ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lilo & Stitch Reboot Fanfic : ลิขิตรักข้ามจักรวาล

    ลำดับตอนที่ #5 : Mission 04 : Game Start

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 62


    MISSION 04

    Game Start



                        หลังจากที่ภารกิจ "ส่งนางฟ้ากลับบ้าน" ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นทางการ  สองคู่หูสายลับปฏิบัติการค้นหาสัตว์ทดลองจึงออกตามหาพี่น้องของสติทช์ตามปกติ

                        แต่เพิ่มเติมตรงที่มาวินกับแองเจิ้ลขยันมาบ้านลีโล่แทบทุกวัน  ต่อมเผือกของพรีคลีย์ถึงได้ทำงานหนักขึ้น  ติดตามชีวิตรักของลีโล่  มาวิน  สติทช์  และแองเจิ้ลหนักขึ้นจนจัมบ้ากับพี่นานี่ได้แต่เพลีย  โดยเฉพาะพี่นานี่ที่พยายามปรามพรีคลีย์ไม่ให้ยุ่งเรื่องของลีโล่จนเกินงาม  ถึงเธอยินดีที่น้องสาวตัวเล็กมีเพื่อนใหม่เพิ่มก็ตาม

                        ไม่ใช่แค่พรีคลีย์คนเดียวที่นึกสนุกอยากจับคู่ให้หนุ่มสาวสี่สหายต่างพันธุ์ได้ลงเอยกัน  พี่น้องของสติทช์ที่ต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างก็พลอยเม้าท์กันอย่างสนุกปาก  คิดว่าฟ้าคงบันดาลให้มาวินเป็นเนื้อคู่ของลีโล่  สังเกตได้จากมาวินกับมาเรียต้องการเรียนรู้ภารกิจของลีโล่จากจัมบ้า  สองพี่น้องโคลแมนถึงได้รู้ว่า... บรรดาสัตว์ทดลองทั้งหกร้อยกว่าชีวิต  ถูกแบ่งออกเป็น 7 หมวดด้วยกัน

                       0-Series     ชุดทดสอบของจัมบ้า  ผู้ช่วยงานครัวเรือน

                              1-Series     การสร้างความโกลาหลให้กลุ่มคน

                              2-Series     เกี่ยวกับงานวิจัยทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์

                              3-Series     เกี่ยวกับงานด้านจิตวิทยา

                              4-Series     ความลับทางการทหารขั้นสุดยอด  และเป็นผลงานการทดลองที่ล้มเหลว

                              5-Series     ผู้จัดการธาตุต่าง ๆ และสิ่งแวดล้อม

                              6-Series     เป็นองค์ประกอบการทำสงครามซึ่งเกี่ยวพันถึงกาแล็คซี่

                        จัมบ้ายังอธิบายต่ออีกว่า... ถึงสัตว์ทดลองทุกตัวได้รับการปลุกชีพ  ก็ใช่ว่าทุกตัวจะแผลงฤทธิ์แต่แรกเริ่มเสมอไป  เพราะจากประสบการณ์ที่ลีโล่กับสติทช์พบเจอ... สัตว์ทดลองบางตัวถูกออกแบบมาให้มีพลังที่แตกต่างกัน  บางตัวเป็นภัย  และบางตัวไม่เป็นภัย  ซึ่งส่วนมากทั้งคู่จะพบแต่สัตว์ทดลองสายคอม-แบ็ตที่ต้องอาศัยสติปัญญาและพละกำลังที่ควบคู่กันมาละลายพฤติกรรมพวกเขาให้ได้  หรือถ้าพบตัวไม่มีภัย... เขาและเธอต่างก็มีมุมอยากลองจนกลายเป็นหาเหาใส่หัวอยู่เรื่อยไป  ส่วนจะค้นพบได้อย่างไรนั้น... ก็ขึ้นอยู่กับเวลา  โอกาส  และโชคชะตา

                        อ้อว์!  เกือบลืม... จัมบ้ายังคิดชื่อเล่นให้สองพี่น้องโคลแมน  มาวินถูกเรียกเป็น "พ่อหนุ่มเนื้อคู่"  และมาเรียถูกเรียกเป็น "ยัยหนูกามเทพ"  เพราะนึกสนุกอยากจับคู่ให้ลีโล่ขึ้นมาฉับพลัน  ทำเอาสติทช์แอบเคืองอยู่ลึก ๆ  ถึงแม้มาวินเป็นพี่ชายของเพื่อนแองเจิ้ลก็ตาม  แต่แองเจิ้ลก็ช่วยปรับความคิดของสติทช์ให้คิดในอีกแง่มุมหนึ่ง... ว่ามาวินเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่ธรรมดา  ภายนอกดูหล่อละมุนพอที่จะกระชากใจเด็กผู้หญิงแถวบ้านเก่า  แต่มาวินก็มีมุมไฟท์เตอร์ให้เห็น  จะสังเกตได้จากการฝึกหมัดมวยและเคนโด้  ซึ่งเป็นกิจกรรมเอาท์ดอร์ที่สองพ่อลูกตระกูลโคลแมนร่วมทำเป็นประจำทุกวันอาทิตย์  แน่นอนว่าคิกซ์จับสติทช์มาเป็นคู่ซ้อมของมาวินด้วย  มิตรภาพลูกผู้ชายมักเกิดขึ้นเพราะสิ่งเหล่านี้

                        ส่วนลีโล่กับมาเรียก็มีตุ๊กตาทำมือเหมือนกัน  ลีโล่มี สครัมป์ (Scrump)  และมาเรียมีเจ้าเหมียว พาซิด (Pasid) เป็นเพื่อนกอดคลายเหงา  เด็กผู้หญิงตัวน้อยทั้งสองคนได้แชร์เครื่องดนตรีที่โปรดปรานให้ต่างฝ่ายได้รับรู้  ลีโล่มีกีต้าร์ไว้ร้องเพลงของราชาร็อกแอนด์โรลอย่างเอลวิส  ส่วนมาเรียมีเปียโนไว้เล่นเพลงโปรดของแองเจิ้ล  และเพลงอื่น ๆ ที่เธอร่ำเรียนและฝึกปรือมา  แน่นอนว่ามาเรียเอาเรื่องความซนของแองเจิ้ลมาเล่าให้ลีโล่ฟัง  ซึ่งเป็นความซนที่คิดขึ้นมาอย่างมีระบบระเบียบอย่างแปลกประหลาด

                        ความซนที่ว่านี้  คือ... "การเขียนเพลง"

                        ทำไมแองเจิ้ลถึงนึกสนุกอยากเขียนเพลงนะเหรอ!?

