คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 16 – Lady Lorenna Avner
Chapter
16 – Lady Lorenna Avner
เวลา
3 ปีนั้นผ่านไปไวแค่ไหน มันไวพอที่จะทำให้สายตาของเธอยามมองดาริอัสเปลี่ยนไปรึเปล่า
หรือมันนานพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มคนนั้น—
เจเรเมียเติบโตเป็นเด็กหนุ่มรูปงามที่หญิงสาวทั่วทั้งจักรวรรดิหมายปอง
เธอไม่รู้หรอก
สำหรับเธอ..ช่วงเวลาสามปีนั้นไม่ได้มากอะไรเลย
ทว่ากลับมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย
หลังจากการเสียชีวิตของบิดาและมารดาเมื่อ 3 ปีก่อน
อะเมทิสต์ซึ่งเป็นบุตรคนโตก็ได้รับสืบทอดตำแหน่งดยุคแห่งไอโซไลน์แทนบิดา
นั่นทำให้เจ้าตัวไม่สามารถปลีกตัวมาที่เมืองหลวงได้บ่อยเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว
เฮนเดอริกก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับทั้งในหมู่ประชาชนทั่วไปและชนชั้นสูงทำให้เจ้าตัวต้องวิ่งวุ่นทำงานเสียจนมือไม้แทบไม่เคยว่าง
ท่านลุงเอลิกอส—
พ่อของยูทารอธเองก็พึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน
ยูทารอธที่ต้องรับตำแหน่งดยุคกะทันหันจึงแทบไม่ได้โผล่หน้ามาให้เธอเห็นเลยเช่นกัน
ตอนนี้คนที่พอโผล่มาให้เธอเห็นหน้าได้บ่อยๆจึงมีเพียงจูเลียนและวาเลนไทน์
แน่นอนว่าคนหลังนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปตีซี้ด้วยหรืออะไร
แต่พอเจอหน้ากันบ่อยครั้งเข้าก็สนิทกันในระดับหนึ่ง
สถานการณ์ในเวลานี้เปลี่ยนไปมาก
ผู้คนมากมายที่เคยสนับสนุนเอลายน์ในการขึ้นเป็นจักรพรรดินีหันมาสนับสนุนเธอแทนหลังจากที่พบว่าเอลายน์ดูเฉยชาและไม่ได้สนใจตำแหน่งที่ว่านั่นเลยแม้แต่น้อย
เดิมทีเทนทาเนียไม่ได้ต้องการตำแหน่งจักรพรรดินีอะไรนี่เลยซักนิด
แต่เจ้าบ้านั่นกลับพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมให้เธอรับให้ได้
ประกอบกับการถูกแต่งตั้งเป็นจักรพรรดินีก็เป็นการสร้างความมั่นคงให้ตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทไม่ให้ถูกเอาเปรียบ
และเหตุผลอีกหลายๆอย่าง ทำให้ตอนนี้เธอเองก็คิดว่ามันคงไม่เลวร้ายนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ตอนนี้ดาริอัสออกกฎหมายว่าสตรีสามารถขอหย่าหรือฟ้องหย่ากับบุรุษแล้วแต่งงานใหม่ได้
ทำให้บรรดาสนมในวังหลังต่างพากันยื่นเรื่องขอออกจากวังไปแต่งงานใหม่กันเสียยกใหญ่
เจ้าจักรพรรดิตัวดีนอกจากไม่ห้ามแล้วยังสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า
มองจากนอกโลกยังรู้ว่าเจ้าตัวคงต้องการโละวังหลังของตัวเองมาพักใหญ่แล้ว
ที่ออกกฎหมายเช่นนี้ก็เพื่อการนี้เช่นกัน
นั่นทำให้ตอนนี้วังหลังของดาริอัสมีสนมอยู่น้อยมากหากเทียบกับเมื่อก่อน
พวกที่ยังอยู่ส่วนมากก็เป็นพวกอยากอยู่ใช้เงินไปวันๆในวัง ไม่ได้หวังความโปรดปราน
หวังเพียงความสบาย
เออ
เพราะแบบนั้นแหละ ยิ่งสนมในวังหลังน้อย งานของจักรพรรดินีและราชินีลำดับที่ 1
ก็จะลดน้อยลงไปด้วย ตอนรู้ข่าวเธอกับเอลายน์ดีใจจนแทบจัดปาร์ตี้ฉลองกันค่อนคืน
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดาริอัสกับเธอ
แน่นอนว่ามันดีขึ้นมาก
หมอนั่นเป็นเพื่อนที่ดี
(ก็บอกเธอไม่ได้ชอบ! แค่เพื่อน!! แค่เพื่อน!!!)
