Guardian University. - นิยาย Guardian University. : Dek-D.com - Writer
×

    Guardian University.

    "จะเป็นเช่นไร..หากโลกเราจะถูกกู้โดยกลุ่มผู้กล้าที่บ้าหลุดโลก?" เรื่องราวสุดฮาในรั้วโรงเรียนของเหล่าผู้กล้า ผู้ที่จะมาปราบเหล่าปีศาจร้ายให้หมดสิ้นไปจากโลก

    ผู้เข้าชมรวม

    32,325

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    24

    ผู้เข้าชมรวม


    32.32K

    ความคิดเห็น


    642

    คนติดตาม


    154
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  115 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  4 เม.ย. 52 / 00:02 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    จะเป็นเช่นไร..หากโลกเราจะถูกกู้โดยกลุ่มผู้กล้าที่บ้าหลุดโลก? 

    นิยายเรื่องนี้จะอัพทุกวันอาทิตย์ครับ

    ปล. หากสัปดาห์ใดงดลง ผมจะโพสบอกที่ความคิดเห็นนะครับ
    ปล.2 หากสัปดาห์ใดลงสองตอน ผมจะโพสบอกไว้ที่ความคิดเห็นเช่นกันนะครับ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "วิจารณ์"

    (แจ้งลบ)

    แวะมาวิจารณ์ครับ (พอดีเห็นในบอร์ด) พยายามจะไม่สับนะ เข้าข้างผู้แต่งสุดความสามารถ (อ่านถึงตอนที่หกอยู่ครับ) เรื่องนี้ความจริงมีส่วนดีอยู่เยอะแยะไปหมด แต่พยายามจะงดไว้ไม่ชมเชย (55+ ถ้าชมมากแล้วด่าจะดูเป็นการตบหัวแล้วลูบหลังชอบกล) เท่าที่ดูจะเห็นความใส่ใจของผู้แต่งที่มีให้กับผลงานพอควรเลย ดูจากที่ผู้แต่งได้ใส่ป้ายประกาศ ข้อมูลโรงเรียน หรืออะไรก็ตาม ... อ่านเพิ่มเติม

