Can I change it ?
    \"ลูกต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสอนของคุณครูนะคะ\" เสียงอ่อนหวานที่แสนอบอุ่นดังขึ้นจากม้านั่งที่ตั้งอยู่ในสวนด้านหลังบ้านแห่งหนึ่ง เด็กตัวน้อยที่กำลังนั่งดื่มนมอยู่ข้างๆ พยักหน้าแล้วยิ้ม จากนั้นก็ดื่มนมต่อ คนเอ่ยคำสอนยังคงเอ่ยต่อไป \"แล้วก็อย่ายุ่งกับคนแปลกหน้านะคะ\"
    \"ค่ะ!! แม่!!\" เด็กหญิงตัวน้อยตอบอย่างเริงร่า \"หนูจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังครู ตั้งใจเรียน และไม่ยุ่งกับคนแปลกหน้าค่ะ\"
    \"ดีมากจ้ะ\" คนเป็นแม่เอ่ยพูด พลางลูบหัวลูกสาวตัวน้อยเบาๆ อย่างอ่อนโยน เด็กน้อยรีบยกแก้วนมดื่มจนหมด แล้วหันมายิ้มกว้างให้คนเป็นแม่ \"ดื่มหมดแล้ว ก็ไปโรงเรียนกันเถอะ ไปสายวันแรกไม่ดีนะคะ\" คนเป็นแม่เอ่ยบอก
    \"ค่ะ\" เด็กหญิงตัวน้อยรับคำ แล้วรีบจูงมือแม่ไปหาพ่อซึ่งรออยู่หน้าบ้าน   
    วันนี้เป็นการไปโรงเรียนครั้งแรก และวันแรก ของเด็กหญิงตัวน้อยที่แสนน่ารักคนนี้ เธอมีชื่อเล่นว่า \"โยมิ\" เพราะแม่ของเธอเป็นคนลูกครึ่งญี่ปุ่น ก็เลยมีชื่อเล่นเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบนี้
    โยมิพึ่งอายุได้ห้าขวบ เธอตื่นเต้นและดีใจมาก เธอนับวันเฝ้ารอการมาโรงเรียน เพราะ พ่อกับแม่มักบอกเล่าให้เธอฟังแต่เด็กว่าโรงเรียนนั้นเป็นอย่างไร แล้วเธอก็อยากจะสัมผัสสิ่งที่พ่อกับแม่เล่าให้ฟังดูบ้าง เธอจะพบกับเพื่อนใหม่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนข้างบ้าน พบกับชีวิตใหม่ที่ไม่ใช่แค่การเล่นและดูทีวี
    ครอบครัวของโยมิเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พ่อกับแม่ของเธอรักกันดี และไม่คอยปล่อยให้เธอเหงาหรืออยู่คนเดียวนาน พ่อกับแม่มักจะมาคุยอะไรต่างๆ กับเธอ โยมิไม่มีพี่ไม่มีน้อง เป็นลูกคนเดียว พ่อกับแม่เลยใส่ใจเป็นพิเศษ
    แม่ของโยมิเป็นนักบัญชีในบริษัทมีชื่อแห่งหนึ่ง แม่ของเธอเป็นคนใจดี ใจเย็น และอบอุ่นมาก ถึงจะเจ้าระเบียบไปบ้าง แต่แม่ก็มักจะคุยเล่นกับเธอเสมอไม่ว่าจะกลับมาเหนื่อยมากเพียงใด พ่อของโยมิเป็นพนักงานบริษัทเดียวกันกับแม่ของเธอ ทำให้สะดวกในการไปไหนมาไหน พ่อของเธอเป็นคนค่อนข้างขรึม แต่ใจอ่อนง่าย พ่อมักจะขรึมกับโยมิเสมอ แต่ก็จะใจอ่อนทุกครั้งที่โยมิงอน ถึงพ่อจะไม่ค่อยพูดกับโยมิ เป็นคนเงียบๆ แต่โยมิก็รู้ว่าพ่อรักโยมิมาเพียงใด ชีวิตของเธอผ่านพ้นไปอย่างมีความสุชจนกระทั่ง....เมื่อโยมิอยู่ชั้น ป.3 ...
                                   
