คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CH5
“ไอ้มาร์กตรงชั้นบนสุด
ชั้นว่าควรจะปรับใหม่
เอาเป็นว่าเดี๋ยวชั้นจะเข้าไปแก้แบบให้ก่อนแล้วเดี๋ยวแกเอาไปเสนอลูกค้าอีกทีนะ”ฉันบอกนิ่งๆ
พร้อมกับหยิบแบบแปลนที่กางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเก็บเข้ากระบอกทรงกลมสีดำ
มาร์กพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปบนโครงสร้างตึกที่คนงานกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
วันนี้ร้อนจริงๆ ทั้งที่เมื่อวานฝนยังตกอยู่แท้ๆเลย
“พี่น้ำจะเอาอะไรมั้ยครับ ผมจะออกไปหาอะไรกินหน่อย?”
ฉันพยักหน้า ก็ดีเหมือนกัน ..
“งั้นขอเบียร์กระป๋องนึงละกัน คอแห้งว่ะ”ฉันบอกแล้วล้วงเข้าไปหยิบเงินส่งให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่
“อ่ะ จะเอาอะไรก็ซื้อมานะ
แล้วเอาไปให้ในห้องด้วย”ฉันพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานขนาดกะทัดรัดรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ตั้งใกล้ๆกับไซต์งานของฉัน
อยากจะบอกว่าอากาศในนี้กับข้างนอกนั้นต่างกันชะมัด
นี่ถ้าฉันไม่ต้องทำงานล่ะก็ฉันจะนั่งอยู่ในนี้แม่งทั้งวันเลยให้ตายเถอะ!!
ฉันกางแผ่นแบบแปลนออกบนโต๊ะพร้อมใช้ความคิดในการออกแบบรูปทรงใหม่อีกครั้ง… แต่ทว่า..
ความคิดของฉันที่นึกออกในตอนนี้กลับไม่ใช่ที่จะใช้มันลงไปในงานชิ้นตรงหน้าเลย
หากแต่มันเป็นงานอีกอย่างนึงต่างหาก.. ฉันวางดินสอลงก่อนจะหันไปหยิบกระดาษเปล่าที่วางอยู่ในกล่องลังข้างๆโต๊ะทำงานขึ้นมาวางทับแผ่นงานที่ถูกปล่อยเอาไว้..
ดินสอที่วางอยู่นั้นถูกฉันหยิบขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกดปลายลงที่แผ่นกระดาษขาวสะอาดเบาๆ…
“โอ๊ย!
เอม!! แกช่วยมีสมาธิหน่อยได้ปะวะ ยุกยิกๆอยู่ได้ อะไรกัดหรือไงยะ?!”ทิฟฟานี่วีนขึ้นมาอย่างเหลืออดเมื่อนางแบบมือหนึ่งของเธอมีอาการแปลกไป
ฉันถอนหายใจยาว ก็มันหงุดหงิดนี่!! ถ่ายไม่เสร็จซักที!
“เซ็ตนี้เซ็ตสุดท้ายแล้วย่ะ อดทนหน่อย
เดี๋ยวแกก็ได้ไปหาสา..”
“พี่ฟานี่!!”ฉันตะโกนลั่นเมื่อพี่ฟานี่กำลังจะหลุดพูดคำๆนั้นออกมา
ทีมงานทุกคนในกองถ่ายหันมามองอย่างสนใจ…
“มองอะไรกัน ไม่มีหน้าที่หรือไง?”เสียงเข้มของใครบางคนดังขึ้นมาทำลายสถานการณ์ลำบากให้พ้นไป
ฉันอยากจะจัดการกับพี่ฟานี่ซะเดี๋ยวนี้!
“มิยองอา พูดอะไรระวังหน่อย..”แทยอนเอ่ยเตือนคนรักเบาๆ
ถ้าเธอไม่เข้ามาซะก่อน เอมกับฟานี่ก็คงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
“ขอบคุณนะคะพี่แท ถ้าไม่ได้พี่แท
เอมคงแย่เพราะใครบางคนแถวนี้แน่ๆ”ฉันพูดพร้อมกับเหลือบตามองแม่ตากล้องสาวตายิ้มที่ทำหน้าอ้อนใส่คนตัวเล็กที่เดินเข้ามาเคียงข้าง พี่แทหรือแทยอน
เจ้าของบริษัทนิตยสารชื่อดังทั้งในไทยและในเกาหลี แล้วที่ฉันทำงานเป็นนางแบบในสังกัดอยู่ตอนนี้ก็คือสังกัดของพี่แทเนี่ยแหละ…
ส่วนเรื่องช่างภาพคู่ใจคู่บุญบารมีของฉันก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะ…
ก็คนที่ยืนคลอเคลียกับคนตัวเล็กอยู่นี่ยังไงล่ะ ถ่ายกี่งานกี่ปก
เป็นอันขายดีขายหมดทุกแผง..
“แล้วนี่ใกล้เสร็จกันหรือยัง?”แทยอนถามขึ้นพร้อมกับยกมือบางโอบเอวช่างภาพคนสวยเอาไว้…
“แท…คนอื่นมองอยู่นะ”ทิฟฟานี่ติงเบาๆ
เพราะตอนนี้พวกทีมงานหันมาสนใจเธอทั้งสองคนเป็นตาเดี๋ยวแล้วล่ะสิ.. แทยอนทำหน้านิ่ง
ก่อนจะกวาดมองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชาๆ
“ฟังเอาไว้ให้ดีนะ ฟานี่คือคนรักของฉัน
ฉันกับทิฟฟานี่เป็นแฟนกัน…เข้าใจตรงกันนะ แล้วเลิกเอาฉันไปพูดเป็นนิทานบ้าๆของพวกเธอได้แล้วด้วย
! ”แทยอนพูดขึ้นเสียงดังผิดนิสัย
แถมเรื่องที่พูดยังเป็นเรื่องที่ทิฟฟานี่ไม่คาดคิดว่าแทยอนจะกล้าทำอีกด้วย…
บอกคนอื่นว่าเป็นแฟนกันเนี่ยนะแท..
