เมื่อคนขอฝนกลายมาเป็นฮันเตอร์ - นิยาย เมื่อคนขอฝนกลายมาเป็นฮันเตอร์ : Dek-D.com - Writer
×

    เมื่อคนขอฝนกลายมาเป็นฮันเตอร์

    มี 'คนขอฝน' คนนึง เขาทั้งรูปงามและมีนิสัยอ่อนโยนใจดี วันนึง เขามาเยี่ยมครอบครัว 'เกท' สิ่งที่เขาไม่อยากพัวพันก็ปรากฏขึ้นที่บ้านของเขาและพรากครอบครัวเขาไป ซีฮยอนอิน จึงกลายมาเป็นฮันเตอร์..เพื่อทำลายเกท

    ผู้เข้าชมรวม

    447

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    447

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    37
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 ต.ค. 67 / 16:38 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


    ชายหนุ่มมองไปยังทิศทางกระแสความร้อนที่ถูกสายลมพัดมาตามถนนด้วยสายตาว่างเปล่า เขาหรี่ตาลงเพื่อมองเส้นทางฝ่าควันอันบางเบา

    นั่นมัน...ทางที่บ้านของเขาอยู่นี่?!

    เมื่อชายหนุ่มคิดได้ เขาก็หันหลังกลับไปยังเส้นทางนั้นและรีบออกตัววิ่งไปในทันที

    ภายในหัวของเขาคิดอย่างตื่นตระหนก

    เกิดอะไรขึ้น? ไฟไหม้งั้นเหรอ? ชาวบ้านจะช่วยกันดับไฟทันมั้ยนะ?!

    ไม่สิ...! เขาต้องโทรเรียกรถดับเพลิงก่อน!

    คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็คลำกระเป๋ากางเกงของตัวเองในขณะที่วิ่งอย่างลนลาน ก่อนที่จะพบว่าเขานั้นไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกมา

    แย่แล้ว!! นี่เขาลืมมันไว้ที่บ้านงั้นเหรอ?!!

    ถึงจะคิดได้ตอนนี้ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าของเท้าตัวเองขึ้นไปอีก


    ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อของชายหนุ่ม ในที่สุดเขาก็วิ่งมาถึงสถานที่ที่เปลวไฟอันร้อนระอุและรุนแรงกำลังโหมลุกไหม้อย่างไร้ปราณี ชายหนุ่มมองบ้านของเขาที่กำลังถูกเปลวเพลิงอันโชติช่วงกลืนกินเข้าไปด้วยสายตาว่างเปล่า

    เสียงมากมายรอบตัวของผู้คนที่มาช่วยกันดับไฟราวกับว่าได้เลือนหายไปจนชายหนุ่มไม่ได้ยิน

    "ปิดจมูกไว้ทุกคน! พยายามอย่าสูดควันเข้าไปนะ!"

    "ขนน้ำมาเร็วเข้า!"

    "กันทางเกทไว้! ระวังอย่าให้โดนดูดเข้าไปนะ!"

    "มีใครโทรเรียกฮันเตอร์และหน่วยกู้ภัยพิเศษรึยังน่ะ!?"

    "....ฉันว่าเกทนั่นหน้าตามันดูแตกต่างจากเกทธรรมดาและของที่อื่นนะ"

    "มันใช่เวลามาคิดแบบนี้มั้ยเล่า รีบมาช่วยกันไฟที่ลุกลามไปที่อื่นก่อนเร็วเข้า!!!"

    ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชาวบ้านต่างก็พากันรีบมาช่วยกันที่ที่ไฟลุกลาม พวกเขาไม่สามารถดับไฟจากปริมาณน้ำแสนน้อยนิดพวกนี้ได้...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไฟจากเกทที่ถูกพ่นออกมา ซึ่งต้องใช้ปริมาณน้ำในการดับพวกมันมากเป็นเท่าตัว

    พวกเขาทำได้แค่กันไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่าเดิมเท่านั้น ทว่าเหล่าชาวบ้าน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่...ก็ไม่ได้ท้อใจและหวาดกลัวแต่อย่างใด

    เพราะนี่คือบ้านของผู้มีพระคุณพวกเขาไงล่ะ!

    ชายหนุ่มที่นิ่งเงียบไปมองเปลวไฟตรงหน้าชั่วครู่หนึ่ง เขาไม่ได้หวาดกลัวเลยว่าเขาจะต้องเสียบ้านไป

    แต่เขากำลังหวาดกลัวที่จะเสียคนในบ้านใต้เปลวเพลิงนั่นไปต่างหาก

    คุณปู่...คุณพ่อ...

    เสียงที่อยู่รอบตัวของเขาหายไปอีกครั้ง

    ชายหนุ่มมองขึ้นไปบนฟ้าอันหม่นหมองเพราะควันไฟที่ลอยคละคลุ้ง ท้องฟ้าที่มืดสลัวไปเล็กน้อยทำให้ยิ่งเห็นแสงจากไฟเบื้องหน้าได้ชัดเจน

    เขาเหยียดกางแขนทั้งสองข้างออกไปอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มหลับตาลงและก้มหน้าลงหาพื้นผืนดินที่เขายืนอยู่อย่างเงียบงัน นิ้วของมือทั้งสองข้างค่อย ๆ แบออกจากกัน สายลมไหลพัดลอดเรียวนิ้วยาวสวยงามนั้นอย่างบางเบาราวกับปลอบประโลม

    และชายหนุ่มก็ดูเหมือนจะสัมผัสการปลอบประโลมนั้นได้เช่นกัน

    ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...ก่อนที่ทุกอย่างรอบตัวเขาจะเริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง



    หมู่ก้อนเมฆสีขาวที่ค่อย ๆ พากันกลายเป็นสีดำจำนวนมากถูกสายลมพัดให้มารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่จากทั่วทุกสารทิศก็กำลังเดินทางไปยังที่ที่หนึ่ง แม้จะดูเหมือนช้า แต่หากดูให้ดี หรือดูจากบนฟ้าล่ะก็...