                                        ......................................................................................
    ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม แสดงถึงยามเย็น เหล่านกกาต่างพากันบินกลับรัง เด็กหญิงตัวน้อยลงจากรถโรงเรียน เธอโบกมือลาเพื่อนๆ บนรถ แล้วเดินเข้าบ้านดั่งเช่นทุกวัน แต่เมื่อเข้าไปก็พบว่าพ่อกับแม่กำลังนั่งรอเธออยู่ที่ห้องรับแขก โยมิแปลกใจเล็กน้อยที่พ่อกับแม่ของเธอกลับมาก่อน ทุกทีต้องกลับมาทีหลังนี่นา
    เธอเดินไปสวัสดีพ่อกับแม่ แล้วนั่งลงข้างๆ แม่ ส่วนพ่อก็ยังทำหน้าขรึม โยมิเห็นห้องเงียบไป เลยเป็นคนเริ่มบทสนทนา
    \"พ่อกับแม่เป็นอะไรรึเปล่าคะ?\"
    \"เราจะย้ายบ้าน\" พ่อตอบสั้นๆ เข้าประเดิน พ่อเป็นแบบนี้เสมอ เกริ่นอะไรไม่ค่อยเป็น มักจะเข้าเรื่องเลย
    \"ย้ายบ้าน??? ทำไมละคะ? แล้วย้ายไปไหนคะ?\"
    \"พ่อได้เลื่อนตำแหน่งจ้ะ พวกเราต้องย้ายไปอยู่ที่คอนโด ที่อยู่ใกล้ๆ กับที่ทำงานใหม่ของพ่อเขา\" แม่ตอบให้ เมื่อเห็นพ่ออึ้งกับคำถามเป็นชุดๆ ของลูกที่แสนน่ารัก
    \"แล้วแม่ละคะ?? แล้วเรื่องโรงเรียนของหนูละ????\"
    \"แม่ก็ย้ายไปทำงานที่นั่นด้วย ส่วนเรื่องโรงเรียน พ่อกับแม่ก็หาให้ลูกได้จ้ะ แถวนั้นมีโรงเรียนเยอะ\"
    \"เหรอคะ...งั้น...จะย้ายเมื่อไรคะ?\"
    \"พ่อยังไม่ตอบอะไรกับผู้จัดการ รอดูความเห็นลูกอยู่ ลูกว่าไงละโยมิ?\" พ่อถามขึ้นเรียบๆ
    \"ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้แล้วแต่พ่อกับแม่แล้วกันนะคะ\"
    \"งั้นพรุ่งนี้พ่อจะไปบอกตกลงกับผู้จัดการ แล้วเดี๋ยวพวกเราก็เตรียมตัวย้ายข้าวของได้เลย\"
    \"โอ้โห!!! เร็วขนาดนั้นเชียว!!!! บอกตกลง เป็นต้องย้ายทันทีเลยเหรอ!!!!???\"
    \"เปล่า แค่เตรียมตัว แต่คิดว่าน่าจะย้ายอาทิตย์หน้า\" พ่อพูดเสร็จ โยมิก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วทั้งสามก็พากันไปทานอาหารเย็นที่แม่เตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
      ...ทั้งหมดนี้ เป็นช่วงเวลาดีๆ ของโยมิ สิ่งที่เกิดหลังจากนี้ จะเป็นเพราะเธอไม่ยอมค้านเรื่องย้ายบ้าน หรือ เพราะจิตใจเธออ่อนแอและอ่อนไหวเกินไปกันนะ?
                                              ......................................................................................
    เวลาผ่านไปหลายวัน หลายคืน หลายปี ทุกสิ่งทุกอย่างก็พลอยเปลี่ยนไปตามเวลา ขณะนี้โยมิกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 เธอต้องไปโรงเรียนเอง กลับบ้านเอง ทบทวนหนังสือเอง ทำอาหารเอง ทำความสะอาดห้องที่เธอพักเอง สิ่งที่กลับมาแล้วเห็นอย่างชินตาเห็นจะเป็น กระดาษที่แม่จะเขียนทิ้งไว้ให้ว่า \"วันนี้กลับเย็น\"
    ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้นะเหรอ? ก็เพราะงานนะซิ เพราะพ่อกับแม่งานยุ่ง ยุ่งเสียจนไม่มีเวลาอย่างเมื่อก่อน เธอก็พยายามเข้าใจ เข้าใจจนคิดว่า แล้วพ่อกับแม่ละ? พวกท่านเข้าใจเธอด้วยหรือเปล่า? พ่อกับแม่จะกลับมาเร็วที่สุดก็ประมาณ 3 ทุ่ม ได้ขนาดนี้ก็ดีถมแล้ว เวลาว่างจะอยู่ด้วยกันก็มีแค่วันหยุดทางราชการที่สำคัญๆ เท่านั้น นอกนั้นก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำกันแทบทุกวัน
    นานเท่าไรแล้วนะ ที่ครอบครัวนี้ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าอย่างแต่ก่อน ไม่ได้นั่งคุยเล่นกันทุกมื้อเย็น นานเท่าไรแล้ว ที่เธอไม่ได้นั่งคุยเล่นกับแม่ ไม่ได้ปรึกษาคุยกันเรื่องอนาคตของเธอกับพ่อ ตั้งแต่เมื่อไรที่เธอไร้ที่ปรึกษา ไร้คนอบอุ่นข้างกาย ต้องอยู่คนเดียว นับวันยิ่งเหงา นับวันยิ่งว้าเหว่ คนที่เคยเข้าใจเธอที่สุดหายไปไหน? คนที่เธอเคยไว้ใจที่สุดอยู่ที่ไหน? คนที่เคยยินดี หรือ ทุกข์ร้อน กับเธอละ? ทำไมอยู่ๆ สิ่งที่เคยมีถึงได้หายไป??
    อยากจะบอกให้กลับมาเร็วๆ ก็ไม่กล้า เพราะรู้ว่างานยุ่ง อยากจะปรึกษาเรื่องต่างๆ ก็กลัวหนักใจ เพราะรู้ว่า แค่ปัญหาของงานก็มากพออยู่แล้ว \'ต้องเข้าใจนะ พ่อกับแม่ทำงานหนัก ไม่มีเวลาให้เรา\' คำพูดปลอบใจ ที่เสียดแทงเข้าไปกลางใจ ทำไมคำปลอบนี้ถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ
    ในวันเกิดก็มีเพียงการ์ดเท่านั้น อยากขอเปลี่ยนเป็นพ่อกับแม่มานั่งให้ลูกกราบขอบคุณแทนได้ไหม? เงินที่ให้ใช้ในชีวิตประจำวัน ขอเปลี่ยนเป็นพ่อกับแม่แทนได้ไหม? ของที่เคยซื้อให้เมื่อก่อน ขอเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นแทนได้ไหม? ใบกระดาษที่เขียนบอกกลับบ้านเย็น ขอเปลี่ยนเป็นความเอาใจใส่ลูกแทนได้ไหม? เกรด 4 ที่พยายามแทบตาย เพื่อให้พ่อแม่ได้เห็น ได้เอ่ยชม ขอเปลี่ยนเป็นครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเก่าได้ไหม?
    ไม่มีทาง ก็รู้ว่ามันไม่มีทาง แต่ก็หวัง หวังว่าถ้ายอมเข้าใจพ่อกับแม่บ้าง พ่อกับแม่ก็อาจเข้าใจเราบ้าง เฝ้ารอวันไหนหนอพ่อกับแม่จะรู้ว่าสิ่งที่ต้องการนี้ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่เงิน แต่เป็นพ่อกับแม่มาอยู่กับลูกอย่างเก่า มีเวลาให้ลูกบ้างอย่างเก่าก็เท่านั้น อย่างอื่นไม่อยากได้ หวังและเฝ้ารอ จนตอนนี้ ไม่เหลือซึ่งความหวังใดๆ แล้ว
    โยมิเดินออกจากคอนโด อย่างเหม่อลอย ไม่อยากรับรู้อะไร ชีวิตอย่างงี้จะอยู่มันไปทำไม โสตประสาทของโยมิไม่ได้ยินอะไรแล้ว นอกจากความคิดของตนเอง เมื่อเธอตกอยู่ในห้วงผวังของความคิด ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงที่ดังเข้าใกล้เธอเรื่อยๆ
                                            ......................................................................................
    แสงแดดอ่อน ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานหนึ่ง ซึ่งเป็นหน้าต่างห้องนอนของโยมิ เธอลุกขึ้นขยี้ตา แล้วบิดขี้เกียจ ก่อนจะย้ายร่างลงจากเตียง เธอเดินออกจากห้องอย่างงัวเงีย เมื่อโยมิมองไปรอบๆ นอกห้อง เธอถึงกับเบิกตากว้าง เมื่อสถานที่ๆ อยู่ขณะนี้เป็นบ้านหลังเก่าของเธอ!!!!
   
