ตอนที่ 8 : 1
บทที่ 1
"คุณลุงกลับมาจากไร่แล้วใช่ไหมคะพี่มะขิ่น?"
"กลับแล้วค่ะคุณหนู นั่งพักอยู่ที่ห้องทำงานโน้นค่ะ"
สาวใหญ่อย่างมะขิ่น เหวี่ยงปากไปทางประตูสีขาวงาช้าง ที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในหลังจากรับขนมคุกกี้ที่เพิ่งจะอบเสร็จใหม่ๆ กลิ่นเนยยังหอมฟุ้งจนน่าน้ำลายสอ
"มีของพี่มะขิ่นด้วยนะคะ กล่องนี้"
"อุ้ย! ขอบคุณค่ะ คุณหนูกัสนี่ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย ยกเว้นแค่ความสวยเท่านั้นล่ะค่ะ ที่เปล่งกระกายออร่าออกมาซะจนแสบตาจนพี่แทบอยากจะถลาเข้าไปขอพร เพราะเห็นทีไรพี่มักจะเผลอ คิดว่าคุณหนูเป็นนางฟ้าหล่นสวรรค์ลงมาเดินเล่นในไร่นี้ทุกทีเลยค่ะ"
"โอ้ย..พี่มะขิ่นอ่ะ ตกลงมาสูงขนาดนั้น..ดั้งของซูกัสคงต้องหัก สะโพกคงต้องพังแล้วล่ะมัง ว่าแต่ว่า นี่พี่พูดจริง หรือพูดจริงคะ จะได้เขินบิดตัวเป็นเลขแปดไปมา" หัวเราะ
"อุ้ย!! อย่าทำเป็นเล่นไปค่ะ พี่พูดจริงนะ ยิ่งกลับมาจากอังกฤษหนนี้ สวยผิดหูผิดตา สวยกว่าดาราที่คุณท่านเคยชวนมาค้างที่ไร่นี้มากกว่าเป็นไหนๆ" ประโยคหลังแอบกระซิบจนกัษษากรต้องเอนตัว เบี่ยงหูเข้าไปฟังใกล้ๆ แล้วแกล้งทำเป็นตาโต
"อ๊าว!! นี่คุณลุงยังไม่เลิกนิสัยชอบควงดาราหวังรวยทางลัดมาฟัดเล่นที่บ้านนี้อีกหรือ"
ขำกิ๊กๆ เพราะเป็นที่เลื่องลือระบือไกลในความเจ้าชู้ของพ่อเลี้ยงหล้า เรื่องที่มักจะชอบพาสาวสวยระดับดารา นางแบบหุ่นเอ็กซ์ๆ และเซ็กซี่มาฟันทิ้งฟันขว้างอยู่ประจำ
"ยังค่ะยัง"
กำลังจะเมาท์ต่อแต่กัษษากรกลับเปลี่ยนมาเตือนว่า
"ไปเถอะ ไปชงกาแฟอร่อยๆ มาให้คุณลุงของซูกัสที กลับมานานป่านนี้ไม่ได้ดื่มกาแฟแล้วเดี๋ยวจะหงุดหงิด"
"อุ้ย!! จริงๆ ค่ะจริงด้วย ขอบคุณคุณหนูกัสนะคะที่เตือนพี่น่ะ" รีบเผ่นแผวเพราะมัวแต่คุยจนลืมหน้าที่จริงๆ
ก๊อกๆๆ
"เข้ามา"
พ่อเลี้ยงหล้าสั่ง ทั้งๆ ที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารและแฟ้มงานคำสั่งซื้อขายของผลผลิตภายในไร่ รวมถึงแฟ้มสรุปรายงาน รายการค่าใช้จ่ายอีกจิปาถะ
