EVERY TIME WE
TOUCH
Carol Danvers X
Natasha Romanoff
“โรมานอฟ!!”
“shxt!”
แครอลมองท่าทางตกอกตกใจของอีกคนแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
คนตัวเล็กหันกลับมาฟาดแขนเธออย่างเต็มแรงทำให้ต้องหลุดขำออกมาเหมือนทุกที
รู้ทั้งรู้ว่าตีให้ตายเธอไม่เจ็บแต่หล่อนก็ยังตีเธอไม่หยุด แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้นาตาชาจะหัวเสียกว่าปกติ
“เฮ้ๆ ขอโทษ”
แครอลจับข้อมือเล็กที่กระหนำทุบลงมาบนไหล่ของตัวเอง “เป็นอะไรรึเปล่า
ตีฉันแรงขนาดนี้เดี๋ยวคุณก็เจ็บหรอก”
“แกล้งอยู่ได้ทุกครั้ง ไม่เบื่อรึไง”
แม้จะพยายามทำเป็นนิ่งมากแค่ไหนนาตาชาก็ไม่เคยเก็บอาการงอแงไว้ได้มิด
เพราะแบบนี้แหละเธอถึงได้ชอบแกล้งหล่อนนัก
เวลาออกไปทำภารกิจไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ดวงไหนก็ตามเธอมักจะมีความสุขจากการได้ช่วยเหลือผู้คน
ได้รับคำขอบคุณได้รับรอยยิ้มกลับมาทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง
สิ่งเหล่านั้นเป็นกำลังใจชั้นดีสำหรับเธอ
แต่สำหรับโลกที่เปราะบางเป็นพิเศษใบนี้นั้นต่างออกไป
เธอมีความสุขได้จากมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่เปราะบางไม่ต่างกัน เพียงแค่ได้เห็นหน้าหล่อนเดือนละครั้งแค่นั้นเธอก็มีความสุขต่อไปได้อีกนาน
“ถ้าเบื่อก็คงไม่มาหรอก”
“ฉันไม่ได้ขอให้คุณกลับมาโลกทุก ๆ
เดือนเพื่อแกล้งฉันนะแครอล”
“รู้หน่า แต่ฉันไม่เจอเบาะแสอะไรเลย
โทษทีนะ”
นาตาชาส่ายหน้าไปมา “ช่างเถอะ คนอื่น ๆ
ก็ไม่ยังไม่เจอเหมือนกัน ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากนั่งโง่ ๆ อยู่ในห้อง”
แครอลชะงักไปเมื่อได้ยิน เธอไม่เคยเห็นนาตาชาเป็นแบบนี้มาก่อน
จริงอยู่ว่าหลายครั้งที่เธอเคยเห็นหล่อนแอบนอนร้องไห้คนเดียว
หลายครั้งที่ดวงตาคู่สวยฉายชัดถึงหัวใจที่แตกสลาย
แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่นาตาชาจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เธอหรือคนอื่นได้เห็น
แล้วทำไมครั้งนี้ถึงต่างออกไป “แนท”
“...”
“แนทหยุดก่อน... เป็นอะไร
มีอะไรที่ฉันช่วยได้ไหม” แครอลเดินตามไปขวางหน้าอีกคนเอาไว้
นาตาชาแบบนี้ไม่ใช่ภาพที่เธอคุ้นเคยเท่าไหร่นัก
คนที่มีความหวังอยู่ตลอดเวลาทำไมอยู่ ๆ ถึงดูหมดกำลังใจได้ขนาดนี้
“ไม่สำคัญอะไรหรอกหน่า
สิ่งที่เธอทำอยู่สำคัญกว่าเยอะ” นาตาชาตอบพร้อมรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มแบบฝืน ๆ
ที่หล่อนทำมาตลอดหลายปี “ครั้งนี้จะไปเลยก็ได้นะถ้ามีที่ไหนต้องรีบไป
ไม่ต้องอยู่ค้างหรอก”
“ไล่กันเลยหรอ ฉันบินมาไกล ๆ
ก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ”
นาตาชาส่ายหน้าให้กับข้ออ้างของคนที่บินข้ามกาแล็กซี่ได้ภายในสองสามอาทิตย์
“เธอพักไม่ถึงนาทีก็หายเหนื่อยแล้ว”
“จริง ๆ ก็ใช่ ฉันหายเหนื่อยแล้ว...
