



            ' หรือฉันไม่ควรจะมีชีวิตอยู่จริงๆนะ '


             .


             .


             .

     

         เอี๊ยด--!  โครม!!


     







     

           ติ๊ดๆๆๆ!! ติ๊ดๆๆๆ!! 


         

          เสียงแหลมน่ารำคาญของนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นเช้าวันใหม่อันสดใส ในห้องนอนห้องนึงที่มีร่างเล็กขี้เซาเจ้าของห้องกำลังนอนหลับสบายในวันหยุด


     

          แต่คงจะดีมากหากเสียงของมันไม่ดังมารบกวนการนอนของเธอ จนสุดท้ายก็หมดความอดทน..


     

             ตุบ!

     

             

          มือเล็กจัดการคว้าเจ้าสิ่งของที่ยังคงดังต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ขว้างออกไปอย่างไร้ทิศทางด้วยความเกรี้ยวกราด เพราะมันดังปลุกเธอแบบนี้มากว่าห้ารอบแล้ว ซึ่งจากแรงที่ขว้าง มันคงจะไม่ดังขึ้นมาปลุกเธอเป็นครั้งที่หกแน่นอน เพราะชิ้นส่วนของมันได้แตกกระจายไปคนละทิศคนละทางเป็นที่เรียบร้อย


     

        แต่คนตัวเล็กก็หาได้สนใจไม่ เธอยังคงนอนต่อตามระเบียบ 


     

           หญิงสาวผู้เกรี้ยวกราดคนนั้นคือคุณเอง 


     


     


     

           สิบนาทีต่อมา...


     

              Rrrrrrrr!!


     

             หลังจากเหตุการณ์ฆาตรกรรมนาฬิกาปลุกเมื่อครู่ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปลุกร่างบางอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้คุณใช้มือเล็กควานหาต้นตอของเสียงดังกล่าวไปทั่วอย่างงัวเงียด้วยความที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา ไม่ได้โยนทิ้งตามนาฬิกาปลุกแต่อย่างใด



         " อือ... ใคร? "  


     

          ร่างเล็กบนเตียงกดรับสาย ทั้งที่ดวงตาคู่คมยังคงไม่ลืมขึ้นมาดูว่าใครกันที่โทรมาหาคุณเวลานี้


     

         [ พี่เอง ]



         " พี่? พี่ไหน..? " 


     

         [ พี่ที่กำลังจะไปหาเราไง ตื่นได้แล้วนะจีอา พี่เพิ่งลงจากเครื่อง อีกครึ่งชั่วโมงคงไปถึงคอนโดเราพอดี ]


     

         " ห้ะ! "


     

         ทันทีที่ปลายสายพูดจบ ร่างน้อยๆก็สะดุ้งโหยงลุกขึ้นมาจากเตียงนุ่มที่กำลังนอนสบายอยู่เมื่อกี้อย่างอัตโนมัติ ความง่วงทั้งหมดปลิวหายไปกับอากาศทันที 


     

         ที่ได้ยินเมื่อกี้ไม่ผิดแน่ๆ พี่ชายสุดที่รักของคุณบอกว่าเขากำลังมา แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาน่าจะมาถึงในครึ่งชั่วโมง 


     
            

        คุณสับสนนิดหน่อย ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเขาถึงมาโดยไม่โทรมาบอกก่อนล่วงหน้า แถมยังเพิ่งมาบอกตอนจะมาถึงแล้วอีก


     

         มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่านะ

             


         " ทำไมจู่ๆพี่ก็มาปุบปับแบบนี้ล่ะ? แล้วทำไมไม่โทรมาบอกก่อน? "

       


         [ ไปอาบน้ำแต่งตัว พี่มารับเรากลับโซล ]


     
            

         " ไปทำไม.. เดี๋ยว! "


     

            ตรู๊ด! ตรู๊ด! ตรู๊ด! 


