Short Fic LSK : ดวงใจครึ่งเสี้ยว(ไทรอนxครีอุส) - Short Fic LSK : ดวงใจครึ่งเสี้ยว(ไทรอนxครีอุส) นิยาย Short Fic LSK : ดวงใจครึ่งเสี้ยว(ไทรอนxครีอุส) : Dek-D.com - Writer

    Short Fic LSK : ดวงใจครึ่งเสี้ยว(ไทรอนxครีอุส)

    ไทรอนxครีอุส คู่รักซึนเดเระ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,533

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.53K

    ความคิดเห็น


    21

    คนติดตาม


    18
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ก.ค. 53 / 16:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เป็นเรื่อง Y (ชายรักชาย)
    คู่ ไทรอนxครีอุส
    อ่านแล้วอย่าลืมเม้นนะค่ะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      ข้าเกลียดเจ้า....




      “ยินดีที่ได้รู้จักนะจอร์โก ข้าเกรเซียสเป็นว่าเทพอัศวินครีอุส” ร่างบอบบางราวหญิงสาวเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย...รูปร่างหน้าตาแบบนี้เนี้ยนะเป็นเทพอัศวิน...ข้าไม่เชื่อ





      เกลียดยิ่งกว่าเกลียดรอยยิ้มของเจ้า.....





      “ไทรอนที่รัก เจ้ากำลังใช้พระเมตตาแห่งองค์มหาเทพผู้สว่างไสวเจิดจรัสทำอะไรอยู่งั้นหรือ...”ร่างบางแย้มรอยยิ้มสง่างามพลางจ้องมองไปที่หญิงสาวที่อยู่กับข้า ทำไมต้องยิ้มแบบนั้นด้วยข้าล่ะเกลียดจริงๆ ยิ้มที่เจือความเย้ยหยัน....




      ข้าเกลียดที่ทุกสิ่งที่เป็นเจ้า!!




      “ทำไมเจ้าไม่ไปเป็นเทพอัศวินเอกอนซะนะ เสียดายความสามารถจริงๆ!” เจ้ารังเกลียดข้า...ถึงขนาดต้องผลักใสกันเลยงั้นหรือ...ดี ข้าจะได้ปิดความรู้สึกของข้าเอาไว้เป็นความลับตลอกกาล เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงไร ข้าพยายามตามหาเจ้า พอเจอเจ้าที่ความจำเสื่อม ข้าก็แทบบ้าแม้คนอื่นจะมองว่าข้าทำไปเพราะ ‘หลักการ’ แต่ข้าขอยืนยันว่าการกระทำทุกอย่างเป็นความจริง...ข้าหาเรื่องทะเลาะเพราะเจ้าจะได้หันมามองข้าบ้าง คิดถึงข้าแม้ว่ามันจะเป็นตำแหน่งที่คนที่เจ้าเกลียดซะยิ่งกว่าอะไร....




      ข้าอยากจะเกลียดเจ้าเหลือเกิน...




      “เทพอัศวินทั้งสิบสององค์จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”เทพอัศวินเทอร์มิส พยายามลุกขึ้นเพื่อเอ่ยประโยคนั้นออกมา แต่ข้าไม่ใช่...ข้ายืน เพื่ออยากจะยืนยันว่าสิ่งที่ข้ารับรู้ทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหก แต่ไม่ใช่ เจ้าไม่หายใจออกแล้ว ดวงตาสีฟากฟ้าที่ไม่สะท้องสิ่งใดมาระยะหนึ่งแล้วบัดนี้ขุ่นมัวไร้ชีวิต เส้นผมที่เคยเป็นสีทองประกายเลือนหายไปเหลือไว้เพียงสีขาวไร้สีสัน เพราะแบบนี้ข้าถึงอยากจะเกลียดเจ้า! ข้าจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด ทรมารเมื่อเจาหายไป หากเป็นอย่างนั่นข้าคงไม่ต้องมานั่งกระวนกระวายว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร ทำอะไรอยู่สุดท้ายข้าก็ต้องมาเจ็บปวดเจียนตายจนได้...




      เจ้าชายปีศาจไปแล้ว...เหลือไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ...