แต่ยังไม่หายเป็นห่วง” แครอลเกือบลืมไปแล้วว่าความรู้สึกแบบที่มนุษย์รู้สึกกันนั้นมันเป็นยังไง
และเธอก็ไม่รู้ว่าจากเรื่องราวทั้งหมดที่เคยเจอมาแนทจะยังรับรู้ความรู้สึกเหล่านั้นจากเธอได้อยู่ไหม
อย่างน้อย ๆ ก็ความเป็นห่วงเป็นใยจากใจจริง
เป็นห่วงแบบที่ไม่ใช่เพราะมันเป็นหน้าที่ของเธอ
ประโยคสั้น ๆ
ของแครอลทำให้คนฟังยิ้มออกมาเล็กน้อย “ขอบคุณนะแต่ไม่ต้องห่วงหรอก บอกแล้วไงว่าไม่ได้สำคัญ”
“สำคัญสิ
เรื่องของแนทสำคัญทุกเรื่องแหละ”
“....”
แครอลรู้สึกว่าการไปถล่มยานเอเลี่ยน
บินข้ามกาแล็กซี่ หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดนับตั้งแต่วันแรกที่ได้พลังยังง่ายกว่าการพยายามเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงตรงหน้าเสียอีก
เธอไม่แน่ใจว่าความเงียบของนาตาชาคืออะไร หากหล่อนต้องการคำปลอบใจ ต้องการกำลังใจ
หรือใครสักคนที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็ยินดีที่จะเป็นคนนั้น
หลายต่อหลายภารกิจมีคนมากมายต้องการกำลังใจและเธอก็ทำสำเร็จมาตลอด
แต่เพราะนาตาชาไม่เคยเปิดรับความช่วยเหลือจากใครเลยต่างหากเธอถึงทำตัวไม่ถูก หล่อนเต็มใจดูแลและทำเพื่อคนอื่น
แต่นับวันก็เหมือนหล่อยคอยบั่นทอนทำลายความรู้สึกตัวเอง เพราะแบบนี้ถึงจะอยากอยู่ข้าง
ๆ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่านาตาชาจะเต็มใจให้เธออยู่ด้วยไหม
“บอกฉันได้ไหมว่าคุณเป็นอะไร”
I still hear
your voice when you sleep next to me
I still feel your touch in my dreams
Forgive me my
weakness, but I don't know why
Without you it's hard to survive
นาตาชาเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าของคนที่หลับไปได้สักพัก
แขนแข็งแรงของแครอลที่โอบรอบเอวของเธออยู่ทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว
ถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ ในทีมเธอถือว่าตัวเองใช้เวลาในการให้ความไว้ใจกับแครอลน้อยมาก
เธอถามหาคำตอบจากตัวเองหลายครั้งแล้วว่าทำไม...
แต่มันไม่มีคำตอบไหนที่สมเหตุสมผลเลย
ทั้ง ๆ
ที่เธอพึ่งบอกเขาไปว่าสาเหตุที่ทำให้เธอจิตตกในวันนี้ไม่ได้เป็นเพราะใครแต่เป็นเพราะตัวเธอเอง
นาตาชารู้สึกว่าเธอทำอะไรไม่ได้มากเท่าที่ควร
การไม่ได้ช่วยเหลือผู้คนทำให้คนที่มีตราบาปติดตัวอย่างเธอรู้สึกด้อยค่าขึ้นทุกวัน
ในขณะที่ใครต่อใครต่างก็ออกไปทำหน้าที่แต่หน้าที่ของเธอกลับไม่เหลือให้ทำอีกแล้ว
‘คุณทำอยู่แนท คุณไม่ยอมแพ้
คุณไม่หมดหวัง ทั้งที่ใครต่อใครต่างก็ถอดใจกันไปหมดแต่คุณก็ยังคงสู้’
แครอลพูดพร้อมกับดึงตัวเธอเข้าไปกอด ‘และฉันสัญญาว่าจะสู้ไปกับคุณ’
ปลายนิ้วไล้สัมผัสไปตามโครงหน้าของคนที่ให้กำลังใจเธอเมื่อตอนเย็น
อยู่ดี ๆ ก็เกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้นมาว่าถ้าเธอได้นอนมองอีกคนทุกคืนก็คงจะดี
“ทำอะไร ทำไมไม่หลับ”
“แครอล!”