“เรื่องที่ฝ่าบาทจะแต่งตั้งเจ้า..”
จูเลียนที่กำลังเดินไปห้องทรงงานขององค์จักรพรรดิเป็นเพื่อนกระซิบถามเสียงเบาพลางเหลือบมองนางกำนัลและข้าหลวงที่เดินสวนกันไปมาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
เด็กสาวไหวไหล่
“ไม่รู้สิ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก”
“ข้าควรดีใจสินะ
เพื่อนคนนึงเป็นดยุค อีกคนกำลังจะเป็นจักรพรรดินี”
“ข้าไม่ได้อยากเป็นซักหน่อย”
แต่โดนจักรพรรดิบ้านั่นรบเร้ามากๆจนรำคาญต่างหาก!
“เมื่อสัปดาห์ก่อนเจ้าไปเยี่ยมยูทารอธมานี่ เขาเป็นไงบ้าง สบายดีใช่มั้ย”
“ก็สบายดี
ทำงานเหมือนเดิม ได้คุยกันแทบนับคำได้” จูเลียนว่า
“ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้เห็นภาพคนอย่างหมอนั่นโหมทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย
บอกตามตรง เห็นกี่ทีก็ไม่ชินเลยจริงๆ”
หญิงสาวฟังเงียบๆโดยไม่แสดงความคิดเห็นอะไร
ด้วยตำแหน่งดยุค— มันก็ไม่แปลกที่หมอนั่นจะโหมงานตัวเป็นเกลียว
แต่นั่นก็ทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้ หลังจากท่านลุงเอลิกอสจากไป
ยูทารอธก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย
เหมือนกับคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
เพียงครู่เดียวพวกเขาก็เดินมาถึงหน้าห้องทำงานของดาริอัส
นางกำนัลสองคนที่เห็นเธอและจูเลียนต่างรุดมาต้อนรับ
“ข้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
ทั้งสองมองหน้ากัน สีหน้าซีดเผือดไร้เลือด
“เอ่อ
คือว่า..”
“เกิดอะไรขึ้น”
“องค์จักรพรรดิเสด็จออกไปข้างนอกตั้งแต่ช่วงสาย
ตอนนี้ยังไม่กลับเพคะ”
ช่วงสาย?
เทนทาเนียขมวดคิ้ว
มองไปยังท้องฟ้าผ่านบานหน้าต่าง
นี่มันก็ยามบ่ายเกือบเย็นเข้าไปแล้ว..คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่มั้ย? พอคิดไปเช่นนั้น
ก็ดันเผลอนึกไปถึงสีหน้ากวนประสาทอวดดีเวลาบอกว่าตัวเองเก่งกาจแค่ไหนของอีกฝ่าย
อืม
ช่างหัวหมอนั่นแล้วกัน
ภายในเมืองเต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง
รถม้ามากมายเคลื่อนไปตามถนนไม่ขาดสาย ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายเล็กๆ
ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มในชุดสีทึบจากผ้าแพรเนื้อดีย่างเท้าไปตามทางเดินอย่างไม่เร่งรีบนัก
ดวงเนตรสีดำขลับลึกล้ำราวไข่มุกจากใต้สมุทรสอดส่องไปตามร้านค้าตลอดเส้นทาง
ข้างกายมีขุนนางคนสนิทอย่างโจนาห์เดินอยู่ไม่ห่างนัก
“ฝ่าบาท
ยังเลือกร้านไม่ได้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ” โจนาห์ถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายระคนระอา
นึกทึ่งที่ชายผู้เป็นนายเหนือหัวตรงหน้ายังสามารถเดินไปได้เรื่อยๆโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
นี่จะเย็นอยู่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!
