ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) Tentania the Empress | doten

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 16 – Lady Lorenna Avner

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.37K
      334
      14 พ.ค. 63

     

    Chapter 16 – Lady Lorenna Avner

     

                เวลา 3 ปีนั้นผ่านไปไวแค่ไหน มันไวพอที่จะทำให้สายตาของเธอยามมองดาริอัสเปลี่ยนไปรึเปล่า หรือมันนานพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มคนนั้น— เจเรเมียเติบโตเป็นเด็กหนุ่มรูปงามที่หญิงสาวทั่วทั้งจักรวรรดิหมายปอง

                เธอไม่รู้หรอก สำหรับเธอ..ช่วงเวลาสามปีนั้นไม่ได้มากอะไรเลย

                ทว่ากลับมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย หลังจากการเสียชีวิตของบิดาและมารดาเมื่อ 3 ปีก่อน อะเมทิสต์ซึ่งเป็นบุตรคนโตก็ได้รับสืบทอดตำแหน่งดยุคแห่งไอโซไลน์แทนบิดา นั่นทำให้เจ้าตัวไม่สามารถปลีกตัวมาที่เมืองหลวงได้บ่อยเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว เฮนเดอริกก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับทั้งในหมู่ประชาชนทั่วไปและชนชั้นสูงทำให้เจ้าตัวต้องวิ่งวุ่นทำงานเสียจนมือไม้แทบไม่เคยว่าง

    ท่านลุงเอลิกอส— พ่อของยูทารอธเองก็พึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ยูทารอธที่ต้องรับตำแหน่งดยุคกะทันหันจึงแทบไม่ได้โผล่หน้ามาให้เธอเห็นเลยเช่นกัน

    ตอนนี้คนที่พอโผล่มาให้เธอเห็นหน้าได้บ่อยๆจึงมีเพียงจูเลียนและวาเลนไทน์ แน่นอนว่าคนหลังนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปตีซี้ด้วยหรืออะไร แต่พอเจอหน้ากันบ่อยครั้งเข้าก็สนิทกันในระดับหนึ่ง

    สถานการณ์ในเวลานี้เปลี่ยนไปมาก ผู้คนมากมายที่เคยสนับสนุนเอลายน์ในการขึ้นเป็นจักรพรรดินีหันมาสนับสนุนเธอแทนหลังจากที่พบว่าเอลายน์ดูเฉยชาและไม่ได้สนใจตำแหน่งที่ว่านั่นเลยแม้แต่น้อย

    เดิมทีเทนทาเนียไม่ได้ต้องการตำแหน่งจักรพรรดินีอะไรนี่เลยซักนิด

    แต่เจ้าบ้านั่นกลับพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมให้เธอรับให้ได้ ประกอบกับการถูกแต่งตั้งเป็นจักรพรรดินีก็เป็นการสร้างความมั่นคงให้ตระกูลวินเทอร์ฮาร์ทไม่ให้ถูกเอาเปรียบ และเหตุผลอีกหลายๆอย่าง ทำให้ตอนนี้เธอเองก็คิดว่ามันคงไม่เลวร้ายนัก

                โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้ดาริอัสออกกฎหมายว่าสตรีสามารถขอหย่าหรือฟ้องหย่ากับบุรุษแล้วแต่งงานใหม่ได้ ทำให้บรรดาสนมในวังหลังต่างพากันยื่นเรื่องขอออกจากวังไปแต่งงานใหม่กันเสียยกใหญ่ เจ้าจักรพรรดิตัวดีนอกจากไม่ห้ามแล้วยังสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า มองจากนอกโลกยังรู้ว่าเจ้าตัวคงต้องการโละวังหลังของตัวเองมาพักใหญ่แล้ว ที่ออกกฎหมายเช่นนี้ก็เพื่อการนี้เช่นกัน

                นั่นทำให้ตอนนี้วังหลังของดาริอัสมีสนมอยู่น้อยมากหากเทียบกับเมื่อก่อน พวกที่ยังอยู่ส่วนมากก็เป็นพวกอยากอยู่ใช้เงินไปวันๆในวัง ไม่ได้หวังความโปรดปราน หวังเพียงความสบาย