แครอลลืมตาขึ้นมากลางความมืดทำเอาคนที่แอบมองผงะไป
ยังดีที่แครอลกอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่นไม่งั้นก็คงตกเตียงไปแล้ว
อาจจะเพราะหน้าที่ที่ทำให้เธอความรู้สึกไว
ความจริงเธอตื่นตั้งแต่ตอนที่นาตาชาขยับตัวแล้วล่ะ แต่คิดว่าอีกคนคงแค่นอนดิ้น
จนรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากปลายนิ้วที่ใบหน้าและลมหายใจอุ่น ๆ ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้กว่าปกติถึงได้มั่นใจว่าอีกคนยังตื่นอยู่แน่
“ว่าไง ทำไมไม่ยอมนอนคะ”
“ก ก็มันยังไม่ง่วง”
แครอลเลิกคิ้วขึ้นพลางหันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง
“ตีสามเนี่ยนะไม่ง่วง”
“ยังคิดมากอยู่หรอ”
แครอลถามต่อเมื่ออีกคนตอบกลับมาเพียงความเงียบแถมยังพยายามหลบสายตาเธออีก
“เปล่า ไม่แล้ว”
แครอลกระชับอ้อมกอดให้อีกคนเข้ามาใกล้ก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบกลุ่มผมที่เริ่มยาวจนเห็นสีผมที่แท้จริง
ผมสีแดงเข้มกับดวงตาสีมรกตมีเสน่อย่างน่าประหลาด
จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อทำให้เธอรู้สึกว่าคนตรงหน้าเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าสิ่งใด
“งั้นก็แปลว่าไม่อยากนอน” แครอลยกยิ้มมุมปากตามแบบฉบับของเธอจนอีกคนต้องเบือนหน้าหนี
“อะไร จะทำอะไร เอาใหญ่แล้วนะแครอล”
คนตัวเล็กทำได้แค่ยกมือขึ้นมากั้นไว้ระหว่างตัว เพราะถึงจะออกแรงดันแครอลยังไง
เธอก็สู้แรงคนบ้าพลังไม่ได้หรอก แล้วยิ่งดิ้นก็เหมือนจะยิ่งเข้าทางอีกคน
แครอลสอดมือทั้งสองข้างเข้ามาจี้เอวเธอเหมือนเด็ก ๆ
ไม่น่าเผลอบอกไปเลยว่าจุดอ่อนของเธอคือบ้าจี้
เสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินมานานดังออกมาจากห้องนอนของนาตาชาทำให้บรรยายกาศที่ฐานดีขึ้นมาบ้าง
“ไปบ้าแคล เหนื่อยแล้ว หยุดเลยนะ!”
“ก็ดีแล้ว จะได้ง่วงไง”
นาตาชาพลิกตัวหนีอีกคนไปทั่วทั้งเตียง
แต่ยิ่งเธอหนีอีกคนก็ยิ่งสนุก สัมผัสใกล้ชิดไม่ได้ทำให้อึดอัดแต่กลายเป็นผ่อนคลาย
ไม่ใช่แค่ความสบายใจที่ได้ระบายความในใจออกไปกับใครสักคนแต่พร้อมที่จะวางหัวใจเอาไว้ข้าง
ๆ กัน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มาจากความรู้สึกจริง ๆ
ความรู้สึกที่ช่วยย้ำเตือนว่าพวกเธอยังคงเป็นมนุษย์ที่เจ็บได้ เสียใจเป็น
และคู่ควรที่จะมีความสุข
“เดี๋ยว แคล...”
