Rerfrong Lost 1 BD
ผมไม่ชอบเลยที่จะต้องเห็นคนร่ำรวยอยู่ดีกินดีโดยที่ไม่มีสักนิดที่จะมีการแบ่งปันจากเพื่อนมนุษย์ กรุณานำของๆคุณมาให้ผมผมจะตอบแทนด้วยความดี...
ผู้เข้าชมรวม
78
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
สืบสวน ปริศนา นักสืบ ลึกลับ นิยายสืบสวน จิตวิทยา สืบสวนสอบสวน คดี อาชญากรรม โรงเรียน นิยาย มัธยม นิยายนักสืบ พระเอกฉลาด
—$- Rerfrong Lost BD —$-
เลอร์ฟรอง ลอส บทที่ ๑ รร.บด
การปรากฏตัวของเลอร์ฟรอง ลอส
ในคืนวันที่ ๑๖ - ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๖ ทรัพย์สินมีค่าที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จะถูกนำไปทำลายและถูกปล่อยลงบ่อน้ำภายในโรงเรียนของแผนที่ ๖-๑/๒๓ ทางซ้ายของทางข้าม คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อจดหมายนี้….
ด้วยความเคารพ “เลอร์ฟรอง ลอส”
กระดาษขนาด ๗ เซนติเมตรเขียนด้วยลายมือเรียบร้อยแต่ก็ทิ้งความเป็นเด็กม.ต้นส่งเตือนถึงนักเรียนทุกคน มันถูกโปรยตามทางภายในโรงเรียนไม่มากแต่ก็พอให้เห็นได้ทุกคน ผมและเพื่อนๆลงสตอรี่ไอจีและแท็กทุกคนเท่าที่เค้าจะรู้จักตามประสาวัยรุ่น จดหมายนี้ถูกตั้งข้อสงสัยทั้งในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค ดิสคอร์ดหรือไอจีประจำโรงเรียน Fakbokkbodin ที่เป็นที่รู้จักอยู่นะขณะนี้ การตั้งคำถามมากมายไม่ว่าจะมัธยมต้นหรือมัธยมปลายต่างก็ให้ความสนใจและพากันวิตกกังวลกับจดหมายนี้ อีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงวันที่จดหมายได้เตือนไว้แล้วทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับความพยายามของการปั่นป่วนไปทั่วโรงเรียน อาจารณ์ต่างพากันมึนงงพร้อมบอกนักเรียนให้นำของสำคัญกลับบ้านและอยู่ในความสงบ ทุกคนเห็นจดหมายนี้ผมและเพื่อนๆยังคงสงสัยตลอดเวลาทั้งในคาบเรียนและพักเที่ยงทุกคนต่างให้ความสนใจกับคำเตือนนี้ ยามเช้าของวันเดียวกันนี้เองก็เหมือนจะมีเสียงปริศนาจากบุคคลลึกลับที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้หญิงวัยสี่สิบห้าสิบเพิ่มขึ้นมา
ในคืนวันที่ ๑๖ - ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๖ สิ่งของมีค่า ณ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ห้องไหนจะเป็นผู้โชคดีเราจะนำของๆคุณกลับสู่ความเป็นธรรมชาติ
“ใครทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ว่ะ ไม่เห็นมันจะเท่ตรงไหนเลย เบียวชิบหาย!!”
เกือบจะทุกคนในห้องหันมาจ้องมองที่อินอย่างไม่ละสายตา เค้าแสดงท่าทีอวดเก่งต่อคนที่แกล้งทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในห้องนี้หรือไม่ก็ตาม อินกวาดสายตาไปทั่วห้องเรียนเปรียบเสมือนการจ้องจับผิดคนโกงข้อสอบผมคิดว่ามันไร้สาระเสียจริงก็แค่คนว่างที่พยายามจะปั่นคนในโรงเรียนแถมยังจะสร้างภาระให้พวกผมเก็บเศษกระดาษนี่อีก เผลอๆปัญญาอ่อนหรือป่าวยังไม่รู้เลย ผมขยำจดหมายและโยนมันทิ้งลงถังขยะ
“แล้วมึงจะเก็บของกลับบ้านไหมไออิน”
“ของแค่นี้ เอาตรงๆนะหายไปเถอะพ่อกูก็ซื้อใหม่ได้ถ้ามีโจรจริงๆคงจับได้ไม่ยากหรอก”
“แต่มันก็แพงอยู่ดี อีกอย่างมึงเก็บๆไปเถอะว่ะไหนจะ ลำโพงของ Apple กีต้าร์ แอมป์ กลองไฟฟ้าขนาดพกพาของมึงอีกรุ่นใหม่ตัวก็ตั้งแพง”
“เยอะขนาดนี้มันขโมยได้ก็ลองดูดิ ไหนจะห้องอื่นๆอีกกูว่าแม่งปั่น ลำบากกูป่าวๆแบกไปแบกกลับถ้าแบกไปแล้วแม่งไม่ขโมยนะกูจะตบมึงให้!!” อินทำท่าทางไม่สบอารมณ์และตบไปที่หลังของเกม “กินข้าวเถอะอย่าไปสนใจพวกหิวแสงเลยเสียเวลาว่ะ”
ทุกคนภายในกลุ่มตอบรับคำชวนรวมถึงเกมที่มองอินแรง ผมหันไปถามคนที่เงียบที่สุดในห้องที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหรือให้ความสำคัญกับการตวาดของอิน เค้าโลกส่วนตัวสูง ใส่หูฟังและอ่านนิยายเหมือนว่าโลกนี้ไม่ได้มีเพื่อนๆของเค้าอยู่ในห้องเลย
“มึงคิดว่าไงว่ะ…” ไม่มีเสียงตอบรับ ผมตะโกนดังๆอีกรอบ “อ่าวเห้ยย!! ฟังกูหน่อย!!”
