CORE แกนกลางของฉันคือปากกา ~ข้านี่แหละที่จะบรรเลงเพลงแห่งหายนะ~ - นิยาย CORE แกนกลางของฉันคือปากกา ~ข้านี่แหละที่จะบรรเลงเพลงแห่งหายนะ~ : Dek-D.com - Writer
×

    CORE แกนกลางของฉันคือปากกา ~ข้านี่แหละที่จะบรรเลงเพลงแห่งหายนะ~

    ในโลกที่ค้นพบพลังวิเศษที่แสนจะแฟนตาซี มันถูกเรียกว่า แกนกลาง ทุกคนบนโลกจะมีแกนกลางที่ต่างกันออกไป บางคนมีแกนกลางเป็นปืน บางคนเป็นดาบ แต่ตัวเอกสุดน่ารักของเรานั้นกลับมีแกนกลางเป็นปากกา

    ผู้เข้าชมรวม

    344

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    344

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    12
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 ธ.ค. 66 / 08:48 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ในโลกที่ค้นพบพลังวิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์ มันถูกเรียกว่า ‘CORE’(แกนกลาง) แกนกลางนั้นจะปรากฎขึ้นเมื่อทารกเริ่มจะจำความได้ แกนกลางของแต่ละคนนั้นจะบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของคนๆนั้น อย่างเช่นคนที่มีแกนกลางเป็นดาบนั้นมักจะมีลักษณะนิสัยที่หุนหันพันแล่น ชอบใช้กล้ามมากกว่าสมอง หรือจะเป็นคนที่มีแกนกลางเป็นโล่ คนพวกนี้มักจะมีนิสัยที่ชอบเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อช่วยใครซักคนร่างกายจะขยับก่อนที่สมองจะเริ่มคิด 

    และตัวเอกของเรา นางสาว ปรมาณู แสงเสด็จ ชื่อเล่น อะตอมมิค เด็กสาวม.ปลายธรรมดาที่ไม่อะไรโดดเด่น จุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเธอคงจะเป็นชื่อจริงของเธอที่ไม่ว่าจะฟังยังไงก็รู้สึกอันตราย แต่แท้จริงแล้วความหมายของชื่อของเธอคือ สิ่งที่เล็กมากอย่างยิ่งยวด 

    ชื่อ ปรมาณู จึงบอกได้ถึงตัวตนของเธอได้อย่างชัดเจน เพราะในโรงเรียนเธอมักจะจืดจางจนยากจะสังเกต บางครั้งที่จะต้องทำงานกลุ่มเพื่อนๆในห้องก็จะลืมเธอสนิทจนเธอต้องทำงานกลุ่มคนเดียว เพื่อนก็ไม่มี เรียกได้ว่าจืดจางอย่างแท้จริง เป็นตัวประกอบที่ไม่มีอะไรโดดเด่น อย่างน้อย นั่นก็คือสิ่งที่คนอื่นคิด…

    เพราะถ้าหากเลิกเรียนแล้วล่ะก็ ตัวตนที่แท้จริงของเธอก็จะปรากฎ…

    ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้ถือพลังวิเศษแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมมีพวกที่คิดการใหญ่ใช้พลังของตัวเองสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และการช่วยเหลือจากตำรวจก็มาช้าตลอด กว่าจะมาได้ผู้ร้ายก็หนีไปเป็นกิโลแล้ว แล้วการจัดการคนพวกนั้นก็เป็นของเธอ…

    “น นี่แก ป เป็นใครกันแน่?!”

    1 ในผู้ร้ายได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เพราะภาพตรงหน้าของเขามันเกินจินตนาการเกินไป อะตอมมิคที่ส่วมไอโม่งและแต่งกายมิดชิดจนเห็นไม่ชัดว่าเป็นชายหรือหญิงกันแน่ จู่ๆเธอก็ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ใช้เวลาเพียง 10 วินาทีก็สามารถจัดการกับกลุ่มของเขาทีี่มาเป็นสิบได้อย่างสบายๆโดยไม่ต้องออกแรงอะไร ในมือข้างขวาของเธอถือปากกาขนนกที่ดูไม่มีอะไรเอาไว้ เพียงแค่เธอตวัดปลายปากกา ทั้งมอไซต์ ทั้งร่างกายของเพื่อนของเขาก็ขาดเป็น 2 ท่อน 

    เธอจับปากกาเหมือนกับจิตรกรที่มากฝีมือ ชี้ปลายปากกาไปที่ผู้ร้ายที่เหลือตัวคนเดียวอย่างสง่างาม 

    “คนที่ไม่มีชีวิตแบบเจ้าไม่มีสิทธิที่จะรู้หรอก…”

    “ย อย่ามาล้อเล่นนะโว๊ย!! เพื่อนๆของกูตายเลยนะ! ตายกันหมด! และกูก็….จะตาย…”

    ผู้ร้ายคนนั้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ใช่แล้ว เขาที่อยู่ต่อหน้าพลังอันเหนือจินตนาการ ไม่มีสิทธิสู้ ไม่มีสิทธิตอบโต้ เป็นเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว….เหมือนกับเพื่อนๆของเขา…

    ร่างกายของผู้ร้ายคนนั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีเสียงอะไรออกมาจากหลอดลมของเขาอีก 

    อะตอมมิครี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยบางอย่างออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเอา

    “ตรงตามเซ็ตติ้งเลยแฮะ…”

    ผู้ร้ายที่เหมือนจะได้ยินเสียงนั้นของอะตอมมิคก็ส่งเสียงออกมา

    “เอ๋ะ?”