นาตาชารั้งมือทั้งสองของอีกคนที่เหมือนจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นมาจากเดิมเอาไว้
เธอไม่ได้อยากจะห้ามอีกคนเลยสักนิด แต่ทุกเรื่องที่ควรจะง่ายดายสำหรับกลับกลายเป็นยากไปเสียหมด
เราสบตากันในความมืดด้วยความเข้าใจ
เส้นบาง ๆ
ที่สัมผัสเพียงแผ่วเบาก็พร้อมจะขาดสะบั้นมันยากที่จะสะกดเอาไว้แต่เราลืมตาตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ล่ะ
ทุกอย่างจะยิ่งยากขึ้นรึเปล่า “เราหยุด... ดีกว่าไหม” คนตัวเล็กเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า
ขบกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างใช้ความคิด
นาตาชาจะรู้ตัวไหมว่าการห้ามเธอด้วยท่าทางแบบนี้มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอยากจะหยุดเลย
“อย่าถามเลยว่าดีไหม” แครอลเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อน
ขยับร่างกายของทั้งคู่ให้แนบชิดกันจนแทบจะไม่ต้องถามหาคำตอบ
จังหวะการเต้นของหัวใจดังชัดในความรู้สึก
“เราหยุดไม่ได้หรอก”
'Cause every
time we touch, I get this feeling
And every time we kiss I swear I could fly
Can't you feel my heart beat fast, I want this to last
Need you by my side
แครอลโน้มตัวลงไปแนบริมฝีปากเบา
ๆ กับหน้าผากของคนที่ยังงัวเงีย อื้ออออ
คนที่ยังอยู่ใต้ผ้าห่มพลิกตัวหันหลังให้เธอแถมยังซุกหน้าลงกับหมอนราวกับเด็กน้อยขี้เซาที่ไม่ยอมลุกไปโรงเรียนทั้งที่ปกติหล่อนจะต้องตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกาย
“แนท ตื่นได้แล้ว สายแล้ว”
“กี่โมง”
“จะสิบโมงแล้ว”
“ห้ะ! สายขนาดนั้นแล้วหรอ”
ร่างเล็กลุกพรวดขึ้นทันทีทำให้ผ้าห่มที่ถือเป็นผ้าชิ้นเดียวที่ช่วยปกปิดร่างกายร่วงลงไปกองอยู่ที่หน้าตัก
“ด เดี๋ยวออกไปทำแซนวิชให้นะ”
นาตาชามองตามท่าทางอึกอักของอีกคนจนลับสายตาก่อนจะรู้สึกได้ถึงลมเย็น
ๆ จากเครื่องปรับอากาศที่มากระทบกับผิวกาย ให้ตายสิ!! เธอยกผ้าห่มขึ้นปิดร่างกายตัวเองแต่ก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไรแล้วในตอนนี้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในความคิดเป็นฉาก ๆ เธอจดจำมันได้ทุกสัมผัสทุกขั้นตอนและทุกคำพูด
‘ฉันมีภารกิจที่ต้องทำมีจักรวาลที่ต้องดูแล แต่เมื่อไหร่ที่คุณต้องการฉันนะแนท
แค่คุณเรียกฉัน ฉันก็จะมาอยู่ตรงนี้ มากอดคุณเอาไว้แบบนี้ทันที’
ถ้าต้องการก็จะมางั้นหรอ...
นาตาชาอมยิ้มกับตัวเองอีกครั้ง ชีวิตของพวกเธอทั้งคู่ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าหน้าที่เธอเข้าใจดี
มีอะไรอีกมากมายที่เราต่างต้องรับผิดชอบ
เพราะฉะนั้นแค่มีคำสัญญาที่ให้ต่อกันเอาไว้ แค่นั้นเธอก็พอใจแล้ว
“แคล... แครอล” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ให้คำสัญญากับเธอเอาไว้จะมีก็แต่เสียงเอะอะมาจากไหนครัวทำให้เธอรีบเดินออกไปดูแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเนบูล่านั่งทำหน้าเอือมระอาอยู่บนโซฟา
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้าเนบูล่าอยู่ที่นี้แล้วอีกคนที่จะกลับมาพร้อมกันคือใคร
“เอาคืนมานะหน้าขน นั่นของฉัน!!”
