คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [Shortfic AF8] :: S line Effect :: [TaoKacha] --Special from พี่ชายข้างบ้าน
Fiction : S line Effect
Pairing : TaoKacha
Genre : Romantic
Author : Corn on the Cob (ข้าวโพดปาดเนย)
Warning : PG-15 เอนเอียงเกือบถึง NC
Author’s note : ชื่อเรื่องสิ้นคิดมาก...คือมันมาจากที่กรีนล้อเรื่องโอนามิรัดเอวคอดกิ่วในคอนโคตรหล่อแค่นั้นแล่ะค่ะ เฮิกกก (เรื่องนี้เป็นตอนต่อจากช๊อตฟิค พี่ชายข้างบ้านนะคะ ><)‘วันงานคริสต์มาสพี่คงไปไม่ได้จริงๆนะคชา..พี่ติดพรีเซ้นท์งานกับลูกค้าน่ะครับ...ไม่โกรธพี่นะ..
พี่เต๋า’
คชาอ่านเมสเสจที่ส่งเข้ามาจากคนที่ตัวเองชวนไปงานคริสต์มาสของมหาลัยตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน จริงๆคชาก็พอรู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ ว่าพี่เต๋าอาจจะมาไม่ได้ เพราะเป็นช่วงสิ้นปี ต้องปิดโปรเจคใหญ่ให้จบ...แต่ก็นะ ก็อยากให้มาดูเขาแสดงดนตรีนี่น่า...
คนตัวเล็กยืดตัวพาดโต๊ะ แขนยื่นออกไปจนสุด ใบหน้าเรียวน่ารักเท้าอยู่กับโต๊ะพลางถอนหายใจ..
กิจกรรมในวันงานนั้นมีทั้งงานจากตัวคณะ และจากชมรมต่างๆ การออกบู้ทร้านค้ามากมาย มินิคอนเสิร์ตจากชมรมการแสดงดนตรีของทางมหาลัย ซึ่งเขากับเฟรมและต้นก็อยู่ชมรมนี้ และจะขึ้นแสดงกันสามคน โดยต้นเป็นคนร้อง เฟรมเล่นกีตาร์ และเขาตีกลอง...
“ดราม่าไปได้ พี่เขาบ้านอยู่ข้างๆนายนะคชา ไม่มางานนี้ กลับบ้านไปก็เห็นหน้ากันแล้วเถอะนะ”ต้นว่าอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ เมื่อใบหน้าน่ารักของเพื่อนตัวเองยับยู่กับเมสเสจตรงหน้าที่เปิดอ่านมาตั้งแต่เช้าแล้ว
“นั่นสิ เอาเวลามานั่งกลุ้มไปซ้อมดีกว่ามั้ย? พรุ่งนี้แล้วนะครับคุณเพื่อน”เฟรมว่าพลางนั่งลงอีกด้านของโต๊ะและเลื่อนจานข้าวกลางวันของคชาที่เจ้าตัวฝากซื้อเพราะตัวเองมาจองโต๊ะไปให้
“และก็กินซะ จะได้เลิกฟุ้งซ่านสักที”ต้นว่าพลางหยิบช้อนจากจานยัดเข้าให้ที่มือของคชา...เมื่อดูอีกคนจะยังไม่ได้สติสักเท่าไร
“พวกนายจะไปรู้อะไร...อยู่ข้างบ้านกะผีล่ะสิ พี่เต๋าแทบไม่ได้กลับบ้านเลยเถอะ ที่ทำงานห่างจากบ้านยิ่งกว่ากรุงเทพเชียงใหม่ ยิ่งสิ้นปีแบบนี้แล้ว ได้นอนบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้”คชาว่าพลางคนกับเข้าในจานไปมาและก็ถอนหายใจอีกรอบ...ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ก็...เกือบสองเดือนแล้ว...ที่ทั้งสองไม่ใช่พี่น้องข้างบ้านอีกต่อไป...แต่ด้วยงานที่รัดตัวในช่วงปลายปีแบบนี้ ทำให้เขาสองคนก็แทบไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากกว่าไปกว่าตอนที่คชาหนีหน้าเต๋าด้วยซ้ำ..
อารมณ์ว่านอกจากสถานะเปลี่ยนแล้วก็แค่นั้น...
ขนาดจูบยังแบบ...จุ๊บเบาๆแค่สองสามทีเองเถอะ ! ><
“อดทนอีกหน่อยละกันนะคุณเพื่อน หมดอาทิตย์นี้ก็จะปิดปีใหม่แล้ว จะได้มีเวลาไปอยู่ด้วยกันนะ โอเคป่ะ?”ต้นว่าพลางเอียงคอและทำตาโตใส่ตามแบบฉบับเจ้าตัว... พอตอนยังไม่คบกัน ก็เหงาหงอยเศร้าสร้อย คิดถึงเขา พอคบกันก็ยังไม่วายมีเรื่องมาให้กลุ้มใจอีกอยู่ดี...จะอะไรนักหนานะคู่เนี้ยยยย!?
“เดี๋ยวเย็นนี้ซ้อมใหญ่อีกรอบก็พอนะ จะได้เก็บแรงไว้พรุ่งนี้...”เฟรมพูดทั้งๆที่เคี้ยวข้าวเต็มปาก อีกมือหนึ่งก็เปิดทวนดูคอร์ดกีตาร์ของเพลงที่จะเล่นในวันงานในไอโฟนไปด้วย...
คชาเท้าคางพลางเขี่ยข้าวไปเรื่อย แต่พอเห็นสายตาต้นที่มองมาก็รีบตักข้าวเข้าปากทันที...ถึงยังไงก็ไม่อยากมีปัญหากับคุณนายต้นนักหรอกนะ เหอๆ
หลังจากซ้อมดนตรีเสร็จ...คชากับต้นและเฟรมก็อยู่ช่วยเพื่อนๆเตรียมงานต่ออีกสักพักก่อนจะแยกกันกลับบ้าน...มือเล็กกระชับผ้าพันคอบนไหล่พลางเล่นมือถือไปพลาง...ฤดูหนาวปีนี้หนาวขึ้นผิดหูผิดตา...คือเรียกได้ว่าไม่เคยมีแฟชั่นฤดูนี้ไปนานแล้วสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพ...ถ้าจำไม่ผิด เกือบสิบปีได้แล้วมั้งที่ได้ใส่ชุดแขนยาว เสื้อฮู้ดอะไรแบบนี้...ปีนี้เลยได้มีโอกาสขุดเอาชุดเหล่านั้นที่เก็บเข้ากรุไปนานออกมาใช้ได้บ้าง…
เมสเสจจากพี่เต๋ามีเข้ามาสองสามอันตอนเขากำลังซ้อมดนตรีอยู่...นิ้วเรียวกดไล่อ่านพร้อมๆกับที่อีกมือก็กระชับเป้ที่สะพายไปด้วยขณะเดินบนทางเท้าไปที่ป้ายรถเมล์
“กลับบ้านหรือยังครับ?”