    แวะมาวิจารณ์ครับ (พอดีเห็นในบอร์ด) พยายามจะไม่สับนะ เข้าข้างผู้แต่งสุดความสามารถ (อ่านถึงตอนที่หกอยู่ครับ) เรื่องนี้ความจริงมีส่วนดีอยู่เยอะแยะไปหมด แต่พยายามจะงดไว้ไม่ชมเชย (55+ ถ้าชมมากแล้วด่าจะดูเป็นการตบหัวแล้วลูบหลังชอบกล) เท่าที่ดูจะเห็นความใส่ใจของผู้แต่งที่มีให้กับผลงานพอควรเลย ดูจากที่ผู้แต่งได้ใส่ป้ายประกาศ ข้อมูลโรงเรียน หรืออะไรก็ตามที่สร้างสีสันให้กับเรื่องไม่ให้น่าเบื่อ จะให้เปรียบเรื่องนี้ก็เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่งดงาม ราคาแพง แต่เสียดายที่จิ๊กซอว์ไม่ครบชิ้น รายระเอียดต่างๆ ในเรื่องแตกกระจายเหมือนเศษกระจก ไม่สมบูรณ์ เริ่มโดยความสวยงามของหน้ากระดาษ จัดอักษรและบรรทัดให้อ่านง่ายนั้นมีส่วนดึงดูดผู้อ่านไม่น้อยไปกว่าหน้าปกของหนังสือเลยทีเดียว ทางที่ดีอย่าละเลยมันไป ต่อมาเป็นความเสถียรของกระดาษ บางบทเน้นไปที่บทพูด บางบทมีบทบรรยายเยอะพอควร แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นบทบรรยายความคิดผู้แต่งเองเสียส่วนใหญ่ (ในบทแรกๆ) แชร์ให้มันพอดีกันจะยอดมากครับ ควรทราบว่านิยายแฟนตาซีมีเอกลักษณ์เหนือนิยายประเภทอื่นๆ ตรงที่ผู้แต่งต้องถ่ายทอดจินตนาการ ความรู้สึก พรรณนาสภาพแวดล้อม ให้ผู้อ่านซึมซับและฝันตามได้เอง เรื่องนี้รูปแบบกลายเป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวน ชวนให้นึกถึงเรื่องของอธากา คริสตี้ที่มีบทพูดมากมาย นี่มันแฟนตาซีนะครับ ถัดมาเป็นเอกลักษณ์ทางภาษาของตัวละคร ดูแล้วเหมือนตัวละครแต่ละตัวถูก SET ขึ้นมาว่าฉากนี้ต้องพูดประโยคนี้ ตอนนี้ต้องพูดคำนี้ สมมติว่าพอตัวละครนี้เจ็บตัวละครข้างๆ ต้องถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า” พอตัวละครนี้หิวก็จะมีคนถามว่า “อยากกินอะไร” พอตัวละครนี้ต้องการข้อมูลก็จะมีตัวละครอีกตัวคอยป้อนข้อมูลต่างๆ ให้ พอตัวละครสงสัยก็ความตรงๆ พอตัวละครเดินสะดุดก็บ่น มันเหมือนถูกคอมพิวเตอร์สั่งการณ์ ไม่มีความลื่นไหล ไม่มีมิติ มันไม่มีเสน่ห์ ของตัวละครเลยครับ หากถามว่า คุณคิดเห็นอย่างไรกับการเมืองไทยครั้งนี้ ลองไปถามเฟร็ด กับจอร์จในเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทั้งคู่คงหัวเราะแล้วตอบติดตลกให้เราฟังแน่นอน ลองไปถามเฮอร์ไมโอนี ในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ เธอเองก็คงต้องบรรยายสถานการณ์ของไทยแบบละเอียดยิบตามแบบฉบับของเธอ ลองไปถามคาโล วาเนบลีในเรื่อง หัวขโมยแห่งบารามอส เจ้าตัวคงเก๊กสักพักแล้วตอบอย่างเย็นชาตรงๆ ไปแบบไม่อ้อมค้อม สั้น ห้วน จบ ลองไปถามเฟริน ในเรื่องหัวขโมยแห่งบารามอส (อีกนั่นแหละ...) เฟรินคงบ่นว่าน่าเบื่อ พาลชวนเล่นหมากรุก ลองไปถามลูฟี่ จากวันพีช หมอนั่นคงงงเป็นไก่ตาแตก ถามว่า อะไรคือการเมืองอ่ะ ก็แหม... สมองเขามีแต่เรื่องกินนี่นา ตัวละครที่ยกมานั้นเราสามารถคาดเดาความคิด คำพูด การกระทำได้ส่วนหนึ่ง แสดงว่าผู้แต่งมีความสำเร็จในการสร้างเสน่ห์ และเอกลักษณ์ให้ตัวละครเป็นที่น่าจดจำและมีชีวิตจริงๆ หากผู้แต่งสามารถโยงเหตุการณ์ให้สอดคล้องกับอุปนิสัยของตัวละครได้ โดยไม่เป็นการโยนเหตุการณ์ใส่ตัวละครแบบขอไปที อาทิเช่นต้องการให้ตัวละครทำแบบนี้ทำแบบนั้น ก็ใส่เหตุการณ์ลงไป อยากให้ตัวละครพูดอะไร ก็พิมพ์ลงไป ตัวละครนั้นจะขาดมิติ ต้องทำให้คำพูดลื่นไหล เป็นธรรมชาติ ตรงกับนิสัย เหมือนว่าตัวละครนั้นไปเจอเหตุการณ์ที่ว่าจริงๆไม่ใช่ว่าผู้แต่งยัดฉากนั้นให้ตัวละครเดินเรื่องต่อไป ถ้าผู้แต่งทำให้ผู้อ่าน (ที่มีประสบการณ์ และเป็นนักวิจารณ์) ไม่ตะขิดตะขวงกับการกระทำและคำพูดของตัวละครแต่ละตัวได้ ยิ่งทำให้นักอ่านเดาคำพูดตัวละครได้คร่าวๆ จะดีมาก แสดงว่าตัวละครคุณมีมิติขึ้นแล้ว สำหรับเรื่องนี้มีพื้นที่พ.ศ.ในอนาคต ไกลจากปัจจุบันพอควร ประเพณี วัฒนธรรม ความคิด ระดับสมอง มลภาวะ สิ่งแวดล้อม ลักษณะโครงสร้างโลก ระดับน้ำทะเล หรืออุปกรณ์แร่ธาตุต่างๆ (รถบินได้ดูยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่) สมควรเปลี่ยนไปมากกว่านี้ ผู้แต่งน่าจะนำเสนอความล้ำหน้าของวิทยาการณ์ในบทแรกๆ ไม่ก็แทรกเป็นระยะ แล้วก็เฮ้! อนาคตนะ ทำไมคำพูดโบราณจังล่ะ แฮร์รี่มีจุดเด่นตรงนำเอาเรื่องราวในชีวิตประจำวันมาแผลงเป็นอะไรๆ สารพัดอย่าง ต่อเติมจินตนาการจนมันวิเศษเร้าใจ แต่นิยายแฟนตาซีบางเรื่อง เช่นเซปติมัส ฮีป แม้จะอยู่ในโลกผู้วิเศษ แต่อะไรๆ ก็ดูน่าเบื่อกว่าโลกแห่งความเป็นจริงในแฮร์รี่อีก เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมากครับ ดีแล้ว สู้ๆ ส่วนการเดินเรื่องก็ยังทำได้ดีในระดับหนึ่ง ต้องรีบหา เสน่ห์ และ จุดขาย ของนิยายเรื่องนี้ให้เจอ ผู้แต่งต้องทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้ให้มีความ พิเศษ กว่านิยายเรื่องอื่นๆ ถึงจะน่าติดตาม แต่คำพูดของตัวละครก็ไม่เป็นธรรมชาติเลย แนะนำตัวยังแนะนำตัวเหมือนนำเสนอหน้าชั้นเรียน ยังไงก็แนะนำเท่านี้ก่อนครับ ไม่อยากวิจารณ์มากกว่านี้ ลองเอาเท่านี้ไปปรับดูแล้วกัน ที่เหลือเดี๋ยวค่อยปรับปรุงได้ครับ ไงก็เอาใจช่วยนะ พัฒนาต่อไปอย่าหยุดล่ะ   อ่านน้อยลง