                        "ฉันเองก็ตอบไม่ได้หรอก... ว่าแองเจิ้ลตั้งใจจะสื่อความในใจผ่านทางเพลงได้ยังไง  เพราะเพลงแต่ละเพลงกว่าจะถูกเขียนออกมาเป็นที่รู้จักได้  มันก็ใช้เวลานานเอาเรื่อง  ไม่เป็นเดือนก็เป็นปี... กว่าเพลงจะถูกบรรเลงออกมาอย่างไพเราะดึงดูดใจผู้ฟังได้"  มาเรียตอบคำถามลีโล่ในขณะที่สามสาวกำลังดูสองพ่อลูกโคลแมน  สติทช์  และคิกซ์ฝึกซ้อมเคนโด้เบื้องต้นอยู่ในโรงยิมริมหาด

                        "อย่างคำว่า... เทียนทิวา  แองเจิ้ลอยากให้เป็นส่วนหนึ่งของบทเพลงรึเปล่า"  วิคตอเรียถาม

                        "ก็อยากนะ  ฉันแปลคำว่า ทิวา แล้ว  บอกว่าเป็นตอนกลางวัน  มันทำให้ฉันคิดท่อนเพลงขึ้นมาลอย ๆ  ถ้านึกถึงแองเจิ้ลที่มีเราเป็นโอฮาน่าและเล่าที่มาของเธอให้ฟัง"  มาเรียตอบ

                        "Bootifa!  เนื้อเพลงว่ายังไงบ้างอ่ะ!?  เผลอ ๆ พวกสติทช์อาจช่วยคิดได้นะ"  สนูทตี้เสนอตัวขอเก็บข้อมูลเนื้อเพลงที่แองเจิ้ลเขียนขึ้น  มาเรียจึงควักมือถือเปิดเสียง ๆ หนึ่งให้เพื่อน ๆ ได้รับฟัง

                        เป็นเสียงเปียโนที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วงในประโยคเดียวกัน  คาดว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในท่อนฮุค

                        "ดั่งแสงเทียน... ที่ส่องเข้ามา... ในคืนที่ใจหมองหม่น"  มาเรียคลอตามเสียงโน้ตที่ถูกบรรเลงออกมา

                        "เข้าใจคิดนะเนี่ย!"  ลีโล่นึกชื่นชมให้กับความคิดสร้างสรรค์ของแองเจิ้ล  "แต่มันก็ใช้เวลานานจริงนี่แหละ  กว่าจะเป็นบทเพลงที่มีความหมายตรงกับคีย์เวิร์ดของแองเจิ้ลอย่างลงตัว  ฉันคิดว่า... เทียนทิวาที่แองเจิ้ลพยายามจะสื่อ  มีความหมายเป็นวงกว้างนะ  ถ้าจะหาอินสไปเรชั่นก็หนีไม่พ้นพี่น้องของเธอ  เผื่อว่าพวกเขาจะแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ให้เธอ  มาเรียจำอ้อมกอดของสไปค์ได้มั้ยล่ะ"

                        พูดถึงสไปค์  มาเรียจำได้ดี... ว่าอ้อมกอดของสไปค์อบอุ่นแค่ไหน  ภาพสไปค์สวมเกราะกันไม่ให้ขนแหลมทิ่มแทงคน  ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าเม่นร่างใหญ่เป็นพี่ใหญ่ของเธอจริง ๆ  ทำให้มาเรียอดยิ้มไม่ได้ที่นึกถึงวันที่เธอกับแองเจิ้ลถูกโอบกอดอย่างพร้อมเพรียงกัน

                        "แสดงว่าจำได้  ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี... ที่เราในฐานะมนุษย์และสัตว์ทดลองจะเรียนรู้วิธีการสร้างสัมพันธมิตรซึ่งกันและกัน  หวังว่าแสงเทียนในความมืดจะเป็นบทเพลงบอกเล่าเรื่องราวได้ดีเท่าเพลง Reflection ของเธอนะ"  วิคตอเรียพูด

                        "ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น  เผื่อว่าสักวัน... ฉันจะเอาบทเพลงนี้ไปกรอกหูไอ้โจรหน้าปลาวาฬนั่นให้ได้!"  มาเรียพูดถึงแกนตูด้วยความคั่งแค้น  เธอจำได้ดีว่าในวันที่ครอบครัวมาเรียกำลังจะย้ายบ้าน  แกนตูบุกมาชิงตัวแองเจิ้ล  ทำร้ายมาวินจนแขนหักรวมทั้งขู่ฆ่าเธอเพื่อบีบให้แองเจิ้ลยอมไปกับแกนตู  ยิ่งรู้จากลีโล่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือแฮมสเตอร์วิลล์  เธอก็ยิ่งแค้น... ที่หนูเจอร์บิลวายร้ายเป็นพวกชุบมือเปิบหวังฮุบผลงานเป็นของตนเอง  ไม่สนว่าตัวตนลึก ๆ ของเหล่าสัตว์ทดลองเป็นอย่างไร

                        ลีโล่กับมาเรียจะรู้ตัวหรือไม่!?

                        ภยันตรายครั้งใหม่กำลังจะมาเยือนในอีกมิช้า!


                                                                    ------------------------------------------------------------------------


                        ณ  สนามบินคาไว

                        ถึงสนามบินแห่งนี้จะดูเล็ก  แต่บรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวฮาวาย  อเมริกัน  และชาวต่างชาติก็พากันเดินขวักไขว่ไม่ขาดสาย  แม้ว่าช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็ตาม

                        หนึ่งในนักท่องเที่ยวเป็นชายหนุ่มผิวขาวร่างสูง  อายุราว ๆ สามสิบกลาง ๆ  ไว้ผมหยักศก  สวมชุดสูทสีดำ  บ่งบอกให้รู้ว่าเขาคือ "นักธุรกิจ" ที่มาเที่ยวตามลำพังเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

                        ทันทีที่นักธุรกิจก้าวเท้าออกจากประตูสนามบิน  ประตูรถลีมูซีนคันสีดำที่จอดรอรับก็ถูกเปิด