“ให้คิดอะไรอีกล่ะ ก็คิดอยู่ตลอดแต่ถ้าเป็นเรื่องจดหมายเราไม่คิดหรอก ไม่คิดว่ามีอะไรสำคัญให้มันขโมยอ่ะ”
“กูหมายถึงมึงไม่สงสัยอะไรหน่อยหลอแบบมันทำได้ไง จะทำจริงไหม มันเป็นใครแล้วมันแค้นอะไรคนในโรงเรียนมึงเห็นไหมเค้าตามตัวคนป่วนห้องกระจายเสียงกันให้วุ่นนิ”
“เองก็โยนจดหมายทิ้งไปแล้วนิยังจะให้ความสำคัญอะไรอีก อีกอย่างนะเรารอมันโชว์ในสิ่งที่รับปากไว้ในจดหมายและเสียงประกาศสนุกกว่าตั้งเยอะ”
ผมเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับเอ่ยปากชวนมันไปกินข้าว เอาเข้าจริงกัสมันก็เพื่อนสนิทที่สุดของผมเพียงคนเดียวภายในกลุ่มถึงนิสัยและความฉลาดจะต่างกันลิบลับแต่ใครจะสนล่ะมีมันไว้ลอกการบ้านก็ไม่เลวนิแถมก็ไม่ใช่พวกคนที่มีพิษร้ายอะไร
หลังเลิกเรียนต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะการบ้านของวันนี้ช่างเยอะเป็นพิเศษเพราะอีกสองสัปดาห์ก็จะสอบอยู่แล้วผมเอ่ยปากชวนกัสเข้าดิสคอร์ดหลังกลับบ้าน เอาตรงๆผมแค่จะลอกงานมันเฉยๆแหละ คืนวันเดียวกันนั้นเองหลังจากทำงานกันเสร็จแล้วไม่มีอะไรจะคุยผมและกัสกับเพื่อนๆอีกสองคนในดิสคอร์ดก็นั่งพูดคุยถึงบุคคลนิรนามคนนี้อีกรอบว่าเค้าจะทำมันยังไงและจะทำจริงไหมผมเลยถามกัสอีกรอบ
“มึงคิดยังไงว่ะ มันทำได้ไงกับการเอาคำเตือนมาเตือนพวกเรา”
“เท่าที่เรารู้ตอนนี้นะ เราว่ามันคงทำตอนกลางคืนว่ะคิดดูง่ายๆก็แค่ลักลอบเข้ามาและโปรยมันตามทางไม่ใช่หลอ อาจจะเป็นคนทำความสะอาดหรือรปภก็ได้”
“ที่มึงพูดก็มีความเป็นไปได้นะและเสียงตอนเช้าล่ะคิดว่าไงคนในโรงเรียนทำไหม”
“เราว่าเราก็สงสัยกลุ่มที่คอยดูแลห้องกระจายเสียงนะแต่ก็ยังไม่ชัวร์”
เสียงแจ้งเตือนดิสคอร์ดทุกคนดังขึ้นพร้อมกัน การปรากฎตัวของยูสเซอร์ tsoL#IROMN ชื่อดิสคอร์ดนิรนามที่ทุกคนล้อเลียนเป็นเสียงเดียวกันว่าเบียวและไม่คิดว่าจะบุกมาถึงในดิสคอร์ดใหญ่ของโรงเรียน การประกาศครั้งที่สองคงเป็นเบาะแสที่ดีอีกหนึ่งเบาะแสแน่ๆ ข้อความถูกสแปมในแชท ๑๐๐ ข้อความ
tsoL วันนี้ เวลา ๑๙:๐๒
ถ้าไม่อยากให้สิ่งมีค่าของคุณหายไปกับสิ่งที่คุณไม่รู้ก็โปรดจงนำมันกลับบ้าน อย่ามองจดหมายนี้เป็นเพียงข้อความปลุกปั่น ผู้ใดไม่นำทรัพย์สินกลับที่ปลอดภัยผู้นั้นถือว่ายินยอมให้เป็นของเราและผู้ใดเห็นเราก็โปรดอย่าบอกใคร ด้วยความเคารพจาก “เลอร์ฟรอง ลอส”
ผมและเพื่อนๆที่เข้าตามๆกันมาอีกหลายคนเกิดความสงสัยว่านี่เป็นใครพยายามหาสาเหตุหาบุคคลที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ทั้งการตามสืบกลุ่มรุ่นพี่ที่ทำหน้าที่ดูแลในห้องกระจายเสียงหรือนั่งแกะลายมือในคำเตือนก็ตาม
ผมไม่อยากจะนั่งคิดให้มันมากไปกว่านี้อยากจะทิ้งตัวลงนอนให้ถึงวันที่สองก่อนถึงวันในคำเตือน นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้วเพียงไม่กี่นาทีทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนเหลือเพียงผมกับกัสตามลำพัง กัสบอกข้อสันนิษฐานอันน่าเชื่อถือนี้และน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดจนทำให้ผมตื่นเต้นจนแทบไม่อยากจะนอน
“บางทีมันอาจจะเป็นคนนอกโรงเรียนก็ได้นะ เราว่ามันคงฉลาดพอที่จะรู้โครงสร้างภาย หรือองค์ประกอบแผนที่ต่างๆภายในโรงเรียน นักเรียนสังเกตุก็ง่ายแถมยังเดินพลุกพล่านกันอีกไหนจะกล้องภายในห้องกระจายเสียงที่ยังใช้การได้”
“กูก็ว่างั้นแม่งไม่ใช่คนในนี้หรอก เด็กที่ไหนมันจะเล่นแบบนี้อีกอย่างวัยพวกเราคงไม่มีใครว่างทำแบบนี้แหละกูว่าใครก็อยากมีอนาคตว่ะอย่าไปใส่ใจเลยแม่งก็แค่ปั่นหัว”
เราจบบทสนทนาและต่างแยกย้ายกันไปนอน ทุกอย่างผ่านไปอย่างสงบทุกคนแทบจะลืมคำเตือนนั้นไปอย่างสนิท สงบจนแทบไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีคนจะมาขโมยของในโรงเรียนโดยไม่มีใครพูดถึงมันแม้แต่กัสเพื่อนของผม
วันนี้ก็วันอาทิตย์แล้วในช่วงเวลาเย็นๆพวกเราทุกคนจะมารวมตัวกันที่ดิสประจำของเรา พลอยเพื่อนสาวภายในกลุ่มเอ่ยคำชวนที่น่าลุ้นระทึก เผื่อถ้าจับผู้ร้ายได้คงได้รับคำชมและโอกาสดีๆในการสร้างชื่อเสียงไม่ใช่น้อย
“พวกมึงพรุ่งนี้เราไปดักรอแม่งทั้งคืนเลยไหมที่โรงเรียนอ่ะ”
“มึงคิดว่ามันจะมาวันจันทร์หลอแม่งก็เขียนบอกอยู่ว่าระหว่างวันที่ ๑๖ - ๑๙ อ่ะแล้วมันคงไม่รู้เลยมั้งว่ามีคนดักรอถ้ามันรู้มันคงจะเข้ามาให้จับแหละ” ผมค้านอย่างสุดตัว
“เอ่า มึงก็นัดแยกวันกันดิเนี่ยกลุ่มเรามีตั้งแปดคนสี่วันก็วันล่ะสี่คน ก็ได้ไปกลุ่มล่ะสองวันจะได้ไม่เหงาด้วยแถมมีไรจะได้ช่วยกันได้”
“แล้วใครในนี้อ้างพ่อแม่ว่านอนบ้านเพื่อนได้มั่งล่ะ ไปได้ทุกคนไหม?”
ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีปัญหาก็แค่บอกว่าทำงานบ้านเพื่อน ทุกคนว่างเพราะความหึกเหิมของวัยรุ่นในครั้งนี้จะทำให้การสำรวจเป็นจริง ทุกคนต่างขอความคิดเห็นจากกัสผู้ที่ดูมีเหตุผลมากที่สุดในกลุ่มกัสทำท่าทางเหมือนไม่อยากจะเข้าร่วมสักเท่าไหร่ แต่เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนเลยลงความเห็นอย่างเป็นขั้นเป็นตอนทุกคนใจจดใจจ่อกับการฟังแผนของกัส
“คิดว่าสิ่งที่ต้องคำนึงก่อนเลยคือชุดสีดำเพราะที่มึดไม่ควรทำให้เราเด่นเกินไปด้วยสีอื่นและตลอดการเฝ้ามองทุกคนต้องอยู่ในสายและรายงานตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา ทุกคนห้ามเดินห่างกันเกินระยะหนึ่งช่วงอาคารและห้ามสำรวจกันห่างเกินหนึ่งชั้นเนื่องจากโรงเรียนเรามีสี่ชั้นเพราะจะทำให้ยากต่อการช่วยเหลือทุกคนจะไปเป็นคู่ สองคู่จะห่างเท่าไหร่ก็ได้แต่อย่าลืมว่าคู่แต่ละคนห้ามห่างกันเกิน ๕๐๐ เมตรและถ้าใครง่วงก็ควรแจ้งให้ทุกคนได้รู้อย่าให้เผลอหลับเราไม่ได้อะไรจากการเฝ้าระวังนี้ ก็ไม่ควรเสียอะไรเหมือนกันการตรวจเวรจะเริ่มต้นห้าทุ่มและจบลงที่ตีห้า เราจะเน้นย้ำที่ห้องของพวกเราเพราะมีของมูลค่ามากมายหลายอย่างที่สามารถขโมยได้ง่ายเพราะอยู่แค่ในห้องเรียนก็คงไม่พ้นห้องพวกเรา” กัสเงียบสักครู่ “แต่เราจะไม่เว้นตึกคอมแน่นอนเพราะสายไฟและอุปกรณ์คอมต่างๆก็มีมูลค่าสูงเช่นกัน”
—$- ลักษณะของโรงเรียน —$-
ลักษณะอาคารของโรงเรียนเมื่อเราหันหน้าเข้าโรงเรียนจากทางประตูสองอาคารหนึ่งสองและสามจะเรียงห่างกันเป็นแนวนอนประมาณ ๕๐ เมตรและตรงไปจนสุดจะเจออาคารห้าที่ขวางเป็นแนวนอนเช่นเดียวกัน อาคารสี่จะห่างจากอาคารสามหนึ่งบ่อน้ำและจะมีจุดเชื่อมเพื่อไปอาคารสามส่วนบ่อน้ำโรงเรียนจะมีอยู่สามจุดใหญ่ๆคือระหว่างอาคารหนึ่งกับสอง และ สามกับสี่ บ่อน้ำอีกที่ที่ไกลประมาณ ๑.๕ กิโลเมตรนับจากประตูสองไปตรงประตูหนึ่งคือสวนพฤกษศาสตร์ของบดินทรเดชากับเรือนท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชา
ทุกคนตอบตกลงและเห็นด้วยกับแผนอันรอบคอบของกัส ตอนนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆแล้วเราทุกคนนัดเจอกันที่บ้านของกัสเพราะบ้านกัสนั้นใหญ่พอที่จะจุคนแปดคนได้สบายๆและมีห้องนอนเพียงพอต่อการอยู่ร่วมกัน สองห้องน้ำหนึ่งห้องนั่งเล่นแถมอาทิตย์นี้คนในบ้านกัสก็ไปทำงานต่างประเทศกันหมดเลยสะดวกต่อการเป็นที่พักพิงชั่วคราว พวกผมได้ทำการจับคู่การตรวจเวรโรงเรียนเรียบร้อยแล้ววันจันทร์ อังคารจะเป็นกลุ่มของดรีมกับเกมและมีนกับฟีน วันพุทธ พฤหัสจะเป็นกลุ่มของพวกผม อินกับผมและกัสกับพลอย พวกเราจะเข้าโรงเรียนกันทางด้านข้างของโรงเรียนที่ติดกับอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งและปีนกำแพงเข้าไปเพื่อไม่ให้ยามเฝ้าประตูทางเข้าโรงเรียนจับได้ กลุ่มแรกจะหาอะไรกินกันก่อนเพื่อเป็นการเติมพลังให้เพียงพอกับคืนแรกและกัสจะขับรถเข้าทางอพาร์ทเม้นท์ข้างโรงเรียนเพื่อส่งพวกนั้นเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ อีกสองชั่วโมงก็จะถึงเวลาแล้วผมเห็นเพื่อนกลุ่มแรกนั่งรวบรวมสมาธิและพยายามทำเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องตลกทั้งๆที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเรากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไรอยู่หรือแค่คำขู่ไร้สาระที่มีผลต่อจิตใจพวกผมและถ้ามันไม่เป็นจริงก็นับว่าเป็นเรื่องเสียเวลาเป็นอย่างมาก พวกเราไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าโจรที่ไหนจะมาปล้นตามกำหนดที่มันบอกในคำเตือนมันคงแทบจะเป็นไปไม่ได้แน่ๆ มันอาจจะปล้นอยู่ก็ได้ในตอนนี้หรือปล้นไปแล้วเมื่อวานหรือจะปล้นวันศุกร์ใครจะรู้ ท่าทางวิตกกังวลของทุกคนแสดงอย่างเห็นได้ชัดผ่านใบหน้าที่เริ่มห่อเหี่ยวจากใบหน้าอันร่าเริงของกลุ่มวัยรุ่นคึกคะนองแต่มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ถอยก็คงไม่ดีแน่อินก็ดูเหมือนจะมีสีหน้าที่กังวลขึ้นมานิดหน่อยเพราะของหลายอย่างรวมกันมูลค่าก็เกินแสนแต่ด้วยความอวดเก่งและคิดว่าตัวเองรวยอยู่แล้วเลยทำใจดีสู้เสือต่อหน้าเพื่อนๆ