      ข้าค่อยๆก้าวเข้าไปสัมผัสเจ้า ลูบไล้ที่ผิวหน้าเนียนละเอียด...ไม่กล้าแม้แต่จะใช่มือข้างนี้ปิดดวงตาของเจ้าลง...




      ตัวเจ้ายังอุ่นอยู่เลย...ข้าไม่อยากจะเชื่อ...ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าเจ้าจะจากไปแล้ว...ไหนเจ้าบอกว่าไม่มีวันทิ้งพวกเจ้าอย่างไรล่ะ เจ้าจะมาผิดสัญญากับข้าไม่ได้นะ ข้าไม่ยอม....พลันความหวังเล็กๆของข้าก็ถูดจุดประกายขึ้นดูเหมือนเทอร์มิสจีวิธีที่จะทำให้เจ้าฟื้นขึ้นมาได้...แต่เจ้าแก่นั่น กลับรีรอ ไม่ยอมปลุกเจ้าขึ้นมาสักที




      ผลที่ตามมาอาจจะเลวจนเจ้ายอมตาย...พูดบ้าๆ! ข้าไม่มีวันยอมหรอก ไม่มีวันยอมให้เจ้าตายอีกครั้งเป็นอันขาด แม้จะต้อจับเจ้าล่ามโซ่ไว้ข้าก็จะทำ!!




      เทมเพสเอ่ยขึ้นท่ามกลางความสับสน มันเป็นคำสอนที่พวกเราทุกคนต่างได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก ว่าที่เทพอัศวินทั้งสิบสององค์ “ถ้าเทพอัศวินทั้งสิบสององค์ขาดใครไปสักคนยังพอจะหาคนมาทดแทนได้ ถึงจะขากเทพอัศวินเทอร์มิสไป สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดก็แค่ไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคมได้เท่านั้น แต่หากสูญเสียเทพอัศวินครีอุสผู้มีหน้าที่นำทางทุกคน ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะหมดสิ้นหนทาง เพระฉะนั้น...”เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนมีอะไรบางอย่างมากระตุ้นให้ข้าและคนอื่นๆกล่าวออกมาพร้อมกันว่า




      “จะสูญเสียเทพอัศวินครีอุสไปไม่ได้เด็ดขาด” ข้าจะไม่ยอมสูญเสียเจ้าไป แสงสว่างดวงเดียวในความมืดมิดของข้า...แสงสว่างเจ้าเอย...หากเจ้าพื้นขึ้นมา ข้าจะบอกทุกอย่างกับเจ้า ทุกสิ่งที่ข้าปิดบัง ทุกสิ่งที่ข้าแอบซ่อน...ข้าจะบอกสิ่งที่อยากจะเผยออกมานาน ความรู้สึกที่ข้าพยายามบิดเบือนว่าเกลียดเจ้า...ในความเป็นจริงแล้ว...




      ข้ารักเจ้า...รักมาก...และก็รักมาตั้งแต่แรกเห็น...




      ข้าจะบอกทุกอย่างกับเจ้า แม้มันอาจจะทำให้เจ้าเกลียดข้ามากกว่าเดิม เจ้าอาจจะหาว่าข้าวิปริตชอบผู้ชายด้วยกัน ทั้งๆที่มีดอกไม้งามอย่างผู้หญิงอยู่ในมือมากมาย เหตุใดเล่าถึงได้หันมาสนใจบุรุษเพศเยี่ยงเจ้า...เหตุผลของข้าอาจจะมีน้ำหนักไม่พอ จะผิดไหมหากข้าจะบอกว่า ข้าหลงใหลดวงตาสีฟากฟ้าหลังฝนตก สดใส ชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา...หลงใหลในน้ำเสียงไพเราะที่ใสราวกระจกแก้ว ราวกับหยดน้ำเล็กๆที่หยาดต้องผืนมามหาสมุทรอันกว้างใหญ่แผ่ขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ดึงดูดทุกสายตาให้ทอดมองมาที่เจ้าไม่เว้นแม้แต่ข้า...หลงใหลเรือนกายบอบบางราวกับจะปลิวหายไปตามลม...หลงใหลกลุ่มผมสีทองที่แม้จะเปลี่ยนสีก็ยังพลิ้วไหวตามลม กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมี่กระจายออกมาจากตัวของเจ้าทำให้ลมหายใจของข้าถึงกับสะดุด...