                        "คุณ แอนดรูว์ ไบรเซอร์ ใช่มั้ยครับ"  ชายชุดดำผู้เป็นคนขับรถเป็นคนถาม  นักธุรกิจที่ชื่อแอนดรูว์พยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าขึงขังประหนึ่งคนไร้ความรู้สึกแล้วก้าวเท้าเข้าไปในรถ

                        หลังจากที่แอนดรูว์ขึ้นรถแล้วนั้น... รถลีมูซีนก็ถูกขับออกจากสนามบินไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง  ซึ่งเป็นที่ ๆ เขาตั้งใจทำงานใหญ่ที่ได้รับมอบหมาย

                        เมื่อแอนดรูว์ได้ยินเสียงริงโทนดังเข้าสมาร์ทโฟน  จึงควักออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสายอย่างรู้งาน

                        "ครับท่าน"  แอนดรูว์รายงานการเดินทางให้เจ้าของปลายสายรับทราบ  "ตอนนี้ผมกำลังเดินทางไปโฮมสเตย์ตามที่ ๆ ระบุไว้ครับ"  จากนั้นก็ทำการสแตนด์บายภารกิจ  "เริ่มวันพรุ่งนี้ครับ"

                        การสแตนด์บายภารกิจลับจบลงเพียงเท่านี้  เหลือแค่รอเวลามาถึงโดยเร็วในอีกมิช้า



                        วันรุ่งขึ้น  ณ  กีโม่อาเขตเกมเซ็นเตอร์

                        เป็นเรื่องปกติที่เด็ก ๆ พากันมาหาความสุขจากสิ่งที่น่าตื่นเต้นและเสริมจินตนาการจากเกมทุกประเภท  แม้บัดนี้ใกล้ถึงเวลาเปิดเทอมของเด็ก ๆ แล้วก็ตาม

                        ที่แห่งนี้... กลายเป็นบ้านของ เรมมี่ 276  สัตว์ทดลองตัวสีฟ้าอ่อนหัวโต  มีลักษณะเหมือนผีจากเกมแพ็คแมน  สามารถบินเข้าไปในหูเหยื่อและสร้างฝันร้ายได้  ปัจจุบันถูกปรับโปรแกรมให้เป็นส่วนหนึ่งในเกมเวอร์ชวลเรียลลิตี้ (Virtual Reality) เพื่อพาผู้เล่นเข้าสู่โลกจินตนาการในเกม

                        ซึ่งทุกอย่างก็เป็นปกติ

                        จนกระทั่ง... เกมใหม่ที่ถูกตั้งจะกลายเป็นที่นิยมของลูกค้าจำพวกเด็กและวัยรุ่นสมัยนี้ไปเสียแล้ว

                        The Virtual Celeb Power  เป็นเกมแนวเวอร์ชวลมิวสิคัลที่จะพาผู้เล่นเข้าสู่โลกแห่งเสียงดนตรี  เกมที่ได้รับความนิยมทั่วอเมริกา  ผู้เล่นสามารถเลือกเพลงที่ชอบแล้วทำการแสดงให้ผู้ชมได้ทึ่งกันถ้วนหน้า  ซึ่งจะมีอุปกรณ์สื่อกลางระหว่างผู้เล่นกับเครื่องเล่น  มีรูปลักษณ์เหมือนเครื่องดนตรี  ได้แก่... ขาตั้งไมโครโฟน  เปียโนไฟฟ้าขนาดเล็ก  และเฮดเกียร์สำหรับผู้เล่นเลือกเพลงแด๊นซ์  สามารถโชว์เดี่ยวหรือคู่ก็ได้  โชว์ของผู้เล่นคนไหนขึ้นสู่ท็อปเท็น (Top 10)  โชว์นั้นก็จะเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางให้สมกับเป็น "เซเล็บพาวเวอร์" ตามชื่อเกมที่ถูกตั้งไว้เพื่อผู้เล่นโดยเฉพาะ

                        แน่นอนว่าเกมดี ๆ ที่ได้รับความนิยมแบบนี้  มีรึ... ที่พวกลีโล่จะเมินเฉย

                        "นึกไม่ถึงเลย... ว่าเกมดัง ๆ จะเผื่อแผ่มาให้ทุกคนลองของถึงที่นี่!"  ลีโล่พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

                        "ของมันดังทั้งที  ถ้าไม่พูดถึงก็เอาท์แล้ว  ต้องลองกันสักตั้ง!"  มาวินเห็นตู้เกมเซเล็บพาวเวอร์แล้วถึงกับคันไม้คันมืออยากลอง

                        "ฉันพนันได้เลยว่าสติทช์ต้องชอบแน่ ๆ  นักสู้สายลองของจะพลาดเกมสุดล้ำแบบนี้ได้ไง  จริงมั้ยมาเรีย!?"  วิคตอเรียเอาศอกกระทุ้งเอวมาเรีย

                        "มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว  แองเจิ้ลไม่ได้มีดีแค่นักสู้สายหวานนะ  สายสตรองก็มี  ถ้าไม่เชื่อ... คอยดูแล้วกัน"  มาเรียเห็นด้วย  เธอมีคู่หูเป็นเอเลี่ยนสาวหนึ่งในยอดนักสู้  แองเจิ้ลต้องปล่อยของอยู่แล้ว  ในฐานะที่เธอเป็นหนึ่งในสัตว์ทดลองสายคอมแบ็ตผู้รักษาความสตรองให้ตัวเองตลอดเวลา

                        "คงต้องต่อคิวยาวหน่อยนะ  กว่าจะถึงคิวเรา"  ลีโล่พูดพลางมองคนที่กำลังต่อแถวรอเล่นเกมเซเล็บพาวเวอร์  ซึ่งแน่นอนว่าผู้เล่นส่วนมากจะเป็นเด็กผู้ชายที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นอยากสร้างความประทับใจให้สาว ๆ

                        เป็นภาพที่สติทช์เห็นแล้วถึงกับขุ่นเคืองเป็นอย่างยิ่ง

                        "Pujaras,  Naga bootifa."  สติทช์บ่นออกมาในทันทีที่เห็นผู้ชายสมัยนี้... จีบสาวด้วยเทรนด์เกมเซเล็บพาวเวอร์  คิดว่าเกมนี้จะสร้างความประทับใจให้สาว ๆ ได้  มองปราดเดียว... รู้ในทันทีว่าผู้ชายพวกนี้มีดีแค่อวดตามเทรนด์เท่านั้นล่ะนะ

