เมื่อครั้นตอนที่ฝันอยู่ ม.4 และเปรมอยู่ ม.6 นั้นทั้งคู่เคยเป็นแฟนกันรักกันมากจนเป็นที่อิจฉาของเด็กสาวคนอื่น เพราะฝันเป็นหญิงสาวหน้าตาบ้านๆ ที่ห่างไกลจากนิยามของคำว่าสวย ต่างจากเปรมที่ทั้งหล่อ เรียนเก่ง แถมพ่อรวยอีกต่างหากเขาเป็นคนสุภาพ เงีบบขรึมจนติดจะดุนิดๆ หลายคนมองว่าเขาหยิ่ง แต่นี่กลับเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ทำให้สาวๆทั้งแท้ และเทียมต่างพากันหมายปอง และออกอาการสติแตก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกครั้งที่เขาบังเอิญกวาดสายตาดุๆ มองผ่านพวกหล่อน
เปรมเจอฝันครั้งแรกตอนที่นายปอมน้องชายตัวแสบของเขายกโขยงแกงค์เพื่อนทโมนมาทำรายงานที่บ้าน ฝันที่ในเวลานั้นเป็นเพียงเด็กสาวร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียบๆแต่ทว่ารอยยิ้มแจ่มใสของเธอกลับมีเสน่ห์อย่างประหลาด และเจ้าดวงตาใสแจ๋วสีน้ำตาลอ่อนนั้นเองที่ทำให้เขารู้สึกถึงบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ อีก 3 เดือนต่อมาเปรมก็ขอคบกับฝันในฐานะของคนรัก หญิงสาวตกปากรับคำเขาอย่าง งงๆ ด้วยไม่คาดฝันมาก่อนว่าจะมีหนุ่มหน้าตาดี มาดอบอุ่นมาสารภาพว่าแอบปลื้มมานานแล้ว และอยากเลื่อนฐานะจากพี่ชายที่แสนดีมาเป็นคนรักสักที
เปรมเติมเต็มความรักในส่วนที่ขาดหายไปของฝัน และในขณะเดียวกันฝันก็เติมเต็มความมีชีวิตชีวา เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มทะเล้นๆพร้อมดวงตาซุกซนลงในหัวใจของเปรม ทั้งคู่เก็บเกี่ยวความหอมหวานของความรักได้เพียง 1 ปีก็มีมือที่ 3 เข้ามาแทรกแซง เธอเป็นดาวประจำโรงเรียนที่ทั้งสวยทั้งเก่ง แตกต่างไปจากฝันอย่างสิ้นเชิง ว่านสาวน้อยร่างบอบบางน่าทะนุถนอมราวตุ๊กตากระเบื้องเนื้อดี ว่านผู้ทำให้เปรมเปลี่ยนไป...............................
ผ่านไป 1 ปี
หลังจากที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่โลกแห่งอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็จัดการล็อคอินเข้าสู่โปรแกรมสนทนาออนไลน์ที่มีเครือข่ายกว้างขวางครอบคลุมทุกพื้นที่บนโลก หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า MSN นั่นแหละ
กุหล่อว่ะ:ไอ้เพื่อนบ้า หายหัวไปไหนมาฟะ ยังมีชีวิตอยู่ป่าว
โอ้ลันลา ลันลา:อ้าวแกไม่รู้หรอว่าช้านตายไปแล้ว หุหุ
กุหล่อว่ะ:ว้าว ดีใจจัง งั้นตอนนี้ฉันก็กะลังคุยอยู่วิญญาณอยู่ล่ะสิ เออ แกเป็นไงมั่ง
โอ้ลันลา ลันลา:ก็ไม่เป็นไงอ่ะ บายดี แกล่ะ ตอนนี้เรียนที่ไหน
กุหล่อว่ะ: เออ เนี่ยพี่เปรมเข้าโรงบาล ไงก็แวะมาเยี่ยมด้วยนะ
โอ้ลันลา ลันลา เปลี่ยนสถานะเป็นออฟไลน์
จากครั้งเราเคยมีกัน อยู่ๆ ก็พลัน มาทิ้งกันไป
เจ็บช้ำเธอทำกันลงได้ หักอกห้ามใจไม่เคยลืมลง
เจ็บนี้มันแรงเกินตัว เรื่องราวในหัว มันตามมันเตือน
เจ็บพร้อมจะยอมฟั่นเฟือน สติเลอะเลือนถ้าลืมได้ลง
ไม่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่อยากรู้ว่าเคยรักใคร
ไม่อยากรู้ว่าเคย เคยถูกใคร หลอกจนเสียคนอย่างนี้
ไม่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่อยากรู้ว่าเคยนอนร้องไห้
ไม่อยากรู้ว่าเคย เคยให้ชีวิตใครไป
(เพลงฟั่นเฟือน: จันทนี กุลฑลจินดา)
นี่โชคชะตาเล่นตลกกับหล่อนใช้มั้ย? หลังจากที่คิดว่าตัวเองเกือบจะทำใจได้อยู่แล้ว แต่กลับตามารับฟัง มาได้ยิน เรื่องราวที่พยายามจะลืม ไอ้เพื่อนตัวดีมันคงไม่รับรู้เลยสินะว่า ทำให้หล่อนอยากร้องไห้แค่ไหน ถึงภายนอกจะดูเข้มแข็งและถึก บึกบึนก็ตามแต่เถอะ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงซึ่งเป็นเพศที่อ่อนแอ และหวั่นไหวง่ายแล้วละก็ มันไม่มีทางลืมเรื่องราวความรักและคนรักคนแรกได้อย่างง่ายดายหรอก ฝันกดปิดคอมอย่างกระแทกกระทั้น แล้วรีบเดินดุ่มๆขึ้นเตียงนอนทันที ด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่เต็มปรี่อยู่ภายในใจ รูมเมทร่วมห้องหันมามองอย่างแปลกใจ เอ่ยปากเหมือนจะพูดอะไรด้วยบางอย่าง แต่กลับหุบฉับลงตามเดิมเมื่อเห็นหน้าตาไม่สบอารมณ์ ของเพื่อนสาว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเผลอแป็บเดียวก็จะปิดเทอมแล้ว ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยช่างมีอะไรให้ทำมากมายก่ายกองจนทำให้ฝัน ลืมเลือนเรื่องราวบางอย่างได้บ้างแม้จะไม่สนิทใจนักก็ตาม