“พี่วันนี้ก็คงไม่ได้กลับบ้านนะคชา…”
“กลับบ้านดีๆนะครับ ถึงบ้านแล้วโทรหาพี่หน่อยนะ”
คนตัวเล็กอดยิ้มไม่ได้...แม้ว่าช่วงนี้พี่เต๋าจะงานยุ่งขนาดไหน แต่เจ้าตัวก็พยายามติดต่ออยู่ตลอดเวลา ให้เดานี่น่าจะประชุมอยู่ด้วยเถอะ...บางครั้งถ้าไม่ใช่คชาเป็นคนออกปากห้ามเอง..พี่เต๋าก็จะอาสามารับเขาที่มหาลัยแทบตลอด…
“พี่อยากชดเชยเวลาของเราที่เสียไป...แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงพี่หรอกนะครับ”
และทุกครั้งที่คชาห้ามก็มักจะได้ยินประโยคนี้เสมอ..
แค่คิดถึง..หัวใจก็พองโตทุกครั้ง…
“คชากำลังกลับบ้าน...อาบน้ำเสร็จจะโทรหาพี่เต๋านะ”
ข้อความถูกกดส่งไปได้สักพักแล้ว แต่รอยยิ้มบางยังคงอยู่บนใบหน้าน่ารักนั่น ดวงตาสดใสเป็นประกายความสุขสะท้อนแข่งกับแสงอาทิตย์ในยามเย็น ทำเอาคนรอบข้างเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม….
ในวันงานคริสต์มาสของมหาลัยวุ่นวายกว่าที่คิด...แต่ละคณะและชมรมต่างๆต่างก็จัดเตรียมและเช็คความพร้อมก่อนที่จะเปิดงานให้ผู้คนได้เข้ามาในช่วงเย็น..คชา ต้นและเฟรมที่มีคิวเล่นดนตรีในช่วงหัวค่ำก็มาแต่เช้าเพื่อมาช่วยเพื่อนในคณะจัดเตรียมงานอย่างขันแข็ง...เสน่ห์ของการเรียนมหาลัยอยู่ที่กิจกรรมในรั้วมหาลัยนี่ล่ะ ที่แม้จะมีทุกปี แต่ก็ไม่เคยมีอะไรที่ซ้ำกัน และแม้จะยุ่งสุดๆ แต่ก็สนุกๆสุดๆด้วยเช่นกัน…
ด้วยจำนวนคนในคณะนิเทศเองมีค่อนข้างมาก จึงเป็นข้อได้เปรียบในแง่ของความหลากหลาย ทั้งการแสดง ออกบู้ท และกิจกรรมต่างๆ โดยปกติทุกปีแล้ว..คณะนี้จึงได้รับความนิยมของผู้มางานเป็นพิเศษ
หกโมงตรง งานวันคริสต์มาสต์ก็ได้เริ่มขึ้น…เนื่องจากคชามีคิวเล่นดนตรีตอนสามทุ่ม จึงมีเวลาโต๋เต๋ไปดูงานจากคณะอื่นๆก่อนได้...ทั้งสามเกลอเดินไปทั่วมหาลัยพร้อมกับหาของกระแทกปากกระแทกท้องไปในตัวก่อนจะกลับมาที่คณะตัวเองประมาณทุ่มกว่าๆ และตอนนั้นเองที่เรื่องวุ่นวายที่แท้จริงได้เกิดขึ้น…
“คชา ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม?!?”จู่ๆเพื่อนสาวในคณะที่อยู่ในชุดกิโมโนน่ารักวิ่งทั้งๆที่ใส่เกี๊ยะแบบญี่ปุ่นมาคว้าแขนเขาไว้..
“มีอะไรหรอ แอ้น?”
“คือตอนนี้ในร้านน้ำชาของคณะเราคนเยอะมากกกกกก เสิร์ฟกันไม่ทันเลยน่ะ นายไปช่วยหน่อยได้ไหม?”
“หา???? แต่ฉันเป็นผู้ชายนะ คนเสิร์ฟมีแต่ผู้หญิงไม่ใช่หรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ แต่คนมาเยอะมากกว่าที่คิดไว้โขเลย ดีว่าจอยเอาชุดกิโมโนมาสองชุด เลยมีเหลืออยู่พอดี และก็มีแต่นายที่จะใส่ได้น่ะ นะ ช่วยหน่อยนะคชา!~”
คชาเหลือบมองเข้าไปในห้องที่จัดห้องน้ำชาที่ว่า...การออกบู้ทขายอาหารของคณะนิเทศเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่หารายได้เข้าคณะเราเลยทีเดียว คอนเสปจะเปลี่ยนไปในแต่ละปี แล้วแต่ว่าปีนั้นๆจะขายอะไร แบบไหน โดยอาศัยดีกรีชื่อเสียงความสวยของคณะนิเทศที่เป็นที่เลื่องลือ ไม่แปลกที่คนจะยกโขยงมากันเยอะแทบทุกปี และปีนี้ก็เป็นคอนเสปการชงชาแบบญี่ปุ่น
บอกได้เลยว่าตอนคิดคอนเสปนี้คือแค่กะเอาง่ายเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องตระเตรียมอะไรมาก แค่ชงชาและของหวานนิดหน่อยๆ แต่สุดท้ายแล้ว คนก็ยังทะลักล้นอยู่ดี..
“แอ้นนน เร็วๆ คนไม่พอแล้ว เดี๋ยวฉันต้องไปช่วยเตรียมในครัวก่อน”จอยสาวน้อยเจ้าของฉายาขาลั่นเบาๆฝ่าฝูงชนคนที่ต่อคิวอยู่หน้าร้านน้ำชาของคณะ
แอ้นหันไปพยักหน้ากับเพื่อนก่อนที่จอยจะผลุบหายไปและหันกลับมาทางเขาอีกครั้งหนึ่ง…
“โอเคๆ ฉันไปช่วยก็ได้ แต่ไม่นานนะ ฉันมีคิวเล่นดนตรีตอนสามทุ่มน่ะ”คชารีบสวนตอบตกลงก่อนที่แอ้นจะทันได้ขอความช่วยเหลืออีกรอบพลางเหล่หันไปมองต้นกับเฟรมที่แอบขำเบาๆ..
“งั้นเดี๋ยวฉันมาเรียกนายตอนใกล้ถึงเวลาละกันนะ”ต้นว่าพลางกอดคอกับเฟรมไปทางบู้ทสอยดาวข้างๆ..คชาพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามแอ้นเข้าไปทางด้านหลังร้านเพื่อเปลี่ยนชุด..
“แอ้นจะให้เราใส่ชุดนี้จริงๆหรอ”
“ชุดนี้แล่ะ มา..ถอดสิ”
“หาา????”
“คชา เธอคงไม่คิดจะใส่ทับเชิ้ตกับสูทที่เธอใส่อยู่หรอกนะ”
“ตะ...แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่แล้ว เร็วๆเข้า ถอดเลยๆ”
คชาถอนหายใจก่อนจะยืนหันหลังให้เพื่อนสาวที่คงไม่คิดว่าเขาต่างเพศกับเธอเลยสักนิดก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อออกจนหมด...แอ้นจัดการใส่ชุดจากทางด้านหลังก่อนจะสั่งให้คชาถอดกางเกงเป็นลำดับต่อมา…
เกือบสิบกว่านาทีที่คชายืนเป็นหุ่นไล่กาให้สองสาวแต่งตัว...ใช่แล้ว จอยต้องเข้ามาช่วยอีกแรงเพราะขั้นตอนตอนพันผ้าโอบิ หรือผ้าผูกเอวของกิโมโนนั้นช่างยากลำบากแสนเข็ญจริงๆ เท่าที่คชานับได้คือใช้ผ้ามากกว่าสามชิ้นกันเลยทีเดียว...และตอนนี้เขารู้สึกว่าหลังตึงและแน่นท้องมาก
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว เหลือหน้ากับผม”แอ้นว่าพลางหอบนิดๆ…
“เห้ยยย ไม่เอานะ ไม่แต่งนะแอ้น”
“ไม่ๆ ไม่ทำอะไรมากหรอก เขียนแค่อายไลน์เนอร์เบาๆก็พอกับปัดแก้มและก็ลงลิปนิดหน่อย”
“นั่นไม่มากเรอะ!?”