                        "Ih."  แองเจิ้ลเห็นด้วย  "หนุ่ม ๆ พวกนี้ทำทุกวิถีทางเพื่อขึ้นบัญชีท็อปเท็นให้สาว ๆ ภูมิใจ  ทั้งที่ไม่มีความเป็นตัวตนแม้แต่น้อย  สาว ๆ ก็เหมือนกัน  ดู ๆ ไปแล้ว... มีแต่เจ๋งตามกระแสทั้งนั้น"

                        "ช่าย... ลีโล่กับมาวินมีดีมากกว่าตั้งหลายร้อยพันเท่า  เอาเข้าจริง... แค่ลีโล่ระบำฮูล่าก็เจ๋งแล้ว!"  สติทช์พูดถึงลีโล่ด้วยความภาคภูมิใจ  จำได้ดีว่าการระบำฮูล่าเป็นศิลปะการเต้นที่ลีโล่โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง  และเขาชอบมากที่เห็นลีโล่เต้น... ไม่ว่าจะในคลาสหรืองานประกวด

                        เพราะการระบำฮูล่าเป็นเสน่ห์ที่ทำให้สติทช์ตกหลุมรักลีโล่จนถึงทุกวันนี้

                        "พี่พูดถูก  ลีโล่สวยธรรมชาติแบบฮาวายเอี้ยนแท้  ไม่ต้องปรุงแต่งหรือประทินโฉมให้เป็นเจ้าหญิงจ๋า  เหมือนที่มาเรียก็ถือคติของคุณแม่... ไม่หญิงจ๋า  ถ้าให้ฉันเอาลีโล่กับมาเรียเทียบกับดอกไม้... ทั้งคู่ก็เป็นดอกไม้ที่ผลิบานได้ยาก  แต่พอมันบาน... มันจะงดงามกว่าดอกไม้ทั้งมวล"  แองเจิ้ลกล่าวถึงผู้หญิงกับดอกไม้ในเชิงเปรียบเทียบ  เธอเชื่อเสมอ... ว่าลีโล่กับมาเรียเป็นผู้หญิงที่แปลกในสายตาคนรอบข้าง  แต่ความแปลกก็มีเสน่ห์ที่งดงามซุกซ่อนอยู่  เพียงแค่รอเวลาที่ตัวตนของพวกเธอจะถูกเผื่อแผ่สู่สาธารณชนเข้าสักวัน

                        สติทช์ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้น  แองเจิ้ลพูดจนสติทช์เห็นภาพลาง ๆ ว่าถึงลีโล่จะมีเสน่ห์หรือไม่  ตัวตนของเธอจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

                        แต่ใบหูเจ้ากรรมดันได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังเม้าท์มอยกัน

                        "เธอแน่ใจแล้วเหรอ... ว่าไอ้เกมเวอร์ชวลเซเล็บพาวเวอร์จะทำให้ฉันมีเพื่อนเพิ่มและเจ๋งกว่านังคนเพี้ยน!?"  น้ำเสียงแหลมคุ้นหูดังขึ้น  สติทช์รู้ในทันที... ว่าเป็น เมอร์เทิล เอ็ดมันด์  ยัยแว่นสมองทึบ  คู่อริปากร้ายของลีโล่ที่ชอบเอาชนะไปเสียทุกเรื่อง  แม้กระทั่งเรื่องไร้สาระก็ตาม

                        "แน่เสียยิ่งกว่าแน่อีก  เกมนี้ฮิตจะตาย  ว่ากันว่า... โชว์ของใครขึ้นเป็นท็อปเท็นของเกม  โชว์นั้นจะถูกพูดถึงอย่างล้นหลามเลยทีเดียวเชียว!"  ยูกิ  หนึ่งในก๊วนประสานเสียงคำว่า "ใช่" เป็นคนยืนยัน

                        "คงจะพูดถึงกันเฉพาะในอเมริกามากกว่า  บนเกาะนี้จะมีใครกันที่แด๊นซ์เจ๋งพอจะขึ้นท็อปเท็นของเกมได้"  เอเลน่า  พูดออกมาด้วยความไม่มั่นใจ  รู้สึกว่าเกมนี้จะเหมาะสำหรับแดนเซอร์มืออาชีพมากกว่า

                        "มันก็ต้องมีสักคนล่ะน่า  ถ้าโชว์ฉันได้เป็นหนึ่งในท็อปเท็นของเกม  ฉันอาจจะได้แดนเซอร์หรือไม่ก็คอเพลงเจ๋ง ๆ มาเป็นเพื่อนตบหน้าพวกนังคนเพี้ยนและหมาประหลาดนั่นสักที"  เมอร์เทิลพูดออกมาด้วยความลำพองใจ  ทำเอาสติทช์กับแองเจิ้ลฟังแล้วรู้สึกเคืองหูพิลึก... ยัยแว่นเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนกัน

                        "พวกนั้นอยู่นู่นไง!"  เทเรซ่า ชี้นิ้วมาทางสติทช์  สุนัขจำแลงจากต่างดาวทั้งสองหนุ่มสาวถึงกับถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงกัน

                        ไม่แคล้วต้องเปิดศึกน้ำลายอีกเช่นเคย

                        "อะโลฮ่าจ้ะ... นังสมาคมคนเพี้ยน"  เมอร์เทิลทักทายพวกลีโล่ด้วยสมญานามที่นางคิดขึ้น

                        "อะโลฮ่าจ้ะเมอร์เทิล"  ลีโล่ทักทายด้วยน้ำเสียงปกติ

                        "ไม่นึกไม่ฝันเลย... ว่าพวกหล่อนจะมาลองของที่นี่"  เมอร์เทิลพูดถึงเกมที่พวกลีโล่กำลังจะลงเล่น

                        "เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เกมใหม่จะกวักมือเชื้อเชิญเรามาเล่น  อย่างมากก็แค่... หอมปากหอมคออ่ะนะ"  มาเรียตอบรับ

                        "หอมปากหอมคอ!?  อย่าถ่อมตนไปหน่อยเลย  ฉันรู้นะ... ว่าพวกหล่อนอยากเป็นคนสำคัญจากเกม"  เมอร์เทิลเปิดฉากกระแนะกระแหนพวกลีโล่  สติทช์ส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความระอาเต็มทีกับความคิดอคติของนางผู้ไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนกับลีโล่