    โยมิก้มลงมองตัวเอง ตอนนี้เธออยู่ในชุดไปรเวท!!! ทั้งๆ ที่จำได้ว่าเธอใส่ชุดนักเรียนเตรียมตัวจะไปโรงเรียน!!! แล้วทำไม...ทำไม...เธอถึงใส่ชุดไปรเวท? ทำไมเธอถึงมาอยู่บ้านหลังเก่าแห่งนี้??? นี่เธอกำลังฝัน หรือ เมื่อกี้นี้เธอฝัน?? แต่ทั้งสองอันดูเหมือนจริงทั้งสองอัน แล้วอันไหนคือความฝันละ??
    โยมิลงมาข้างล่าง ห้องทุกห้องโล่ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่เลย เหมือนตอนที่เธอย้ายออกไปแล้วไม่มีผิด พ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น???? โยมิรีบวิ่งออกนอกบ้าน
    ทุกอย่างภายนอกเป็นปกติ เธอเดินออกจากบ้านไปปากซอย เพื่อเดินทางกลับคอนโด อย่างน้อยเธอน่าจะหาคำตอบอะไรซักอย่างได้ ผู้คนเดินไปมาอย่างปกติ
    แต่สิ่งที่ผิดปกติดูจะเป็น ทุกคนที่เดินเหมือนไม่เห็นเธอเลย คนที่เธอเคยรู้จักคุยเล่นกันบ่อยๆ ยังไม่ทัก เขาจำเธอไม่ได้เหรอ??? แถมพอเดินผ่านสุนัขตัวไหน ตัวนั้นเป็นต้องเห่า นี่มันอะไรกันเนี่ย?
    โยมิเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงป้ายรถประจำทาง เธอยืนรอรถประจำทาง เป็นโชคดีที่รถสายนี้ไม่ค่อยมีคนขึ้น ทำให้เธอไม่ต้องเบียดใครขึ้นไป เมื่อโยมิขึ้นไปบนรถ เธอเดินไปนั่งที่นั่งริมหน้าต่าง ที่เป็นที่นั่งสำหรับคนเดียว พนักงานเก็บเงินบนรถประจำทางเดินผ่านเธอเสีย? เหมือนกับว่าไม่เห็นเธออย่างงั้น???
    โยมิร้องเรียกคนนั้นๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ เหมือนไม่มีเธออยู่บนรถ นี่ตัวเธอน่ารังเกียจขนาดนี้เชียว? โยมิจึงตั้งใจควักเงินออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเอาไปให้เขาเสียเอง แต่ก็ต้องตกใจ!!! เมื่อไม่มีอะไรอยู่ในกระเป๋ากางเกงเลย นี่มันอะไรกัน??? เธอขึ้นรถประจำทาง ทั้งๆ ที่ไม่มีเงินซักบาทติดตัว!!!
      จากความตั้งใจจะหยิบเงินให้ ก็รีบกลับไปนั่งตัวลีบอยู่ที่เดิม หวังเป็นเพียงแค่อย่างเดียวว่า เขาจะไม่กลับมาเก็บตังค์เธอ หรือถ้าเป็นอย่างงั้นเธอจะทำยังไงดี????
      ในที่สุดก็ถึงป้ายที่โยมิต้องลง เธอรีบแฝงตัวลงรถไปพร้อมๆ กับผู้โดยอีก 2-3 คน ที่ลงป้ายเดียวกันกับเธอ และหวังอย่างยิ่งว่า อยู่ๆ เขาก็พึ่งเห็นเธอและเก็บเงินค่ารถประจำทาง เป็นโชคดีแท้ๆ ที่เขาไม่เห็น หรือไม่ใส่ใจ หรือเป็นโชคของเธอ คนเก็บเงินไม่เห็น และดูท่าไม่มีท่าทีจะมาเก็บเงินเธอเลยด้วย
      หลังจากที่ลงจากรถ โยมิก็ยืนรอรถแท๊กซี่ ตั้งใจจะนั่งกลับไปคอนโด เพราะทางไปคอนโดนั้นไม่มีสายไหนผ่านเลย มีแต่สองแถว แต่สองแถวก็ไม่มาซักที แต่...วันนี้เป็นวันที่โยมิประหลาดใจเป็นที่สุด
      ประการแรก เธอไปโผล่ที่บ้านหลังเก่านั้น ประการที่สอง สุนัขทุกตัวที่เธอเดินผ่านจะต้องเห่า ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ เล่นด้วยกันออกบ่อย ประการที่สาม คนเก็บเงินบนรถประจำทางไม่ยอมเก็บตังค์เธอ เหมือนไม่มีเธออยู่บนรถ และประการสุดท้ายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้คือ