“อย่างกหน่าแดนเวอร์ส”
นาตาชาได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเอือมระอาไม่ต่างจากคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้า
“ตีกันอีกแล้วหรอ”
“อืม แต่เช้าลย”
เนบูล่าตอบพลางส่ายหน้าอย่างจนปัญญากับคนที่ไม่รู้จักโตทั้งสองคน
“นี่มาถึงนานแล้วหรอ”
“ตั้งแต่เมื่อคืน”
คำตอบของเนบูล่าทำให้เธอชะงักไป
จะเป็นไปได้ยังไง ปกติเวลายานลงจอดน่ะเสียงดังจะตายไม่มีทางที่เธอจะไม่ได้ยิน
ปกติต่อให้หลับอยู่เธอก็จะตื่นขึ้นมาแล้วก็ออกไปต้อนรับทุกคนเวลากลับมาที่ฐาน เว้นก็แต่ว่าเธอกำลังยุ่งจนไม่ได้สนใจ...
“ตอนประมาณตีสาม”
ชัดเลย...
“ปกติไม่เห็นกินเนยถั่ว
ของแดนเวอร์สหรือของโรมานอฟกันแน่!!”
เสียงโวยวายของร็อคเก็ตที่ดังมาจากในครัวอีกครั้งทำให้เธอต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
“รู้กันหมดทุกคนรึยัง”
“ร็อคเก็ตบอกว่าถ้าให้ปืนใหม่สักสองสามกระบอกก็จะไม่บอกใคร”
นาตาชาถอดหายใจอย่างโล่งอก “ก็ยังดี”
ส่วนตัวเธอน่ะไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่อีกคนน่ะสิไม่รู้จะว่ายังไง
“ร็อคเก็ตไม่บอก... แต่ฉันบอกไปแล้ว”
“ห้ะ!”
นาตาชาเบิกตากว้างหันกลับไปสบตากับคนที่นั่งจ้องหน้าเธอนิ่ง ๆ เนบูล่าก็คือเนบูล่า
ใครจะไปเดาใจได้กัน “นี่พูดจริงหรือพูดเล่น”
“พูดเล่น”
“...”
นาตาชาอยากจะบ้าตายกับคนที่พูดทุกอย่างออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีจังหวะ
ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีอะไรเลยที่ทำให้เธอพอจะเดาได้
ซึ่งเนบูล่าก็เป็นอย่างนี้มาตลอดแต่ไปหัดพูดเล่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ไม่รู้ว่าสนิทกับโทนี่มากไปหรืออยู่กับร็อคเก็ตเยอะเกิน
“แล้วเป็นไงบ้างรอบนี้ เจออะไรบ้างไหม” เธอเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดไปเลยดีกว่าต้องมานั่งอ่านความคิดของคนที่เดาใจยากที่สุดในทีม
“ไม่เจอเกี่ยวกับเรื่องนั้น
แต่เหมือนว่าดาวดวงนึงกำลังมีปัญหาเลยว่าจะมาบอกแดนเวอร์ส”
นาตาชาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ หลาย ๆ ครั้งที่ใครไปเจอปัญหาอะไรมาถ้าสามารถให้ความช่วยเหลือได้ก็จะช่วย
แต่ถ้าเป็นปัญหาที่อาจจะเกินกำลัง
เพื่อความปลอดภัยของทุกคนก็เลยตกลงกันว่าจะแจ้งแครอลให้ไปจัดการ
“งั้นเดี๋ยวไปตามให้ ไม่งั้นตีกันทั้งวันก็ไม่จบ”
'Cause every
time we touch, I feel the static
And every time we kiss I reach for the sky
Can't you hear my heart beat so I can't let you go
Want you in my life