                        "คนสำคัญอะไรมิทราบ"  วิคตอเรียไม่สบอารมณ์นักกับคำพูดของอีกฝ่าย

                        "โธ่... จะบอกอะไรให้  นังโลเลคนเพี้ยนเป็นคนประหลาดเพียงหนึ่งเดียวบนเกาะนี้  ไม่ใช่สิ... หนึ่งเดียวบนโลกมากกว่า  ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่านังโลเลใช้วิชามารอะไร  หล่อนถึงได้หลวมตัวเป็นเพื่อนคนเดียวไม่พอ  ยังลากสองพี่น้องคู่แฝดไปเป็นเพื่อนไปทำอะไรพิลึก ๆ ด้วยกันอีก"  เมอร์เทิลเย้ยหยัน

                       "ช่ายยยย!!"  สามสาวลูกไล่ผสมโรงเอออออีกเช่นเคย

                       "ลีโล่ไม่ได้เป็นนางมารอะไรหรอก  อย่างที่ฉันบอกพวกเธอไปสัก... ทุกวีคจนแทบหมดซัมเมอร์แล้วว่าได้  ฉันกับมาเรียยินดีเป็นเพื่อนกับลีโล่  เพราะลีโล่เป็นคนใจกว้างใจดี  ไม่เหมือนพวกเธอ... ใจแคบ  เอาบรรทัดฐานตัวเองมาตัดสินว่าเป็นคนปกติแล้วมองทุกคนเป็นตัวประหลาดไปหมด  ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าความคิดพวกเธอ... ยังปกติอยู่รึเปล่า"  มาวินตอกกลับจนสี่สาวช่างติเป็นฝ่ายหงายเงิบไป

                       "นี่... นายด่าฉันว่าเป็นพวกสมองเพี้ยนเหรอ!?"  เมอร์เทิลพยายามสรรหาคำต่าง ๆ มาตอบโต้มาวิน  ถึงมาวินจะหล่อเหลาถูกสเป็คเธอมากน้อยแค่ไหน  แต่ถ้ามาวินเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับลีโล่  เธอคงต้องเซย์กู๊ดบาย

                       "ก็แล้วแต่เธอจะพิจารณานะ  เพราะคนหรือสัตว์ล้วนเป็นสัตว์สังคม  เธอจะมองคนที่ไม่เหมือนตัวเองด้วยสายตาอคติไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ  ไม่อย่างนั้น... เพื่อนเธอที่เออออกับความคิดร้าย ๆ จะหมดความอดทนเข้าสักวัน  เธอจะเป็นคนเสียใจเองเข้าสักวัน"  มาวินทิ้งคำพูดให้ยัยแว่นกลับไปทบทวนตัวเองสักครั้ง  แต่ดูเหมือนเมอร์เทิลจะไม่นำพา

                       นางจึงทำได้แค่... กัดฟันกรอดแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากเกมเซ็นเตอร์ไปในทันที  เพื่อนลูกไล่วิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง  สติทช์กับแองเจิ้ลมองตามแล้วแอบขำด้วยความสะใจที่ยัยแว่นสมองทึบล่าถอยไปอย่างไร้คำพูดใด ๆ

                       สัตว์ทดลองทั้งสองหนุ่มสาวจึงหันไปโฟกัสกับการเล่นเกมของพวกลีโล่ต่อ

                       เมื่อผู้เล่นคนล่าสุดทำการแสดงจนจบเพลงและก้าวเท้าลงจากเวทีเซเล็บพาวเวอร์  ถึงคิวของพวกลีโล่ที่จะต้องโชว์พาวเวอร์สักตั้ง



                       มาเรียเป็นคนแรกที่พร้อมจะโชว์ศักยภาพทางด้านการเคลื่อนไหวทางร่างกายตามจังหวะดนตรี  หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ... การแด๊นซ์  เธอกับแองเจิ้ลมีบทเพลงในใจที่พร้อมงัดออกมาโชว์เต็มที่

                      เพราะพื้นที่ที่เป็นเวทีจำลองของเกมมีความกว้างขวาง  สามารถวาดลวดลายการโชว์ได้สูงสุดเพียงโชว์ละ 3 คน  มาเรียกับแองเจิ้ลจึงเป็นคู่หูคู่แรกที่พร้อมสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีให้มวลมนุษย์ได้ประทับใจกันถ้วนหน้า

                      เพลง Cinderella จึงเป็นอีกเพลงที่ฉีกแนวไปจากเจ้าหญิงโดยสิ้นเชิง

                      เพียงแค่สองสาวสวมเฮดเกียร์ที่มีลักษณะเหมือนเฮดโฟนและเริ่มเพลง  สองสาวก็เข้าสู่โหมดแดนเซอร์ตัวน้อยที่พร้อมวาดลวดลายในทันท่วงที  แววตาของทั้งคู่ดูดุร้อนแรงดั่งอารมณ์บทเพลงที่มั่นใจว่าเข้ากับพวกเธอมากที่สุด

                      ชื่อเพลง... ซินเดอเรลล่า  ก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นเจ้าหญิงในนิทานที่แม่เล่าให้เด็กน้อยฟัง  เด็กก็จะนอนฝันว่าจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวช่วยชีวิตเจ้าหญิงจากอันตรายแล้วอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขดั่งในนิทาน  แต่พอตื่นขึ้นมาพบความจริงว่าโลกแห่งความจริงกับโลกนิทานนั้นมันต่างกัน  แกนหลักของบทเพลง  คือ... ผู้หญิงยุคนี้ไม่ใช่เจ้าหญิงที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากเจ้าชายเสมอไป  เพราะผู้หญิงกับผู้ชายมีความเท่าเทียมกัน  ซึ่งตีความนิยามความรักจากบทเพลงนี้ได้... ว่าผู้หญิงไม่ต้องการให้ผู้ชายมาประคบประหงมดูแล

                      ผู้หญิง... ต้องการสร้างความเข้มแข็งเพื่อเขาที่รักเธอ  และดูแลเธออย่างเท่าเทียมกัน  หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ... ผู้ชายกับผู้หญิงมีความเสมอภาคกัน  บทเพลงนี้ถึงได้ฉีกแนวจากเจ้าหญิงดั่งท่อนฮุคเพลงนี้

                      I don't wanna be like Cinderella sittin' in a dark old dusty cellar.

                      Waiting for somebody, to come and set me free.

                      I don't wanna be like Snow White waiting for a handsome prince to come and save me.