“ปิดเทอมนี้แกจะกลับบ้านป่าวฝัน คราวที่แล้วก็ไม่กลับ ” แมวถามพลางยัดเยียดเสื้อผ้ากองโตใส่กระเป๋าเดินทางอย่างใบใหญ่
“คิดว่าจะกลับอยู่นะ แต่ก็คงไปอยู่แค่อาทิตย์เดียว ครอบครัวฉันมันไม่ได้อบอุ่นเหมือนครอบครัวชาวบ้านเค้านี่นา” ฝันพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก แมวเดินเข้ามาใกล้ก่อนเอื้อมมือลูบศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมซอยสั้นไม่เป็นระเบียบของเพื่อนซี้เบาๆ
“งั้นแกไปอยู่กะฉันที่บ้านมะ”
“ขอคิดดูก่อนนะ ไว้ฉันจะโทรหาแกอีกทีแล้วกัน”
เสียงเอะอะโวยวาย หยุดลงทันทีที่ทุกคนในบ้านหันมาเห็นหล่อน ฝันวางกระเป๋าเดินทางลงก่อนยกมือไหว้บุคคลทั้งสองที่เหมือนเพิ่งจะมีเรื่องกันไปหมาดๆ
“เฮอะ”พ่อทำเสียงบางอย่างในลำคอแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากบ้านไป แต่ไม่วายส่งเสียงลอยมารบกวนจิตใจคนฟังเล่น
“ฉันนึกว่าแกจะลืมบ้านนี้ไปซะแล้วอีกยัยฝัน”
“มาเหนื่อยๆกินข้าวกินปลาก่อนนะลูก” น้านิ่มน้องสาวแท้ๆ ของแม่น้อยเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น นี่คงเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้ฝันยังเรียกที่นี่ว่าบ้าน ส่วนผู้หญิงอีกคนหรือเรียกอีกนัยว่าแม่ใหม่ของหล่อนทำเพียงปรายตามองอย่างไม่สนใจแล้วเดินแยกไปอีกทาง
“พรุ่งนี้ไปบ้านสวนกันมั้ยลูกคุณยายบ่นคิดถึง” ประกายยินดีฉายขึ้นในดวงตากลมโตคู่นั้น ฝันเขย่าแขนถามน้านิ่มอย่างดีใจ
“จริงหรอคะน้านิ่ม ฝันก็คิดถึงยายเหมือนกัน งั้นฝันไปจัดกระเป๋าก่อนนะค อืมม์ แล้วเราจะไปซักกี่วันล่ะคะ ”
“แล้วแต่ฝันเลยลูก ว่าอยากอยู่กี่วัน เพราะต่อไปนี้น้าจะไม่บังคับให้เราอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
“ขอบคุณค่ะน้า”ฝันเข้ามากอดร่างบางของน้านิ่มอย่างตื้นตัน
บรรยากาศของบ้านสวนยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นต้นชมพู่ที่มีผลสีชมพูขึ้นเต็มไปหมด หรือกลิ่นหอมอ่อนๆของบรรดาดอกไม้ที่แข่งกันชูช่ออวดความงามของมัน เสียงเห่าขู่กรรโชกดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก และเสียงครางงี๊ด งี๊ดของเจ้าสุนัขพันทางตัวโตเมื่อจำได้แม่นยำว่าคือนายของตน
“ใครมาน่ะ ไอ้โก้”เจ้าสุนัขแสนรู้รีบวิ่งส่ายหางดุกดิกตรงไปยังร่างหญิงชราท่าทางงกเงิ่นทันที แล้วแลบลิ้นสีชมพูเลียที่ขาอีกฝ่ายอย่างประจบ ก่อนวิ่งกลับไปที่ “แขก” 2 คน ที่ยืนรอยอยู่ด้วยรอยยิ้ม ยายจันทร์เพ่งสายตามองตรงไปด้านหน้าแล้วก็ตั้งตัวรับแทบไม่ทันเมื่อร่างสูงโปร่งของหลานสาวถลาเข้าสู่อ้อมกอดนั้นอย่างยินดี
“ยายจ๋า จำหลานตัวเองไม่ได้หรอเนี่ย ฝันคิดถึงยายที่สุดเลย มามะ มาให้ฝันทำโทษยายซะดีๆ โทษฐานที่จำหลานสาวตัวเองไม่ได้” หญิงชราหัวเราะชอบอกชอบใจกับวิธีการทำโทษของหลานสาวก็คือการหอมแก้มนางแรงๆสองฟอดใหญ่
“พอแล้วยายฝันเดี๋ยวยายก็เป็นลมพอดี”น้านิ่มเอ็ดอย่างเอ็นดู แล้วต้อนทั้งคู่เข้าบ้าน
“แดดร้อนๆจะออกไปไหนล่ะลูก”ยายจันทร์เอ่ยถามเมื่อเห็นหลานสาวกำลังควบแมงกะไซค์คันเก่ง
“ไปซื้อหนังสือที่ตลาดจ๊ะยาย ”
“เออ ขับรถระวังนะ อย่าซิ่งเชียวนา”
“จ้า”
ณ.ร้านหนังสือ