     

         แล้วพี่ชายตัวดีของคุณก็วางสายทันทีที่เขาพูดจบโดยไม่รอให้น้องสาวได้ถามอะไรต่อ ส่วนคุณเองที่เพิ่งตื่นมาเจอเรื่องปุบปับแบบนี้ ก็ยังคงนั่งงุนงงอยู่บนเตียง 


         แต่พอรวบรวมสติทั้งหมดกลับมาก็คิดได้ทันทีว่าไม่มีเวลามานั่งมึนอยู่แบบนี้แล้ว จึงรีบลุกขึ้นแล้วก้าวขาฉับๆตรงไปห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองให้เสร็จให้ทันก่อนที่ผู้เป็นพี่จะมาถึง โดยที่ในใจก็ยังคงงุนงงกับเรื่องเมื่อครู่ไม่หยุด


     
             

           มารับกลับโซลถึงไทยเนี่ยนะ


     

             คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ


     

             หรือจะมีเรื่องอะไรจริงๆ


     
     

         แล้วสุดท้ายคุณก็ต้องพับความคิดทุกอย่างเก็บไปก่อนและอาบน้ำให้เสร็จภายในเวลา 20 นาที ซึ่งนั่นเป็นการอาบน้ำที่เร็วที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ หากรวมกับเวลาแต่งตัวแบบรีบๆ ก็ประมาณครึ่งชั่วโมงพอดี แล้วดูเหมือนพี่ชายของคุณจะกะเวลาได้เป๊ะมาก เพราะหลังจากที่แต่งตัวเสร็จเสียงกริ่งตรงประตูก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าผู้เป็นพี่ได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 


     

           คุณรีบเดินออกจากห้องนอนไปเปิดประตูให้คนที่เป็นต้นตอของเสียงกริ่งเมื่อครู่


     

          ทันทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออก ดวงตาคู่สวยก็สบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่คุ้นหน้าคุ้นตา 



         เขาคลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ก่อนขายาวจะก้าวเข้ามาหาแล้วรวบตัวน้องสาวที่ยืนกระพริบตาปริบๆอยู่ตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอดทันที


     

         " พี่คิดถึงเรามากเลย " 


     

       ร่างสูงพูดพลางกระชับกอดแน่นขึ้น มือข้างนึงของเขาลูบผมคุณด้วยความอ่อนโยนราวกับคุณเป็นลูกแมวขนนุ่มฟูที่เขาเอ็นดูยังไงยังงั้น


     

        ช่างเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นและชวนคิดถึงจริงๆ


     

         " งืออ ฉันก็คิดถึงพี่มากเหมือนกัน " 


     

        รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นมาบนใบหน้าสวย ก่อนจะแขนเล็กจะยกขึ้นมากอดตอบคนตรงหน้าแน่นเช่นกัน ความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานานทำให้หัวใจดวงน้อยๆของคุณพองโตขึ้นมาอย่างชัดเจน  


        ความรู้สึกเหงาที่ต่อให้ตอนนี้จะมีเพื่อนมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถช่วยลบล้างได้ ถูกปัดเป่าหายไปหมดสิ้นโดยคนตรงหน้านี้  ' คิมจุนมยอน '  คนที่ได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวของคุณ

     

            คุณ " คิมจีอา " หญิงสาวผู้มีครอบครัวอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ แต่ด้วยความที่ทุนเดิมเป็นเด็กผู้หญิงสายเลือดไทยเต็มตัวที่กำพร้าครอบครัว แต่โชคชะตาพัดพาให้มีชายใจดีที่มีลูกติดรับไปเลี้ยงดูเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่เด็ก ตอนนี้คุณเลยกลายเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายปีที่ 4 ที่ประเทศบ้านเกิดตัวเองในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเกาหลี 

     

         โดยปีนึงจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแค่ตอนที่โรงเรียนปิดเทอมเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็เปิดเทอมมาหลายเดือนแล้ว คุณจึงไม่ได้เจอพวกเขามาสักพักใหญ่เลย  ซึ่งครอบครัวที่รับคุณไปเลี้ยงก็คือครอบครัวของจุนมยอนนั่นเอง 


         แล้วถึงแม้พวกคุณจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ จุนมยอนก็ทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมาตลอด เขารักและเอ็นดูคุณมาก รักมากเหมือนน้องสาวแท้ๆ ถึงแม้ความต่างอายุของคุณสองคนจะห่างกันพอสมควร แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาของพวกคุณเลยสักนิด 


     


     

     


     

         " จีอาอ่า เตรียมกระเป๋าเสร็จรึยัง? "


     

          ร่างสูงผู้เป็นพี่ตะโกนถามน้องสาวที่ขอตัวเข้ามาจัดเตรียมกระเป๋าในห้อง 


         แม้ในตอนแรกเขาจะบอกแล้วว่าไม่ต้องเอาอะไรไปก็ได้ เพราะน่าจะกลับไปไม่นาน และของใช้ทุกอย่างของคุณที่บ้านที่โซลมีครบก็เถอะ แต่เตรียมไปเผื่อก็ไม่เสียหายอะไร 