    “เอ๋ะ?”

    ทางอะตอมมิคเองก็ชะงักไปเหมือนกัน แต่เธอก็ยังสามารถคงคาแร็คเตอร์เอาไว้ได้ 

    “ในเมื่อเจ้าอยากจะรู้ข้าก็จะบอก…นั่นสินะ เอาเป็น….ข้าคือ อูเทอร์(Author) ผู้เริ่มต้นเรื่องราวด้วยความเพลิดเพลินและผู้สรุปเรื่องราวด้วยความเพลิดเพลิน และ…”

    อะตอมมิคได้ใช้ปากกาขนนกในมือของเธอวาดวงกลมอันสมบููรณ์แบบเอาไว้กลางอากาศ 

    “ข้า…”(I…)

    นัยน์ตาของเธอเริ่มส่องแสงสีแดงออกมาอย่างดุร้ายและอันตราย

    “คือ…”(AM…)

    วงกลมที่เธอวาดไว้กลางอากาศได้ส่องแสงออกมาจนมันทำให้พื้นแถวนั้นสว่างขึ้นมาเหมือนกับตอนเที่ยงวัน 

    “…คนโคราช…”(…KONKORAT…)

    สุดท้ายนี้ วงกลมอันน่าพิศวงของอะตอมมิคนั้นได้ปล่อยลำแสงที่รุนแรงเกินสามัญสำนึกออกมา พื้นที่ตรงหน้าของเธอในระยะ 2 กิโลเมตรกลายเป็นพื้นที่โล่งกลางอย่างน่าเหลือเชื่อ

    “ค่ำคืนนี้ช่างน่าจดจำ…จุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งหายนะ”

    “อะ หรือว่าเมื่อกี้ควรพูดว่า คนอีสาน กันนะ? ช่างเถอะ กลับบ้านไปกินมาม่าดีกว่า”

    เมื่อคิดได้แบบนั้นร่างของอะตอมมิคก็หายไปจากตรงนั้นทันที เหมือนกับว่าเธอไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนได้เห็นทุกสิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ


    ทุกคนย่อมมีสิ่งที่ชื่นชอบ คลั่งไคล้ เหมือนกับฉันที่ชื่นชอบในฮีโร่ที่ช่วยเหลือผู้คนอย่างลับๆ ไม่เปิดเผยตัวตนตั้งแต่ต้นจนจบ ใช่ เด็กผู้หญิงอย่างฉันนี่แหละชื่นชอบฮีโร่อย่าง มาสคไรเดอร์ อุลตร้าแมน หรือฮีโร่โทคุซัตสึต่างๆจากญี่ปุ่น ฉันในวัยเด็กที่ได้เห็นถึงความเท่ และความทรงพลังของเหล่าฮีโร่พวกนั้นก็เกิดความชื่นชอบที่ตัดไม่ขาดขึ้นมา ทั้งๆที่เวลาผ่านเป็น 10 ปี จนฉันขึ้นม.ปลายความชอบนั้นก็ยังคงอยู่ ไม่เคยจางหาย มีแต่จะรุนแรงขึ้น 

    ฉันในวัย 4 ปีที่เริ่มอยากจะเป็นแบบฮีโร่พวกนั้นก็ได้ฝึกฝนเรื่อยมา ทั้งร่างกาย จิตใจ หรือแกนกลาง และเริ่มออกปฏิบัติการในวัย 7 ปี ทั้งเด็กแว้นที่สร้างความรำคาญให้แก่ชาวบ้านฉันก็ตัดคอพวกมันแล้วเอามาปักประจานไว้ทีี่ข้างทาง 

    ในการออกปฏิบัติการครั้งนั้นมันทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันอ่อนแอแค่ไหน แต่ฉันก็ยังไม่ล้มเลิกการออกปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาฝีมือและประสบการณ์การต่อสู้จริง มันทำให้ฉันได้ค้นพบความลับของแกนกลางเข้า

    ฉันเรียกมันว่า การตื่นรู้ แกนกลางของฉันที่เคยเป็นปากกาขนนกธรรมดาตอนนี้กลับกลายเป็นปากกาที่สามารถสร้างปรากฎการณ์ออกมาได้อย่างไร้ขีดจำกัด แต่พลังในการสร้างปรากฎการณ์นั้นมันจะอยู่ในขอบเขตที่ฉันเข้าใจเท่านั้น 

    ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามีคนที่ตื่นรู้แบบฉันอยู่บนโลกนี้ไหม ดังนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันจึงออกตามหาผู้ตื่นรู้มาโดยตลอด ถึงจะน่าเสียดายที่หาไม่เจอเลยก็เถอะ 

    ฉันก็เลยระบายความเสียดายนั้นลงกับเด็กแว้นอย่างที่เห็น ฉันก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมถึงอยากจะเป็นเด็กแว้นกันนักหนา ทั้งๆที่ฉันก็ฆ่าเจ้าพวกนั้นมานับไม่ถ้วนแล้ว ไม่กลัวฉันไปฆ่าบ้างรึไง? (ประทานโทษ ที่เธอปล่อยบีมใส่ไปเมื่อครู่ไม่ใช่เด็กแว้นแต่เป็นอาชญากรที่รัฐบาลกำลังตามหาจนหัวหมุนต่างหาก)

    เอาเถอะ ความชอบใครความชอบมันล่ะนะ

    “หาว~”

    เพราะเมื่อคืนก็นอนดึกพอสมควร ทำให้เช้าวันต่อมาฉันก็เกิดอาการง่วงอย่างช่วยไม่ได้ ไม่น่าเล่นใหญ่กินมาม่าเผ็ดเกาหลี 3 ห่อเลย 

    วันนี้เป็นวันศุกร์ ทุกเช้าวันศุกร์ของโรงเรียนฉันทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันที่หอประชุมเพื่อสวดมนตร์ไหว้พระอะไรก็ว่ากันไป ส่วนฉันก็ตีเนียนนั่งสัปหงกจนทุกคนเขาสวดมนตร์กันเสร็จแล้ว เพราะจืดจางตามฉบับตัวประกอบฉันจึงไม่ได้โดนคุณครูปลุกหรือทำโทษใดๆ 

    แต่ในระหว่างที่กำลังหลับอย่างสบายใจนั้นเอง ฉันก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผ่านตัวไป ฉันจึงตื่นขึ้นมาแล้วหันไปรอบๆเพื่อสังเกตท่าทีของทุกคนในหอประชุม แต่สิ่งที่ฉันเห็นนั้นคือทุกคนที่ทำตัวตามปกติ 

    “ไม่มีใครรู้สึกตัวอย่างงั้นหรอ?..”

    ฉันได้หยิบปากกาขนนกที่เป็นแกนกลางของฉันขึ้นมาจากกระเป๋ากระโปรง รูปร่างของมันเริ่มบิดเบี้ยวและหายไปในเวลาต่อมา 

    “ทางเดินเอเนอจี้ถูกขัดขว้างงั้นหรอ..”

    เอเนอจี้(Energy) คือพลังงานที่คอยขับเคลื่อนแกนกลางให้ออกมาจากร่างกายได้ การโดนขัดขว้างก็เท่ากับไม่สามารถเรียกแกนกลางออกมาได้ ดังนั้นแล้วคนในหอประชุมแห่งนี้จึงกลายเป็นคนธรรมดาไปโดยปริยาย 

    ถึงงั้นก็เถอะ แค่โดนขัดขว้างนิดหน่อยไม่มีผลอะไรกับฉัน…หรอก…

    เอ๋ะ? เดี๋ยวนะ…

    ทั้งผู้คนที่มารวมตัวกันที่ที่เดียว 

    การขัดขว้างไม่ให้พวกนักเรียนและอาจารย์ตอบโต้ได้ 

    ‘หรือว่า!?’

    ฉันทีี่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมกว่าคนอื่นนั้นได้ยินเสียงฝีมือหลายสิบคู่ที่กำลังตรงมาทางนี้ ที่หอประชุมแห่งนี้ ก็นั่นแหละ..

    “มาแล้ว!!”

    เสียงตะโกนของฉันได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนไว้ในจุดเดียว และทันใดนั้น…

    เพล้งงงง!!

    ประตูกระจกบานเลื่อนของหอประชุมได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับกลุ่มคนหลายสิบคนที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับแกนกลางของตนในมือ 

    “ทุกคนอย่าขยับ! เราได้ยึดโรงเรียนนี้เอาไว้แล้ว!”

    นั่นได้สร้างความสับสนให้แก้ทุกคนในหอประชุมเป็นอย่างมาก แต่ฉันไม่สนหรอกว่าทุกคนจะรู้สึกยังไง เพราะอะไรน่ะหรอ?…

    ‘นี่มันนี่มัน! อีเวนท์บุกโรงเรียนในตำนาน!’

    แค่คิดว่าจะได้ช่วยทุกคนจากพวกโจรพวกนี้อย่างเท่ๆน้ำก็เดินแล้ว ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิตจริงด้วย พวกนายอยากจะให้ฉันแสดงพลังแบบเท่ๆมากเลยสินะ! งั้นเองสินะ!

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น