      ข้าหลงใหลทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นเจ้า...เกรเซียส....



      ..............................




      แสงสว่างสีขาวบริสุทธิ์ส่องประกายจากอักขระเวทพื้นคืนชีพ แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่สิบนาที แต่ข้ารู้สึกว่าเนิ่นนานเหลือเกิน สักพักดวงตาของเจ้าที่พระสังฆราชเป็นคนปิดก็เริ่มขยับ ในที่สุดเจ้าก็พื้น...เจ้าพื้นแล้ว...ไม่รู้ว่าข้าดีใจมากมายเท่าใด ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเราขยับเข้าไปใกล้เจ้า ปากของเจ้าเปิดออกเหมือนต้องการกล่าวอะไรออกมา..แต่สิ่งที่ออกมามีเพียงลมเท่านั้น ข้าตกตะลึงหรือเจ้าจะสูญเสียเสียงของเจ้าไปแล้ว...




      แต่ดูเหมือนข้าจะคิดไปเอง...




      “พะ...พวก...พวกเจ้า...พื้นคืนชี..ให้...ข...งั้นหรอ”เสียงเจ้าขาดกระท่อนกระแท่นเหมือนมีอะไรบางอย่างมากั้นเสียงนั้นเอาไว้ เคเรสรีบวิ่งออกไปหาน้ำมาให้เจ้า ผ่านไปสักพักเจ้าก็ถามออกมาอย่างงุนงง




      “ทำไม...”




      “ทำไมงั้นหรอ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครฮ่ะ!  ถึงได้กล้าทิ้งพวกข้าไว้แบบนี้!”ข้าสวนออกไปอย่างโกรธเคือง เจ้ากล้ามาก คิดจะทิ้งข้าไว้อย่างงั้นหรอ ถ้าเจ้าอยากจะหนีข้าให้ได้ เจ้าก็ต้องฆ่าข้าซะ ไม่งั้นเจ้าก็ไม่มีวันทิ้งข้าไปได้




      “ใช่ๆ แบบนี้ต้องลงโทษ! กักบริเวณตลอดชีพ!” อาร์เมลร้องรับอย่างเห็นด้วยกับข้า




      “อดขนมสิบหกปี”ไอซอทกล่าวยิ้มๆ ทันใดนั้นเจ้าก็ทำหน้าเหยเกแบบปวดใจสุดๆ ยังชอบของหวานเหมือนเดิมเลยนะ




      “ส่งไปลานลงทัณฑ์เลย!!” คราวนี้อาร์เทมิสกรีดเสียงสูงขึ้นมาบ้าง หน้าของคนจะถูกส่งไปเป็นนักโทษอย่างเจ้าก็เบิกกว้าง รีบส่ายศรีษะปฎิเสธอย่างแรงแล้วร้อง




      “ไม่เอานะ!“ ทุกคนหัวเราะหึๆ เสียงค่อยๆดังขึ้นเรื่อยพวกเรารวมกลุ่มกันทั้งรูปทั้งขยี้ผมเจ้าอย่างดีใจ เคเรสโผเข้าไปกอดแล้วปล่อยโฮยกใหญ่ เทมเพสหยิบปึกเอกสารมาทุกหัวเจ้าดังปึก อาร์เทมิสยืดค้างร้องไห้เงียบๆอย่างหมดมาดเย่อหยิ่ง เทอร์มิสยืนมองเหตุการณ์นั่นด้วยเสียงหัวเราะร่าเริงอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน เกรเซียสนิ่งไปเขายิ้ม...ยิ้มอ่อนหวานที่สุดที่พวกข้าเคยเห็นก่อนพูดเสียงสั่นๆ




      “แปลกจัง...ทำไมน้ำตาถึงไม่ไหลนะ...”ทันใดทุกคนก็ประจักถึงสิ่งที่คนตรงหน้าสูญเสีย น้ำตา...เจ้าไม่อาจร้องไห้ได้อีกแล้ว แต่ข้ากลับคิดว่ามันเป็นเรื่องดี ข้าจะได้ไม่ต้องเห็นเจ้าร้องไห้อีก




      “เพราะเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว ต่อไปพวกข้าจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำอะไรเจ้าอีก!”ข้าย้ำหนักแน่น มันคือคำสาบาน คำสาบานที่ข้าให้ไว้กับตนเอง...ข้าจะไม่ยอมให้อะไรมาแตะต้องเจ้าอีกเป็นอันขาด!!