“ข้าไม่รู้จะเลือกอะไรให้นาง”
ดาริอัสตอบ น้ำเสียงเคร่งขรึมอย่างคิดหนัก
“วันเกิดนางครั้งที่ผ่านมาท่านไม่เห็นจะคิดมากเช่นนี้”
“ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้าคิดก็หุบปากไป”
โจนาห์กุมขมับ
“ครั้งนี้ข้าอยากให้นางประหลาดใจ
อีกอย่าง— ไม่ปีนี้ก็ปีหน้าข้าจะแต่งตั้งนางเป็นจักรพรรดินีแล้ว
ของขวัญครั้งนี้ก็ต้องพิเศษกว่าครั้งอื่นๆ”
“ไข่มุกดำจากทะเลดำที่สิบปีจะมีกำเนิดขึ้นมาซักครั้ง
สวนพฤกษาที่ถูกตกแต่งดูแลจนงดงาม วังตากอากาศในเมืองโรเซเลีย
ทั้งหมดนี่ยังไม่พิเศษอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ดาริอัสแสร้งมองไปทางอื่นทำเป็นไม่ได้ยิน
ในใจก็รู้ดีว่าของขวัญวันเกิดที่ตนมอบให้เทนทาเนียตลอด 3
ปีที่ผ่านมาก็พิเศษจนแทบไม่มีอะไรเทียบได้แล้ว แต่เพราะแบบนั้น—
ตอนนี้เขาถึงได้ตันเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าควรจะให้อะไรดี ยังมีอะไรพิเศษกว่าวังตากอากาศอีกมั้ยนะ
“ข้าก็พอเข้าใจว่าท่านเข้ามาในเมืองเพราะอยากหาแรงบันดาลใจในการคิดหาของขวัญให้ท่านเทนทาเนีย
แต่ฝ่าบาท ท่านควรกลับวังได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาน่า ขอเวลาอีกหน่อย ไม่นานหรอก”
ดาริอัสว่าก่อนเดินนำคนสนิทข้างกายเข้าไปในร้านเครื่องประดับที่ดูเพียงป้ายก็พอรู้ว่าคงต้องมีราคาสูงลิ่ว
แน่นอนว่ามันคงไม่ระคายขนหน้าแข้งของเขาหรอก
สำหรับเขาเครื่องประดับเหล่านี้ยังธรรมดาไปเสียด้วยซ้ำ
ที่เข้ามาก็เพื่อหาแรงบันดาลใจเท่านั้น
ทันทีที่เข้ามา
เพียงแค่ให้โจนาห์ชูป้ายว่าเป็นราชนิกุลพนักงานในร้านก็กุลีกุจอกันจัดที่นั่งที่ดีที่สุดให้เสียยกใหญ่
ร้อนถึงบุรุษร่างโปร่งวัยกลางคนเจ้าของร้านที่ต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเองด้วยสีหน้ายินดียิ่ง
มือเหี่ยวย่นถูไปมาเหมือนคนกำลังประหม่า
“ยินดีต้อนรับขอรับท่านชาย”
หากมีป้ายราชนิกุล
คิดว่าหากไม่ใช่องค์ชายลำดับที่ 2 องค์ชายเจเรเมียที่ร่ำลือกัน
ก็คงเป็นหนึ่งในเครือญาติขององค์จักรพรรดิกระมั้ง
เพราะไม่มีทางที่องค์จักรพรรดิจะมาเยือนที่แบบนี้ด้วยตัวเองเป็นแน่ ชายเจ้าของร้านคิดในใจโดยหารู้ไม่ว่าชายตรงหน้าตนนั่นแหละจักรพรรดิที่ว่า
“ข้าต้องการดูสินค้าทั้งหมดของเจ้าได้มั้ย”
“ได้อยู่แล้วขอรับ ตามที่ท่านชายต้องการเลย”
ชายวัยกลางคนตอบอย่างประจบสอพลอ
