1​ Day, Until​ I​ ​die. - 1​ Day, Until​ I​ ​die. นิยาย 1​ Day, Until​ I​ ​die. : Dek-D.com - Writer

    1​ Day, Until​ I​ ​die.

    ผู้เข้าชมรวม

    80

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    80

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ม.ค. 61 / 23:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    9​ Jan.​ 2018

           ผมตื่นมาในช่วงเช้าประมาณ​ 05:45AM. เพื่อที่ะต้องเตรียมตัวไปทำงานเหมือนปกติ... ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน

    06:30AM.

           ผมเดินทางไปทำงานพร้อมกับเธอ​ เธอในที่นี้หมายถึง​คนรัก​ของ​ผมเอง​ เธอชื่อว่า​มาย​ เธอมักจะคอยช่วยผมในการทำงานต่างๆ​ ผมรู้สึกดีกับเธอมาก​ และตลอดการเดินทางไปทำงานของเรา​ มักจะมีเรื่องขำขันให้ได้คุยกันอยู่เสมอ​ อาจเรียกว่าเป็นการย้อมใจตัวเองก่อนที่เวลาอันแสนสุขนี้จะจบลง...

    07:18AM.

           วันนี้ผมรู้สึกง่วงแปลกๆ​ อาจเป็นเพราะเวลากำหนดส่งโปรเจ็ค​นั้นถูกเร่งให้รีบส่งโปรเจ็ค​ก่อนกำหนด​ 15​ วัน​ ทุกคนในบริษัท​ต่างรู้กันดีว่าไม่มีใครกล้าโต้เถียงบริษัท​แน่ๆ​ จึงต้องทำใจก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก... 
           
           ผมได้ซื้อกาแฟมาดื่มหวังที่จะทำให้อาการง่วงของผมนั้นหายไป​ แต่สิ่งที่ผมดื่มเข้าไปนั้น​ กาแฟนั้นเข้มข้นมากจนเกินไป... ต​อนนี้ใจผมเริ่มสั่น​ เธอในตอนนั้นที่เห็นอาการของผมเลยอาสาที่จะดื่มกาแฟนั้นแทนให้
             
           "ดื่มกาแฟแค่นี้ใจสั่น​ เด็กน้อยจังเลยนะ" เธอพูดด้วยสีหน้าที่สมเพชในตัวผม​ แล้วยกดื่มกาแฟเข้าไป... 

    09:30AM.

           ช่วงเวลาการทำงานที่ต้องจริงจังนั้น​ มักจะมาพร้อมกับความกดดัน​ หัวหน้าแผนกได้ส่งเอกสารชิ้นหนึ่งมาให้แผนกที่ผมประจำอยู่​ ในเอกสารนั้นเป็นเอกสารภาษาอังกฤษ​ โดยกำหนดเวลามาให้เส็ดภายในเวลาที่เขากำหนดเท่านั้น​​ ซึ่งในแผนกของผมร้อยละ​ 70 ไม่เก่งภาษาอังกฤษ​ ผมเองก็ไม่ได้เก่งมากมาย​ จึงเป็นเรื่องที่ได้เปรียบของคนที่สามารถ​ทำได้​ 
           คนที่ทำได้​ หัวหน้าแผนกให้คำติชม​ และเพิ่มโบนัสให้แก่พนักงานที่ทำได้
           ส่วนคนที่ทำไม่ได้​ หัวหน้าแผนกกลับต่อว่าอย่างรุนแรง​ และหักเงินเดือนของพนักงาน

           ในขณะที่​ผมกำลังทำงาน​ ใจของผมก็ยังสั่นไม่ยอมหยุด... ผมรู้สึก​กังวล​กับอาการของผม​ จนไม่มีสมาธิ​ในการทำงานและส่งงานล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนด​ ผมถูกตำหนิเล็กน้อย​ เพราะงานก็ออกมาในระดับพอใช้ได้​ และไม่ได้ถูกหักเงินเดือน

    12:00AM
        
            ถึงเวลาในการพักผ่อนจากสงครามเย็นของครึ่งวันแรก​ สิ่งที่ทำให้กองทัพทหารมีพละกำลังพร้อมที่จะรบในรอบต่อไปคือ​ เสบียง​อาหารและน้ำดื่ม​    ใช่ครับ​ มันก็คือหนึ่งในปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต​นั่นเอง​ ทุกๆคนในบริษัท​ต่างลงมาที่โรงอาหารและมาเข้าแถวสั่งกับข้าวจากร้านอาหารตามสั่ง​ และกลายเป็นเรื่องปกติหากจะมีหัวหน้าแผนกจะเข้ามาแซงคิว​ เพื่อซื้อไปให้พวกผู้บริหาร​ที่อยู่ระดับสูงกว่าที่กำลังนั่งรอข้าวที่ห้องทำงานส่วนตัว​ ช่างเป็นวงจรอุบากว์ซะเหลือเกิน... 
            