    {IN tHe EnD} | 29 มี.ค. 52

    • 12

    • 1

    "มันอ่านแล้วยืดอะค่ะ"

    (แจ้งลบ)

    คือแบบ ตอนแรกๆๆเราก้อชอบอ่ะนะค่ะ แต่มันเริ่มยืดๆๆๆๆ ถ้าเนื้อเรื่องกระชับและจินตนาการตามได้ง่ายกว่านี้จะดีมากอ่ะค่ะ อ่านเพิ่มเติม

    คือแบบ ตอนแรกๆๆเราก้อชอบอ่ะนะค่ะ แต่มันเริ่มยืดๆๆๆๆ ถ้าเนื้อเรื่องกระชับและจินตนาการตามได้ง่ายกว่านี้จะดีมากอ่ะค่ะ  

    RewShin1 | 30 มี.ค. 52

    • 5

    • 0

    ดูทั้งหมด

    คำนิยมล่าสุด

    "ความคิดเห็นส่วนตัว"

    (แจ้งลบ)

    สำหรับความคิดเห็นของเราอ่านะ ต้องบอกก่อนว่าเป็นความรู้สึกตอนที่อ่าน ไม่ได้อ้างอิงความรู้ใดๆทั้งสิ้น เริ่มจากเปิดเรื่อง เราว่ามันค่อนข้างจะสับสน อยากจะบอกว่าอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะบทบรรยายที่มองไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ อย่างตอนที่เจอสองพี่น้องที่หน้าโรงเรียนนะ ไม่เข้าใจว่าจู่ๆคนพี่หายไปไหน อืม แล้วตอนที่อ่านก็รู้สึกถึงบรรยากาศของ ... อ่านเพิ่มเติม

    สำหรับความคิดเห็นของเราอ่านะ ต้องบอกก่อนว่าเป็นความรู้สึกตอนที่อ่าน ไม่ได้อ้างอิงความรู้ใดๆทั้งสิ้น เริ่มจากเปิดเรื่อง เราว่ามันค่อนข้างจะสับสน อยากจะบอกว่าอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะบทบรรยายที่มองไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ อย่างตอนที่เจอสองพี่น้องที่หน้าโรงเรียนนะ ไม่เข้าใจว่าจู่ๆคนพี่หายไปไหน อืม แล้วตอนที่อ่านก็รู้สึกถึงบรรยากาศของหนังสือการ์ตูนมากกว่าจะเป็นนวนิยาย อย่างตอนที่อ่านการ์ตูนสิ่งที่จะเห็นชัดในการ์ตูนก็เป็นภาพตัวเอกลอยเด่นขึ้นมากับพวกคำพูดความคิดของตัวละคร องค์ประกอบอื่นๆมันจะไม่ค่อยเตะตาคนอ่านหรอก แต่สำหรับนวนิยายเราว่ามันต้องเขียนละเอียดนะ อย่างตอนที่อธิบายถึงสนามสอบน่ะ บอกว่าเป็นลานกว้างที่กว้างมากๆเท่ากับหมื่นสนามฟุตบอลมาเรียงต่อกัน แต่พอสอบรอบสาม พระเอกกลับสามารถยืนพิงต้นไม้ได้ซะงั้น ลองคิดดูว่าพระเอกต้องเดินไปไกลขนาดไหนกว่าจะพิงต้นไม้ได้ เอ่อ ลืมบอกไปว่าเราอ่านไปเก้าตอน แล้วอย่างที่ไรท์เตอร์เขียนไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่าอยากจะเขียนออกมาให้ตลก เราก็พอจะเข้าใจคำพูดของตัวละครหล่ะว่าพยายามจะเล่นมุข แต่บรรยากาศของเรื่องมันไม่ให้เลยอ่ะ มันดูขัดๆกันอยู่ อารมณ์ของเนื้อเรื่องมันทื่อ ในขณะที่คำพูดของตัวละครเป็นอีกแนว แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราว่ามันตลกนะ ช่วงที่พูดถึงความรู้สึกของพระเอกหลังอ่านข้อสอบจบนะ อันนั้นนะใช่มากๆ ดีนะ สิ่งที่ตัวละครต้องรู้มันก็ดูขัดๆกั๊กๆไว้ และความไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลของเนื้อเรื่อง อย่างความไม่เป็นเหตุเป็นผลที่ว่าก็ตอนที่กาแรนพูดถึงคนที่เข้าสอบนะ เอ่อ อาจจะคิดว่าเราจับผิดก็ได้ แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้นะที่จะไม่มีคนเพิ่ม แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่คนที่จะมาเข้าสอบจะอายุไม่เกินยี่สิบ ไม่ว่าด้วยเงื่อนไขใดก็ตาม ให้ลองคิดเทียบกับการเรียนในมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนในปัจจุบัน แต่ถ้ากำหนดอายุผู้เข้าสอบ อันนั้นก็พอจะเข้าใจ แต่ดูแล้วว่าไม่ได้พูดถึงนี่นะ เราเห็นว่ามันเป็นเรื่องสำคัญนะ เพราะเราคิดว่ามันเกี่ยวเนื่องกับความลื่นไหลของเนื้อเรื่อง ที่ดูเหมือนว่าจะจับผิดก็เพราะตอนที่เราอ่าน เรารู้สึกว่ามันสะดุด ประมาณว่าอ่านๆไปแล้วก็เจอช่วงที่ เอ๊ะ!!! อะไรเนี่ย อะไรเหรอ ขึ้นมา สำหรับเราแล้วนะเรื่องที่จะทำให้ทนอ่านได้นานก็คือเรื่องที่เขียนเล่าได้ลื่นไหลน่ะหล่ะ ส่วนเรื่องความสนุกขำขัน ความตื่นเต้นของเรื่องมันเป็นส่วนที่ตามมาทีหลัง เรายังเคยอ่านหนังสือที่ครึ่งเรื่องแล้วเนื้อหายังน่านอนเหมือนตอนต้นเรื่องเลย แต่พอสองสามบทสุดท้ายก็เริ่มมีลุ้นมากขึ้น แต่ก็วนเวียนน่าง่วงอยู่อย่างนั้นอีกสองสามเล่น แต่ที่เราทนอ่านเพราะอยากรู้อยู่อย่างเดียว อยากรู้ว่ามันจบยังไง อาจจะเป็นความคิดที่แปลกแต่ก็ทำให้คนอ่านคนหนึ่งยอมอ่านต่อไปแล้วกัน อย่างเรื่องนี้นะ เราคิดว่าเราเดาพล็อตได้ประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่แล้วหล่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า หรือว่าจะมีเหตุพลิกล็อก คนอ่านอย่างเรานะอยากอ่านช่วงพลิกล็อกหรือไม่เป็นไปตามคาดนี่แหละ และก็คิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของหนังสือหลายๆเล่มเลยหล่ะ แต่ก่อนหน้านั้น วิธีเปิดเรื่องมันต้องมันต้องใส่ใจมากกว่านี้ เปิดเรื่องดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แล้วก็ดำเนินเรื่องให้ลื่นไหลสอดคล้องมีเหตุผลรองรับความคิดการกระทำของตัวละคร แม้เรื่องจะน่าเบื่อก็ตาม มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีช่วงน่าเบื่อ เพราะมันจะส่งช่วงพลิกล็อกหรือช่วงปมให้เด่นขึ้นมา สุดท้ายก็ตอนจบ จบแบบไหนก็แล้วแต่เห็นสมควร แล้วแต่ว่าคนเขียนอยากทิ้งอะไรไว้ แค่นี้แหละเราว่ามันก็เพียงพอสำหรับการเขียนเรื่องเรื่องหนึ่งแล้ว เรื่องบางเรื่องไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย อย่างนิยายรักนะ หยิบปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าตอนจบจะจบยังไง แต่ที่มีคนอ่านเยอะก็เพราะคนเขียนเขียนเรื่องได้ดีมากมาย และด้วยเหตุนี้ก็พยายามเข้านะ   อ่านน้อยลง

    MiSe | 2 เม.ย. 52

    • 3

    • 0

    "มันอ่านแล้วยืดอะค่ะ"

    (แจ้งลบ)

    คือแบบ ตอนแรกๆๆเราก้อชอบอ่ะนะค่ะ แต่มันเริ่มยืดๆๆๆๆ ถ้าเนื้อเรื่องกระชับและจินตนาการตามได้ง่ายกว่านี้จะดีมากอ่ะค่ะ อ่านเพิ่มเติม

    คือแบบ ตอนแรกๆๆเราก้อชอบอ่ะนะค่ะ แต่มันเริ่มยืดๆๆๆๆ ถ้าเนื้อเรื่องกระชับและจินตนาการตามได้ง่ายกว่านี้จะดีมากอ่ะค่ะ  

    RewShin1 | 30 มี.ค. 52

    • 5

    • 0

    ดูทั้งหมด

    ความคิดเห็น