                เออ เพราะแบบนั้นแหละ ยิ่งสนมในวังหลังน้อย งานของจักรพรรดินีและราชินีลำดับที่ 1 ก็จะลดน้อยลงไปด้วย ตอนรู้ข่าวเธอกับเอลายน์ดีใจจนแทบจัดปาร์ตี้ฉลองกันค่อนคืน

                ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดาริอัสกับเธอ

              แน่นอนว่ามันดีขึ้นมาก

                หมอนั่นเป็นเพื่อนที่ดี

                (ก็บอกเธอไม่ได้ชอบ! แค่เพื่อน!! แค่เพื่อน!!!)

                “เรื่องที่ฝ่าบาทจะแต่งตั้งเจ้า..” จูเลียนที่กำลังเดินไปห้องทรงงานขององค์จักรพรรดิเป็นเพื่อนกระซิบถามเสียงเบาพลางเหลือบมองนางกำนัลและข้าหลวงที่เดินสวนกันไปมาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

                เด็กสาวไหวไหล่ “ไม่รู้สิ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก”

                “ข้าควรดีใจสินะ เพื่อนคนนึงเป็นดยุค อีกคนกำลังจะเป็นจักรพรรดินี”

                “ข้าไม่ได้อยากเป็นซักหน่อย” แต่โดนจักรพรรดิบ้านั่นรบเร้ามากๆจนรำคาญต่างหาก!

                “เมื่อสัปดาห์ก่อนเจ้าไปเยี่ยมยูทารอธมานี่ เขาเป็นไงบ้าง สบายดีใช่มั้ย”

                “ก็สบายดี ทำงานเหมือนเดิม ได้คุยกันแทบนับคำได้” จูเลียนว่า “ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้เห็นภาพคนอย่างหมอนั่นโหมทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย บอกตามตรง เห็นกี่ทีก็ไม่ชินเลยจริงๆ” 

                หญิงสาวฟังเงียบๆโดยไม่แสดงความคิดเห็นอะไร ด้วยตำแหน่งดยุค— มันก็ไม่แปลกที่หมอนั่นจะโหมงานตัวเป็นเกลียว แต่นั่นก็ทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้ หลังจากท่านลุงเอลิกอสจากไป ยูทารอธก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย

                เหมือนกับคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา

                เพียงครู่เดียวพวกเขาก็เดินมาถึงหน้าห้องทำงานของดาริอัส นางกำนัลสองคนที่เห็นเธอและจูเลียนต่างรุดมาต้อนรับ

                “ข้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาท” ทั้งสองมองหน้ากัน สีหน้าซีดเผือดไร้เลือด

                “เอ่อ คือว่า..”

                “เกิดอะไรขึ้น”

                “องค์จักรพรรดิเสด็จออกไปข้างนอกตั้งแต่ช่วงสาย ตอนนี้ยังไม่กลับเพคะ”

              ช่วงสาย?

                เทนทาเนียขมวดคิ้ว มองไปยังท้องฟ้าผ่านบานหน้าต่าง นี่มันก็ยามบ่ายเกือบเย็นเข้าไปแล้ว..คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่มั้ย? พอคิดไปเช่นนั้น ก็ดันเผลอนึกไปถึงสีหน้ากวนประสาทอวดดีเวลาบอกว่าตัวเองเก่งกาจแค่ไหนของอีกฝ่าย

              อืม ช่างหัวหมอนั่นแล้วกัน

     


                ภายในเมืองเต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง รถม้ามากมายเคลื่อนไปตามถนนไม่ขาดสาย ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายเล็กๆ ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มในชุดสีทึบจากผ้าแพรเนื้อดีย่างเท้าไปตามทางเดินอย่างไม่เร่งรีบนัก ดวงเนตรสีดำขลับลึกล้ำราวไข่มุกจากใต้สมุทรสอดส่องไปตามร้านค้าตลอดเส้นทาง ข้างกายมีขุนนางคนสนิทอย่างโจนาห์เดินอยู่ไม่ห่างนัก

                “ฝ่าบาท ยังเลือกร้านไม่ได้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ” โจนาห์ถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายระคนระอา นึกทึ่งที่ชายผู้เป็นนายเหนือหัวตรงหน้ายังสามารถเดินไปได้เรื่อยๆโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

              นี่จะเย็นอยู่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!