โดยไม่ลืมสั่งให้ผู้ช่วยทั้งหมดจัดเรียงเครื่องประดับที่ตนภูมิใจนักหนาไว้ในตู้กระจกอย่างงดงาม
เพียงครู่เดียวเครื่องประดับเพชรพลอยมากมายก็ปรากฏแก่สายตา
ดาริอัสและโจนาห์มองมันอย่างพินิจ
ทำให้ไม่ทันสังเกตว่ามีสตรีร่างเล็กผู้หนึ่งเดินเข้ามาในร้านและกำลังมองเครื่องประดับเหล่านั้นด้วยสายตาเป็นประกาย
“ว้าว สวยจังเลย!” เสียงหวานที่ดังขึ้นไม่ไกลนักเรียกความสนใจของชายหนุ่มทั้งสองจากชุดเครื่องประดับตรงหน้าได้ไม่ยาก
ผู้ที่รีบรุดเข้ามาจดจ้องเครื่องประดับเหล่านั้นโดยไม่สนใจเสียงห้ามของพนักงานในร้านเป็นเด็กสาวร่างบางวัยประมาณ
16-17 ใบหน้ารูปไข่ดูอ่อนหวานน่ารัก ดวงตากลมสีฟ้าอัญมณีรับกับผิวขาวเนียนละเอียดและผมสีบลอนด์ทองยาวถึงกลางหลัง
ชุดที่สวมใส่แม้เรียบง่ายแต่กลับทำให้เจ้าตัวดูน่าทะนุถนอมราวกับตุ๊กตา
หากเทนทาเนียมีใบหน้างดงามดูสง่าสมเป็นชนชั้นสูงแล้วล่ะก็
เด็กสาวตรงหน้าก็ดูน่ารักสดใสสมวัย
ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าเป็นใคร” โจนาห์ชักดาบมาขวางเอาไว้
เด็กสาวแปลกหน้าสะดุ้งจนตัวโยน
ช้อนตาขึ้นมองร่างสูงของขุนนางหนุ่มด้วยสีหน้าซีดเผือด
ดาริอัสที่เห็นดังนั้นจึงยกมือขึ้นปรามให้คนสนิทเก็บดาบเข้าฝักตามเดิม
“ข ข้าแค่สนใจเครื่องประดับเหล่านั้นค่ะ”
เด็กสาวแปลกหน้าว่าด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เธอแค่คิดว่ามันสวยดีเลยอยากเข้าไปดูใกล้ๆ
ใครจะคิดว่าชายรูปหล่อแต่น่ากลัวคนนี้จะชักดาบมาขวางไว้กันเล่า!
ดาริอัสมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ดูอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนโง่ไม่รู้ความ แม้จะไม่ค่อยรู้จักมารยาทไปบ้าง
แต่ดูจากการแต่งกายก็คงไม่ใช่แค่ชาวบ้านธรรมดา คงเป็นบุตรีของขุนนางระดับล่างซักตระกูล
ร่างบางขยับเข้าไปดูเครื่องประดับในตู้กระจกด้วยดวงตาเป็นประกาย
ชายเจ้าของร้านก็ไม่กล้าห้ามเนื่องจากราชนิกุลหนุ่มตรงหน้าทำเพียงกอดอกมองนิ่งๆไม่คิดต่อว่า
ดวงตาสีฟ้าสดใสเปล่งประกายยามคิดอะไรขึ้นมาได้ เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองดาริอัส
“ท่านจะหาของขวัญให้คนรักของท่านใช่มั้ยคะ!”
“ก็ใช่” ดาริอัสพยักหน้ารับ
“เครื่องประดับเหล่านี้ทั้งสวยงามและราคาแพง เลดี้คนรักของท่านต้องดีใจมากแน่ๆ”
ชายหนุ่มหลุบตามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าอ่านยาก
“แต่ว่า..”
“มีอะไร?”
