มัชฌิมพิภพ ตอน ขลุ่ยวิเศษสมุทรมรกต - นิยาย มัชฌิมพิภพ ตอน ขลุ่ยวิเศษสมุทรมรกต : Dek-D.com - Writer
×

    มัชฌิมพิภพ ตอน ขลุ่ยวิเศษสมุทรมรกต

    ผู้เข้าชมรวม

    236

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    236

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  6 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  28 เม.ย. 66 / 15:35 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    แสงนวลของเหล่าราชินีแห่งราตรีทั้งสามส่องผาดผ่านเหนือผืนทะเลสาบ อัคคารัน อย่างอ่อนโยน และประหนึ่งว่าจะตอบรับกับอ้อมกอดแห่งแสงจันทร์ ท้องธาราได้ถักทอแสงนวลนั้นให้เป็นประกายระยิบระยับประชันกับแสงแห่งเหล่าดารานับล้านเบื้องบน สายลมอันเย็นระรื่นพัดพลิ้วผ่าน กระจายกลิ่นอันหอมหวานของดอกไม้ป่าให้กำจายไปทั่วอาณาจักรแห่งป่าโบราณ เสียงกระซิบของสายลมเคลื่อนผ่านเหล่าพฤกษาผู้อ่อนไหวทั้งยังขยับกิ่งใบตอบรับ ผสมผสานขับขานเป็นดนตรีแห่งราตรีอันสงบ สมถะและงดงาม

    จะมีก็เพียงแต่เหล่าเกสรดาราเท่านั้นที่รู้จักสดับฟังความไพเราะของบทเพลงแห่งราตรี ส่องเสพถึงความงามแห่งประกายดาราบนผืนน้ำ กำซ่านถึงความหอมหวานของมวลดอกไม้ป่าในอณูอากาศ และโลดแล่นลัดเลาะไปตามหมู่แมกไม้กับสายลมราตรี ส่วนเหล่ามนุษย์นั้น จะมีก็แต่เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรู้จักเสพธรรมชาติดั่งเช่นเหล่าภูต

    ราตรีนี้เป็นอีกหนึ่งราตรีอันงดงามดั่งเช่นทุก ๆ ราตรีที่ผ่านมาในดินแดน มัชฌิมโลก ภายใต้การปกครองแห่งเหล่าผู้นำที่ทรงอำนาจทั้งหลาย ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่ทุกเผ่าพันธุ์ต่างอยู่ร่วมกันอย่างสงบ สันติ

    ทะเลสาบอัคคารัน หรือทะเลสาบนาคะคีรี จัดว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสามในมหาทวีปเพรีนเทดาร์นี้ กินอาณาเขตกว้างติดชายแดนของสามประเทศ อันได้แก่ ประเทศดาเรนองค์ ประเทศอันฟีรีย์ และ ประเทศทินนาคานส์

    ทะเลสาบแห่งนี้มีเหล่าภูตธรรมชาติสถิตอยู่ตามพื้นที่แผ่นดินโดยรอบและในห้วงน้ำเหลือคณานับ จนกลายเป็นที่มาของฉายานามของมันอีกชื่อหนึ่งคือ ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์

    ครั้นเมื่อสายลมอ่อนโยนแห่งราตรีพลิ้วหอบนำกลิ่นอวลหอมของดอกไม้ป่าออกมาจากป่าโบราณ คูไร ลอยล่องฟุ้งมายังริมทะเลสาบอีกครา ก็พลันบังเกิดเรื่องราวหนึ่งขึ้น

    ผืนน้ำที่กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นอย่างสงบ กลับปั่นป่วนกินพื้นที่ในทะเลสาบเป็นบริเวณกว้าง ผิวน้ำถูกบิดให้หมุนวนเป็นเกลียวไชลงไปใต้ทะเลสาบอันลึกราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าแปลกยิ่งนักที่สายลมยังคงพัดมาอย่างระเรื่อยราวกับไม่สนใจกับความ อลหม่านที่เกิดขึ้นในทะเลสาบ ทุกสรรพสิ่งบนผืนดินยังคงดำเนินต่อไปราวกับไม่รับรู้กับเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้น

    ภายใต้ผืนน้ำลึกลงไปนั้น พลันปรากฏเงาร่างอ้อนแอ้นเงาร่างหนึ่งที่ปลายของเกลียวน้ำวนผุดลอยขึ้นมายังผิวน้ำเบื้องบนอย่างช้า ๆ โดยไม่ได้แยแสกับกระแสอันเชี่ยวกรากรอบ ๆ กาย เงาร่างนั้นค่อย ๆ กระจ่างขึ้นเมื่อลอยมาเกือบถึงผิวน้ำ

    ราชินีแห่งราตรีทั้งสามยังคงทอแสงอ่อนโยนลงมาโดยมิได้ถูกบดบังด้วยเมฆาผู้อิสระ หากแต่รัศมีของนางทั้งสามหาได้สุกสกาวเท่ากับร่างอ้อนแอ้นที่ผุดผาดเหนือผิวน้ำนั้นไม่ เส้นผมยาวอันดำขลับพลิ้วสยายไปตามลมราตรีที่เข้ามาทักทายคลอเคลียและสะท้อนระยิบระยับเมื่อต้องแสงดารา วงหน้านั้นสวยซึ้งดูไร้เดียงสาปานความงามของมวลบุปผชาติ ทั้งยังเปล่งประกายเป็นนวลใยราวกับถูกสลักขึ้นมาจากหยกขาวอันศักดิ์สิทธิ์ ร่างอันบอบบางสวมใส่อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ละอองแห่งแสงจันทร์ทั้งสามขับให้ชุดของนางเปล่งรัศมีมิแพ้เหล่าราชินีบนนภา

    นางผู้มาจากท้องธารา เพียงเหลือบมองรอบกายเพียงชั่วขณะ จากนั้นจึงพลิ้วร่างเหินเข้าสู่ป่าโบราณอย่างนุ่มนวล

    บทเพลงแห่งราตรีได้ขับขานบรรเลงต่อจนกระทั่งรุ่งอุษา ราบเรียบและสงบราวกับมิได้เกิดเหตุอันใดขึ้น หากทว่าจะเป็นเยี่ยงนั้นต่อไปในอนาคตกระนั้นหรือ



     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น