                “ข้าไม่รู้จะเลือกอะไรให้นาง” ดาริอัสตอบ น้ำเสียงเคร่งขรึมอย่างคิดหนัก

                “วันเกิดนางครั้งที่ผ่านมาท่านไม่เห็นจะคิดมากเช่นนี้”

                “ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้าคิดก็หุบปากไป”

                โจนาห์กุมขมับ

                “ครั้งนี้ข้าอยากให้นางประหลาดใจ อีกอย่าง— ไม่ปีนี้ก็ปีหน้าข้าจะแต่งตั้งนางเป็นจักรพรรดินีแล้ว ของขวัญครั้งนี้ก็ต้องพิเศษกว่าครั้งอื่นๆ”

                “ไข่มุกดำจากทะเลดำที่สิบปีจะมีกำเนิดขึ้นมาซักครั้ง สวนพฤกษาที่ถูกตกแต่งดูแลจนงดงาม วังตากอากาศในเมืองโรเซเลีย ทั้งหมดนี่ยังไม่พิเศษอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

                ดาริอัสแสร้งมองไปทางอื่นทำเป็นไม่ได้ยิน ในใจก็รู้ดีว่าของขวัญวันเกิดที่ตนมอบให้เทนทาเนียตลอด 3 ปีที่ผ่านมาก็พิเศษจนแทบไม่มีอะไรเทียบได้แล้ว แต่เพราะแบบนั้น— ตอนนี้เขาถึงได้ตันเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าควรจะให้อะไรดี ยังมีอะไรพิเศษกว่าวังตากอากาศอีกมั้ยนะ

                “ข้าก็พอเข้าใจว่าท่านเข้ามาในเมืองเพราะอยากหาแรงบันดาลใจในการคิดหาของขวัญให้ท่านเทนทาเนีย แต่ฝ่าบาท ท่านควรกลับวังได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

    “เอาน่า ขอเวลาอีกหน่อย ไม่นานหรอก” ดาริอัสว่าก่อนเดินนำคนสนิทข้างกายเข้าไปในร้านเครื่องประดับที่ดูเพียงป้ายก็พอรู้ว่าคงต้องมีราคาสูงลิ่ว แน่นอนว่ามันคงไม่ระคายขนหน้าแข้งของเขาหรอก สำหรับเขาเครื่องประดับเหล่านี้ยังธรรมดาไปเสียด้วยซ้ำ ที่เข้ามาก็เพื่อหาแรงบันดาลใจเท่านั้น

    ทันทีที่เข้ามา เพียงแค่ให้โจนาห์ชูป้ายว่าเป็นราชนิกุลพนักงานในร้านก็กุลีกุจอกันจัดที่นั่งที่ดีที่สุดให้เสียยกใหญ่ ร้อนถึงบุรุษร่างโปร่งวัยกลางคนเจ้าของร้านที่ต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเองด้วยสีหน้ายินดียิ่ง มือเหี่ยวย่นถูไปมาเหมือนคนกำลังประหม่า

    “ยินดีต้อนรับขอรับท่านชาย”

    หากมีป้ายราชนิกุล คิดว่าหากไม่ใช่องค์ชายลำดับที่ 2 องค์ชายเจเรเมียที่ร่ำลือกัน ก็คงเป็นหนึ่งในเครือญาติขององค์จักรพรรดิกระมั้ง เพราะไม่มีทางที่องค์จักรพรรดิจะมาเยือนที่แบบนี้ด้วยตัวเองเป็นแน่ ชายเจ้าของร้านคิดในใจโดยหารู้ไม่ว่าชายตรงหน้าตนนั่นแหละจักรพรรดิที่ว่า

    “ข้าต้องการดูสินค้าทั้งหมดของเจ้าได้มั้ย”