ทุกคนในกองถ่ายอึ้งกิมกี่ที่จู่ๆช่างภาพมือหนึ่งของบริษัทและเจ้าของบริษัทก็คบหาดูใจกันในฐานะคนรู้ใจ
งั้นแสดงว่า…ข่าวลือต่างๆที่ผ่านมาทั้งที่บอกว่าคุณแทยอนกำลังคบหาอยู่กับนางแบบมือหนึ่งอย่างเอมนี่ก็เป็นข่าวโคมลอยสินะ…
ตัวจริงที่ว่านี่ก็คือ ทิฟฟานี่ อย่างนั้นเหรอ?
“แทแท..”
“แทอยากทำมาตั้งนานแล้ว
เราจะได้ไม่ต้องคบกันแบบหลบๆซ่อนๆ แทเบื่อ.. แทอยากคบกับฟานี่แบบเปิดเผย
แทไม่สนอะไรทั้งนั้นล่ะ..แทสนแค่ฟานี่คนเดียว..”แทยอนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมจ้องเข้าไปนัยน์ตาของช่างภาพสาวตายิ้มนิ่ง..
ทิฟฟานี่ยิ้มกว้างพร้อมโผเข้ากอดแทยอนแน่น เธอเองก็รอที่จะมีวันนี้มานานแล้ว
วันที่เธอจะได้คบกับแทยอนแบบคนปกติทั่วไป ไม่ต้องคบกันแบบหลบๆซ่อนๆกันต่อไปอีก..
ฉันยืนมองภาพของรุ่นพี่ของฉันทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความสุขด้วยสายตาปลื้มปริ่มและตื้นตันใจ
แต่พอนึกถึงเรื่องของตัวเอง… หัวใจฉันที่มันพองโตเมื่อครู่
ก็ห่อเหี่ยวลงไปอีก… ฉันจะได้มีช่วงเวลาแบบนี้บ้างมั้ยนะ… กับคนที่ฉันรักคนนั้น…
“อยากไปหาน้ำใช่ไหม?”
ฉันสะดุ้งเมื่อพี่แทแตะแขนฉันเบาๆ
พร้อมกับมองหน้าฉันเหมือนรู้ทันสิ่งที่ฉันคิด.. อยากสิ…
ฉันเป่าปากเบาๆ
พร้อมกับกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อแผ่นกระดาษขาวสะอาดเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วนั้นเต็มไปด้วยเส้นดินสอ..
ฉันหันไปหยิบกระป๋องเบียร์กระป๋องที่สามขึ้นมากระดกใส่ปากอีกครั้งจนหมด
ความจริงฉันคิดว่าจะดื่มแค่กระป๋องเดียว แต่ก็เสียดายของ
ไอ้มาร์กมันซื้อมาให้ฉันเกินจำนวนที่ฉันสั่ง
แล้วการทำงานแบบนี้ออกแบบไปมันก็เพลินไปเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีกระป๋องเบียร์สามกระป๋องก็วางอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วเรียบร้อย…
ฉันเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะก้มลงเซ็นลายเซ็นของตัวเองลงบนกระดาษแปลน…
“เสร็จซักที..”ฉันพูดเบาๆ
พร้อมกับยกกระดาษที่มีลายเส้นขึ้นมาดูด้วยสายตาภูมิใจเป็นที่สุด
มันคงจะไม่ใช่แค่แบบแปลนในกระดาษธรรมดานี้แน่ๆ… ฉันหมายมั่นในใจ
ตอนนี้มันคือสิ่งที่ฉันจะต้องทำมันให้ได้… ขอแค่.. เมื่อวันนั้นมาถึง
ฉันมีเธอคนนั้นอยู่เคียงข้างฉันก็พอใจแล้ว
ฉันค่อยๆม้วนกระดาษเก็บลงใส่กระบอกใส่งานแล้วแขวนเอาไว้ที่ผนังห้อง..
ฉันนิ่งไปครู่เมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้โทรหาเอมเลยตั้งแต่เช้า ป่านนี้จะเป็นไงบ้างนะ..
ว่าแล้วฉันก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา..
“พี่น้ำ…เชิญข้างนอกหน่อยครับ”ฉันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะโบกมือไล่
ทำนองว่าเดี๋ยวฉันตามออกไปก่อนที่ฉันจะหันไปสนใจกับโทรศัพท์ต่อ..
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น..เมื่อ..
“ไอ้ห่า!! แบตหมด!! มาหมดอะไรตอนนี้วะ??”ฉันพึมพำเบาๆอย่างหัวเสีย
แล้วอย่างนี้ฉันจะติดต่อกับเอมยังไงล่ะ.. แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากันแล้วกัน..
ไปทำงานก่อน ฉันวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินตามไอ้มาร์กออกไปที่ไซต์งาน..