“ถ้าเครื่องประดับนั้นท่านช่วยออกแบบด้วยความใส่ใจ
นางต้องดีใจยิ่งขึ้นอีกแน่ๆ”
คำพูดของเด็กสาวจุดประกายความคิดบางอย่างให้ดาริอัส
ดวงเนตรสีดำขลับของจักรพรรดิหนุ่มดูล้ำลึกขึ้นชั่วครู่คล้ายกำลังครุ่นคิด
หากเขาออกแบบเครื่องประดับที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกให้กับนาง
เครื่องประดับที่เหมาะกับนางเพียงคนเดียวเท่านั้น หากเป็นแบบนั้น..
“ขอบใจเจ้ามาก”
“อ
เอ๋”
ไม่รอให้เด็กสาวแปลกหน้าต่อบทสนทนาอะไรอีก
ร่างสูงรีบเรียกเจ้าของร้านไปคุยอีกด้านหนึ่งเพื่อบอกรายละเอียดของเครื่องประดับที่เขาต้องการให้อีกฝ่ายช่วยทำให้
“ข้าจะส่งแบบมาให้ภายหลัง
ถึงตอนนั้นเจ้าช่วยทำออกมาให้ดีที่สุด
ข้ารู้ว่าในเมืองหลวงไม่มีร้านเครื่องประดับใดสู้ร้านเจ้าได้
เพราะงั้นต้องขอบอกว่าข้าคาดหวังเป็นอย่างมาก”
“แล้ว..”
“ข้าไม่เกี่ยงเรื่องราคา”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
ดาริอัสหันไปคุยกับโจนาห์อีกไม่กี่คำก่อนหุนหันออกจากร้านไป เด็กสาวร่างเล็กที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในร้านขมวดคิ้วมุ่น
ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสมองตามไปอย่างงุนงง
“แล้วคุณหนูท่านนี้..”
เธอกะพริบตาปริบๆก่อนยิ้มหวานตอบชายเจ้าของร้าน
“ข้าจะซื้อของขวัญให้ท่านแม่น่ะค่ะ ไม่ต้องแพงนักหรอก”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
เด็กสาวทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟารับรอง
แกว่งขาไปมาพลางมองสำรวจไปรอบๆร้านคล้ายไม่รู้จะทำอะไรดี
ร้อนถึงแม่นมผู้ติดตามที่ต้องย่อตัวกระซิบเพื่อบอกให้สำรวม
“คุณหนูลอเรนน่า
สำรวมหน่อยสิคะ”
“ข้ารู้แล้วน่าแม่นม”
“แล้วเรื่องของท่านชายคนเมื่อครู่..”
แม่นมวัยชรามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย
“เขาก็หล่อดี
แต่ข้าไม่ได้สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆพรรค์นั้นซักหน่อยนี่นา!” เด็กสาวกล่าวอย่างสดใส “แต่ก็น่าอิจฉาจังเลยน๊า
มีคนรักที่เอาใจใส่ขนาดนี้”
“นั่นสินะคะ”
เทนทาเนียยืนกอดอก
ดวงเนตรสีเขียวมรกตสะท้อนภาพของดาริอัสที่ขีดเขียนอะไรซักอย่างลงในกระดาษด้วยสีหน้าจริงจังแบบที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน
บอกให้เธอเข้ามาอยู่ในห้อง แต่กลับไม่ให้เข้าไปดูกระดาษใบนั้นใกล้ๆ หากเขาบอกให้เธออยู่นิ่งๆซักหน่อย
เธอคงคิดว่าเขากำลังแสร้งทำตัวเป็นจิตรกรวาดภาพเธออยู่แน่ๆ
เธอเท้าคางกับเก้าอี้
มองภาพนั้นด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“นี่มันก็เกือบ
3 ชั่วโมงแล้วนะที่นายให้ฉันเข้ามานั่งๆนอนๆในห้องนาย มันน่าเบื่อ ไม่รู้รึไง”
ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษบนโต๊ะก่อนตีหน้าตาย
“อีกนิดเดียวแล้ว รอหน่อยสิ”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่
หยิบงานเอกสารที่ให้ซาเนียเอามาให้เมื่อครู่ขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา หมอนั่นพูดว่าอีกนิดเดียวมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว
ดูท่า— คงอีกนานพอควร
“รายงานจากวิหารศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ..”