                     On a horse of white, unless we're riding side by side.

                     Don't want to depend on no-one else.

                     I'd rather rescue myself.

                     ถึงมาเรียเป็นเด็กผู้หญิงที่ทำตัวเองให้สตรองจากการแด๊นซ์  แต่สัตว์ทดลองสาวสายคอมแบ็ตอย่างแองเจิ้ลมีหน่วยก้านดี... การเต้นของเธอจึงแสดงความคล่องแคล่วและพลิ้วไหลอย่างเห็นได้ชัด  ราวกับว่าเธอผ่านการฝึกฝนมาจากเทรนเนอร์มืออาชีพยังไงยังงั้น

                     แต่การเต้นที่เข้าคู่กันระหว่าง "นักเต้นมืออาชีพ" กับ "นักเต้นฝึกหัด" ก็ทำให้โชว์ดูน่าสนใจมากขึ้น  ทำให้ผู้ชมเชื่อ... ว่าทั้งคู่ไม่ใช่เจ้าหญิงที่ต้องการให้ใครมาดูแลเพียงฝ่ายเดียวจริง  เพราะผู้หญิงย่อมมีวันเติบโตเพื่อเป็นหลักกำลังสำคัญที่จะอยู่เคียงข้างผู้ชายได้  และผู้หญิงก็หวังว่าผู้ชายจะเข้าใจความสุขของเธอที่เป็นเธออย่างแท้จริง

                     เมื่อบทเพลงจบ... การเต้นของสองสาวจึงสิ้นสุดลงด้วยท่วงท่าหยุดอย่างสวยงาม  ราวกับว่าเกมนี้พาทั้งคู่เข้าไปในมิวสิควิดีโอของบทเพลง  ซึ่งมีเฮด-เกียร์เป็นสื่อกลางให้คนกับเกมเชื่อมสัมพันธ์กัน  หน้าจอของเกมจึงประเมินผลการโชว์

                     กลายเป็นว่า... เพลงซินเดอเรลล่าของพวกเธอทะยานขึ้นสู่ หนึ่งในท็อปเท็น และอันดับของพวกเธอขึ้นสู่ ลำดับที่ 5

                     ผู้ชมพากันปรบมือให้กับการแสดงของพวกเธอ  มาเรียกับแองเจิ้ลจึงโค้งตัวน้อมรับคำติชมจากพวกเขาก่อนจะก้าวเท้าลงจากเวทีอย่างสง่างาม



                     มาวินเป็นผู้เล่นคนต่อไปที่จะโชว์ศักยภาพทางด้านการต่อสู้ตามจังหวะดนตรี  หรือว่ากันง่าย ๆ  คือ... การแด๊นซ์ที่มีวิชาศิลปะป้องกันตัวผสมผสานควบคู่กัน

                    ถ้ามาวินเป็นแม่ทัพชาง  สติทช์ก็คงเป็นมู่หลานตอนปลอมตัวเป็นทหารออกรบแทนพ่อผู้แก่เฒ่า

                    แต่สติทช์เป็นผู้ชาย  ไม่มีความจำเป็นต้องปลอมตัว  มาวินกับสติทช์จึงเปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสาบานท่ามกลางสมรภูมิก็ว่าได้

                    เพลง I'll Make a Man Out of You จึงเป็นบทเพลงที่มาวินเลือกเพื่อท้าสติทช์โดยเฉพาะ

                    แค่สวมเฮดเกียร์  สองหนุ่มจึงตั้งการ์ดในทันที... ประหนึ่งว่าทั้งคู่พร้อมประลองฝีมือการต่อสู้ในค่ายมวย  ทำเอาลีโล่อดเป็นห่วงไม่ได้  เพราะรู้นิสัยเพื่อนรักตัวสีฟ้าดีว่าเขาเอาจริงแค่ไหน  หากลงสนามต่อสู้กับใครสักคน

                    บทเพลงเริ่มต้นเปรียบเสมือนสัญญาณระฆังออกคำสั่งให้ชกได้

                    ดูเหมือนว่า... เซเล็บพาวเวอร์จะนำบทเพลงแมน ๆ แบบนี้มาให้มาวินกับสติทช์บิ๊วท์และอินกับอารมณ์นักสู้มากเกินไปรึเปล่า  มาวินขั้วสอง ถึงได้สำแดงเดชออกมาจนแองเจิ้ลอดห่วงสติทช์ไม่ได้  สังเกตได้จากแววตาที่มาวินจ้องมองสติทช์ตอนอยู่บนเวที  ดูเป็นไฟท์เตอร์ที่เล่นเอาภาพเด็กผู้ชายแสนละมุนเฮฮาถูกลบไปในพริบตา

                    เพลงนี้มีความฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง  ซึ่งเป็นเพลงประกอบฉากแม่ทัพชางฝึกทหารทุกคนในสังกัด... รวมถึงมู่หลานที่ปลอมตัวเป็นชายให้เตรียมพร้อมอย่างสม่ำเสมอเพื่อสู้รบกับทหารชาวฮั่นเพื่อปกป้องประเทศชาติ  มันช่างเข้ากันกับคาแรกเตอร์ของแม่ทัพชางกับมู่หลานเป็นอย่างยิ่ง  แม่ทัพชางเป็นทหารผู้มีความจริงจังกับสิ่งที่กำลังทำอยู่  ส่วนมู่หลานที่ขโมยชุดเกราะของพ่อไปออกรบ... ต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนทหารให้ได้

                    พูดง่าย ๆ ก็คือ... มาวินเข้าสู่โหมดต่อสู้ทีไร  ความละมุนหายไป  ความจริงจังจนดูแล้งน้ำใจก็มาแทนที่  จะแสดงให้พวกลีโล่เห็นได้จากวิชามวยเบื้องต้นที่มาวินฝึกปรือเรียนรู้มาจากพ่อ  มาวินกับสติทช์แลกหมัดกันตั้งแต่เริ่มชก... กลายเป็นว่ามาวินได้เปรียบ  ตีเข่าซัดเข้าที่ท้องของคู่ต่อสู้ตัวสีฟ้าจนจุก  สติทช์ตั้งท่าจะซัดหมัดเข้าที่ใบหน้า  แต่ถูกมาวินต่อยเข้าที่ใบหน้าถึง 2 หมัดจนมึน  สติทช์คาดไม่ถึง... ว่ามาวินจะเป็นนักมวยตัวน้อยที่สู้กับเขาสูสีถึงขนาดนี้