กลิ่นเนย กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น กับเสียงกระดิ่งข้อมือ ดังกรุ๋งกริ๋งๆ มันไม่ใช่เรื่องที่เขาคุ้นชิน พ่อเลี้ยงเจ้าของไร่จึงได้เงยหน้าขึ้นมาเพื่อที่จะสบสายตาเข้ากับตาคู่คม กลม ใสแจ๋ว
ใครกันหว่า? … สวยหวาน น่ารักอย่างกับนางฟ้า
งามระยิบระยับจับใจ .. จนเลือดในร่างกายเขาร้อนลุกฉ่าๆ
แต่เอ๊ะ? จำได้ว่าคืนนี้เขารู้ดีว่ามีงานยุ่งมากจนไม่ได้โทรฯเรียกดาราหรือนางแบบมาจากเอเย่นต์แห่งไหนให้ส่งคนมาแน่ๆ นี่นา
"สวัสดีค่ะ … คุณลุงหล้า"
เด็กสาวที่สวยหยาดฟ้ามาสู่ดิน ก้มหน้าพนมมือไหว้เขาอ่อนช้อยมาก … พ่อเลี้ยงหล้ากะพริบตาปริบๆ ให้กับสรรพนามที่เด็กสาวแสนสวยคนนี้เรียกแล้วรีบกลืนน้ำลาย
เพราะส่วนใหญ่คนที่ไม่คุ้นเคยกัน มักย่อมต้องเรียกเขาว่า ‘พ่อเลี้ยงหล้า’ หรือไม่ก็ ‘คุณนครินทร์’ ตรงๆ
และก็คง...
โอ้ ม่ายยยยยนะ!!
"อะไรกันคะ นี่คุณลุงจำยัยหนูซูกัสของคุณลุงไม่ได้จริงๆ หรือคะ?"
ไม่นะ! … อย่าย้ำ!! …
แต่มันมีความแง่งอน เอาแต่ใจ ที่แอบแฝงอยู่ในน้ำเสียงและสำเนียงที่เขาเคยคุ้นจนติดหมัดนี่สิ!
"จำไม่ได้น่ะสิ แล้วทำไมยัยเด็กกะโปโลเมื่อวานซืนนั่นโตมาถึงได้สวยนักสวยหนาขนาดนี้กันเล่านี่?"
เผลอหลุดปาก
น่าแปลกใจ ทั้งๆ ที่กัษษากรนั้นก็เคยถูกชมแบบนี้มามากมายแต่เธอกลับไม่เคยเก้อเขินมันจริงจังอย่างในครั้งนี้
หรืออาจเป็นเพราะสายตาชื่นชม กระหาย ร้อนแรงแวมวามอย่างเปิดเผยที่นครินทร์มองเธอมา เฉกเช่นชายที่มองหญิงสาวที่เขาพึงใจเมื่อครู่นี้กันแน่นะ
ความจริงรูปร่างหน้าตาของนครินทร์นั้น มันมีความเท่ สง่า ภูมิฐาน ดุดัน น่าค้นหาอยู่เป็นทุน โครงหน้าเขานั้นหรือก็บึกบึนสมชายชาตรี ซึ่งเมื่อก่อนนี้เขาเคยหล่อเหลาเช่นไร ในตอนนี้มันก็มีเพียงแค่รอยย่นตรงหางตา กับจอนผมสีเงินไม่กี่เส้นเท่านั้นเองกระมัง ที่มันยิ่งช่วยเสริมให้เห็นว่า เขาช่างดูน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ใช่!! พ่อเลี้ยงหล้าขึ้นชื่อว่าดุดันและเด็ดขาดมากในวงธุรกิจการงานและบางครั้งก็ในเรื่องส่วนตัวบางเรื่อง
หากทว่า … ไม่ใช่กับเธอ ...
"ซูกัสกลับมาจากอังกฤษมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่มีใครมาบอกลุงเรื่องนี้เลย" ถึงกับกระแอมกระไอเรียกหาเสียงของตัวเอง
บ้าชะมัด! นานมาแล้วนี่น่าที่เขาไม่เคยเกิดความรู้สึกเก้อเขินอะไรต่อหน้าต่อตาผู้หญิง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นหลานรักของเขาแบบนี้น่ะ
"ซูกัส ..เอิ่ม.. เป็นคนขอพ่อกับแม่ไว้ว่าจะกลับมาทำให้คุณลุงตกใจเล่นๆ น่ะค่ะ" แก้มยังแดงก่ำ ก้มหน้า
อืมมมม์ จริง!! … และมันก็เล่นทำเอาเขาตกใจซะจนหัวใจแทบจะละลายเพราะความสวย น่ารักของเธอได้เลยจริงๆ
"ลุงรู้อยู่ว่าซูกัสเรียนเก่งมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะเรียนจบได้ไวขนาดนี้ แล้วนี่คิดจะทำงานต่อที่ไหน?"
"ยังไม่ทราบน่ะค่ะ แต่ตั้งใจว่าจะพักสักพักหนึ่งก่อนแล้วจะลุยหางาน แต่ถ้าจะหางานดีๆ เงินเดือนสูงๆ ซูกัสคงต้องลงกรุงเทพฯ แต่มาติดตรงที่คุณแม่เป็นห่วงค่ะ ท่านบ่นว่าคนเราสมัยนี้มีตรรกะน่ากลัว ผิดแผกไปจากเดิมจนน่าหวาดระแวงไปหมด ยิ่งท่านเห็นซูกัสเพิ่งกลับมายังไม่ชิน เพราะจากประเทศไทยไปนาน ซูกัสเลยแอบปรึกษากับคุณพ่อว่าจะรอให้คุณแม่หายกังวลก่อนจึงจะค่อยลงไป"
คิ้วนครินทร์ขมวดมุ่นราวครุ่นคิดอะไรอยู่นิดหนึ่ง
"มาทำงานที่ไร่ของลุงก่อนก็ได้นี่ ในส่วนของผู้ช่วยลุงไหวไหมล่ะ พอดี..พิธาน ผู้ช่วยคนก่อนเขาจะออกไปเปิดบริษัทของเขาเอง ลุงก็เลยขาดคนที่จะต้องคอยติดต่อกับฝ่ายต่างประเทศและคนดูแลฝ่ายบริหารอีกที ที่เป็นส่วนของโรงแรมในเครือของลุงอยู่น่ะ และระหว่างนี้ก็ดูงานไป หากไม่ชอบงานที่ทำที่นี่ เดี๋ยวจึงค่อยๆ ขยับขยาย"
"เย้!! ได้จริงๆ หรือคะ .. งั้น...ก็วิเศษไปเลยค่ะ!"
กัษษากรลืมตัวเพราะมัวแต่ดีใจมากๆ จึงได้กระโดดมากอดคอ หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ เหมือนสมัยที่ตนนั้นเคยทำยามดีใจในตอนที่ยังเป็นเด็กหญิงแก้มเปรอะหางเปีย
แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบกระโดดผลุง!! ถอยหลังไปยืนแก้มแดงก่ำ
"ได้อย่างนั้นมันก็เยี่ยมสุดๆ ไปเลยค่ะ แล้วซูกัสจะได้เริ่มงานได้เมื่อไรคะ?" อ้อมแอ้มเก้อเขิน
"ลุงจะให้พักก่อนสักสองสัปดาห์ค่อยมาเริ่มงาน แต่ถ้าช่วงนี้ซูกัสว่างๆ ตอนค่ำก็มาหาลุง มาศึกษาเรื่องเอกสารก่อนก็ได้ คือที่ต้องให้มาช่วงค่ำๆ ก็เพราะลุงเลิกงานช่วงนี้ และพักนี้ลุงต้องหอบงานเอกสารมาอ่านเองที่บ้าน ก็กำลังปวดหัวๆ กับมันอยู่ และถ้าซูกัสจะมาช่วย ลุงจะขอบคุณมากๆ"
"คุณลุงกลับมาจากไร่แล้วใช่ไหมคะพี่มะขิ่น?"