เทนทาเนียพึมพำ มองกระดาษสีขาวสะอาดที่มีกรอบสีทองและสัญลักษณ์ของวิหารศักดิ์ตรงมุมขวาด้วยสายตาอ่านยาก
เห็นแล้วก็พาลนึกไปถึงคำขอพรในวันนั้น— ขอให้ไม่ได้เป็นสนม
ก็ดันได้ตำแหน่งราชินีมาแทน
ช่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆ! (ประชด!)
“ปกติทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่ยุ่งกับราชวงศ์นี่”
เธอขมวดคิ้วมุ่น พลางนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้มาตลอด 3 ปี วิหารศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่กระจายตัวอยู่ทั่วจักรวรรดิเพื่อเผยแผ่ศาสนาและยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญต่างๆ
เช่น พิธีราชาภิเษก หรือแม้แต่พิธีแต่งตั้งจักรพรรดินี
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
ทางวิหารไม่เคยคิดติดต่อราชวงศ์เป็นการส่วนตัวมาก่อน เรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบได้รับผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น
ราชวงศ์ให้อิสระแก่ทางวิหาร ส่วนทางวิหารก็เกื้อหนุนราชวงศ์ อาจจะไม่ได้เป็นศัตรูอะไร
แต่ก็ไม่ได้เป็นมิตรถึงขั้นจะติดต่อกันโดยตรงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำร้องหรือการติดต่อขอความช่วยเหลือ
แต่นี่..ทางวิหารกำลังขอให้ทางราชวงศ์ช่วยสืบสวนเรื่องการตายของท่านดยุคและท่านดัสเชสแห่งไอโซไลน์คนก่อน
รวมถึงการตายของท่านดยุคตระกูลเรดคลิฟคนก่อนด้วย
เดิมทีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างทางวิหารและราชวงศ์ก็คือตระกูลเลย์ลาเบล
ซึ่งเป็นตระกูลที่คอยเป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของจักรวรรดิ
แน่นอนว่าแม้แต่จักรพรรดิเองก็ไม่มีสิทธิแก้ไขมัน ทางวิหารควรขอร้องผ่านตระกูลเลย์ลาเบลสิถึงจะถูก
เดี๋ยวนะ
เลย์ลาเบล?
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง
ที่ผ่านมาเธอไม่เคยสังเกตมาก่อน ทว่าเมื่อลองคิดดูดีๆ
เลย์ลาเบล..เธอคุ้นๆชื่อนี้อย่างน่าประหลาด
“เหม่ออะไรน่ะ”
“ทางวิหารส่งคำขอให้สืบสวนเรื่องการเสียชีวิตของพ่อแม่ฉัน
รวมถึงการตายของท่านลุงเอลิกอสด้วย” ดาริอัสดูตกใจไม่น้อย “ทางวิหารเนี่ยนะ? เธออ่านผิดรึเปล่า”
เทนทาเนียกลอกตา
ยื่นเอกสารในมือให้คนที่รีบรุดผละออกจากกระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะมารับไว้ และไม่ผิดจากที่เธอคิดไว้นัก
ดาริอัสอ่านมันเพียงครู่เดียวก็ทำหน้าเหมือนเห็นโลกกำลังจะแตกต่อหน้าต่อตา
ดูเจ้าตัวจะประหลาดใจยิ่งกว่าเธอเสียอีก
“นี่..”
