9 Jan. 2018
ผมตื่นมาในช่วงเช้าประมาณ 05:45AM. เพื่อที่ะต้องเตรียมตัวไปทำงานเหมือนปกติ... ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน
06:30AM.
ผมเดินทางไปทำงานพร้อมกับเธอ เธอในที่นี้หมายถึงคนรักของผมเอง เธอชื่อว่ามาย เธอมักจะคอยช่วยผมในการทำงานต่างๆ ผมรู้สึกดีกับเธอมาก และตลอดการเดินทางไปทำงานของเรา มักจะมีเรื่องขำขันให้ได้คุยกันอยู่เสมอ อาจเรียกว่าเป็นการย้อมใจตัวเองก่อนที่เวลาอันแสนสุขนี้จะจบลง...
07:18AM.
วันนี้ผมรู้สึกง่วงแปลกๆ อาจเป็นเพราะเวลากำหนดส่งโปรเจ็คนั้นถูกเร่งให้รีบส่งโปรเจ็คก่อนกำหนด 15 วัน ทุกคนในบริษัทต่างรู้กันดีว่าไม่มีใครกล้าโต้เถียงบริษัทแน่ๆ จึงต้องทำใจก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก...
ผมได้ซื้อกาแฟมาดื่มหวังที่จะทำให้อาการง่วงของผมนั้นหายไป แต่สิ่งที่ผมดื่มเข้าไปนั้น กาแฟนั้นเข้มข้นมากจนเกินไป... ตอนนี้ใจผมเริ่มสั่น เธอในตอนนั้นที่เห็นอาการของผมเลยอาสาที่จะดื่มกาแฟนั้นแทนให้
"ดื่มกาแฟแค่นี้ใจสั่น เด็กน้อยจังเลยนะ" เธอพูดด้วยสีหน้าที่สมเพชในตัวผม แล้วยกดื่มกาแฟเข้าไป...
09:30AM.
ช่วงเวลาการทำงานที่ต้องจริงจังนั้น มักจะมาพร้อมกับความกดดัน หัวหน้าแผนกได้ส่งเอกสารชิ้นหนึ่งมาให้แผนกที่ผมประจำอยู่ ในเอกสารนั้นเป็นเอกสารภาษาอังกฤษ โดยกำหนดเวลามาให้เส็ดภายในเวลาที่เขากำหนดเท่านั้น ซึ่งในแผนกของผมร้อยละ 70 ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ผมเองก็ไม่ได้เก่งมากมาย จึงเป็นเรื่องที่ได้เปรียบของคนที่สามารถทำได้
คนที่ทำได้ หัวหน้าแผนกให้คำติชม และเพิ่มโบนัสให้แก่พนักงานที่ทำได้
ส่วนคนที่ทำไม่ได้ หัวหน้าแผนกกลับต่อว่าอย่างรุนแรง และหักเงินเดือนของพนักงาน
ในขณะที่ผมกำลังทำงาน ใจของผมก็ยังสั่นไม่ยอมหยุด... ผมรู้สึกกังวลกับอาการของผม จนไม่มีสมาธิในการทำงานและส่งงานล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนด ผมถูกตำหนิเล็กน้อย เพราะงานก็ออกมาในระดับพอใช้ได้ และไม่ได้ถูกหักเงินเดือน
12:00AM
ถึงเวลาในการพักผ่อนจากสงครามเย็นของครึ่งวันแรก สิ่งที่ทำให้กองทัพทหารมีพละกำลังพร้อมที่จะรบในรอบต่อไปคือ เสบียงอาหารและน้ำดื่ม ใช่ครับ มันก็คือหนึ่งในปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตนั่นเอง ทุกๆคนในบริษัทต่างลงมาที่โรงอาหารและมาเข้าแถวสั่งกับข้าวจากร้านอาหารตามสั่ง และกลายเป็นเรื่องปกติหากจะมีหัวหน้าแผนกจะเข้ามาแซงคิว เพื่อซื้อไปให้พวกผู้บริหารที่อยู่ระดับสูงกว่าที่กำลังนั่งรอข้าวที่ห้องทำงานส่วนตัว ช่างเป็นวงจรอุบากว์ซะเหลือเกิน...
