ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lilo & Stitch Reboot Fanfic : ลิขิตรักข้ามจักรวาล

    ลำดับตอนที่ #6 : Mission 05 : เพื่อนใหม่ผู้มาพร้อมเสียงดนตรี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 123
      2
      24 ธ.ค. 62

    MISSION 05

    เพื่อนใหม่ผู้มาพร้อมเสียงดนตรี



                        วันเปิดเทอมมาถึงแล้ว

                        เป็นเรื่องปกติที่เด็ก ๆ ทุกคนต้องประสบพบเจอ  ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน  การเรียน  การบ้าน  และการละเล่นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน

                        แต่จะมีคนบางคนที่รมณ์บ่จอยสุด ๆ  เมื่อวันนี้มาถึง

                        คน ๆ นั้นไม่ใช่มนุษย์

                        "ไม่ต้องเสียใจหรอกน่าเจ้าปีศาจน้อย  ปีนี้ก็เป็นปีที่ 4 แล้วที่นายต้องเฝ้าบ้านเวลาลีโล่ไปโรงเรียนตอนเปิดเทอม  ยังไม่ชินอีกเหรอ"  พรีคลีย์ปลอบเจ้าสติทช์ที่ทำหน้าบูดบึ้งเพราะไม่ได้อยู่ใกล้ลีโล่เหมือนเมื่อครั้งออกตามหาสัตว์ทดลอง

                        "ทำใจให้ชินเวลาคู่หูคู่ซี้อยู่ห่างกันทั้งที่ตัวติดกันตลอด 24 ชั่วโมง  มันต้องใช้เวลา  เว้นเสียแต่ว่าที่โรงเรียนยัยหนูมีสัตว์ทดลองหลุดมาสร้างความปั่นป่วนน่ะ  เจ้า 626 ถึงจะถูกตามไปช่วย  ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ"  จัมบ้าขำขันตามประสาอัจฉริยะชั่วร้ายที่รู้ใจผลงานชิ้นโบแดงดี

                        "แต่บนเกาะนี้ก็มีเพื่อน ๆ สติทช์ไว้คบหาเวลาเหงา  น่าจะลดความฟุ้งซ่านลงได้บ้าง  ไม่เหมือนปีแรก ๆ ตอนถูกรับเลี้ยง  แอบตามจนฉันต้องคุยกับครูแทบไม่รู้กี่ครั้งกว่าสติทช์จะเข้าใจว่าไม่ควรเกาะรถโรงเรียนตามไป... ถ้าไม่จำเป็น"  นานี่พูดออกมาด้วยความเป็นห่วง  รู้นิสัยสติทช์ดีว่าเขาไม่ชอบอยู่เฉย ๆ เวลาลีโล่ออกไปโรงเรียน  ยิ่งเป็นสัตว์ทดลองที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น... นานี่ต้องคุมพฤติกรรมให้อยู่ก่อนที่เขาจะสร้างความปั่นป่วนจนต้องตามเคลียร์ในภายหลังเหมือนปีแรก ๆ ก่อนมีสัตว์ทดลองอีกหกร้อยกว่าชีวิตถาโถมเข้ามา

                        "ก็ปีนี้พิเศษกว่าทุกปีตรงที่ลีโล่มีมาวินเป็นเพื่อนผู้ชาย  นานี่ก็น่าจะสังเกตบ้าง... ว่าเจ้าปีศาจน้อยจะเคืองทุกครั้งที่ลีโล่หลงหรือปลื้มผู้ชายจนออกนอกหน้า"  พรีคลีย์พูดให้นานี่นึกถึง คีโอนี่ เจมส์สัน  ลูกชายเจ้านายของเธอ  เพื่อนรุ่นพี่ที่ลีโล่หลงใหลชั่วครู่  นานี่จำได้... ว่าคีโอนี่เป็นนักกีฬาสเก็ตบอร์ดที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลจนลีโล่แอบฝันหวานจะเป็นแฟน  ทำเอาสติทช์ไม่ชอบใจนักที่ลีโล่จะมีเพื่อนผู้ชาย

                        โดยเฉพาะ... เพื่อนผู้ชายที่ดูท่าจะไม่มีอะไรเทียบเคียงสู้สติทช์ได้

                        "ลีโล่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะชอบพอกับมาวินสักหน่อย  หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ... ตอนนี้ลีโล่ไม่ค่อยโฟกัสกับเรื่องพวกนี้  เหมือนที่ลีโล่ยืนยันแล้วว่าคีโอนี่เป็นแค่เพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพนับถือกันก็เท่านั้น  อีกอย่าง... สติทช์ก็ไม่ได้มีท่าทีขุ่นเคืองอะไรในตัวมาวินเลย"  นานี่โต้แย้งออกมาเบา ๆ  เพื่อให้พรีคลีย์เพลา ๆ ความคิดเรื่องผู้ชายผู้หญิงในเชิงพัฒนาความสัมพันธ์เกินกว่าเพื่อนบ้าง  เพราะเห็นว่าน้องสาวของเธอยังเด็กอยู่

                       "ลองไม่มีเจ้า 624 เป็นเพื่อนยัยหนูกามเทพสิ  เจ้า 626 ได้มองพ่อหนุ่มเป็นคู่อริแหง ๆ"  จัมบ้าหยิบยกแองเจิ้ลกับสองพี่น้องโคลแมนมาพูดติดตลก  ราวกับว่าสติทช์กำลังหึงลีโล่ประหนึ่งคนเป็นแฟนหึงกันเบา ๆ  นานี่ฟังแล้วได้แต่หัวเราะในลำคอกับคำพูดของอัจฉริยะสี่ตาที่ฟังดูเกินจริงเล็กน้อย

                       "เชื่อเหอะ  สติทช์ไม่มีทางหัวร้อนกับใครง่าย ๆ เพียงเพราะลีโล่ให้เวลากับเขาหรอกน่า  ลีโล่รู้ดี... ว่าสติทช์คือเพื่อนคนสำคัญอันดับหนึ่งในใจเสมอ  และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอันขาด"  นานี่เชื่อมั่นในตัวสติทช์... ว่าเขาไม่มีทางแสดงอาการหวงลีโล่จนอีกฝ่ายต้องอึดอัดใจในภายหลัง  เพราะสติทช์แยกแยะได้ว่าผู้ชายที่เข้ามาใกล้ชิดลีโล่นั้นดีไม่ดีอย่างไร  แต่ของอย่างนี้... มันต้องใช้เวลากว่าจะพิสูจน์ความจริงว่าสิ่งที่สติทช์ตั้งแง่นั้นมันเป็นจริงมากน้อยเพียงใด