     

          คุณกวาดสายตาคมตรวจดูข้าวของต่างๆอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเตรียมของที่น่าจะต้องใช้ครบแล้ว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงยกกระเป๋าสัมภาระและเอกสารการเดินทางต่างๆเดินตรงมาที่ประตูห้อง 


     

         พอเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าจุนมยอนนั่งอยู่ที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น แต่เหมือนเขาจะไม่ได้สนใจคุณเลยสักนิด 



        เขาเอาแต่นั่งก้มหน้ากุมขมับ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน พาให้พาลรู้สึกไม่ค่อยดีตามไปด้วย


     

          จุนมยอนไม่รู้ว่าตัวเองนั่งคิดเรื่องนั้นมานานแค่ไหนแล้ว กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกได้ว่าน้องสาวของเขากำลังยืนมองมาทางตัวเองอยู่ ด้วยสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด 


          ร่างสูงที่นั่งเครียดอยู่เมื่อครู่จึงหันมาปั้นหน้ายิ้มให้คุณก่อนจะลุกขึ้น แล้วก้าวขายาวๆมาหยุดลงตรงหน้า


     
             

         " เสร็จแล้วใช่มั้ย? ไปกัน "    


     

         พูดจบก็ดึงกระเป๋าที่มือคนตัวเล็กตรงหน้าไปถือ แล้วจูงมือคุณออกไปทันที แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากห้อง มือเล็กของคุณก็กระตุกรั้งมือร่างสูงผู้พี่ไว้ก่อน จนเขาหันมามองคุณอย่างสงสัย

        


         " เมื่อกี้สีหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า? " 


     

         คุณถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่คนตรงหน้ากลับไม่ตอบอะไร ได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มบางๆมาให้ 


     

          ถึงแม้ยังคงสงสัยอยู่แต่พอคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถบอกคุณได้ คุณเลยไม่อยากทำให้เขาลำบากใจไปมากกว่านี้ จึงตัดสินใจไม่ถามอะไรอีกจนมาถึงสนามบิน


     
     

         ' มันต้องมีอะไรแน่ๆ  แล้วมันอะไรกันล่ะ? '


     

          ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาคุณก็ได้แต่คิดเรื่องนี้มาตลอด คิดถึงสีหน้าของพี่ชายที่ได้เห็นในห้องนั่งเล่น คุณคิดว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องที่เขามารับกลับโซลแน่นอน 



          แต่แล้วมันคือเรื่องอะไรล่ะ?



          ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย สงสัยแต่ก็ถามใครไม่ได้ พอพยายามจะเลิกคิดภาพนั้นก็โผล่ขึ้นมาในหัวจนคุณต้องวนกลับไปคิดถึงมันอีกรอบ 


     

         แต่พอคิดได้ว่ามัวแต่ตั้งคำถามกับตัวเองไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี คุณจึงพยายามข่มตานอนให้หลับจะได้เลิกคิดถึงมันสักที


     

         โชคดีที่วันนี้นอนไม่เต็มอิ่ม คุณเลยผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ชายหนุ่มผู้พี่ที่นั่งอยู่ข้างๆปลุกคุณแล้วบอกว่าถึงโซลแล้ว  


     

         นี่สินะที่เรียกว่าหลับเป็นตายน่ะ


     

          ร่างบางลงเครื่องมาด้วยสภาพคนงัวเงียแบบฉบับคนเพิ่งตื่น ใจคุณตอนนี้ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น นอกจากอยากรีบกลับบ้านไปนอนให้เต็มที่ไปเลย นี่ถ้าหากจุนมยอนไม่คอยเดินประคองอยู่ข้างๆคุณคงได้นอนสมใจไปแล้ว แต่อาจจะได้นอนที่สนามบินแทนที่บ้านน่ะสิ


     

         จุนมยอนเดินจับมือน้องสาวที่ยังดูง่วงๆมึนๆอยู่ให้เดินตามเขามา โดยที่คุณเองก็ไม่ได้ถามอะไรและไม่รู้ว่าจะไปไหนด้วย จนมาพบกับชายหนุ่มสองคนที่มารอรับพวกคุณอยู่ พวกเขาคือแทโอและจงฮยอน ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกคุณ 


     