“งั้นเธอจัดการหน้าแอ้น...เดี๋ยวฉันจัดการผมเอง เอากิ๊บติดหน่อยก็ได้แล้วล่ะ...ฉันพอมีเหลืออยู่”จอยว่าโดยไม่ใส่ใจเสียงของคชาเลยสักนิด
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว...”แอ้นว่าพลางถอยออกมาดูผลงานตัวเองที่เสกขึ้นในเวลาไม่ถึงสองนาที…จอยเองก็ถอยออกมายืนข้างๆแอ้นเช่นกันและทั้งคู่ก็ได้หันมองหน้ากันและก็หันกลับไปมองคชาและก็หันมามองหน้ากันอีกรอบจนคชาเองเริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อทั้งคู่ไม่พูดอะไรเอาแต่มองหน้าเขาสลับมองหน้ากันไปมา…
“ฉันดูประหลาดมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ใครบอก…เห็นนายแบบนี้แล้วฉันกับแอ้นละอายที่เกิดมาเป็นผู้หญิงต่างหากล่ะ!”จอยว่าพลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้าคชาเป็นรอบที่สาม…
“ถ้าเอวจะคอดขนาดนี้นะ...บางทีฉันว่ามดลูกของฉันคงไม่จำเป็นต่อโลกใบนี้แล้วล่ะมั้ง..”เพื่อนสาวอีกคนเสริมต่อพลางมองไปที่เอวคชาไม่วางตาจนคนถูกจ้องได้แต่ยืนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก…
“เอาล่ะ มัวแต่จ้องกันไปจ้องกันมา ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี...คชา เดี๋ยวนายแค่ออกไปจดออร์เดอร์แล้วก็มาวางแล้วก็ไปเสิร์ฟ แค่นั้นแล่ะ เมนูมีอยู่ไม่ถึงห้าอย่าง ไม่ยากหรอก โอเคนะ?”
คชาลองก้าวขาออกเดินในชุดกิโมโนแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคงพลางหันมา “ฉันจะไหวแน่หรอเนี่ย?”
“เห้ยไหวสิ อ่ะ นี่เกี๊ยะ ใส่ซะนะและรีบออกไปล่ะ”จอยว่าพลางยื่นรองเท้าเกี๊ยะให้...แอ้นส่งยิ้มให้อีกคนก่อนจะพากันออกไป…
คชาวางรองเท้าเกี๊ยะลงกับพื้นก่อนจะใส่มันและเดินกระท่อนกระแท่นไปทางประตู ก่อนออกไปเหลือบหันไปทางกระจกที่ตั้งวางอยู่ๆใกล้ๆกัน…
ผมที่ถูกติดไปด้านข้างด้วยกิ๊บดอกไม้สีขาวน่ารักเล็กๆ...ชุดกิโมโนลายสีฟ้าและมีดอกไม้ขาวแซมประปรายและผ้าโอบิลายดอกเข้าชุดแซมสีแดงเข้มคาดที่เอว...กิโมโนตัวนี้เป็นกิโมโนแบบประยุกต์ไม่ใช่แบบดั้งเดิมที่หนาและหลายชั้นกว่านี้มาก
เพื่อนร่วมคณะที่เป็นเจ้าแม่ชุดคอสเพลย์คนนึงได้ลงทุนตามหากิโมโนที่ผสมผสานแบบดั้งเดิมมากที่สุดแล้วประยุกต์กับที่ออกแบบเอง...เพราะปกติแล้วถ้าหาซื้อกิโมโนแฟชั่นทั่วไป ผ้าจะบางกว่านี้ และหลายชั้นน้อยกว่านี้ ให้ความรู้สึกเหมือนชุดคลุมอาบน้ำ หรือชุดนอนผ้าลื่นๆ ซึ่งมันจะดูบางไปและไม่ให้ฟีลญี่ปุ่นสักเท่าไร แต่แบบที่เขาใส่อยู่คือเป็นผ้าค่อนข้างหนาคล้ายดั้งเดิมแต่ออกแบบมาให้กะทัดรัดเพื่อใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ นอกจากจะแขนไม่ยาวมาก ชายผ้าก็เป็นแบบสั้นไม่ยาวถึงข้อเท้าแบบที่เห็นทั่วไป เพื่อให้สะดวกเวลาตอนเดินไปไหนมาไหนในช่วงเวลาเร่งรีบทำงานแบบนี้ด้วย…นี่คือข้อมูลที่แอ้นให้มาระหว่างที่แต่งตัวให้..
โอ้ย...ถึงแม้ผ้ามันจะไม่บาง แต่มันแอบสั้นแล้วก็หวิวๆเหมือนกันนะ
บางทีก็ดีแล้วล่ะ ที่พี่เต๋าไม่มาวันนี้เนี่ย =3=
…….
……………………..
“วันนี้แค่นี้ละกัน ยังไงก็ต้องรอทางครีเอทีฟทำส่วนตรงนี้ให้เสร็จก่อนถึงจะดำเนินการต่อได้ ดังนั้นวันนี้กลับไปพักผ่อนกันเถอะ ไว้พรุ่งนี้มาลุยกันใหม่”
สิ้นเสียงหัวหน้า มือเรียวขาวกวาดเอกสารทุกอย่างขึ้นถือก่อนจะแหงนดูนาฬิกาที่ข้อมือพร้อมรอยยิ้มบางผุดขึ้นที่ใบหน้า…
“เห้ย เต๋า ไหนๆก็เลิกเร็ว ไปหาอะไรกินกันไหม”พี่ว่าน รุ่นพี่ที่ทำงานคนสนิทเอ่ยขึ้นพลางบิดขี้เกียจก่อนกำลังจะเดินตามคนอื่นๆที่ทยอยกันออกจากห้อง…
“ขอโทษนะพี่ ไว้วันหลังละกันนะ...วันนี้มีธุระนิดหน่อย”เต๋าว่าก่อนจะส่งยิ้มหล่อให้ทีหนึ่งและผลุนผลันออกจากห้อง ทิ้งให้เพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่ยังไม่ทันเก็บของอะไรยืนมองหน้ากันอย่างงงๆจนเป็นว่านเองที่ไขข้อข้องใจให้...
“ไม่มีอะไรหรอก...คงไปหาเด็กมันน่ะ”
.
.