                       สติทช์แอบยิ้มอย่างมีความหวัง  เขาพยายามไม่เข้าข้างตัวเองว่าเป็นคนสำคัญในใจลีโล่  เพราะสติทช์เชื่อมั่นในตัวลีโล่ว่าเธอไม่มีวันทอดทิ้งหรือลืมเขาเป็นอันแน่แท้  แม้ว่าลีโล่จะมีมาวินอยู่ข้างกายก็ตาม

                       เพราะมาวินมีความมาดแมนคู่ควรกับลีโล่แทบทุกประการ  หลงรักทุกสิ่งทุกอย่างที่ลีโล่ทำมาทั้งหมด

                       เหมือนที่... สติทช์ยังมีใจให้ลีโล่อยู่  แม้ข้างกายเขามีแองเจิ้ลแล้วก็ตาม

                       หลังจากที่นานี่ออกไปทำงานแล้ว  สติทช์ก็ก้าวเท้าออกจากบ้านเพื่อหาเรื่องเจ๊าะแจ๊ะกับพี่น้องสัตว์ทดลองแก้เหงาอีกตามเคย

                       เพียงแต่ช่วงสายของวันนี้  สัตว์ทดลองตัวแรกที่เขาได้ทักทาย... เป็นนางฟ้าสีชมพูที่ดูท่าจะรมณ์บ่จอยเหมือนกัน  จึงพากันไปปรับทุกข์บนเปลญวนนอกบ้าน

                       "เธอเองก็อยากไปโรงเรียนเป็นเพื่อนมาเรียเหมือนกันสินะ"  สติทช์เข้าประเด็นในทันทีที่อ่านสีหน้าของแฟนสาว  ซึ่งแองเจิ้ลพยักหน้ายอมรับ

                       "เหมือนกับพี่... ที่อยากตามไปดูลีโล่ถึงโรงเรียน  แต่ก็ไปไม่ได้เพราะกฎห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าไป"  แองเจิ้ลอ่านใจสติทช์ออก  หัวอกเดียวกัน  ห่วงเพื่อนที่เข้าโรงเรียนใจแทบขาด  โดยเฉพาะมาวินกับมาเรียเป็นพี่น้องฝาแฝดที่เพิ่งย้ายมาเกาะคาไวไม่นาน  กลัวว่าทั้งคู่จะเข้ากันกับเพื่อนใหม่ไม่ได้  โดยเฉพาะมาเรียที่เคยเจอปัญหาแบบเดียวกับที่ลีโล่เจอ

                       "พี่เชื่อ... ว่าลีโล่  พี่วิน  และคุณพ่ออลันจะช่วยดูมาเรียได้ดีที่สุด"  สติทช์กุมมือแองเจิ้ลให้เธอเชื่อมั่นในตัวลีโล่เข้าไว้  "ถึงลีโล่กับมาเรียจะถูกมองไม่ดีหรือประหลาดยังไง  แต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะจับมือเชื่อมั่นในตัวตนของกันและกันให้มากที่สุด  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  ขอแค่เชื่อมั่นในตัวมาเรีย... ว่ามาเรียดูแลตัวเองได้เหมือนที่พี่เชื่อมั่นในตัวลีโล่... ว่าลีโล่ดูแลตัวเองได้เช่นกัน"

                       คำพูดของสติทช์  ทำให้แองเจิ้ลรู้สึกดีขึ้น  สติทช์เองก็ลดละความคิดฟุ้งซ่านลงได้ดี  ตั้งแต่ลีโล่มีเพื่อนใหม่อย่างวิคตอเรียกับมาเรีย... โลกของเธอก็มีสีสันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  สติทช์พลอยหายห่วงที่ภารกิจค้นหาและละลายพฤติกรรมสัตว์ทดลองมีส่วนที่ทำให้เขากับลีโล่รู้จักและเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองมากขึ้น  ลีโล่ถึงได้เรียนรู้ที่จะเปิดใจเล่าเรื่องของเธอให้คนที่เธอเรียกว่า "เพื่อน" อย่างสนิทใจจนถึงทุกวันนี้

                       รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฎบนใบหน้านางฟ้าสีชมพูตัวน้อย  เธอคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ตกหลุมรักสติทช์ด้วยหัวใจ  อย่างน้อย... เธอต้องขอบคุณลีโล่ที่ทำให้จอมทำลายล้างหมายเลข 626 มีทัศนคติทางด้านความคิดที่ดีขึ้น  มองโลกในแง่บวกขึ้น  รู้จักคำว่ารักจากโอฮาน่าและมิตรสหายได้ดียิ่งขึ้น

                       สติทช์พูดถูก  เธอควรจะเชื่อใจมาเรีย... ว่ามาเรียดูแลตัวเองได้  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  เพราะลีโล่กับมาวินจะคอยซัพพอร์ทเธอให้เป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า

                      เธอหวังว่าอย่างนั้น


      ------------------------------------------------------------------------


                      วันนี้เป็นวันแรกของปีการศึกษาใหม่  เป็นเรื่องปกติที่นักเรียนเก่าเลื่อนชั้นไปอีกปีหนึ่ง  พวกลีโล่กำลังเข้าสู่ Grade 3 ในฐานะนักเรียนเก่า  แน่นอนว่ามาวินกับมาเรียเป็นนักเรียนใหม่  ต้องได้รับคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนและอาจารย์

                      แต่หลังจากที่สองพี่น้องฝาแฝดโคลแมนได้ทำความรู้จักกับลีโล่และเพื่อนร่วมห้องอย่างเป็นทางการ  สิ่งไม่ปกติก็เกิดขึ้น

                      สองพี่น้องฝาแฝดถูกพูดถึงในหมู่แฟนเกมเวอร์ชวลเซเล็บพาวเวอร์

                      พูดถึงในฐานะ ผู้เล่นท็อปเท็น ของเกม

                      แน่นอนว่าสติทช์กับแองเจิ้ลต้องถูกพูดถึงในฐานะคู่ดูเอ็ต (duet) ตัวเก็งของโชว์ในเกมนี้!

                      ทำไมถึงถูกพูดถึงแต่แรกพบนะเหรอ!?