ทุกคนนั่งรถรับจ้างมาลงที่บ้านกัสบ้างก็ผู้ปกครองมาส่งเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจและหมู่บ้านที่ดูจะปลอดภัยเลยทำให้การเจรจาครั้งนี้กับผู้ปกครองแต่ละคนดูเหมือนจะไม่ติดขัดอะไร กัสต้อนรับทุกคนและบอกให้ทำตัวตามสบายเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรานัดกันมาบ้านกัส ผมถอดรองเท้าหน้าบ้านและเดินเข้าบ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อยฝาพนังแขวนด้วยรูปมีมูลค่าหลายรูปพอถึงห้องนั่งเล่นก็พบว่าทุกคนเริ่มมากันหมดแล้ว พวกกลุ่มแรกต่างพากันไปแต่งตัวเตรียมความพร้อมแต่ในขณะนั้นเองดรีมกับเกมก็ดูเหมือนจะวิตกกังวลและเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย พวกเราเลยล้อมวงปลุกใจกันอีกรอบเพื่อที่จะจับเด็กเกรียนหิวแสงมาแฉให้ได้คาหนังคาเขา อินชวนทุกคนสั่งของจากร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้านเพราะต้องการหาอะไรมาลองท้องและเติมพลังตามแผนที่วางไว้
“ไอเชี่ย แล้วทำไมขาเข้ามาบ้านไอกัสไม่แวะซื้อกันเลยวะ”
“เอาหน่าเกรงใจพ่อแม่ว่ะมึง สั่งทีเดียวดีกว่าไหม” ฟีนบอกพร้อมทำท่าทางให้ผมใจเย็น
“มาๆ สั่งกันเถอะกูหิวล่ะอย่ามาทะเลาะเรื่องไร้สาระกันเลย อีกอย่างนะกูลืมเอาเงินสดมาพ่อแม่ก็ยังไม่โอนเงินให้กูอีกพวกมึงช่วยกูออกก่อนเดี๋ยวกูเลี้ยงวันอื่น”
“ไอเชี่ยอิน มึงอีกตัวบ้านก็รวยเงินแค่นี้ลืมได้ไงว่ะ”
“เอาเถอะ ไออินมันเลี้ยงวันอื่นได้เชื่อกูๆสั่งมากินกันก่อนมันไม่เลี้ยงค่อยว่ากัน”
“งั้นพวกมึงเอาไรกันฟีนช่วยจดรวมๆมาหน่อยได้ไหมเดี๋ยววุ่นวายอีก”
ทุกคนต่างสั่งกันคนล่ะอย่างสองอย่างบางคนก็ไม่กินดึกเลยไม่จำเป็นต้องสั่ง จนเวลาล่วงลับไปสี่ทุ่มกว่าๆกัสเลยนำพาคนกลุ่มแรกไปโรงเรียนพร้อมกันและวันแรกของการตรวจเวรดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดีไม่มีอะไรเกินขึ้น ทุกอย่างสงบราวกับว่าพวกเรากำลังจะถูกหลอกจริงๆกลุ่มแรกนำเสื้อไปเปลี่ยนที่โรงเรียนและเตรียมตัวเข้าเรียนโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปกลับ
ตอนเช้าที่โรงอาหารก่อนเข้าแถวพวกเรานั่งล้อมวงที่โต๊ะอาหารคุยกันถึงคืนวันนี้ที่พึ่งจะตรวจเวรไป เกมพูดพร้อมกับความมึนงงที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนดูเหมือนว่าเราจะโดนหลอกหรือไม่ได้อะไรจากการตรวจเวรครั้งนี้ มีนบอกให้ใจเย็นๆและให้เริ่มเฝ้าเวรใหม่นี่ก็คืนสุดท้ายของกลุ่มแรกแล้วเกมเลยยอมทำต่อ กลุ่มแรกของการเฝ้าเวรดูเหมือนจะไม่ไหวจากการอดนอนเลยทำให้มีการปรับเปลี่ยนแผนเล็กน้อย เราจะให้กลุ่มแรกที่เฝ้าเวรนอนพักไปก่อนและเราจะสลับกันไปเพื่อให้มีช่วงเวลาให้นอนพักและมีประสิทธิภาพในการเฝ้าเวรมากขึ้น คืนที่สองก็คงเป็นของกลุ่มอินกับผมกัสกับพลอยและในคืนที่สองก็ดูเหมือนจะคว้าน้ำเหลวเหมือนเช่นเคย ไม่มีใครได้เบาะแสอะไรในการตรวจเวรครั้งนี้เลยและเพื่อไม่ให้เหนื่อยไปมากกว่านี้กัสเสนอให้เน้นอยู่เฉพาะจุดสำคัญๆไม่ต้องเดินไปไหนมากเช่นห้องของพวกเราที่อยู่ระหว่างอาคารสองกับอาคารห้าชั้นที่สี่ อาคารเจ็ดห้องคอมหรือบริเวณบันไดทางขึ้นลง ทุกคนเห็นด้วยกับความคิดเห็นของกัสเพราะทุกคนก็เหนื่อยกับการเฝ้าเวรที่ดูเหมือนจะโดนหลอกจริงๆ ผลลัพธ์ในคืนที่สามก็ดูเหมือนจะเป็นอีกเช่นเคยไม่มีข่าวสารอะไรเลยเกี่ยวกับการโจรกรรมในครั้งนี้
“เห้อไอเชี่ย… กูท้อว่ะ” เกมกับดรีมพากันกลับในคืนสุดท้ายของพวกเค้า
“มึงช่วยใจเย็นๆก่อน คืนสุดท้ายแล้วกูว่าคืนนี้แหละมึงเจอแน่” พลอยผู้ที่ชวนทุกคนมาเฝ้าเวรผู้ที่นำทุกคนมาพบเจอกับสิ่งที่คาดเดาไม่ได้พูดให้กำลังใจพร้อมกับความรู้สึกผิดที่พาเพื่อนๆมาลำบากกับการเฝ้าเวรในครั้งนี้
“เอาเถอะๆคืนสุดท้ายแล้ว สั่งของมากินให้อารมณ์ดีกันก่อนไหม” กัสชวนทุกคนมากินอาหารเย็นก่อนจะเริ่มออกตรวจเวรในคืนนี้
“งั้นเดี๋ยวกูสั่งให้กูติดเงินพวกมึงเดี๋ยววันนี้กูเลี้ยงเอง วันสุดท้ายแล้วด้วยพวกมึงจะเอาอะไรก็เลื่อนๆดูในแอพเอานะจะสั่งข้าวสั่งน้ำใส่น้ำแข็งอะไรสั่งได้หมดเลย”
ทุกคนดีใจและสั่งของกันมากินโดยที่ไม่เกรงใจ ทุกคนสั่งอาหารคนละอย่างสองอย่างน้ำอัดลมน้ำผลไม้หรือน้ำแร่หรือขนมสั่งกันแทบจะไม่ซ้ำกัน ค่ำคืนนี้ดูเหมือนจะเป็นความสุขเพียงชั่วขณะและนี่อาจจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายในค่ำคืนนี้ การกินจบลงด้วยความอิ่มและความอิ่มกำลังจะจบลงด้วยความเหนื่อย กัสหยิบกุญแจสตาร์ทรถพากลุ่มพวกผมไปที่โรงเรียนก่อนทั้งหมดจะเริ่มต้นขึ้นผมต้องขอเกริ่นเลยว่าผมไม่เคยตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อน การแสดงกำลังเริ่มต้นขึ้นมีฉากเป็นสถานที่ศึกษาที่พวกเราคุ้นเคย ชุดดำ ไฟฉาย โทรศัพท์ อุปกรณ์ต่างๆทุกคนเช็คและตรวจว่าใช้ได้ไหมก่อนการตรวจเวรจะเริ่มต้นขึ้น