            การหายใจเริ่มแผ่วลง... 

    02:30PM.
     
            โค้งสุดท้าย​ของการทำงานของวัน​ ทุกๆคนในแผนกต่างตั้งใจทำงานเพื่อที่จะส่งเอกสารต่างๆก่อนเวลาเลิกงาน​ แน่นอนอย่างที่สุดว่าทุกๆคนล้วนแสวงหาความสุขสบายของตนเอง​ ถึงแ้จะเพียงเล็กน้อย​ แต่ผู้คนก็หวังที่จะได้ใช้เวลาตรงนั้นอย่างคุ้มค่า​ ก่อนที่จะถูกโลกแห่งความเป็นจริง​ ลากเรากลับไปใช้ชีวิตในสังคมที่ย่ำแย่ต่อไป... 
         
             การหายใจเริ่มเบาลง... 

    04:30PM.

             สิ่งที่ทุกคนจะต้องเผชิญ​ต่อไปนี้คือ​ ภาวะรถติด แน่นอนว่าทุกๆคนต่างหวังที่จะกลับถึงบ้านให้ไวที่สุด​ จึงทำให้การตัดสินใจจะใช้อารมณ์​มากกว่าเหตุผลเสมอ​ จึงไม่แปลกใจที่รถจะติด เพราะทางข้างหน้าอาจมีอุบัติเหตุ, เหตุทะเลาะวิวาท​ หรือแม้แต่อาชญา​กรรมบนท้องถนนอยู่บ่อยๆ​ ยังโชคดีที่ผมโดยสาร​รถไฟจึงไม่มีปัญหา​มากนัก​ แต่ถึงอย่างไร​ การคมนาคม​ทางถนนก็ยังเป็นทางหลักของมนุษย​์อยู่ดี... 

             รู้สึกเบลอ​ และเริ่มอ่อนแรง... 

    06:00PM.
      
             การออกกำลังกายในช่วงเย็นของมนุษย​์นั้น​ กลายเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์​จะทำกันเป็นงานอดิเรก​ ทุกคนที่ออกกำลังกายล้วนออกกำลังกายเพื่อหวังผลประโยชน์​ต่างกันไป​ บ้างก็เพื่อรักษาหุ่นที่ดี​ บ้างก็เพื่อสุขภาพ​ที่ดีของตนเอง​ บ้างก็เพื่อเกมกีฬา​ หรือบ้างก็เพื่อเป็นการคลายเครียด​อย่างหนึ่ง​ น้อยคนนักที่จะรู้เหตุผลจริงๆของมันว่า​ เราออกกำลังกายเพื่ออะไรกันแน่... 

             การตอบสนองของร่างกายเริ่มช้าลง... 

    08:30PM.

             คนเรานั้นมักจะกลัวความตายเสมอ​ ถึงเราจะไม่เคยได้เห็นมัน​ แต่เราก็เลือกที่จะกลัวความตาย​ และความสูญเสีย​ก็ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น​ ทั้งตัวเรา​ พ่อแม่​ ญาติพี่น้อง​ หรือคนใกล้ตัว​ เราเลือกที่จะไม่อยากเสียใครไป​ ด้วยการเจาะท่อหลอดลมเพื่อเลี้ยงออกซิเจนเข้าสู่ปอด​ ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นการเต้นของหัวใจ​ ผ่าตัดเพื่อยื้อชีวิตของคนไข้​ ลองกลับมาคิดในมุมมองของคนไข้กันดูเล่นๆไหม... พวกเขาจะทรมานแค่ไหนเมื่อพวกเขาถูกยื้อชีวิตให้อยู่อย่างทรมานน่ะ...

              เกิดอาการวูบ​ และสลบลง... 

    10:42PM.

              ไม่มีใครบอกได้ว่าหลังความตายนั้ยเป็นอย่างไร​ มีแต่ช่วงเวลาที่กำลังจะตาย​ ภาพในอดีตจะย้อนกลับเข้ามา​ นึกถึงเรื่องที่เราทำผิดพลาด​ นึกถึงเรื่องที่เราเสียใจที่สุดในชีวิต​ นึกถึงเรื่องที่เรามีความสุขที่สุดในชีวิต​ และนึกถึงภาพของคนที่เรารัก...  หลังจากนี้ผมจะได้รู้แล้วล่ะว่า​ ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร... 

               ชีพจ------------

         


    END.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×