                      เพราะโรงเรียนนี้มีนักเรียนอายุตั้งแต่ 6-12 ปี  และเด็กอายุแรกรุ่นแทบจะทุกคนต่างก็มีสมาร์ทโฟนที่โหลดแอพพลิเคชั่นเกมเซเล็บพาวเวอร์  ซึ่งเป็นแอพที่เปิดใช้สำหรับติดตามชาร์ตท็อปเท็นของเกมแบบเรียลไทม์  และผู้เล่นที่เป็นหนึ่งในท็อปเท็นของเกมจะถูกพูดถึงกันอย่างล้นหลาม  จึงไม่แปลกนัก... ที่ทั้งสองพี่น้องต่างถูกบรรดาเพื่อนร่วมห้องของลีโล่ (ยกเว้นเมอร์เทิลและก๊วนหญิงจ๋าว่าใช่) พากันรุมจีบและขอเป็นเพื่อน  ยิ่งรู้ว่าสติทช์ที่เป็นคู่ต่อสู้ของมาวินในเกมเป็นหมาของลีโล่  ลีโล่จึงพลอยถูกพูดถึงไปด้วย

                      นักเรียนในห้องโฮมรูมของลีโล่ทั้ง 30 ชีวิตพากันเม้าท์เรื่องลีโล่  มาวิน  และมาเรียได้ไม่นาน  ครูสาวสวยผู้ทำหน้าที่เป็นครูประจำชั้นก็ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง

                      เธอเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบปลาย ๆ เกือบย่างเข้าเลขสาม  หน้าตาดูสวยงามใจดีคู่กับชุดทำงานสีขาวที่ดูทะมัดทะแมงและคล่องแคล่วแบบครูผู้เป็นเวิร์คกิ้งวูแมน (working woman)  เด็ก ๆ เห็นแล้วนึกอยากทำความรู้จักแต่แรกพบ

                      "ทุกคน... ทำความเคารพ!"  นักเรียนชายผู้เป็นหัวหน้าห้องของลีโล่เป็นฝ่ายนำเพื่อน ๆ ทักทายคุณครู

                      "อะโลฮ่าค่ะคุณครู! / อะโลฮ่าครับคุณครู!"  ลีโล่และเพื่อน ๆ นักเรียนทุกคนทำความรู้จักคุณครูคนใหม่อย่างพร้อมเพรียงกัน

                      "อะโลฮ่าจ้ะทุกคน!  ยินดีต้อนรับสู่ชั้น Grade 3 แล้วนะคะ  ห้องที่พวกเธออยู่ก็คือห้อง 2 ใช่มั้ยคะ"  คุณครูคนสวยเกริ่นนำก่อนที่จะแนะนำตัวให้ลีโล่ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการ  "ครูชื่อ... มีนา ค่ะ  มีนา บั๊บเบิ้ลส์ จะเป็นครูประจำชั้นของพวกเธอ"

                      เพียงแค่ลีโล่ได้ยินนามสกุลครู  ถึงกับฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่าครูคนนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณค็อบบร้าในทางใดทางหนึ่ง

                      แต่ครูมีนาจะเปิดโอกาสให้มาวินกับมาเรียแสดงตนเป็นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียน  ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนรู้จักดีตั้งแต่ก่อนคาบโฮมรูมแล้ว

                      แต่หาได้รู้ไม่... ว่าไม่ได้มีแค่สองพี่น้องฝาแฝดที่เป็นนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาในปีนี้

                      ครูมีนาผายมือเชื้อเชิญนักเรียนใหม่อีกคนก้าวเท้าเข้ามาในห้อง  สร้างความตื่นเต้นให้ลีโล่  วิคตอเรีย  และพวกเมอร์เทิลเป็นอย่างมาก  อยากรู้ใจแทบขาดว่า "นักเรียนใหม่" ที่ครูพูดถึงนั้น... เป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง  เป็นคนรวยหรือคนมีฐานะเดียวกันกับเด็ก ๆ ทุกคน

                      และที่สำคัญ... เด็กคนนั้นจะเป็น "มิตร" หรือ "ศัตรู"


    และแล้ว... ว่าที่เพื่อนใหม่ก็ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง


                      เพื่อนใหม่คนที่ 3 เป็นเด็กผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งผสมแทนเหมือนชาวฮาวายเอี้ยนทั่วไป  แต่สีผิวของเธอดูอ่อนกว่าลีโล่ระดับหนึ่ง  ใบหน้าของเธอดูอวบอูมเล็กน้อย... มีแก้มนิด ๆ ดูน่าทะนุถนอม  ไว้ทรงผมบ๊อบสั้น  สีหน้าและแววตาของเธอดูเซื่องซึมกึ่งขี้อายเล็ก ๆ ราวกับว่าเธอดูไม่มีเสน่ห์เท่าใดนัก  การแต่งกายของเพื่อนใหม่ก็เรียบง่ายไม่เท่าลีโล่ที่เน้นชุดมูมูสีแดงหรือเขียว  หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ... เธอสวมเสื้อยืดสีเขียวและกางเกงขาสั้นสามส่วนสีกากี

                      เป็นรูปพรรณสันฐานและการแต่งกายที่ทำเอาเมอร์เทิลถึงกับมองบนในพริบตา  คิดว่าเพื่อนใหม่คงต้องถูกจัดเป็นคู่หูคนเพี้ยนของลีโล่เป็นอันแน่แท้

                      "อะโลฮ่าค่ะทุกคน  ฉันชื่อ... คาลิน่า  เรียกสั้น ๆ ว่า คาลี่  ฉันย้ายมาจากเกาะลานาอิเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา  ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"  เพื่อนใหม่ที่ชื่อ "คาลี่" แนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสุภาพ  ผลที่ได้รับ  คือ... ลีโล่และเพื่อน ๆ พากันปรบมือต้อนรับเพื่อนใหม่  มีแต่เมอร์เทิลที่จำใจปรบมืออย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

                      ครูมีนาผายมือส่งคาลี่ไปยังที่นั่งที่อยู่บริเวณกลางห้อง  พบว่าคาลี่ได้นั่งข้างลีโล่

                      "นังโลเลคนเพี้ยนนี่โชคดีได้เพื่อนใหม่อีกแล้ว  สงสัยจริงว่านังนี่ใช่คนแน่รึเปล่า  ถึงได้มีแต่คนรัก  ไม่ใช่แค่คนสิ  เจ้าหมาน่าเกลียดและก๊วนมันก็รักแต่นังนี่"  เมอร์เทิลบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง  นึกอิจฉาลีโล่ที่ได้คาลี่เป็นเพื่อนใหม่  เป็นเหตุให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นทำงานหนักขึ้น  คิดว่าคนที่ชื่อคาลี่มีบางอย่างที่เพี้ยน ๆ ซุกซ่อนอยู่