“โอ้ยนี่ก็ดึกแล้วนะ การแสดงบนเวทีก็เริ่มไปสักพักแล้วด้วย ทำไมคนถึงไม่น้อยลงสักทีละ ปกติปีที่แล้วไม่ได้เยอะขนาดนี้นี่นา..”จอยบ่นหลังจากไปรับออร์เดอร์โต๊ะใหม่ที่เพิ่งเข้ามาวางที่เคาน์เตอร์พลางทำเสียงโอดโอยและบิดข้อเท้าไปด้วย
“ฉันว่าฉันรู้นะว่าเพราะอะไร”แอ้นรับออร์เดอร์มาก่อนจะทัดผมที่เริ่มหลุดออกมาจากมวยที่เกล้าเอาไว้อย่างดีเนื่องจากความวุ่นวายภายในร้าน… “ดูนั่นสิ”ใบหน้าสวยพยักเพยิดไปทางคชาที่กำลังเก็บถ้วยเปล่าจากโต๊ะ
จอยหันมองตามก่อนจะทำหน้าละเหี่ยใจ...สายตาของคนแทบครึ่งร้านหันไปมองที่เด็กหนุ่มคนเดียวในร้านที่อยู่ในชุดกิโมโน
“นี่คิดผิดคิดถูกให้คชามาช่วยเราเนี่ยแอ้น ลูกค้าเยอะขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำเถอะ”
แอ้นกลั้วหัวเราะ “นั่นสิ ไปเหอะ โต๊ะนั้นรอจนคอยืดแล้ว เดี่ยวฉันช่วยยก”
“คชา!”
คนตัวเล็กที่กำลังวางถาดถ้วยชาเปล่าลงที่เคาน์เตอร์ก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก..เห็นต้นกำลังวิ่งแทรกฝ่าฝูงชนที่ออกันอยู่หน้าร้านเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“โอ้ มายกอด!”พอมาถึงตัวคชา ต้นก็อุทานขณะมองชุดกิโมโนตาค้าง… นอกจากจะดูไม่ออกเลยว่าเป็นผู้ชายแล้ว ยังบอกได้เลยด้วยว่าคชาเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสายอย่างไม่ต้องสงสัย...
“อะไร มีอะไรหรอ? นี่ยังไม่ถึงเวลาเลยนี่”คชาว่าพลางดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง เพิ่งจะสองทุ่มครึ่ง..คิวขึ้นเวทีจริงๆสามทุ่มบวกเวลาเลทอีกก็ประมาณสามทุ่มกว่าๆโน่น
“คิวเลื่อนน่ะสิ จริงๆแล้วเราขึ้นตอนสองทุ่มครึ่ง แต่ตารางงานดันไม่ได้เปลี่ยนใหม่ เราต้องไปขึ้นเวที..ตอนนี้เลย!”
“หาาาาาาา เดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันบอกให้แอ้นช่วยถอดชุด…”
“ไม่ทันแล้วคชา วงก่อนหน้าเล่นใกล้เสร็จแล้วด้วย เราตองไปแสตนบายแล้วนะ!”ต้นว่าพลางฉุดข้อมือเล็กให้เดินตาม...คชาได้แต่จ้ำเดินตามหลังเพื่อนอย่างไม่มีทางเลือกใดๆ…
กว่าจะฝ่าฝูงชนไปถึงหลังเวทีกลางที่ใช้ในการแสดงดนตรีในค่ำคืนนี้ได้ก็เล่นเอาหอบไม่น้อย...ชุดกิโมโนตอนนี้เริ่มหลดรุ่ยจากการฝ่าฝูงชน..ตรงช่วงไหล่เปิดออกเผยให้เห็นแนวไหปลาร้าและบริเวณต้นขาที่ชายผ้าแหวกไปคนละทาง...เฟรมที่เห็นภาพนั้นยังต้องกลืนน้ำลายพลางหันไปทางต้น
“จะให้คชาขึ้นแบบนี้เลยจริงๆหรอ?”
ระหว่างที่ทั้งสามกำลังมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด เสียงพิธีกรเริ่มเกริ่นนำถึงวงต่อไปที่จะขึ้นเวที ซึ่งก็คือพวกเขาเอง…
ต้นเดินมาดึงกิ๊บที่ติดหัวคชาออกก่อนจะขยี้ให้มันฟูๆเล็กน้อย...มือทั้งสองข้างประคองหน้าคชาพลางสำรวจ...ดีที่สาวๆพวกนั้นไม่ได้แต่งหน้าให้คชาจัด ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่อายไลนเนอร์ซึ่งมันก็ดูดีเสียด้วยซ้ำ..ต้นเดินอ้อมไปด้านหลังพลางลองคลายเชือกที่ผูกให้หลวมขึ้นหน่อย ชุดจากที่เคยรัดแน่นก็คลายออกทำให้คชาหายใจออกได้คล่องขึ้น...
“โอเคขึ้นป่ะ?”
“อือ ดีขึ้นหน่อย แบบนี้ตอนตีกลองจะได้ไม่ค่อยอึดอัดมาก”
หลังจากจบประโยคที่ว่า เฟรมก็โยนไม้กลองคู่ใจให้คชา ทั้งสามมองหน้าก่อนจะกอดคอกัน...พิธีกรกำลังจะเรียกพวกเขาขึ้นเวทีอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว…
.
.
เต๋าที่เพิ่งหาที่จอดรถในรั้วมหาลัยได้สำเร็จก้มมองนาฬิกา..มือขาวคว้าเอาไอโฟนเปิดไล่ดูเมสเสจเพื่อหาว่าเวลาที่คชาขึ้นแสดงนั้นกี่โมงกันแน่...รู้แค่ว่าช่วงหัวค่ำ ไม่เกินสามทุ่มนี่แล่ะ.. ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มจ้องจอสี่เหลี่ยมเล็กๆและก็เดินไปด้วย เต๋าก็เดินสะดุดชนใครคนหนึ่งเข้า..
“ขอโทษครับ”เต๋ากล่าวเร็วๆโดยไม่ทันได้มองหน้า กำลังจะออกเดินแต่ก็โดนอีกฝ่ายเรียกชื่อเขาขึ้นมาเสียก่อน
“พี่เต๋า…พี่เต๋าใช่ไหมครับ?”
“......”
“ผมเจมส์ไงพี่”
เต๋ามองหน้าเด็กหนุ่มหน้าตี๋สักพักแล้วก็ร้องอ้อ...เด็กต่างคณะที่ตามจีบต้น ที่คชาเล่าให้ฟังบ่อยๆนั่นเองซึ่งเขาได้มีโอกาสเจอและกินข้าวด้วยกันครั้งสองครั้งตอนมารับคชาที่มหาลัย…
“พี่มาดูคชาร้องเพลงหรอครับ?”
“ใช่ครับ เจมส์รู้ไหมว่าคชาแสดงกี่โมง?”