                    สติทช์ถูกซัดจนแทบหมอบลงกับพื้น  ยิ่งมีท่อนเพลงที่แม่ทัพชางเอ่ยปากไล่มู่หลานควบม้ากลับบ้าน... คิดว่ามู่หลาน (ฮัวผิง) ไม่คู่ควรที่จะเป็นทหารศึกคอยแทงใจ

                    "ลุกขึ้นมาสิสติทช์!  งัดศักยภาพความแมนออกมาให้เต็มที่!  ให้สาสมกับเป็นยอดนักสู้หมายเลข 626 หน่อย!"  มาวินท้าทาย  คำท้าบวกกับเนื้อเพลงที่ประเดประดังเข้าหูสติทช์  ทำให้สัตว์ทดลองตัวสีฟ้าลุกขึ้นมาตั้งการ์ด... หรี่ตามองหน้ามาวินราวกับว่าเขาคือคู่ต่อสู้ที่ต้องถูกอัดกระเด็นตกเวทีให้จงได้

                    "โอ๊ะโอ๋... ท่าจะไม่ดีซะแล้วสิ"  ลีโล่เห็นสีหน้าของสติทช์แล้วรู้สึกได้... ว่าอาจจบไม่สวย  จึงตะโกนเตือนเพื่อนชายหน้าใหม่  "พี่วิน!  อย่าไปลองของให้มาก  ถ้าไม่อยากเจ็บตัวในภายหลัง!"

                    แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของลีโล่จะไม่นำพาเสียแล้ว  ตราบใดที่สติทช์ยืนอยู่บนสนามรบจำลองแบบนี้

                    เจ้าหมาสีฟ้าจอมพลังลืมบทเพลง  แจกหมัดรัว ๆ ใส่มาวินจนอีกฝ่ายได้แต่ตั้งการ์ดป้องกัน  แต่แรงหมัดของสติทช์เหนือกว่ามนุษย์  แขนทั้งสองข้างของมาวินจึงเริ่มชาจนแทบจะตั้งการ์ดไม่ได้

                    "เฮ้ย... สติทช์!  ใจเย็น ๆ สิวะ!  เรามาโชว์ความเป็นแมนนะเว้ย... ไม่ใช่สนามมวย!"  มาวินพยายามเรียกสติคู่ต่อสู้  แต่ตอนจบเพลง... สติทช์ปิดเกมด้วยการต่อยหน้ามาวินหนึ่งหมัดเต็ม ๆ

                    ผัวะ!

                    ร่างมาวินล้มลงน็อคเอาท์คาเวที  สี่สาวจึงรีบวิ่งขึ้นไปประคองร่างมาวินด้วยความเป็นห่วง  สติทช์ได้สติ... เห็นรอยช้ำบนใบหน้ามาวินแล้วใจเสียขึ้นมาฉับพลัน

                    "พี่วิน!  นี่ฉันออกแรงมากไปสินะ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ... ฉันขอโทษ!"  สติทช์พุ่งปรี่เข้าไปขอโทษอดีตคู่ต่อสู้ในเกมเซเล็บพาวเวอร์ที่จัดเต็มเกินพิกัด  ยิ่งเห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปาก  เขายิ่งใจเสียมากขึ้น... กลัวว่าฟันมาวินจะร่วงหมดปากเพราะแรงหมัดเมื่อครู่เป็นอันแน่แท้

                    "แหะ ๆ ๆ  ไม่เป็นไรหรอกน้องชาย"  มาวินลูบหัวสติทช์เบา ๆ เป็นเชิงปลอบให้ใจเย็นลง  "แมน ๆ กำลังดีแบบนี้  พี่ชอบ"

                    "ยังมีหน้ามายิ้มอีกนะพี่นี่"  มาเรียตีแขนพี่ชายฝาแฝดเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ที่เขายังฉีกยิ้มได้ทั้งที่โดนเมื่อต่อยแท้ ๆ

                    "ฉันก็บอกแล้วว่าอย่าลองของก็ไม่เชื่อ"  ลีโล่ถอนหายใจ  หันไปมองสติทช์ด้วยความเป็นห่วงแล้วลูบหลังเขาเบา ๆ  "ไม่ต้องห่วงหรอกสติทช์  ถือเสียว่าเป็นส่วนหนึ่งของเกมที่อยากให้พี่ปลดปล่อยตัวตนนักสู้ที่เป็นพี่ออกมา  เหลือแค่การยั้งมือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เท่านั้น"

                    สติทช์ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้น  แถมฟินทุกครั้งที่ถูกลูบหลัง  อย่างน้อย... มาวินก็ไม่ได้ถือสาอะไร  เด็กหนุ่มเพื่อนใหม่เห็นว่าสติทช์ปลดปล่อยความแมนในตัวออกมาได้ดีสมกับเป็นจอมพลังหมายเลข 626 อย่างที่จัมบ้าชื่นชมไม่มีผิด

                    แองเจิ้ลเห่าโฮ่งส่งสัญญาณให้มาวินกับสติทช์หันไปดูหน้าจอ  พบว่าเกมกำลังประเมินผลการโชว์

                    โชว์แมนของทั้งคู่ทะยานขึ้นสู่ท็อปเท็น  ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจนมาเรียกับแองเจิ้ลพลอยลุ้นไปด้วย

                    สุดท้าย... คะแนนโชว์ของมาวินกับสติทช์ก็สร้างความอึ้งตะลึงให้ผู้ชมอย่างคาดไม่ถึง

                    อันดับหนึ่ง! 

                    "โอ้โห!  แมนจนได้ดีนะเนี่ย!"  วิคตอเรียออกปากชมสองหนุ่มผู้เป็นเพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์  จึงหันไปชวนลีโล่  "ไม่ลองสักเพลงหน่อยเหรอลีโล่!?"