                      ลีโล่ยิ้มให้คาลี่อย่างเป็นมิตร  ในขณะที่คาลี่ดูท่าจะหลบหน้าหลบตาเพื่อนร่วมห้อง  ซึ่งเป็นเรื่องปกติ... ที่คาลี่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่  หลังจากที่เธอจำต้องย้ายมาอยู่กับญาติที่เกาะนี้อย่างฉุกละหุก

                     ถ้าจะถามถึงพ่อแม่ของคาลี่  ลืมไปได้เลยว่าจะได้คำตอบ  เพราะคาลี่จะเงียบในทันทีที่มีคนถามถึงพ่อแม่  ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรถูกหยิบยกมาพูดเป็นอันขาด... ถ้าไม่สนิทใจกับใครสักคนที่เป็นเพื่อนเธอได้จริง ๆ

                     แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นประจำตัวของเธอ  คือ... การเป่าฟลุท

                     ทำไมการเป่าฟลุทถึงเป็นจุดเด่นที่คาลี่ภาคภูมิใจนัก!?

                     อีกประเดี๋ยวที่มาจะถูกเปิดเผย  และการเป่าฟลุทของคาลี่จะเปลี่ยนชีวิตเธอในอีกมิช้า!


    ------------------------------------------------------------------------


                      เพราะโชว์ของมาวินกับสติทช์  และโชว์ของมาเรียกับแองเจิ้ลเป็นโชว์ติดอันดับท็อปเท็นของเกมเซเล็บพาวเวอร์นานถึงหนึ่งสัปดาห์เศษ  แถมเป็นโชว์ที่ไม่มีใครโค่นจนตกอันดับท็อปเท็นได้  จึงไม่แปลก... ที่คนทั่วเกาะและพี่น้องสัตว์ทดลองต่างพากันพูดถึงไม่มีที่สิ้นสุด

                      "ดูเหมือนว่า... เกมเซเล็บพาวเวอร์จะทำให้ผู้คนพากันจับตาดูพวกนายทุกฝีก้าวนะ"  สโปลดี้เฮด 619  สัตว์ทดลองขนสีส้มมีรูปลักษณ์เหมือนมังกรหกขา  เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาในทันทีที่สติทช์  แองเจิ้ล  และเพื่อน ๆ สัตว์ทดลองอีก 2-3 ตัวแวะมาบ้านลีโล่  ซึ่งแน่นอนว่าสติทช์กับแองเจิ้ลเป็นประเด็นหลักที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในหมู่ผู้เล่น

                      "ช่วยไม่ได้  คนมีของดีอยู่ในตัว... ก็ต้องงัดออกมาให้รู้ซึ้งถึงศักยภาพทางด้านศิลปะการแสดงอย่างแท้จริงสิ  ผู้คนถึงจะจับตาดู"  สติทช์ยักไหล่คุยโวด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

                      "น่าเสียดาย... ที่ลีโล่ไม่ได้ร่วมเล่นด้วย  ไม่อย่างนั้น... ระบำฮูล่าหรือบทเพลงเอลวิสได้ทะยานสู่ท็อปเท็นเป็นอันแน่แท้"  สลัชชี่บ่น  เพราะทุกคนบนเกาะรู้ว่าสติทช์เป็นหมาของลีโล่  แต่ลีโล่ไม่ได้ร่วมเล่นเกมเซเล็บพาวเวอร์เป็นเพื่อนสติทช์นี่สิ... มันดูผิดวิสัยคนเป็นคู่หูกันอย่างเห็นได้ชัด

                      "ลีโล่ไม่ชอบเกมที่ต้องใส่เฮดเกียร์เชื่อม  อีกอย่าง... ลีโล่รักการระบำฮูล่าแบบดั้งเดิมมาก  มันคงพิลึกน่าดู  ถ้าต้องระบำฮูล่าในเกม"  แองเจิ้ลชี้แจงเหตุผลที่ลีโล่ไม่ได้ลองเล่นเกมให้เพื่อน ๆ สัตว์ทดลองรับทราบ

                      "ถึงอย่างไรเสีย... ลีโล่ก็ถูกพูดถึงไม่แพ้มาวิน  ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนรักอันดับหนึ่งของสติทช์"  คิกซ์พูดให้เพื่อน ๆ วงสนทนานึกภาพตามความเป็นจริง  เจ้าสติทช์ถึงกับบางอ้อด้วยความเข้าใจในทันที... ว่าต่อให้ลีโล่ไม่เล่นเกม  ลีโล่ก็ดังเพราะโชว์ของสติทช์อยู่ดี

                      "แต่ฉันเกรงว่า... ความดังที่ปรากฎในเกมจะพาเราเดือดร้อนในภายหลังมากกว่านะ"  เบลล์ 248  น้องเหมียวเพศเมียขนสีฟ้าอ่อนร่างเล็กที่ทำหน้าที่ส่งเสียงกรีดร้องแทนนาฬิกาปลุกของนานี่  เอ่ยปากพูดอีกนัยยะหนึ่ง

                      "มันจะเดือดร้อนยังไงเหรอ!?"  สลัชชี่สงสัย

                      "ฉันก็เห็นด้วยกับเบลล์นะ  ตั้งแต่สติทช์กับแองเจิ้ลเล่นเกมจนติดอันดับท็อปเท็น  ทุกคนก็พูดถึงกันทั่วเกาะ  และที่สำคัญ... มาวิน  มาเรีย  และลีโล่ก็จะพลอยถูกพูดถึงกันทั่วโรงเรียน  ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้องฝาแฝดที่เป็นดูเอ็ทของพวกนาย  และลีโล่เป็นเพื่อนรักของสติทช์  อีกอย่าง... เกมใหม่ที่เพิ่งมาตั้งเมื่อไม่นานมานี้  เป็นเกมดังทั่วอเมริกา  ผู้เล่นไม่ได้มีแค่ในเกาะคาไวเพียงที่เดียว  พวกลองของที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากให้โชว์ติดหนึ่งในท็อปเท็นของเกมคงรวมตัวกันลงขันทยอยแห่มาที่นี่เป็นอันแน่แท้"  คิกซ์อธิบายจนอีกฝ่ายหมดข้อสงสัย

                      "แบบนี้ภารกิจค้นหาสัตว์ทดลองก็มีอันต้องถูกรบกวนนะสิ"  สติทช์พูดออกมาด้วยความกังวล