“พี่น้ำระวังนะครับ..”มาร์กพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเจ้านายสาวเขาปีนขึ้นไปดูงานถึงชั้นบน
แค่บอกว่ามีรอยร้าวนิดหน่อยเท่านั้นเอง เจ้าตัวก็รีบขึ้นไปดูให้เห็นกับตาทันที
ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยร้าวจากผนังตึก.. นี่มันต่ำกว่ามาตรฐานชัดๆ..
“ไอ้มาร์ก!”
“ครับ”
“ยกเลิกสัญญาจ้างเดี๋ยวนี้!”ฉันสั่งเสียงเข้ม..
“พี่น้ำใจเย็นๆก่อนมั้ยครับ
บางทีมันอาจจะมีการผิดพลาด
บริษัทนี้เราก็จ้างมาตั้งแต่เราตั้งบริษัทใหม่ๆแล้วนะครับ”มาร์กพยายามเกลี้ยกล่อมฉันขณะที่ฉันกำลังปีนลงมาจากชั้นบน
ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้นแหละ จะทำงานกันมานานแล้วหรืออะไรก็แล้วแต่
แต่ทำงานต่ำกว่ามาตรฐานแบบนี้ฉันรับไม่ได้จริงๆ
“ทำงานต่ำกว่ามาตรฐานแบบนี้
ชั้นไม่สนอะไรทั้งนั้น
พรุ่งนี้แกบอกให้นัตตี้ทำเอกสารแล้วเอามาให้ชั้นเซ็นที่นี่..แล้วก็หาบริษัทรับเหมาใหม่ด้วย
ด่วน!”ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
มาร์กพยักหน้าอย่างกลัวๆในท่าทีของฉัน..
“ส่วนค่าแรงคนงาน..ฉันจะออกให้ทั้งหมดเอง..ไม่เกี่ยวกับบริษัท”
ฉันพูดเสียงเครียด
ตึกทุกตึกที่ฉันเป็นคนออกแบบฉันก็อยากให้มันออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
มันจะไม่มีคำว่าผิดพลาดจากผลงานของฉันเป็นอันขาด…
“เอาเป็นว่าเอาตามนี้ละกัน แกกลับไปพักได้ละ
คืนนี้ฉันจะค้างที่นี่”ฉันพูดพร้อมยกมือขึ้นตบไหล่ลูกน้องคนสนิทที่ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้มเบาๆ
ฉันเปิดประตูเข้ามาในที่พักเงียบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง
ถึงจะอยู่ในห้องแอร์ก็เถอะ แต่จะให้นอนทั้งๆที่เสื้อมันมีกลิ่นอับแบบนี้คงไม่ไหว…
ค่ะ ที่พักของฉันนั้นเป็นห้องขนาดสีเหลี่ยมผืนผ้า
ในนี้มีครบทุกอย่างทั้งตู้เย็น แอร์ เตียง ไฟฟ้า
ครบสมบูรณ์แบบคล้ายกับบ้านหลังหนึ่งเลย ที่ฉันมีแบบนี้ก็เพราะพี่แทนั่นแหละค่ะ
พี่แทคอยซัพพอร์ตฉันตลอดในเรื่องการทำงานรวมถึงเรื่องส่วนตัวด้วย
ฉันถอดเสื้อออกช้าๆเพราะความปวดร้าวที่ได้รับจากการใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนักทั้งวัน..
ฉันอยากจะนอนแล้วจริงๆนะ.. ฉันกำลังจะนั่งลงที่เตียง
หากแต่เสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นซะก่อน ? นี่มันมีอะไรกันอีกเนี่ย..
ฉันเอาเสื้อพาดบ่าเอาไว้ก่อนเดินไปเปิดประตูเพื่อรอรับฟังเรื่องที่จะตามมาเมื่อประตูนั้นถูกเปิดออก..
“มีอะ..อื้อ!..”เสียงฉันถูกกลืนหายไปพร้อมกับฉันที่จะต้องประคองตัวเองไม่ให้หงายหลังล้มลงไปเพราะร่างบางที่พุ่งเข้ามาหาทันทีที่ประตูเปิดออก
ฉันตวัดมือปิดประตูแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ได้มาคนเดียว..
แถมยังเป็นผู้ชายอีกด้วย ! ฉันกดล็อคประตู ก่อนที่ฉันจะดันร่างบางไปที่เตียง..เราสองคนล้มลงไปบนเตียงด้วยกันก่อนที่ฉันจะถอนริมฝีปากออกมาเมื่อดึงสติกลับคืนมาได้สำเร็จ..
“มาได้ยังไง?”ฉันถามเสียงหอบ
ก็เล่นมาแบบนี้แถมยังจูบไม่ให้ทันตั้งตัว ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปหายใจ..
“พี่แทพามา..ทำไมเอมโทรหาไม่ติด”เอมถามฉันเสียงพร่าพร้อมกับนัยน์ตาชวนฝันนั้นจ้องมาที่ฉัน
ฉันหันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะหันหน้ากลับมาตอบ
“แบตหมด..เพิ่งจะได้ชาร์จเมื่อกี้”
“แน่ใจนะ?”เอมถามย้ำ
พร้อมจะเอาเรื่องฉันอยู่ตลอดเวลาถ้าฉันเกิดพูดอะไรไม่เข้าหูขึ้นมา
ฉันพยักหน้าพร้อมขยับตัวพิงกับหัวเตียงเอาไว้ ดึงเอมมากอดเอาไว้แนบอก
เตียงมันเล็กนิดเดียว คงต้องนอนกอดกันทั้งคืนแล้วแหละ…
“ไม่อึดอัดเหรอที่มานอนเบียดกันกับน้ำในนี้เนี่ย”ฉันถามนิ่งๆพร้อมจรดปลายจมูกลงบนหน้าผากมน
เอมส่ายหน้าน้อยๆพร้อมยกมือขึ้นบิดจมูกฉันเบาๆ
“นอนกับน้ำจะอึดอัดได้ยังไงล่ะ?”เอมพูดเสียงนุ่ม
จนฉันถึงกับหลุดยิ้มออกมา..