                    "อืม... ไม่ดีกว่า"  ลีโล่ปฏิเสธ

                    "อ้าว!  ทำไมล่ะ!?"  มาเรียถาม

                    "คิดดูอีกที  ฉันคงไม่ถูกโฉลกกับเพลงพวกนี้สักเท่าไหร่"  ลีโล่ให้เหตุผลก่อนที่จะก้าวเท้ากลับไปเล่นเกมของเรมมี่ในทันที  สติทช์เห็นด้วย... รู้ว่าลีโล่ไม่บ้าจี้เล่นเกมใหม่เพราะเห็นว่าฮิตกัน  และลีโล่ไม่ถนัดแดนซ์แบบโมเดิร์น

                    มันคงพิลึกน่าดู  ถ้าลีโล่สวมเฮดเกียร์โชว์ระบำฮูล่า

                    ระบำฮูล่าแบบดั้งเดิมเป็นการเต้นที่น่าภูมิใจที่สุด  ซึ่งเป็นสิ่งที่มาเรียกับแองเจิ้ลกำลังเรียนรู้

                    เรียนรู้เพื่อเป็นประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตบนเกาะแสนสงบสุข

                    โดยมิรู้ตัวว่าภยันตรายกำลังจะมาเยือนในอีกมิช้า!


                                                                           ------------------------------------------------------------------------

     

                    ภายในโฮมสเตย์ของแอนดรูว์

                    ผู้เช่าสุดไฮโซกำลังนอนแช่น้ำอุ่นพร้อมฟังเพลงคลาสสิคจากสมาร์ทโฟนด้วยอารมณ์เบิกบานใจจนถึงที่สุด  เพียงแค่วันเดียวที่เดินทางมาเกาะนี้  เขาพบสิ่งประหลาดมากมายอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต

                    ไม่ว่าจะเป็น... เจ้าตุ๊กตาน้ำแข็งพ่นละอองเย็นทำน้ำแข็งไสขายนักท่องเที่ยว  เจ้าสัตว์ประหลาดตัวกลมก้นใหญ่ทำคลื่นให้บรรดานักเซิร์ฟได้โต้คลื่นกันอย่างสนุกสนาน  เจ้าแองคลีโอซอรัสทำมิลค์เชคขายลูกค้า  เจ้านักกล้ามสี่แขนเป็นครูสอนมวย  เจ้าตุ๊กตาขนสีเหลืองผู้ทำผมให้ลูกค้ามาใช้บริการ  ฉลามน้อยมีครีบแหลมคมใช้หั่นผักในร้านอาหารญี่ปุ่น  และเจ้าเทอโรซอร์ตัวน้อยเป็นโค้ชเบสบอล

                    แหม... สัตว์ประหลาดพวกนี้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับมนุษย์อย่างผาสุก  เป็นเรื่องที่ทำใจเชื่อได้ยากเสียจริง

                    คุณแอนดรูว์ ไบรเซอร์  มนุษย์จำแลงผู้เป็นนักสำรวจในคราบนักธุรกิจ  ทำใจเชื่อได้ยากเสียเหลือเกิน... ว่าสัตว์ทดลองของจัมบ้าจะต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างได้จริง

                    เป็นอย่างที่ ดร.พลาเจียส ว่าไว้ไม่มีผิด

                    บนดาวโลกมีมนุษย์อันตรายที่ทำให้โปรแกรมดั้งเดิมของสัตว์ทดลองล้มเหลวจริง

                    ซึ่งแน่นอนว่าคุณแอนดรูว์ต้องรู้จักชื่อ "ลีโล่ เพเลไค" จากแฮมสเตอร์วิลล์

                    และลีโล่ก็ทำให้เจ้า 626 กลายเป็นหมาน้อยผู้ซื่อสัตย์ในพริบตา

                    พูดถึง 626  ดร.พลาเจียสได้มอบหมายภารกิจให้คุณแอนดรูว์ลงมาสำรวจนี่

                    สำรวจ... เพื่อหาทางกำจัดจุดอ่อนของ 626 ให้สิ้นซาก

                    บัดนี้... คุณแอนดรูว์กำลังดูวิดีโอที่ฉายบนสมาร์ทโฟนอยู่  

                    วิดีโอกำลังฉายภาพ "ศักยภาพการต่อสู้ของ 626" ตอนปะทะกับมาวินขณะเล่นเกมเวอร์ชวลเซเล็บพาวเวอร์ในร้านกีโม่อาเขตเกมเซ็นเตอร์  ซึ่งเป็นวิดีโอโฮโลแกรม 3 มิติ!

                    "อืมม์... มีความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดหลังจากสู้กับเด็กผู้ชาย"  คุณแอนดรูว์พึมพำออกมาด้วยความสนอกสนใจที่วิดีโอโฮโลแกรมฉายภาพเจ้า 626 แสดงความห่วงใยคู่ต่อสู้อย่างออกนอกหน้า  "แสดงว่าเด็กน้อยชุดมูมูสีแดงคนนั้นมีพรสวรรค์ที่เป็นภัยต่อนายท่านกับท่านแฮมสเตอร์วิลล์ว่าไว้ไม่มีผิด"

                    พูดถึงเด็กน้อยชุดมูมูที่ชื่อลีโล่  สมองของเขาก็นึกถึงบรรดาสัตว์ทดลองที่เป็นมิตรกับมนุษย์  สรุปได้ในทันที... ว่าลีโล่เป็นคนเปลี่ยนแปลง 626 และสัตว์ทดลองทุกตัวให้ต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างในพริบตาที่เผชิญหน้า

                    ซึ่งรวมถึง 624 ที่มีความสามารถด้านการร้องเพลงและการต่อสู้  สัตว์ทดลองที่ถูกแฮมสเตอร์วิลล์คาดหวังว่าเสน่ห์ของเธอจะต่อกรกับลีโล่... ยังต้องพ่ายให้กับลีโล่เลย

                    The Virtual Celeb Power เป็นสื่อกลางให้คุณแอนดรูว์ได้รับข้อมูลการต่อสู้ของ 626 กับ 624 อย่างรวดเร็ว

                    จากนั้นก็ส่งภาพและข้อมูลถึงดร.พลาเจียสในทันทีที่รู้จุดอ่อนของ 626

                    ปิดท้ายด้วยการติดต่อนายท่าน  เพื่อสแตนด์บายขั้นต่อไปของภารกิจให้อีกฝ่ายรับทราบ  แค่ต่อสายแล้วเปิดลำโพงในทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย  เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

                    "ภารกิจขั้นตอนแรกสำเร็จแต่โดยดี  สำรวจผลงานได้จากของฝากที่ผมมอบให้  ภารกิจขั้นตอนต่อไป  กำลังจะเริ่มต้นตอนหมดซัมเมอร์ครับ"


    ç=================è


      

            




                       

                    

          

                 

                           

      

                     

               

       

                           



                                  


        

             

                         

           

          




      

             



                               

                 

        

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×