เทนทาเนียดึงแขนเสื้อของคนตัวสูงกว่า “ไม่คิดว่าชื่อตระกูลเลย์ลาเบลมันคุ้นๆบ้างเหรอ”
“ก็ตระกูลที่ทำหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิไม่ใช่รึไ—
เดี๋ยวนะ”
“ใช่มั้ยล่ะ
ฉันรู้สึกเหมือนมันติดอยู่ที่หัว แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินหรือเคยเห็นจากที่ไหน”
ดาริอัสมีสีหน้าครุ่นคิดเพียงครู่เดียวเท่านั้น
ใบหน้าหล่อคมเหลือบมองกระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะทำงานที่ตัวเองออกแบบเครื่องประดับทิ้งไว้
ก่อนเดินดุ่มๆไปเก็บมันเข้าลิ้นชักอย่างเร่งรีบท่ามกลางสายตาสงสัยของหญิงสาวอีกคนภายในห้อง
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน
แต่เรื่องพ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ส่วนท่านดยุคแห่งเมลวาสคนก่อนก็เสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว
ทำไมทางวิหารถึงอยากให้สืบสวนกัน ถ้าเป็นเรื่องที่เธอถูกทำร้ายเมื่อ 3
ปีก่อนก็ว่าไปอย่าง”
“พวกเขาสงสัยว่ามีเบื้องหลังงั้นเหรอ
แต่ว่าเรื่องนี้มัน..”
เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ
กับเสียชีวิตเพราะโรคภัยรุมเร้า— คนพวกนั้นเอาอะไรมาเชื่อมโยงกันนะ
ไม่สิ
ราชวงศ์กับวิหารไม่น่าเป็นมิตรกันถึงขั้นไว้ใจขอความช่วยเหลือนี่
แบบนี้มันหมายความว่า
“ทางวิหารไม่ไว้ใจตระกูลเลย์ลาเบล”
เธอพึมพำ คนตัวสูงที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆพลางพาดแขนของตัวเองไว้บนไหล่แคบของเธออย่างถือวิสาสะหัวเราะเสียงเบา
“ดูเหมือนเรื่องนี้จะน่าสนใจกว่าที่คิดสินะ”
เทนทาเนียชักสีหน้า
“ช่วยเอาแขนออกไปจากไหล่ฉันด้วย พ่อจักรพรรดิ มันหนัก!”
“แค่นี้ก็ต้องบ่น”
ดาริอัสบ่นอุบ ก่อนเปลี่ยนมายกยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจ ดีดหน้าผากเธอทีหนึ่งแล้วเบี่ยงตัวหลบเมื่อเธอทำท่าจะปล่อยหมัดใส่
“ราชินีผู้เพียบพร้อมจะต่อยสามีตัวเองไม่ได้นะ”
“ใครเป็นภรรยานายกัน!” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นสีหน้าง้ำงอของหญิงสาว
ดาริอัสยีศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีดำขลับพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู
บางทีเทนทาเนียก็เป็นแบบนี้— ชอบทำตัวน่าเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของอัศวินหนุ่มที่ชะโงกหน้าเข้ามาในห้องโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต
คิดว่าเจ้าตัวคงเคาะมานานพอสมควรแต่ไม่เห็นใครเอ่ยปากอนุญาตซักที เลยถือวิสาสะเปิดเข้ามาเองเสียเลย
และนั่นคือความคิดที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
เมื่อภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือภาพขององค์จักรพรรดิที่กำลังยีศีรษะราชินีลำดับที่ 4
ด้วยสายตารักใคร่
อย่างน้อยชายหนุ่มก็คิดว่ามันเป็นสายตารักใคร่ระคนเอ็นดู
ลูคัส เพอร์ลาเกีย กระแอมสองสามครั้งเพื่อให้ทั้งคู่รู้ตัวเสียทีว่าในห้องนี้มีบุคคลที่สามอย่างเขาเข้ามาแล้ว
“ขออภัยที่มาขัดจังหวะสวีทหวานพ่ะย่ะค่ะ”
คนทั้งสองชะงักก่อนผละออกจากกันราวโดนของร้อน
เทนทาเนียเสมองไปทางอื่น ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ ในขณะเดียวกันดาริอัสเองก็แสร้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“มีเรื่องอะไร”
ลูคัสเป็นหัวหน้าอัศวินกองที่ 3 ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของเทนทาเนีย
เนื่องจากดาริอัสมอบอัศวินทั้งกองให้มารับใช้และคอยปกป้องคุ้มครองเทนทาเนียหลังจากเหตุการณ์การถูกมารีแอนน์ลอบทำร้ายเมื่อ
3 ปีก่อน ซึ่งเทนทาเนียก็พึ่งมานึกออกเอาทีหลังว่าลูคัสเองก็มีบทบาทในนวนิยายด้วยเช่นกัน
โดยเป็นอัศวินที่ภักดีของเทนทาเนียซึ่งเสียชีวิตจากการปกป้องบุตรชายของเธอ
โอเค ช่างเรื่องนั้นมันก่อน
ชายร่างสูงกำยำแบบอัศวินค้อมศีรษะลงเล็กน้อย “ท่านบารอนแห่งรูเบตต้ามาขอพบพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
รูเบตต้า?