      ไม่มีแท๊กซี่คันไหนจอดให้เธอ พอคันไหนจอดหน้าเธอ ก็จะมีคนมาแย่ง โยมิยืนว่าเขาแต่เขาก็ไม่สนใจ เหมือนไม่ได้ยินเธอ เดี๋ยวนี้คนเราเป็นแบบนี้กันรึไง? โยมิพยายามเรียกคันใหม่ แต่ก็ไม่มีคันไหนจอดให้เธอซักคัน เหมือนไม่มีคันไหนรับรู้ว่าเธอกวักมือเรียก
      ทำให้โยมิตัดสินใจเดินไปที่คอนโด ระยะทางมันก็ไม่ไกลมากหรอก ถ้าเดินเล่นก็โอเค จะเดินก็เดินได้ แต่ถ้าให้เลือกอยากจะขอเลือกนั่งรถดีกว่า ระหว่างทางที่โยมิเดินไป ก็เหมือนตอนที่เธออยู่ที่บ้านหลังเก่านั้นไม่มีผิด ผู้คนเดินเหมือนไม่มีใครเห็นเธอ สุนัขทุกตัวเห่า แม้แต่ตัวที่นอนหลับบางตัว ยังมีสะดุ้งมาเห่าเธอ
      โยมิทักป้าขายผลไม้ที่เธอเคยอุดหนุนอยู่ประจำ แต่ป้าไม่มีท่าทีทักตอบ เหมือนไม่ได้ยินว่าเธอทักป้าเขาอยู่ แต่เธอก็ไม่ใส่ใจอะไร คิดว่าป้าคงขายยุ่งๆ หรือมีเรื่องคิด ไม่เป็นไรหรอก ท่าทางสบายดีก็พอแล้ว จากนั้นก็เดินจากไป
      แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งแปลกใจ ขนาดเจอคนรู้จักเขายังไม่ทัก หรือแม้แต่คนที่มาจีบเธอก็ยังไม่ทักเธอ ทุกคนเดินผ่านเหมือนไม่เห็นเธอ นี่เธอเป็นคนไร้ที่สังเกตุขนาดนี้เชียว? โยมิเดินไป พลางแปลกใจไป แต่ก็ยังมุ่งหน้าเดินกลับคอนโดต่อไป
      ทางผ่านที่เป็นจุดเด่นสำคัญที่จะไปคอนโด คือ วัด ก่อนจะถึงคอนโดจะมีวัดหนึ่ง ไม่ดังนัก แต่คนแถวนี้ก็มาสักการะบูชาเหมือนวัดทั่วๆ ไป วัดนี้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีพื้นที่มากพอทำพิธี
      ซึ่งขณะที่โยมิเดินผ่าน รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก ความทุกข์พลุกพล่านไปทั่วทั้งร่าง ความโศกเศร้าผุดขึ้นระคนความว้าเหว่ ความเหงา งานพิธีนั้นจัดด้านในสุด ดูคร่าวๆ น่าจะเป็นงานศพ ใครตายกันนะ? ทำไมเราถึงรู้สึกทุกข์ใจถึงเพียงนี้ ราวกับทุกอย่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนน้ำตาจะไหลออกราวกับลำธารที่ไม่สิ้นสุด นี่มันอะไรกัน?
      โยมิต้องปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง แต่ก็ปัดไม่ได้ เธอรีบมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องพัก โดยไม่คิดจะเดินเข้าไปในงาน แม้จะมีอะไรบางอย่างบอกให้เธอเข้าไป เพื่อรับรู้อะไรบางอย่าง
                                          ......................................................................................
      เมื่อโยมิกลับมาถึงห้อง ทุกอย่างเงียบสงัด เป็นเรื่องปกติเสียแล้ว ก็เป็นประจำ กลับมาก็ไม่มีใคร กลับมาก็ไม่เห็นใคร กลับมาก็มีแต่ความเงียบและความว้าเหว่ สิ่งที่แตกต่างเห็นจะเป็น สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ โยมิค่อยๆ เคลื่อนตัวเดินไปข้างๆ มองดูสิ่งที่วางอยู่บานโต๊ะ
   