    พวกมันเดินทางกันเร็วมากจนน่ากลัวผิดธรรมชาติเลยล่ะ

    เฮลิคอปเตอร์ที่กำลังบินตรวจตราเมืองจากบนฟ้าก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ

    “รายงาน จุด C พบความผิดปกติบนท้องฟ้าครับ สายลมจากทิศตะวันออกพัดแรงผิดปกติครับ!”

    ผู้ควบคุมเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองฟังรายงานจากเพื่อนที่คอยสังเกตการณ์สิ่งรอบตัวแจ้งทางการผ่านวิทยุสื่อสารอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่พวกเขาจะพากันตกใจ เมื่อจู่ ๆ ก็มีเมฆดำลอยมาเดินทางขนานขนาบข้างกับกระจกพวกเขา แล้วพวกเขาก็ต้องตกใจกันไปอีกเมื่อเมฆดำนั่นเร่งความเร็วจนบินผ่านพวกเขาไป

    ประกายสายฟ้าเล็กน้อยทิ้งระเบิดที่เรียกว่าความผวากลัวไว้ให้กับทั้งสามคนที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์

    "อ..อะไรน่ะ...ฝนจะตกงั้นเหรอ...."

    "...ฉันว่าเหมือนพายุจะเข้านะ"

    ชายที่อยู่ด้านหลังโผล่ออกมาพูดอย่างร้อนรน "จะอะไรก็ช่างเถอะ พวกเราแจ้งรายงานของวันนี้แล้ว จะอยู่ต่อทำเบื๊อกอะไร รีบออกจากตรงนี้ซะ!"

    "รับทราบ!"



    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแสนอ่อนโยนที่คอยสะท้อนแสง ตอนนี้ในนัยน์ตามีเพียงแค่ความมืดมิดจากเบื้องฟ้าและไฟอันดุร้ายเบื้องหน้าเท่านั้น

    เขาจดจ้องภาพนั้นอย่างเงียบ ๆ

    ในที่สุด ฝ่ามือของชายหนุ่มนั้น...ก็คว่ำลงสู่แผ่นดิน

    "ไฟจากเกทต้องใช้น้ำในการดับไฟมากกว่าไฟธรรมดา.....งั้นเหรอ" ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบา ๆ

    ขนตาดำยาวหนาของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะมองไปยังบนฟ้าและพึมพำออกมาอีกครั้ง

    ".....เท่านี้คงพอแล้วล่ะ"

    ทันทีที่เขากล่าวจบ ฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง พวกมันกระทบดินและสิ่งต่าง ๆ จนเกิดเสียงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งเมือง

    "โอ้ว! ฝนมาแล้ว! ทุกคน--โอ้ย!!"

    ก่อนที่ชาวบ้านจะได้ส่งเสียงเชียร์ชายหนุ่มผู้ขอฝนและโห่ร้องออกมาอย่างดีใจ พวกเขาก็พากันหนีหาที่หลบสายฝนอันรุนแรงผิดปกตินั่นเสียก่อน คนที่โดนฝนห่าใหญ่นั่นต่างก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเพราะมันกระทบผิวหนังของพวกเขาแรงมาก ราวกับว่าพวกเขาได้ถูกทุบตีอย่างหนักหน่วง

    ผู้คนต่างก็วิ่งอย่างวุ่นวายเพื่อหลบหนีจากสายฝนนั่น

    ชายหนุ่มยืนมองเปลวเพลิงที่กำลังมอดดับลงไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างรวดเร็วและไร้ทางขัดขืนด้วยสายตาเรียบนิ่ง ในขณะที่เปลวไฟทั้งหมดกำลังจะมอดดับลง นัยน์ตาของชายหนุ่มก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

    "ไม่ทันงั้นเหรอ....จากไปแล้ว...งั้นเหรอ....."

    สายฝนที่ก่อนหน้านี้ได้ตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เหลือเพียงหยดฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างบางเบาเท่านั้น

    เม็ดฝนจากปลายเส้นผมเปียกที่ลู่ลงปรกหน้าของชายหนุ่มได้ไหลลงมาอาบทั่วทั้งใบหน้าของเขา ทำให้แยกแยะได้ยากว่านั่นเป็นหยาดฝน...หรือหยาดน้ำตากันแน่

    หางตาของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากที่สั่นเครือเล็กน้อยก่อนหน้านี้เม้มเข้าหากันแน่น เขามองหลุมกลางอากาศสีดำที่พยายามดูดกลืนทุกสิ่ง

    "เกท..."

    เขากัดฟันกรอด ดวงตาของชายหนุ่มที่อ่อนโยนคนนี้ ตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังอันรุนแรงที่ยากจะยับยั้ง

    เกท...เกท...เกท.....

    เขาจะถล่มพวกมันให้วอดวายและทำลายผู้ที่สร้างมันขึ้นมา

    เกท

    พวกมันพรากชีวิตคนในครอบครัวของเขามากพอแล้ว


    เขาจะทำลายพวกมัน


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น