“รู้สิครับพี่ ผมกำลังจะไปดูเดี๋ยวนี้เลยเนี่ย...จริงๆแล้วพวกต้นเขาแสดงสามทุ่มแต่ว่าคิวเลื่อนน่ะครับ…แต่ผมให้เพื่อนจองที่ข้างเวทีไว้แล้วน่ะ พี่เต๋าจะไปด้วยกันมั้ยล่ะครับ?”เจมส์เจื้อยแจ้วไปเรื่อยตามประสาก่อนจะแอบกระซิบเสียงเบาที่ท้ายประโยคเรื่องที่ว่าได้ใช้เส้นสายจองที่เอาไว้
แน่นอนเต๋าพยักหน้าตกลงอย่างไม่ลังเล…
เจมส์กับเต๋าไปถึงเมื่อพิธีกรทั้งคู่เกริ่นนำถึงวงที่จะขึ้นวงต่อไป ซึ่งก็คือวงของคชานั่นเอง...เต๋ากับเจมส์ลัดเลาะเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะมีคนรู้จักที่เจมส์ติดต่อไว้นำทางเข้าจากทางด้านข้างเวที เขาทั้งสองหยุดยืนอยู่ตรงมุมเยื้องๆข้างเวทีที่จริงๆแล้วเป็นส่วนของสต๊าฟข้างในจากหลังเวทีเท่านั้นที่เดินผ่านได้
“อาจจะไม่ใช่ตรงกลาง แต่ไม่ต้องไปยืนเบียดในฝูงชนน่ะครับพี่”เจมส์หันมากระซิบเล็กน้อย เต๋าเองก็เห็นด้วย ชายหนุ่มใช้สายตามองซ้ายมองขวาก็รู้สึกตัวเองนั้นโชคดีมากที่เจอเจมส์ระหว่างทาง ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาเองอาจจะอยู่รั้งท้ายโน่นเลยก็ได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเบียดเข้ามาถึงตรงด้านหน้าได้อย่างแน่นอนเท่าที่เห็นจำนวนคนแล้ว…
เสียงกรี๊ดดังสนั่นขึ้น เต๋าละสายตาขึ้นไปมองบนเวที เหมือนพิธีกรเพิ่งจะประกาศถึงวงต่อไปที่จะขึ้นมาแสดงแล้วเพราะตอนนี้พิธีกรสองคนกำลังลงจากเวทีมาทางฝั่งพวกเขา...และทางด้านตรงข้าม ก็มีคนสามคนกำลังขึ้นเวทีมา…
เหมือนเวลาถูกสต๊อปค้างไว้ตรงนั้นเมื่อเต๋าเห็นคนสุดท้ายเดินขึ้นเวที
สรรพสิ่งรอบข้างดูพลันจะเงียบกริบไปช่วงอึดใจเมื่อคนสุดท้ายที่ว่าเดินมาหยุดตรงกลางเวที ทั้งสามคนแนะนำตัวเองเริ่มจากต้น เฟรมและคนสุดท้าย…
สติเต๋าเหมือนเพิ่งถูกเรียกกลับมาด้วยเสียงหวานๆนั่น...และตอนนั้นเองที่ประสาทสัมผัสของเต๋าเหมือนจะกลับมา เสียงกรี๊ดสนั่นถึงขั้นเรียกว่าบ้าคลั่งดังไปทั่ว คนดูทางด้านล่างเหมือนสติแตกไปพักหนึ่ง และพากันเบียดกรูเข้ามาจนแทบรั้วที่กั้นไว้เอาเกือบไม่อยู่..
คนรอบข้างเขาและเจมส์เองก็เหมือนจะเป็นไปด้วย เสียงกรี๊ดดังสนั่นยาวนานจนเมื่อสามคนเข้าประจำตำแหน่งแล้วก็ยังไม่เบาลงสักเท่าไร…
“พี่เต๋า...นั่นใช่คชาจริงๆใช่มั้ยน่ะ?”เสียงเจมส์ที่ถามเหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ...เต๋าไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่หันไปมองก็เห็นว่าเจมส์เองก็เหมือนจะตกไปอยู่ในพะวังเช่นกัน แม้จะไม่ได้ออกอาการเหมือนคนส่วนใหญ่ก็ตาม…เต๋ากระแอมเสียงดังพอให้ได้ยิน..เจมส์ที่หน้าเคลิ้มไปเหมือนจะได้สติกลับมา หันมาเกาหัวแก้เขินเบาๆพลางฉีกยิ้มตาหยีให้เต๋าและก็หันไปทางเวทีต่อ…
มือกลองในชุดกิโมโนหนึ่งเดียวบนเวทีนี้นั่งลงประจำตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยและก็กำลังเช็คซาวน์อยู่..และดูเหมือนเจ้าชุดกิโมโนจะขวางทางอยู่ไม่น้อย เจ้าตัวจึงแหวกมันออกให้กว้างมากขึ้นเพื่อที่จะอยู่ในท่าทางที่สะดวกซึ่งเผยให้เห็นต้นขาเนียนสู่สายตาคนที่ยืนด้านข้างเวทีแบบเขาและคนที่อยู่รอบๆ แม้จะไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่แค่เต๋า! นั่นคือประเด็น!
คชาเคาะสัญญาณสามทีก่อนที่แบคกิ้งแทรคจะเริ่ม…
ต้นเป็นหนึ่งในนักร้องที่เสียงดีที่สุดในชมรมดนตรีตามที่คชาเคยเล่าให้ฟังหรือเปล่านั้น เต๋าบอกได้เลยว่าเขาไม่รู้...เพราะตอนนี้สมาธิไม่ได้อยู่ที่นักร้องเลยแม้แต่วินาทีเดียว ในแต่ละครั้งที่มือกลองหวดไม้แต่ละที เต๋าก็แทบหัวใจจะวายเอา ยิ่งบางเพลงเจ้าตัวเมามันส์ในอารมณ์ถึงขนาดลุกขึ้นยืน… แล้วชุดก็ไหลลงจากไหล่มากขึ้นจนแทบจะหล่นมาที่แขนอยู่รอมร่อ...ภาพนี้ทำเอาผู้ชมเกือบลืมหายใจกันเป็นแถบ...แต่แน่นอน เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
เมื่อสิ้นเสียงตัวโน้ตสุดท้ายของเพลงสุดท้าย...คชาลุกออกมาพร้อมกับจับมือเพื่อนอีกสองคนและโค้งขอบคุณทุกคน...และพิธีกรขึ้นมาจากทางเวทีอีกฝั่ง ถึงตรงนี้เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มจนเต๋าแทบไม่ได้ยินอะไรบนเวทีอีกรอบ...ดูเหมือนพิธีกรจะกล่าวขอบคุณและส่งทั้งสามคนลงจากเวทีจบแล้วเพราะทั้งสามคนโค้งขอบคุณอีกรอบ พร้อมกับเสียงดังสนั่นจากคนดูด้านล่าง...และทั้งสามคนเดินตรงมาลงเวทีทางที่เต๋าและเจมส์ยืนอยู่…
เสียงเจมส์เรียกต้นทำให้ทั้งสามคนหันมามอง...รวมถึงคนสุดท้ายที่เต๋าได้แต่มองตามตั้งแต่ลงจากเวที..คชาที่ตอนนี้อยู่ในชุดกิโมโนที่เรียกได้ว่ากระตุกครั้งสองครั้งก็พร้อมหลุดไปกองที่พื้นทั้งหมดเพราะจากความเมามันส์ที่ตีกลองบนเวทีการแสดงเมื่อกี๊หันมามอง…
“พี่เต๋า!”
เหมือนมีเสียงคนรอบข้างดังขึ้นเมื่อคนน่ารักที่ตอนนี้ดูท่าจะดังไปทั่วมหาลัยแล้วเรียบร้อยทักทายเขา…
คชาเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเดินมุ่งมาทางเขาพลางเกาะรั้วที่กั้นอยู่ระหว่าง…
“ไหนพี่บอกว่าไม่ว่างไม่ใช่หรอ?”