“ช่างพูดนักนะ…เอม..น้ำอยากให้เรื่องของเรามันจริงจังซักที”ฉันพูดนิ่งๆ
พร้อมกับทำหน้าจริงจัง.. จริงอยู่ที่เราสองคนเป็นผู้หญิง
ถึงจะมีอะไรกันลึกซึ้งอีกกี่ครั้งมันก็จะไม่มีการพลาดมีเจ้าตัวเล็กเด็ดขาด..
ฉันอยากให้เรื่องนี้มันจริงจังได้แล้วไม่ใช่ปล่อยให้มันผ่านไปวันๆ..
“น้ำหมายความว่าไง?..”
“น้ำอยากรับผิดชอบเอม…สำหรับเรื่องเมื่อคืนนั้น..”
เอมนิ่วหน้าเล็กน้อย แค่อยากรับผิดชอบ??
ไม่มีอย่างอื่นด้วยใช่มั้ย?
“แค่รับผิดชอบเหรอ?”เอมถามย้ำ
พร้อมกับจ้องตาฉันนิ่ง ฉันจ้องนัยน์ตาคมตอบ ก่อนจะพยักหน้า..
“งั้นไม่ต้องหรอก..เอมไม่ได้อยากให้น้ำมารับผิดชอบอะไร..”เอมพูดเสียงเรียบพร้อมกับลุกขึ้น
หากแต่ฉันดึงเอาไว้พร้อมกอดเอมเอาไว้แน่น
ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านไปเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว..
วันนี้แหละที่ฉันจะต้องทำอะไรซักอย่าง
“แต่งงานกับน้ำได้มั้ย?..ได้มั้ยเอม?”ฉันถามเสียงนุ่ม
พร้อมรอคอยคำตอบอย่างตั้งใจ.. เอมนิ่งงัน
ไม่ยอมตอบฉัน..ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสองจนใจของฉันแทบจะหยุดเต้นเอาซะแบบนั้น
ทำไมเอมไม่ตอบล่ะ…
“เอม…ทำไมไม่ตอบน้ำล่ะ?”
“จะให้เอมแต่งงานกับน้ำเพราะเพียงแค่น้ำอยากรับผิดชอบในตัวเอมอย่างนั้นเหรอ?”เอมหันมาถามฉันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ฉันมองนิ่ง ไม่ใช่…
“ก็เอมบอกน้ำแล้วไง ว่าไม่ต้องรับผิดชอบไงน้ำ”
“ก็จะให้น้ำปล่อยให้มันผ่านไปได้ยังไง
ก็ในเมื่อคืนนั้นน้ำได้เอมเป็นเมียแล้ว..น้ำก็ต้องรับผิดชอบในตัวของเอมสิ”
“จะรับผิดชอบทำไม
ก็ในเมื่อน้ำไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้วนี่ ก็มีแต่เอมที่รู้สึกอยู่คนเดียว!”เอมพูดเสียงดังลั่น
เหมือนกำลังไม่พอใจฉันอยู่มากๆ
“เอมรู้ได้ยังไงว่าน้ำไม่รู้สึก
ถ้าน้ำไม่ได้รู้สึกอะไรน้ำจะมีอะไรกับเอมทำไม?...คืนนั้นมันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบนะเอม”
“ถ้ามันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบแล้วน้ำจะต้องมารับผิดชอบเอมทำไมล่ะ!”
“ก็แล้วจะให้น้ำปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆงั้นเหรอ?
ไม่เอาด้วยหรอกนะเอม..”ฉันพูดเสียงแข็ง
จ้องหน้าคนในอ้อมกอดอย่างไม่เข้าใจ ฉันอยากจะรับผิดชอบ
ก็แล้วทำไมเอมจะต้องหงุดหงิดขนาดนั้นกับการที่ฉันอยากจะรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น
“ก็ปล่อยผ่านไปสิ ไม่ต้องไปสนอะไรทั้งนั้นล่ะ..”
“แต่น้ำสน
น้ำไม่ยอมให้เรื่องนี้มันผ่านไปโดยที่เราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว
น้ำอึดอัด..”
“ทำไมเหรอน้ำ!