    “ได้อยู่แล้วขอรับ ตามที่ท่านชายต้องการเลย” ชายวัยกลางคนตอบอย่างประจบสอพลอ โดยไม่ลืมสั่งให้ผู้ช่วยทั้งหมดจัดเรียงเครื่องประดับที่ตนภูมิใจนักหนาไว้ในตู้กระจกอย่างงดงาม เพียงครู่เดียวเครื่องประดับเพชรพลอยมากมายก็ปรากฏแก่สายตา ดาริอัสและโจนาห์มองมันอย่างพินิจ ทำให้ไม่ทันสังเกตว่ามีสตรีร่างเล็กผู้หนึ่งเดินเข้ามาในร้านและกำลังมองเครื่องประดับเหล่านั้นด้วยสายตาเป็นประกาย

    “ว้าว สวยจังเลย!” เสียงหวานที่ดังขึ้นไม่ไกลนักเรียกความสนใจของชายหนุ่มทั้งสองจากชุดเครื่องประดับตรงหน้าได้ไม่ยาก ผู้ที่รีบรุดเข้ามาจดจ้องเครื่องประดับเหล่านั้นโดยไม่สนใจเสียงห้ามของพนักงานในร้านเป็นเด็กสาวร่างบางวัยประมาณ 16-17 ใบหน้ารูปไข่ดูอ่อนหวานน่ารัก ดวงตากลมสีฟ้าอัญมณีรับกับผิวขาวเนียนละเอียดและผมสีบลอนด์ทองยาวถึงกลางหลัง ชุดที่สวมใส่แม้เรียบง่ายแต่กลับทำให้เจ้าตัวดูน่าทะนุถนอมราวกับตุ๊กตา

    หากเทนทาเนียมีใบหน้างดงามดูสง่าสมเป็นชนชั้นสูงแล้วล่ะก็ เด็กสาวตรงหน้าก็ดูน่ารักสดใสสมวัย

    ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

    “เจ้าเป็นใคร” โจนาห์ชักดาบมาขวางเอาไว้ เด็กสาวแปลกหน้าสะดุ้งจนตัวโยน ช้อนตาขึ้นมองร่างสูงของขุนนางหนุ่มด้วยสีหน้าซีดเผือด ดาริอัสที่เห็นดังนั้นจึงยกมือขึ้นปรามให้คนสนิทเก็บดาบเข้าฝักตามเดิม

    “ข ข้าแค่สนใจเครื่องประดับเหล่านั้นค่ะ” เด็กสาวแปลกหน้าว่าด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เธอแค่คิดว่ามันสวยดีเลยอยากเข้าไปดูใกล้ๆ ใครจะคิดว่าชายรูปหล่อแต่น่ากลัวคนนี้จะชักดาบมาขวางไว้กันเล่า!

    ดาริอัสมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด ดูอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนโง่ไม่รู้ความ แม้จะไม่ค่อยรู้จักมารยาทไปบ้าง แต่ดูจากการแต่งกายก็คงไม่ใช่แค่ชาวบ้านธรรมดา คงเป็นบุตรีของขุนนางระดับล่างซักตระกูล

    ร่างบางขยับเข้าไปดูเครื่องประดับในตู้กระจกด้วยดวงตาเป็นประกาย ชายเจ้าของร้านก็ไม่กล้าห้ามเนื่องจากราชนิกุลหนุ่มตรงหน้าทำเพียงกอดอกมองนิ่งๆไม่คิดต่อว่า ดวงตาสีฟ้าสดใสเปล่งประกายยามคิดอะไรขึ้นมาได้ เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองดาริอัส

    “ท่านจะหาของขวัญให้คนรักของท่านใช่มั้ยคะ!

    “ก็ใช่” ดาริอัสพยักหน้ารับ “เครื่องประดับเหล่านี้ทั้งสวยงามและราคาแพง เลดี้คนรักของท่านต้องดีใจมากแน่ๆ”

    ชายหนุ่มหลุบตามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าอ่านยาก

                “แต่ว่า..”

                “มีอะไร?