เต๋ายังคงหาเสียงตัวเองไม่เจอ...และทางด้านหลังก็ดูจะเบียดเขามากขึ้นเรื่อยๆจนต้นมาดึงตัวคชาออกห่างพลางบอกว่าให้ไปเจอกันที่หลังเวที…
เต๋าตามเจมส์ออกไปอย่างไม่รอช้า..พอมาถึงหลังเวทีก็เห็นว่าทั้งสามคนออกมากันแล้ว...มีคนจำนวนไม่น้อยยืนออเพื่อขอถ่ายรูปทั้งสามคน...แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคชาที่ถูกขอถ่ายด้วยมากที่สุด...
พอฝ่าฟันฝูงชนออกมาได้ คชาก็เดินมาหาเขาที่ยืนหลบอยู่ที่เสาไม่ไกลออกไปจากหลังเวทีมากนัก
“พี่เต๋า”เสียงหวานเรียกพลางยิ้มแย้มให้...เสียงรองเท้าเกี๊ยะที่กระทบกับพื้นเรียกให้เต๋าก้มลงไปดูก่อนจะไล่สายตาขึ้นมาและจบลงตรงไหปลาร้าสวย..
“พี่เต๋า”
“อะ..ครับ”เต๋าละสายตามามองใบหน้าน่ารักที่โปรยยิ้มมาให้...
“พี่เต๋ายังไม่บอกชาเลย ว่ามาได้ไง...ไหนว่ามีปิดโปรเจคปลายปีไม่ใช่หรอ?”เสียงหวานถามย้ำ..ตาเรียวเบิ่งโตขึ้นแสดงทีท่ารอคำตอบจากเต๋าที่ดูเหมือนจะยังมึนๆงงๆ…
“ประชุมเลิกเร็วน่ะ..พี่เลยรีบมา เผื่อจะได้ดูคชาแสดง...และก็เจอเจมส์พอดี..”เต๋าพลางพยักเพยิดหน้าไปยังเด็กหนุ่มที่ตอนนี้เดินเข้าไปหาต้นกับเฟรมแล้ว…
ตัวเล็กพยักหน้าขึ้นลงแสดงอาการรับรู้และก็เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพแบบไหน...หัวเล็กๆผงกขึ้นจ้องหน้าตัวโตที่ตอนนี้จ้องตอบมาอยู่ก่อนอยู่แล้ว…
มือเล็กรวบกำชายเสื้อกิโมโนเข้าหากัน...แก้มใสแดงระเรื่อขึ้น.. “จริงๆแล้วผมแอบดีใจด้วยล่ะที่พี่เต๋ามาไม่ได้...จะได้ไม่ต้องเจอผมในชุดนี้…”
“.......”
คชาเงยหน้าขึ้นเมื่ออีกคนเงียบและก็เบนหน้าหนีสายตาคู่ที่จ้องมาเหมือนกำลังรอให้เขาพูดต่ออย่างเขินอาย… “คือร้านน้ำชาที่คณะออกบู้ทคนไม่พอน่ะ เพื่อนเลยให้คชาช่วย..แล้วคิวที่เล่นดนตรีก็ดันเลื่อน คชาเปลี่ยนเสื้อไม่ทัน...ก็เลยต้องขึ้นไปเล่นกลองทั้งชุดนี้เนี่ยแล่ะ”
“......”
เมื่ออีกฝ่ายยังคงเงียบ คชาก็เลยใจดีสู้เสื้อเหลือบหันกลับมามองหน้าพี่ชายข้างบ้านอีกครั้ง… “พี่เต๋า…”
เต๋าไม่พูดพร่ำทำเพลงมากคว้ามือคชามากุมไว้พลางดึงเข้ามาใกล้ “แล้วคชายังต้องกลับไปช่วยเพื่อนอีกไหม?”
“ไม่แล้วล่ะ..นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้ว คชาว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อ...แล้วเอ่อ...พี่เต๋าอยากเดินเล่นดูงานมั้ย?”
คนตัวโตยิ้มหล่อพลางกระชับมือ.. “อยากสิครับ”
“อื้อ...งั้นเดี๋ยวคชากลับไปที่คณะเปลี่ยนเสื้อไปแล้วไปเดินกัน”
คชาเปลี่ยนกลับเป็นชุดที่ตอนแรกใส่มาเพื่อให้เข้าชุดกับเฟรมกับต้น...เชิ้ตสีขาวเข้ารูปที่มีเสื้อนอกสีดำทับกับกางเกงสีดำ..คชาหันไปพูดคุยกับเฟรมกับต้นนิดหน่อยก่อนจะแยกออกมาเดินดูงานกับพี่ชายข้างบ้านคนสนิท…
ทั้งสองเดินดูงานไปเรื่อย เข้าดูตามบู้ทต่างๆที่มาออกงาน ได้ของติดไม้ติดมือกลับมาบ้างซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่ของกิน...จนเมื่อเวลาเกือบห้าทุ่ม ทั้งสองก็พากันเดินมาที่ลานจอดรถเพื่อขึ้นรถกลับบ้าน…
“พรุ่งนี้เราไม่มีเรียนใช่ไหม?”
“หืม…อื้อ ไม่มีนะ”คชาที่กำลังเล่นมือถือเงยขึ้นมาทำท่าคิดก่อนจะหันไปตอบและก็ก้มลงไปเล่นมือถือต่อ
ผ่านไปสักพักคนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมาดูทาง...แล้วก็ต้องแปลกใจว่ามันไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านของเขา…
“พี่เต๋า จะไปไหนหรอ?”
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบอะไร พอเต๋าหักรถเลี้ยวตรงสี่แยกด้านหน้า คชาก็จำได้ทันที…
คอนโดพี่เต๋า…
คนตัวเล็กตัวเกร็งขึ้นมาแทบจะในทันทีพลางกำโทรศัพท์แน่น…
เต๋าเลี้ยวเข้าที่จอดรถแล้วก็จอดลงที่จอดประจำก่อนจะดับรถและถอดเข็มขัดที่คาดอยู่ออก…
“พี่โทรบอกแม่คชาแล้ว…”หันมายิ้มหล่อให้ “ว่าคืนนี้คชาจะค้างกับพี่น่ะ..ก็เราไม่มีเรียนไม่ใช่หรอ?”
ระหว่างที่เดินมาที่เวทีการแสดง เต๋าได้ยินจากเจมส์ว่าพรุ่งนี้คลาสของต้น เฟรมและคชา อาจารย์แคนเซิล...ระหว่างที่รออยู่หลังเวทีตอนที่ทุกคนออกันขอถ่ายรูปสามคนนั้นอยู่ เต๋าก็สบโอกาสโทรหาแม่ของตัวเล็กของเขา ขออนุญาตอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย…
ตัวเล็กที่ได้ยินไปก็ถึงกับไปไม่เป็น...ใบหน้าน่ารักส่ายหันไปมาอย่างอึ้งๆงงๆ..
“แต่ผมไม่มีเสื้อผ้า…”
“คืนที่คชาเคยมาค้างก็ไม่มี คชาก็ใส่ของพี่ได้ไม่มีปัญหานิครับ”
ตัวเล็กหันควับมา แต่ก็หาเหตุผลอะไรเถียงไม่ออก...ยิ่งหันมาเจอสายตาของพี่เต๋าที่มองตรงมายิ่งทำให้ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปกันใหญ่….