      ....................




      .............................................





      .....................................................................





      สามวันแล้ว...พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปคิดบัญชีกับเจ้าชายปีศาจที่บังอาจมายุ่งกับประมุขของเราเทพอัศวินทั้งสิบสององค์ คนทรยศที่ข้าไม่มีวันให้อภัย...สองวันก่อนพวกเราได้ยินความจริงบางอย่างจากปากของอิลเลียต...เทพอัศวินฮาเดสตัวจริง! ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ พี่น้องที่แท้จริงอยู่ใกล้ขนาดนี้เลย เขาจะไปที่วิหารเทพแห่งความมืดมนด้วย เขาต้องการจะไปจัดการตัวปลอมของเขาที่ทำร้ายเกรเซียส




      ตอนนี้ข้ากำลังเดินอยู่ที่ระเบียงของตำหนักเทพอัศวินอันศักดิ์สิทธิ์ สายตาข้าก็ไปปะทะกับร่างๆหนึ่งซึ่งกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง เจ้านั่นเอง...เกรเซียส จริงสิ ข้ามีอะไรบางอย่างต้องบอกกับเขา ก่อนที่ข้าอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก




      “ครีอุส...”ข้าเรียก เขาชะงักนิดๆก่อนจะหันมาหาข้า ไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองรึเปล่าเหมือนดวงตาที่มืดบอดนั้นจะมีประกายของความดีใจ




      “ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า/ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า”ข้ากับเขาพูดขึ้นพร้อมกัน หน้าของเกรเซียสแดงขึ้นอย่างไร้สาเหตุ เขาก้มหน้าหลบตาข้า ก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเชื้อเชิญ




      “เข้ามาก่อนสิ”ข้าตกใจนิดหน่อย เพราะร้อยวันพันปี เกรเซียสไม่เคยจะคิดเสวนาดีๆกับข้า แต่วันนี้เขาดูแปลกๆไป ก้มหน้าหลบสายตาข้าซะอย่างนั้น...




      “เจ้ามีเรื่องอะไรจะคุยกับข้าหรือ ไทรอน”เขาถามข้าซึ่งก้าวเข้ามายืนในห้องเรียบร้อยแล้ว เขาปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปนั่งที่เตียงอย่างใจเย็น




      “ข้า...เอ่อ...ข้า...”ข้าอ้ำๆอึ้งๆ ก็เรื่องแบบนี้มันพูดได้ง่ายๆซะที่ไหน มันเสี่ยงกับการถูกเกลียดอย่างร้ายแรงเชียวนะ!!




      “วันนี้เจ้าพูดติดอ่างได้เหมือนจริงจัง”เกรเซียสว่ายิ้มๆ ในที่สุดข้าก็รวบรวมวามกล้าตะโกนออกไปว่า




      “ข้ารักเจ้า!!” เกรเซียสเบิกตากว้างอย่างตกใจ เขามองข้าอย่างไม่อยากเชื่อ ให้ตาย...ข้าว่าแล้วเชียว...ถูกเกลียดหนักกว่าเดิมแน่ ในขณะที่คิดจะเดินออกไปแล้วหันหลังกลับไปนั้น ร่างบางนุ่มนิ่มก็เข้ามากอดข้าจากทางด้านหลัง กล่าวเสียงอู้อี้




      “มาบอกคนอื่นแบบนี้อย่าคิดหนีนะ...ขี้โกงนี้”




      “แต่เจ้าคงรังเกลียดข้า เพราะข้าเป็นชายเหมือนกันเจ้า...”ข้าพึมพำ แต่เกรเซียสกับเพิ่งแรงกอดข้าแล้วตวาดเสียงดัง




      “ยังไม่ได้ฟังคำตอบแท้ๆอย่าคิดไปเองนะ!!”