                      "ไม่ต้องห่วงหรอก  เรายังมีคอมพิวเตอร์ของจัมบ้าอยู่  ก็แค่เซิร์ชหาสัตว์ทดลองที่เหลือ  ถ้าไม่เป็นลูกหินสลักหมายเลขทดลอง  ก็ต้องเช็คสถานะการปลุกชีพเพื่อความสะดวกต่อการตามหาและละลายพฤติกรรมพวกเขาให้ได้  เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ภารกิจจะคืบหน้าอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น"  แองเจิ้ลออกความเห็นก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเข้าไปในห้องนอนของจัมบ้าในทันที  สติทช์วิ่งตามไปด้วย

                      เมื่อสองหนุ่มสาวเข้าห้อง  คอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของอัจฉริยะชั่วร้ายจึงถูกเปิด  หน้าจอฉายภาพข้อมูลชีวิตทดลองทั้งหมด 627 ชีวิต  สติทช์ดูไฟล์ชีวิตทดลองที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน  ด้วยความคิดที่ว่า... พวกเขาอาจยังกระจัดกระจายตามที่ต่าง ๆ ที่ลีโล่กับสติทช์ยังสำรวจไม่ถึง  ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในสภาพลูกหินสลักหมายเลขหรือปลุกชีพแล้วก็ตาม

                      และแล้ว... เขาก็พบสัตว์ทดลองตัวที่ถูกระบุว่า ได้รับการปลุกชีพ แล้ว

                      หมายเลข 145


    ------------------------------------------------------------------------


                      ช่วงพักเที่ยง  ณ  โรงเรียนประถมชื่อดังแห่งเกาะคาไว

                      ลีโล่และเพื่อน ๆ พาคาลี่ไปทำความรู้จักกับโรงอาหาร  แน่นอนว่าอาหารทุกร้านรสชาติดีล้วนน่าสนใจทั้งนั้น  สามหนุ่มสาวนักเรียนใหม่ฟังแล้วถึงกับน้ำลายสอ  คำนวณเวลาได้ในทันที... ว่ากว่าจะเลือกและต่อคิว  คงใช้เวลาราว ๆ 5-10 นาทีกว่าจะได้รับประทาน  ทั้งที่มีเวลาพักแค่หนึ่งชั่วโมง

                      แต่แล้ว... หูของลีโล่ได้ยินเสียงดนตรีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ใดสักแห่งในโรงอาหารที่กว้างใหญ่แห่งนี้  ซึ่งเป็นเสียงฟลุทที่ไพเราะมาก

                      ไพเราะเสียจนโลกแทบจะหยุดหมุนในพริบตา

                      "ที่โรงเรียนมีนักดนตรีมืออาชีพตัวน้อยด้วยเหรอเนี่ย"  ลีโล่พึมพำออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง  เธอต้องรู้ให้ได้... ว่าคนที่เป่าฟลุทหยุดโลกได้นั้นคือใคร

                      "เพลงนี้มัน..."  คาลี่เงี่ยหูฟังเสียง  ค้นหาต้นเสียงที่รู้จักดี  "ฟลุท!"  เธอเรียกชื่อ ๆ หนึ่งออกมาด้วยความตื่นตระหนกก่อนที่เธอจะวิ่งไปยังต้นเสียงในทันที  พวกลีโล่วิ่งตาม  ต้องรู้ให้ได้ว่าฟลุทของคาลี่คือใคร

                      ลีโล่  คาลี่  และเพื่อน ๆ วิ่งตรงไปยังร้านขายแซนด์วิชและเบอร์เกอร์ที่อยู่ใกล้สนามฟุตบอล  เพราะเสียงฟลุทดังมาจากร้านนั้น  และมีนักเรียนตั้งแต่ชั้น Grade 1-6 พากันมาต่อคิวซื้ออาหารจากร้านเป็นแถวยาว  คาลี่พุ่งปรี่ไปที่แผงร้านเพื่อตามหาต้นเสียง

                      พบว่า... คนเป่าฟลุทไม่ใช่คน

                      เป็น "สัตว์เลี้ยงประหลาด" ที่คาลี่ตั้งชื่อว่าฟลุท!

                      ฟลุท เป็นแมวขนสีเหลืองตัวผู้มีใบหูยาวเหมือนกระต่าย  มีขนหน้าท้องสีขาว  หางสั้นแต่ฟูกว่าสติทช์  มักพกฟลุทติดตัวราวกับว่าเครื่องดนตรีชิ้นนี้เป็นของรักของหวงที่ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งไปได้

                      ทันทีที่ฟลุทกับคาลี่พบกัน  ทั้งคู่ตกใจเป็นอย่างยิ่ง... นึกไม่ถึงว่าจะพบกันต่อหน้านักเรียนนับร้อยแบบนี้

                      ลีโล่ก็นึกไม่ถึงเช่นกัน... ว่าเจ้าฟลุทที่เป็นเพื่อนคาลี่คือ สัตว์ทดลอง ที่เธอกับสติทช์ออกตามหาอยู่

                      ไม่ได้มีแค่ฟลุทที่ลีโล่เผชิญหน้า


    เธอนึกไม่ถึง

    .

    .

    .

    ว่า เจ้า 625 กับ เฟรนช์ฟรายส์ จะเปิดร้านแซนด์วิชกับเบอร์เกอร์ในโรงเรียน!


                      กลายเป็นว่า... ลีโล่  คาลี่  และเพื่อน ๆ พาฟลุทกับเจ้า 625 มาปิกนิกมื้อกลางวันกันที่แปลงผักหลังโรงเรียน  เมนูก็มีแซนด์วิชกับเบอร์เกอร์หลากไส้  และมิลค์เชคของริคเตอร์ที่นำมาขายในโรงเรียน

                      คาลี่  ฟลุท  และเจ้า 625 ต้องถูกซักฟอกยกใหญ่

                      "ไปไงมาไงถึงได้มาขายแซนด์วิชที่โรงเรียน"  ลีโล่ถามเจ้า 625 ด้วยความสงสัย  เพราะปกติ... เจ้า 625 จะติดทำแซนด์วิชในครัวยานแกนตูมากกว่าออกมาทำแซนด์วิชขายแบบนี้

                      "ฉันก็แค่... หาประสบการณ์  มีเจ้าฟลุทหรือจริง ๆ แล้วก็คือ... สัตว์ทดลองหมายเลข 145 เป็นเพื่อนใหม่ก็ดีไปอย่าง  เป่าฟลุทเป็นเพลงได้ไพเราะเรียกลูกค้าได้ดีจริง ๆ"  เจ้า 625 ลูบหัวน้องฟลุทด้วยความประทับใจ