      ใบปลิวไปเที่ยวต่างประเทศ...คู่มือท่องเที่ยวในลอสแองเจิลลิส...ลอสแองเจิลลิสหรือ? ประเทศนั้น ประเทศที่โยมิเคยพร่ำบอกพ่อกับแม่ว่าอยากไป โยมิมองของที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างตกใจ สายตาไปสะดุดที่ใบเอกสารสีขาว เธอหยิบขึ้นมาอ่าน ...ใบอนุญาตพักร้อนเป็นเวลา 3 เดือน เนื่องด้วยสามารถทำกำไรทะลุเป้าได้อย่างเหนือความคาดหมาย...
   
      นี่มันอะไรกัน???? หมายความว่ายังไง??? พ่อกับแม่ได้พักร้อนตั้ง 3 เดือน!!!!! เรื่องแบบนี้มีที่ไหนกัน?? แต่มันเกิดขึ้นแล้ว แม้ 3 เดือนก็ยังดี อย่างน้อยเธอก็มีเวลาบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากบอกให้พ่อกับแม่รู้ แถมยังได้ไปลอสแองเจิลลิสอีก!!!!
   
      โยมิแทบจะเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ ที่แท้พ่อกับแม่ก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพราะเรื่องแบบนี้ เพราะเธอรึเปล่านะ? แต่ช่างมันซิ ตอนนี้เธอจะได้อยู่กับพ่อกับแม่แล้ว ครอบครัวที่อบอุ่นจะกลับมาอีกครั้ง แค่ 3 เดือนก็ยังดี อย่างน้อยเธอคงจะบอกอะไรให้พ่อแม่รับรู้ เกี่ยวกับความรู้สึกของเธฮ และพวกท่านอาจจะหาเวลาอยู่กับเธอบ้างก็ได้ ใครจะรู้ละ
   
      ใช่แล้ว ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปด้วยดี แต่....
      พอโยมิเดินลงมาข้างล่าง ตั้งใจจะไปเดินเล่นข้างนอก อุตส่าห์เจอเรื่องดีๆ ขนาดนี้จะให้นั่งนิ่งอยู่ในห้องได้ไง ประจวบเหมาะกับที่ตรงเคาน์เตอร์เปิดทีวีดู และช่วงนั้นเป็นช่วงข่าวภาคเที่ยงพอดี โยมิหยุดยืนดูข่าวทางทีวี เธอเป็นคนชอบฟังข่าวมาก คนอ่านข่าวอ่านว่า
   
      \"- - - เกิดเหตุการณ์น่าสลดใจ เมื่อเช้าเวลาประมาณ 6 นาฬิกา 39 นาที มีนักเรียนหญิงระดับชั้นม.ต้น ประสบอุบัติเหตุรถชน ขณะที่กำลังเดินข้ามถนนไปโรงเรียนตอนที่ออกจากคอนโด เจ้าของรถคันนั้นให้ปากคำว่า ตนขับมาด้วยความเร็วมาก ปีบแตรให้หลบแต่เด็กคนนั้นก็ยังเดินอยู่ เบรกไม่ทันจึงชนเด็กคนนั้น ตกใจมากเลยรีบลงมาแล้วพาส่งโรงพยาบาลพอดี สอบถามเคาน์เตอร์ที่คอนโดเพื่อติดต่อพ่อและแม่ของเด็ก เมื่อพ่อและแม่มาถึง คนพ่อก็ว่าเขา แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเขาผิด และยินดีชดใช้เมื่อเกิดอะไรขึ้น คนเป็นแม่ได้แต่ยืนร่ำไห้หน้าประตูห้อง ICU เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน หมอที่ทำการรักษาก็บอกว่าไม่ทันเสียแล้ว นอกจากจะได้รับผลกระเทือนอย่างแรงแล้ว ยังมีปัญหาทางด้านจิตใจอยู่แล้วด้วย ขอแสดงความเสียใจ เป็นเหตุการณ์น่าสลดอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น นี่คือภาพของเด็กหญิงที่ประสบอุบัติเหตุคนนั้น - - -\"
   