มีอะไรกับเอมแล้วมันทำให้น้ำอึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้ารู้สึกแบบนั้นก็ปล่อยเอมสิ
ไม่ต้องกอด ไม่ต้องโดนเนื้อต้องตัว ไม่ต้องมองหน้า ไม่ต้องคุย ปล่อยสิ ปล่อยนะน้ำ!”เอมพยายามดึงมือฉันที่มันยังรัดแน่นไม่ยอมปล่อยตามที่เอมบอก
ฉันยังกอดเอมเอาไว้แน่น ถึงแม้ว่าเอมจะหยิกจะตีฉันขนาดไหน
ฉันก็ไม่ยอมปล่อยเอมตามที่บอกแน่ๆ
“น้ำไม่ได้อึดอัดแบบนั้น
แต่น้ำอึดอัดในความรู้สึก เอมรู้มั้ยว่าทุกครั้งที่มีคนถามว่าเราเป็นอะไรกัน
ภาพคืนนั้น..ภาพที่เรากำลังมีความสุข..มันลอยเข้ามาทุกที
แล้วมันก็ทำให้น้ำไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้เลย..น้ำอึดอัดมากนะเอมกับสิ่งที่เราสองคนเป็นอยู่ตอนนี้
น้ำไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของเรามันเรียกว่าอะไร น้ำไม่รู้เลยว่าน้ำควรวางตัวยังไงเวลาอยู่ใกล้กับเอม…
แล้วน้ำก็ไม่รู้เลยว่าถ้าวันนึง..เอมเกิดมีแฟนขึ้นมา…แล้วน้ำจะทำยังไง…”ฉันพูดเสียงสั่น
เอมรู้มั้ยว่าฉันกลัวมากขนาดไหนตอนนี้ … กลัวว่าวันนึงฉันจะไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์กอดเอมเอาไว้แบบนี้..กลัวทุกๆสิ่งจะพรากเธอไปจากฉัน…
เอมหันหน้ามาหาฉันช้าๆ เราสองคนสบตากันนิ่งและนาน..
ฉันเผลอตัวกดปลายจมูกแนบลงไปกับแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา ค่อยๆไล้ปลายจมูกไปตามโครงหน้าสวยช้าๆ
กดเอมลงบนเตียงพร้อมเลื่อนมือออกไปกดปิดสวิทช์ไฟให้ทั้งห้องมันมืดลง…
แสงแรกของวันสาดส่องเข้ามาปะทะกับหน้าฉัน
เป็นเหมือนนาฬิกาปลุกชั้นดีที่ทำให้ฉันต้องตื่นลืมตาอย่างเสียไม่ได้... ความสุขเมื่อคืนเพิ่งผ่านพ้น ก่อนจะยิ้มน้อยๆ
เมื่อดวงตากลมโตที่ฉันชอบแสนชอบนั้นกำลังจ้องมองฉันอยู่พร้อมกับยื่นริมฝีปากนุ่มเข้ามาจูบแก้มฉันเบาๆ ฉันยิ้มน้อยๆพลางจูบแก้มนุ่มคืนอย่างไม่น้อยหน้า
“กลับได้แล้วนะ
เดี๋ยวน้ำจะต้องทำงานแล้ว”ฉันบอกเบาๆ ลูบแก้มนุ่มของอีกคนอย่างแสนรัก
“ต้องไล่กันเลยเหรอ??”อีกคนถามอย่างน้อยใจนิดๆ
“ไม่ได้ไล่..แต่ไม่อยากให้ใครมาเห็นเอมในที่แบบนี้
ยิ่งที่นี่มีแต่ผู้ชาย น้ำยิ่งไม่อยากให้เห็น”ฉันบอกเสียงนุ่ม พลางไล้สายตามองไปยังเรือนร่างที่มีเสน่ห์ที่สุดในสายตาฉัน
… เอมหัวเราะในลำคอเล็กน้อย
ก่อนจะยกมือบางขึ้นมาสัมผัสกับแก้มฉันเบาๆ
“ไม่เอาแบบเมื่อคืนแล้วนะน้ำ เราจะไม่ทะเลาะกันเพราะเรื่องนั้นอีกแล้วนะ”เอมบอกฉันพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนมาสบกับนัยน์ตาของฉันนิ่ง ฉันนิ่งไปครู่ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆเป็นการตอบคำถาม เอมยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นแล้วโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากฉันเบาๆ แล้วลุกขึ้นแต่งตัว ในขณะที่ทุกวินาทีมันอยู่ในสายตาของฉันทั้งหมดทั้งสิ้น เรือนร่างที่ฉันได้สัมผัสมันทุกสัดส่วน เจ้าของร่างกายที่เป็นของฉันทั้งตัว… แต่หัวใจ… ฉันไม่รู้เลย เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจที่มันเบิกบานอยู่เมื่อครู่กลับรู้สึกห่อเหี่ยวลงไปอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้เลยว่าจะรู้สึกมีความสุขดีกับตอนนี้ดีหรือเปล่า… หลังจากฉันจัดการพาเอมไปส่งเรียบร้อยแล้วฉันก็กลับมาทำงานที่ไซต์งานต่อทันที แต่ไม่รู้ทำไมสมาธิของฉันวันนี้มันถึงได้น้อยนิดนัก มันหงุดหงิด ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบบอกไม่ถูก แถมวันนี้เนื้อตัวมันก็ปวดเมื่อยคล้ายๆจะเป็นไข้แบบนั้น
“ดื่มน้ำก่อนครับพี่น้ำ”
ฉันหันไปรับขวดน้ำเย็นๆมาจากลูกน้องแล้วยกขึ้นดื่มอย่างกระหาย
ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้พักเลย
เพราะต้องการดูให้เห็นกับตาว่าทีมช่างชุดใหม่ที่จ้างมานั้นทำงานให้ฉันอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ
ฉันจะได้วางใจเวลาไม่ได้เข้ามาดูงานที่ไซต์ด้วยตัวเอง
“แล้วเรื่องเงินค่าจ้างกับช่างชุดเก่าเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?”ฉันหันไปถามมาร์ก
ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อแสงแดดมันจ้าซะเหลือเกิน..
“ครับผม
แต่ว่ามีส่วนนึงขอทำงานที่นี่ต่อ..เพราะว่าถ้ากลับไปก็ต้องโดนไล่ออกอยู่ดี..ผมก็เลยอนุญาต
พี่น้ำไม่ว่าอะไรนะครับ?”