—$- คืนแห่งการโจรกรรม —$-
ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งครึ่งกัสเหมือนจะมีอาการปวดท้องหนักเลยจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำและนั่งพักฟื้น ด้วยความเร่งด่วนพลอยจึงต้องพาไปเข้าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดชั้น 3 ของอาคารเจ็ดทุกอย่างเหมือนจะเป็นโชคร้ายการปรากฏของแสงไฟที่ระหว่างอาคารหนึ่งกับห้าชั้นสี่ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากกัสเข้าห้องน้ำเพียงไม่กี่นาที ผมตะโกนบอกอินหลังจากเห็นอะไรผิดปรกติเป็นเหมือนแสงไฟจากตรงนั้นผมและอินสามารถมองลงไปและเห็นได้จากบริเวณห้องของพวกผม ความผิดปรกติเกิดขึ้นบริเวณชั้นสามทางเดินอาคารหนึ่งมาอาคารห้าทั้งผมและอินเห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากหน้าต่างห้องเรียน อินพูดใส่มือถือด้วยความร้อนรนบอกเตือนกัสและพลอยให้รีบประจำตำแหน่งโดยด่วนที่ทางลงอาคารห้า แต่กัสกับพลอยก็ดูเหมือนจะยังไม่พร้อมรับมือได้เต็มที่อินเลยสั่งให้พลอยอย่าออกห่างจากกัสอย่าไปไหนคนเดียวและสั่งให้ผมไปดักรอบริเวณชั้นสามของอาคารห้าเพราะจะมีสองฝั่งที่จะให้เงานั้นเดินขึ้นบันไดมาซึ่งมุมที่อินอยู่ก็จะสามารถเห็นบันไดอีกฝั่งได้จากทางไกลส่วนบันไดอีกที่ที่ผมเฝ้านั้นเป็นมุมอับซึ่งถ้าโจรขึ้นมาจะเห็นพวกผมพอดีซึ่งไม่ดีแน่ๆเพราะเราจะไม่มีเวลาตั้งตัวเลย ผมเดินลงบันไดและเคยชะโงกหน้าออกไปดูตรงทางเดินและคอยที่จะรายงานกัสพลอยอินตลอดทุกวินาที ผมยืนเหงื่อออกและเหม่อลอยกับการจินตนาการถึงความน่ากลัวและกลัวว่าสิ่งที่จะมาขโมยของจะไม่ได้มาแค่ขโมย ถ้าเค้ามีอาวุธล่ะ ถ้าเราสู้ไม่ได้ล่ะ? ผมยื่นเหม่อไปเกือบสามนาทีมันทำให้ผมลืมที่จะเช็คตรงทางเดินเพราะไม่กล้าดูผมชะโงกหน้าไปดูอีกรอบเพราะระยะทางไกลพอสมควรที่จะเดินมาถึงบันไดที่ผมรอด้วยความเร็วที่ช้าผิดปรกติและเดินเช็คทุกห้องเหมือนกับเดินหาสิ่งที่จะขโมยหรือหาว่ามีใครแบบซุ่มอยู่ไหมรอบคอบจริงๆ ในระหว่างที่อินก็ไม่ได้รายงานถึงความผิดปรกติด้านบนผมมองที่ทางเดินอีกทีพร้อมกับที่ผมรู้สึกว่าเราโดนหลอกเข้าแล้ว ผมตะโกนเข้ามือถือด้วยเสียงที่ตกใจ ยาม! ยาม!! ทุกคนนี่ไม่ใช่โจรอินตะโกนสวนขึ้นมาทันทีแต่ไม่ใช่ความตกใจที่ผมได้รู้ความจริงว่านี่คือยาม อินพูดเสียงสั่นและพวกผมทุกคนสัมผัสได้ถึงเสียงที่สั่นกลัวของอินความกลัวจากชายผู้ที่เย่อหยิ่งและอวดเก่งสิ่งที่อินเห็นนั้นทำเอาแค่ผมจินตนาการก็แทบจะไม่อาจขยับตัวไปไหนเลย
“กู… กูเห็นใครไม่รู้ยืนนิ่งๆมองกูอยู่อีกฝั่งของห้องพักครู” ห้องพักครูที่มีฉากกั้นด้วยประตูกระจกบานใหญ่ทำให้เห็นทะลุปุโปร่งถึงประตูกระจกอีกฝาก
“ทางเชื่อมอาคารสอง ชั้นสี่!! หน้าห้องพักครูภาษาไทย!!!”
อินตะโกนด้วยเสียงสั่น ภายในระยะเวลาเพียงสี่ห้านาทีหลังจากกัสเข้าห้องน้ำทุกอย่างกลับดูเหมือนจะเข้าทิศเข้าทางบุคคลไร้ตัวตนคนนี้เป็นอย่างมากราวกับถูกกำหนดบทบาทมาแล้วเรียบร้อย ผมรีบพายามวิ่งไปที่อาคารสองทันทีโดยไม่มีคำกล่าวทักทายกันระหว่างยามกับผมเพราะนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาตักเตือนหรือยืนอ้ำอึ้ง ผมตะโกนเข้ามือถือบอกอินและทุกๆคนว่ากำลังจะวิ่งไปทางอาคารสองของฝั่งห้องพักครูเพราะใช้เวลาไม่มากมันเป็นแค่ทางตรงและเมื่อถึงก็เพียงแค่ขึ้นบันไดก็จะถึงหน้าห้องพักครูภาษาไทยทันที อินตะโกนกลับมาด้วยเสียงที่สั่นเหมือนกำลังจะวิ่งไปไหนสักที่
“ตอนนี้กูกำลังอ้อมไปทางอาคารหนึ่งกูว่าน่าจะดักแม่งได้”
“อย่า!! อย่าออกจากตำแหน่งห้องเราเด็ดขาดมันอาจจะล่อพวกเราก็ได้” กัสตะโกนสวนและคิดว่าพวกนั้นอาจจะทำงานกันเป็นทีม
“กูมาครึ่งทางละ กูชัวร์ว่ามันขโมยไม่ได้แน่ๆกูเห็นตัวมันแล้ว มันวิ่งห่างจากกูประมาณยี่สิบก้าวกำลังลงบันไดชั้นสี่ระหว่างอาคารห้ากับอาคารหนึ่ง”
“งั้นพลอยรีบวิ่งไปเฝ้าห้องเลย เดี๋ยวนี้!! ตึกคอมเราจะดูเอง”
“มึงรอกูแปปนะกูกำลังวิ่งไปกับยาม น่าจะเจอแม่งเลยกูอยู่ชั้นสามพอดี” ขณะนั้นเองแสงจันทร์ตรงหน้าต่างของบันไดทำให้กัสเห็นเงาวิ่งลงบันไดผ่านชั้นสามลงไปชั้นสอง “ไอเชี่ยอิน!! แม่งลงไปชั้นสองแล้ว!!”