      เมื่อจอทีวีฉายรูปให้ดู โยมิถึงกับตะลึง ร่างกายสั่นเท้ม อย่างไม่อยากเชื่อสายตา เด็กสาวในรูปผิวขาวอมชมพู หน้าตาหน้ารักเหมือนคนญี่ปุ่น ผมสีดำสนิทที่สั้นตรงระเบียบ เด็กคนนั้น ไม่จริงใช่มั้ย ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอยืนอยู่ตรงนี้นะ แล้วนั่น...ทำไม...ทำไม...นั่นมันรูปของเธอ!!!!!!!
   
        โยมิเดินออกนอกคอนโด เธอตายแล้วหรือ? งั้นงานศพที่เธอเห็น ไม่ใช่ของใคร เป็นของเธอเอง โยมิเดินเข้าวัดไปที่งานศพนั้น แขกเรื่อทั้งหลายพากันกลับเกือบหมด มีเพียงแม่ที่นั่งร้องไห้แทบขาดใจอยู่บนเก้าอี้ ต่อหน้าโลงศพของเธอ และมีพ่อคอยปลอบเคียงข้าง แม้จะไม่เห็นว่าพ่อร้องไห้ออกมา แต่โยมิก็รู้ว่าพ่อเสียใจแค่ไหน
   
        เธอมองรูปตัวเองที่ประดับอยู่ข้างๆ โลงศพอย่างเหม่อลอย ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ละ แล้วโยมิก็สะดุ้งเมื่อมีเสียงสะอื้นของแม่ \"..ฮือ..โยมิ...ฮึก...แม่..แม่ขอโทษ...แม่ขอโทษ...ที่ไม่มีเวลาให้ลูก...แม่ขอโทษโยมิ....แม่ขอโทษ...\" แม่พึมพำซ้ำแล้วซ้ำอีก โยมิมองอย่างปวดใจ
   
        ไม่เลย...แม่ไม่ผิดเลย...แม่ไม่ผิด...พ่อกับแม่ไม่ผิด...ลูกเอง...ลูกเองที่ผิด ลูกเองที่อ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง ถ้าลูกเชื่อมั่นกว่านี้ซักนิด ถ้าลูกเข้มแข็งกว่านี้ซักหน่อย เรื่องแบบนี้คงไม่เกิด แม้มันจะเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุ ถ้าลูกไม่เหม่อลอย ถ้าลูกรู้จักแยกว่าอะไรเป็นอะไร ทุกอย่าง....ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้
   
        โยมินั่งพับเพียบลงต่อหน้าพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แม้ท่านทั้งสองจะไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ขอแค่รับรู้ความรู้สึกของลูกคนนี้ ได้ยินเสียงกระซิบของลูกคนนี้ หยาดน้ำไหลริน เงยหน้ามองหน้าพ่อกับแม่อย่างปวดใจ ความทุกข์ที่มิอาจบรรยายได้ ความเศร้าที่ไม่อาจมีผู้ใดมาลบล้าง โยมิประนมมือแล้วก้มลงกราบเท้าผู้ให้กำเนิดทั้งสอง พร้อมประโยคสุดท้ายที่เอ่ยขึ้นจากใจจริง
     
\"หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ลูกได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่อีก ขอให้ลูกได้แก้ตัวกับความผิดให้ชาตินี้ ขอให้ลูกตอบแทนพระคุณที่พ่อกับแม่มอบให้ ขอให้ชาติหน้า พวกเราสามคนพ่อแม่ลูก อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข ตราบชั่วฟ้าดินสลาย\"
                                      ......................................................................................
                                  ขอเปลี่ยนการ์ดวันเกิด       เป็นพ่อกับแม่มาให้ลูกกราบขอบคุณที่ให้กำเนิด
                                  ขอเปลี่ยนเงินที่มี       เป็นพ่อกับแม่มาอยู่ข้างกายทุกยามเวลา
                                  ขอเปลี่ยนสิ่งนอกกาย       เป็นความอ่อนโยนอบอุ่นที่มีให้ยามทุกข์ใจ
                                  ขอเปลี่ยนความสำเร็จ       เป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่นและมีความสุขตลอดไป
                                                                  .......THE END......
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น