ฉันพยักหน้าน้อยๆ
เรื่องนี้ฉันไว้ใจไอ้มาร์กมากเหมือนกัน ฉันมั่นใจว่ามันทำงานแทนฉันได้ดีในระดับนึงเลยล่ะ
“พี่น้ำไปพักก่อนมั้ยครับ
ดูไม่ค่อยดีเลย”มาร์กถามเสียงห่วงๆ
บอสเขาดูไม่ค่อยดีตั้งแต่เช้าแล้ว อาจเพราะตากแดดนานเกินไปแน่ๆ
“ไม่เป็นไร...”ฉันพูดเบาๆพร้อมส่งขวดน้ำคืนให้มาร์กเหมือนเดิม
ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ด้านนอกเพื่อดูแปลนงานต่อ..
มาร์กมองตามแล้วส่ายหน้าช้าๆ จะไหวได้ยังไง ดูสิ หน้าแดงตัวแดงหมดแล้ว..
พี่น้ำนะพี่น้ำ.. ไม่เคยห่วงตัวเองเลยจริงๆ มาร์กถอนหายใจยาวๆ
แล้วจะเดินกลับไปทำงาน
แต่สายตาของเขากลับหันไปเห็นเจ้านายสาวนั้นกำลังฟุบลงไปกับพื้น ชายหนุ่มร้องลั่นก่อนจะพุ่งเข้าไปหานายสาวทันที
“พี่น้ำ!!”
“นี่ชั้นบอกให้แกพาไปคลินิกนะเว้ย
ไม่ได้ให้มาโรงพยาบาล”ฉันอดที่ว่ามันไม่ได้
บอกให้มันพาไปคลินิกใกล้ๆ มันดันพามาที่โรงพยาบาลซะแบบนั้น
ดูสิเนี่ยต้องมาเสียเวลานั่งรอหมอไปอีก..
“ก็พี่ล้มลงไปกับพื้น
ตัวมีแต่รอยแดงเต็มไปหมด แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะพี่?”ไอ้มาร์กพูดพร้อมกับทำหน้าทำตาละห้อย
จนฉันอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“เออๆ
ไม่ได้ว่าอะไรทั้งนั้นล่ะ..แล้วนี่เมื่อไหร่หมอจะมาวะ…”ฉันถามนิ่งๆ
รอมานานแล้วนะ ไม่มาซักที
“เดี๋ยวก็มาครับ
ใจเย็นสิพี่ อะ นั่นไงมาแล้วครับ สวัสดีครับคุณหมอ”มาร์กพูดเสียงนุ่ม
จนฉันเองที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ต้องเงยหน้ามองทันที..
“สวัสดีค่ะ..”คุณหมอคนสวยเอ่ยทักทายพร้อมกับรอยยิ้มหวานถูกส่งมาที่ฉัน..
ฉันนิ่งไปครู่ น่ารักจัง??
ฉันคิดในใจก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย...
“รบกวนช่วยรอด้านนอกก่อนนะคะ..”คุณหมอคนสวยหันไปบอกมาร์กที่ยืนอยู่
ฉันพยักหน้าน้อยๆ เมื่อมาร์กมองมาที่ฉันก่อนจะเดินออกไปเมื่อเห็นฉันพยักหน้า
“ไปทำอะไรมาคะตัวถึงแดงขนาดนั้น?”คุณหมอถามยิ้มๆพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆฉัน
“เอ่อ..สงสัยจะตากแดดมากเกินไปหน่อยค่ะ”ฉันตอบนิ่งๆ
คุณหมอพยักหน้าพร้อมจดอะไรบางอย่างที่ฉันอ่านไม่ออกลงในใบกระดาษ
“ขอหมอดูหน่อยนะคะ”คุณหมอพูดพร้อมเอื้อมมือมาจับเบาๆที่แขน
ฉันสะดุ้ง เมื่อรู้สึกแสบที่ผิวหนังยามคุณหมอสัมผัส… เผลอตัวสูดปากเบาๆ คุณหมอเงยหน้ามองยิ้มๆ
ก่อนจะดึงมือกลับไปวางไว้บนผ้าสีขาวที่วางอยู่ข้างๆ ฉันเห็นคุณหมอพลิกไปพลิกมาอยู่บนผ้านั้นอยู่นานสองนาน
จนฉันเองอดที่จะนึกในใจไม่ได้ว่า คุณหมอกลัวเชื้อโรคเข้าหรือคุณหมอเป็นอะไรกันแน่?
“อันนี้ผ้าชุบแอลกอฮอล์ค่ะ
เอาไว้ทำความสะอาดเฉยๆ”คุณหมอบอกยิ้มๆ
คงจะเห็นว่าฉันมองอยู่นานแล้วล่ะมั้ง ก็เลยตอบ ฉันยิ้มเล็กน้อย อ๋อ แบบนี้นี่เอง
“ขอหมอวัดไข้หน่อยนะคะ”คุณหมอพูดนิ่งๆพร้อมขยับเข้าใกล้ฉัน
ใช้อะไรบางอย่างที่ใช้วัดไข้แนบลงไปกับหน้าผากฉัน
ระหว่างนั้นฉันก็เหลือบมองหน้าคุณหมอไปด้วย คุณหมอนี่สวยจริงๆ ขนาดแต่งหน้าอ่อนๆนะ
ยังสวยกว่าผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดๆอีก..