“เข้ามาได้” ดาริอัสว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองคล้ายเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เทนทาเนียเองเมื่อเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างดาริอัสเพื่อรอพบผู้มาใหม่
ลูคัสค้อมศีรษะลงอีกครั้งก่อนขอตัวออกจากห้องไป ผู้ที่เข้ามาไม่ได้มีเพียงหนึ่ง— แต่กลับมีถึงสาม
พวกเขาเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของดาริอัสด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
เทนทาเนียไล่สายตามองตั้งแต่ชายคนแรกซึ่งเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด คนๆนี้น่าจะเป็นบารอนแห่งรูเบตต้าที่ว่า
ส่วนชายอีกคนเป็นบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงผู้มีใบหน้าหล่อเหลาดูใจดีรับกับผมสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบเรียกได้ว่าน้ำตาลซีดกับดวงตาสีฟ้าใส
และผู้ที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายคือเด็กสาวคนหนึ่ง..
หัวใจของเทนทาเนียกระตุกวูบ
ร่างกายชาวาบไปทุกสัดส่วน
ภาพของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองสว่างไสวและดวงเนตรสีฟ้าราวอัญมณีที่มักเปล่งประกายเสมอในความทรงจำผุดเข้ามาในห้วงความคิด
มือเรียวทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อ ใบหน้างามซีดเผือดไร้เลือด
หวาดกลัว
โกรธ เกลียดชัง รักใคร่ เอ็นดู เสียใจ..
ความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันจนแทบแยกไม่ออก
หัวใจคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดจนปวดหนึบ
ลมหายใจติดขัด สายตาพร่ามัว
ผู้หญิงคนนี้
“กระหม่อมออกัสทัส
เอฟเนอร์ ขอถวายพระพรองค์จักรพรรดิและราชินีลำดับที่ 4 แห่งจักรวรรดิอันทรงเกียรติพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงเนตรสีดำขลับของดาริอัสเบิกกว้าง
“เอฟเนอร์..”
เขาหันไปมองเทนทาเนียชั่วครู่ ก่อนกลับมามองผู้มาเยือนทั้งสาม
ดวงเนตรสะท้อนภาพของเด็กสาวผมทองในชุดสีฟ้าอ่อนแบบสุภาพซึ่งยืนอยู่ท้ายสุด “งั้นนี่ก็..”
“บุตรชายและบุตรสาวของกระหม่อม
คอร์นีเลียส เอฟเนอร์ และ ลอเรนน่า เอฟเนอร์ พ่ะย่ะค่ะ”
-----|-----|-----|-----|-----|-----
แกว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง
ชั้นน่ะ พยายามเต็มทีแล้วว
ตอนที่แล้วโผล่มาแบบไม่เป็นทางการ
แต่ตอนนี้เป็นทางการแล้วนะคะ ลอเรนน่า เอฟเนอร์! ชื่อนี้ทุกคนคงจำกันได้
เหลืออีก 10 ตอนจบ
เราจะพยายามฮึบให้ถึงที่สุดค่ะ (ฮา)
ถ้าฟิคสนุก ถูกใจ ก็วานบอกต่อ
คอมเม้น หรือไปพูดคุยกันในแท็กเป็นกำลังใจเร้กๆ (?) ให้เราได้นะคะ
รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ!
ปล.พยายามตรวจคำผิดแล้วนะ แต่อาจเบลอๆนิดนึง ถ้าเจอก็ทักได้นะคะ ;-;
#เทนทาเนียdt
ความคิดเห็น