ข้อมูลที่ได้รับมาจากเนบูล่าและร็อคเก็ตทำให้เธอต้องรีบไปเพราะดาวที่ว่านั่นน่าจะต้องใช้เวลาเดินทางสองถึงสามวัน
และยิ่งไปถึงได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี “เดือนหน้าเจอกันนะ”
แครอลโน้มตัวไปจูบที่มุมปากของอีกคนก่อนจะผละออก
“เดี๋ยว” นาตาชาอมยิ้มมองคนขี้เก๊กที่ทำหน้านิ่งแต่พวงแก้มขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อไปถึงใบหู
ก็เข้าใจว่าแครอลคงไม่ค่อยถนัดเรื่องความสัมพันธ์ไม่ต่างไปจากเธอ
เอาแต่บินไปบินมาคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับใครจนผูกพันธ์ แต่ถ้าเทียบอายุกันจริง ๆ
แล้วเขาแก่กว่าเธอด้วยซ้ำ ที่สำคัญ...มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว
ไม่รู้จะเขินอะไรนักหนา
“ผู้ใหญ่น่ะเขาทำกันแบบนี้” นาตาชาดึงปลายเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำตัวเก่งของตัวเองที่อีกคนขอไปใส่เพื่อให้เขาขยับเข้ามาใกล้
ยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอคนที่สูงกว่าตัวเองเป็นสิบเซนแล้วประกบริมฝีปากลงบนส่วนเดียวกัน
เน้นสัมผัสอย่างเชื่องช้าเพื่อให้เราจดจำได้ทุกรายละเอียดก่อนจะผละออก
“อะ ไปได้แล้ว”
“อะไรเนี่ย ฟันแล้วทิ้งหรอ”
นาตาชาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมา
“ไปเอาคำแบบนี้มาจากไหนเนี่ย”
“ในทีวี”
“มันไม่ได้แปล- ว้าย! ทำอะไรเนี่ยแครอล”
นาตาชาเปลี่ยนจากมือที่โอบรอบลำคออีกคนเพียง ๆ หลวมเป็นกอดเอาไว้แน่นเมื่ออยู่ดี ๆ
แครอลก็พาเธอบินขึ้นไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
“มีคนแอบมอง”
นาตาชาหันตามอีกคนไปมองใต้ตัวอาคารก็เห็นร็อคเก็ตกับเนบูล่ากำลังมองมา
“แล้วขึ้นมาแอบบนหลังคาเนี่ยนะแคล”
“ก็รำคาญหน้าขน”
นาตาชามองคนที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างขำ
ๆ ไม่รู้จะตีกันไปถึงไหนสองคนนี้ “แล้วมีอะไรอีกคะ ก็บอกว่าให้ไปได้แล้ว”
“ยังไม่ไป” แครอลประคองใบหน้าสวยของนาตาชาเข้ามาใกล้
ขบเม้มริมฝีปากอิ่มเพื่อที่จะช่วงชิงสัมผัสแบบผู้ใหญ่ตามที่อีกคนพูดเอาไว้
ดูดกลืนความหอมหวานระหว่างเราจนพอใจแล้วเลื่อนไปจุมพิตเบา ๆ
ที่ข้างแก้มก่อนจะผละออก “แบบนี้ที่เรียกว่าต่างหากผู้ใหญ่”
นาตาชากระพริบตาถี่ ๆ
เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วก็แครอลยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้ที่เอาชนะเธอได้อย่างขัดใจ
“ไอบ้าแคล! แล้วนั่นจะไปไหน!!”
“ก็บอกว่าให้ไปได้แล้วไม่ใช่หรอ”
แครอลยักไหล่ด้วยท่าทีกวน ๆ แบบที่ชอบทำก่อนที่จะลอยตัวขึ้นไปในอากาศ
“ก็มาพาลงไปก่อนสิ!!”