        เมื่อเห็นคุณสองคนเดินมา พวกเขาก็รีบเดินตรงมาหาพวกคุณทันที


     

         " เป็นไงบ้างคุณหนู? "   


     

         ชายหนุ่มสูงยาวเข่าดีผมสีน้ำตาลนามแทโอ ผู้ที่เวลาไปไหนมาไหนจะมีหูฟังคู่ใจคล้องคอไปด้วยทุกที่ เดินมาหยุดลงตรงหน้า ก่อนจะก้มหน้าลงมาถามคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเช่นทุกครั้ง


     

         " ง่วงค่ะ "   


     

        คุณตอบสั้นๆพร้อมกับอ้าปากหาวออกมาโดยไม่ใช้มือปิดใดๆทั้งสิ้น คีพลุคอะไรไม่รู้จักแล้วตอนนี้


     

         " ฮ่าฮ่า มีตอนไหนที่คุณหนูไม่ง่วงบ้างล่ะนอกจากตอนหิว "   



         " โถ่ พี่แทโอ… แล้วพี่กับพี่จงฮยอนล่ะคะ เป็นไง? "


     

         " พวกเราสบายดีมาก คิดถึงคุณหนูมากด้วย "  


     

          ชายหนุ่มผมดำที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอีกคนตอบขณะที่เดินมายืนข้างๆแทโอ  


     

         คุณฉีกยิ้มน่ารักไปให้กับร่างสูงคนสนิทสองคนตรงหน้าทันทีที่ได้ยินคำตอบที่น่าพึงพอใจมาก ก่อนจะพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันอีกสักพักตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน จนจุนมยอนต้องเข้ามาขัด ทั้งสามคนจึงต้องชะงักแล้วตัดสินใจหยุดเรื่องคุยไว้เท่านี้เพื่อตรงกลับบ้านทันที



          รถสีดำคันหรูกำลังขับเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ประกอบกับเพลงเบาๆฟังสบายพาให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน 


     

          แต่ไอเพลิดเพลินที่ว่านี่ไม่ใช่กับคุณเลยสักนิด


        สายตาคมของหญิงสาวคนเดียวภายในรถมองออกไปข้างทางอย่างไร้จุดหมาย 


         เพลงเพราะๆที่จงฮยอนเป็นคนเปิดไม่ได้เข้ามากระทบโสตประสาทเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ในหัวคุณมีแต่เรื่องสงสัยเต็มไปหมด โดยที่คิดยังไงก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้ 


     

          จนสุดท้ายก็คุณหมดความอดทนในที่สุด 


     

         " นี่! พี่จุนมยอน... ที่จู่ๆก็ไปรับฉันถึงที่ไทย มีเรื่องอะไรรึเปล่า? " 


     

          ร่างสูงผู้พี่นิ่งไปครู่นึง เขาหันมายิ้มบางๆให้คุณก่อนจะตอบคำถาม


     

         " ถึงบ้านเราก็จะรู้เอง " 


     

         " เฮ้อ.. ตอบแบบนี้ไม่ตอบก็เหมือนกัน "  


     
     

         คุณบ่นกับตัวเองเบาๆ พลางหันหน้ากลับไปมองข้างทางอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ ถึงแม้ในใจอยากจะยิงคำถามมากมายใส่คนข้างๆ แต่คงทำได้แค่คิดเท่านั้นเพราะถึงถามไปก็คงได้รับคำตอบแบบเดิม 


     

          แล้วในที่สุดรถคันหรูสีดำที่มีคุณและพี่ชายนั่งอยู่ก็ขับเข้ามาภายในรั้วบ้าน ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าประตูเพื่อให้คนมายกกระเป๋าสัมภาระของคุณลงไปไว้ที่ห้อง 



           ถึงจะเป็นที่ที่คุณเรียกว่าบ้านแต่เมื่อเทียบกับบ้านปกติแล้ว ที่นี่ถือว่าใหญ่มาก เรียกว่าเป็นคฤหาสน์เลยก็ว่าได้ 




                                                                         

         " คิดถึงจัง... "  


     

          คุณพูดกับตัวเองหลังก้าวลงจากรถ ดวงตาคู่คมมองไปรอบๆ พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมต่างๆที่คุ้นเคย จนเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้กลับมาบ้านสักที หลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือนแล้ว



         ดูท่าว่าคุณคงจะมัวแต่อินกับภาพตรงหน้ามากไปหน่อย จนไม่ทันได้สังเกตเห็นร่งสูงของใครคนนึง ที่ยืนมองการกระทำของคุณมาได้สักพักนึงแล้ว