ฝันไล่สายตาไปตามชั้นหนังสือวรรณกรรมเยาวชนก่อนไปหยุดสายตากับหนังสือปกสวยสีส้มสดเล่มหนึ่ง มือไวเท่าความคิดหญิงสาวคว้าหมับที่หนังสือพร้อมๆ กับที่ใครอีกคนก็ใจตรงกับหล่อนเช่นกัน มือหนาใหญ่ได้รูปวางทับซ้อนอยู่บนมือเรียวบางของหญิงสาว ฝันดึงหนังสือพร้อมกับที่อีกฝ่ายก็ออกแรงดึงเช่นกัน
“เอ๊ะ ปล่อยนะ”หล่อนตะคอกอย่างฉุนเฉียว คอยดูอยู่เพียงครู่ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังคงวางมืออยู่ ณ.ตำแหน่งเดิม เธอก็เงยหน้ามองด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าหล่อนนี้ดูคุ้นตา คุ้นใจอย่างประหลาด ผมยาวยุ่งนิดๆเพราะแรงลม คิ้วเข้มหนาพาดเฉียงเหนือดวงตาดำสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์หรือความรู้สึกใดๆ เธอตาฝาดหรือเปล่านะที่เหมือนจะเห็นรอยยิ้มอย่างยินดีฉายผ่านนัยย์ตาคู่นั้น แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น หญิงสาวสะบัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาเถียงต่อ
“ปล่อย” นิ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฝันสลัดมือออกจากฝ่ามือหนาของอีกฝ่ายแต่เขากลับไม่ยอมปล่อย ร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นนั่นเคลื่อนตัวมาใกล้หล่อนอีกนิด เสียงทุ้มต่ำกระซิบถาม
“จำกันไม่ได้จริงๆหรือแกล้งไก๋” ฝันเบิ่งตาที่โตอยู่แล้วให้โตยิ่งขึ้น หัวใจเต้นกระหน่ำ จนกลัวว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอก หล่อนกระพริบตาแล้วจ้องมองภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง
“พี่เปรม” เสียงอุทานดังแทบไม่พ้นริมฝีปาก คิ้วเรียวขมวดมุ่น พร้อมถอยหลังหนีอัตโนมัติ เขาก้าวตามพร้อมดึงหนังสือในมือของหล่อน ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปจนกระทั่ง..... ฝันออกแรงยื้อสุดฤทธิ์เพื่อดึงหนังสือในมือคืนมา พร้อมกับที่เปรมก็ปล่อยหนังสือปกสวยเล่มนั้นทันทีด้วยอารมณ์อยากแกล้ง อยากแหย่แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้สถานการณ์กลับเลวร้ายยิ่งขึ้น ร่างบางเซถลาลงกองกับพื้น ศรีษะโขกกับชั้นวางหนังสือ
“โอ้ย!”
“ฝันเป็นไงมั่ง?” เปรมทรุดตัวลงนั่ง หมายจะเอื้อมมือไปสัมผัสคนตรงหน้า แต่สาวน้อยกลับกระถดตัวหนีแถมยังเขวี้ยงหนังสือเจ้าปัญหาเล่มนั้นใส่หน้าเขาอีกต่างหาก ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด หญิงสาวตกใจเมื่อเห็นหยดเลือดสีแดงค่อยๆไหลรินออกมาจากศรีษะของอีกฝ่าย นี่หล่อนทำรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย
‘เค้าต้องเจ็บแน่เลย’ คิดในใจอย่างสับสนแต่......’ฮึ สมน้ำหน้า ให้เลือดไหลออกมาหมดตัวเลยยิ่งดี ’ คิดได้ดังนั้นก็พยายามฝืนปั้นหน้ายิ้มเข้าไว้ พร้อมกับขยับตัวจะลุกขึ้นยืนและเตรียม ‘เผ่น’ แต่ช้าไปกว่าคนหน้าดุตรงหน้าที่พอเห็นเธอขยับตัวปุ๊บก็คว้าข้อมือเธอปั๊บ
“จะไปไหน” ดวงตาสีเข้มคู่นั้นจ้องมองหล่นอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเลยทีเดียว ฝันเหลือบตาขึ้นมองหน้าเขาอย่างหวาดๆ ทั้งๆที่ในใจกลัวแทบตายแต่ต้องฝืนทำเป็นไม่กลัวเข้าไว้
“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ปล่อยนะ อยากได้อีกแผลรึไง” เปรมกระตุกยิ้มมุมปาก แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่มองดูแล้วสยอดสยองสุดๆในความคิดของหญิงสาว
“ยังร้ายเหมือนเดิมเลยนะฝัน ”
“ใครทำดีกับฉัน ฉันก็จะดีตอบ ใครที่ร้ายกับฉัน ฉันก็จะร้ายตอบเหมือนกัน” หล่อนเชิดหน้าสบตากับเขาอย่างท้าทาย
เปรมจูงจักรยานเสือภูเขาสีเหลืองสดคันโตเข้าบ้าน พร้อมสอดสายตาหาใครบางคน ก่อนเดินตรงรี่เข้าไปหาด้วยอาการรีบร้อน ปอมเหลือบตามองพี่ชายอย่างแปลกใจนิดๆแล้วก้มลงอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มหนาในมือต่ออย่างไม่สนใจ แต่...