      “แล้วเจ้าคิดยังไงกับข้าล่ะ”ข้ากลั้นใจถามคำถามที่อยากรู้ที่สุดแต่ก็กลัวคำตอบที่สุดเหมือนกัน...




      “ข้าอยากจะร้องไห้...”อะไรนะ นี่รังเกลียดถึงขนาดอยากจะร้องไห้เชียวงั้นหรือ...ข้านิ่งงัน ฟังร่างเล็กที่กระชับอ้อมกอดมากขึ้นกล่าวช้าๆ




      “ข้านึกว่าเจ้าจะเกลียดข้ามากซะอีก...ข้าเสียใจมากเลยนะ...”งั้นก็ปล่อยข้าสิ! ข้าจะได้ออกไป




      “ข้าคิดว่าข้าคิดไปเองคนเดียวซะอีก ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรักข้า”




      ว่าไงนะ...หมายความว่ายังไง




      “ข้าก็รักเจ้า...เหมือนกัน”สิ้นเสียงสุดท้ายข้าก็หันไปรวบเขามากอดทันที ข้าไม่อยากเชื่อ! ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ! ข้าดีใจเหลือเกิน ดีจริงๆที่ตัดสินใจมาบอก




      “ข้าดีใจที่เจ้ารักข้าจนอยากจะร้องไห้เลยล่ะ...มันเป็นครั้งแรกเลยนะที่จะได้ร้องไห้เพราะความสุข...แต่ข้ากลับไม่มีน้ำตาอีกแล้ว”เกรเซียสกอดข้าแล้วพึมพำเสียงสั่น ในที่สุดข้าก็ทนไม่ไหมชยคางของเขาขี้นมาประกบริมฝีปากบางๆนั่นทันที แทรกลิ้นเข้าไปควานหาความหวาน เกรเซียสไม่ได้ขัดขืน เขาโอบคอข้าไว้เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวไปไม่ให้ตนล้มลงไป พยายามตอบสนองข้าอย่างเงอะงะ เนิ่นนานกว่าข้าจะถอนริมผีปากออกมา เขาหอบหายใจแรงๆ ดวงตาหวานเชื่อมจนข้าต้องพยายามคุมสติไม่ให้หลุดลอยตอนจะพูดประโยคหนึ่ง




      “สิ่งใดที่เจ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องฝืน  หากจะร้องไห้ขอเป็นจูบแทนก็แล้วกันนะ”เกรเซียสฟาดขนข้าดังเพียะแล้วตวาดแหวอย่างเขินอาย




      “เจ้าบ้า ลามาก ทะลึง!!” พอพูดจบข้าก็ดันเขาให้นอนราบไปบนเตียง แล้วขึ้นไปคร่อมอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์




      “ข้าเป็นแบบนี้กับเจ้าคนเดียวน่า ไม่ต้องกังวล”




      “ใครกังวลกันหา! เจ้าทำบ้าอะไร! ลงไปนะ!”เกรเซียสหน้าขึ้นสี เขาพยามดิ้นให้หลุดจากข้าแต่แรงเท่ามดแบบนั่นไม่มีทางจะดิ้นหลุดหรอก เสร็จข้าล่ะ หึๆๆ




      “เดี๋ยวก็รู้...”




      “ว่าไงนะ!...อื้อ..อืม...”




      หลังจากนี้พวกเจ้าออกไปก่อนข้าไม่อยากให้ใครมาดูพวกข้า ข้าทำอะไรๆไม่สะดวก จะคิดยังไงก็เรื่องของพวกเจ้า ข้าขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน...ลาก่อน...





      ....................................



      จบล่ะเจ้าค่ะ ! ตอนพิเศษ... o12


      หวังว่าพออ่านกันจบแล้วทุกคนจะไม่มาดักตีหัวนากิกันนะเจ้าค่ะ o30 o30


      เหอๆๆๆ เป็นตอนสั้นๆ เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องในฟิคแต่อย่างใด o11 o11


      แต่ถ้าใครอ่านแล้วไม่เม้น นากิจะส่งอุสไประเบิดบ้านคุณถึงทีเลยทีเดียว เหอๆๆๆ (ร่ายคำสาป) o11 o11

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×