         รอยยิ้มมุมปากน้อยๆเริ่มปรากฏขึ้นมาประดับบนใบหน้าหล่อเหลา ขณะขายาวๆของเขาเริ่มก้าวเข้ามาอย่างเนิบนาบ จนประชิดร่างบางจากด้านหลัง ก่อนจะโค้งตัวลงมากระซิบเสียงแหบพร่าใกล้ๆใบหูเล็กที่มีเส้นผมบคบังอยู่ของคุณ



         " นี่ จะยืนยิ้มคนเดียวอีกนานมั้ย? "



         คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ซึ่งชายหนุ่มปริศนาเองก็ดูชอบใจมากกับการตอบสนองของคุณ จนหลุดขำออกมาเบาๆ 



         ก่อนที่ใบหน้าสวยเฉี่ยวของร่างเล็กจะหันมาตามเสียงหัวเราะยียวนกวนประสาทที่คุ้นเคย แล้วพบกับชายหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนกำลังยืนยิ้มกว้างมาให้



          เขาคือพี่ชายอีกคนที่คุณไม่ได้พบมานานพอๆกับคนอื่นๆ



         " พี่จงอิน!! "



         รอยยิ้มน่ารักผุดขึ้นมาพร้อมกับถูกส่งไปให้ร่างสูงตรงหน้า ก่อนคนตัวเล็กจะกระโดดเข้ากอดชายหนุ่มผู้เป็นพี่จนเขาเซไปเล็กน้อย 



          จงอินยกยิ้มกว้างพลางกอดตอบและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นทันที โดยไม่กลัวว่าคนในอ้อมแขนจะอึดอัดด้วยซ้ำ



         " ไง ตัวแสบ คิดถึงพี่มั้ย? "



         " คิดถึงสิ "



         " พี่ก็คิดถึงเรามากเลยนะ ป่ะ เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า "



          ว่าแล้วพี่คนรองก็เดินกอดคอพาคุณเข้ามาในบ้าน ซึ่งตอนแรกคุณตั้งใจจะตรงปรี่ไปที่ห้องนอนของตัวเองทันทีเพื่อจะนอนพักสักงีบ



         แต่ความคิดนั้นก็ต้องถูกพับเก็บไป เมื่อเขาพาคุณมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องทำงานของชายผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แทน



           ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาต้องการให้คุณเข้าไป



           ร่างบางยืนชั่งใจที่หน้าประตูอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนหันไปมองหน้าคนตัวสูงข้างๆอีกครั้งอย่างต้องการคำยืนยันว่าต้องเข้าไปจริงๆน่ะหรอ ขณะที่จงอินทำแค่หันมาพยักหน้าให้เบาๆเพื่อเป็นการบอกว่าเข้าไปเถอะ



          ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องประหม่าทำไม กะอีแค่เข้าไปหาพ่อตัวเองเนี่ย



            คุณสูดหายใจเข้าลึกๆทีนึงแล้วพ่นออกมาช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือเล็กไปจับลูกบิดประตูตรงหน้า



          เมื่อเปิดประตูเข้าไป สายตาคมสวยก็ไปสบกับชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะยืนรอคุณอยู่ก่อนแล้ว 



           เขาหันมาพร้อมคลี่รอยยิ้มใจดีส่งมาให้ทันทีที่เห็นร่างน้อยๆที่เขาอยากเจอมากที่สุดในตอนนี้



          เห็นแบบนั้นคุณก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเพราะดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูเหมือนคุณเองจะไม่ได้เผลอทำอะไรผิดไป จนต้องโดนเรียกมาดุ แต่มาเจอเพื่อทักทายกันตามประสาพ่อลูกที่ไม่ได้เจอกันนานเท่านั้น



           บอกตามตรงว่าที่คุณแอบกลัวว่าจะโดนเรียกมาดุ ก็เพราะว่าในบ้านนี้คนที่โกรธแล้วน่ากลัวที่สุดในบ้านก็คือเขานี่แหละ ถึงจะไม่ได้เห็นมุมแบบนั้นบ่อยก็เถอะ



             ' คิมแจจุง ' เจ้าของบ้านหลังนี้และนักธุรกิจที่มีอิทธิพลมากระดับต้นๆคนนึง เขามีลูกชายสายเลือดเดียวกับตัวเองสองคน คือ ' คิมจุนมยอน ' และ ' คิมจงอิน ' แถมยังมีลูกสาวบุญธรรมคนเล็กก็คือคุณ ' คิมจีอา '