                “ถ้าเครื่องประดับนั้นท่านช่วยออกแบบด้วยความใส่ใจ นางต้องดีใจยิ่งขึ้นอีกแน่ๆ”

                 คำพูดของเด็กสาวจุดประกายความคิดบางอย่างให้ดาริอัส ดวงเนตรสีดำขลับของจักรพรรดิหนุ่มดูล้ำลึกขึ้นชั่วครู่คล้ายกำลังครุ่นคิด หากเขาออกแบบเครื่องประดับที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกให้กับนาง เครื่องประดับที่เหมาะกับนางเพียงคนเดียวเท่านั้น หากเป็นแบบนั้น..

                “ขอบใจเจ้ามาก”

                “อ เอ๋”

                ไม่รอให้เด็กสาวแปลกหน้าต่อบทสนทนาอะไรอีก ร่างสูงรีบเรียกเจ้าของร้านไปคุยอีกด้านหนึ่งเพื่อบอกรายละเอียดของเครื่องประดับที่เขาต้องการให้อีกฝ่ายช่วยทำให้

                “ข้าจะส่งแบบมาให้ภายหลัง ถึงตอนนั้นเจ้าช่วยทำออกมาให้ดีที่สุด ข้ารู้ว่าในเมืองหลวงไม่มีร้านเครื่องประดับใดสู้ร้านเจ้าได้ เพราะงั้นต้องขอบอกว่าข้าคาดหวังเป็นอย่างมาก”

                “แล้ว..”

                “ข้าไม่เกี่ยงเรื่องราคา”

                “เข้าใจแล้วขอรับ”

                ดาริอัสหันไปคุยกับโจนาห์อีกไม่กี่คำก่อนหุนหันออกจากร้านไป เด็กสาวร่างเล็กที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในร้านขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสมองตามไปอย่างงุนงง

                “แล้วคุณหนูท่านนี้..”

                เธอกะพริบตาปริบๆก่อนยิ้มหวานตอบชายเจ้าของร้าน “ข้าจะซื้อของขวัญให้ท่านแม่น่ะค่ะ ไม่ต้องแพงนักหรอก”

                “เข้าใจแล้วขอรับ”

                เด็กสาวทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟารับรอง แกว่งขาไปมาพลางมองสำรวจไปรอบๆร้านคล้ายไม่รู้จะทำอะไรดี ร้อนถึงแม่นมผู้ติดตามที่ต้องย่อตัวกระซิบเพื่อบอกให้สำรวม

                “คุณหนูลอเรนน่า สำรวมหน่อยสิคะ”

                “ข้ารู้แล้วน่าแม่นม”

                “แล้วเรื่องของท่านชายคนเมื่อครู่..” แม่นมวัยชรามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย

                “เขาก็หล่อดี แต่ข้าไม่ได้สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆพรรค์นั้นซักหน่อยนี่นา!” เด็กสาวกล่าวอย่างสดใส “แต่ก็น่าอิจฉาจังเลยน๊า มีคนรักที่เอาใจใส่ขนาดนี้”

                “นั่นสินะคะ”

     


                เทนทาเนียยืนกอดอก ดวงเนตรสีเขียวมรกตสะท้อนภาพของดาริอัสที่ขีดเขียนอะไรซักอย่างลงในกระดาษด้วยสีหน้าจริงจังแบบที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน บอกให้เธอเข้ามาอยู่ในห้อง แต่กลับไม่ให้เข้าไปดูกระดาษใบนั้นใกล้ๆ หากเขาบอกให้เธออยู่นิ่งๆซักหน่อย เธอคงคิดว่าเขากำลังแสร้งทำตัวเป็นจิตรกรวาดภาพเธออยู่แน่ๆ

                เธอเท้าคางกับเก้าอี้ มองภาพนั้นด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย

                “นี่มันก็เกือบ 3 ชั่วโมงแล้วนะที่นายให้ฉันเข้ามานั่งๆนอนๆในห้องนาย มันน่าเบื่อ ไม่รู้รึไง”

                ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษบนโต๊ะก่อนตีหน้าตาย “อีกนิดเดียวแล้ว รอหน่อยสิ”

                หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบงานเอกสารที่ให้ซาเนียเอามาให้เมื่อครู่ขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา หมอนั่นพูดว่าอีกนิดเดียวมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ดูท่า— คงอีกนานพอควร

                “รายงานจากวิหารศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ..” เทนทาเนียพึมพำ มองกระดาษสีขาวสะอาดที่มีกรอบสีทองและสัญลักษณ์ของวิหารศักดิ์ตรงมุมขวาด้วยสายตาอ่านยาก เห็นแล้วก็พาลนึกไปถึงคำขอพรในวันนั้น— ขอให้ไม่ได้เป็นสนม ก็ดันได้ตำแหน่งราชินีมาแทน

                ช่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆ! (ประชด!)

                “ปกติทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่ยุ่งกับราชวงศ์นี่” เธอขมวดคิ้วมุ่น พลางนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้มาตลอด 3 ปี วิหารศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่กระจายตัวอยู่ทั่วจักรวรรดิเพื่อเผยแผ่ศาสนาและยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญต่างๆ เช่น พิธีราชาภิเษก หรือแม้แต่พิธีแต่งตั้งจักรพรรดินี

                ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทางวิหารไม่เคยคิดติดต่อราชวงศ์เป็นการส่วนตัวมาก่อน เรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบได้รับผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น ราชวงศ์ให้อิสระแก่ทางวิหาร ส่วนทางวิหารก็เกื้อหนุนราชวงศ์ อาจจะไม่ได้เป็นศัตรูอะไร แต่ก็ไม่ได้เป็นมิตรถึงขั้นจะติดต่อกันโดยตรงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำร้องหรือการติดต่อขอความช่วยเหลือ แต่นี่..ทางวิหารกำลังขอให้ทางราชวงศ์ช่วยสืบสวนเรื่องการตายของท่านดยุคและท่านดัสเชสแห่งไอโซไลน์คนก่อน รวมถึงการตายของท่านดยุคตระกูลเรดคลิฟคนก่อนด้วย

                เดิมทีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างทางวิหารและราชวงศ์ก็คือตระกูลเลย์ลาเบล ซึ่งเป็นตระกูลที่คอยเป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของจักรวรรดิ แน่นอนว่าแม้แต่จักรพรรดิเองก็ไม่มีสิทธิแก้ไขมัน ทางวิหารควรขอร้องผ่านตระกูลเลย์ลาเบลสิถึงจะถูก

                เดี๋ยวนะ

              เลย์ลาเบล?

                เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ที่ผ่านมาเธอไม่เคยสังเกตมาก่อน ทว่าเมื่อลองคิดดูดีๆ เลย์ลาเบล..เธอคุ้นๆชื่อนี้อย่างน่าประหลาด

                “เหม่ออะไรน่ะ”

                “ทางวิหารส่งคำขอให้สืบสวนเรื่องการเสียชีวิตของพ่อแม่ฉัน รวมถึงการตายของท่านลุงเอลิกอสด้วย” ดาริอัสดูตกใจไม่น้อย “ทางวิหารเนี่ยนะ? เธออ่านผิดรึเปล่า”

                เทนทาเนียกลอกตา ยื่นเอกสารในมือให้คนที่รีบรุดผละออกจากกระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะมารับไว้ และไม่ผิดจากที่เธอคิดไว้นัก ดาริอัสอ่านมันเพียงครู่เดียวก็ทำหน้าเหมือนเห็นโลกกำลังจะแตกต่อหน้าต่อตา ดูเจ้าตัวจะประหลาดใจยิ่งกว่าเธอเสียอีก

                “นี่..” เทนทาเนียดึงแขนเสื้อของคนตัวสูงกว่า “ไม่คิดว่าชื่อตระกูลเลย์ลาเบลมันคุ้นๆบ้างเหรอ”

                “ก็ตระกูลที่ทำหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิไม่ใช่รึไ— เดี๋ยวนะ”

                “ใช่มั้ยล่ะ ฉันรู้สึกเหมือนมันติดอยู่ที่หัว แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินหรือเคยเห็นจากที่ไหน”