                      "ใครจะไปนึก... ว่าบนโลกนี้จะมีนายที่คุยกับเจ้าฟลุทรู้เรื่อง"  คาลี่พูดพลางกัดแซนด์วิชรวมมิตรไส้กรอกเข้าปาก  "แซนด์วิชนายก็อร่อยใช้ได้เลยนะ"

                      "ขอบคุณที่ชมนะสาวน้อย  นี่แค่เปิดเทอมวันแรก... เด็ก ๆ ต่อแถวเป็นขบวนรถไฟ  วันพรุ่งนี้จะขนาดไหนกันเชียว"  เจ้า 625 ตอบรับพลางนึกภาพตัวเองทำแซนด์วิชขายจนมีรายได้มหาศาลและจ้างแกนตูที่ปลดแอกจากแฮมสเตอร์วิลล์มาเป็นพนักงานคู่ใจ  แค่คิดก็ขำแล้ว... อดีตมือปราบหน้าปลาดุกกลายเป็นเบ๊ของสัตว์ทดลองผู้เป็นเชฟแซนด์วิช

                      "แล้วแกนตูไม่ว่าเหรอ... ที่แยกตัวออกมาดื้อ ๆ"  วิคตอเรียถาม

                      "ไม่ว่าหรอก  แกนตูก็แยกตัวออกมาจากเจ้าหนูเจอร์บิลนั่นแล้วเหมือนกัน"  เจ้า 625 พูดออกมาอย่างไม่ยี่หระอะไร  สร้างความประหลาดใจให้ลีโล่เป็นอย่างมากกับข่าวล่าสุดที่เพิ่งได้ยินเมื่อไม่กี่วินาทีนับจากนี้

                      "หมายความว่าไง... ที่ว่าแยกตัวออกมา!?"  ลีโล่เอ่ยปากถามอย่างไม่เชื่อหู... ว่าอดีตมือปราบผู้เป็นคู่อริเรื่องการค้นหาสัตว์ทดลองจะยอมตัดขาดจากจอมวายร้ายได้จริง

                      "ที่แยกตัวออกมา  เพราะคำสั่งล่าสุดที่ทำให้อดีตมือปราบต้องถอนตัวนะสิ"  เจ้า 625 เกริ่นนำ

                      "คำสั่งล่าสุด!?  มันคืออะไรรึ!?"  มาวินถาม  ทำเอาเจ้า 625 ถึงกับกระอักกระอ่วนไม่น้อย  เพราะรู้ดี... ว่าสาเหตุที่ทำให้แกนตูตัดสินใจถอนตัวจากแฮมสเตอร์วิลล์ขั้นเด็ดขาดนั้นคืออะไร  แต่เห็นว่าพวกลีโล่เป็นเด็ก  และไม่ต้องการให้เรื่องการเอาชีวิตกันเพื่อแย่งชิงสัตว์ทดลองมาทำให้พวกเธอตื่นกลัวขึ้นมา

                      "มัวอ้ำอึ้งทำไมเล่า... คำสั่งล่าสุดที่ว่ามานี่คืออะไร!?"  มาเรียถามซ้ำจนเจ้า 625 ถึงกับสะดุ้งเผลอทำแก้วมิลค์เชคหลุดมือ

                      "คำสั่งฆ่าคนเพื่อชิงตัวพี่น้องจากพวกเธอนะสิ!"  นักทำแซนด์วิชโพล่งออกมา  ทำเอาพวกลีโล่มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง  นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนูเจอร์บิลโฉดจะกำหนดพวกเธอเป็นเป้าสังหารที่ต้องถูกกำจัดทิ้ง  เพียงเพราะต้องการยึดพวกสติทช์มาเป็นกองทัพของตน  โดยใช้แกนตูเป็นเครื่องมือ

                      ลีโล่ไม่แปลกใจอีกต่อไป... ว่าทำไมเจ้า 625 ถึงตัดสินใจออกมาทำแซนด์วิชขายให้เด็ก ๆ ที่โรงเรียน  แถมลากเจ้าเฟรนช์ฟรายส์มาเป็นหุ้นส่วนและพ่อครัวประจำร้านด้วย

                      แหงล่ะ  หัวอกคนทำอาหารก็อย่างนี้  เรียนรู้ที่จะลองสูตรแซนด์วิชและเมนูใหม่ ๆ  เพื่อให้สกิลการทำอาหารอยู่กับพวกเขาชั่วชีวิต

                      พวกเธอหาได้รู้ไม่... ว่าไม่ได้มีแค่พวกเธอที่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าสังหารของแฮมสเตอร์วิลล์

                      สติทช์กับแองเจิ้ลก็รู้!

                      สติทช์คาดไม่ถึง... ว่าแค่อยากได้สัตว์ทดลองของจัมบ้าไปสร้างเป็นกองทัพ  ถึงกับต้องยืมมือแกนตูฆ่าพวกลีโล่เพื่อแย่งชิงพี่น้องมาเป็นของตนเอง

                      เห็นที... ภารกิจค้นหาสัตว์ทดลองจะต้องลงเอยด้วยการรับศึกหนักเสียแล้ว

                      ถ้าไอ้หนูเจอร์บิลนั่นจะเอาชีวิตลีโล่  มันต้องข้ามศพกูไปก่อน!


      ------------------------------------------------------------------------


                      อัจฉริยะชั่วร้ายไม่นึกไม่ฝัน... ว่าเขาจะกลับมาเหยียบที่แห่งนี้อีกครั้ง  ซึ่งถูกตั้งอยู่บนดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งในอวกาศ

                      ที่ ๆ เป็น "จุดเริ่มต้น" ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนลุกลามไปถึงดาวโลก

                      ใช่แล้ว... จัมบ้ากลับมายัง ห้องปฏิบัติการส่วนตัว  บ้านหลังที่เขาได้สร้างและให้กำเนิดชีวิตทดลองทั้งหมดหกร้อยกว่าชีวิต

                      ซึ่งรวมถึงสติทช์ที่บัดนี้กลายเป็นหมาน้อยของลีโล่  ก็ถูกสร้างขึ้นจากที่แห่งนี้

                      สาเหตุที่จัมบ้ากลับมายังห้องปฏิบัติการ  เพราะข่าวร้ายที่ท่านประธานหญิงแห่งสหพันธ์กาแลคติกได้แจ้งไว้เมื่อไม่นานมานี้  ซึ่งเป็นข่าวร้ายที่ทำให้เจ้าของสถานที่มิอาจนิ่งเฉยได้

                      ไม่มีทางเป็นไปได้... ที่จะมีโจรกระจอกหน้าไหนบุกเข้ามาขโมยของในห้องแล็บของอัจฉริยะชั่วร้าย

                      จัมบ้าจำได้... ว่าตั้งแต่เขาถูกจับกุมเนื่องในข้อหาผลิตสัตว์ทดลองผิดกฎหมาย  ห้องแล็บก็ถูกทางสหพันธ์สั่งปิดไม่ให้มีใครมาวุ่นวาย  และสหพันธ์เองก็มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา  ต่อให้มีโจรบุกเข้าไปได้... ก็ไม่ได้ทรัพย์สินอะไร

                      เพราะจัมบ้าก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากเท่าแฮมสเตอร์วิลล์

                      ของติดตัวที่จัมบ้าพกตอนออกตามหาสติทช์ถึงดาวโลก  ก็มีคอมพิวเตอร์เก็บไฟล์ชีวิตทดลอง  คอนเทนเนอร์เก็บลูกหินชีวิตทดลอง  ยานลำสีแดงที่มีห้องปฏิบัติการอยู่ในตัว  และปืนพลาสม่าหนึ่งกระบอก

                      ถ้าให้มีของล้ำค่าที่โจรต้องการจริง ๆ

                      สมองอัจฉริยะชั่วร้ายระลึกถึงวันที่สติทช์ถูกสร้างเป็นตัวเป็นตน  ซึ่งเป็นวันที่ถูกตำรวจจากสหพันธ์บุกจับกุมโดยไม่ทันตั้งตัว

                      ของชิ้นนั้น... ทำให้จัมบ้าต้องควานหาโดยเร็ว  หวังว่าโจรคงไม่ได้ของชิ้นนั้นไปนะ

                      อัจฉริยะชั่วร้ายค้นหาของที่นึกถึงไปทั่วห้องปฏิบัติการ  ผลลัพธ์จากการค้นหา... กลายเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เต็มร้อย

                      สิ่งที่กลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นจริง

                      ตัวอย่างเลือด 626 หายไป!



                     เรือนจำดาวเคราะห์ K-37

                     เจ้าหนูเจอร์บิลโรคจิตยิ้มแย้มด้วยความพึงพอใจ  เมื่อทราบข่าวดีจาก "หุ้นส่วน" เรื่องความคืบหน้าของโปรเจ็คท์ที่จะทำร่วมกัน

                     โปรเจ็คท์ที่มี "ตัวอย่างเลือดหมายเลข 626" เป็นองค์ประกอบสำคัญ!

                     "เรียกว่าเป็นข่าวดีที่สุดเลยก็ว่าได้  แล้ว... เรื่องนังเด็กลีโล่ล่ะ  ไปถึงไหนแล้ว"  แฮมสเตอร์วิลล์ถามหาความคืบหน้าเรื่องแผนกำจัดลีโล่ตามประสาวายร้ายใจร้อนผู้กระหายผลงาน

                     [ตอนนี้  คนของกระผมกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการติดตามชีวิตเหยื่ออยู่ครับ  พบว่าช่วงเปิดเทอมของเด็ก ๆ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็ว่าได้]  หุ้นส่วนที่ชื่อ ดร.พลาเจียส รายงานความคืบหน้าตามความเป็นจริงให้แฮมสเตอร์วิลล์รับทราบ  [เพราะเป็นเวลาที่ไม่มีเจ้า 626 เป็นบอดี้การ์ดข้างกายครับ]

                     "ดี!  จะมัวรออะไรอยู่ล่ะ!?  จัดการเลยสิ!"  แฮมสเตอร์วิลล์ออกคำสั่งในทันทีที่รู้ว่าลีโล่จะเปราะบางก็ต่อเมื่อไม่มีสติทช์ข้างกาย

                    [กระผมเกรงว่า... ถ้าทำตามที่คุณว่า  จะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นนะครับ  เจ้า 626 ได้เผยจุดอ่อนทางใจออกมาโดยมิรู้ตัวเสียแล้ว  คุณเองก็รู้ว่าเจ้า 626 รักและผูกพันกับเหยื่อมากแค่ไหน  การที่จะฆ่าเจ้า 626 ให้ตายทั้งเป็นได้นั้น... แค่ความตายของเหยื่อมันง่ายเกินไป]  ดร.พลาเจียสเอ่ยปากแย้งขึ้น  ทำเอาผู้ฟังถึงกับหัวร้อนขึ้นมา

                    "ง่ายเกินไป!?  หมายความว่าไงห๊ะ!?"  แฮมสเตอร์วิลล์วีนใส่ด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่หุ้นส่วนปลายสายพูดราวกับว่าจะประวิงเวลาการตายของลีโล่

                   [อย่างที่กระผมแจ้งให้ทราบ... ว่าตอนนี้เลือด 626 ถูกส่งถึงมือกระผมแล้ว  กระผมก็เลยคิดว่า... ถ้าเลือด 626 ตอนก่อนที่จะต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างทำให้เหยื่อควบคุมตัวเองไม่ได้  เกิดสูญเสียตัวตนขึ้นมา  เจ้า 626 จะทำอย่างไรต่อไป]  ดร.พลาเจียสนำเสนอแผนทำลายสติทช์กับลีโล่ให้อีกฝ่ายรับทราบ  รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าเจ้าหนูโรคจิตอีกครั้งในบัดดล

                   ถ้าลีโล่กลายเป็นชีวิตทดลองที่ไร้ความทรงจำและมีพลังทำลายล้างเหนือกว่าสติทช์  ลีโล่ก็จะเป็นกำลังหลักสำคัญที่จะทำลายสติทช์และผองเพื่อนให้สิ้นซากอย่างง่ายดายโดยมิต้องออกแรงแม้แต่กระดิกเท้า

                   แค่คิด... ก็สนุกแล้วสิ


       ------------------------------------------------------------------------


         == ตัวละครเพิ่มที่จะมีบทบาทสำคัญในบทต่อไป ==



         


    Image result for twang 145                                   Bragg-Muscular-Worried                              Image result for twang 145



    Flute (145)