“แค่หลังคาเองนะ ระดับนาตาชา โรมานอฟลงเองได้อยู่แล้ว”
และเพียงแค่เธอกระพริบตาแครอลก็บินหายวับไปบนท้องฟ้า
“ไอบ้าเอ้ย!” เดี๋ยวนี้แกล้งเธอทั้งตอนมาแล้วก็ตอนไปเลยนะ! จริงอยู่ว่าถ้าเป็นเวลาปกติให้เธอลงจากหลังคาน่ะไม่ยากหรอก
แต่ที่แครอลทำเมื่อกี้เธอจะยืนอยู่ยังแทบไม่มีแรงเลย
Your arms are
my castle, your heart is my sky
They wipe away tears that I cry
The good and the bad times we've been through them all
You make me rise when I fall
‘แล้วเดือนนี้จะได้เจอเธอไหม’
‘คงไม่ได้เจออีกสักพักเลย ช่วงนี้ยุ่ง ๆ
น่ะ’
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นหน้านาตาชา
ทั้ง ๆ ที่สัญญาเอาไว้แล้ว... ถ้าวันนั้นเธอกลับไป ถ้าวันนั้นเธอไปอยู่ข้าง ๆ
แนททุกอย่างอาจจะไม่จบลงแบบนี้ก็ได้ แครอลยกมือขึ้นปาดน้ำตาหลังจากเสร็จสิ้นพิธีสตาร์ค
เธอรู้ว่าความเจ็บปวดของตัวเองคงไม่อาจเทียบเท่ากับคนอื่น ๆ
ที่ผูกพันกันมาเป็นเวลานาน เธออยู่ตัวคนเดียวมานาน เธอมีหน้าที่ที่ต้องทำ
และสิ่งที่เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียมาไม่น้อยเช่นกัน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เทียบได้กับครั้งนี้
แครอลไม่เพียงแต่เจ็บปวด แต่เธอเจ็บใจตัวเอง
ยิ่งนึกย้อนถึงวันเก่า ๆ นึกถึงวันที่แนทถามว่าเธอจะกลับไปไหม
แต่เธอเลือกที่จะสานต่อภารกิจตรงหน้าให้เสร็จ
ใครจะรู้ว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นหน้านาตาชา
เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกลาด้วยซ้ำ แต่เธอจะโทษใครได้นอกจากตัวเอง
“แล้วนั่นจะไปไหน”
แครอลหันกลับไปมองฟิวรี่ อย่างน้อย ๆ
เธอก็มีส่วนช่วยเขาได้ ช่วยทุกคนได้ แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด
“ไม่รู้สิ” เธอตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะบินออกมาจากโลก บินไปเรื่อย ๆ
อย่างไร้จุดหมายไร้ทิศทาง
พลังที่เธอมีสามารถพาตัวเองไปได้ทุกที่
จะดวงจันทร์หรือพระอาทิตย์ จะกาแล็กซี่นี้หรือข้ามไปอีกกาแล็กซี่นึงเธอก็ไปได้ทั้งนั้น
‘เธอพักไม่ถึงนาทีก็หายเหนื่อยแล้ว’ เสียงหวานปนแหบของนาตาชายังติดอยู่ในความคิด
แต่ในตอนไหนเธอไม่รู้ว่าที่ที่เธออยากไปอยู่ที่ไหน เธอไม่สามารถหาคำตอบได้ ที่ที่มีนาตาชาอยู่ที่ไหน...
แครอลลอยเคว้งอยู่กลางอวกาศอย่างไร้ซึ่งคำตอบให้ตัวเอง
ไกล ไกลเกินกว่าจะไปถึง
คือความรู้สึกที่เธอไม่เคยต้องรู้สึกมาก่อนจนกระทั่งวันนี้
'Cause every
time we touch, I get this feeling
And every time we kiss I swear I could fly
Can't you feel my heart beat fast, I want this to last
Need you by my side
นับตั้งแต่ได้พลังมาเธอก็ไม่เคยคิดจะอยู่ที่โลกเกินกว่าหนึ่งอาทิตย์
เธอมีหลายที่ที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้เธอก็ยังทำมันอยู่
ทำหน้าที่ของตัวเองให้ได้ดี ไม่ให้แพ้ใครอีกคนที่ทำมันจนนาทีสุดท้ายของชีวิต
แต่ทุก ๆ ครั้งเสร็จภารกิจแครอลจะกลับมาที่โลก
ฐานใหม่ที่พึ่งสร้างได้ไม่นานแม้จะแทบไม่เหลือร่องรอยของนาตาชา
แต่การสร้างทุกอย่างให้เหมือนเดิมมันก็ช่วยให้หายคิดถึงได้บ้าง
แจ็คเก็ตตัวเก่งของหล่อนที่เธอเอาไปและยังไม่ได้เอากลับมาคืนเป็นของใช้ส่วนตัวชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่
“ฉันกลับมาที่โลกบ่อยขึ้นแล้วนะแนท
มากกว่าเดือนละครั้งอีก” แครอลนอนบนเตียงในห้องที่พยายามจัดให้เหมือนเดิมมากที่สุดพร้อมกับกอดแจ็คเก็ตไว้แนบอก
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ไม่รู้ว่ายังหลงเหลืออยู่จริง ๆ
หรือเป็นเพราะเธอแค่จำมันได้อย่างชัดเจนในความรู้สึกกันแน่ “และทุกครั้งที่กลับมาฉันก็หวังว่าจะได้เจอคุณ”
เธอกระซิบเบา ๆ กับลมกับฟ้าเพื่อหวังว่าหล่อนจะได้ยิน
“ฉันกลับมาแล้วไงแนท
ฉันกลับมาแล้ว... แล้วเมื่อไหร่คุณจะกลับมาสักที”
'Cause every
time we touch, I feel the static
And every time we kiss I reach for the sky
Can't you hear my heart beat so I can't let you go
Want you in my life
.