“นี่พี่เปรม เอาหนังสือคืนมานะ ยิ่งรีบๆอยู่”ผู้เป็นน้องชายขมวดคิ้วมุ่นแถมส่งสายตาเพฌฆาตให้อีกต่างหาก
“ทายซิว่าวันนี้พี่ไปเจอใครมา”
“เฮ้อ! ปอมไม่มีเวลามาเล่นอะไรไร้สาระนะพี่เปรม น่าส่งหนังสือคืนมา ปอมต้องรีบเอาไปคืนก่อน 5 โมงนะ”
“วันนี้พี่ไปเจอฝันมา”
“ว่าไงนะ?”ปอมถามเสียงดัง ลืมเรื่องหนังสือคู่ใจไปเสียสนิท
“เจอที่ไหน แล้วฝันเป็นไงมั่ง ยอมคุยกะพี่รึป่าว ฝันเรียนที่ไหนอ่ะตอนนี้ แล้ว......” เปรมรีบยกมือห้ามก่อนเอ่ยปากเล่าเหตุการณ์ให้น้องชายฟัง
“ยัยฝันนี่ยังร้ายเหมือนเดิมเลยเนาะ ถามจริงๆเหอะ พี่ยังคิดอะไรๆ กะยัยฝันอยู่ช่ายปะ”ปอมหรี่ตามองพี่ชายด้วยอาการจับผิดเต็มที่
“ก.....ก็....จะว่ายังงั้นก็ได้ ว่าแต่นายช่วยฉันหน่อยละกันนะ”
“เหอๆๆ คงยากอ่ะ พี่ก็รู้จักนิสัยไอ้ฝันดี เจ้าคิดเจ้าแค้นจะตาย ” เปรมทรุดตัวลงนั่งถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ “ก็สมควรให้เค้าแค้นอยู่หรอกทำกับเขาไว้มากนี่” ชายหนุ่มรับคำเสียงอ่อย
“แต่เอาเหอะ ปอมเป็นเพื่อนกะฝันมานาน นานพอจะรู้ว่า มันเองก็ยังไม่ลืมพี่เปรมหรอก แต่ถ้าคราวนี้พี่ทำให้ยัยฝันร้องไห้อีกละกะ”ปอมยกกำปั้นขึ้นขู่ด้วยใบหน้าจริงจัง
“ปอมเนี่ยแหละจะเป็นคนต่อยพี่เปรมเอง” เปรมพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม
“พี่รับรองว่าจะไม่ทำให้ฝันเสียใจอีก”
บ้านสวน
อย่างสงสัย ‘ดึกป่านนี้ใครโทรมานะ’
“ฮาโหล” ทันทีที่ฝันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ไอ้ฝัน แกเป็นไงมั่งอ่ะ แหม กลับบ้านไม่ยอมบอกเพื่อนบอกฝูงเลยนะ”
“เออ ก็ดีอ่ะ เบาเสียงเพลงหน่อยได้มั้ย แก้วหูจะแตกอยู่แล้วเนี่ย” อีกฝ่ายไม่ทำตามกลับถามต่อว่า
“พรุ่งนี้ว่างป่าว เจอกันที่ร้านเดิมนะ โทรมาบอกแค่นี้แหละ บ่ายโมงห้ามเบี้ยวนะเว้ย บาย.....”