"กลับแล้วค่ะคุณหนู นั่งพักอยู่ที่ห้องทำงานโน้นค่ะ"
สาวใหญ่อย่างมะขิ่น เหวี่ยงปากไปทางประตูสีขาวงาช้าง ที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในหลังจากรับขนมคุกกี้ที่เพิ่งจะอบเสร็จใหม่ๆ กลิ่นเนยยังหอมฟุ้งจนน่าน้ำลายสอ
"มีของพี่มะขิ่นด้วยนะคะ กล่องนี้"
"อุ้ย! ขอบคุณค่ะ คุณหนูกัสนี่ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย ยกเว้นแค่ความสวยเท่านั้นล่ะค่ะ ที่เปล่งกระกายออร่าออกมาซะจนแสบตาจนพี่แทบอยากจะถลาเข้าไปขอพร เพราะเห็นทีไรพี่มักจะเผลอ คิดว่าคุณหนูเป็นนางฟ้าหล่นสวรรค์ลงมาเดินเล่นในไร่นี้ทุกทีเลยค่ะ"
"โอ้ย..พี่มะขิ่นอ่ะ ตกลงมาสูงขนาดนั้น..ดั้งของซูกัสคงต้องหัก สะโพกคงต้องพังแล้วล่ะมัง ว่าแต่ว่า นี่พี่พูดจริง หรือพูดจริงคะ จะได้เขินบิดตัวเป็นเลขแปดไปมา" หัวเราะ
"อุ้ย!! อย่าทำเป็นเล่นไปค่ะ พี่พูดจริงนะ ยิ่งกลับมาจากอังกฤษหนนี้ สวยผิดหูผิดตา สวยกว่าดาราที่คุณท่านเคยชวนมาค้างที่ไร่นี้มากกว่าเป็นไหนๆ" ประโยคหลังแอบกระซิบจนกัษษากรต้องเอนตัว เบี่ยงหูเข้าไปฟังใกล้ๆ แล้วแกล้งทำเป็นตาโต
"อ๊าว!! นี่คุณลุงยังไม่เลิกนิสัยชอบควงดาราหวังรวยทางลัดมาฟัดเล่นที่บ้านนี้อีกหรือ"
ขำกิ๊กๆ เพราะเป็นที่เลื่องลือระบือไกลในความเจ้าชู้ของพ่อเลี้ยงหล้า เรื่องที่มักจะชอบพาสาวสวยระดับดารา นางแบบหุ่นเอ็กซ์ๆ และเซ็กซี่มาฟันทิ้งฟันขว้างอยู่ประจำ
"ยังค่ะยัง"
กำลังจะเมาท์ต่อแต่กัษษากรกลับเปลี่ยนมาเตือนว่า
"ไปเถอะ ไปชงกาแฟอร่อยๆ มาให้คุณลุงของซูกัสที กลับมานานป่านนี้ไม่ได้ดื่มกาแฟแล้วเดี๋ยวจะหงุดหงิด"
"อุ้ย!! จริงๆ ค่ะจริงด้วย ขอบคุณคุณหนูกัสนะคะที่เตือนพี่น่ะ" รีบเผ่นแผวเพราะมัวแต่คุยจนลืมหน้าที่จริงๆ
ก๊อกๆๆ
"เข้ามา"
พ่อเลี้ยงหล้าสั่ง ทั้งๆ ที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารและแฟ้มงานคำสั่งซื้อขายของผลผลิตภายในไร่ รวมถึงแฟ้มสรุปรายงาน รายการค่าใช้จ่ายอีกจิปาถะ