.
.
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ใจไม่ดีตั้งแต่กลางเรื่องแล้วยังใจดีสู้เสือต่อไปเพราะมันละมุนมากไรท์ ภาษาที่คุณถ่ายทอดออกมามันน่ารักมาก จนตอนจบมันก็ยังให้ฟิลฟุ้งๆอยู่เลย แต่แบบ...มันไม่ไหว เหมือนโดนพาไปนอกโลกแล้วเหวี่ยงทะลุชั้นบรรยากาศมากระแทกพื้น สุดยอด ขยี้ได้สะใจมากค่ะ ชอบ!!!!
ภาษาดีมากเลยค่ะไรท์เตอร์ มากหวานๆนี่น่ารักมากเลยอ่านไปเขินไป ส่วนตอนท้ายนี่ดิ่งในหนังก็คือร้องไห้อ่ะมาอ่านในฟิคก็คืออินมาก สงสารแครอล กลับมาอีกทีก็ไม่เจอแนทแล้ว ประโยคสุดท้ายนี่เจ็บปวดมากㅠㅠ
ฉากนั้นในหนังนี่เราว่าเราก็ใจสลายแล้วนะคะ แต่พอมาในฟิคนี่แบบ TTvTT นั้มตาท่วมอีกรอบ
ฟิคของคุณ ด้วยทั้งเนื้อเรื่อง การเขียนบรรยาย มันเป็นอะไรที่ทัชใจไปหมดจนทำให้อินสุดๆไปเลยค่ะ ทั้งเจ็บทั้งสงสารแคลจับใจ ยิ่งประโยคสุดท้ายยิ่งแบบ อรุ่กกกก
ขอบคุณนะคะที่เขียนฟิคดีๆเรื่องนี้ ชอบมากๆเลยค่ะ
ฮื่ออ ไม่ได้อ่านไรที่ทำน้ำตาซึมแบบนี้มานานมากก เหมือนได้ฮีลและก็ดิ่งวูบhpติดลบไปเลย อยากบอกว่าฟีลขึ้นลงเหมือนดูหนังแต่ก็ยังหมั่นในบทหลายๆอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล รู้สึกเหมือนมาระบายเนอะ555 แต่ความประทับใจนี้เราจะมองข้ามคำผิดไปค่ะ(: /ปากลจ
ร้องไห้แบบร้องจนตัวโยนเลยค่ะ ฮืออออออออ คุณแต่งได้ดีมากๆเลยค่ะ เราอินไปหมด ไม่ว่าจะเป็นฉากที่กุ๊กกิ๊กกันหรือฉากเศร้าๆ คุณก็เล่าเรื่องได้ดีมากๆ คุณเอาฉากต่างๆในหนังมาผูกกันและเติมเนื้อเรื่องเข้าไปจนเป็นเรื่องนี้ได้แบบ ลื่นไหลมากเลยค่ะ อ่านแล้วไม่มีสะดุดเลย ทุกการกระทำทุกคำพูดของตัวละครมันดูมีเหตุผลที่ดีจริงๆ ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งขึ้นมานะคะ :ㅡ)
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 2 พฤษภาคม 2562 / 22:41
"เมื่อไรคุณจะกลับมาสักที" ร้องไห้แล้วค่ะ ????
น้ำตามา... แงงงง
ขยี้ยิ่งกว่าบทรุสโซ่ ;w; สงสัยน้องแคลมากTT