                        สัตว์ทดลองตัวผู้  มีฟังค์ชั่นหลักเป็นนักสู้โดยอาศัยพลังงานที่หมุนเวียนในร่างกายเป็นแรงผลักดัน  เขาจะได้รับพลังงานก็ต่อเมื่อดูดซับความรู้สึกสงสารหรือชื่นชอบจากคนรอบข้าง  ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องเศร้า  หรือไม่ก็ใช้วิธีการเป่าฟลุทเล่นเพลงเศร้าเคล้าน้ำตาหรือเพลงรัก  เพราะฟลุทเป็นตัวกลางสื่อสารและสะกดใจผู้ฟังให้เกิดความรู้สึกสงสารได้ในพริบตา

                        รูปลักษณ์ภายนอกเป็นแมวหูยาวที่ไม่มีพิษภัย  เขาจึงมี คาลี่ เป็นโอฮาน่าผู้มีใจรักเสียงดนตรี  และคาลี่รักการเป่าฟลุทเช่นกัน  มาดนักสู้จะถูกเปิดเผยก็ต่อเมื่อคนที่เขารักตกอยู่ในอันตราย  แต่พยายามไม่กลับคืนสู่ร่างอสุรกาย  เพราะทุกครั้งที่ฟลุทคืนร่าง... พลังงานจะสูญเสียไปจนเกือบหมดแรงง่าย



          Kalina (Kali)


                        เด็กหญิงตัวน้อยผู้เป็นเพื่อนรักของฟลุท  มีชะตากรรมเช่นเดียวกับลีโล่ตรงที่เธอสูญเสียพ่อแม่  พ่อเสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจตำรวจ  และแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์  เธอกับฟลุทจึงถูกย้ายไปอยู่กับญาติที่เกาะคาไว  แต่ชีวิตก็ไม่ได้สงบสุข  เพราะเธอต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวญาติที่เห็นคาลี่กับฟลุทเป็นภาระและตั้งแง่รังเกียจ  คาลี่จึงมีสภาพไม่ต่างไปจากคนใช้

                        ฟลุทเป็นเครื่องดนตรีชิ้นเดียวที่ทำให้คาลี่นึกถึงพ่อแม่  ยิ่งมีเจ้าฟลุทเป็นเพื่อนรักคอดนตรีเหมือนกัน  คาลี่จึงยึดเจ้าฟลุทเป็นโอฮาน่าโดยที่เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นสัตว์ทดลอง  แต่พอเธอกับฟลุทเผชิญหน้ากับการสูญเสียครอบครัวและความเห็นแก่ตัวของญาติที่เห็นเธอเป็นขยะ  คาลี่กับฟลุทมีความสงสารให้กันและกัน... เปรียบเสมือนยาชูกำลังใจให้ชีวิตดำเนินต่อไป  หากมีใครมาวุ่นวายกับเธอจนหมดความอดทนเมื่อใด... เจอพายุอารมณ์เมื่อนั้น



        Image result for victoria lilo stitch


    Victoria


                        เพื่อนสนิทของลีโล่  มีความชื่นชอบและหลงใหลในเรื่องแปลกเช่นกัน  ถึงภายนอกดูเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาไม่สวยเลิศเลอมากนัก  แต่เธอมีทัศนคติที่ดีต่อคนรอบข้าง  มีความห้าวเล็ก ๆ และตรงไปตรงมา

                        เธอเป็นเพื่อนคนแรกที่รู้ภารกิจของลีโล่กับสติทช์  และเป็นคนที่สอนให้ลีโล่รู้จักคำว่า... "ไว้เนื้อเชื่อใจ"  เธอจึงรับเลี้ยง สนูทตี้ เป็นเพื่อน



    Image result for mertle gigi


    Mertle Edmonds


                        คู่อริของลีโล่  มีความทะนงตนเป็นผู้หญิงจ๋าสูง  มักมองลีโล่เป็นคนแปลกประหลาดไม่เข้าพวก  รวมทั้งสติทช์ที่ถูกมองว่าเป็นหมาน่าเกลียด  เธอมีทัศนคติการมองเพื่อนที่แย่พอสมควร  ชอบโอ้อวดเพื่อให้ตัวเองดูสูงส่ง  อวดฉลาด  ชอบเอาชนะในเรื่องไม่เป็นเรื่อง  เพราะอคติของเธอจะก่อให้เกิดการเชื่อคนง่ายโดยไร้วิจารณญาณ  อาจส่งผลร้ายต่อลีโล่และเพื่อน ๆ โดยคาดไม่ถึงในภายหลัง

                        เธอมี จีจี้ เป็นสุนัขพันธุ์ชิสุตัวโปรดที่แก้เหงาเป็นอย่างดี  แต่เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำ... ว่าจีจี้คือ สัตว์ทดลองหมายเลข 007



      Dr. Plageus


                       หุ้นส่วนลับที่แฮมสเตอร์วิลล์เลือกติดต่อทำธุรกิจซื้อขายสัตว์ทดลองตั้งแต่ก่อนที่สติทช์จะถูกสร้างขึ้นมา  มีความสนอกสนใจในเรื่องการผลิตสัตว์ทดลองเช่นเดียวกับจัมบ้า  แต่เป็นการผลิตให้สัตว์ทดลองเป็นทาสไร้ชีวิตชีวาเพื่อก่อสงคราม  หรือว่ากันง่าย ๆ ก็คือ... "ผีดิบ"  มักทดลองผลิตยาตัวใหม่เพื่อใช้ประโยชน์ต่อการงานและตนเองอย่างสม่ำเสมอ  

                       ถ้าแฮมสเตอร์วิลล์เป็นไฟที่ถูกจุดขึ้นด้วยความแค้น  ดร.พลาเจียสก็เป็นน้ำมันที่เติมเชื้อไฟด้วยแผนชั่วร้ายที่แยบยลยิ่งกว่า  มีความโหดเหี้ยมเลือดเย็น  รู้ทันหุ้นส่วนทุกคนที่เข้ามาทำธุรกิจ  มักเลือกผูกมิตรกับคนที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการงานมากกว่า  อย่างเช่นแฮมสเตอร์วิลล์ที่จ้องฮุบผลงานของจัมบ้ามาเป็นของตนเอง  แต่ลีโล่เป็นเหตุให้เหล่าสัตว์ทดลองต่อต้านระบบโปรแกรมดั้งเดิม  จึงสอนให้แฮมสเตอร์วิลล์ได้รับรู้... ว่าการจู่โจมศัตรูที่ดีที่สุด  คือ... จู่โจมที่หัวใจ  ลีโล่จึงถูกหมายหัวเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็คท์ลับโดยไม่รู้ตัว


        ç=================è

                



        


       


        

      



                

                  


      


      

            

         

         

                   

            


               

      

                         

           




      

                  

                

       

                   



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×