“เดี๋ยวปอม ฮาโหล ไอ้ปอม อ้าววางสายไปซะแล้ว”
หญิงสาววางแก้วโกโก้เย็นลงบนโต๊ะ พร้อมกับเหลือบมองนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาว่าผ่านมาเกือบชั่วโมงครึ่งแล้ว ก่อนทอดสายตาผ่านกระจกแก้วบางใสที่แตะแต้มไปด้วยลวดลายน่ารักสีสันหวานแหวว พร้อมกับอดหวังในใจนิดๆไม่ได้ว่าจะได้เห็นร่างสูงโย่ง หรือใบหน้าคุ้นตาของเพื่อนสนิท เสียงฟ้าคำรามลั่นพร้อมหยาดฝนที่พรั่งพรูลงมาอย่างไม่ขาดสายทำให้ฝันเผลอถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าสร้อย พร้อมกันนั้นภาพในอดีตที่เธอเพียรพยายามกดเก็บมันไว้ภายใต้ความทรงจำด้านเลวร้ายก็ค่อยๆ ทยอยออกมาโลดแล่นอยู่บนสะพานแห่งความคิดแม้ว่าเธอจะไม่อยากคิดถึงมันเลยก็ตาม
‘ไอ้ปอมฉันว่าพักนี้พี่ชายแกดูแปลกๆไปอ่ะ’ ฝันนั่งลงเคียงข้างเพื่อนซี้ที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำ(ลอก)การบ้าน
‘แปลกยังไงวะ พี่เปรมมีนอขึ้นที่จมูกรึไง’ ปากถามแต่มือก็ขยับยุกยิกด้วยความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
‘ไม่รู้สิ เวลาคุยอะไรด้วยก็ไม่ค่อยตอบอ่ะ เอาแต่เหม่อลอยอยู่นั่นแหละ พี่เค้าเรียนหนักรึไงถึงได้ดูเบลอๆเพี้ยนๆ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลยนะ เอ..... หรือว่าเป็นโรคซึมเศร้า โดนผู้หญิงหักอก แกปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะเว้ย เดี๋ยวเกิดคิดฆ่าตัวตายขึ้นมาล่ะยุ่ง’ ฝันเริ่มทำเสียงดังขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ จนกระทั่งนายปอมต้องวางปากกาลงและยกมือเขกที่ศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนั้นไม่เบานัก
‘จะเสียงดังทำเพื่อ.....อยากโดนอาจารย์ไล่ออกจากห้องสมุดรึไง’
‘เออ โทษทีอารมณ์มันพาไปอ่ะ แต่พี่เปรมน่าเป็นห่วงจริงๆนะ.......’ นายปอมแอบอมยิ้มในหน้าก็จะไม่ให้แปลกได้ไงเล่าในเมื่อตอนนี้พี่ชายสุดหล่อของเขากำลังมีความรักและตัวต้นเหตุของอาการประหลาดๆทั้งหลายทั้งปวงนั้นก็ไม่ได้มาจากใครที่ไหนหรอก
‘แกอยากรู้จริงๆช่ายมะ ว่าพี่เปรมเป็นอะไร’
‘อืมม์ ’ สาวน้อยพยักหน้ารับ ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างคาดคั้น
‘เดี๋ยวเย็นนี้แกก็รู้เองล่ะ’
‘ทำไมต้องรอตอนเย็นด้วยล่ะ บอกตอนนี้เลยไม่ได้รึไง’ ฝันเขย่าแขนนายปอมแรงๆด้วยความหมั่นไส้โทษฐานที่จุดประกายความอยากรู้อยากเห็นในตัวเธอ แล้วจะทิ้งไปดื้อๆแบบนี้
‘ไม่ได้หรอก เพราะพี่เปรมเค้าอยากบอกเอง ขืนให้ฉันบอกมันก็ไม่ซึ้ง เอ้ย ไม่ชัดเจนน่ะสิ’ หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
‘แล้วทำไมต้อง...............’ ปอมรีบยกมือห้ามทันที
‘อย่าชวนคุยได้มั้ย ดูสิเหลืออีกตั้งหลายหน้า แล้วฉันจะเสร็จทันไม่เนี่ยไอ้ฝัน หุบปากไปเลย เสียสมาธิจริงๆ’
‘พี่เปรม ไอ้ปอมฝากมาบอกว่าวันนี้จะกลับช้าหน่อยเพราะมันต้องซ้อมฟุตบอลอ่ะ’ ฝันตะโกนบอกเมื่อเห็นหนุ่มหน้าคมคิ้วเข้ม ร่างสูงที่กำลังยืนรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ มีเสียงผิวปากเฟี้ยวฟ้าว ดังมาจากกลุ่มนั้นแต่ฝันไม่สนใจ เตรียมหันหลังวิ่งออกไปแต่เปรมเดินเข้ามาหาเสียก่อน
‘แล้วฝันจะไปไหนอ่ะ ไม่กลับพร้อมพี่หรอ’
‘เออ ก็ดีเหมือนกัน ไม่อยากเดินกลับคนเดียว งั้นพี่เปรมรอแป๊บนะ ฝันไปหยิบกระเป๋าแป๊บนึง’
‘ข้างๆร้านป้านิดมีร้านเบเกอรี่เปิดใหม่ ฝันไปกับพี่นะ’ หญิงสาวหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนข้างตัวเกิดอาการใจสั่นเล่น
‘พี่เปรมเลี้ยงนะ’ คงเป็นเพราะมัวแต่มองรอยยิ้มใสๆนั้นเพลินแน่ๆจึงทำให้เปรมโดนสาวน้อยข้างกายหยิกเข้าให้
‘ว่าไงพี่เปรม ชวนแบบนี้แสดงว่าต้องเลี้ยงนะ’
‘เออ คือ.... จ้าเลี้ยงก็เลี้ยง’ รับคำพร้อมกับใช้มือถูบริเวณที่ถูกหยิกเบาๆ ฝันหัวเราะคิกอย่างสนุกสนานมองดูท่าทางของเขาอย่างขำๆ ภายนอกดูท่าทางโหด ดุ แต่ตัวจริงออกจะน่ารักและจิตใจดีขนาดนี้ ทำไม๊ ทำไมถึงยังไม่มีแฟน นึกแล้วก็ออกปากถามซะเลย
‘แล้วทำไมพี่เปรมยังไม่มีแฟนซักทีอ่ะ’ ชายหนุ่มเหล่ตามองคนข้างตัว คิ้วขมวดนิดๆ อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับนิ่งตามดิม ก่อนออกเดิน แล้วหยุดอีกครั้ง หันหน้าไปมองฝันอีกรอบถอนหายใจแรงๆเฮือกใหญ่