“เออกูกำลังวิ่งตามมันไป เร็วฉิบหายแต่กูน่าจะเจอพวกมึงก่อน”
อินผมและยามมาเจอกันระหว่างทางบันไดชั้นสามพอดีเราทุกคนวิ่งลงบันไดไปพร้อมกันและเห็นว่าประตูห้องโสตชั้นสองนั้นปิดไม่สนิททุกคนเลยลงความเห็นว่าเราควรเข้าไปเช็คในนั้นเพราะลงไปชั้นหนึ่งน่าจะตามไม่ทันแล้ว ทุกคนเดินเข้ามาในห้องโสตยามนำหน้าด้วยความเป็นห่วงนักเรียนและผมตรงกลาง อินดูหลังและส่องไฟฉายให้ตลอดเวลา ไฟฉายสาดส่องตรงยาวจนสุดพนังอีกฝั่งของห้องโสตทุกสายตาจับจ้องไปทิศเดียวกันที่ผ้าม่านฝั่งซ้ายมันมีลักษณะผิดปรกติคือนูนเด่นออกมาราวกับว่ามีใครยืนแอบอยู่ในนั้น ผมและอินยืนดูยามที่กำลังเดินเข้าไปเช็คอย่างไม่ละสายตา มือที่สั่นด้วยความกลัวแตะไปที่ม่านเบาๆแต่กระชากออกด้วยความแรง โถ่!! มันก็แค่การจับจีบของผ้าม่านที่ทำให้ดูเหมือนว่ามันนูนเด่นออกมา ในระหว่างนั้นเองทุกคนตกใจอีกรอบกับเสียงเท้ากระทบพื้นจากทางฝั่งหน้าต่างด้านขวา พวกผมไปมุงดูด้วยความสงสัย เชือก!! มีเชือกมัดจากระเบียงห้อยลงสู่พื้นราวกับว่าบุคคลปริศนาได้ลงจากชั้นสองและหลบหนีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในระหว่างนั้นเองพลอยก็ตะโกนเข้าโทรศัพท์ทำให้ทุกคนยืนนิ่งไปโดยปริยาย
“ของ… ของในห้องหายหมดแล้ว!!!”
“ห้ะ!! มึงว่าไงนะ” อินกล่าวด้วยวาจาไม่สบอารมณ์ปกปิดความกลัวหรือเสียใจ
“ใช่หายหมดแล้ว”
“จบแล้วล่ะจดหมายทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องจริง” กัสกล่าวเสริมพร้อมกับเดินมาหาพวกผม
“โอเครเรามารวมกันก่อนไหมที่อาคารหนึ่งด้านล่างดูเหมือนยามจะไม่เชื่ออะไรเราเลยมาช่วยคุยกับยามก่อนได้ไหม” พลอยพูดเสริม
ทุกคนรวมตัวที่อาคารหนึ่งใกล้ทางออกประตูสองมีเพียงเชือกที่ไม่น่าใช้เป็นหลักฐานได้กับยามที่พร้อมจะไล่เรากลับได้ตลอดเวลา ดูเหมือนว่าพวกเราต้องแยกย้ายกันกลับแล้วพรุ่งนี้ค่อยนำหลักฐานหรือผู้ที่โดนเหมือนพวกเรามาเป็นพยานผู้เสียหายเพิ่มเติมเพราะตอนนี้เหมือนยามจะมองว่านี่เป็นการเล่นตลกของพวกเราเพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าเครื่องดนตรีทั้งหมดมีในห้องเราตั้งแต่แรกและนี่ก็เวลาตีสองแล้ว มันผ่านไปเร็วจริงๆเร็วมากๆสำหรับความเสียหายทั้งหมดนี้จนพวกเราเตรียมความรู้สึกที่ถาโถมมาไม่ทัน พวกเราแยกย้ายกันกลับก่อนจะเป็นเรื่องไปถึงผู้ปกครองว่าเราออกมาทำอะไรแบบนี้ทั้งๆที่บอกว่ามาทำงาน กัสขับรถพาทุกคนมารวมกันที่บ้านและความน่าผิดหวังกับการคว้าน้ำเหลวนี้ทำให้ทุกคนอารมณ์ไม่ดีทั้งกลัวและสงสัยกับความชำนาญและรวดเร็วราวกับว่าไม่ได้ทำแค่หนึ่งคน ไม่มีใครยอมคุยกันทุกคนเหม่อลอยและตกใจ ดูเหมือนจะแยกย้ายกันกลับในคืนนี้ทันทีเหลือเพียงผมและกัส ผมขออยู่บ้านกัสก่อน ความสงสัยที่กัสท้องเสียเลยทำให้ผมและกัสนำอาหารทุกอย่างในร้านสะดวกซื้อมาเช็คแต่กลับพบเพียงความโชคร้ายที่กัสได้กินอาหารที่หมดอายุไปเพียงไม่กี่วัน ด้วยความอ่อนเพลียทำให้ไม่สามารถทำอะไรหรือไปไหนได้อีกเลยผมหลับตานอนลงด้วยความเหนื่อยและอ่อนล้ามากๆกับการวิ่งที่ผ่านมาไม่นาน
วันรุ่งขึ้นมีการประกาศทั้งในกลุ่มไลน์และเฟสบุ๊ค แม้กระทั่งไอจีสตอรี่ที่เต็มไปด้วยการโจรกรรมครั้งใหญ่นี้ไม่ใช่เพียงห้องผมที่โดนเท่านั้นห้องอื่นๆก็โดนไม่ใช่น้อยอาจจะไม่หนักเท่าห้องพวกผมเพราะมูลค่าของที่อินมีนั้นคุณภาพดีไม่ใช่น้อยบางอันก็เป็นของมือสองจากศิลปินซึ่งใครจะคิดว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริงและมันได้เกิดขึ้นแล้วอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ การสืบสวนดำเนินไปด้วยความไม่ราบลื่น มีความล่าช้าในการตรวจสอบ มีการเช็คซากในบ่อน้ำตามคำเตือนถึงสามบ่อใหญ่จนในที่สุดก็พบเศษซากสิ่งของต่างๆที่บ่อน้ำบริเวณสวนพฤกษศาสตร์บดินทร์ทำให้คำใบ้นั้นกระจ่างซึ่งกัสก็เป็นคนไขมันได้ตัวเลขและคำใบ้ของ ๖-๑/๒๓ ทางซ้ายของทางข้าม จริงๆแล้วมันเป็นแผนที่ของการจราจรของโรงเรียนวันที่ ๑๖ - ๑๙ พฤษภาคม ๒๐๒๓ ๖-๑/๒๓ ก็คือเดือน ๖ - ๑ จะได้เดือน ๕ วันที่เดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง ปีไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเทียบกับแผนที่แล้วจะตรงกับแผนที่นี้พอดีซึ่งฝั่งซ้ายของสัญลักษณ์ทางข้ามก็คือบ่อน้ำสวนพฤกษศาสตร์นั่นเอง เหมือนว่าซากจะละเอียดจนไม่สามารถระบุได้ว่าคือซากของสิ่งของชิ้นไหนบ้าง แต่ที่หน้าแปลกใจก็คือกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียนถูกปิดทั้งหมดในคืนๆนั้นและกล้องนอกโรงเรียนก็ดูเหมือนจะมีจุดบอดเช่นเดียวกัน ข่าวออกทั้งหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์รวมไปถึงการขึ้นเทรนในทวิตเตอร์ถึงการโจรกรรมอันไร้ร่องรอยและชำนาญเช่นนี้ บ้างก็ว่าฝีมือยาม คนนอกโรงเรียนหรือที่ตลกก็คือผู้อำนวยการแม้แต่ตำรวจจะซักถามพยานหลักฐานหรือคนในระแวกนั้นก็ยากที่จะมีใครรู้เพราะนั่นก็เวลาตีสองกว่าๆ การสืบสวนเป็นไปอย่างติดขัดเพราะฝีมือการสืบสวนของตำรวจก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่แถมไม่มีซักร่องรอยที่ทิ้งไว้เลยเหมือนกับว่าล่องหนมาขโมย พ่อแม่อินลงทุนซื้อของใหม่และยุติการค้นหาจนสุดท้ายไม่สามารถอธิบายหรือหาคำตอบได้ คดียังคงอยู่ความน่าเกรงขามยังคงตราตึงใจทุกๆคนทั้งในและนอกโรงเรียน
—- บัญทึกการโจรกรรมครั้งที่ ๑ —-
ผมไม่ชอบเลยที่จะต้องเห็นคนร่ำรวยอยู่ดีกินดีโดยที่ไม่มีสักนิดที่จะมีการแบ่งปันจากเพื่อนมนุษย์รวมไปถึงคนในครอบครัวของผม นี่คือการปล้นครั้งแรกของผมและการบริจาคครั้งแรกของครอบครัว
ตีหนึ่งของวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๖ ณ ห้องควบคลุมกล้องภายในโรงเรียนถูกเข้าระบบและปิดกล้องภายในโรงเรียน ต่อด้วยการโปรยคำเตือนทั่วโรงเรียนและเช้าวันเดียวกันนั้นเองเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ผมรอเวลาให้รุ่นพี่ในห้องส่งเสียงของโรงเรียนทุกคนไปเข้าแถวและใช้จังหวะนั้นเพียงไม่กี่นาทีในการเข้าไปปล่อยเสียงปริศนาจำนวนสามครั้งและปล่อยให้กลไกของคำเตือนนี้ทำงานและช่วยให้ผมขโมยได้ง่ายขึ้น
“ใครทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ว่ะ ไม่เห็นมันจะเท่ตรงไหนเลย เบียวชิบหาย!!”
ผมตะโกนถามแต่ก็เหมือนจะแอบด่าตัวเองเหมือนกันผมหัวเราะในใจทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมควบคลุมทุกอย่างได้ ผมตัดบทซื่อๆด้วยการพาทุกคนไปกินข้าว กัสคนที่ผมต้องบอกเลยว่าน่ารำคาญเสียจริงนี่ถ้ากำจัดออกจากการปล้นครั้งนี้ไม่ได้ต้องลำบากเอาแน่ๆ การวางแผน การคุยกัน ผมรู้ทุกอย่างมันทำให้ผมคลุมมันง่ายขึ้นไปอีก
คืนวันอาทิตย์ที่สิบหกผมเอ่ยปากชวนทุกคนกินข้าวก่อนที่จะหิวและไม่มีกำลังในการไปวิ่งเล่นในคืนนี้ ผมแค่ทำเป็นลืมเงินจะได้ทำอะไรได้ง่ายๆหน่อยในคืนวันที่จะปล้นและให้สัญญาว่าจะเลี้ยงคืน
คืนวันพุธที่สิบแปดก่อนจะเข้าวันพฤหัสที่สิบเก้าผมทำการทวงสัญญาด้วยตัวผมเองเพื่อคุณคนเดียว คุณกัส ถ้าไม่มีคุณสักนาทีสิบนาทีอะไรๆมันคงง่ายเข้าไปอีกผมใส่ยาถ่ายลงไปในน้ำของกัสใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็พอมันเนียนจนไม่อาจสร้างความสงสัยได้แม้เพียงวินาทีเดียวอีกไม่กี่ชั่วโมงยาคงออกฤทธิ์ ผมนำกล่องอาหารที่เตรียมไว้มาสลับสับเปลี่ยนกับอันที่กัสได้กินหมดไป มันได้ถูกดัดแปลงตัวเลขให้เหมือนกับว่ามันหมดอายุเพื่อที่จะไม่ให้กัสไปหาสาเหตุของการปวดท้องด้วยการตรวจสุขภาพ ผมนี่ช่างโชคดีจริงๆที่กัสใจตรงกันเลือกเมนูได้ถูกต้องกับที่เตรียมมา ทุกคนมาถึงโรงเรียนแล้วและเวลาก็ร่วงเลยไปจนถึงตีหนึ่งครึ่ง ผมใช้โทรศัพท์อีกเครื่องในการส่งข้อความไปทางไลน์ของยามประจำโรงเรียนว่ามีนักเรียนบุกรุกอยู่บริเวณระหว่างอาคารหนึ่งถึงอาคารห้าชั้นสามผมสั่งให้แบมดูบริเวณระเบียงส่วนผมจะคอยเฝ้าของในห้องและดูผ่านหน้าต่างไปอีกฝั่งของอาคารเอง เพียงไม่กี่นาทีแสงไฟของยามได้สาดส่องบอกตำแหน่งให้แบมได้ตกหลุมพราง ความหวาดกลัวทำให้แบมลดสติและลืมคิดวิเคราะห์อะไรต่างๆ ผมสั่งอะไรเค้าก็คงทำแล้วในระหว่างที่ผมสั่งให้แบมลงไปดูที่ชั้นสามผมใช้เวลาให้สั้นที่สุดและไวที่สุดเงียบที่สุดในการขนย้ายของด้วยความคุ้นชินและการเตรียมตัวมาอย่างดีเข้าไปในห้องข้างๆเพื่อเป็นการตบตาในระยะเวลาสั้นๆ แบมดูเหมือนจะเจอยามแล้วและผมยังเหลือแอมป์กับกีต้าร์ผมเลยใช้ตัวละครในจินตนาการหลอกล่อทั้งยามและแบม บุคคลปริศนาจากอีกฝั่งของห้องพักครูเพื่อซื้อเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็เพียงพอแบมและยามอยู่ใกล้ทางตรงเพื่อไปอาคารสองเค้าจะไม่ไปตรงบันไดระหว่างอาคารหนึ่งแน่ๆเพราะจะเสียเวลาในการวิ่งไปจับตัวละครลับที่ผมสร้างขึ้นเพราะเมื่อไปถึงจะอยู่เพียงชั้นล่างของห้องพักครูภาษาไทยแค่หนึ่งชั้น ผมอาศัยความไวในการขนย้ายของ ในระหว่างที่ยามและแบมกำลังวิ่งไปถึงจุดหมาย ผมก็ขนเสร็จแล้วในไม่กี่วินาทีหลังจากที่แบมและยามไปถึงบริเวณบันไดเพื่อดักตรงทางขึ้นไปสู่ห้องภาษาไทย ผมวิ่งอ้อมไปใช้บันไดอาคารหนึ่งและบอกพวกนั้นว่าตัวละครนั้นไปใช้บันไดระหว่างอาคารหนึ่งและเสียงผมที่วิ่งพร้อมกับบอกว่าเห็นโจรความน่าเชื่อถือยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก พอถึงบริเวณบันไดผมได้ใช้กลตบตาง่ายๆด้วยหลักการแสงตกกระทบที่เรียนไปเมื่อสองปีที่แล้วจากกระจกที่เตรียมไว้ตรงทางเดินและใช้แสงไฟจากไฟฉายสาดสะท้อนเงาตัวเองให้เหมือนกับคนวิ่งล่วงหน้าผมไปแล้วยี่สิบก้าว ผมเจอแบมกับยามพอดีการหลอกล่อไปสู่ห้องโสต การเตรียมเชือกหรือทำจีบผ้าม่านเพื่อหลอกล่อให้พวกเค้าหันหลังให้กับหน้าต่างที่มีเชือกอยู่ จังหวะไม่มีใครโฟกัสหน้าต่างผมใช้เทคโนโลยีของลําโพงบลูทูธที่แปะไว้ใต้หน้าต่างทำเสียงกระแทกพื้นเบาๆ มันแนบเนียนมากๆจนไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องระแวงอีกแล้วเพราะโจรแห่งจินตนาการได้หนีไปแล้วแต่ผมยังคงอยู่ในฐานะผู้บริสุทธิ์ทุกคนแยกย้ายกันกลับเพราะยามยังไม่เชื่อจึงโดนไล่ไปดื้อๆ
ผมเดินตามทางฟุตบาตข้างถนนหลบให้แสงไฟตามเสาไฟสาดไม่ให้โดนตัว ลมเย็นในยามค่ำคืนพัดกระทบตัวทำให้ผมอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม แสงจันทร์ที่เป็นเหมือนไฟบนเวทีตอนการแสดงจบลงสาดส่องเบาๆมาที่ร่างกายแต่ก็ไม่สามารถทำให้คนอื่นรับรู้ถึงการมาอีกรอบในครั้งนี้ได้แม้จะเด่นชัดเพียงใด แต่ใครจะรู้ว่ามีคนอยู่แถวนั้นอีกหนึ่งเดินตรงสวนมาทางผม
“แต่ทำไมเวลานี้ยังมีคนล่ะ” ผมนึกคิดในใจถึงตัวแปรไม่คาดฝันนี้
“สวัดดีครับคุณลุง” ผมกล่าวทักทายคุณลุงวัยหกสิบกว่าๆดูเหมือนคนไร้บ้านอัธยาศัยดี
“อ่าว มาเดินอะไรคนเดียวดึกๆล่ะหนุ่ม”
“ผมได้รับแจ้งมาว่ามีการบุกรุกโรงเรียนครับ คุณลุงเห็นใครน่าสงสัยไหมครับ”
“ไม่เลย ทางที่ลุงเดินมายังไม่สวนกับใครเลยนะ”
“โอ้ขอบคุณครับ กลับบ้านดีๆนะครับมีอะไรแจ้งที่ทางโรงเรียนได้เลยครับ” ก่อนผมเดินจากไปผมได้โชว์บัตรตำรวจ โชคดีจริงๆที่ผมแต่งตัวสีดำกรมเรียบร้อยคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบอย่างไงอย่างงั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วเพื่อไม่ให้คุณลุงนำเบาะแสไปพูด ผมเลยบอกว่าเป็นตำรวจแค่นี้คงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ
การกลับมาเอาเครื่องดนตรีทั้งหมดและทิ้งเศษเหล็กเศษพลาสติกลงบ่อน้ำ ผมนำของทุกอย่างขนใส่รถขนขยะที่จอดทิ้งไว้ในโรงเรียนก่อนจะนำรถคันนี้ขับออกไปในเช้าวันรุ่งขึ้นและนำมันไปในที่ๆสมควรแก่โอกาศ ผมบริจาคอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นประจำด้วยเงินส่วนตัวแต่ในขณะที่ตอนนี้ครอบครัวก็ได้บริจาคไปพร้อมกับผมแม้จะเงินเล็กน้อย แต่ก็..…
“พวกเรามีความสุขกับเครื่องดนตรีมันสร้างรอยยิ้มและประสบการณ์เล็กๆน้อยๆจากของๆคุณ พวกเราขออวยพรให้แข็งแรง ร่ำรวย บริษัทค้าขายดีด้วยความรักและขอบคุณ
ขอแสดงความขอบคุณ หมู่บ้านไกลเขา”
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ FrongLost ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ FrongLost
ความคิดเห็น