การหายใจเริ่มแผ่วลง...
02:30PM.
โค้งสุดท้ายของการทำงานของวัน ทุกๆคนในแผนกต่างตั้งใจทำงานเพื่อที่จะส่งเอกสารต่างๆก่อนเวลาเลิกงาน แน่นอนอย่างที่สุดว่าทุกๆคนล้วนแสวงหาความสุขสบายของตนเอง ถึงแ้จะเพียงเล็กน้อย แต่ผู้คนก็หวังที่จะได้ใช้เวลาตรงนั้นอย่างคุ้มค่า ก่อนที่จะถูกโลกแห่งความเป็นจริง ลากเรากลับไปใช้ชีวิตในสังคมที่ย่ำแย่ต่อไป...
การหายใจเริ่มเบาลง...
04:30PM.
สิ่งที่ทุกคนจะต้องเผชิญต่อไปนี้คือ ภาวะรถติด แน่นอนว่าทุกๆคนต่างหวังที่จะกลับถึงบ้านให้ไวที่สุด จึงทำให้การตัดสินใจจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลเสมอ จึงไม่แปลกใจที่รถจะติด เพราะทางข้างหน้าอาจมีอุบัติเหตุ, เหตุทะเลาะวิวาท หรือแม้แต่อาชญากรรมบนท้องถนนอยู่บ่อยๆ ยังโชคดีที่ผมโดยสารรถไฟจึงไม่มีปัญหามากนัก แต่ถึงอย่างไร การคมนาคมทางถนนก็ยังเป็นทางหลักของมนุษย์อยู่ดี...
รู้สึกเบลอ และเริ่มอ่อนแรง...
06:00PM.
การออกกำลังกายในช่วงเย็นของมนุษย์นั้น กลายเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์จะทำกันเป็นงานอดิเรก ทุกคนที่ออกกำลังกายล้วนออกกำลังกายเพื่อหวังผลประโยชน์ต่างกันไป บ้างก็เพื่อรักษาหุ่นที่ดี บ้างก็เพื่อสุขภาพที่ดีของตนเอง บ้างก็เพื่อเกมกีฬา หรือบ้างก็เพื่อเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่ง น้อยคนนักที่จะรู้เหตุผลจริงๆของมันว่า เราออกกำลังกายเพื่ออะไรกันแน่...
การตอบสนองของร่างกายเริ่มช้าลง...
08:30PM.
คนเรานั้นมักจะกลัวความตายเสมอ ถึงเราจะไม่เคยได้เห็นมัน แต่เราก็เลือกที่จะกลัวความตาย และความสูญเสียก็ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น ทั้งตัวเรา พ่อแม่ ญาติพี่น้อง หรือคนใกล้ตัว เราเลือกที่จะไม่อยากเสียใครไป ด้วยการเจาะท่อหลอดลมเพื่อเลี้ยงออกซิเจนเข้าสู่ปอด ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นการเต้นของหัวใจ ผ่าตัดเพื่อยื้อชีวิตของคนไข้ ลองกลับมาคิดในมุมมองของคนไข้กันดูเล่นๆไหม... พวกเขาจะทรมานแค่ไหนเมื่อพวกเขาถูกยื้อชีวิตให้อยู่อย่างทรมานน่ะ...
เกิดอาการวูบ และสลบลง...
10:42PM.
ไม่มีใครบอกได้ว่าหลังความตายนั้ยเป็นอย่างไร มีแต่ช่วงเวลาที่กำลังจะตาย ภาพในอดีตจะย้อนกลับเข้ามา นึกถึงเรื่องที่เราทำผิดพลาด นึกถึงเรื่องที่เราเสียใจที่สุดในชีวิต นึกถึงเรื่องที่เรามีความสุขที่สุดในชีวิต และนึกถึงภาพของคนที่เรารัก... หลังจากนี้ผมจะได้รู้แล้วล่ะว่า ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร...
ชีพจ------------
END.
ความคิดเห็น