‘พี่เปรมเป็นไรอ่า ดูแปลกๆ แดดร้อนหรอ หน้าแดงแปร๊ดเชียว’ ชายหนุ่มอึกอักยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง แล้วเลือกที่จะหันหน้าไปยังทิศทางอื่นที่ตรงข้ามกับดวงตากลมโตแป๋วแหววคู่นั้น อยากจะยกมือตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เสียงเล็กๆในหัวใจดังตะกึกก้องอย่างน่ากลัว
‘เอ็งรักเค้า ชอบเค้าก็บอกไปสิวะ ’
‘เอ้อ ค....คือพี่ คือว่า......’ ฝันรีบสาวเท้ามายืนตรงหน้าเขา
‘พี่เปรม ค่อยๆพูด เป็นอะไรอ่ะ ให้เรียกรถพยาบาลมั้ย ’ หญิงสาวทำหน้าเหรอและออกจะงงกับอาการสุดแสนประหลาดของเขา
‘คือ........เป็นแฟนกับพี่ได้มั้ย’ พูดจบแล้วก็ถอนหายใจแรงๆออกมาอย่างโล่งอก พร้อมกับนิ่งรอดูปฏิกิริยาของสาวน้อยแก้มป่องที่กำลังทำตาโตจนเกือบจะเท่าไข่ห่านอยู่แล้ว แถมยังทำปากจู๋อีกต่างหาก ช่างเป็นกิริยาการเขินที่น่ารักและน่าเอ็นดูที่สุด
‘ว่าไง......เป็นแฟนกับพี่นะ’ ไม่รู้ว่ามือของเธอตกเข้าไปอยู่ในอุ้งมือใหญ่อบอุ่นของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ .และไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอตอบตกลงเขาไปยังไง..........................................
ภวังค์ความคิดคำนึงถึงห้วงอดีตจบฉากลงแต่ฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสายยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดซักที หญิงสาวทอดสายตาออกไปไกลอย่างไร้จุดหมายก่นด่าตัวเองในใจค่าที่มัวแต่คิดถึงอดีตอันแสนขมขื่น และเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆเมื่อมองไม่เห็นแม้กระทั่งวี่แววของนายปอมเพื่อนซี้ เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งหยุดลงที่หน้าโต๊ะ ฝันหมายมั่นปั้นมือในใจว่าจะต้องต่อว่าต่อขานนายปอมซะให้เข็ด และหลังจากนั้นเธอก็จะทำโทษเพื่อนสนิทด้วยการบังคับให้เป็นคนเลี้ยงขนมมื้อนี้ซะเลย ว่าแล้วก็หันหน้าไปยังทิศทางของเสียงพร้อมออกปากทันที
“กว่าจะโผล่หัวมาได้นะแก อ้าว.............” หญิงสาวชะงักเมื่อพบว่าบุคคลที่พูดด้วยไม่ใช่นายปอมอย่างที่คิด
“ขอโทษที่ให้รอ พอดีพี่.....”
“พี่คะ” ฝันเรียกพนักงานเสริฟของร้าน “เก็บเงินด้วยค่ะ” กล่าวจบก็แล้วรีบคว้าย่ามลายฉูดฉาดข้างตัวขึ้นคล้องไหล่ แล้วเดินแกมวิ่งออกจากร้านเบเกอรี่ทันที แต่.....
“ฝัน เราต้องคุยกัน”เปรมกล่าวพร้อมลากแขนของอีกฝ่ายกลับเข้าไปภายในร้านดังเดิม
“ปล่อยนะ” ฝันหันมาขู่แหว ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอย่างเดือดดาล แต่ไม่ได้ทำให้เปรมนึกลัวเลยสักนิด
“จะยืนตากฝนคุยกันแบบนี้รึไง” ร่างสูงถามยังคงไม่ละมือจากการเกาะกุม เพราะเชื่อว่าถ้าเขาปล่อยมือเมื่อไหร่หล่อนต้องวิ่งหนีอย่างแน่นอน
“ไม่อยากคุย เกลียดขี้หน้า”พูดพร้อมจ้องหน้าเขานิ่งๆ
“โอเค เกลียดก็เกลียด”เปรมรับคำง่ายๆ ออกแรงลากร่างบางนั่นเข้าสู่ที่ร่มอีกครั้ง
“ยืนตากฝนแบบนั้นเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” ฝันเมินหน้าหนีไม่สบตาคมเข้มดุของคนตัวโตที่ยืนเคียงข้าง
“ช่างฉันเถอะ”
“ฝันพูดจาไม่น่ารักเลยนะ ทำไมก้าวร้าวแบบนี้” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้สนใจเขา ทั้งๆที่ในใจกลับร้อนรุ่ม กระวนกระวาย ตื่นเต้นและสับสนวุ่นวายไปหมด ใจหนึ่งมันอยากพูดคุยไถ่ถามเรื่องราวสารพัด แต่เสียงเล็กอีกเสียงก็คอยตอกย้ำเสมอว่า เขาทำให้เธอเจ็บ ทำให้เธอปวด และเธอก็ควรเกลียดเขาด้วย
ฝนหยุดตกไปแล้ว แต่คนทั้งคู่ยังคงนิ่งอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเดิม ไม่มีแม้กระทั่งเสียงพูดคุย เปรมชะโงกหน้ามองสาวน้อยข้างกายอย่างเป็นห่วงแกมกังวลนิดๆ เห็นเพียงดวงตากลมโตคู่สวยที่ทอดมองไปเบื้องหน้าอย่างว่างเปล่า
“คือ... พี่ขอโทษ” เขาเสยผมที่ยาวระต้นคอตัวเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรไปมากกว่านั้น ฝันเหลือบตามองเขาแวบนึง แล้วก็หันไปสนใจภาพเบื้องหน้าต่อ
“พี่รู้ว่าทำให้ฝันต้องเจ็บ พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่ได้มั้ย ฝันไม่รู้หรอกว่าพี่ทรมานแค่ไหน พี่คิดถึงฝันตลอดเวลาที่เราเลิกกัน และเพิ่งรู้ว่าตัวเองเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป ฝันยกโทษให้พี่ได้มั้ย?” แววตาเขาดูเศร้าหมองหดหู่เหลือเกิน แววตาที่ทำให้เธอใจอ่อน ฝันอยากยิ้มให้เขา อยากยกโทษให้เขา อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม.......
“ไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ พี่แค่อยากบอกให้ฝันรู้ว่าพี่ไม่เคยลืมเรื่องราวระหว่างเราเลย” เสียงห้าวฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยน ฝันยืดตัวขึ้นหันไปมองเขา แต่หลีกเลี่ยงที่จะสบตา เพราะหล่อนกลัวเหลือเกินว่ามันจะเผยความรู้สึกบางอย่างออกมาให้เขาได้รับรู้
“แหม มันช่างตรงข้ามกับฉันอย่างสิ้นเชิงเลยนะคะ เพราะเรื่องราวระหว่างเรา ที่คุณว่านั้นมันไม่มีค่าพอให้ฉันจดจำเลยสักนิดเดียว” พูดจบก็ออกจะสะใจอยู่เล็กน้อยที่เห็นความเจ็บปวดรวดร้าวก่อตัวขึ้นภายในดวงตาสีเข้มของเขา เปรมทอดสายตามองฝันอย่างตัดพ้อ
‘ฝันเองก็เจ็บไปไม่น้อยกว่าพี่เปรมหรอก’ เสียงเล็กๆภายในใจของฝันดังขึ้นอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- “หวัดดีคร้าบคุณยาย คุณน้านิ่ม ฝันอยู่มั้ยครับ”
“อยู่ในสวนจ๊ะเปรม เดินระวังหน่อยนะสะพานมันไม่ค่อยดี”
“ขอบคุณครับ” เปรมยกมือไหว้บุคคลทั้งสองอย่างนอบน้อม ยายจันทร์ชะเง้อมองหนุ่มร่างสูงจนเห็นว่าลับสายตาแล้วก็หันไปกระซิบกระซาบกับบุตรสาว
“นิ่มแม่พอจะรู้สาเหตุที่นังหนูมันดูหงอยๆแล้วล่ะ” น้านิ่มละมือจากผลไม้ที่กำลังลงมือปอกเปลือก
“สาเหตุอะไรคะคุณแม่”
“ก็พ่อเปรมไงล่ะ” น้านิ่มพยักหน้ารับอย่างคล้อยตามแต่ก็อดที่จะนิ่วหน้าด้วยความเป็นห่วงหลานรักไม่ได้
“อย่ากังวลไปเลยลูก ปล่อยให้สองคนนั่นเค้าจัดการกันเองเถอะโตๆกันแล้ว”
“ฝัน ฟังพี่ก่อน” เปรมแหงนหน้ามองร่างบอบบางที่บัดนี้กำลังปีนป่ายลัดเลาะอยู่บนต้นมะม่วงสูงใหญ่
“ไม่ ไม่ ไม่อยากฟัง ไม่อยากเห็นหน้าพี่เปรมอีก กลับไปซะ” ชายหนุ่มเท้าสะเอวมอง ‘คนดื้อ’ ที่ลอยหน้าลอยตาพูดกับเขาด้วยความเอ็นดู แล้วตัดสินใจสลัดรองเท้าทิ้ง พร้อมโหนตัวขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้เตี้ยๆนั่นบ้าง ฝันทำตาโตมองเปรมที่ค่อยๆไต่ขึ้นมาตามกิ่งไม้
“อย่าตามมานะพี่เปรม ไม่งั้นโดดจริงๆด้วย”
“ฝันไม่กล้าหรอก พี่รู้ฝันกลัวความสูง” เปรมอมยิ้ม พร้อมกับเคลื่อนตัวไปใกล้อีกนิด
“อย่าเข้ามานะถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เสียงฝันเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ หญิงสาวหลับตาปี๋พยายามไม่มองลงไปเบื้องล่างนั่น
‘น่ากลัวชะมัดเลย’ ชายหนุ่มเอื้อมมือคว้าหมับเข้าที่ข้อมืออีกฝ่าย
“กรี๊ด----------”ฝันหลับหูหลับตากรี๊ดด้วยความตกใจ พร้อมกับสะบัดมือหนีออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายเต็มแรง
“เฮ้ย!” สิ้นเสียงอุทานของเปรม ฝันก็รีบเปิดเปลือกตาขึ้นมองดูเหตุการณ์รอบตัวทันที แล้วหัวใจของเธอก็หล่นวูบ เมื่อพบว่าร่างสูงที่ตามตอแยเมื่อครู่นี้ ลงไปนอนแน่นิ่งอยู่เบื้องล่างเป็นที่เรียบร้อย
“พี่เปรม พี่เปรมอย่าเป็นอะไรนะ” ฝันรีบไต่ลงจารต้นมะม่วงมาทรุดตัวลงนั่งข้างร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับตานิ่ง-----นิ่งจนน่าใจหาย