“หน้าหมอมีอะไรติดอยู่เหรอคะ?”
ฉันนิ่งไปครู่ ไม่คิดว่าจะถูกจับได้..
ว่าแอบมองอยู่..
“เปล่าค่ะ..”
“มีไข้อ่อนๆนะคะ
เดี๋ยวหมอให้ยาไปทานแล้วก็ยาไปทานะ.. เดี๋ยวเชิญรับยาได้ที่ช่องแรกนะคะ”คุณหมอพูดเสียงนุ่มพร้อมกับยื่นใบสั่งยาให้ฉัน
ฉันรับมาดูนิดหน่อยเพราะดูนานไปก็อ่านไม่ออกหรอก ฉันส่งยิ้มให้คุณหมออีกครั้ง
ก่อนจะลุกขึ้นแล้วจะเดินออกไป..แต่ทว่า..
“คุณหมอสวยมากนะคะ”ฉันพูดยิ้มๆ
พร้อมเดินออกไปนิ่งๆ
ไม่ทันเห็นหน้าคุณหมอสาวสวยที่ขึ้นสีแดงระเรื่อยามถูกรับคำชมจากคนไข้ที่เพิ่งเคยเจอกัน… วันนี้
“น้องเอม
!!”
ฉันหันไปตามเสียงเรียกเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้น
ก่อนที่ใบหน้าฉันจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในรอบหลายวันที่ผ่านมา …
“สวัสดีค่ะคุณวิน”เป็นพี่ฟานี่ที่เหมือนจะรู้ใจ
กล่าวทักทายขึ้นเสียก่อน พร้อมชิงเข้ามานั่งข้างฉันแทนที่จะปล่อยให้ พี่วิน หรือ
ธาวิน ชายหนุ่มที่เธอเคยคบหาด้วย เข้ามานั่งข้างๆ รู้ใจดีขนาดนี้
สมแล้วที่เป็นพี่สาวคนสนิทของเธอ
“สวัสดีครับคุณทิฟฟานี่
วันนี้มีถ่ายแบบกันเหรอครับ เหมือนผมเลย”ชายหนุ่มกล่าวอย่างสนิทสนม
ก่อนจะมองข้ามมาหาฉันที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ
“น้องเอม…”
“คะ?”ฉันขานรับพร้อมหันไปมองหน้าเล็กน้อย
“วันนี้น้องเอมว่างหรือเปล่าครับ? ไปทานข้าวเย็นกับพี่นะ
นานๆเราจะเจอกันที”เขาเอ่ยชวนพร้อมรอยยิ้มหวาน ฉันส่ายหน้า
“ไม่ล่ะค่ะ พอดีเอมรีบ มีงานต่อ
ไม่ว่าง”ฉันตัดบทอย่างไม่เหลือเยื่อใย
และทันเห็นสีหน้าของพี่วินนั้นเจื่อนไปเล็กน้อย
“งั้นเหรอครับ…”
“เอม..เสียมารยาทไปหรือเปล่า?”พี่ฟานี่หันมากระซิบถาม
ความจริงเธอก็เห็นใจชายหนุ่มอยู่ที่โดนยัยน้องของเธอทำท่าทีใส่แบบนี้
ฉันถอนหายใจเล็กน้อย เสียมารยาทอะไร แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“ขอตัวนะคะ”ฉันพูดแล้วก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินออกไปทันที
ปล่อยให้พี่วินและพี่ฟานี่อยู่ด้วยกันสองคนเงียบๆ ฉันไม่อยากเห็นหน้าและไม่อยากร่วมวงสนทนาให้นานกว่านี้
ผู้ชายห่วยๆ เสียเวลา !
“เดี๋ยวสิครับน้องเอม !
น้องเอมครับ!”
พลั่ก !
แรงเหวี่ยงบางอย่างทำให้ฉันเซถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนที่วิ่งตามฉันมา
และคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก…
“ปล่อย!”ฉันพูดนิ่งๆพร้อมผลักพี่วินออกจากตัว ลุ่มล่ามกับฉันอีกแล้วนะ…
“น้องเอมครับ…เราจะคุยกันดีๆไม่ได้เลยงั้นเหรอ?
เรื่องนั้นมันก็…”
“จะขุดเรื่องเก่าๆมาทำไมคะ?”ฉันถามกลับพร้อมมองหน้าเขานิ่ง
หากแต่เมื่อเห็นสายตาของพี่วินที่มองมา ก็ทำเอาฉันถึงกับกระตุกในใจไปเล็กน้อย
“พี่…พี่ขอโอกาสแก้ตัวซักครั้งได้มั้ยครับ?
หรือก็ให้เราได้มีโอกาสได้คุยได้ปรับความเข้าใจกันก็ได้…”น้ำเสียงที่เขาใช้นั้นดูจริงจังและเศร้าหมองจนฉันเองก็อดจะใจอ่อนไม่ได้…
“จะคุยเรื่องอะไรคะ? คุยตอนนี้ ตรงนี้ก็ได้นะ”
“แน่ใจเหรอครับเอมว่าจะคุยกันตอนนี้….เราไปหาที่คุยกันได้มั้ย?..ในฐานะพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น
นะครับ…”
ฉันนิ่งไปครู่ … ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าช้าๆ …. คงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง…
“พี่วินจะพูดอะไรก็พูดมาค่ะ”ฉันเริ่มต้นถามคำถาม
ฉันไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้
ฉันแค่อยากให้เรื่องนี้มันจบไปเสียทีฉันถึงยอมมากับเขา
“เรื่องของเรา..”