กลิ่นเนย กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น กับเสียงกระดิ่งข้อมือ ดังกรุ๋งกริ๋งๆ มันไม่ใช่เรื่องที่เขาคุ้นชิน พ่อเลี้ยงเจ้าของไร่จึงได้เงยหน้าขึ้นมาเพื่อที่จะสบสายตาเข้ากับตาคู่คม กลม ใสแจ๋ว
ใครกันหว่า? … สวยหวาน น่ารักอย่างกับนางฟ้า
งามระยิบระยับจับใจ .. จนเลือดในร่างกายเขาร้อนลุกฉ่าๆ
แต่เอ๊ะ? จำได้ว่าคืนนี้เขารู้ดีว่ามีงานยุ่งมากจนไม่ได้โทรฯเรียกดาราหรือนางแบบมาจากเอเย่นต์แห่งไหนให้ส่งคนมาแน่ๆ นี่นา
"สวัสดีค่ะ … คุณลุงหล้า"
เด็กสาวที่สวยหยาดฟ้ามาสู่ดิน ก้มหน้าพนมมือไหว้เขาอ่อนช้อยมาก … พ่อเลี้ยงหล้ากะพริบตาปริบๆ ให้กับสรรพนามที่เด็กสาวแสนสวยคนนี้เรียกแล้วรีบกลืนน้ำลาย
เพราะส่วนใหญ่คนที่ไม่คุ้นเคยกัน มักย่อมต้องเรียกเขาว่า ‘พ่อเลี้ยงหล้า’ หรือไม่ก็ ‘คุณนครินทร์’ ตรงๆ
และก็คง...
โอ้ ม่ายยยยยนะ!!
"อะไรกันคะ นี่คุณลุงจำยัยหนูซูกัสของคุณลุงไม่ได้จริงๆ หรือคะ?"
ไม่นะ! … อย่าย้ำ!! …
แต่มันมีความแง่งอน เอาแต่ใจ ที่แอบแฝงอยู่ในน้ำเสียงและสำเนียงที่เขาเคยคุ้นจนติดหมัดนี่สิ!
"จำไม่ได้น่ะสิ แล้วทำไมยัยเด็กกะโปโลเมื่อวานซืนนั่นโตมาถึงได้สวยนักสวยหนาขนาดนี้กันเล่านี่?"
เผลอหลุดปาก
น่าแปลกใจ ทั้งๆ ที่กัษษากรนั้นก็เคยถูกชมแบบนี้มามากมายแต่เธอกลับไม่เคยเก้อเขินมันจริงจังอย่างในครั้งนี้
หรืออาจเป็นเพราะสายตาชื่นชม กระหาย ร้อนแรงแวมวามอย่างเปิดเผยที่นครินทร์มองเธอมา เฉกเช่นชายที่มองหญิงสาวที่เขาพึงใจเมื่อครู่นี้กันแน่นะ
ความจริงรูปร่างหน้าตาของนครินทร์นั้น มันมีความเท่ สง่า ภูมิฐาน ดุดัน น่าค้นหาอยู่เป็นทุน โครงหน้าเขานั้นหรือก็บึกบึนสมชายชาตรี ซึ่งเมื่อก่อนนี้เขาเคยหล่อเหลาเช่นไร ในตอนนี้มันก็มีเพียงแค่รอยย่นตรงหางตา กับจอนผมสีเงินไม่กี่เส้นเท่านั้นเองกระมัง ที่มันยิ่งช่วยเสริมให้เห็นว่า เขาช่างดูน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ใช่!! พ่อเลี้ยงหล้าขึ้นชื่อว่าดุดันและเด็ดขาดมากในวงธุรกิจการงานและบางครั้งก็ในเรื่องส่วนตัวบางเรื่อง
หากทว่า … ไม่ใช่กับเธอ ...
"ซูกัสกลับมาจากอังกฤษมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่มีใครมาบอกลุงเรื่องนี้เลย" ถึงกับกระแอมกระไอเรียกหาเสียงของตัวเอง
บ้าชะมัด! นานมาแล้วนี่น่าที่เขาไม่เคยเกิดความรู้สึกเก้อเขินอะไรต่อหน้าต่อตาผู้หญิง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นหลานรักของเขาแบบนี้น่ะ
"ซูกัส ..เอิ่ม.. เป็นคนขอพ่อกับแม่ไว้ว่าจะกลับมาทำให้คุณลุงตกใจเล่นๆ น่ะค่ะ" แก้มยังแดงก่ำ ก้มหน้า
อืมมมม์ จริง!! … และมันก็เล่นทำเอาเขาตกใจซะจนหัวใจแทบจะละลายเพราะความสวย น่ารักของเธอได้เลยจริงๆ
"ลุงรู้อยู่ว่าซูกัสเรียนเก่งมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะเรียนจบได้ไวขนาดนี้ แล้วนี่คิดจะทำงานต่อที่ไหน?"
"ยังไม่ทราบน่ะค่ะ แต่ตั้งใจว่าจะพักสักพักหนึ่งก่อนแล้วจะลุยหางาน แต่ถ้าจะหางานดีๆ เงินเดือนสูงๆ ซูกัสคงต้องลงกรุงเทพฯ แต่มาติดตรงที่คุณแม่เป็นห่วงค่ะ ท่านบ่นว่าคนเราสมัยนี้มีตรรกะน่ากลัว ผิดแผกไปจากเดิมจนน่าหวาดระแวงไปหมด ยิ่งท่านเห็นซูกัสเพิ่งกลับมายังไม่ชิน เพราะจากประเทศไทยไปนาน ซูกัสเลยแอบปรึกษากับคุณพ่อว่าจะรอให้คุณแม่หายกังวลก่อนจึงจะค่อยลงไป"
คิ้วนครินทร์ขมวดมุ่นราวครุ่นคิดอะไรอยู่นิดหนึ่ง
"มาทำงานที่ไร่ของลุงก่อนก็ได้นี่ ในส่วนของผู้ช่วยลุงไหวไหมล่ะ พอดี..พิธาน ผู้ช่วยคนก่อนเขาจะออกไปเปิดบริษัทของเขาเอง ลุงก็เลยขาดคนที่จะต้องคอยติดต่อกับฝ่ายต่างประเทศและคนดูแลฝ่ายบริหารอีกที ที่เป็นส่วนของโรงแรมในเครือของลุงอยู่น่ะ และระหว่างนี้ก็ดูงานไป หากไม่ชอบงานที่ทำที่นี่ เดี๋ยวจึงค่อยๆ ขยับขยาย"
"เย้!! ได้จริงๆ หรือคะ .. งั้น...ก็วิเศษไปเลยค่ะ!"
กัษษากรลืมตัวเพราะมัวแต่ดีใจมากๆ จึงได้กระโดดมากอดคอ หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ เหมือนสมัยที่ตนนั้นเคยทำยามดีใจในตอนที่ยังเป็นเด็กหญิงแก้มเปรอะหางเปีย
แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบกระโดดผลุง!! ถอยหลังไปยืนแก้มแดงก่ำ
"ได้อย่างนั้นมันก็เยี่ยมสุดๆ ไปเลยค่ะ แล้วซูกัสจะได้เริ่มงานได้เมื่อไรคะ?" อ้อมแอ้มเก้อเขิน
"ลุงจะให้พักก่อนสักสองสัปดาห์ค่อยมาเริ่มงาน แต่ถ้าช่วงนี้ซูกัสว่างๆ ตอนค่ำก็มาหาลุง มาศึกษาเรื่องเอกสารก่อนก็ได้ คือที่ต้องให้มาช่วงค่ำๆ ก็เพราะลุงเลิกงานช่วงนี้ และพักนี้ลุงต้องหอบงานเอกสารมาอ่านเองที่บ้าน ก็กำลังปวดหัวๆ กับมันอยู่ และถ้าซูกัสจะมาช่วย ลุงจะขอบคุณมากๆ"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