“พี่เปรม” ฝันกระซิบเรียกเสียงแผ่ว มือบางลูบคลำใบหน้าเขาอย่างเบามือทะนุถนอม
“พี่เปรม ตื่นมาคุยกับฝันสิ ตื่นสิ อย่านิ่งแบบนี้นะ อย่ามาแกล้งให้ฝันใจหายนะ พี่เปรม อย่าตายนะ ฮือ ฮือ” หยาดน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจสะกดกั้น
“ฝันรักพี่เปรมนะ ฮือ ฮือ----” เปรมค่อยๆหรี่ตามองสาวน้อยข้างกายที่ยกมือปาดน้ำตาออกจาใบหน้า หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วด้วยความปลาบปลื้มใจ ฝันก้มลงมองใบหน้าชายหนุ่มอีกครั้งอย่างสะดุดใจ ทันได้เห็นเปลือกตาของเปรมดิ้นขยุกขยิกไปมา แถมรอยยิ้มประดับริมฝีปากนั่นอีก มือเรียวหยิกหมับเข้าที่แขนของเขาเต็มแรง เปรมสะดุ้งสุดตัว
“หยิกพี่ทำไมอ่ะ” ลืมตามองสาวน้อยตรงหน้าพร้อมยึดแขนบอบบางกลมกลึงไว้ทันทีที่เห็นหล่อนขยับตัว ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งนาน ความร้อนค่อยๆพุ่งขึ้นพร้อมกระจายไปทั่วทั้งใบหน้าเมื่อระลึกได้ว่าเมื่อครู่หล่อนเพิ่งจะทำการอาจหาญสารภาพรักเขาไปหมาดๆ
‘น่าอายที่สุด’ คิดในใจด้วยความเจ็บใจตัวเองเหลือกำลัง เปรมจับตามองดวงหน้าละมุนที่บัดนี้แดงก่ำอย่างเขินอายด้วยความเอ็นดูและรักสุดหัวใจ หญิงสาวสะบัดหน้าหนีอย่างแสนงอนเมื่อดวงตาคมวาวของเขาจับจ้องอย่างไม่วางตา เปรมดีดตัวขึ้นนั่งพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“รักพี่จริงหรอ” ฝันไม่ตอบก้มหน้างุด พร้อมออกแรงดึงตัวเองให้พ้นจากการเกาะกุม
“ปล่อยนะ”
“รักพี่จริงรึป่าว” เปรมไม่ปล่อยพร้อมกันนั้นก็ค่อยๆหมุนร่างคนแสนงอนตรงหน้าให้หันกลับมาเผชิญหน้าเขาช้าๆ ฝันขืนตัวหนีแต่มีหรือจะสู้แรงเขาได้ เปรมค่อยๆใช้ปลายนิ้วไล้คราบน้ำตาบนแก้มนวลของเธออย่างเบามือ ฝันหลับตานิ่งอย่างยอมจำนน หยดน้ำตาที่แห้งเหือดกลับไหลรินอีกครั้ง เปรมลูบศรีษะเล็กๆของฝันอย่างปลอบประโลม
“ฮือ--------- ทำไมพี่เปรมทำแบบนี้อ่ะ ใจร้ายมากเลยรู้มั้ย ฮือ” พร้อมกันนั้นฝ่ามือเล็กก็ออกแรงประทุษร้ายคนตัวโต
“นี่แน่ะ นี่แน่ะ รู้มั้ยว่าฝันเจ็บฮะ รู้รึป่าวว่าฝันต้องร้องไห้บ่อยแค่ไหน” เปรมนั่งนิ่งๆปล่อยให้หล่อนทุบตีได้ตามใจชอบ ฝันถอนสะอื้นจนตัวโยนเปรมยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของหล่อนอย่างแผ่วเบา
“ฝันไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พี่รู้ รู้ทุกอย่าง และเจ็บไม่น้อยไปกว่าฝันเลยที่ขอโทษ” เปรมเอ่ยพร้อมกันนั้นก็ดันใบหน้าที่ซุกซบอยู่กับไหล่เขาขึ้น และบังคับให้หล่อนมองเขา ดวงตากลมโตหวานฉ่ำคู่นั้นจ้องมองชายหนุ่มนิ่ง
“ยกโทษให้พี่ได้มั้ย” ฝันไม่ตอบแต่ซบหน้าลงกับแผ่นหลังของเขานิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆยืนยันคำตอบได้ดีกว่านี้อีกแล้ว หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องของพวกเขาทั้งสองคนที่จะช่วยกันประคับประคองชีวิตรักให้ยั่งยืนต่อไป
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น