                ดาริอัสมีสีหน้าครุ่นคิดเพียงครู่เดียวเท่านั้น ใบหน้าหล่อคมเหลือบมองกระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะทำงานที่ตัวเองออกแบบเครื่องประดับทิ้งไว้ ก่อนเดินดุ่มๆไปเก็บมันเข้าลิ้นชักอย่างเร่งรีบท่ามกลางสายตาสงสัยของหญิงสาวอีกคนภายในห้อง

                “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน แต่เรื่องพ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ส่วนท่านดยุคแห่งเมลวาสคนก่อนก็เสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว ทำไมทางวิหารถึงอยากให้สืบสวนกัน ถ้าเป็นเรื่องที่เธอถูกทำร้ายเมื่อ 3 ปีก่อนก็ว่าไปอย่าง”

                “พวกเขาสงสัยว่ามีเบื้องหลังงั้นเหรอ แต่ว่าเรื่องนี้มัน..”

                เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ กับเสียชีวิตเพราะโรคภัยรุมเร้า— คนพวกนั้นเอาอะไรมาเชื่อมโยงกันนะ

                ไม่สิ ราชวงศ์กับวิหารไม่น่าเป็นมิตรกันถึงขั้นไว้ใจขอความช่วยเหลือนี่

                แบบนี้มันหมายความว่า

                “ทางวิหารไม่ไว้ใจตระกูลเลย์ลาเบล” เธอพึมพำ คนตัวสูงที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆพลางพาดแขนของตัวเองไว้บนไหล่แคบของเธออย่างถือวิสาสะหัวเราะเสียงเบา “ดูเหมือนเรื่องนี้จะน่าสนใจกว่าที่คิดสินะ”

                เทนทาเนียชักสีหน้า “ช่วยเอาแขนออกไปจากไหล่ฉันด้วย พ่อจักรพรรดิ มันหนัก!

                “แค่นี้ก็ต้องบ่น” ดาริอัสบ่นอุบ ก่อนเปลี่ยนมายกยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจ ดีดหน้าผากเธอทีหนึ่งแล้วเบี่ยงตัวหลบเมื่อเธอทำท่าจะปล่อยหมัดใส่

                “ราชินีผู้เพียบพร้อมจะต่อยสามีตัวเองไม่ได้นะ”

                “ใครเป็นภรรยานายกัน!” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นสีหน้าง้ำงอของหญิงสาว ดาริอัสยีศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีดำขลับพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู บางทีเทนทาเนียก็เป็นแบบนี้— ชอบทำตัวน่าเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว

                เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของอัศวินหนุ่มที่ชะโงกหน้าเข้ามาในห้องโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต คิดว่าเจ้าตัวคงเคาะมานานพอสมควรแต่ไม่เห็นใครเอ่ยปากอนุญาตซักที เลยถือวิสาสะเปิดเข้ามาเองเสียเลย และนั่นคือความคิดที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เมื่อภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือภาพขององค์จักรพรรดิที่กำลังยีศีรษะราชินีลำดับที่ 4 ด้วยสายตารักใคร่

                อย่างน้อยชายหนุ่มก็คิดว่ามันเป็นสายตารักใคร่ระคนเอ็นดู

    ลูคัส เพอร์ลาเกีย กระแอมสองสามครั้งเพื่อให้ทั้งคู่รู้ตัวเสียทีว่าในห้องนี้มีบุคคลที่สามอย่างเขาเข้ามาแล้ว “ขออภัยที่มาขัดจังหวะสวีทหวานพ่ะย่ะค่ะ”

    คนทั้งสองชะงักก่อนผละออกจากกันราวโดนของร้อน เทนทาเนียเสมองไปทางอื่น ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ ในขณะเดียวกันดาริอัสเองก็แสร้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “มีเรื่องอะไร”

    ลูคัสเป็นหัวหน้าอัศวินกองที่ 3 ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของเทนทาเนีย เนื่องจากดาริอัสมอบอัศวินทั้งกองให้มารับใช้และคอยปกป้องคุ้มครองเทนทาเนียหลังจากเหตุการณ์การถูกมารีแอนน์ลอบทำร้ายเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งเทนทาเนียก็พึ่งมานึกออกเอาทีหลังว่าลูคัสเองก็มีบทบาทในนวนิยายด้วยเช่นกัน โดยเป็นอัศวินที่ภักดีของเทนทาเนียซึ่งเสียชีวิตจากการปกป้องบุตรชายของเธอ

    โอเค ช่างเรื่องนั้นมันก่อน

    ชายร่างสูงกำยำแบบอัศวินค้อมศีรษะลงเล็กน้อย “ท่านบารอนแห่งรูเบตต้ามาขอพบพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

    รูเบตต้า?