คชานั่งคิดไม่ตกจนลืมเวลา...รู้ตัวอีกที..ประตูฝั่งตัวเองก็ถูกเปิดออกโดยอีกคน…
“ลงมาได้แล้วครับ ตัวเล็ก”
ปากบางถูกกัดจนแดงก่อนเจ้าตัวจะค่อยๆออกมาจากรถ...เต๋าปิดประตูพลางกดล๊อครถ...มือหนึ่งแบกเอกสารและแล็ปท๊อป อีกมือที่ถือกุญแจรถอยู่ใส่มันเข้าไปในกระเป๋าและคว้ามือของเขาออกเดิน…
วันนี้ไม่ได้โดนฉุดกระชากลากถูจนเกือบถูกอุ้มมาแบบครั้งก่อนด้วยซ้ำ…
แต่ทำไมใจต้องเต้นซะจนแทบออกมานอกอกแบบนี้ด้วยล่ะ? เง้ออออ…
“คชาจะอาบน้ำก่อนไหม หรือให้พี่อาบก่อน…”
เมื่อมาถึงห้อง เต๋าจัดการวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะทำงานในห้องนอนพลางเดินไปเปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนออกมาจากตู้และยื่นให้อีกคน
“พะ..พี่เต๋า อาบก่อนก็ได้...เดี๋ยวชาขอนั่งพักแป๊ปนึง เมื่อยขาน่ะ”ตัวเล็กตอบตะกุกตะกักพยายามหลบสายตาอีกคนอย่างไร้สาเหตุ..มือเล็กยื่นไปรับผ้าขนหนูกับชุดมาก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางและไปนั่งลงที่ปลายเตียงอีกด้าน หันหลังให้อีกคน…
คือตอนนี้หัวใจของเขา เต้นแรงหนักกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อยๆจนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกเข้าไปทุกที…
มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ… นี่เป็นสัญญาณเตือนอะไรรึเปล่าเนี่ย??
เสียงประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออกอีกครั้งก่อนจะถูกปิดลง...ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของอีกคนเดินไปทางอีกด้านของห้องและเสียงประตูปิดลง…
คชาถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะหันไปมองที่ประตูห้องน้ำที่เพิ่งปิดไป…
คนตัวเล็กหันกลับมาที่เดิมก่อนจะถอนหายใจอีกรอบ...รู้สึกอึดอัดหายใจขัดข้องไปหมด ไม่รู้เป็นอะไร...มือเล็กถอดเสื้อนอกออกก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกพลางนอนหงายไปกับเตียง...สักพักก็ลุกขึ้นนั่งและก็เอามือถือออกมาเล่นกะว่าจะได้ดึงความสนใจจากอาการแปลกๆของร่างกายตัวเอง...แต่เพิ่งจะสไลด์หน้าจอเท่านั้นแล่ะ ก็ได้ยินเสียงร้องออกมาจากห้องน้ำ ทำเอาคชาแทบจะโยนมือถือและวิ่งไปที่หน้าห้องน้ำทันที…
“พี่เต๋า! เป็นอะไรรึเปล่า??”เสียงน้ำจากฝักบัวที่เพิ่งถูกเปิดดังจนแทบไม่ได้ยินอะไร คชาเอาหูแนบพลางเคาะประตูและเรียกอีกครั้ง.. “พี่เต๋า!?”
“ไม่มีอะไรคชา สบู่เข้าตานิดหน่อยน่ะ…”เต๋าที่พยายามเปิดน้ำจากฝักบัวเพื่อล้างสบู่ออกส่งเสียงฝ่าสายน้ำออกมา...มือหนาจะคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่มาเช็ดหน้าแต่ด้วยเพราะตาที่ลืมไม่ขึ้นทั้งสองข้างทำเอาเสียโฟกัสไปชั่วขณะ...แทนที่จะคว้าผ้าเช็ดหน้ากลับไปปัดโดนชั้นที่วางแชมพู สบู่ โฟมล้างน้ำหล่นมาทั้งหมด ขวดแชมพูดที่เพิ่งซื้อใหม่ตกลงที่เท้าเหนาะๆจนคนตัวโตต้องร้องเสียงหลงอีกรอบ…
คชาที่ได้ยินเสียงความวุ่นวายในห้องน้ำตกใจจนลืมตัวบิดลูกบิดประตูซึ่งไม่ได้ล็อกเปิดประตูเข้าไปทันที…
คนตัวเล็กพุ่งตัวไปยังส่วนที่กั้นไว้อาบน้ำก่อนจะเปิดเข้าไปและมองเห็นขวดแชมพู สบู่ล้มระเนระนาดไปหมดที่พื้น กับคนตัวโตที่ยืนหันหลังให้ภายใต้สายน้ำหลับตาปี๋อีกมือก็จับเท้าที่โดนขวดแชมพูทับไปเมื่อกี๊
คชาก้มลงเก็บของบนพื้นเข้าใส่ที่ชั้นวางของดังเดิม พลางเอื้อมมือเปิดสายน้ำให้แรงขึ้นและก็เอามือช่วยเช็ดที่ดวงตาของอีกคนก่อนจะยื่นผ้าขนหนูให้…
เต๋ารับผ้าไปเช็ดหน้าก่อนจะค่อยๆพยายามลืมตาขึ้น...ภาพตรงหน้าที่มัวๆในตอนแรกเริ่มชัดในสายตา…
“แสบมากไหมพี่เต๋า ตาแดงมากเลยอ่ะ..”คชาที่ตอนนี้คงลืมตัวไปแล้วว่าสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอะไรยังไง...ดวงตาคู่เรียวตรงหน้าบ่งบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใยเต๋าเต็มที่จนอีกคนเองก็ไร้คำพูดไปด้วยเหมือนกัน…
คนตัวเล็กขยับเข้าใกล้ขึ้นอย่างลืมตัวจนตัวเองตอนนี้เปียกโดนน้ำไปด้วยก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นปาดใต้ตาของเต๋าทั้งสองข้าง…
“ดีขึ้นไหมพี่เต๋า…”
มือขาวจัดยกขึ้นจับข้อมือบางก่อนจะค่อยๆดึงอีกคนเข้าใกล้ด้วยสัญชาติญาณ...สายน้ำไหลกระทบอีกคนตรงหน้าจนเสื้อเชิ้ตขาวเปียกลู่แทบทั้งตัว…
คชาที่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าอะไรเป็นอะไร..ร่างกายก็เหมือนถูกแช่แข็งขึ้นมาในทันที...ตาเรียวเสหลบลงมองพื้นก่อนที่แก้มจะแดงขึ้นเข้าไปอีกเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอีกคนตรงหน้าเขาไม่มีอะไรใส่อยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว!!!...ซึ่งพอเห็นเข้าดังนั้น ใบหน้าหวานกระตุกมองขึ้นอัติโนมัติจนเสียหลัก..อีกคนสบโอกาสตรงนั้นดึงให้อีกคนเข้าใกล้เข้าไปอีก...สายน้ำจากฝักบัวไหลกระทบผ่านคนทั้งสองอย่างเท่าเทียมกันแล้วในตอนนี้…
เรียวแขนขาวของเต๋าค่อยๆโอบที่เอว..ที่วันนี้ทำให้เขายิ่งแน่ใจเข้าไปอีกว่า มันทั้งเล็ก ทั้งคอดและน่ากอดขนาดไหน…
สายน้ำไหลละเลียดไปทั่วจนผ้าขาวแนบไปทั่วผิวละเอียดนุ่ม...มือที่ไม่ได้โอบเอวเริ่มออกสำรวจผ่านผืนผ้า...ทุกตารางนิ้วที่ถูกสัมผัส...ผิวของคชาร้อนผ่าวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่….ลมหายใจร้อนจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นของร่างกายแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ดิบที่ถูกซ่อนอยู่ภายในที่กักเก็บไว้กำลังจะถูกปลดออกมา….