           คุณได้ชื่อนี้มาโดยแจจุงเป็นคนตั้งให้หลังจากที่เขารับคุณมาเลี้ยง เขาเป็นคนที่ให้ชีวิตใหม่กับคุณ แล้วยังดูแลคุณดีทุกอย่างเหมือนกับเป็นลูกแท้ๆคนนึง ซึ่งทุกๆคนในบ้านเองก็ให้ความสำคัญราวกับคุณเป็นหนึ่งในครอบครัวเช่นกัน


         นั่นจึงทำให้ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา เรื่องการเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาเลี้ยงไม่ได้เป็นปมด้อยหรือปัญหาหนักใจของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว



         " ดูซิว่าใครกลับมา... ไหนมาให้พ่อกอดให้หายคิดถึ--"



               ฟึ่บ!!



         " พ่อคะ.. หนูน่ะ คิดถึงพ่อมากๆเลย "



         ไม่รอให้ชายวัยกลางคนพูดจบประโยค ร่างเล็กก็รีบวิ่งโผเข้ากอดเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนขายาวๆข้องเขาก้าวเซถอยหลังไปสองสามก้าว



          ด้วยความที่ปกติคุณจะไม่ค่อยแสดงออกในทางออดอ้อนกับเขาแบบนี้สักเท่าไร แจจุงเลยรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู 



         ก่อนมือหนาจะทำหน้าที่โอบกอด รับเอาความอบอุ่นจากลูกสาวคนเล็กเข้ามาชโลมจิตใจที่ห่อเหี่ยวจากหลายๆเรื่องที่เข้ามารุมเร้าเขาในแต่ละวัน



         แน่นอนว่ามันช่วยปัดเป่าความเหนื่อยล้าของเขาให้หายเป็นปลิดทิ้งไปเลย



         แต่คงจะดีหากเขาหยุดเวลาไว้ตรงนี้ได้ ตรงที่ยังมีรอยยิ้มจากใบหน้าสวยของร่างเล็กตรงหน้าส่งมาให้เขาได้เห็น



         เพราะเขาไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้เขาจะได้เห็นมันอีกตอนไหน



         หากได้รู้เรื่องที่เขาจะบอกต่อจากนี้ คุณจะยังยิ้มออกอยู่รึเปล่านะ



         ตอนนี้บรรยากาศในห้องเดิมแปรเปลี่ยนไปราวกับว่าเป็นคนละห้อง ทั้งจุนมยอน จงอิน และลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนต่างก็มารวมกันอยู่ในห้องนี้หมด ทุกคนเข้าสู่โหมดจริงจังและเคร่งเครียดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



            คุณที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็พาลนั่งก้มหน้าเครียดไปกับบรรยากาศน่าอึคอัดนี่ด้วย



         เพราะเรื่องที่จะคุยกันต่อจากนี้คงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คุณต้องกลับมา และคุณคิคว่าคงเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องที่ทำให้สีหน้าทุกคนดูตึเครียดขนาดนี้



         " จีอา..."



         " .... "



         ร่างบางเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อที่เรียกคุณด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างอัตโนมัติ คุณลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว หัวใจก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่พอคิดว่ามันคงสำคัญมากคุณก็ลุ้นจนหัวใจจะวายแล้วตอนนี้



         " ปาร์คจีอึน ถูกรถชนอาการสาหัส"













     


      *****ถ้าชอบฝากติดตาม หรือคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ 


    1 คอมเม้น  =  หลายล้านกำลังใจนะคะ ❤


    Only Muses

    " พี่คิดถึงเรามากเลย " 


    Animated gif about cute in Kai 카이???? by 미Young???


    " นี่ จะยืนยิ้มคนเดียวอีกนานมั้ย? "

    Visual? More like Lead Vocal. - Music - OneHallyu


    " ฮ่าฮ่า มีตอนไหนบ้างที่คุณหนูไม่ง่วงบ้างล่ะนอกจากตอนหิว "   


    theqoo] NU'EST Jonghyun receiving praise for his visuals in his new drama  (OPEN AT THE RISK OF BEING BLOWN AWAY BY HOTNESS) - Netizen Noise - allkpop  forums


     " พวกเราสบายดีมาก คิดถึงคุณหนูมากด้วย "  


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×