    “เข้ามาได้” ดาริอัสว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองคล้ายเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เทนทาเนียเองเมื่อเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างดาริอัสเพื่อรอพบผู้มาใหม่ ลูคัสค้อมศีรษะลงอีกครั้งก่อนขอตัวออกจากห้องไป ผู้ที่เข้ามาไม่ได้มีเพียงหนึ่ง— แต่กลับมีถึงสาม พวกเขาเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของดาริอัสด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม

                เทนทาเนียไล่สายตามองตั้งแต่ชายคนแรกซึ่งเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด คนๆนี้น่าจะเป็นบารอนแห่งรูเบตต้าที่ว่า ส่วนชายอีกคนเป็นบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงผู้มีใบหน้าหล่อเหลาดูใจดีรับกับผมสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบเรียกได้ว่าน้ำตาลซีดกับดวงตาสีฟ้าใส และผู้ที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายคือเด็กสาวคนหนึ่ง..

                หัวใจของเทนทาเนียกระตุกวูบ ร่างกายชาวาบไปทุกสัดส่วน

                ภาพของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองสว่างไสวและดวงเนตรสีฟ้าราวอัญมณีที่มักเปล่งประกายเสมอในความทรงจำผุดเข้ามาในห้วงความคิด มือเรียวทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อ ใบหน้างามซีดเผือดไร้เลือด

                หวาดกลัว โกรธ เกลียดชัง รักใคร่ เอ็นดู เสียใจ..

                ความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันจนแทบแยกไม่ออก

                หัวใจคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดจนปวดหนึบ ลมหายใจติดขัด สายตาพร่ามัว

              ผู้หญิงคนนี้

                “กระหม่อมออกัสทัส เอฟเนอร์ ขอถวายพระพรองค์จักรพรรดิและราชินีลำดับที่ 4 แห่งจักรวรรดิอันทรงเกียรติพ่ะย่ะค่ะ”

                ดวงเนตรสีดำขลับของดาริอัสเบิกกว้าง

                “เอฟเนอร์..” เขาหันไปมองเทนทาเนียชั่วครู่ ก่อนกลับมามองผู้มาเยือนทั้งสาม ดวงเนตรสะท้อนภาพของเด็กสาวผมทองในชุดสีฟ้าอ่อนแบบสุภาพซึ่งยืนอยู่ท้ายสุด “งั้นนี่ก็..”

                “บุตรชายและบุตรสาวของกระหม่อม คอร์นีเลียส เอฟเนอร์ และ ลอเรนน่า เอฟเนอร์ พ่ะย่ะค่ะ”


    -----|-----|-----|-----|-----|-----

    แกว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง ชั้นน่ะ พยายามเต็มทีแล้วว

    ตอนที่แล้วโผล่มาแบบไม่เป็นทางการ แต่ตอนนี้เป็นทางการแล้วนะคะ ลอเรนน่า เอฟเนอร์! ชื่อนี้ทุกคนคงจำกันได้

    เหลืออีก 10 ตอนจบ เราจะพยายามฮึบให้ถึงที่สุดค่ะ (ฮา)

    ถ้าฟิคสนุก ถูกใจ ก็วานบอกต่อ คอมเม้น หรือไปพูดคุยกันในแท็กเป็นกำลังใจเร้กๆ (?) ให้เราได้นะคะ 

    รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ! ปล.พยายามตรวจคำผิดแล้วนะ แต่อาจเบลอๆนิดนึง ถ้าเจอก็ทักได้นะคะ ;-;

    #เทนทาเนียdt

     

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×