นัยน์ตาเรียวสวยของคนตัวเล็กไม่อาจหลุบซ่อนไปที่ไหนได้อีก ด้วยโดนอำนาจบางอย่างจากอีกคนที่ทำให้คชาไม่สามารถละสายตาจากดวงตาคมกริบคู่นั้นไปได้...ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้นเมื่อเรียวนิ้วของอีกคนลากผ่านจากบั้นเอวขึ้นมาเรื่อยๆ…
“อ๊ะ!”จนสัมผัสกับจุดอ่อนไหวบนแผ่นอกทำเอาอีกคนสะดุ้งเฮือกและต้องหลุดครางอย่างไม่อาจยั้งได้ด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกจุดชนวนขึ้น…
ดวงตาคู่คมของเต๋าจดจ้องจนคชาแถมหลอมละลาย...ใบหน้าร้อนผ่าวพร้อมๆกับเลือดในกายร้อนรุ่มจนแทบถึงจุดเดือดเมื่อใบหน้าคมโน้มเข้าหา..ริมฝีปากร้อนปัดผ่านบางเบาก่อนจะค่อยๆประทับจูบย้ำๆสองสามครั้ง..มือที่โอบเอวค่อยๆรัดแน่นขึ้นจนตัวแทบลอยเพื่อให้จูบได้แนบชิดมากขึ้น...ปลายลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปเบิกทาง...พร้อมๆกับนิ้วมือที่ก็ทำหน้าที่ประสานได้อย่างดี…
แม้เพียงเป็นการสะกิดเบาๆผ่านผ้าเนื้อบางที่ยอดอกแต่ก็เป็นแรงกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้คชาเริ่มเป็นคนเข้าหาอีกคนด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกพัดโหม...มือเล็กที่ตอนแรกวางกั้นตรงอกหนายกขึ้นคล้องคออีกคนอย่างรู้งาน…
กลีบปากนุ่มถูกบดขยี้แรงขึ้นตามพายุที่กำลังก่อตัว...มือแกร่งโอบอุ้มยกตัวอีกคนตัวลอยโดยไม่แม้จะละจูบอันร้อนแรงนั้นออกก่อนจะหมุนตัววางอีกคนทาบกับกำแพงเย็นเฉียบ…
มือเล็กของอีกคนจิกเกร็งแน่นเข้าที่แผ่นหลังเมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจจนเต๋าจำต้องละใบหน้าออกมา...สายตาหวานฉ่ำถูกถ่ายทอดออกมาจากคนในอ้อมกอด...ริมฝีปากร้อนประทับจูบลงบนหน้าผากมนก่อนจะค่อยๆละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง…
ตัวเล็กลืมตาขึ้นเมื่อสัมผัสบนหน้าผากจางหายก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมเร่าร้อน ทั้งสองจ้องตากันไม่นานเมื่อคชาตัดสินใจค่อยๆก้มลงไปจูบปลายคางของอีกคนพร้อมๆกับที่มือเล็กบิดที่เปิดน้ำฝักบัวปล่อยน้ำแรงสุด...ริมฝีปากเล็กกระจับค่อยๆละเลียดไปตามแนวกรามและมาหยุดลงที่มุมปากของอีกคน..
“ร้อนจัง...อาบน้ำให้คชาหน่อยนะ”
-----------99.99%-------------
Talk
เลียนแบบน้องโบ ๕๕๕๕๕๕
อีก 0.01% ก็คือตัดสินใจไม่ได้ว่าจะแต่งต่อ
หรือจะเปลี่ยนซีนไปเลย
บอกตามตรง
แต่งฟิคมาเอ่อ...จะขึ้นเป็นเลขสองตัวแล้วเนี่ย
หมายถึงจำนวนปีที่แต่งนะ ไม่ใช่อายุ ๕๕๕๕๕๕
เพราะอายุน่ะเกินเลขสองมาครึ่งทางแล้วค่ะ เฮิกกก
แต่งมาจะทศวรรษ ให้ตายก็ไม่สามารถจริงๆกับฉาก….
พูดจริง จะแต่งทีนี่เปิดฟิคหลายเรื่องเลยนะ…
ขึ้นอยู่กะว่าตอนนั้นคิดถึงฟิคใคร…
ช่วงนี้หมกมุ่นแต่งฟิคสวนด ก็เปิดแต่ฟิคของสวนด
เมนคู่ฟิคอีกคู่ ที่เค้าก็ฉลองครบสิบปีเดบิวต์กันไปก็ดองต่อไปสิ -3-
เรื่องนี้คือแบบว่าดองไว้นานมาก
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนนน
มันจะมาเองจริงๆนะ เวลามา พิมพ์เร็วมาก
พอไม่มา เข็นสองวันก็ไม่ออก
เกือบจะลบและเขียนใหม่แล้วด้วยตอนนี้อ่ะ =_=
แต่ไม่ไหวอะ มันหมดช่วงพีคคอนโคตรหล่อไปนานแล้วด้วย
แล้วฟิคนี้ที่แต่งขึ้นได้ก็เพราะเอวคชาที่คาดซะคอดกิ่วยังกะใส่โอนามิอวยเลยทีเดียวเชียว เลยไม่อยากลบแต่งใหม่ใดๆแล้ว
ไม่พอนะ กว่าจะได้ลง
อุปสรรคงานเข้าอีก เห้อ
เลยมาเลททสุดดอ่ะ
ถ้ามันติดขัดก็ขออภัยไว้ด้วยเน้อ
เก๊าทำดีสุดแล้ว เท่าที่อารมณ์ช่วงนี้จะเขียนมันออกมาได้ ;3;
หวังว่าจะชอบกันนะคะ
แล้วพบกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ
(มาโหวตกันละกัน ว่าจะเป็นตอนหน้าจะมาต่อ 0.01% ที่เหลือดีไหมนะ? เฮิกๆ)ฃ
ปล. เรื่องกิจกรรม การแสดงของมหาลัยในไทย อันๆไม่มีข้อมูลมาก พยายามหาแล้วแม้กระทั่งวิกิ ๕๕๕๕ จะโทรหาเพื่อนก็กระไร พิมพ์ตอนตีสามกว่าได้ตอนนั้น ถ้ามันผิดพลาดประการใด ก็ถือซะว่าอ่านเอาสนุกๆละกันนะคะ อยู่เมืองนอก กิจกรรมอันๆก็ไม่ทำ นอนอย่างเดียว ๕๕๕๕
:) Shalunla
ความคิดเห็น