ฉันมองนิ่ง.. รอให้เขาได้พูดต่อ
“จะเป็นไปได้ไหม?
ถ้าเราจะกลับมาเริ่มต้นใหม่”เขาถามตรงๆพร้อมกับเอื้อมมือหนาของเขามาจับมือฉันเอาไว้
ฉันมองมือของเขานิ่งงัน… ถ้าเป็นเมื่อก่อน
คำตอบมันอาจจะได้… แต่ตอนนี้…
“มาพูดอะไรเอาในตอนนี้ล่ะคะ? พูดในตอนที่เอมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วเนี่ยนะ
มันไม่สายไปหน่อยเหรอคะ?”ฉันถามกลับบ้างพร้อมดึงมือออกช้าๆ
ไม่มีใครทนความเจ็บปวดแบบนั้นได้อยู่นานหรอกนะ… โดยเฉพาะคนอย่างฉัน…
“แต่น้องเอมก็ยังไม่มีใคร…”
“แล้วรู้ได้ยังไงคะว่ายังไม่มี…3ปีที่เราเลิกกัน
พี่วินรู้เหรอว่าชีวิตเอมเป็นไง…”
“พี่…”
“เอมมีคนที่เอมรักแล้วค่ะ
แล้วเอมก็รักเขามากด้วย พี่วินเก็บเอาความรู้สึกดีๆของพี่วินคืนไปเถอะนะคะ
เอมไม่ต้องการ และก็คิดว่าคงไม่ต้องการมันอีกแล้ว
ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่ยังเหลือเอาไว้ให้นะคะ
แต่เอาไปใช้กับคนที่เขาต้องการเถอะค่ะ และคนๆนั้นไม่ใช่เอมอีกต่อไปแล้ว
พี่วินมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างนั้นเอมขอตัว”ฉันบอกนิ่งๆ
แล้วจะเดินออกไป แต่ทว่าอยู่ๆฉันก็เหมือนคนจะเป็นลมขึ้นมาดื้อๆ… มือสั่นใจสั่น
แถมเหงื่อยังออกตามร่างกายจนชุ่มไปหมด
ฉันได้ยินเสียงพี่วินเรียกชื่อฉันและฉันถูกเขากอดเอวเอาไว้ ฉันพยายามจะร้องห้ามและพยายามดันเขาออกไป
แต่ฉันกลับไม่มีแรงเหลือเลย..
“พี่วิน.. ปล่อย…”ฉันพยายามเรียกสติที่กำลังหายไปกลับคืนมา แต่สิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้คือพยายามไม่ให้ตัวเองล้มเท่านั้น
“น้องเอม… พี่ว่าน้องเอมไม่ไหวแล้วล่ะ
ให้พี่ช่วยนะครับ”เสียงพี่วินกระซิบข้างหู
พร้อมกับพาฉันเดินออกไปจากตรงที่เรายืนคุยกัน …
“น้ำ…น้ำ..”
ฉันพึมพำเบาๆพร้อมกับเปลือกตาที่หนักอึ้ง
ฉันมึนหัวไปหมดเลยตอนนี้ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้นะ
ฉันพยายามมองไปรอบๆแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้
ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังลูบไล้อยู่ที่ต้นขาฉัน… สัมผัสที่ชวนขนลุกนั่น
ฉันไม่ชอบมันเลย!
“น้องเอมหิวน้ำเหรอครับ?
อยากทานน้ำเหรอ”ฉันได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ และเสียงนั่นมันก็คือเสียงพี่วิน …. มันกำลังจะทำอะไรฉัน
!!
“ไม่.. น้ำ…น้ำช่วยด้วย..”ฉันร้องออกมาเบาๆ หวังว่าน้ำจะเข้ามาช่วยฉัน น้ำช่วยเอมด้วย…
“ช่วยอะไรครับ
พี่ไม่ได้พาน้องเอมมาทำอะไรซักหน่อย ก็แค่มาย้อนความหลังกัน…”ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
พร้อมค่อยๆแกะกระดุมเสื้อของเขาออก เขาต้องการตัวผู้หญิงคนนี้ และเขาก็ต้องได้
คิดผิดชะมัดที่ปล่อยให้หลุดมือ !
“ไม่เอา.. อย่า…อย่าทำอะไรเอมนะ..น้ำ...น้ำช่วยเอมด้วย...น้ำขา..”
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับน้องเอม… มันสนุกนะ…”พี่วินบอกเบาๆ
พร้อมกับก้มลงมาหาฉันพร้อมรอยยิ้มร้ายที่น่ากลัวนั่น…
“น้ำ!!!”
.... "อย่ายุ่งกับเมียกู !!"....
มาต่อแล้วนะคะ ยาวไปๆ อิอิ
เอมจะเป็นอะไรมั้ย ? น้ำจะช่วยได้ไหม? ลุ้นกันต่อไปคับ
ขอบคุณทุกคอมเม้นน้าา ได้อ่านหมดเลยนะคะ ขอบคุณที่ชื่นชอบค่ะ เริ่มวุ่นวายไปทีละนิดๆ แล้ว จะเป็นไงต่อไปก็ลุ้นกันต่อน้าา สำหรับใครอยากจะคุยกับไรท์ก็คุยกันได้ที่ทวิตนะคะ หรือติดแฮชแท็ก #JustloveFic
แล้วเมนชั่นมาก็ได้น้าา ขอบคุณที่ติดตามคับผม
ความคิดเห็น